Skip to main content

06-03 แม่พระคือผู้เจรจาสันติภาพระหว่างคนบาปกับพระเป็นเจ้า

พระหรรษทานของพระเป็นเจ้านั้นย่อมเป็นขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งวิญญาณมนุษย์ทุกคนต้องการมากที่สุด พระจิตเจ้าทรงเรียกพระหรรษทานว่า ขุมทรัพย์อันหาขอบเขตมิได้ โดยอาศัยพระหรรษทานที่นี่แหละที่ทำให้เราได้รับเกียรติและถูกยกย่องให้เป็นมิตรของพระเป็นเจ้า นี่คือคำของหนังสือพระธรรมปรีชาในพระคัมภีร์ “สำหรับมนุษย์ สิ่งนี้ (พระหรรษทาน) ก็คือขุมทรัพย์ที่ไม่วายวอด และผู้ที่ได้รับขุมทรัพย์ย่อมได้มิตรภาพของพระเป็นเจ้า” ดังนั้นพระเยซูเจ้าองค์พระมหาไถ่และพระเป็นเจ้าของเราจึงมิได้ลังเลที่จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่ในพระหรรษทานว่า “ท่านคือเพื่อนของเรา” โอ้บาปอันน่าอัปยศที่ทำลายมิตรภาพนี้ ท่านผู้ทำนายอีซาอีกล่าวว่า “แต่ความชั่วช้าของเจ้าได้แบ่งแยกเจ้าออกจากพระเป็นเจ้า” เมื่อความเกลียดเข้ามาขวางกลางระหว่างวิญญาณกับพระเป็นเจ้าวิญญาณนั้นก็เปลี่ยนสภาพจากการเป็นมิตรของพระเป็นเจ้ามาเป็นศัตรูของพระองค์ ดังที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ “ผู้ทำความชั่วกับกิจการชั่วของเขานั้น เป็นที่น่ารังเกียจแก่พระเป็นเจ้าพอ ๆ กัน”

            ดังนั้นคนบาปที่มีโชคร้าย ๆ กลายเป็นศัตรูของพระเป็นเจ้านั้นจะต้องทำอย่างไรเล่า? เขาต้องแสวงหาคนกลางที่จะวอนขอการอภัยโทษให้แก่เขา เพื่อเขาจะได้มิตรภาพของพระเป็นเจ้ากลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “จงมีกำลังใจเถิดวิญญาณโชคร้ายที่ได้สูญเสียพระเป็นเจ้าไป พระสวามีของท่านเองเป็นผู้จัดให้ท่านมีคนกลางคือพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระองค์ ผู้อาจจะได้รับสิ่งที่พระองค์วอนขอให้แก่เรา”

            ท่านนักบุญอุทานว่า ข้าแต่พระเป็นเจ้า ทำไม่เล่าจึงมีคนคิดว่าองค์พระมหาไถ่ผู้ทรงความเมตตา และได้ประทานพระชนมชีพของพระองค์ให้เรานั้นทรงมีความโหดเหี้ยม? ทำไมมนุษย์จึงคิดว่าพระองค์ร้ายกาจในเมื่อพระองค์คือองค์ความรัก? คนบาปที่ไม่ยอมไว้ใจเอ๋ย ทำไมท่านจึงกลัว? ถ้าความกลัวของท่านเกิดจากความจริงที่ว่าท่านได้ทำผิดต่อพระเป็นเจ้าแล้ว ก็จงจำไว้ว่า พระเยซูเจ้าได้ทรงตรึงบาปทั้งหมดของท่านบนกางเขนพร้อมกับพระหัตถ์อันเต็มไปด้วยรอยแผลของพระองค์ ด้วยความเดชะการสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้ใช้หนี้พระยุติธรรมพระเป็นเจ้าและได้ชำระล้างบาปให้พ้นไปจากวิญญาณของท่านแล้ว นักบุญเบอร์นาร์โดพูดไว้อย่างเพราะพริ้งว่า “เขาคิดว่าพระองค์ดุร้ายในเมื่อพระองค์เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ คิดว่าพระองค์เหลือทนในเมื่อพระองค์เปี่ยมไปด้วยความรัก ท่านกลัวทำไม่? ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเต็มที พระองค์ได้ตรึงบาปของท่านไว้บนกางเขนด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองแล้ว”

            แล้วท่านนักบุญเสริมว่า ถ้าท่านกลัวไม่กล้าอ้อนวอนพระเยซูเจ้าเพราะรู้สึกตะลึงงันในพระเทวภาพของพระองค์ เพราะแม้ว่าพระองค์จะมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ก็มิได้หยุดที่จะเป็นพระเป็นเจ้า และถ้าท่านต้องการผู้เสนอกับพระองค์อีกท่านหนึ่งแล้วก็จงไปหาแม่พระ พระนางจะช่วยเสนอวิงวอนพระบุตรผู้จะรับฟังพระนางอย่างแน่นอน พระองค์จะวอนขอพระบิดา และพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระบุตรพระองค์นี้ แล้วนักบุญเบอร์นาร์โดก็สรุปความโดยกล่าวว่า “ลูกรัก แม่พระนั้นคือบันไดของคนบาป ซึ่งจะทำให้คนบาปสามารถไต่ขึ้นไปยังยอดแห่งพระหรรษทานได้อีกครั้งหนึ่ง พระนางคือความไว้ใจอันยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า พระนางคือรากฐานแห่งความหวังข้าพเจ้า”

            พระจิตเจ้าโปรดให้แม่พระกล่าวในบทเพลงในพระคัมภีร์ว่า “เราคือกำแพง หน้าอกเราเปรียบเสมือนหอ เพราะเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์เราเปรียบเสมือนผู้ที่แสวงหาสันติภาพ” ซึ่งหมายความว่า เราคือผู้ที่ปกป้องผู้ที่มาพึ่งเรา และความเมตตาของเราเปรียบเสมือนหอที่หลบภัยแก่เขา ดังนั้น พระสวามีเจ้าจึงตั้งให้เราเป็นผู้เจรจาสันติภาพระหว่างคนบาปกับพระเป็นเจ้า เมื่อท่านอธิบายคำพูดที่เพิ่งกล่าวมานี้ คาร์ดีนัลฮูโกกล่าวว่า แม่พระคือผู้เจรจาสันติภาพผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งไกล่เกลี่ยศัตรู นำความรอดมาให้แก่ผู้ที่สูญเสียเจรจาพระหรรษทาน นำการอภัยโทษให้แก่คนบาป และความเมตตาแก่ผู้ที่หมดหวัง ดังนั้น พระสวามีเจ้าจึงตรัสว่า “เจ้าสวยงามเหมือนดังม่านของโซโลมอน” ภายหลังม่านในกระโจมของกษัตริย์ดาวิดนั้นมีแต่ภาพเรื่องราวสงคราม แต่ในกระโจมของโซโลมอนมีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับสันติภาพเท่านั้น พระจิตเจ้าจึงทรงชี้ให้เราเข้าใจว่า พระมารดาแห่งความเมตตาผู้นี้ ไม่พูดถึงสงครามหรือการแก้แค้นคนบาปเลยพระนางพูดถึงแต่เฉพาะสันติภาพและการให้อภัยเท่านั้น

            แม่พระเปรียบเหมือนนกเขาที่บินกลับมาหานอแอและเรือสำเภาพร้อมกับก้านมะกอกเล็ก ๆ ที่ปากของมัน ซึ่งเป็นสัญลัษณ์แห่งสันติภาพซึ่งพระเป็นเจ้าประทานให้แก่มนุษย์ ด้วยความคิดดังนี้แหละที่ทำให้นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวแก่แม่พระว่า “พระแม่คือนกเขาที่ซื่อสัตย์ของนอแอ พระแม่คือคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้ากับโลกที่จมอยู่ในน้ำท่วมฝ่ายวิญญาณ พระแม่จะได้มาซึ่งสันติภาพและความรอดสำหรับโลกที่พินาศไปแล้ว โดยการเสนอตัวของพระแม่ต่อหน้าพระเป็นเจ้า ดังนั้น พระแม่จึงเปรียบเหมือนนกเขาสวรรค์ซึ่งนำกิ่งมะกอกซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพมายังโลกซึ่งพินาศไปแล้ว เพราะพระนางเป็นผู้ที่ประทานพระเยซูคริสตเจ้าผู้เป็นบ่อเกิดแห่งความเมตตาก่อน แล้วพระองค์ก็ประทานพระหรรษทานทั้งสิ้นแก่เราอีกทีหนึ่ง ด้วยเดชะพระบารมีของพระองค์” นักบุญเอปิฟานีโอกล่าวว่าในเมื่อพระเป็นเจ้าทรงประทาน สันติภาพแห่งสวรรค์ให้แก่โลกตลอดไปโดยอาศัยแม่พระแล้ว ก็ด้วยอาศัยแม่พระนี่แหละที่คนบาปยังคืนดีกับพระเป็นเจ้าได้อยู่เสมอ ๆ นักบุญอัลแบร์โตวาดภาพแม่พระพูดแก่เราว่า “เราคือนกเขาของนอแอ ซึ่งนำกิ่งมะกอกแห่งสันติภาพมายังพระศาสนจักร”

            ภาพเปรีบเทียบของแม่พระอีกภาพหนึ่งก็คือ ภาพสายรุ้งซึ่งบรรดานักบุญเป็นผู้คิดขึ้น สายรุ้งนี้ล้อมบัลลังก์ของพระเป็นเจ้าอยู่ “และมีสายรุ้งรอบบัลลังก์ คาร์ดีนัลวีตาลีอธิบายว่า “สายรุ้งรอบบัลลังก์ก็คือแม่พระ ซึ่งทำให้การตัดสินและการลงโทษคนบาปของพระเป็นเจ้าลดหย่อนลง” ท่านหมายความว่า พระนางอยู่ต่อหน้าบัลลังก์พระเป็นเจ้าเสมอ และทำให้การใช้โทษของคนบาปเบาบางลง นักบุญเบอร์นาร์ดีนแห่งซีเอนากล่าวว่า พระเป็นเจ้าทรงกล่าวถึงสายรุ้งนี้ เมื่อพระองค์สัญญา นอแอไว้ว่า พระองค์จะไม่มีในท้องฟ้าเพื่อเป็นสัญลักณ์แห่งสันติภาพ เพื่อว่าเมื่อพระองค์มองดูพระองค์จะได้รำลึกถึงคำสัญญาแห่งสันติภาพนิรันดร ซึ่งพระองค์ได้ให้ไว้แก่มนุษย์ พระองค์ตรัสว่า “เราจะตั้งสายรุ้งของเราไว้บนเมฆและมันจะเป็นสัญลักษณ์แห่งคำสัญญาระหว่างเรากับโลกมนุษย์ เราจะมองดูมันและจะระลึกถึงข้อสัญญานิรันดร” ตามความคิดเห็นของท่านนักบุญ แม่พระคือสายรุ้งแห่งสันตินิรันดรนี้ เพราะเมื่อพระเป็นเจ้าทรงมองดูพระนาง พระองค์ก็ระลึกถึงสันติภาพที่พระองค์สัญญาว่าจะประทานให้แก่โลก และด้วยอาศัยคำภาวานาของแม่พระ พระองค์ก็จะให้อภัยโทษแก่คนบาปและรื้อฟื้นสันติภาพของพระองค์กับคนบาปเหล่านี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

            เพราะเหตุนี้เองแม่พระจึงได้รับคำเปรียบเทียบในพระคัมภีร์ว่าเป็นเสมือนดวงจันทร์ “สวยเหมือนดวงจันทร์” นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า ดวงจันทร์อยู่กึ่งกลางระหว่างท้องฟ้ากับแผ่นดิน ในทำนองเดียวกันแม่พระก็วางตัวพระนางให้อยู่กลางระหว่างพระเป็นเจ้ากับคนบาป เพื่อยับยั้งพระเป็นเจ้าและแสงสว่างให้คนบาปกลับเข้ามาหาพระองค์’

            หน้าที่สำคัญของแม่พระในโลกนี้ก็คือ การนำวิญญาณที่สูญเสียพระหรรษทานไปให้กลับคืนดีกับพระเป็นเจ้า  เมื่อพระเป็นเจ้าทรงสร้างพระนาง พระองค์ตรัสว่า “จงเลี้ยงแพะของเราเป็นที่รู้กันว่า คนบาปนั้นเปรียบเหมือนแพะ และในวันสิ้นพิภพบรรดาผู้ที่ชอบธรรมซึ่งเปรียบเสมือนแจะอยู่ข้างขวาพระมหาตุลาการ ส่วนคือคนบาปนั้นจะอยู่ข้างซ้าย ท่านเจ้าอาวาสวิลเลี่ยมกล่าวว่า ข้าแต่พระแม่ผู้ยิ่งใหญ่ พระเป็นเจ้าทรงมอบแพะเหล่านี้ให้แก่พระแม่จะได้เปลี่ยนให้มันเป็นแกะ และผู้ที่ควรจะอยู่ทางซ้ายมือเพราะพระองค์ได้ทรงตัดสินแล้วก็จะกลับไปอยู่ทางขวามือด้วยอาศัยคำเสนอวิงวอนของพระแม่ ดังนั้น พระเป็นเจ้าจึงแสดงแก่นักบุญคัทธารีนแห่งซีเอนาว่า พระองค์ได้สร้างธิดาสุดที่รักของพระองค์ผู้นี้ ให้เป็นเสมือนเหยื่อที่พระองค์ใช้ในการจับมนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนบาปและนำเขาให้กลับไปหาพระเป็นเจ้า เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เราจะผ่านคำของท่านวิลเลี่ยมชาวอังกฤษผู้นี้ไปไม่ได้ ท่านกล่าวว่า “พระเป็นเจ้าทรงนำแพะของพระนางให้ไปหาพระนาง เพราะแม่พระมิได้ช่วยเหลือคนบาปทั่วไปทุกคน พระนางช่วยแต่เฉพาะผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในบาป ไม่แสดงความเคารพใด ๆ ต่อแม่พระ แถมยังไม่มอบตัวให้พระนางช่วยให้ตนพ้นจากบาปอีกด้วยพวกนี้มิใช่เป็นแพะของแม่พระอย่างแน่นอน ในวันพิพากษาครั้งสุดท้ายพวกนี้จะถูกไล่ให้ไปอยู่ในทางซ้ายมือกับพวกที่สูญเสียวิญญาณ ให้ถูกทำโทษตลอดนิรันดร

            ยังมีผู้ที่มีตระกูลดีผู้หนึ่ง ชายผู้นี้หมดหวังในความรอดเพราะบาปเป็นจำนวนมากของตน นักบวชคนหนึ่งแนะนำให้เขาวอนขอแม่พระ ด้วยความมุ่งหมายประการนี้เขาก็เข้าไปเฝ้ารูปแม่พระที่มีชื่อเสียงในวัดแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปในวัดเขาก็เห็นรูปแม่พระทันที เขารู้สึกว่าแม่พระเชิญให้เขากราบลงแทบเท้าของพระนาง และไว้ใจในพระนาง เขาคุกเข่าลงจูบเท้ารูปแม่พระ ในขณะที่ทำดังนี้ แม่พระยื่นมือมาให้เขาจูบ เขาเห็นว่าบนฝ่ามือของแม่พระมีคำเขียนไว้ว่า  “เราจะปลดเจ้าให้พ้นจากผู้ที่กำลังทรมานเจ้า” คล้ายกับพระนางจะกล่าวว่า “ลูกรัก อย่าหมดหวังเลย เพราะเราจะปลดลูกให้พ้นจากบาปและความทุกจข์ที่สุมอยู่อกของลูก” คนบาปนั้นอ่านคำเหล่านี้แล้วก็รู้สึกจิตใจเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ถึงบาปของตน และรู้สึกรักพระเป็นเจ้าและพระมารดาของพระองค์อย่างร้อนรน จนกระทั่งเขาสิ้นใจตายอยู่แทบเท้าของแม่พระนั่นเอง

            มีคนบาปใจแข็งกี่คนที่แม่เหล็กแห่งดวงใจผู้นี้ได้ชักจูงมายังพระเป็นเจ้า วันหนึ่งขณะที่แม่พระสนทนากับนักบุญบริยิดพระนางเรียกตนเองว่า “แม่เหล็ก” พระนางกล่าวว่า “แม่เหล็กดึงดูดเหล็กกล้าฉันใด เราก็ดึงดูดดวงใจฉันนั้น” พระนางจึงดึงดูดแม้กระทั่งคนบาปที่ใจแข็งที่สุดเพื่อทำให้เขาคืนดีกับพระเป็นเจ้า และเราอย่าคิดว่าเรื่องเช่นนี้นานทีจะเกิดขึ้นสักหนหนึ่ง มันเกิดขึ้นทุกวัน! ตัวข้าพเจ้าเองอาจจะเล่าเรื่องชนิดนี้ที่เกิดขึ้นในการเทศน์ของคณะเราให้ท่านฟังได้อย่างมากมาย คนบาปบางคนใจแข็งตลอดเวลาของการเทศน์อบรม แต่พอเขาได้ยินการเทศน์ถึงความเมตตาของแม่พระเขาก็เปี่ยมไปด้วยความทุกข์และกลับมาหาพระเป็นเจ้า

            นักบุญเกรโกรีโอกล่าวว่า เขาเล่าว่าสัตว์ประหลาดในนิยายชนิดหนึ่งมีรูปร่างเหมือนม้าแต่มีเขา ๆ เดียว สัตว์ชนิดนี้ดุร้ายมากจนกระทั่งนายพรานไม่อาจจะจับมันได้ แต่เมื่อมันได้ยินเสียงของหญิงพรหมจรรย์มันจึงจะเข้ามาใกล้และปล่อยให้นางจับมันมัดไว้โดยไม่ทำการต่อต้านเลย มีคนบาปอีกกี่คนที่ดุร้ายกว่าสัตว์ป่าชนิดนี้เขาหนีไปจากพระเป็นเจ้า แต่พอได้ยินเสียงของแม่ก็เข้ามาใกล้และปล่อยให้แม่พระมัดตนไว้กับพระเป็นเจ้าอย่างอ่อนน้อม

            นักบุญยวงคริสซ้อสโตโมมักจะกล่าวว่า เหตุผลอีกประการหนึ่งที่แม่พระได้รับเกียรติเป็นมารดาพระเป็นเจ้าก็คือ เพื่อพระนางจะได้ช่วยประทานความรอดให้แก่คนเป็นจำนวนมากซึ่งไม่อาจจะได้รับความรอดตามหนทางธรรมดาแห่งพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า เพราะชีวิตอันชั่วช้าของเขา แต่จะได้รับความรอดก็โดยอาศัยความเมตตาอันอ่อนหวานและคำอ้อนวอนอันเปี่ยมไปด้วยอำนาจของพระนาง นักบุญอันแซลโมยอมรับความจริงข้อนี้เมื่อท่านกล่าวว่า “แม่พระได้รับตำแหน่งมารดาพระเป็นเจ้าสำหรับคนบาปมากกว่าผู้ที่มีความชอบธรรม เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า พระองค์เสด็จมาเพื่อคนบาปมิใช่เพื่อคนบุญ” เพราะเหตุนี้เองพระศาสนจักรจึงร้องในเพลงขับว่า “พระองค์มิได้รังเกียจคนบาป เพราะคนบาปเหล่านี้แหละที่เป็นต้นเหตุให้พระนางได้รับเกียรติมีพระบุตรพระองค์นี้” ด้วยเหตุผลประการเดียวกันนี้ วิลเลี่ยมแห่งปารีสกล่าวแก่พระนางว่า “พระแม่เจ้า พระแม่มีหน้าที่ที่จะช่วยคนบาป เพราะพระราชทานพระหรรษทานและเกียรติอันสูงส่งเหล่านี้รวมอยู่ในเกียรติของการเป็นมารดาพระเป็นเจ้าซึ่งพระแม่ได้รับ เราเกือบจะพูดได้ว่าพระแม่เป็นหนี้คนบาปสำหรับพระคุณเหล่านี้ทุกประการ เพราะคนบาปนี่แหละที่ทำให้พระแม่มีเกียรติสมที่จะได้พระเป็นเจ้ามาเป็นบุตรของพระแม่ นักบุญอันแซลโมสรุปความว่า “ในเมื่อแม่พระเป็นมารดาพระเป็นเจ้าเพราะคนบาปแล้ว ทำไมข้าพเจ้าจึงหมดหวังที่จะได้รับการอภัยบาป? ไม่ว่าบาปของข้าพเจ้าจะมากมายเพียงไรก็ตาม”

            พระศาสนจักร บอกแก่เราในบทสวดในวันก่อนวันฉลองแม่พระเสด็จขึ้นสวรรค์ว่า “แม่พระถูกนำตัวไปจากโลกนี้ เพื่อพระนางจะได้วิงวอนพระเป็นเจ้าด้วยความไว้ใจ เพื่อให้การอภัยบาปแก่เรา” ดังนั้น นักบุญยูสตีอาโนจึงเรียกพระแม่ว่า ผู้ไกล่เกลี่ย “พระวจนาถทรงใช้แม่พระให้เป็นผู้ไกล่เกลี่ย” ผู้ไกล่เกลี่ยก็คือผู้ที่ทั้งโจทก์และจำเลยเขามอบหมายเรื่องให้ดำเนินการ ท่านนักบุญหมายความว่าพระเยซูเจ้าคือผู้เสนอต่อหน้าพระบิดา ในทำนองเดียวกันแม่พระก็คือผู้เสนอต่อหน้าเยซูเจ้า พระองค์ได้มอบเหตุผลของพระองค์ในการตัดสินเราไว้ในมือของแม่พระ

            นักบุญอันดรูว์แห่งคริทเรียกแม่พระว่า ที่มั่นสั่ญญาหรือหลักฐานของการคืนดีระหว่างเรากับพระเป็นเจ้า กล่าวคือ พระเป็นเจ้าทรงแสวงหาการคืนดีกับคนบาปโดยการให้อภัยเขา แต่เพื่อมิให้คนบาปสงสัยในการได้รับอภัยโทษแก่เขาแล้ว ท่านนักบุญกล่าวสดุดีพระนางว่า “วันทา พระแม่เป็นผู้คืนดีระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์” นักบุญโบนาเวนตูราให้กำลังใจแก่คนบาปโดยกล่าวว่า “ถ้าท่านกลัวว่าพระเป็นเจ้าจะทรงแก้แค้นท่าน เพราะบาปของท่านอันเป็นเหตุให้พระองค์ทรงพิโรธโกรธเคืองแล้ว ท่านจะทำอย่างไร? ท่านจงไปอ้อนวอนแม่พระผู้เป็นความหวังของคนบาปเถิด และถ้าท่านยังกลัวว่าพระนางจะปฏิเสธไม่ยอมรับฟังเรื่องราวของท่าน ท่านจงแน่ใจเสียเถิดว่าพระนางจะกระทำเช่นนี้ไม่ได้ เพราะพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้พระนางรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือของบรรดาผู้ที่หมดหวัง”

            ท่านเจ้าอาวาสอาดัมกล่าวว่า “คนบาปคนไหนบ้างที่จะกลัวว่าตนจะสูญเสียวิญญาณในเมื่อพระมารดาของพระตุลาการเต็มใจที่จะกระทำตนเป็นทั้งมารดาและผู้เสนอ?” แล้วท่านเสริมว่า “ส่วนพระแม่ผู้เป็นมารดาแห่งความเมตตา พระแม่จะปฏิเสธไม่ยอมเสนอวิงวอนพระบุตรผู้เป็นพระตุลาการในนามของลูกอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนบาปได้หรือ? พระแม่จะปฏิเสธไม่ช่วยวิงวอนเพื่อวิญญาณที่ได้รับการไถ่บาปกับพระองค์พระมหาไถ่ผู้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อช่วยให้คนบาปเอาตัวรอดหรือ?” ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่ พระแม่จะไม่ปฏิเสธเขาเป็นแน่ แต่พระแม่จะสวดด้วยดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักสำหรับทุกคนที่วอนขอพระแม่ และรู้แน่แก่ใจว่าพระสวามีเจ้าผู้ทรงโปรดให้พระบุตรของพระองค์เป็นผู้เจรจาสันติภาพระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ ได้ทำให้พระแม่เป็นคนกลางระหว่างพระมหาตุลาการกับผู้ที่ทำผิด”

            นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “คนบาปเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าท่านจะจมอยู่ในความชั่วช้ามากมายเพียงใดไม่ว่าท่านอายุมากอยู่ในบาปนานสักเท่านไรก็ตาม อย่าได้หมดหวังเป็นอันขาด จงโมทนาคุณพระเป็นเจ้าที่มิได้แต่ประทานพระบุตรของพระองค์เพื่อเป็นผู้เสนอสำหรับท่านเท่านั้น แต่เพื่อให้ท่านมีความหวังมากขึ้น พระองค์ได้ทรงเตรียมผู้เสนออีกผู้หนึ่งซึ่งอาจจะวอนขอและได้รับทุกอย่างที่พระนางปราถนาให้แก่ท่าน ท่านจงเข้าไปอ้อนวอนแม่พระเถิด แล้วท่านจะได้รับความรอด”

- ตัวอย่าง -

            มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวเมืองฟลอเรนส์ ผู้มีชื่อว่า เบเนเดทตา แต่เธอควรจะใช้ชื่อย่างอื่นเสียดีกว่าเพราะเธอดำเนินชีวิตซึ่งเป็นที่สะดุดแก่คนทั่วไป เผอิญนักบุญคอมีนีโกได้ไปเทศน์ในเมืองนั้น เธอตัดสินใจว่าจะไปฟังท่านเทศน์เพราะความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น แต่พอได้ยินท่านเทศน์ พระเป็นเจ้าก็ทรงดลใจของเธอแล้วเธอก็ไปสารภาพบาปกับท่านนักบุญด้วยดวงใจที่ปึ่ยมไปด้วยความทุกข์ ท่านฟังแก้บาปของเธอ ให้อภัยโทษแก่เธอและให้เธอสวดสายประคำเป็นการใช้โทษบาป แต่เด็กหญิงเคราะห์ร้ายผู้นั้น ยังอยู่ในอำนาจนิสัยอันชั่วช้าของเธออยู่ เธอจึงกลับไปในทางชั่วอีก พอท่านนักบุญทราบเรื่องท่านก็ออกตามหาเธอ พยายามเจรจากับเธอให้เธอไปบาปอีก เพื่อให้เป็นเครื่องบำรุงใจของเธอวันหนึ่งพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้เธอแลเห็นนรกและบุคคลที่ตกอยู่ในนั้นเพราะสิ่งที่เธอกำลังกระทำอยู่ แล้วพระองค์ก็เปิดหนังสอและอ่านรายการบาปอันชั่วช้าของเธอ เบเนเดทตายอมจำนน เธอวอนขอให้แม่พระช่วยเธอด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความไว้ใจ เธอได้รับการดลใจให้ทราบว่าแม่พระได้วอนขอเวลาจากพระเป็นเจ้าให้เธอทุกข์ถึงบาปและทำการใช้โทษบาป

            เมื่อภาพเนรมิตรนั้นผ่านไปแล้ว หญิงผู้นี้ก็ตั้งใจว่าจะดำเนินชีวิตอย่างดีต่อไป เธอมองเห็นรายการบาปของเธออยู่ต่อหน้าเธอเสมอ วันหนึ่งเธอตั้งใจมั่นคงที่จะวอนขอความช่วยเหลือจากผู้ปลอบใจของเธอ เธอกล่าวว่า “ข้าแต่พระแม่ ถูกแล้ว เพราะบาปของลูกนั้นลูกสมควรแล้วที่ถูกฝังอยู่ในขุมนรกที่ลึกที่สุด แต่ในเมื่อพระแม่ได้โปรดให้ลูกพ้นจากที่นั้นด้วยคำเสนอวิงวอนของพระแม่ แถมยังวอนขอเวลาให้ลูกทำการใช้โทษบาปอีกด้วย ข้าแต่พระแม่ผู้มีใจเมตตา ลูกขอพระหรรษทานอีกประการหนึ่งจากพระแม่ ลูกปราถนาที่จะไม่หยุดร้องไห้เพราะบาปของลูก โปรดให้รายชื่อบาปเหล่านั้นเลือนหายไปจากหนังสือเล่มนั้นเถิด” เมื่อได้ยินคำภาวนานี้ แม่พระก็ปรากฏตัวมาให้เธอเห็นและกล่าวว่า ถ้าเธอต้องการจะได้สิ่งที่เ.ธอขอ เธอจะต้องจำบาปและพระเมตตาของพระเป็นเจ้าใส่ใจไว้เสมอตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังจะต้องระลึกถึงพระมหาทรมานที่พระบุตรของเราได้ทรงรับทนเพื่อเธอ และเธอต้องจำไว้อีกด้วยว่ามีคนเป็นจำนวนมากมายเพียงใดที่ตกนรก เพราะบาปที่น้อยกว่าของเธอเสียอีก แล้วแม่พระก็แสดงให้เธอเห็นว่าในวันนั้นมีเด็กอายุแปดขวบคนหนึ่งต้องตกนรกเพราะบาปแต่เพียงบาปเดียว เมื่อเบเนเดทตาได้กระทำตามทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์แล้ว วันหนึ่งแม่พระก็โปรดให้เธอเห็นพระเยซูเจ้าผู้ทรงแสดงหนังสือเล่มนั้นให้แก่เธอพลางตรัสว่า “ดูเถิด บาปทั้งหมดของเจ้านั้นถูกกลบเลือนไปหมดสิ้นแล้ว บัดนี้หนังสือเล่มนี้ขาวสะอาดแล้ว เจ้าจงเขียนอีกด้วยบทแสดงความรักและฤทธิ์กุศลต่าง ๆ” เบเนเดทตาก็ทำตามคำนั้น เธอดำเนินชีวิตอย่างดีและสิ้นใจตายอย่างศักดิ์สิทธิ์

- บทภาวนา -

            ข้าแต่พรหมจารีมารีอาผู้อ่อนหวาน ในเมื่อหน้าที่ของพระแม่ก็คือการเป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าและคนบาป ตามที่วิลเลี่ยแห่งปารีสได้กล่าวไว้ ลูกจะใช้คำของนักบุญโทมัสแห่งวิลลาโนวามากล่าวแก่พระแม่ว่า “โอ้พระแม่ผู้เป็นผู้เสนอจงกระทำตามหน้าที่ของพระแม่เพื่อลูกเถิด” โปรดอย่ากล่าวว่าเรื่องราวของลูกนั้นยากเกินไป ไม่อาจจะชนะความได้ ไม่ว่ามันจะหมดหวังเพียงไรก็ตาม ถ้าพระแม่เป็นผู้รับไว้แล้วลูกจะไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน คดีของลูกจะพ่ายแพ้หรือ? เปล่าเลยลูกจะไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอนสิ่งเดียวที่ลูกอาจจกลัวก็คือ เมื่อพระแม่เห็นบาปเป็นจำนวนมากของลูก พระแม่อาจจะคิดไม่อยากช่วยลูก แต่เมื่อคิดถึงความเมตตาและความปราถนาอันยิ่งใหญ่ของพระแม่ที่จะช่วยคนบาปที่ถูกทอดทิ้งที่สุดแล้ว ลูกจะไม่กลัวอีกต่อไป มีใครบ้างที่วิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระแม่และสูญเสียวิญญาณของตน เหตุนี้แหละลูกจึงได้เรียกหาความช่วยเหลือจากพระแม่ โอ้ผู้เสนอผู้ยิ่งใหญ่ ที่หลบภัยควยามหวัง โอ้พระแม่มารีอาของลูก

ลูขอมอบความรอดของลูกไว้ในมือของพระแม่ ลูกขอมอบวิญญาณไว้กับพระแม่ วิญญาณที่ได้สูญเสียไปแล้วแต่เป็นหน้าที่ของพระแม่ที่จะช่วให้รอด ลูกจะขอโมทนาคุณพระเป็นเจ้าเสมอที่ได้ประทานความไว้ใจอันยิ่งใหญ่ในพระแม่นี้ให้แก่ลูก แม้ว่าลูกจะไม่เหมาะสมแต่ลูกก็รู้สึกแน่ใจว่าจะได้รับความรอด

            ข้าแต่ราชินีผู้น่ารักยิ่ง ลูกกลัวแต่สิ่งเดียวคือ วันหนึ่งลูกอาจะสูญเสียความไว้ใจในพระแม่เพราะความเลินเล่อของลูกเอง ดังนั้นลูกวอนขอพระแม่ด้วยเดชะความรักที่พระแม่มีต่อพระเยซูเจ้าได้โปรดเพิ่มเติมความหวังอันอ่อนหวานในคำวิงวอนของพระแม่นี้ให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น คำวิงวอนของพระแม่นี้ทำให้ลูกมีความหวังแน่นอนที่จะได้มิตรภาพของพระเป็นเจ้าซึ่งลูกได้ดูหมิ่นและสูญเสียไปจนกระทั่งบัดนี้กลับคืนมา และเมื่อได้กลับคืนมาด้วยความช่วยเหลือของพระแม่ตามที่ลูกหวังไว้แล้ว ลูกจะได้รักษาไว้และในที่สุดกลูกหวังที่จะได้มีโอกาสโมทนาคุณพระเป็นเจ้าในเมืองสวรรค์และร้องสรรเสริญพระมหากรุณาของพระองค์ตลอดนิรันดร อาแมน นี่คือความหวังของลูก ขอให้เป็นไปตามนี้เทอญ

 

06-02 แม่พระเสนอวิงวอนให้แก่คนบาปแม้กระทั่งคนบาปที่ชั่วช้าที่สุด

แม่พระเสนอวิงวอนให้แก่คนบาปแม้กระทั่งคนบาปที่ชั่วช้าที่สุด

            เหตุผลที่เราควรจะรักราชินีผู้น่ารักยิ่งของเรานี้ มีอยู่มากมายหลายประการด้วยกัน ถ้าหากว่าโลกทั้งโลกสรรเสริญแม่พระถ้านักเทศน์ทุกคนพูดแต่เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับแม่พระในบทเทศน์ทุกบทหรือถ้ามนุษย์ทุกคนยอมสละชีวิตเพื่อแม่พระ เมื่อเอาสิ่งเหล่านี้มารวมกันเข้าแล้ว ก็ยังน้อยกว่าความเคารพนับถือและความกตัญญูที่เราเป็นหนี้พระพระนาง เนื่องจากความรักที่พระนางมีต่อมนุษย์ทุกคน แม้กระทั้งคนบาปที่ชั่วช้าที่สุด ผู้บังเอิญยังมีความศรัทธาต่อพระนางติดอยู่ในตัวเขา

            ท่านบุญราศีเรมุนโด ยอร์ดาโนผู้เรียกตนเองว่า “ผู้ปราศจากความรู้” เพราะความสุภาพของท่าน มักจะกล่าวว่า แม่พระไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากจะรักผู้ที่รักพระนาง และช่วยเหลือผู้ที่รับใช้พระนาง ถ้าเขาเป็นคนบาป พระนางก็ใช้อิทธิพลทั้งหมดของพระนางในอันที่จะวอนขอการอภัยโทษให้แก่เขาจากพระบุตร ผู้ทรงบุญของพระนาง ท่านเสริมว่า ความเมตตาปราณีของแม่พระนั้นช่างยิ่งใหญ่จนกระทั่งไม่มีผู้ใดไม่ว่าเขาจะจมอยู่ในบาปอย่างล้ำลึกเพียงใด-ที่ควรกลัวไม่กล้ากราบลงแทบเท้าของพระนาง เพราะพระนางไม่เคยปฏิเสธผู้ที่เฝ้าวิงวอนพระนางเลย “ในฐานะที่แม่พระเป็นผู้เสนอที่เต็มไปด้วยความรัก เป็นผู้นำคำภาวนาของผู้รับใช้พระนางเสนอแด่พระเป็นเจ้าด้วยมือของพระนางเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำภาวนาของผู้ที่มอบตัวเองแด่พระนาง” เพราะในทำนองเดียวกันกับที่พระบุตรทรงเสนอวิงวอนกับพระบิดาเพื่อเรา แม่พรก็เสนอวิงวอนพระบุตรและไม่ยอมหยุดหย่อนเลยที่จะเฝ้าวิงวอนทั้งสองพระองค์เพื่องานอันยิ่งใหญ่แห่งความรอดของเรา และเพื่อพระหรรษทานต่าง ๆ ที่เราวอนขอจากพระนาง ดังนั้น การที่เดนนีสแห่งคณะคาร์ทูเซียนเรียกแม่พระว่าเป็นที่หลบภัยแห่งเดียวของคนบาป เป็นความหวังของผู้ที่ถูกทอดทิ้งมากที่สุด และผู้เสนอของคนบาปที่มาวิงวอนพระนางนั้น จึงนับว่าสมเหตุสมผลแล้ว

            ถ้าคนบาปคนหนึ่งไม่มีความสงสัยในอำนาจของแม่พระ แต่เขาสงสัยไม่แน่ใจในความเมตตาของพระนางเนื่องจากความกลัวว่าพระนางอาจจะลังเลใจไม่ยอมช่วยผู้ที่เต็มไปด้วยบาปมากมาย เช่น ตัวเขาแล้ว คนบาปผู้นั้นควรจะได้รับกำลังใจจากคำของนักบุญโบนาเวนตูราที่ว่า “สิทธิ์พิเศษและยิ่งใหญ่ของแม่พระก็คือพระนางมีอำนาจมากมายนักกับพระบุตร” แต่ท่านเสริมว่า อำนาจนี้จะมีความหมายอะไรเล่าถ้าพระนางไม่กังวลถึงเรา? ท่านสรุปความว่า “เราอย่าเข้าใจผิด จงแน่ใจและจงโมทนาคุณพระเป็นเจ้าและพระมารดาของพระองค์เสมอไปเถิดในข้อความจริงที่ว่า อำนาจของพระนางกับพระเป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าอำนาจของบรรดานักบุญทั้งหลาย และความห่วงใยของพระนางในตัวเราก็ยิ่งใหญ่เป็นสัดส่วนตามไปด้วย”

            นักบุญเยอร์มานู้สอุทานว่า “ข้าแต่พระมารดาแห่งความเมตตา ผู้ใดอีกเล่านอกจากองค์พระเยซูเจ้าที่มีความสนใจในการเป็นอยู่ของเราเท่ากับพระแม่? ใครเล่าจะปกป้องเราในการถูกประจญที่เราต้องเผชิญอยู่เสมอเท่ากับพระแม่?  ใครเล่าจะคุ้มครองและสู้รบเพื่อคนบาปเหมือนกับพระแม่? ดังนั้นแหละ ข้าแต่พระแม่เจ้า ความคุ้มครองของพระแม่จึงมีอำนาจและเปี่ยมไปด้วยความรักเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้”

            * ท่านบุญราศีเรมุนโดยอร์ดาโนกล่าวว่า นักบุญอื่น ๆ อาจจช่วยเหลือผู้ที่มีความศรัทธาเป็นพิเศษด้ามากกว่าผู้อื่น แต่แม่พระผู้เป็นราชินีแห่งสากลโลกนั้น เป็นผู้เนอวิงวอนของทุก ๆ คน และสนใจในความรอดของทุกคน

            แม่พระดูแลรักษาทุกคน แม้กระทั่งคนบาป ที่จริงพระนางภูมิใจที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เสนอพิเศษของคนบาป ดังที่พระนางเองเป็นผู้กล่าวแก่ซิสเตอร์มารีอาวีลานี พระนางกล่าวว่า “นอกจากชื่อว่ามารดาพระเป็นเจ้า, แล้ว เราภูมิใจมากที่สุดที่จะได้ชื่อว่า ‘เป็นผู้เสนอของคนบาป’”

            บุญราศีอามาเดอูสเห็นแม่พระอยู่ต่อหน้าพระเป็นเจ้าเสมอและวิงวอนเพื่อเราด้วยคำภาวนา ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจของพระนางในขณะที่พระนางอยู่ในสวรรค์นั้น พระนางรู้ดีถึงความตกทุกข์ได้ยากและความต้องการต่าง ๆ ของเรา พระนางไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากแสดงความเมตตาต่อเรา ดังนั้นพระนางจึงพยายามที่จะช่วยและนำเราไปสู่ความรอดด้วยความรักอันอ่อนหวานของมารดา ดังนั้นริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงไม่หยุดยั้งปลุกใจทุก ๆ คน ไม่ว่าเขาจะเลวทรามเพียงใด ให้วอนขอผู้เสนอเต็มไปด้วยความอ่อนหวานนี้ด้วยความไว้ใจ และให้เขาแน่ใจว่า เขาจะพบพระนางพร้อมเสมอที่จะช่วยเขา ตามที่ท่านเจ้าอาวาสก๊อดฟรีได้กล่าวไว้ว่า “แม่พระพร้อมเสมอที่จะช่วยทุกคนที่วอนขอพระนาง”

            ตามความคิดเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด ผู้เสนอใจดีผู้นี้ช่างสนใจในความรอดอย่างจริงจังและเปี่ยไปด้วยความรักจริง ๆ เราจงพิจารณาถึงความรักและความกระตือรือร้นของแม่พระในการวิงวอนพระเป็นเจ้าเพื่อเรา เพื่อให้พระองค์ยกโทษบาปให้แก่เราและช่วยเหลือเราด้วยพระหรรษทานของพระองค์ เพื่อโปรดให้เราพ้นภัยอัน่ตรายและช่วยเราในยามขัดสน นุกบุญโบนาเวนตูราใช้คำของนักเขียนสมัยโบราณผู้หนึ่งมากล่าวแก่แม่พระว่า “เรารู้ว่า เราดูเหมือนจะมีผู้ที่สนใจในตัวเราในสวรรค์แต่ผู้เดียว และผู้นั้นก็คือพระแม่” คล้ายกับจะพูดว่า “ข้าแต่พระแม่ ถูกแล้ว บรรดานักบุญทั้งหลายปราถนาความรอดของเราและสวดให้เรา แต่ว่าความรักและความอ่อนหวานซึ่งพระแม่แสดงให้เราเห็นสวรรค์ โดยการวอนขอพระมหากรุณาอันเปี่ยมล้นของพระเป็นเจ้าเพื่อเรา โดยคำภาวนาของพระแม่นั้น ทำให้เราต้องยอมจำนนและรับว่า เรามีผู้เสนอคนเดียวในสวรรค์คือพระแม่ แบะพระแม่เท่านั้นที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยอันแท้จริงในทุกข์สุขของเรา

            ใครเล่าจะเข้าใจได้ถึงความสนใจของแม่พระที่พระนางได้วิงวอนเพื่อเราอยู่ต่อหน้าพระเป็นเจ้า? นักบุญเยอร์มานู้สกล่าวว่า พระนางไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและที่ปกป้องเรา นี่เป็นความคิดที่จับใจมากซึ่งหมายความว่า แม่พระเต็มไปด้วยความรักและความสงสารต่อเราจนกระทั่งพระนางคอยสวดภาวนาให้เราเสมอ และไม่ละความพยายามที่จะช่วยเราเลย พระนางป้องกันเราให้พ้นจากความชั่วและโปรดให้เราได้รับพระหรรษทานพอที่จะเอาตัวรอดด้วยคำภาวนาของพระนาง “ความปกปักรักษของพระนางนั้นไม่มีอันสิ้นสุด”

            เราคนบาปผู้น่าสงสารจะต้องลำบากมากมายเพียงไร ถ้าเรามิได้มีผู้เสนออันยิ่งใหญ่นี้-ผู้มีทั้งอำนาจและความเห็นอกเห็นใจและในขณะเดียวกัน ก็มีความสุขุมรอบคอบ จนกระทั่ง พระตุลาการคือ พระบุตรของพระนางไม่อาจจะลงโทษคนผิดได้ถ้าพระนางเป็นผู้ปกป้องเขา นี่คือความเห็นของริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอ ดังนั้น ยวงเยโอมิตราจึงสรรเสริญพระนางว่า  “วันทา ศาลที่ยุติคำฟ้องร้อง”คดีใดที่ผู้เสนอนี้เป็นทนายให้แล้วย่อมจะมีชัยชนะเสมอ

            เพราะเหตุนี้เอง นักบุญโบนาเวนตูรา จึงเรียกพระนางว่า “อาบีเกลผู้เฉลียวฉลาด” อาบีเกลคือสตรีที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในพระคัมภีร์ นางเป็นผู้ทำให้กษัตริย์ดาวิดหายพิโระด้วยคำวิงวอนอันเพราะพริ้งของพระนาง เมื่อพระองค์บันดาลโทษะนาบัล ที่จริงดาวิดได้รับการดลใจให้อวยพระนางที่ได้ใช้กิริยาอันนิ่มนวลของพระนางเป็นเครื่องป้องมิให้ตนแก้แค้นอาบัลด้วยมือของตนเอง แม่พระก็กระทำเช่นเดียวกันในสวรรค์เพื่อคนบาปที่นับจำนวนไม่ถ้วน พระนางรู้จักวิธีที่จะทำให้พระเป็นเจ้าทรงคลายพระพิโระของพระองค์ ด้วยคำภาวนาอันอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความรัก และพระเป็นเจ้าทรงอวยพระพรแก่พระนาง และคล้ายกับว่าพระองค์จะขอบใจแม่พระที่ได้ห้ามปรามพระองค์ให้ละทิ้งและลงโทษคนบาปดังที่เขาควรจะได้รับ

            นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “พระบิดานิรันดรทรงปราถนาที่จะแสดงความเมตตาทุกประการเท่าที่เป็นไปได้ ดังนั้นแทนที่พระองค์จะปนะทานพระเยซูเจ้าให้เป็นผู้เนอของเราแต่ผู้เดียวเท่านั้น พระองค์ยังได้ประทานแม่พระให้เป็นผู้เสนอร่วมกับพระองค์อีกด้วย ท่านกล่าวว่า “ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า พระเยซูคริสตเจ้าคือผู้เสนอแห่งความยุติธรรมแต่ผู้เดียวระหว่างมนุษย์กับพระเป็นเจ้า ด้วยเดชะพระบารมีและคำสัญญาของพระองค์ เพราะพระองค์คือองค์พระเป็นเจ้าและจะรู้สึกกลัวพระองค์ จึงจำเป็นที่พระองค์จะต้องตั้งผู้เสนออีกผู้หนึ่ง ซึ่งเราอาจจะอ้อนวอนด้วยความกลัวที่น้อยกว่าและด้วยความไว้ใจมากกว่าผู้เสนอนี้ก็คือแม่พระ เราอาจจะพบผู้ใดที่มีอิทธิพลกับพระเป็นเจ้าหรือเมตตาต่อเรามากกว่าพระนาง

            ถ้าผู้ใดรู้สึกกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ผู้เสนอผู้นี้ แม้ว่าจะไม่มีอะไรเลยในตัวพระนางซึ่งแสดงถึงความเหี้ยมโหดทารุณ แต่ตรงกันข้ามกลับเปี่ยมไปด้วยความอ่อนหวานแล้วละก็ ความกลัวเช่นนี้ ก็จะเปรียบเสมือนการดูหมิ่นความเมตตาอ่อนหวสนของแม่พระทีเดียว ดังนั้นนักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวต่อไปว่า “จงอ่านแล้วก็อ่านอีกเถิด ไม่ว่าท่านจะอ่านสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวถึงพระนางในพระวรสาร ถ้าท่านพบตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความทารุณของพระนางแล้ว ท่านจึงค่อยกลัวที่จะเข้าไปหาพระนาง แต่ท่านจะไม่พบตัวอย่างอันใดเลย ดังนั้นจงไปหาพระนางด้วยดวงใจที่เปี่ยไปด้วยความยินดีเถิด แล้วพระนางจะโปรดให้ท่านรอดด้วยคำอ้อนวอนของพระนาง”

            คำอุทานที่วิลเลี่ยมแห่งปารีสใส่ในปากของคนบาปที่อ้อนวอนแม่พระนั้นช่างเพราะพริ้งเหลือเกิน ท่านกล่าวว่า “ข้าแต่พระมารดาผู้รุ่งเรื่องของพระเป็นเจ้า ลูกอ้อนวอนพระแม่ในสภาพอันน่าสังเวชซึ่งลูกจมอยู่ในขณะนี้เพราะบาปของลูก ด้วยความไว้ใจในพระแม่ ถ้าพระแม่ปฏิเสธ ลูกจะเตือพระแม่ว่า พระแม่จำเป็นต้องช่วยลูกเพราะพระศาสนจักรเรียกพระแม่และประกาศว่า พระแม่คือมารดาแห่งความเมตา พระแม่คือผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงรับฟังเสมอ เพราะพระแม่เป็นที่โปรดปรานของพระองค์ ความสงสรของพระแม่ไม่เคยทำให้ผู้ใดผิดหวังเลย พระแม่ไม่เคยดูหมิ่นคนบาปที่ถวายตัวเองแด่พระแม่เลยไม่ว่าเขาจะมีบาปมากมายเพียงใด พระศาสนจักรได้พูดผิดไปแล้วหรือที่ได้เรียกพระแม่ว่า เป็นผู้สเสนอและที่หลบภัยของคนบาป? ข้าแต่พระแม่เจ้า ขออย่าให้บาปอันยิ่งใหญ่ของลูกกีดขวางมิให้พระแม่กระทำหน้าที่แห่งความกรุณา ซึ่งทำให้พระแม่เป็นทั้งผู้เสนอและผู้เจรจาสันติภาพระหว่างมนุษย์กับพระเป็นเจ้าเลย นอกจากพระบุตรแล้ว พระแม่คือความหวังที่หลบภัยแน่นอนแห่งเดียวของผู้ที่มีความทุกข์ยารก เราอาจจะพูดได้ว่าการที่พระแม่ได้รับพระหรรษทานความรุ่งเรืองและเกียรติแห่งมารดาพระเป็นเจ้านั้น พระแม่ดูเหมือนจะเป็นหนี้คนบาป เพราะว่าพระวจนาถทรงโปรดให้พระแม่เป็นพระมารดาของพระองค์ก็เพราะเห็นแก่คนบาปเหล่านี้เอง

            ไม่มีวันเสียหรอกที่แม่พระผู้เป็นเสมือนบ่อเกิดแห่งความเมตตาอันอ่อนโยนในโลกนี้ จะคิดว่าพระนางอาจจะปฏิเสธความเมตตาของพระนางแก่คนบาปที่เข้ามาวอนขอพระนางได้ ในเมื่อหน้าที่ของพระนางก็คือผู้เจรจาสันติระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ ดังนั้น ขอให้ความเมตตาอันอ่อนหวานของพระแม่ ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าบาปทั้งหมดของลูก จงช่วยจูงใจพระแม่ให้ช่วยลูกเถิด

            ดังนั้นผู้ที่รู้สึกกลัวขอให้ท่านจงมีกำลังใจเถิด ลูกจะกล่าวเหมือนกับท่านนักบุญโทมัส วิลลาโนวาว่า จงมีกำลังใจและหายใจให้โล่งอกเถิด คนบาปที่น่าสงสาร พระมารดาผู้ยิ่งใหญ่นี้คือมารรดาของพระเป็นเจ้าผู้เป็นตุลาการของท่าน และในขณะเดียวกันพระนางคือผู้เสนอของมนุษยชาติ ยิ่งไปกว่านั้น พระนางคือผู้ที่เหมาะสมกับหน้าที่นี้ เพราะพระนางจะทำอะไรกับพระเป็นเจ้าก็ได้ตามใจชอบของพระนาง พระนางเต็มไปด้วยความฉลาด เพราะพระนางรู้ถึงวิถีทางที่จะทำให้พระองค์คลายพิโรธ และความห่วงใยของพระนางนั้นแผ่ไปยังมนุษณย์ทุกคน กล่าวคือพระนางต้อนรับทุก ๆ คน และไม่ปฏิเสธที่จะปกป้องผู้ใด

-  ตัวอย่าง -

            ความเมตตาของแม่พระต่อคนบาปนั้นปราฏอย่างเด่นชัดในเรื่องที่เกี่ยวกับนางชีรูปหนึ่งชื่อเบอาตรีซีอา ซึ่งอยู่ในอารามฟอนเตอรอลต์ เรื่องนี้ท่านเซซารีอูสแห่งไฮนเสตอร์บักเป็นผู้เล่า

            หญิงสาวผู้น่าสมเพชนี้มีความติดใจช่นหนุ่มคนหนึ่ง และได้ตั้งใจว่าจะหนีไปจากอารามด้วยความช่วยเหลือของชายหนุ่มนั้น ดังนั้นวันหนึ่งเธอจึงไปต่อหน้ารูปแม่พระ และวางพวงกุญแจของอารามไว้ต่อหน้าแม่พระ เพราะเธอเป็นผู้เปิดประตูของอาราม แล้วก็หนีไป

            เมื่อเธอไปถึงเมืองนอกต่างแดน เธอก็ทำตัวเป็นผู้หญิงไม่ดีและดำเนินชีวิตอย่างน่าละอายเป็นเวลาสิบห้าปี ในที่สุดวันหนึ่งเธอเผอิญไปพบคนทำสวนของอารามซึ่งเธอเคยอาศัยอยู่ และคิดว่าเขาจำเธอไม่ได้ เธอจึงเข้าไปถามเขาว่าจำซิสเตอร์เบอาตรีซีอาได้ไหม เขาก็ตอบว่า “ฉันรู้จักเธอดีทีเดียว เธอเป็นชีที่ศักดิ์สิทธิ์มากและเวลานี้ด้ดำรงตำแหน่งเป็นนวกจาริณี” เมื่อได้ยินเช่นนี้เธอก็ประหลาดใจจนพูดไม่ออก ไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร แล้วเธอก็ปลอมตัวไปที่อารามเพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริงว่าเรื่องเป็นอย่างไรกัน เธอขอพบซิสเตอร์เบอาตรีซีอา และรู้สึกตกใจมากที่สุดเมื่อได้พบแม่พระซึ่งแต่งกายเหมือนกับรูปแม่พระที่เธอได้วางพวงกุญแจและเสื้อนักบวชของเธอเมื่อเธอได้หนีจากอารามไป แล้วแม่พระก็กล่าวกับเธอว่า “เบอาตรซีอา เพื่อให้เจ้าพ้นจากความอับอาย เราได้ปลอมตัวมาเป็นเจ้าตลอดเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมา ในขณะที่เจ้ามิได้อยู่ในอารามของพระเป็นเจ้าเราได้แทนที่เจ้าและกระทำสิ่งที่เจ้าควรจะทำ จงกลับมาทำการใช้โทษบาปเถิด เพราะพระบุตรของเรายังรอเจ้าอยู่ และจงรักษาชื่อเสียงซึ่งเราได้แสวงหาไว้ให้แก่เจ้าด้วยการดำรงชีวิตอย่างดี” เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว พระนางก็ลับตาไป

            เบอาตรีซีอาก็กลับเข้าไปในอาราม สวมเสื้อนักบวชอีกครั้งหนึ่ง และถวายโมทนาคุณแด่แม่พระสำหรับความเมตตาของพระนาง และได้ดำเนินชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่นั้นมา เมื่อเธอจวนจะสิ้นใจเธอเล่าเรื่องทั้งหมดของเธอ เพื่อให้เป็นเกียรติและสิริมงคลของแม่พระ

-  คำภาวนา -

            ข้าแต่พระมารดาผู้ยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า ลูกเข้าใจว่าความอกตัญญูของลูกต่อพระเป็นเจ้าและพระแม่นั้นควรจะเป็นเหตุให้พระแม่ละทิ้งลูกและไม่เหลียวดูลุกอีกต่อไป ซึ่งก็นับว่าเป็นการกระทำที่ยุติธรรมแล้ว วิญญาณที่ขาดความกตัญญูก็มไสมที่จะได้รับความช่วยเหลือจากพระแม่อีกต่อไป แต่ลูกไว้ใจในความเม่ตตาของพระแม่และลูกแน่ใจว่าความเมตตานี้ยิ่งใหญ่กว่าความอกตัญญูของลูก ดังนั้น ข้าแต่พระแม่ผู้เป็นที่หลบภัยของคนบาป โปรดอย่าหยุดช่วยคนบาปหยาบช้าผู้ไว้ใจในพระแม่เลย ข้าแต่พระมารดาแห่งความเมตตาโปรดยื่นมือมายังคนบาปที่มาเฝ้าวิงวอนขอความเมตตาจากพระแม่เถิด

            ข้าแต่พระแม่มารีอา ถ้พระแม่ไม่ปกป้องลูกก็โปรดบอกลูกซิว่า ลูกอาจจะไปอ้อนวอนผู้ใดที่อาจจะปกป้องลูกได้ดีไปกว่าพระแม่ ลูกจะไปพบผู้เสนอต่อพระเป็นเจ้าคนไหนที่มีความเมตตาและเต็มไปด้วยอำนาจกว่าพระแม่ผู้เป็นมารดาของพระองค์? เมื่อพระแม่ได้รับเกียรติเป็นมารดาของพระองค์พระมหาไถ่ พระแม่ก็ได้เป็นเครื่องมืออันเหมาะสมในการช่วยให้คนบาปรอด และพระเป็นเจ้าประทานให้พระแม่เป็นความรอดของลูก ข้าแต่พระแม่ โปรดช่วยลูกผู้มาวิงวอนพระแม่ด้วยเถิด ลูกไม่เหมาะสมแก่ความรักของพระแม่ แต่ความปราถนาของพระแม่นี่แหละที่เป็นเหตุให้ลูกหวังว่าพระแม่รักลูก และถ้าพระแม่รักลูกแล้ว ลูกจะเสียวิญญาณได้อย่างไร?

            ข้าแต่พระมารดาที่น่ารักของลูก ถ้าลูกได้รับความรอดเพราะความช่วยเหลือของพระแม่ ดังที่ลูกได้หวังไว้ ลูกจะไม่อกตัญญูอีกต่อไป ลูกจะชดใช้ความอกตัญญูที่แล้ว ๆ มาของลูก และความรักที่พระแม่ได้แสดงต่อลูก โดยคำสรรเสริญตลอดนิรันดรและด้วยความรักที่วิญญาณของลูกสามารถจะมีได้ ลูจะสรรเสริญความเมตตาของพระแม่ อย่างรื่นเริงในสวรรค์ที่แม่พระกำลังครอบครองและจะครอบครองอยู่ตลอดไป และลูกจะจูบมือที่เต็มไปด้วยความรักของพระแม่ตลอดนิรันดร มือที่ช่วยให้ลูกรอดพ้นจากนรกซึ่งลูกควรจะตกลงไปเป็นเวลาคลายครั้งแล้วเพราะบาปของลูก

            โอ้พระแม่ ผู้เป็นผู้ปลดปล่อย ความหวัง ราชินี ผู้เสนอและมารดาของลูก ลูกรักพระแม่ ลูกปราถนาความรุ่งเรืองของพระแม่และลูกจะรักพระแม่ตลอดไป อาแมน นี่คือความหวังของลูก

06-01 โปรดเถิดท่านผู้เสนอของเรา

แม่พระคือผู้เสนอที่สามารถช่วยให้ทุกคนรอดได้

          อำนาจของมารดาเหนือบุตรของตนนั้นมีมากมายนัก แม้ว่าบุตรของตนจะเป็นถึงกษัตริย์ผู้มีอำนาจเหนือทุก ๆ คนในราชอาณาจักรแต่ถึงกระนั้นก็ตามมารดาผู้นี้จะกลายเป็นข้าราชบริพารของบุตรนางมิได้

            ถูกแล้ว ในเวลานี้พระเยซูเจ้าทรงสถิตอยู่เหนือสวรรค์ และประทับอยู่เบื้องขวาพระบิดา และมีอำนาจเหนือมนุษย์ทุกคน แม้ในสภาวะมนุษย์ พระองค์มีอำนาจเหนือแม่พระเพราะพระองค์อยู่ร่วมกับพระวจนาถของพระเป็นเจ้า แต่ก็ยังเป็นความจริงที่ว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ยังทรงสถิตอยู่ในโลกนี้ ที่พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะถ่อมพระองค์และขึ้นอยู่กับแม่พระ ตามที่นักบุญลูกาได้บอกให้เราทราบ “แล้วพระองค์ก็อยู่ภายใต้อำนาจท่านทั้งสอง” ตามความคิดเห็นของนักบุญอัมโบรซีโอ เราอาจจะกล่าวต่อไปอีกได้ว่าหลังจากที่พระองค์ได้โปรดให้พระแม่มารีอาเป็นพระมารดาของพระองค์แล้ว พระเยซูคริสตเจ้าทรงถือว่าเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะนบนอบพระนางเพราะพระองค์เป็นบุตรของพระนาง เพราะเหตุนี้แหละ ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงกล่าวว่า เราอาจจะกล่าวว่า บรรดานักบุญต่าง ๆ “อยู่กับพระเป็นเจ้า” แต่สำหรับแม่พระเท่านั้นเราอาจจะกล่าวได้ว่าพระนางไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าเท่านั้น แต่พระเป็นเจ้าพระองค์เองทรงนบนอบพระนาง เราจึงอาจจะพูดได้อย่างไรเหมาะสมว่า พระเป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับพระนาง “พระสวามีเจ้าสถิตกับท่าน”  เราบอกว่าพรหมจารีคนอื่น “ติดตามพระชุมพาน้อยไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปไหน” แต่สำหรับแม่พระเท่านั้นเรากล่าวได้ว่า พระชุมพาน้อยติดตามพระนางไม่ว่าพระนางจะไปทางไหน ในเมื่อพระองค์ได้มาเป็นผู้ที่อยู่ใต้ความคุ้มครองของพระนาง

            ในขณะนี้แม่พระอยู่ในสวรรค์ แต่แม้ว่าในขณะนี้พระนางไม่อาจจะออกคำสั่งให้พระบุตรทำตามก็จริง ถึงกระนั้นก็ดี คำภาวนาของพระนางก็ยังเป็นคำภาวนาของมารดาอยู่เสมอนั่นเอง ดังนั้นคำภาวนาของพระนางจึงมีอำนาจพอที่จะได้รับทุกสิ่งที่พระนางวอนขอ นักบุญโบนเวนตูรากล่าวว่า “เมื่อเปรียบกับนักบุญองค์อื่นแล้ว แม่พระมีสิทธิ์ประการนี้คือ พระนางมีอำนาจในการที่จะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระนางวอนขอจากพระบุตร” ทำไมถึงเป็นเช่นนี้เล่า? ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเหตุที่เราเพิ่งกล่าวถึงนั่นเอง และที่เราจะพิจารณากันอีกต่อไปอย่างละเอียด เพราะว่าการวอนขอของพระนางนั้นเป็นการวอนขอของมารดา

            นักบุญเปโตรดามีอาโนจึงกล่าวว่า พระนางพรหมจารี จะทำอะไรก็ได้ตามชอบทั้งในสวรรค์และแผ่นดิน พระนางอาจจะทำให้ผู้ที่หมดหวังมีความหวังขึ้นมาอีกได้ แล้วท่านกล่าวแก่พระนางว่า “พระแม่ได้รับอำนาจทั้งสิ้นทั้งในสวรรค์และแผ่นดิน ไม่มีสิ่งใดที่พระแม่ทำไม่ได้ เพราะพระแม่อาจจะยกผู้ที่ตกอยู่ในความหมดหวังให้กลับมีความหวังที่จะเอาตัวรอด” แล้วท่านเสริมว่า “เมื่อพระมารดาไปแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสตเจ้า (ซึ่งท่านนักบุญเรียกว่าพระแท่นทองแห่งความเมตตา ซึ่งคนบาปอาจจะได้รับอภัยโทษบาปของตน) ให้แก่เรานั้น พระบุตรทรงให้เกียรติสูงแก่คำวิงวอนของพระนางจนกระทั่งในเมื่อพระนางวอนขอนั้น ดูเหมือนว่าพระนางจะออกคำสั่งมากกว่าวิงวอน เหมือนกับว่าพระนางเป็นเจ้านายแทนที่จะเป็นสาวใช้ “ แม่พระได้ให้เกียรติแด่พระเยซูเจ้าอย่างมากมายในชีวิตของพระนาง จนกระทั่งพระองค์ทรงพอพระทัยที่จะให้เกียรติแก่แม่พระเช่นนี้ กล่าวคือการประทานสิ่งที่แม่พระวอนขอหรือปราถนาทันที นักบุญเยร์มานูสได้เสริมข้อความนี้ไว้อย่างเพราะพริ้งว่า “พระแม่คือพระมารดาพระเป็นเจ้า และมีอำนาจมากมายที่จะช่วยให้คนบาปได้รับความรอด พระแม่ไม่ต้องการข้อแนะนำใด ๆ กับพระเป็นเจ้า เพราะพระแม่คือมารดาแห่งชีวิตที่แท้จริง”

            นักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนากล้าพอที่จะกล่าว “เมื่อแม่พระออกคำสั่ง ทุกคนนบนอบแม้กระทั่งพระเป็นเจ้า” ซึ่งหมายความว่า พระเป็นเจ้าทรงประทานสิ่งที่แม่พระวอนขอคล้ายกับเป็นคำสั่ง ดังนั้น นักบุญอันแซลโมจึงกล่าวแก่พระนางว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอาผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระสวามีเจ้าทรงยกย่องพระแม่อย่างสูงส่งจนกระทั่งทุกสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับพระองค์ ก็จะเป็นไปได้สำหรับพระแม่ด้วย คอสม้าสแห่งเยรูซาแลมกล่าวว่า “ความคุ้มครองของพระแม่นั้นหาที่สุดมิได้” ถูกแล้ว แม่พระมีอำนาจหาที่สุดมิได้ตามความคิดเห็นของริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอ เพราะตามกฏหมายโดยทั่วไป ราชินีย่อมีอภิสิทธิเช่นเดียวกับกษัตริย์ และในเมื่ออำนาจของบุตรและมารดาย่อมเหมือนกัน พระบุตรที่มีอำนาจหาที่สุดมิได้ย่อมทำให้มารดามีอำนาจหาที่สุดมิได้เช่นเดียวกัน นักบุญอันโตนีโนกล่าวว่า “ดังนั้นพระเป็นเจ้าจึงไม่เพียงแต่จะมอบพระศาสนจักรทั้งหมดไว้ในความคุ้มครองของแม่พระเท่านั้น แต่พระองค์ยังมอบไว้ภายใต้อำนาจของพระนางด้วย

            ในเมื่อมารดาควรจะมีอำนาจเหมือนบุตร พระเยซูเจ้าผู้มีอำนาจหาที่สุดมิได้ก็ได้ทรงโปรดให้แม่พระมีอำนาจอันหาที่สุดมิได้เช่นเดียวกัน แต่แน่ละ ความจริงก็ยังมีอยู่ว่า พระเยซูเจ้าทรงอำนาจหาที่สุดมิได้ เพราะพระสภาวะของพระองค์ แต่แม่พระมีอำนาจอันยิ่งใหญ่โดยอาศัยพระหรรษทานเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ย่อมปรากฏแจ่มชัดในความจริงที่ว่าไม่ว่าพระมารดาจะวอนขออะไร พระบุตรไม่เคยปฏิเสธพระนางเลย นักบุญบริยิดได้รับไขแสดงในความจริงข้อนี้ วันหนึ่งเธอได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสแก่แม่พระว่า “พระแม่ต้องการอะไรก็ขอเถิด เพราะไม่ว่าพระแม่ต้องการสิ่งใด ลูกจะไม่ปฏิเสธพระแม่เลย” คล้ายกับพระองค์จะตรัสว่า “พระแม่ของลูก พระแม่รู้ว่าลูกรักพระแม่เพียงไรฉะนั้นพระแม่จะขออะไรจากลูกก็ได้ทั้งนั้น ลูกไม่อาจจะปฏิเสธอะไรแก่ลูกเลยในขณะที่ลูกอยู่ในโลก ลูกก็จะไม่ปฏิเสธอะไรแก่พระแม่ในสวรรค์เลย ดังนั้นแม่พระจึงมีอำนาจสูงสุดเท่าที่เราสามารถจะพูดได้กับมนุษย์ ซึ่งไม่อาจจะมีคุณลักษณะของพระเป็นเจ้าได้ กล่าวคือแม่พระมีอำนาจสูงสุด เพราะพระนางได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระนางปราถนาโดยคำอ้อนวอนของพระนาง

            ดังนั้น การที่นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวแก่แม่พระว่า “พระแม่เพียงแต่ปราถนาเท่านั้น สิ่งนั้นก็จะสำเร็จไป” นั้น จึงนับว่าเป็นการพูดที่เหมาะทีเดียว นักบุญอันแซลโมกล่าวว่า “ข้าแต่พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ สิ่งใดที่พระแม่ปราถนาก็จำเป็นที่จะต้องสำเร็จไป” ถ้าพระแม่ปราถนาที่จะยกคนบาปต่ำช้าที่สุดให้บรรลุถึงยอดแห่งความศักดิ์สิทธิ์ พระแม่ก็ทำได้ นักบุญอันแบร์โตสมมุติให้แม่พระกล่าวว่า “ลูกต้องขอให้เรามีความปราถนา แต่เมื่อเราปราถนาแล้ว สิ่งนั้นก็จำเป็นที่จะสำเร็จลุล่วงไป”

            เมื่อนักบุญเปโตรดามีอาโนรำพึงถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของแม่พระนี้ และวอนขอให้พระนางสงสารเรา ท่านกล่าวแก่พระนางว่า “ขอให้คุณความดีและอำนาจของพระแม่ดลใจพระแม่เถิด เพราะยิ่งพระแม่มีอำนาจเพียงไร ความเมตตาของพระแม่ก็จะยิ่งใหญ่ตามไปด้วยเพียงนั้น” ข้าแต่พระแม่มารีอาผู้เสนอที่รักยิ่งของเรา ในเมื่อพระแม่มีดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยความสงสาร จนพระแม่ไม่อาจจะมองดูผู้น่าสมเพชโดยไม่รู้สึกสงสารมิได้ และในเมื่อพระแม่คุ้มครองให้รอดได้ โปรดอย่าปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอของเราผู้มอบความหวังทั้งสิ้นไว้ในพระแม่เลย ถ้าคำภาวนาของเราไม่อาจจะชักจูงใจพระแม่ อย่างน้อยก็ขอให้ดวงใจอันเมตตาของพระแม่ช่วยชักจูงใจพระแม่เถิด เพราะพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้พระแม่เปี่ยมไปด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่จนกระทั่งว่า ถ้าพระแม่ยิ่งมีอำนาจมากพระแม่ก็ยิ่งจะเต็มใจช่วยเหลือเรา นักบุญเบอร์นาร์โดให้ความแน่ใจแก่เราในเรื่องนี้ ท่านกล่าวว่า แม่พระนั้นเปี่ยมด้วยอำนาจและความเมตตา เพราะพระนางมีอำนาจมากมาย นี่แหละที่เป็นเหตุให้พระนางเปี่ยมไปด้วยความเมตตาสงสาร

            ตั้งแต่เวลาที่แม่พระเข้ามาในโลกนี้ ความคิดเดียวของพระนางนอกเหนือไปจากการแสวงหาพระสิริมงคลของพระเป็นเจ้าก็คือที่จะช่วยเหลือผู้ที่ตกยากลำบากใจ เรารู้ว่าแม้ในเรื่องนี้พระนางก็มีสิทธิ์ในอั้นที่จะได้รับสิ่งที่พระนางขอ เรารู้ความจริงข้อนี้ได้จากเรื่องที่เกิดขึ้นในงานวิวาห์ที่เมืองคานาในแคว้นคาลิเล เมื่อน้ำองุ่นหมดแม่พระรู้สึกสงสารความอับอายของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พระนางขอให้พระบุตรของพระองค์ช่วยทั้งสองให้พ้นจากความอับอายโดยการกระทำอัศจรรย์พระนางเพียงแต่กล่าวกับพระองค์ว่า “เขาไม่มีน้ำองุ่น” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “สตรีเอ๋ย ธุระอะไรของเราและของท่าน ชั่วโมงเรายังไม่ถึง” เราจงสังเกตว่า ดูคล้าย ๆ กับพระองค์จะพูดว่า “ธุระอะไรของลูกและของแม่เล่าที่น้ำองุ่นหมด? เวลานี้มิใช่เวลาที่ลูกจะทำอัศจรรย์ เวลาจะมาถึงก็ต่อเมื่อลูกเริ่มเทศนาสั่งสอน ในเวลานั้นลูกจะทำอัศจรรย์เพื่อพิสูจน์คำสั่งสอนของลูก” แต่แม่พระกลับสั่งคนใช้ให้เอาน้ำใส่ตุ่มเพื่อให้บรรดาแขกหรือได้อิ่มหนำสำราญ คล้ายกับว่าพระเยซูเจ้าเองได้ประทานตามที่พระนางได้วอนขอ และแล้วมันก็เป็นจริง พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำองุ่น เพื่อให้สมตามความปราถนาของพระมารดาพระองค์

            ทำไมพระองค์ถึงได้กระทำดังนั้นเล่า? ถ้าเวลาที่พระองค์จะกระทำอัศจรรย์ต้องเป็นเวลาในระหว่างการเทศนาอย่างเปิดเผยของพระองค์แล้ว ทำไมพระองค์จึงกระทำอัศจรรย์เวลานั้นซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ตรงกับข้อกำหนดของพระเป็นเจ้าเล่า? ตามความคิดเห็นของนักบุญเอากูสตีโน ท่านบอกว่าไม่มีอะไรที่ไม่ตรงกับข้อกำหนดของพระเป็นเจ้าเลย แม้ว่าถ้าเราจะพูดกันโดยทั่วไปแล้ว เวลาที่พระองค์จะกระทำอัศจรรย์ยังมาไม่ถึง แต่พระเป็นเจ้าก็ได้ทรงตั้งข้อกำหนดไว้ตั้งแต่นิรันดรอีกข้อหนึ่งว่า สิ่งใดที่แม่พระขอ พระนางจะมิได้รับการปฏิเสธเลย ดังนั้นแม่พระผู้รี้แน่ในสิทธิ์พิเศษประการนี้ จึงสั่งให้เขาตักน้ำใส่ตุ่ม คล้ายกับว่าคำวอนขอของพระนางได้รับคำตอบแล้ว  แม้จะดูเหมือนว่าพระบุตรได้ปฏิเสธพระนางก็ตาม นักบุญยวงคริสซ้อสโตโมก็เข้าใจคำตรัสของพระเยซูเจ้าในทำนองเดียวกัน เมื่อท่านอธิบายคำตรัสนี้ ท่านกล่าวว่า “แม้ว่าพระเยซูเจ้าจะตรัสตอบในทำนองนี้ แต่พระองค์ก็ยังนบนอบพระมารดาของพระองค์ เพื่อให้เกียรติแก่พระนาง นักบุญโทมัสก็กล่าวในทำนองเดียวกัน ท่านกล่าวว่า ในการที่พระองค์กล่าวคำว่า “เวลาของเรายังมาไม่ถึง” นั้น พระเยซูเจ้าทรงปราถนาที่จะแสดงให้เห็นว่า ถ้าคำขอร้องนี้มาจากผู้อื่น พระองค์ก็จะไม่ทำตาม แต่ในเมื่อพระมารดาของพระองค์ท่านบารัดดา นักบุญซีริลและนักบุญเยโรนีโมก็กล่าวเช่นเดียวกัน จันเซนีโอก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า “พระสวามีเจ้าของเราทรงกระทำอัศจรรย์ก่อนเวลา เพื่อให้เกียรติแก่พระมารดาของพระองค์”

            สรุปความก็คือ ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถจะวอนขอความช่วยเหลือมากมายหลายประการให้แก่เราได้เหมือนกับผู้เสนอที่อ่อนหวานของเราผู้นี้ พระเป็นเจ้าทรงให้เกียรติอันสูงส่งแก่พระนาง มิใช่เป็นแต่เพียงผู้รับใช้ที่น่ารักเท่านั้น แต่เป็นถึงมารดาที่แท้จริงของพระองค์ทีเดียว วิลเลียมแห่งปารีสกล่าวว่า “ไม่มีมนุษย์คนใดที่อาจจะแสวงหาความช่วยเหลือให้แก่เราอย่างมากมายเท่าที่พระแม่ได้แสวงหาเพื่อคนบาป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่เด่นชัดแล้วว่า พระเป็นเจ้าประทานเกียรติให้แก่พระแม่มิใช่ฐานะผู้รับใช้เท่านั้น แต่ในฐานะพระมารดาของพระองค์ด้วย แม่พระเพียงแต่พูดเท่านั้นพระบุตรก็จะทำตามความปราถนาของพระนาง

            พระสวามีเจ้าตรัสแก่เจ้าสาวในบทเพลงคือแม่พระเองว่า “โอ้เจ้าผู้อยู่ในสวน เพื่อน ๆ ของเรากำลังฟังเสียงเจ้า ขอให้เราได้ยินเสียงเจ้าหน่อยเถิด” พวกเพื่อน ๆ ก็คือบรรดานักบุญ เมื่อท่านเหล่านี้ต้องการช่วยเหลือผู้ที่มีความศรัทธาต่อท่าน ก็จะรอให้พระราชินีวอนขอความช่วยเหลือนั้นให้ เพราะพระเป็นเจ้าจะไม่ประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยที่แม่พระมิได้วอนขอเสียก่อน ดังที่เราแสดงให้เห็นแล้วในบทก่อน

            แม่พระได้รับความช่วยเหลือนี้อย่างไร? พระนางเพียงแต่พูดเท่านั้น “เพื่อน ๆ ของเรากำลังฟังเสียงของเจ้า” แล้วพระบุตรก็จะประทานตามที่พระนางได้ขอทันที  จงฟังคำพูดของท่านเข้าอาวาสวิลเลี่ยมเมื่อท่านกล่าวถึงคำนี้เถิด ท่านกล่าวว่าพระเยซูเจ้าตรัสแก่แม่พระว่า “แม่พระผู้อยู่ในสวนสวรรค์ จงวอนขอให้ผู้ใดก็ตามที่พระแม่ปราถนาด้วยความไว้ใจเถิด เพราะจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกจะถึงกับลืมได้ว่า พระแม่เป็นมารดาของลูก จนกระทั่งปฏิเสธสิ่งใดแก่พระแม่ ข้าแต่พระแม่เจ้าของลูก” ให้พระบุตรเพียงแต่ได้ยินเสียงของพระแม่เท่านั้นก็พอแล้ว เพียงแต่ได้ยินเท่านั้น พระองค์ก็จะนบนอบแล้ว เจ้าอาวาสก้อดฟรีเสริมว่า “แม้ว่าแม่พระจะได้รับความช่วยเหลือเมื่อพระนางวอนขอเท่านั้น แต่พระนางก็ยังวอนขอด้วยอำนาจของมารดา” ดังนั้นเราจึงมีเหตุผลทุกประการที่จะรู้สึกมีความไว้ใจว่า พระนางจะได้รับทุกสิ่งที่พระนางปราถนาและและวอนขอเพื่อเรา

            วาเลรีอูส มักซีมูสเล่าว่า เมื่อโครีโอลานูสกำลังทำการเข้ายึดกรุงโรมนั้น ท่านไม่ยอมฟังเสียงวิงวอนของเพื่อน ๆ และชาวเมือง แต่เมื่อเวธูรีอามารดาของท่านปรากฏตัวมา ท่านก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ ท่านยกเลิกการเข้ายึดกรุงโรมทันที แต่คำภาวนาของแม่พระมีอิทธิพลกับพระเยซูเจ้ามากกว่าคำขอร้องของเวธูรีอา กับโครีโอลานูสเสียอีก เพราะความรักและความกตัญญูของพระองค์ต่อพระมารดาที่รักนี้มากกว่าความรัก และความกตัญญูของโครีโอลานูสคุณพ่อยุสตีโนแห่งมีโชวีสกล่าวว่า “คำเอ่ยแต่เพียงคำเดียวของแม่พระเท่านั้นทำให้สิ่งต่าง ๆ เป็นผลสำเร็จไปมากคำภาวนาขอนักบุญทั้งหมดมารวมกัน” ผีปีศาจยอมรับความจริงข้อนี้กับนักบุญโดมีนีโกตามที่พายูแชลลีเล่าไว้ ท่านนักบุญได้บังคับให้ปีศาจพูดโดยอาศัยปากของผู้ที่ถูกผีสิง และมันยอมรับว่าคำพูดเพียงแต่คำเดียวของแม่พระมีคุณค่าในสายตาของพระเป็นเจ้ามากกว่าคำภาวนาทั้งสิ้นของนักบุญทั้งหมดมารวมกัน

            นักบุญอันโตนีโนยืนยันว่า ในเมื่อคำภาวนาของแม่พระเป็นคำภาวนาของมารดาก็ย่อมจะเปรียบเหมือนคำสั่ง อีกนัยหนึ่งก็คือ การที่พระนางจะมิได้รับสิ่งที่พระนางวอนขอนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ นักบุญเยอร์มานุส ให้กำลังใจ แก่ผู้ที่วอนขอแม่พระ และกล่าวแก่พระนางว่า “ในเมื่อพระแม่มีอำนาจของมารดาพระเป็นเจ้า พระแม่ก็อาจจะขออภัยโทษให้แก่คนบาปที่ชั่วช้าที่สุดได้ เพราะพระสวามีเจ้าทรงสำนึกอยู่เสมอว่า พระแม่คือมารดาที่แท้จริง ผู้ปราศจากมลทินใด ๆ ของพระองค์ เพราะฉะนั้นพระองค์จะทำอย่างอื่นมิได้นอกจากจะประทานตามที่พระแม่วอนขอ นี่คือเหตุผลที่จะอธิบายการที่นักบุญบริยิดได้ยินบรรดานักบุญกล่าวแก่แม่พระว่า “ข้าแต่ราชินีผู้มีบุญ มีสิ่งใดบ้างที่พระนางจะทำไม่ได้ พระนางเพียงแต่ปราถนาเท่านั้น สิ่งนั้น ๆ ก็จะสำเร็จไป” คำพูดนี้ตรงกับคำพูดที่มีชื่อเสียงเกี่ยกับพระแม่พระที่ว่า “สิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงกระทำได้ด้วยอำนาจของพระองค์ พระแม่กระทำได้ด้วยคำภาวนาของพระนาง” นักบุญเอากูสตีโนกล่าวว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า มันเป็นสิ่งที่เข้ากับพระมหากรุณาของพระสวามีเจ้าหรือที่พระองค์จะทรงปราถนาให้เกียรติแด่พระมารดาในเมื่อพระองค์เสด็จมาในโลกนี้มิใช่เพื่อละเมิดกฏบัญญัติแต่เพื่อทำให้สำเร็จไป?” และกฏบัญญติประการหนึ่งก็คือ ให้เรานับถือบิดามารดา

            นักบุญเยอร์ช อัครสังฆราชแห่งนีโกเดมีอากล่าวว่า พระเยซูคริสตเจ้าประทานทุกสิ่งที่พระมารดาของพระองค์วอนขอ คล้ายกับพระองค์กำลังใช้หนี้แม่พระที่พระนางได้เต็มใจให้สภาวะมนุษย์แก่พระองค์ “พระบุตรโปรดทุกอย่างให้ตามความปราถนาของพระแม่คล้ายกับว่าพระองค์กำลังใช้หนี้สิน” ดังนี้ท่านมรณสักขีนักบุญเมโทดีอูสจึคงได้อุทานออกมาว่า “จงยินดีเถิด พระแม่มารีอา เพราะพระแม่มีพระบุตรผู้ประทานทุกอย่างให้แก่ทุกคนแต่มิได้รับสิ่งใดจากผู้ใดเลย เป็นผู้ที่ติดหนี้บุญคุณพระแม่” ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่นั้นเราเป็นหนี้พระเป็นเจ้า เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของรางวัลจากพระองค์ทั้งนั้น แต่พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่จะติดหนี้สินกับพระแม่ โดยทรงรับเอาพระกายจากพระแม่มาบังเกิดเป็นมนุษย์

            ความจริงข้อนี้แหละที่ทำให้นักบุญเอากูสตีโนกล่าวว่า “ในเมื่อแม่พระเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะให้พระกายแก่พระวจนาถ ซึ่งทำให้พระนางเป็นผู้ช่วยหาค่าไถ่บาปของเรา เพื่อเราจะได้พ้นจากความตายชั่วนิรันดร ฉะนั้น พระนางจึงมีอิทธิพลมากกว่าผู้อื่นในอันที่จะช่วยให้เราบรรลุถึงชีวิตนิรันดร” นักบุญเทโอพีลูสสังฆราชแห่งอเล็กซันดรีอาซึ่งอยู่ในสมัยนักบุญเยโรนีได้เขียนไว้ว่า “คำอ้อนวอนของพระมารดานั้นเป็นสิ่งที่พอพระทัยของพระบุตร เพราะพระองค์ได้ทรงปราถนาที่จะประทานทุกอย่างเพราะเห็นแก่พระนาง ด้วยประการฉะนี้พระองค์ได้ใช้หนีสินแด่พระนางที่พระองค์ได้ประทรานพระกายให้แก่พระองค์” นักบุญยวงดามาซีนกล่าวแก่แม่พระว่า “ข้าแต่พระแม่ ในฐานะที่พระแม่เป็นมารดาของพระเป็นเจ้าตรัสผู้สูงสุด พระแม่อาจจะช่วยทุกคนให้รอดได้ด้วยคำอ้อนวอนของพระแม่ คำวิงวอนของพระแม่มีค่ามากขึ้นเพราะเป็นคำวิงวอนของมารดา”

            เราจงสรุปความพร้อมกับนักบุญโบนาเวนตูรา เมื่อท่านระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ในการที่พระเป็นเจ้าประทานแม่พระให้เป็นผู้เสนอของเรา ท่านกล่าวว่า “โอ้คุณความดีอันน่าพิศวงของพระเป็นเจ้าผู้พอพระทัยที่จะประทานพระแม่ให้แก่เราคนบาปผู้น่าสงสารเพื่อพระแม่จะได้วอนขอทุกสิ่งที่พระแม่ปราถนาให้แก่เราโดยอาศัยคำเสนอวิงวอนอันเปี่ยมไปด้วยอำนาจของพระแม่ โอ้ความเมตตาอันน่าประหลาดใจของพระเป็นเจ้า ซึ่งเป็นเหตุให้พระองค์ประทานพระมารดาของพระองค์เองผู้เป็นองค์อุปถัมภ์แห่งพระหรรษทานให้เป็นผู้เสนอวิงวอนของเรา เพื่อเราจะได้ไม่หวาดหวั่นเกินควรเมื่อได้ยินคำตัดสินของพระองค์สำหรับตัวเรา

ตัวอย่าง 

            คุณพ่อรัสซีแห่งคณะคามัลโดลีสเล่าเรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งว่า หลังจากที่บิดาของเขาได้สิ้นใจแล้ว เขาถูกมารดาส่งไปอยู่ในราชวังของเจ้าชายองค์หนึ่ง ก่อนที่หนุ่มน้อยผู้นี้จะจากบ้านไป มารดาก็บอกให้เขาสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อแม่พระเสมอไปและให้เขาสัญญาว่าจะสวดบท “วันทามารีอา” บทหนึ่งทุกวัน และเสริมคำต่อไปนี้ว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอา โปรดช่วยลูกในยามใกล้จะตาย”

            ชายหนุ่มนี้ไปถึงราชวัง แต่ต่อมาเขากลับเป็นคนเสเพลเหลวไหลจนกระทั่งเจ้าชายต้องให้ออกจากราชสำนัก เมื่อหมดทางที่จะทำมาหากินเขาก็เข้าไปร่วมกับพวกโจร ผู้ทำการปล้นสะดมผู้คนที่ผ่านไปมาตามถนนหลวง แต่ตลอดเวลานั้นเขามิได้เคยหยุดสวดขอความช่วยเหลือจากแม่พระดังที่มารดาได้สั่งไว้เลย ในที่สุดเขาก็ถูกตำรวจจับและถูกตัดสินประหารชีวิต

            ในขณะที่อยู่ในห้องขังกำลังรอที่จะถูกประหารในวันรุ่งขึ้นเขาก็คิดถึงความอัปยศของตน คิดถึงความเสียใจที่ได้เป็นผู้ก่อให้แก่มารดา และความตายที่กำลังรอท่าตนอยู่ เขาก็เริ่มร้องไห้และรู้สึกสงสารตัวเอง เมื่อเห็นชายผู้นั้นหดหู่และสิ้นหวัง ปีศาจก็ปรากฏตัวมาในรูปของชายหนุ่มรูปงาม และบอกว่ามันจะช่วยให้เขาพ้นจากความตายและคุกตะรางถ้าเขาจะทำตามคำของมัน

            ชายหนุ่มผู้นั้นก็ตกลงว่าจะทำทุกอย่าง แล้วเจ้าหนุ่มรูปงามนั้นก็เผยความจริงว่าตนคือปีศาจและได้มาช่วยเขา ก่อนอื่นมันขอให้เขาปฏิเสธพระเยซูคริสตเจ้าและศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ชายหนุ่มก็ตกลงแล้วมันก็บอกให้เขาปฏิเสธแม่พระและความคุ้มครองของพระนางแต่ชายหนุ่มสาบานว่าจะไม่ยอมทำเป็นอันขาด แล้วเขาก็หันหน้าไปหาแม่พระสวดคำภาวนาที่มารดาเขาสอนให้ “ข้าแต่พระแม่มารีอาโปรดช่วยลูกในยามไกล้จะตาย” พอเขากล่าวคำนี้ปีศาจก็หายตัวไปทันที แต่หนุ่มโชคร้ายก็ยังเศร้าโศกเพราะความผิดอันยิ่งใหญ่ของตนในอันที่ได้ปฏิเสธพระเยซูคริสตเจ้า เขาก็หันไปอ้อนวอนแม่พระอีกครั้งหนึ่งและด้วยความช่วยเหลือของพระนางเขาก็ได้รับความเป็นทุกข์ถึงบาปของเขาอย่างแท้จริง แล้วก็สามารถไปแก้บาปได้

            ในขณะที่ถูกนำตัวไปยังที่ประหารชีวิตเขาผ่านรูปแม่พระแล้วเขาก็กล่าวคำที่กล่าวมาจนเคยชินแล้วว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอาโปรดช่วยลูกในยามใกล้จะตาย” ในทันใดนั้นรูปแม่พระก็คำนับรับคำสรรเสริญของเขา ซึ่งทุกคนในที่นั้นมองเห็นด้วยตาของตนเองเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ขออนุญาตตำรวจจูปแม่พระ ครั้งแรกตำรวจที่ควบคุมตัวไม่ยอม แต่เมื่อคนแถวนั้นร้องเสียงเอะอะ ตำรวจก็จำต้องยอม ในขณะที่ชายหนุ่มผู้นั้นก้มลงเท้ารูป แม่พระก็จับมือเขาไว้แน่นจนพวกตำรวจไม่อาจจะดึงออกไปได้ เมื่อเห็นดังนี้ ทุกคนก็พากันร้องว่า “ปล่อยเขาไป ปล่อยเขาไป” แล้วเขาก็ได้รับอภัยโทษเขากลับไปบ้านและดำเนินชีวิตอย่างดีและมีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อแม่พระเสมอ เพราะพระนางได้ช่วยให้เขาพ้นจากความตายทั้งฝ่ายกายและฝ่ายวิญญาณ

บทภาวนา

            ข้าแต่มารดาผู้ยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า ลูกจะขอกล่าวกับพระแม่โดยใช้คำของนักบุญเบอร์นาร์โดว่า “พูดเถิดพระแม่เจ้าเพราะพระบุตรทรงรับฟังและไม่ว่าพระแม่จะขอสิ่งใดพระแม่ก็จะได้รับ” ดังนั้นขอให้พระแม่ผู้เสนอของเราจงวิงวอนเพื่อเราคนบาปผู้น่าสงสารเถิด โปรดระลึกว่า พระแม่ได้รับอำนาจอันยิ่งใหญ่และเกียรติอันสูงส่งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของเรานั่นเอง พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่จะเป็นลูกหนี้ของพระแม่โดยการรับเอาสภาวะมนุษย์ของพระองค์จากพระแม่ เพื่อว่าพระแม่จะได้แจกจ่ายความร่ำรวยแห่งพระมหากรุณาของพระเป็นเจ้าตามใจชอบของพระแม่

            เราคือผู้รับใช้ผู้มีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อพระแม่ และลูกหวังที่จะได้เป็นคนหนึ่งในจำนวนนี้ เรารู้สึกตื่นเต้นยินดีที่จะมีชีวิตอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของพระแม่ ในเมื่อพระแม่มีความเมตตาต่อทุก ๆ คน แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยให้เกียรติแก่พระแม่ แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยให้เกียรติแก่พระแม่ แม้กระทั่งผู้ที่เกลียดและสาปแช่งพระแม่ ส่วนเราผู้ให้เกียรติ รักและไว้ใจในพระแม่ จะมิควรที่จะไว้ใจในความเมตตาของพระแม่หรือ?

            เราเป็นคนบาปต่ำช้า แต่พระเป็นเจ้าได้โปรดให้พระแม่มีอำนาจและความเมตตามากกว่าความชั่วช้าของเราเสียอีก พระแม่มีทั้งความสามารถและความปราถนาที่จะช่วยให้เรารอด ยิ่งเราไม่เหมาะสม เราก็ยิ่งจะหวังที่จะบรรลุถึงสวรรค์ และสรรเสริญพระแม่ได้มากขึ้นเพียงนั้น

            ข้าแต่พระแม่แห่งความเมตตา เราขอถวายวิญญาณของเรา ซึ่งครั้งหนึ่งได้รับการชำระล้างจนขาวสะอาดในพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้า แต่บัดนี้กลับโสมมไปด้วยบาป เราถวายเพื่อให้พระแม่ช่วยชำระล้าง โปรดให้เรามีความทุกข์อย่างแท้จริง โปรดให้เรามีความรักต่อพระเป็นเจ้า มีความพากเพียรในพระหรรษาทานและให้บรรลุถึงสวรรค์ เราขอมากไปหรือไม่? แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่พระแม่จะวอนขอให้ไม่ได้ มีสิ่งใดหรือที่จะมากเกินสำหรับความรักที่พระเป็นเจ้าทรงมีต่อมีต่อพระแม่? พระแม่เพียงแต่เปิดปากวอนขอพระบุตรของพระแม่เท่านั้น พระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธอะไรแก่พระแม่เลย ดังนั้นขอให้พระแม่อ้อนวอนเพื่อเราเถิด พระองค์จะรับฟังพระแม่ด้วยอย่างแน่นนอน และเราก็จะได้บรรลุถึงสวรรค์อย่างแน่นอนด้วย

05-02 แม่พระเสนอวิงวอนให้แก่คนบาปทุกคน

นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าว ในเมื่อชายและหญิงช่วยกันในการก่อความพินาศให้แก่เรา จึงเป็นการเหมาะสมที่ชายและหญิงคือพระเยซูเจ้าและพระมารดาของพระองค์จะร่วมกันในการไถ่บาปของเรา ท่านนักบุญกล่าวว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นก็พอเพียงแล้วในการที่จะไถ่บาปมนุษย์ แต่เป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่ทั้งสองเพศจะร่วมมือกันซ่อมแซมความพินาศซึ่งทั้งสองเพศได้เป็นผู้ก่อ” ดังนั้น นักบุญอัลแบร์โต มักโน จึงเรียกแม่พระไว้อย่างเพราะพริ้งว่า “ผู้ร่วมมือในการไถ่บาป” แม่พระเองเป็นผู้ไขแสดงแก่นักบุญบริยิดว่า อาดัมและเอวาได้ขายโลกทั้งโลกเพื่อผลไม้เพียงผลเดียว ในทำนองเดียวกันพระมารดาและพระบุตรของพระนางก็ได้ไถ่โลกด้วยดวงใจดวงเดียว นักบุญอันแซลโมกล่าวว่า พระเป็นเจ้าอาจจะสร้างโลกจากความว่างเปล่าได้ แต่เมื่อโลกได้พินาศไปเพราะบาป พระองค์ไม่ทรงปราถนาที่จะช่วยเหลือโลกโดยปราศจากความร่วมมือของแม่พระ “พระองค์ผู้สามารถทำทุกสิ่งจากความว่างเปล่า ไม่ทรงปราถนาที่จะซ่อมแซมโลกที่ชำรุดเสียหายโดยปราศจากแม่พระ”

            คุณพ่อซูอาเรสอธิบายว่า แม่พระมีส่วนร่วมในการไถ่บาปของเราสามทางด้วยกันคือ ทางแรกโดยการทำตัวของพระนางให้เหมาะสมที่จะให้พระวจนาถทรงรับเอากาย ทางที่สองโดยการสวดให้แก่เราเสมอไปในขณะที่พระนางมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทางที่สามโดยการถวายชีวิตแห่งพระบุตรของพระนางด้วยความเต็มใจแด่พระเป็นเจ้าเพื่อความรอดของเรา ด้วยเหตุนี้เอง พระเป็นเจ้าจึงได้ทรงกำหนดไว้ว่า มนุษย์ทุกคนจะได้รับความรอดของตน โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนของแม่พระ ในเมื่อพระนางได้ร่วมมือด้วยความรักอันมากมายในความรอดของมนุษย์ และในขณะเดียวกันพระนางก็ได้ประทานสิริมงคลเป็นอันมากแด่พระเป็นเจ้า

            แม่พระได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมมือในการทำให้เราได้รับพระหรรษทาน เพราะพระเป็นเจ้าได้ทรงมอบพระหรรษทานทั้งสิ้นที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้แก่เราไว้ในมือของพระนาง ดังนั้นนักบุญเบอร์นาร์โดจึงกล่าวว่า มนุษย์ทั้งหมดไม่ว่าในอดีต ในปัจจุบันหรือในอนาคต จะต้องเห็นแม่พระเป็นหนทางและผู้ไกล่เกลี่ยแห่งความรอดของเขา

            พระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า ไม่มีผู้ใดจะพบพระองค์ได้นอกจากพระบิดานิรันดรจะทรงชักจูงเขาโดยอาศัยพระหรรษทานเสียก่อน “ไม่มีผู้ใดที่จะมาถึงเราได้ หากพระบิดาผู้ส่งเรามามิได้ทรงชักจูงเขาเสียก่อน  ตามความคิดเห็นของริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอพระเยซูเจ้าตรัสแก่พระมารดาว่า “ไม่มีใครที่จะมาถึงเราได้ถ้าพระมารดาของเรามิได้ชักจูงเขา ด้วยการภาวนาของพระนาง พระเยซูเจ้าเป็นผลแห่งอุทรของแม่พระ “ผู้มีบุญกว่าหญิงใด ๆ และพระโอรสของท่านทรงบุญนัหนา” ผู้ใดต้องการผลไม้ก็ต้องเดินเข้าไปไกล้ ๆ ต้น ผู้ใดที่ต้องการพระเยซูเจ้าก็ต้องไปหาแม่พระ และผู้ใดที่พบแม่พระก็จะได้พบพระเยซูเจ้าอย่างแน่นอน

            เมื่อนักบุญเอลีซาแบ้ทเห็นแม่พระมาเยี่ยม นางไม่ทราบว่าจะขอบคุณพระนางได้อย่างไร นางกล่าวด้วยความสภาพอย่างแท้จริงว่า “เหตุไฉนข้าพเจ้าจึงได้มีเกียรติให้มารดาพระสวามีเจ้ามาเยี่ยม?” ทำไมนักบุญเอลีซาแบ้ทจึงกล่าวเช่นนั้น? แม่พระนางคงจะทราบว่ามิใช่เท่านั้นที่มาเยี่ยมนาง นางคงจะรู้แน่ว่า พระเยซูได้เสด็จมาเยี่ยมนางในบ้านด้วยเหมือนกัน ทำไมนางจึงคิดว่าตัวไม่เหมาะสมที่จะต้องรับแม่พระ แทนที่จะคิดว่านางไม่สมที่จะให้พระบุตรของพระนางมาเยี่ยมนางจนถึงบ้าน เหตุผลก็คือ เอลีซาแบ้ทรู้แน่ว่า เมื่อ แม่พระมาพระนางก็ต้องนำพระเยซูเจ้ามาด้วยอย่างแน่นอน ฉะนั้นนางจึงแน่ใจว่าการขอบคุณแม่พระโดยมิได้เอ่ยถึงพระบุตรของพระนางนั้นก็คงจะเพียงพออยู่แล้ว

            “นางเปรียบเหมือนเรือสินค้า ซึ่งนำปังมาแต่ทางไกล” แม่พระคือเรือลำนี้ซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมาจากสวรรค์ พระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นปังทรงชีวิตที่เสด็จมาจากสวรรค์ เพื่อประทานชีวิตนิรันดร “เราคือปังทรงชีวิตที่มาจากสวรรค์ ผู้ใดรับเรา ผู้นั้นจะมีชีวิตนิรันดร” ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า ในทะเลแห่งโลกนี้มีผู้ที่ได้ถูกนำตัวขึ้นไปยังเรือนี้ จะจมน้ำทุกคน กล่าวคือ ทุกคนที่ไม่มีแม่พระเป็นผู้คุ้มครองจะประสบความพินาศ ดังนั้นท่านจึงเสริมว่า เมื่อเราเห็นว่าลูกคลื่นทะเลกำลังขึ้นสูง เราต้องเรียกหาแม่พระว่า “ข้าแต่พระนางเจ้า จงช่วยเราเถิด มิฉะนั้นเราจะจมน้ำตาย” เมื่อเราพบว่าเราอยู่ในระหว่างอันตรายเพราะการประจญล่อลวงหรือราคตัณหาแห่งชีวิตนี้  เราต้องรีบวิ่งไปหาแม่พระและร้องว่า “เร็วเถิดพระแม่เจ้ารีบมาช่วยเรา ช่วยเราเถิด ถ้าพระแม่ไม่อยากจะเห็นเราพบความพินาศ”

            เราจงสังเกตว่า ท่านผู้เขียนกล่าวว่า “พระแม่เจ้าช่วยเราเถิด มิฉะนั้นเราจะจมน้ำตาย” ท่านมิได้กล่าวถึงคำโต้แย้งของนักเขียนบางคนซึ่งเราได้กล่าวถึงแล้ว ซึ่งห้ามมิให้เราขอร้องให้แม่พระช่วยเราให้รอด ที่นักเขียนคนนั้นเขาห้ามก็เพราะเขาบอกว่า การช่วยให้เรารอดนั้นเป็นหน้าที่ของพระเป็นเจ้าแต่พระองค์เดียว สมมติว่าชายผู้หนึ่งถูกตัดสินประหารชีวิต เขาจะวแนขอชีวิตของเขาโดยผ่านเพื่อนคนหนึ่งของกษัตริย์ ผู้จะช่วยเสนอวิงวอนให้แก่เขามิได้หรือ? ทำไมเราจึงขอให้แม่”พระช่วยอ้อนวอนให้แก่เรา และนำเอาชีวิตนิรันดรจากพระเป็นเจ้ามาหแก่เราไม่ได้? นักบุญยวง ดามาซีนไม่รู้สึกกลัวเลยที่จะกล่าวแก่แม่พระว่า “ข้าแต่ราชินีผู้บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน โปรดช่วยให้ลูกรอดพ้นจากโทษนิรันดรเถิด” นักบุญโบนาเวนตูราเรียกแม่พระว่า “ความรอดของผู้ที่เรียกหาแม่พระว่า “ความรอดของผู้ที่เรียกหาแม่พระ” พระศาสนจักรสนับสนุนให้เราเรียกหาพระนางว่า “สุขภาพของคนไข้” ดังนั้นเราจะเกรงใจไม่ยอมขอให้พระนางช่วยให้เราเอาตัวรอดหรือ? ในเมื่อนักเขียนผู้หนึ่งกล่าวว่า “หนทางเข้าสู่ความรอดนั้นเปิดให้แก่พระนางเท่านั้น” และก่อนหน้านี้นักบุญเยอร์มานูสได้เรียกแม่พระในทำนองเดียวกัน “ไม่มีผู้ใดที่จะได้รับความรอดโดยมิได้ผ่านพระแม่”

            แต่ให้เราหันกลับไปดูซิว่า บรรดานักบุญต่าง ๆ ได้กล่าวไว้อย่างไรบ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับความจำเป็นของคำเสนอวิงวอนของแม่พระ นักบุญคายีตันผู้รุ่งเรืองมักจะกล่าวว่า เราอาจจะแสวงหาพระหรรษทานอยู่จนแล้วจนเล่า แต่เราก็ไม่อาจพบพระหรรษทานนั้นได้ถ้าไม่มีแม่พระเป็นผู้เสนอวิงวอน นักบุญอันโตนีเห็น้ดวยกันกับท่าน ท่านกล่าวว่า “ผู้ที่พยายามแสวงหาพระหรรษทาน

โดยปราศจากแม่พระก็คือผู้ที่พยายามบินโดยไม่มีปีก” กษัตริย์ฟาโรกล่าวแก่โยแซฟว่า “ประเทศอียิปต์อยู่ในความดูแลของท่าน” แล้วพระองค์ก็ส่งทุกคนที่มาขอความช่วยเหลือไปหาโยแซฟพลางกล่าวว่า “จงไปหาโยแซฟ” ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราวอนขอพระหรรษทานจากพระเป็นเจ้าพระองค์ก็ตรัสว่า “จงไปหาพระนางมารีอา” เพราะตามความเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด พระเป็นเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ว่าพระองค์จะไม่ประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยมิได้ผ่านมือของแม่พระ เหตุนี้แหละริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงกล่าวว่า “ความรอดของเราอยู่ในมือของแม่พระ” และอาจจะพูดกับแม่พระด้วยความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าที่ชาวอียิปต์พูดแก่โยแซฟว่า “ท่านได้โปรดให้เรามีชีวิตอยู่”บุญราศีเรมุนโด ยอร์ดาโนสอนเรื่องเดียวกันและคาสเซียนกล่าวมากไปกว่านั้นเสียอีก ท่านกล่าวว่า ความรอดของมนุษย์ทุกคนนั้นขึ้นอยู่กับการที่เขาได้รับความช่วยเหลือและความคุ้มครองจากแม่พระผู้นั้นจะได้รับความรอด และผู้ที่มิได้รับความคุ้มครองจากพระนางก็จะสูญเสียวิญญาณของตน นักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนากล่าวแก่แม่พระว่า “พระแม่คือผู้แจกจ่ายพระหรรษทานทุกประการ ความรอดของเราอยู่ในมือของพระแม่”

            ดังนั้นริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงพูดถูกแล้ว เมื่อท่านกล่าวว่า ก้อนหินนั้นเมื่อพื้นที่ที่รองรับมันไว้ถูกเคลื่อนไป มันก็ต้องตก ฉันใดก็ฉันนั้น วิญญาณที่ไม่มีความช่วยเหลือจากแม่พระ ก็จะตกลงไปในบาปก่อน แล้วก็ตกไปในนรก นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า พระเป็นเจ้าจะไม่ประทานความรอดให้แก่เราโดยปราศจากคำเสนอวิงวอนของแม่พระ “ทารกมิอาจจะมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากนางพยาบาล ซึ่งคอยดูแลฉันใด เราก็ไม่อาจจะเอาตัวรอดได้โดยปราศจากความช่วยเหลือช่วยเหลือจากแม่พระ ฉันนั้น ดังนั้นท่านจึงเร้าใจเราให้หิวกระหายที่จะแสวงหาความศรัทธาต่อแม่พระ รักษาความศรัทธานี้ไว้อย่างทนุถนอม และไม่ละทิ้งเสียจนกว่าเราจะได้รับพรมารดาจากพระแม่ในเมืองสวรรค์

            นักบุญเยอร์มานู้สอุทานออกมาว่า “แล้วใครเล่าจะได้รับความรอด? ใครจะพ้นจากบาป? ใครเล่าจะได้รับพระหรรษทานใด ๆ ถ้ามิใช่เพราะพระแม่? โอ้พระมารดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยหรรษทานของพระเป็นเจ้า” จงฟังคำอันเพราะพริ้งของท่านเอง “ข้าแต่พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีผูใดเลยที่จะเรียนรู้ถึงพระเป็นเจ้านอกจากจะอาศัยพระแม่ ไม่มีใครเอาวิญญาณรอดได้ถ้าพระแม่ไม่ช่วย ไม่มีผู้ใดพ้นจากอันตรายนอกเสียจากว่า พระแม่จะปกป้อง ไม่มีผู้ใดที่จะรับพระราชทานใด ๆ จากพระเป็นเจ้า ถ้าหากไม่มีพระแม่ โอ้พระมารดาผู้เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน” อีกแห่งหนึ่งท่านนักบุญเยอร์มานู้สกล่าวแก่แม่พระว่า “ไม่มีผู้ใดที่จะพ้นจากการกัดแทะของเนื้อนหนัง ถ้าพระแม่ไม่ช่วยให้เขาทำได้”

            นักบุญเบอร์นาร์โดบอกเราว่า ในเมื่อเราจะเข้าไปถึงพระบิดานิรันดรไม่ได้โดยมิได้ผ่านพระเยซูเจ้าเสียก่อน ในทำนองเดียวกันเราก็ไม่อาจจะเข้าไปถึงพระเยซูเจ้าโดยมิได้ผ่านแม่พระ นี่เหตุผลที่ท่านได้ให้ไว้ในการที่พระเป็นเจ้าทรงกำหนดให้เราได้รับความรอดโดยอาศัยคำเสนอวิงวอนแม่พระ โดยอาศัยพระแม่เราอาจจะเข้าถึงพระบุตรได้ ข้าแต่พระแม่ผู้มีบุญได้พบพระหรรษทาน ข้าแต่พระมารดาทรงชีวิตโดยอาศัยพระแม่เราจะได้รับพระองค์ซึ่งเราได้รับโดยผ่านพระแม่ ดังนั้นท่านจึงเรียกแม่พระว่า มารดาแห่งพระหรรษทานและความรอดของเรา นักบุญเยอร์มานูสถามว่า “เราจะเป็นอย่างไรไปบ้างและความหวังในความรอดอะไรจะมีเหลืออยู่ในตัวเราอีกหรือ ข้าแต่พระแม่มารีอา ถ้าพระแม่ผู้เป็นชีวิตของคริสตังค์จะละทิ้งเรา?”

            นักเขียนสมัยใหม่ที่เราได้กล่าวถึงมาแล้วนั้น ให้เหตุผลอันโง่เขลาเบาปัญญาว่า ถ้าพระหรรษทานทั้งปวงมาถึงเราโดยผ่านแม่พระ ดังนั้นแล้วบรรดานักบุญทั้งหลายมิต้องเข้าหาแม่พระเพื่อจะได้รับพระหรรษทานเมื่อเราวอนขอให้ท่านช่วยหรือ? นักเขียนผู้นี้เขาบอกว่า ไม่มีใครเลยที่จะฝันถึงเรื่องเช่นนี้ และคงจะไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน สำหรับการเชื่อนั้น ข้าพเจ้าขอตอบว่าไม่เป็นสิ่งที่ลำบากเลย ในเมื่อพระเป็นเจ้าทรงตั้งให้แม่พระเป็นราชินีแห่งนักบุญทั้งหลาย และในเมื่อพระองค์ทรงปราถนาให้นักบุญอื่น ๆ หันไปหาพระนางเพื่อจะได้รับพระหรรษทานที่ท่านต้องการ เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่แม่พระ ส่วนเรื่องที่ว่า คงจะไม่มีใครนึกฝันที่จะพูดถึงเรื่องนี้นั้น ข้าพเจ้าขอตอบว่าข้าพเจ้าได้อ่านพบว่า นักบุญเบอร์นาร์โดนักบุญอันแซลโม นักบุญโบนาเวนตูรา ร่วมกับคุณพ่อซูอาเรส และอีกหลายท่านที่สอนเรื่องนี้อย่างชัด แจ้ง นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “ผู้ที่สวดขอนักบุญอื่น ๆ สวดไปเสียเวลาเปล่า ๆ ถ้าแม่พระมิได้ช่วยเหลือ”ในทำนองเดียวกัน นักเขียนผู้หนึ่งได้อธิบายคำในพระคัมภีร์ที่ว่า “พวกคนรวยในบรรดาประชาชนเข้ามาหาความช่วยเหลือจากท่าน” คนร่ำรวยในบรรดาประชาชนก็คือบรรดานักบุญ และเมื่อท่านต้องการจะได้รับความช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อผู้ที่มีความศรัทธาต่อท่าน ท่านก็จะหันไปหาแม่พระ และแม่พระจะเป็นผู้ที่วอนขอพระหรรษทานนั้น ๆ ให้ คุณพ่อซูอาเรสกล่าวไว้อย่างเฉลียวฉลาดว่า “ในระหว่างนักบุญต่าง ๆ นั้นเราไม่วอนขอให้นักบุญองค์หนึ่งช่วยวิงวอนนักบุญอีกองค์หนึ่ง เพราะทุกคนมีระดับเท่า ๆ กันแต่เราขอให้ท่านวอนขอกับแม่พระ เพราะพระนางคือราชินีผู้ยิ่งใหญ่ของท่าน นี่คือสิ่งที่นักบุญเบเนดิกโตสัญญาแก่นักบุญฟรันเซสแห่งโรมา ตามที่เราอ่านพบในหนังสืของคุณพ่อ มาร์เชส นักบุญเบเนดิดโตได้ปรากฏตัวแก่นักบุญฟรันเซส และสัญญาว่าจะปกป้องเธอและจะเป็นผู้เสนอวิงวอนกับแม่พระให้แก่เธอ

            ข้าพเจ้าอาจจะนำคำของนักบุญอันแซลมาใช้เพื่อพิศูจน์ความคิดเห็นข้อนี้ก็ได้ ท่านกล่าวว่า “สิ่งที่บรรดานักบุญอาจจะทำได้เมื่อท่านร่วมมือกับพระแม่นั้น พระแม่อาจจะทำได้โดยลำพังไม่ต้องอาศัยนักบุญเหล่านั้น แล้วท่านถามว่า “ทำมัยจึงเป็นเช่นนี้เล่า? ทำไมพระแม่จึงมีอำนาจเช่นนี้? เพราะพระแม่คือมารดาพระมหาไถ่นั่นเอง  พระแม่คือเจ้าสาวของพระเป้นเจ้า ราชินีแห่งสวรรค์และแผ่นดิน ถ้าพระแม่ไม่เป็นผู้เสนอให้แก่เราแล้ว บรรดานักบุญทั้งหลายก็จะไม่อ้อนวอนให้แก่เราหรือช่วยเหลือเรา แต่ถ้าพระแม่อ้อนวอนให้เรา นักบุญทั้งหลายก็จะทำเช่นเดียวกัน

            คุณพ่อเซ็กเนรีกล่าวในทำนองเดียวกันในหนังสือของท่านซึ่งมีชื่อว่า “ผู้รับใช้ที่ศรัทธาในแม่พระ” ท่านเอาคำของพระคัมภีร์มาใช้กับแม่พระเช่นเดียวกับพระศาสนจักรว่า “เราล้อมรอบขอบฟ้าแต่ลำพัง” การเคลื่อนรากฐานทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างบนฐานนั้นเคลื่อน ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราทำให้แม่พระวิงวอนเพื่อผู้ใดผู้หนึ่ง พระนางก็จะทำให้ทุกคนในสวรรค์ร่วมกันวิงวอนพร้อมกับพระนาง ที่จริงนักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า เมื่อแม่พระไปวิงวอนพระเป็นเจ้าให้เรา ในฐานะที่พระนางเป็นราชินี พระนางก็บังคับให้เทวดาและนักบุญร่วมวิงวอนกับพระนางด้วย

            บัดนี้เราคงจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมพระศาสนจักรจึงบังคับให้เราสรรเสริญแม่พระว่า “เป็นความหวังของเรา” มาร์ติน ลูเทอร์ไม่อาจจะทนได้เมื่อเห็นว่าพระศาสนจักรคาทอลิกเรียกแม่พระว่า ความหวังของเรา แม้ว่าแม่พระจะเป็นเพียงมนุษย์เท่านั้นเอง เขากล่าวว่า พระเป็นเจ้าและพระเยซูเจ้าเท่านั้น ที่เป็นความหวังของเราเขาเสริมว่าพระเป็นเจ้าทรงสาปแช่งทุกคนที่ไว้วางใจมนุษย์ และนำคำของผู้ทำนายเยเรมีอามาพิศูจน์ เยเรมีอากล่าวว่า “มนุษย์ที่ไว้ใจในมนุษย์นั้นจะถูกสาปแช่ง

            แต่พระศาสนจักรสอนให้เราเรียกหาแม่พระเสมอไป และไม่ต้องเกรงกลัวที่จะเรียกพระนางว่า “ความหวังของเรา” ใครก็ตามที่ไว้ใจในมนุษย์โดยมิได้ขึ้นกับพระเป็นเจ้านั่นแหละ จะทำให้พระองค์ไม่พอพระทัยอย่างแน่นอน พระเป็นเจ้าคือบ่อเกิดและผู้แจกจ่ายคุณความดีทุกประการ ถ้าปราศจากพระองค์เสียแล้วมนุษย์เราก็จะไม่มีอะไรและไม่สามารถจะให้อะไรแก่ผู้อื่นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าพระเป็นเจ้าทรงจัดให้พระหรรษทานทั้งสิ้นผ่านแม่พระ คล้ายกับท่อธารแห่งความเมตตา ดังที่เราได้พิศูจน์ให้เห็นแล้ว เราก็สามารถและที่จริงเราต้องบอกว่า แม่พระเป็นความหวังของเรา เพราะเราได้รับพระหรรษทานก็โดยอาศัยพระนางนั่นเอง

            นี่แหละคือเหตุผลที่นักบุญเบอร์นาร์โดเรียกพระแม่ว่าเป็นรากฐานแห่งความหวังของท่าน และนักบุญยวงดามาซีนกล่าวว่า “โอ้พระนางเจ้า ลูกได้มอบความหวังทั้งสิ้นไว้ในพระแม่ ลูกหวังในความรอดนิรันดรในขณะที่ลูกเพ่งดูพระแม่ “ นักบุญดทมัสประกาศว่า แม่พระคือความหวังทั้งสิ้นแห่งความรอดของท่าน ในหนังสือเล่มหนึ่งที่ท่านได้เขียนไว้ นักบุญเอเฟรมกล่าวว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอา ถ้าพระแม่ต้องการให้เรารอด พระแม่ก็ต้องคุ้มครองเรา เพราะเราไม่มีความหวังที่จะเอาตัวรอดโดยอาศัยผู้ใดอีกนอกไปจากพระแม่”

            ขอให้เราสรุปความด้วยคำของนักบุญเบอร์นาร์โดว่า “เราจงให้เกียรติแก่แม่พระด้วยสิ้นสุดดวงใจของเรา เพราะนี่คือน้ำพระทัยของพระองค์ผู้ทรงปราถนาให้เราได้รับทุกสิ่งทุกอย่างโดยผ่านพระนาง” ท่านเร้าใจเราให้เสนอตัวเราเองแก่แม่พระ ด้วยความหวังที่จะได้รับทุกสิ่งที่เราปราถนาจากพระนาง “เราจงแสวงหาพระหรรษทานและแสวงหาโดยอาศัยแม่พระ” นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า แม้ว่าท่านจะไม่สมควรที่จะได้รับพระหรรษทานที่ท่านขอไว้ แม่พระเองจะเป็นผู้วอนขอให้ท่านมีความเหมาะสม แล้วท่านเสริมว่า ในทำนองเดียวกัน สิ่งใดก็ตามที่ท่านถวายแด่พระเป็นเจ้า เช่น กิจศรัทธาหรือการภาวนา จงถวายผ่านแม่พระเถิดถ้าท่านต้องการให้พระเยซูเจ้าทรงรับคำภาวนาหรือกิจการนั้น ๆ

-  ตัวอย่าง -

            เรื่อง เทโอพีลูส อัยกาแห่งคอนแสตนตีโนเปิล ซึ่งยูทีเกียนผู้ได้ประสบการณ์เป็นผู้เขียนไว้นั้น  เป็นที่ล่วงรู้กันดีคุณพ่อคราเซ้ทกล่าวว่า เรื่องนี้ นักบุญเปโตรดามีอาโน นักบุญเบอร์นาร์โด นักบุญโบนาเวนตูรา นักบุญอันโตนีโนและท่านผู้อื่นอีกเป็นจำนวนมากรับว่าเป็นความจริง

            เทโอพีลูสเป็นอัครอนุสงฆ์ที่วัดในเมืองอาดานา ซึ่งอยู่ในแคว้นซีลีซีอา ทุกคนเคารพนับถือท่านมาก จนกระทั่งชาวเมืองต้องการให้ท่านเป็นสังฆราชของตน แต่เพราะความถ่อมตัวท่านปฏิเสธไม่ยอมรับหน้าที่นั้น ต่อมามีคนชั่วช้าบางคนกล่าวหาว่าท่านทำผิดอย่างหนัก ผลก็คือท่านถูกปลดออกจากตำแหน่งหน้าที่ ท่านรู้สึกขมขื่นมาก จิตใจมืดบอดด้วยอำนาจโทษะ ท่านก็ไปแสวงหาหมอผีชาวยิวและขอให้เขาช่วยให้ท่านติดต่อกับผีปีศาจ ปีศาจกล่าวว่า ถ้าเทโอพีลูสต้องการความช่วยเหลือ ท่านจะต้องปฏิเสธพระเยซูเจ้าและพระมารดาของพระองค์ เขียนคำปฏิเสธนี้เป็นลายลักษณ์อักษร และลงชื่อด้วยมือท่านเอง แล้วส่งใบเอกสารนี้ให้แก่เจ้าปีศาจ เทโอพีลูสก็เขียนและเซ็นชื่อในเอกสารอันน่าบัดสีนั้น

            ในวันรุ่งขึ้นท่านสังฆราชสำนึกตัวว่าท่านได้ทำผิดต่อเทโอพีลูสก็ขออภัยจากท่านและโปรดให้ท่านดำรงตำแหน่งอย่างเดิม เทโอพีลูสกูกมโนธรรมติเตียนอย่างสาหัสเพราะบาปชั่วช้าที่ตนได้กระทำไป และเกือบจะหมดหวัง ท่านไปที่วัดแห่งหนึ่งแล้วกราบลงแทบรูปของแม่พระ ท่านผสมน้ำตากับคำภาวนาของท่านพลางกล่าวว่า “ข้าแต่พระมารดาพระเป็นเจ้า ลูกไม่อยากที่จะหมดหวังตราบใดที่ลูกยังมีพระแม่ผู้เปี่ยมด้วยเมตตายิ่งนัก และสามารถที่จะช่วยลูกได้” ท่านร้องไห้และภาวนาวอนขอแม่พระต่อไปเป็นเวลาสี่สิบวัน

            คืนหนึงแม่ปรากฏตัวมาแก่ท่านพลางกล่าวว่า “เทโอพีลูส  เจ้าได้ทำอะไรไป? เจ้าได้ปฏิเสธมิตรภาพของเราและของพระบุตรของเรา? และของเจ้า” เทโอพีลูสตอบว่า “ข้าแต่พระนางเจ้า พระแม่จะต้องให้อภัยลูกและขออภัยโทษจากพระบุตรของพระแม่ให้ลูกด้วย” แม่พระเห็นความไว้ใจอันยิ่งใหญ่ของท่านและกล่าวแก่ท่านว่า “เอาเถิดเราจะอ้อนวอนพระเป็นเจ้าให้เจ้า” เทโอพีลลูสได้รับกำลังใจมากขึ้นจึงเพิ่มน้ำตาแห่งความทุกข์ เพิ่มการทรมานตนและการภาวนา และกราบอยู่แทบรูปแม่พระ

            ต่อมาอีกไม่นานแม่พระก็ปรากฏตัวมาแก่เขาอีกครั้งหนึ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และกล่าวแก่เขาว่า “เทโอพีลูส เราได้นำเอาน้ำตาและคำภาวนาของเจ้าไปเสนอแด่รพระเป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงรับไว้แล้วและได้ให้อภัยโทษแก่เจ้า ตั้งแต่นี้ไปจงมีความซื่อสัตย์และกตัญญู เทโอพีลูสกล่าวว่า “ข้าแต่พระนางเจ้า เท่านี้ยังไม่พอที่จะปลอบใจลูกโดยสิ้นเชิง เจ้าปีศาจมันยังเก็บใบเอกสารน่าอัปยศที่ลูกได้เซ็นชื่อปฏิเสธพระแม่และพระบุตรของพระแม่ไว้ พระแม่เท่านั้นจะนำเอามาให้ลูกได้” เช้าวันหนึ่ง เทโอพีลูสตื่นขึ้นและพบเอกสารนั้นวางอยู่บนหน้าเอกสารของท่าน

            วันรุ่งขึ้น ในขณะที่สังฆราชและคนเป็นจำนวนมากรวมกันอยู่ในวัด เทโอพีลูสเข้าไปกราบแทบเท้าของสังฆราช ท่านเล่าเรื่องให้สังฆราชฟังทุกอย่างตามที่เกิดขึ้น และนำเอาเอกสารปีศาจนั้นคืนให้แก่ท่านสังฆราช สังฆราชก็สั่งให้เอาใบเอกสารนั้นมาเผาต่อหน้าทุก ๆ คน ผู้คนพากันสรรเสริญคุณความดีของพระเป็นเจ้า และความเมตตาที่แม่พระได้แสดงต่อคนบาปคนนี้ แล้วเทโอพีลูสก็กลับไปที่วัดของแม่พระ ต่อมาอีกสามวันท่านก็สิ้นใจตายด้วยความชื่นชมยินดีและถวายโมทนาคุณแด่พระเยซูเจ้าและพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

-  บทภาวนา -

            ข้าแต่พระราชินีและมารดาแก่งความเมตตาผู้ประทานพระหรรษทานแก่ทุกคนที่วอนขอด้วยความใจกว้างขวาง ในฐานะที่พระแม่เป็นราชินีของเราและเปี่ยมด้วยความรักอันมากมาย ในฐานะที่แม่พระเป็นมารดาของเรา วันนี้ลูกเข้ามาหาพระแม่ ลูกอยากจนเข็ญใจในบุญกุศลต่าง ๆ และเป็นหนี้พระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าอย่างมากมาย แต่พระแม่ถือไว้ซึ่งกุญแจแห่งความเมตตาของพระเป็นเจ้า โปรดมองดูสภาพอันน่าเวทนาของลูกเถิด อย่าละทิ้งลูกให้อยู่ในสภาพอันน่าสมเพชนี้เลย พระแม่มีใจกว้างขวางต่อทุก ๆ คน และประทานเกินกว่าที่เขาจะขอเสียอีก โปรดมีใจกว้างขวางเช่นนี้กับลูกบ้างก็แม่คุ้มครองลูกแล้ว ลูกก็จะไม่กลัวสิ่งใด ไม่กลัวบาปของลูก เพราะว่าพระแม่เพียงแต่เอ่ยคำเดียว พระเป็นเจ้าก็จะอภัยโทษให้แก่ลูกโดยสิ้นเชิง ลูกไม่กลัวพระพิโรธของพระเป็นเจ้า เพราะคำภาวนาของพระแม่แต่เพียงคำเดียวเท่านั้นก็พอแล้วที่จะทำให้พระองค์หมดความโกรธเคือง ถ้าพระแม่ปกป้องลูก ลูกก็จะหวังทุกอย่างเพราะพระแม่สามารถวอนขอได้ทกสิ่ง

            ข้าแต่พระมารดาแห่งความเมตตา ลูกรู้ว่าพระแม่ภูมิใจที่จะได้ช่วยผู้ที่ตกทุกได้ยากมากที่สุด และพระแม่จะช่วยเขาตราบใดที่เขาไม่ทำใจแข็งกระด้าง ลูกเป็นคนบาปจริง ๆ และเป็นคนบาปที่ใจแข็งกระด้าง ลูกเป็นคนบาปจริง ๆ และเป็นคนบาปที่ใจแข็งด้วย แต่ลูกอยากจะเปลี่ยนหนทางชีวิตใหม่ พระแม่ช่วยลูกได้ โปรดช่วยและประทานความรอดให้แก่ลูกเถิด วันนี้ลูกขอมอบตนเองโดยสิ้นเชิงไว้ในมือของพระแม่โปรดบอกให้ลูกทราบว่าลูกต้องทำอะไรบ้างเพื่อเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า ลูกปราถนาจะกระทำสิ่งนั้นด้วยอาศัยความช่วยเหลือของพระแม่ ข้าแต่พระแม่มารีอา ผู้เป็นมารดา ความสว่าง ความชื่นชมยินดี ที่หลบภัยและความหวังของลูก อาแมน

05-01 การเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นจำเป็นสำหรับความรอดของเรา

“ถอนใจใหญ่ร้องหาท่าน พิลาปร่ำไห้ ในเหวน้ำตานี้”

ความจริงที่ว่า การเรียกหาและสวดของบรรดานักบุญ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งของราชินีแห่งนักบุญทั้งหลาย เพื่เราจะได้รับพระหรรษทานจากพระเป็นเจ้า มิใช่แต่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ยังเป็นสิ่งที่มีประโยชน์นั้น เป็นข้อความเชื่อของเราชาวคริสตังค์ ความเชื่อข้อนี้บรรดาสังคายนา สากล หลายแห่งได้ประกาศไว้เพื่อประท้วงพวกเฮเรติ๊กบางคนที่กล่าวว่า การเชื่อเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งเป็นผู้เสนอแต่เพียงพระองค์เดียวของเรา ถ้าเยเรมีอาสวดให้เยรูซาแลมหลังจากที่ท่านสูญเสียชีวิตไปแล้ว ถ้าบรรดาอัยกาในพระธรรมวิวรณ์ได้นำคำภาวนาของพวกคริสตังค์ไปถวายแด่พระเป็นเจ้า ถ้านักบุญเปโตรสัญญว่าจะระลึกถึงสาวกของท่านหลังจากที่ได้สิ้นใจไปแล้ว ถ้านักบุญสเตฟาโนสวดให้แก่ผู้ที่ประหารชีวิตท่าน ถ้านักบุญเปาโลสวดให้เพื่อน ๆ ของท่าน และถ้าบรรดานักบุญทั้งหลายอาจจะสวดให้เราได้แล้ว ทำไมเราจึงวอนขอให้ท่านสวดให้แก่เราไม่ได้?นักบุญเปาโลขอให้สาวกของท่านสวดให้แก่ท่าน “พี่น้อง ท่านจงสวดให้เราด้วย” นักบุญยาโกเบเร้าใจให้ภาวนาให้แก่กันและกัน “จงสวดให้แก่กันและกันเพื่อท่านจะได้บรรลุถึงความรอด” ดังนี้แล้วเราก็อาจทำเช่นเดียวกันได้

            ไม่มีผู้ใดจะปฏิเสธได้เลยว่า พระเยซูคริสตเจ้าคือ “ผู้เสนอความยุติธรรม” โดยอาศัยพระบารมีของพระองค์ พระองค์ได้โปรดให้เราคืนดีกับพระเป็นเจ้า แต่การกล่าวว่า พระเป็นเจ้าไม่ทรงพอพระทัยที่จะประทานพระหรรษทานของพระองค์ เพราะบรรดานักบุญของพระองค์เป็นผู้วิงวอน หรือเพราะแม่พระ พระมารดาซึ่งพระองค์ทรงปราถนาให้ด้รับเกียรติและความรักอย่างมากมายเป็นผู้วอนขอนั้นย่อมเป็นบาปทีเดียว ใครจะพูดได้ว่า เกียรติที่แม่ได้รับนั้นจะไม่ล้นมาถึงพระบุตรของพระนาง “ความรุ่งเรืองของลูก ๆ อยู่กับพ่อแม่ของตน”

            ดังนั้นนักบุญเบอร์นป็นบาร์โดจึงกล่าวว่า เราไม่ควรจะคิดว่าเราจะทำให้ชื่อเสียงของบุตรมัวหมองไป เพราะคำสรรเสริญที่เราให้แก่มารดาของเขา ตรงกันข้ามยิ่งเรายกย่องมารดาเพียงใด ชื่อเสียงของบุตรของนางก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเพียงนั้น นักบุญอินเดฟอนโซเสริมไว้อย่างสมเหตุสมผลแล้วว่า “พระราชินียิ่งได้รับเกียรติมากเพียงใด พระราชาก็ยิ่งได้รับเกียรติและสูงส่งมากขึ้นเพียงนั้น” ไม่ต้องเป็นที่สงสัยเลยว่า แม่พระได้รับหน้าที่เป็นผู้เสนอแห่งความรอดของเรา โดยอาศัยพระบารมีของพระเยซูเจ้า ถูกแล้ว พระนางมิใช่ผู้เสนอตามความยุติธรรม แต่ในเรื่องพระหรรษทานและการวอนขอ นักบุญโบนาเวนตูราได้กล่าวไว้ว่า “เอว่าผู้ปราศจากความซื่อสัตย์เป็นผู้เสนอแห่งความพินาศ แม่พระผู้ซื่อสัตย์คือผู้เสนอแห่งความรอดของเรา” และนักบุญเลาเร็นซีโอ ยูสตีนีอานีถามว่า “พระนางผู้ถูกตั้งให้เป็นบันไดและประตูแห่งสวรรค์และผู้เสนอที่แท้จริง ระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์นั้น จะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร นอกจากจะเปี่ยมด้วยหรรษทาน?”

            นักบุญอันแซลโมตั้งข้อสังเกตว่า เวล่าที่เราวอนขอพระหรรษทานจากแม่พระนั้น มิใช่เพราะเราขาดความไว้ใจในพระมหากรุณาของพระเป็นเจ้าดอก แต่เพราะเราไม่ไว้ใจในความไม่เหมาะสามของตัวเราเอง เราเสนอตัวของเราแก่แม่พระ เพื่อว่าความเหมาะสมของพระนางจะได้ชดใช้ความบกพร่องของเรา”

            ผู้ที่ไม่มีความเชื่อเท่านั้นที่สงสัยว่า การพึ่งพาอาศัยแม่พระนั้นมิใช่การกระทำที่ศักดิ์สิทธิ์และมีผลประโยชน์ จะพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ จุดประสงค์ของเราในที่นี้ก็คือ การพิสูจน์ให้เห็นว่าคำเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นจำเป็นสำหรับความรอดของเรา มิใช่ว่าจำเป็นอย่างที่จะขาดเสียมิได้ แต่จำเป็นอย่างที่เราไม่ควรจะขาดเสียยิ่งไปกว่านั้น เราขอกล่าวว่า ความจำเป็นนี้มีบ่อเกิดมาจากน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ผู้ทรงปราถนาให้พระหรรษทานทุกประการที่พระองค์ประทานนั้นผ่านมือของแม่พระเสียก่อน นี่คือความเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด ซึ่งทุกวันนี้เราอาจจะพูดได้ว่า เป็นความเห็นทั่วไปของนักเทวศาสตร์และนักศึกษา

            คุณพ่อเอมานูแอลแห่งเยซูมารีอา นักบวชคณะคาร์แมลผู้เขียนหนังสือเรื่อง “การครอบครองของแม่พระ” ก็กล่าวว่าเป็นเช่นนี้และผู้ที่ถือตามท่านก็มีเวก้า เม็นโดซ่า พาซีอูแชลลี เช็กเนรี พอยเรคราเซ และท่านผู้มีความรู้อีกเป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งคุณพ่อโนแอล อเล็กแซนเดรก็มีความเห็นช่นเดียวกันนี้ และตามธรรมดาท่านผู้นี้ออกจะเข้มงวดอยู่สักหน่อยในความคิดเห็นของท่าน ต่อไปนี้เป็นคำพูดของท่านเอง ท่านกล่าวว่า “พระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้เราหวังที่จะได้รับพระหรรษทานทั้งสิ้นจากพระองค์ และให้เราได้รับพระหรรษทานเหล่านี้โดยอาศัยการเสนอวิงวอนอันทรงอำนาจของแม่พระ เมื่อเราเรียกหาพระนาง ซึ่งเป็นการกระทำที่เหมาะสมแล้ว” เพื่อเป็นการพิสูจน์คำพูดของท่าน คุณพ่อโนแอลนำคำของนักบุญเบอร์นาร์โดมาใช้ซึ่งมีอยู่ว่า “นี่คือน้ำพระทัยของพระองค์ กล่าวคือพระองค์ทรงปราถนาให้เราได้รับทุกสิ่งโดยผ่านแม่พระ” คุณพ่อคอนเทนซันเห็นพ้องด้วย เมื่อท่านอธิบายคำที่พระสวามีเจ้าตรัสแก่นักบุญยวงบนไม้กางเขนว่า “นี่แหละแม่ของเจ้า” คล้ายกับพระองค์จะตรัสว่า “ไม่มีผู้ใดที่จะมีส่วนในโลหิตของเรา โดยมิได้ผ่านการเสนอวิงวอนของพระมารดาของเรารอยแผลของเราคือลำธารแห่งพระหรรษทาน แต่น้ำแห่งลำธารนี้จะไม่ไปถึงผู้ใดเลย โดยมิได้ผ่านแม่พระผู้เป็นเหมือนท่อระบายของลำธารนี้ ยวง สานุศิษย์ของเรา เราจะรักเจ้าเท่า ๆ กับที่เจ้ารักพระนาง”

            ข้อสอนที่ว่า พระหรรษทานทุกประการที่เราได้รับจากพระสวามีเจ้ามาถึงเราโดยผ่านแม่พระนั้น ไม่เป็นที่พอใจของนักเขียนสมัยใหม่บางคน แม้ว่าเขาจะพูดถึงเรื่องการมีความศรัทธาที่แท้จริงและในทางที่ผิดในด้านต่าง ๆ ด้วยความสามารถและด้วยความศรัทธามากแต่เวลาเขาพูดถึงการมีความศรัทธาต่อแม่พระนั้น ดูเหมือนว่าเขาไม่เต็มใจถวายสิริมงคล ซึ่งนักบุญเยอร์มานู้ส นักบุญอันแซลโม นักบุญยวง ดามาซีน นักบุญอันโตนีนู้ส นักบุญนาร์ดีนแห่งซีเอนา และท่านเจ้าอาวาสผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งเซเล และผู้ที่มีความรู้เป็นจำนวนมากได้เคยถวายให้แก่พระนาง โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลย ท่านเหล่านี้ได้ให้เหตุผลที่เราได้พูดถึงแล้วคือ การเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นไม่เพียงแต่มี่ประโยชน์เท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอีกด้วย นักเขียนสมัยใหม่ผู้นี้เขาบอกว่า ความคิดเห็นนี้ เป็นแต่เพียงคำเปรียบเทียบ อันเกินความจริงซึ่งหลุดมาจากริมฝีปากของบรรดา นักบุญในเมื่อท่านเร่าร้อนไปด้วยความศรัทธา เขาบอกว่า ที่จริงเราต้องเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ว่า เราได้รับพระเยซูเจ้าโดยอาศัยพระบารมีของพระองค์ การเชื่อว่าพระเป็นเจ้าจะประทานพระหรรษทานใด ๆ ไม่ได้โดยที่แม่พระมิได้วิงวอนนักเขียนผู้นี้บอกว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะนักบุญเปาโลบอกเราว่า เรายอมรับแต่เพียงพระเป็นเจ้าพระองค์เดียวและผู้เสนอระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น คือ พระเยซูคริสตเจ้า

            ตามความคิดเห็นที่เขายอมรับในหนังสือของเขาเองนั้นการเสนอตามความยุติธรรมเพราะบุญกุศลนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการเสนอในเรื่องพระหรรษทานโดยอาศัยการภาวนานั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือ การพูดว่า พระเป็นเจ้าไม่สามารถ และการพูดว่าพระองค์ ไม่ทรงปราถนา ที่จะประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยไม่มีแม่พระเป็นผู้เสนอวิงวอนนั้น ผิดกันมาก!  เรายอมรับอย่างแน่นอ นทีเดียวว่า พระเป็นเจ้าคือบ่อเกิดแห่งความดีทุกประการ และทรงเป็นเจ้าของเด็ดขาดของพระหรรษทานทั้งสิ้น และแม่พระนั้นเป็นเพียงมนุษย์ ผู้ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระนางมีอยู่เป็นบำเหน็จจากพระเป็นเจ้าเท่านั้นเอง แต่ใครเล่าจะปฏิเสธได้ว่า การที่พระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้พระหรรษทานที่มีไว้สำหรับวิญญาณที่ได้รับการไถ่บาปแล้วต้องผ่านมือแม่พระและให้พระนางเองเป็นผู้แจกจ่ายนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องตากหลักเหตุผลและเหมาะสมที่สุด ในเมื่อพระนางได้เคยรักและให้เกียรติแก่พระองค์ตลอดชีวิตของพระองมากกว่าผู้อื่น และพระองค์เองเป็นผู้เลือกให้พระนางเป็นพระมารดาแห่งพระบุตรผู้เป็นองค์พระมหาไถ่ของเราทุกคน เราพร้อมที่จะยอมรับว่า พระเยซูคริสตเจ้านั้นเป็น “ผู้เสนอแห่งความยุติธรรม” แต่ผู้เดียว ตามที่เราได้กล่าวมาแล้ว เพราะพระองค์ได้รับพระหรรษทานและความรอดให้แก่เราโดยอาศัยพระบารมีของพระองค์ แต่เรากล่าวว่า แม่พระเป็นผู้เสนอวิงวอนแห่งพระหรรษทาน แน่ละ สิ่งใดที่พระนางได้รับ พระนางได้รับโดยอาศัยพระบารมีของพระคริสตเจ้า ดังนั้นพระนางจึงวอนขอและสวดภาวนาในพระนามของพระองค์ แต่อย่างไรก็ตาม พระหรรษทานทุกประการที่เราแสวงหานั้น เราจะได้รับก็โดยอาศัยการภาวนาและการเสนอวิงวอนของพระนางเท่านั้น

            ในเรื่องนี้ไม่มีสิ่งใดเลยที่ผิดต่อข้อความเชื่อ ที่จริงเป็นสิ่งที่พ้องตามคำสอนของพระศาสนจักรมาก พระศาสนจักรได้รับรองบทภาวนาเป็นจำนวนมากซึ่งได้สอนให้เราหันไปพึ่งพาอาศัยแม่พระเสมอไป มีบทภาวนามากมายที่เรียกแม่พระว่า ความรอดของคนไข้ ที่หลบภัยของคนบาป องค์อุปถัมภ์ของคริสตังค์ ชีวิตและความหวังของเราในบทออฟีชีอุมสำหรับวันฉลองของแม่พระ พระศาสนจักรเอาคำของพระคัมภีร์มาใช้กับแม่พระ เพื่อให้เราเข้าใจว่าเราจะได้พบกับความหวังทั้งสิ้นของเราในพระนาง “ในตัวเรามีความหวังแห่งชีวิตและฤทธิ์กุศล” ในแม่พระเราพบกับพระหรรษทานทุกประการ “ในตัวเรามีพระหรรษทานแห่งหนทางและความจริงทั้งสิ้น” ในแม่พระเราพบกับชีวิตและความรอดตลอดนิรันดร “ผู้ที่พบเรา จะพบชีวิตและจะได้รับความรอดจากพระสวามีเจ้า” อีกแห่งหนึ่งในพระคัมภีร์เราอ่านพบว่า “ผู้ที่ทำงานเคียงข้างกับเราจะไม่ทำบาป ผู้ที่อธิบายเราจะมีชีวิตนิรันดร” ที่ได้กล่าวมานี้แสดงให้เห็นว่าเราต้องการการเสนอวิงวอนของแม่พระมากเพียงไร?

            นี่แหละคือสิ่งที่บรรดานักเทวศาสตร์ และปิตาจารย์ของพระศาสนจักรได้ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักแน่ใจ การที่จะพูดว่าเมื่อท่านเหล่านี้กล่าวถึงแม่พระ ท่านพูดเกินความจริงไปและคำพูดของท่านหลุดมาจากริมฝีปากในขณะที่เร่าร้อนไปด้วยความศรัทธาดังที่นักเขียนสมัยใหม่ผู้นี้เขากล่าวหานั้ยย่อมเป็นการพูดที่ผิด เราไม่ควรจะพูดว่าบรรดาท่านนักบุญพูดเกิน่ความจริง ท่านนักบุญเต็มไปด้วยพระจิตเจ้าซึ่งเป็นองค์แห่งความจริง และพระองค์ตรัสแก่เราโดยอาศัยท่านเหล่านี้

            โปรดให้อภัยโทษข้าพเจ้าที่จะขอแสดงความคิดเห็นของข้าพเจ้าเองในเรื่องนี้ คือ เมื่อความคิดเห็นหันไปในทางที่จะให้เกียรติแก่แม่พระซึ่งมีราฐานอยู่ในความเชื่อ ไม่ขัดแย้งต่อข้อความเชื่อและกฏของพระศาสนจักรหรือความจริงแล้ว การปฏิเสธไม่ยอมถือตาม หรือการโต้แย้งเพราะฝ่ายตรงกันข้ามอาจจะถูกแล้ว ย่อมแสดงให้เห็นว่าคนผู้นนั้น มีความศรัทธาต่อแม่พระน้อยเต็มที ตัวข้าพเจ้าจะไม่ขอรวมอยู่กับผู้ที่มีความศรัทธาต่อแม่พระน้อย และข้าพเจ้าจะขออยู่ในจำพวกผู้ที่เชื่อทุกอย่างซึ่งเราอาจจะเชื่อได้อย่างมั่นคง โดยไม่ผิดต่อข้อความเชื่อในเรื่งที่เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของแม่พระดีกว่า เมื่อท่านเจ้าอาวาสรูเพิร์ตกล่าวถึงวิธีต่าง ๆ ที่เราอาจจะสรรเสริญแม่พระได้ท่านกล่าวว่า ทางที่ข้าพเจ้าว่านี้เป็นทางที่เด่นที่สุดคือ “การเชื่อมั่น่ในทุกอย่างที่จะทำให้พระนางมีเกียรติมงคลมากขึ้น” ถ้าไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ความกลัวว่าเราจะสรรเสริญแม่พระมากเกินไป สูญหายไปแล้ว ก็ให้เราเชื่อคำของนักบุญเอากูสตีโนเถิด ท่านนักบุญกล่าวว่า สิ่งใดก็ตามที่เรากล่าวเพื่กอเป็นการสรรเสริญแม่พระ มันก็ยังน้อยเกินไปเมื่อเรามาเปรียบกับเกียรติของพระนางในฐานะที่เป็นมารดาของพระเป็นเจ้า และพระศาสนจักรกำหนดให้เราสวดในมิสซาของแม่พระว่า “โอ้พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ แม่พระมีโชคดีจริง ๆ และเหมาะสมแก่คำสรรเสริญทุกประการเป็นอย่างยิ่ง”

            แต่เราจงหันกลับมาพูดถึงเรื่องที่เรากำลังพูดค้างกันอยู่เถิดและพิจารณาดูซิว่า บรรดานักบุญได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้างนักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า พระเป็นเจ้าโปรดให้แม่พระเปี่ยมไปด้วยพระหรรษทาน เพื่อว่าด้วยอาศัยแม่พระผู้เปรี่ยบเสมือนท่อพระหรรษทานมนุษย์จะได้รับสิ่งต่าง ๆ ที่ตนต้องการ ท่านกล่าวว่า “ก่อนที่แม่พระจะบังเกิดนั้น มิได้มีพระหรรษทานที่หลั่งไหลมาในโลกอย่างมากมายดังเช่นนี้สำหรับมนุษย์ทุกคน เพระว่าบ่อเก็บพระหรรษทานซึ่งมนุษย์ปราถนานักหนายังมิได้บังเกิด” แล้วท่านเสริมว่า เพราะเหตุนี้แหละที่พระเป็นเจ้าประทานแม่พระให้แก่โลกเพื่อว่าพระหรรษทานจะได้หลั่งไหลจากพระเป็นเจ้าลงมายังมนุษย์โดยอาศัยพระนาง

            โฮโลแฟร์เนสได้ออกคำสั่งให้ทำลายที่เก็บน้ำ เพื่อจะได้ทำการยึดเมืองเบรูลีอาให้เป็นผลสำเร็จ ในทำนองเดียวกัน ผีปีศาจจะพยายามสุดความสามารถของมันในอันที่จะทำให้มนุษย์สูญเสียความศรัทธาต่อแม่พระ ถ้าท่อธารแห่งพระหรรษทานนี้ปิดแล้ว ปีศาจก็จะเอาชนะเขาได้โดยไม่ลำบากเลย นักบุญเบอร์นาร์โดจึงกล่าวต่อไปว่า “ดูซิว่าพระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้เรามีความศรัทธาต่อแม่พระอย่างอ่อนหวานเพียงไร? พระองค์ประทานพระหรรษทานอันเปี่ยมล้นไว้ในพระนาง จนกระทั่งความหวังที่จะเอาตัวรอดทั้งหมดจะมาถึงตัวเราได้ก็โดยอาศัยพระนางนั่นเอง นับุญอันโตนีนุสก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า “พระหรรษทานทุกประการที่พระเป็นเจ้าได้ประทานแก่มนุษย์นั้น่ต้องผ่านแม่พระเสียก่อน”

            เราเปรียบแม่พระว่าเป็นเสมือนดวงจันทร์ นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า เหตุผลมีอยู่ว่า ดวงจันทร์นั้นเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับโลกของเรา และส่องแสงที่ได้รับมายังโลก ในทำนองเดียวกัน แม่พระก็ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ พระนางประทานพระหรรษทานแห่งสวรรค์ซึ่งพระนางได้รับการดวงอาทิตย์แห่งความยุติธรรมคือพระเยซูเจ้า ให้หลั่งไหลมายังโลกมนุษย์

            แม่พระได้ชื่อว่าเป็น “ประตูสวรรค์” ตามความคิดเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด กติกาการประทานความช่วยเหลือหรือให้อภัยโทษของมหากษัตริย์ต้องผ่านประตูราชวังฉันใด พระหรรษทานทุกประการก็ต้องผ่านมือของแม่พระฉันนั้น

            นักเขียนในสมัยโบราณท่านหนึ่ง ซึ่งได้เขียนบทเทศน์สำหรับวันแม่พระถูกยกขึ้นสวรรค์ซึ่งได้จัดพิมพ์ขึ้นรวมกับหนังสือของนักบุญเยโรนีโมกล่าวว่า พระหรรษทานทั้งสิ้นนั้นรวมอยู่ในพระคริสตเจ้าในฐานะที่พระองค์เป็นเสมือนศีรษะ จากศีรษะนี้พระหรรษทานที่อำนวยชีวิตทั้งหลายได้หลั่งไหลมายังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย พระหรรษทานที่เขาต้องการในอันที่จะบรรลุถึงชีวิตนิรันดร แต่พระหรรษทานเดียวกันนี้ก็อยู่ในพระแม่ด้วย เพราะพระนางเป็นเสมือนลำคอซึ่งระบายพระหรรษทานทรงชีวิตนี้มายังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นักบุญเบอร์นาร์ดีนแห่งซีเอนาก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ท่านกล่าวว่า “พระหรรษทานที่อำนวยชีวิตได้หลั่งไหลมายังพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าผู้เป็นเสมือนศีรษะโดยผ่านแม่พระ”

            นักบุญโบนาเวนตูราพยายามที่จะให้เหตุผลในเรื่องนี้เมื่อท่านอ้างว่า ในเมื่อพระเป็นเจ้าทรงเลือกที่จะสถิตอยู่ในครรภ์ของแม่พระเราอาจพูดได้ว่า แม่พระได้รับสิทธิ์เหนือพระหรรษทานทั้งสิ้นเมื่อพระเยซูเจ้าทรงกำเนิดมาจากครรภ์อันบริสุทธิ์ของพระนาง ก็เกิดมีลำธารแห่งพระหรรษทานหลั่งไหลมาจากพระนาง คล้ายกับว่ามาจากมหาสมุทรแห่งพระเป็นเจ้า นักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนาก็กล่าวในทำนองเดียวกัน แต่ว่าชัดเจนกว่า เมื่อท่านกล่าวว่า ตั้งแต่เวลาที่พระวจนาถทรงปฏิสนธิในครรภ์ของพระมารดาผู้บริสุทธิ์ เราอาจจะพูดได้ว่า พระนางได้มีสิทธิ์พิเศษในพระราชทานต่าง ๆ ที่เราได้รับจากพระจิตเจ้า จนกระทั้งไม่มีผู้ใดเลยที่ได้รับพระหรรษทานใด ๆ ทั้งสิ้นโดยที่พระหรรษทานนั้นมิได้ผ่านมือแม่พระเสียก่อน

            ท่านผู้ทำนายเยเรมีอากล่าวในคำทำนายของท่านว่า “หญิงคนหนึ่งจะทำวงล้อมรอบชาย” นักเขียนผู้หนึ่งอธิบายคำพูดนี้ว่า เราจะลากเส้นผ่านเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของวงกลมโดยไม่ผ่านเส้นรอบวงกลมนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ฉันใดก็ฉันนั้น ไม่มีพระหรรษทานใดที่จะมาจากพระเยซูเจ้า ผู้เป็นจุดศูนย์กลางแห่งความดีทั้งหลายโดยมิได้ผ่านแม่พระผู้ล้อมรอบพระองค์ ในเมื่อพระนางรับพระองค์ไว้ในครรภ์ของพระนาง

            จากความจริงข้อนี้ นักบุญเบอร์นาดีนจึงสรุปความว่าพระราชทานทั้งหลาย ฤทธิ์กุศลและพระหรรษทานทั้งสิ้น จะได้รับการแจกจ่ายโดยผ่านมือแม่พพระสให้แก่ผู้ที่พระนางปราถนาตามกำหนดเวลาและตามแบบแผนที่พระนางปราถนา ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอก็กล่าวด้วยว่า สิ่งก็ตามที่พระเป็นเจ้าทรงปราถนาจะประทานให้แก่มนุษย์ พระองค์ประทานให้โดยผ่านมือแม่พระ นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้ท่านเจ้าอาวาสแห่งเซลส์สนับสนุนให้ทุก ๆ คนเข้ามาพึ่ง “ขุมสมบัติแห่งพระหรรษทาน” นี้ดังที่ท่านเรียกพระนาง ท่านกล่าวว่า “จงไปหาพรหมจารีผู้นี้เถิด เพราะว่าโลกเราจะได้รับพรทุกประการก็โดยอาศัยพระนาง”

            บัดนี้คงจะเป็นที่แจ่มแจ้งแก่ทุกคนแล้วว่า ในเมื่อบรรดานักเขียนและนักบุญบอกเราว่า พระหรรษทานทั้งสิ้นมาถึงตัวเราโดยผ่านแม่พระนั้น ท่านมิได้มุ่งหมายที่จะกล่าว (ดังที่นักเขียนที่เรากล่าวถึงเขาคิด) ว่าเราได้รับพระเยซูคริสตเจ้าที่มาแห่งพระหรรษทานทุกประการโดยอาศัยแม่พระ ท่านนักเขียนและท่านนักบุญเหล่านั้นให้ความแน่ใจแก่เราว่า หลังจากที่พระเป็นเจ้าประทานพระเยซูคริสตเจ้าให้แก่เรา พระองค์ทรงปราถนาว่า ตั้งแต่เวลานั้นจนกระทั่งวันสิ้นพิภพ พระหรรษทานต่าง ๆ ที่พระองค์จะประทานให้แก่มนุษย์ด้วยเดชะพระบารมีของพระเยซูคริสตเจ้านั้น จะต้องผ่านมือแม่พระ และพระนางจะต้องเป็นผู้วอนขอให้เรา

            คุณพ่อซูอาเรสสรุปความว่า ในปัจจุบันนี้ พระศาสนจักรสอนโดยทั่วไปว่า คำเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นมิใช่แต่จะมีปรโยชน์เท่านั้น ยังจำเป็นอีกด้วย ดังที่เราได้กล่าวไว้แล้วว่า การเสนอวิงวแนนี้ไม่จำเป็นจนถึงกับว่าไม่มีไม่ได้ เพราะคำเสนอวิงวอนพระคริสตเจ้าเท่านั้นที่มีความจำเป็นแบบนี้ พระศาสนจักรเห็นพ้องกับนักบุญเบอร์นาร์โดว่า พระเป็นเจ้าทรงกำหนดไว้ว่า พระองค์จะไม่ประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยมิได้ผ่านมือแม่พระเสียก่อน แม้ก่อนเวลาของนักบุญเบอร์นาร์โด นักบุญอิลเดฟอนโซก็ได้พูดในทำนตองเดียวกันแล้ว เมื่อท่านกล่าวกับพระนางว่า “โอ้พระแม่มารีอา พระสวามีเจ้าทรงกำหนดไว้ว่า ความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงปราถนาจะประทานให้แก่มนุษย์นั้น พระองค์ได้ฝากไว้ในมือของพระแม่ “นักบุญเปโตร ดามีอาโนตั้งข้อสังเกตว่า พระเป็นเจ้าจะไม่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์โดยที่แม่พระมิได้ยินยอมเพราะเหตุผลสองประการคือ ประการแรก เพื่อว่าเราจะได้รู้สึกว่าเราเป็นหนี้แม่พระอย่างสูง และประการที่สองก็คือ เพื่อให้เราเข้าใจว่า พระองค์ได้ปล่อยให้แม่พระเป็นผู้ดูแลและตัดสินความรอดของเรา

            ท่านผู้ทำนายอีซาอีกกล่าวว่า “แล้วจะมีหน่อจากรากของเยสเซ และจะมีดอกไม้ออกจากรากนี้ และพระจิตแห่งพระสวามีเจ้าจะสถิตอยู่กับท่าน” ซึ่งหมายความว่า พรหมจารีผู้หนึ่ง คือ แม่พระจะมีการกำหนดมาจากผู้สืบตระกูลของเยสเซและจากตัวพระนางเองจะมีดอกไม้ คือพระวจนาถ ผู้ทรงรับเอากาย เมื่อรำพึงถึงคำทำนายนี้ นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวคำอันสวยงามดังต่อไปนี้ออกมาว่า “ใครก็ตามที่ปราถนาจะได้พระหรรษทานของพระจิตเจ้า ก็ควรจะแสวงหาดอกไม้ที่บนก้าน ด้วยอาศัยกิ่งไม้เราจะมาถึงดอกไม้เอง และโดยอาศัยดอกไม้นี้เราจะได้พบกับพระจิตเจ้า กล่าวคือ ขอให้ทุกคนแสวงหาพระเยซูเจ้าโดยอาศัยแม่พระ แล้วหลังจากที่ได้พบพระเยซูเจ้าโดยอาศัยแม่พระเราจะได้มาถึงพระจิตเจ้าของพระเป็นเจ้าโดยอาศัยพระเยซูเจ้า

            ในบทที่สิบของหนังสือเล่มเดียวกันนี้ ท่านนักบุญได้เสริมว่า “ถ้าท่านปราถนาจะเป็นเจ้าของดอกไม้นี้ ก็จงดึงกิ่งไม้ที่มีดอกไม้นี้ลงมาโดยการภาวนาของท่าน นี้คือทางที่จะทำให้ท่านได้ดอกไม้นั้นมาเป็นกรราสิทธิ์ ในบทเทศน์สำหรับวันฉลองพระคริสตประจักษ์นักบุญฟรันซิสอธิบายคำในพระวรสารที่ว่า “พวกเขาพบพระกุมารกับพระมารดาของพระองค์” แล้วท่านบ่งไว้ว่า ถ้าเราต้องจะพบพระเยซูเจ้า เราต้องไปหาแม่พระ และโดยอาศัยพระนางเทานั้น” ผู้ที่ไม่พยายามแสวงหาพระเยซูเจ้ากับพระแม่ ผู้นั้นเสียเวลาแสวงหาพระองค์เปล่า ๆ นี่คงจะเป็นเหตุผลให้นักบุญอิลเดฟอนโซกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยากจะเป็นทาสของพระเยซูเจ้า แต่ในเมื่อไม่มีผู้ใดที่จะเป็นทาสของพระบุตรโดยไม่เป็นทาสพระมารดาของพระองค์ได้ ข้าพเจ้าจึงทำตัวให้เป็นทาสของแม่พระด้วย”

- ตัวอย่าง -

            ทั้งวินเซนต์แห่งบอแวส์ และเซซารีอูสได้เล่าเรื่องต่อไปนี้ เรื่องมีอยู่ว่า ชายหนุ่มที่มีตระกูลคนหนึ่งกลับกลายเป็นคนยากจนมากเพราะความชั่วช้าของตนจนถึงกับต้องไปขอทาน เด็กหนุ่มนี้รู้สึกอับอายขายหน้า จึงได้เดินทางออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนไปอยู่ที่เมืองไกล ในระหว่างทางเขาไปพบกับคนใช้เก่าของบิดาของเขาคนหนึ่ง เมื่อคนใช้ผู้นี้เห็นสภาพที่น่าอนาถของเขาก็สัญญาว่าจะนำเขาไปหาผู้มีบุญที่ร่ำรวยคนหนึ่ง ที่อาจจะให้ทุกอย่างแก่เขาได้

            คนใช้คนนี้เป็นหมอผี เขานำชายหนุ่มผู้นั้นไปกลางทะเลสาบในกลางป่าแห่งหนึ่ง และเริ่มพูดกับผู้ที่ไม่มีตัวตน เมื่อชายหนุ่มถามว่าเขาพูดกับใคร เขาก็ตอบว่า “ข้าพเจ้ากำลังพูดกับปีศาจ” ชายหนุ่มผู้นั้นก็รู้สึกกลัว แต่คนใช้ก็ยังคุยกับปีศาจอยู่ต่อไป เขากล่าวว่า “เด็กหนุ่มคนนี้สูญเสียทุกอย่าง เขาอยากจะได้ฐานะเก่าของเขากลับคืนมา” ปีศาจตอบว่า “ถ้ามันเต็มใจที่จะนบนอบข้า ข้าจะทำให้มันรวยกว่าเก่าเสียอีก แต่ก่อนอื่นมันต้องปฏิเสธพระเป็นเจ้า”

            ชายหนุ่มนั้นยิ่งตกใจใหญ่ แต่คนใช้ผู้นั้นก็ชักชวนและให้เหตุผลต่าง ๆ จนในที่สุดเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารก็ยินยอมและปฏิเสธพระเป็นเจ้า แต่เจ้าปีศาจยังไม่พอใจ มันกล่าวว่า “เจ้าต้องปฏิเสธแม่พระด้วย เพราะแม่พระคือศัตรูที่สำคัญของเรา ดูซิว่ามีวิญญาณเป็นจำนวนมากมายเพียงไรที่พระนางแย่งไปจากเมืองของเรา และนำกลับไปหาพระเป็นเจ้า?” แต่ชายหนุ่มตอบว่า “ข้าไม่ยอมเด็ดขาดข้าจะไม่ยอมปฏิเสธแม่พระเป็นอันขาด พระนางคือมารดา ชีวิตและความหวังของข้า ข้าจะยอมมีชีวิตเป็นขอทาน่ต่อไปดีกว่า” พูดแล้วเขาก็วิ่งออกไปจากที่นั้น

            ในระหว่างที่เขาเดินทางต่อไปนั้น เขาเผอิญผ่านไปที่หน้าวัดแห่งหนี่งซึ่งเป็นวัดที่ถวายให้แก่แม่พระ เขาจึงเข้าไปคุกเข่าต่อหน้ารูปแม่พระ หัวใจปั่นป่วนและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาวอนขอแม่พระให้ช่วยวิงวอนเพื่อเขา

            ในทันใดนั้นแม่พระก็ปรากฏและมาเริ่มสวดให้เขา ครั้งแรกพระบุตรของพระนางกล่าวว่า “แต่พระแม่เจ้า คนอกตัญญูนี้ได้ปฏิเสธลูก” แม่พระก็ยังคงสวดต่อไป ในที่สุดพระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระแม่เจ้า ลูกไม่เคยปฏิเสธอะไรแก่พระแม่เลย เอาละ ลูกจะยกโทษให้เขา เพราะพระแม่ขอไว้อย่างนั้น”

            บุรุษที่เข้ามาครอบครองสมบัติของชายหนุ่มนั้น เผอิญไปเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเข้า เมื่อเห็นว่าความเมตตาของแม่พระช่างเป็นที่น่าจับใจถึงเพียงนี้ เขายกธิดาของเขาให้แต่งงานกับชายหนุ่มนั้นและตั้งให้ทั้งสองเป็นผู้สืบมรดกของเขา ดังนี้แหละ แม่พระจึงเป็นสาเหตุให้เขาได้ตั้งตัวใหม่ฝ่ายกายและวิญญาณ

- บทภาวนา -

            วิญญาณข้าเอ๋ย ลองคิดดูซิว่า การที่พระเยซูเจ้าทรงดลใจให้เรามีความไว้ใจในพระมารดาของพระองค์นั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งความรอดและชีวิตนิรันดรอันแน่นอนเพียงไร? เพราะความผิดของเจ้าในเวลาที่ล่วงมาแล้ว เจ้าได้ทำให้พระองค์ไม่พอพระทัย ทำให้ตัวเองสมแล้วที่จะไปฝังอยู่ในขุมนรก ฉะนั้นจงโมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระที่ได้มาเป็นผู้คุ้มครองเจ้า

            ถูกแล้ว พระแม่เจ้าข้า ลูกขอโมทนาคุณพระแม่สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระแม่ได้กระทำให้แก่ลูก ลูกสำนึกตัวแล้วว่าสมควรที่ต้องไปอยู่ในนรก พระแม่ได้โปรดให้ลูกพ้นภัยอันตรายอย่างมากเพียงไรมาแล้ว? มีความในจิตใจและพระหรรษทานมากมายเพียงไรที่พระแม่ได้วอนขอพระเป็นเจ้าให้แก่ลูก? และแล้วลูกได้ให้เกียรติอะไรแก่พระแม่บ้าง?

            คุณความดีของพระแม่เท่านั้นที่นำพาลูกมาถึงแค่นี้ แม้ว่าลูกจะสละโลหิตและพลีชีวิตเพื่อพระแม่ ลูกก็จะทำการใช้หนี้ให้แก่พระแม่ได้แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในการที่พระแม่ได้โปรดให้ลูกรอดจากความตายชั่วนิรันดร พระแม่ได้ช่วยให้ลูกได้พบพระหรรษทานอีกครั้งหนึ่ง ทุกสิ่งที่อยู่ในตัวลูกและเป็นเป็นของลูก ลูกเป็นหนี้พระแม่

            พระมารดาอ่อนหวานยิ่ง เพราะลูกเป็นผู้ที่มีความอกตัญญูลูกไม่อาจจะทำอะไรให้แก่พระแม่ได้นอกจากจะรักและสรรเสริญพระแม่ต่อไป โปรดอย่าได้หันหน้าไปจากความรักของลูกคนหนึ่งซึ่งกำลังเปี่ยมล้มไปด้วความกตัญญูในคุณความดีของพระแม่ ถ้าดวงใจของลูกไม่อาจจะรักพระแม่ให้มากเท่าที่พระแม่ควรจะได้รับ เพราะความไม่บริสุทธ์หรือเพราะความติดใจในสิ่งฝ่ายโลก ก็ขอให้พระแม่ทำความสะอาดและเปลี่ยนแปลงวิญญาณนี้ โปรดให้ลูกชิดสนิทกับพระบุตรของพระแม่ และผูกมัดลูกไว้กับพระองค์จนกระทั่งลูกไม่อาจจะถอนตัวออกไปจากพระองค์ได้ พระแม่ขอให้ลูกรักพระเป็นเจ้า จึงเป็นหน้าที่ของพระแม่ที่จะวอนขอพระหรรษทานให้แก่ลูกรักพระองค์ โปรดให้ลูกรักพระองค์แต่ผู้เดียวและเสมอไปเถิด อาแมน