จิตภาวนา
โดย นักบุญอัลฟอนโซ
จิตภาวนา 07 การวอกแวกและความแห้งแล้งในการภาวนา
1. การวอกแวกในการภาวนา
หลังจากที่เราเตรียมตัวสำหรับการรำพึงภาวนา ตามที่ได้แนะนำในข้างต้น หากเราวอกแวกเมื่อใด อย่าได้วุ่นวายใจ หรือพยายามที่จะขับไล่มันอย่างหุนหันพลันแล่น แต่ให้เราขจัดมันออกไปด้วยความสงบและหันกลับไปหาพระเป็นเจ้า
เราจะระลึกอยู่เสมอว่า ปิศาจพยายามอย่างหนักในการรบกวนเราในขณะรำพึงภาวนาเพื่อให้เราละทิ้งการรำพึงภาวนา จงรู้ไว้เถิดว่า หากใครละทิ้งการภาวนาเพราะเกิดความวอกแวก เขาทำให้ปิศาจดีใจยิ่งนัก คัสเซียนกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่วอกแวกเลยในระหว่างภาวนา แต่ไม่ว่าเราจะวอกแวกมากเพียงใดขอให้เราอย่าได้ละทิ้งการรำพึงภาวนา นักบุญฟรังซิส แห่งซาลส์ กล่าวว่า หากในระหว่างรำพึงภาวนา เราไม่ได้ทำสิ่งใดเลย นอกจากพยายามขจัดความวอกแวกและการประจญ เราก็ได้รำพึงภาวนาอย่างดีแล้ว นักบุญโทมัสสอนว่า การวอกแวกโดยไม่ตั้งใจ ไม่ทำให้ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากจิตภาวนาลดน้อยไปเลย
ในที่สุด เมื่อเรารู้ว่าเราวอกแวกไปโดยความตั้งใจ ขอให้เราหยุดความบกพร่องนั้น ขจัดความวอกแวกนั้นเสีย และรำพึงภาวนาต่อไป
2. ความแห้งแล้งในการภาวนา
ความเจ็บปวดที่วิญญาณได้รับมากที่สุดในการภาวนาเกิดจาก การที่วิญญาณนั้นรู้สึกว่าตนเองไม่มีความร้อนรน เบื่อหน่ายและไม่มีความรู้สึกรักพระเป็นเจ้าเลย ความรู้สึกนี้จะทำให้เกิดความกลัวว่า ถูกพระเป็นเจ้าลงโทษเพราะบาปของตน พระเป็นเจ้าทรงทอดทิ้งเขา และปล่อยให้ตกอยู่ในความมืดมน เขาไม่รู้ว่าจะทำประการใดดี รู้สึกว่าไม่มีหนทางใดที่เขาจะแก้ไขได้เลย
เมื่อวิญญาณหนึ่งปรารถนาที่จะก้าวหน้าในชีวิตภายใน พระเป็นเจ้าจะทรงประทานความบรรเทาใจมากมายแก่เขา เพื่อชักนำเขาให้ออกจากความสุขฝ่ายโลก แต่หลังจากนั้นเมื่อพระองค์เห็นว่าเขาอยู่ในหนทางแห่งชีวิตภายในดีแล้ว พระองค์จะปล่อยเขาลง เพื่อพิสูจน์ความรักของเขา และจะได้รู้ว่าเขารับใช้และรักพระเป็นเจ้าโดยไม่หวังผลตอบแทนหรือไม่ มีบางคนเมื่ออยู่ในสภาพความแห้งแล้งฝ่ายวิญญาณก็คิดว่าพระเป็นเจ้าทรงทอดทิ้งเขาแล้ว หรือคิดว่าตนไม่เหมาะที่จะดำเนินในหนทางแห่งชีวิตจิต จึงละทิ้งการรำพึงภาวนาและสูญเสียทุกสิ่งทุก อย่างที่ตนได้รับมา
เพื่อจะรำพึงภาวนาต่อไป เราจะต้องต้านทานการประจญที่จะทำให้เราเพิกเฉยในการรำพึงภาวนาในยามที่เราเกิดความแห้งแล้งฝ่ายวิญญาณ นักบุญเทเรซาให้คำแนะนำที่ดีแก่เราในเรื่องนี้ว่า "ปิศาจรู้ดีว่า มันไม่อาจจะชนะวิญญาณที่พากเพียรในการรำพึงภาวนาได้" ท่านกล่าวอีกว่า "ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าพระสวามีเจ้าจะทรงนำวิญญาณที่พากเพียรในการรำพึงภาวนาไปสู่พระราชัยสวรรค์ ถึงแม้ว่าวิญญาณจะมีบาปมากมาย" และ "ใครที่ไม่หยุดรำพึงภาวนาจะสามารถไปสู่เป้าหมายของตนได้" ท่านนักบุญสรุปในตอนท้ายว่า "พระสวามีเจ้าทรงทดลองผู้ที่พระองค์ทรงรัก โดยอาศัยความแห้งแล้งฝ่ายวิญญาณและการประจญล่อลวง ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกแห้งแล้งฝ่ายวิญญาณจนตลอดชีวิต ก็ขออย่าได้หยุดรำพึงภาวนา และเมื่อเวลานั้นมาถึง เราจะได้รับรางวัลมากมาย"
นักบุญโทมัสกล่าวว่า กิจศรัทธาไม่ได้อยู่ที่ความรู้สึก แต่อยู่ที่ความปรารถนาและความตั้งใจที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้าทรงรำพึงภาวนาในสภาพของความแห้งแล้งและความเบื่อหน่ายฝ่ายวิญญาณเมื่ออยู่ในสวนมะกอก แต่เป็นการรำพึงภาวนาที่เต็มไปด้วยความร้อนรนและได้รับกุศลมากมายที่สุด "พระบิดาเจ้าข้า ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ไม่ใช่ของข้าพเจ้า"
จงอย่าหยุดรำพึงภาวนาเมื่ออยู่ในสภาพความแห้งแล้งฝ่ายวิญญาณ ถึงแม้ว่าความแห้งแล้งฝ่ายวิญญาณจะยิ่งใหญ่สักปานใด จงวอนขอเสมอขณะรำพึงภาวนา แม้จะดูเหมือนว่าเรากำลังรำพึงภาวนาโดยปราศจากความเชื่อและไร้ผลก็ตาม หากเพียงแต่ภาวนาว่า "พระเยซูเจ้าข้า โปรดทรงเมตตาต่อข้าพเจ้า" จงภาวนาและอย่าสงสัยว่า พระเป็นเจ้าจะทรงรับฟังหรือประทานตามที่ท่านขอหรือไม่
จงอย่าได้แสวงหาความสุขหรือความพึงพอใจในการรำพึงภาวนา แต่รำพึงภาวนาเพื่อให้เป็นที่พอพระทัยและเรียนรู้ถึงน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าเท่านั้น ดังนั้นจงรำพึงภาวนาอยู่เสมอ เพื่อท่านจะหยั่งรู้น้ำพระทัยของพระองค์ และพระองค์จะทรงประทานพละกำลังให้แก่ท่านในการทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ ในการรำพึงภาวนา เราจะต้องแสวงหาแต่เพียงความสว่างเพื่อจะรู้ถึงน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า และวอนขอพละกำลังเพื่อจะทำตามน้ำพระทัยนั้น
ภาวนา
พระเยซูเจ้าข้า พระองค์ทรงทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้มนุษย์รักพระองค์ พระองค์ทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานถึง 33 ปี และสิ้นพระชนม์อย่างน่าบัดสีที่สุด พระองค์ทรงปรารถนาที่จะประทับอยู่ในศีลมหาสนิท เพื่อเป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณของข้าพเจ้าทั้งหลาย แต่พระองค์กลับได้รับแต่การหมิ่นประมาท แม้แต่จากคริสตชนเองก็ยังรักพระองค์น้อยเหลือเกิน ช่างน่าสมเพชเหลือเกินที่ข้าพเจ้าก็อยู่ในหมู่คนอกตัญญูเหล่านั้นด้วย ข้าพเจ้าเฝ้าแต่แสวงหาความสุขใส่ตัวโดยไม่คำนึงถึงพระองค์และความรักที่พระองค์ทรงมีต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามองเห็นบาปผิดอันมากมายของข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้ารักพระองค์ ข้าพเจ้าจะยอมตายสักร้อยครั้งเพื่อที่จะไม่หยุดรักพระองค์ ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณสำหรับความสว่างที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ข้าพเจ้า โปรดประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้รักพระองค์เสมอไป ขอพระองค์โปรดทรงรับดวงใจที่น่าสมเพชนี้ที่รักพระองค์ ซึ่งเคยปฏิเสธพระองค์มาครั้งหนึ่ง แต่บัดนี้กลับร้อนรนในความรักของพระองค์
โอ้พระแม่มารี พระมารดาพระเจ้า โปรดเสด็จมาช่วยเหลือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าวางใจในคำวิงวอนของพระแม่