Skip to main content

59    จิตภาวนา

จิตภาวนา 02 จิตภาวนาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

book

ในการที่จะได้รับความรอด

            นักบุญทุกองค์เป็นนักบุญได้ก็เพราะจิตภาวนา  จิตภาวนาเป็นดังเตาไฟอันศักดิ์สิทธิ์ที่วิญญาณจะถูกเผาผลาญไปด้วยไฟแห่งความรักของพระเป็นเจ้า กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า "ในการภาวนา จะมีเปลวเพลิงออกมา" นักบุญวินเซนต์ เดอ ปอลกล่าวว่า ต้องเป็นอัศจรรย์แน่หากคนบาปที่ฟังการเทศน์อบรมจิตใจ หรือทำการฝึกปฏิบัติทางจิตแล้วไม่กลับใจ สำหรับผู้ที่เทศน์และนำการฝึกปฏิบัติทางจิตนั้นเป็นเพียงแต่มนุษย์ แต่พระเป็นเจ้าทรงตรัสแก่เราในการรำพึงว่า "เราจะนำนางเข้าไปในถิ่นทุรกันดารและปลอบใจนาง"(ฮชย 2:14) นักบุญคาทารีน แห่งโบรอกนากล่าวว่า "ใครที่ไม่ทำจิตภาวนาก็ปล่อยตัวเองให้ห่างจากสายสัมพันธ์ที่ยึดเราให้สนิทกับพระเป็นเจ้า ดังนั้นเขาจะโดดเดี่ยว และปิศาจจะครอบครองเขาได้อย่างง่ายดาย" ท่านนักบุญต้องการบอกเราว่า "ดิฉันจะรู้ได้อย่างไรว่า เราจะพบความรักของพระเป็นเจ้าได้ในวิญญาณที่สนใจการภาวนาเพียงเล็กน้อย?"

            ในการรำพึง บรรดานักบุญได้รับความร้อนรนแห่งความรักของพระเป็นเจ้าจากที่ไหน? ก็โดยทางจิตภาวนานั่นเอง นักบุญเปโตรแห่งอัลคันตาราได้รับความร้อนรนจนถึงกับต้องทำให้ตนเองเย็นลง โดยการกระโดดลงไปในบ่อน้ำที่เป็นน้ำแข็ง และน้ำในบ่อนั้นก็เริ่มเดือดเหมือนกาน้ำที่ตั้งอยู่บนเตาไฟ ระหว่างการทำจิตภาวนา นักบุญฟิลลิป เนรี ร้อนรนขึ้น และร่างกายสั่นไปมาจนทำให้ทั้งห้องนั้นสั่นไปด้วย นักบุญอาลอยซีอุส กอนซากาถูกเผาด้วยความรักของพระเป็นเจ้าจนกระทั่งบนใบหน้าของท่านดูเหมือนว่ามีไฟลุกอยู่ และหัวใจของท่านเต้นแรงราวจะหลุดออกมาจากหน้าอกของท่าน

            นักบุญลอเรนซ์ จัสติเนียน กล่าวว่า "โดยอาศัยอำนาจของจิตภาวนา การประจญจะหายไป ความโศกเศร้าจะไม่มี ฤทธิ์กุศลที่สูญเสียไปจะกลับมาอีกครั้งความร้อนรนที่เย็นชาจะกลับลุกร้อนขึ้นอีก และเพลิงแห่งความรักของพระเป็นเจ้าจะร้อนแรงขึ้นอีก" ดังนั้นนักบุญอลอยซิอุสกล่าวไว้อย่าวถูกต้องทีเดียวว่า ใครก็ตามที่ไม่ทำจิตภาวนา ก็ไม่อาจก้าวไปสู่ความบริบูรณ์ได้

            กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า ผู้ที่ภาวนาอยู่เสมอเปรียบได้กับต้นไม้ที่ปลูกอยู่ริมลำธาร ซึ่งให้ดอกผลตามฤดูกาล และกิจการต่างๆ ของเขาก็เป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้า "ความสุขเป็นของบุคคล...เขาภาวนาถึงพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาลและใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง การทุกอย่างที่เขากระทำก็จำเริญขึ้น" (สดด 1:1-3) ให้เราสังเกตคำว่า "ตามฤดูกาล" หมายถึงเวลาที่เราจะต้องรับทนความทุกข์ เช่น การสบประมาท เป็นต้น

            นักบุญยอห์น คริสซอสโตมเปรียบจิตภาวนากับน้ำพุที่อยู่กลางสวน ดอกไม้และพืชพรรณนานาจะเขียวชอุ่มเพียงใด เมื่อภายในสวนนั้นได้รับความชุ่มชื่นตลอดเวลาจากน้ำพุที่ไม่มีวันเหือดแห้ง เช่นเดียวกัน สำหรับวิญญาณที่กอปรด้วยจิตภาวนา วิญญาณนั้นย่อมก้าวหน้าเสมอในความปรารถนาความดี และจะออกผลแห่งฤทธิ์กุศลมากมายตามมา เมื่อไหร่ที่วิญญาณจะได้รับพระคุณมากมาย? ก็จากการภาวนา ซึ่งนำความชุ่มชื่นมาสู่วิญญาณ "ผลผลิตของเธอดุจสวนทับทิมอีกทั้งผลไม้อันโอชาอื่นๆ ....ตัวเธอประดุจดั่งน้ำพุในอุทยาน ประดุจบ่อน้ำไหล และประดุจลำธารไหลจากเลบานอน" (ซลม 4:13-15) หากน้ำพุปราศจากความชุ่มชื่นแก่สวนเสียแล้ว จงคิดดูเถิดว่าต้นไม้ดอกไม้จะเป็นเช่นไร? ตราบใดที่เรายืนหยัดอยู่ในจิตภาวนา เราจะมีความสำรวม สุภาพ ศรัทธาร้อนรนและอดทนในทุกสิ่ง แต่ลองให้เขาละทิ้งจิตภาวนาดูเถิด เราจะพบทันทีว่า เขาจะไม่สำรวมในการใช้สายตา คำพูดคำจาของเขาจะเต็มไปด้วยความจองหอง เย็นชา ไม่สนใจในการรับศีลมหาสนิทและศีลอภัยบาป เราจะพบว่า เขายึดติดกับสิ่งอนิจจัง การพูดคุยอันไร้สาระ และเสียเวลาไปในการแสวงหาความสุขฝ่ายโลก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? เมื่อต้นไม้ขาดความชุ่มชื้น ไม่นานมันก็จะเหี่ยวเฉาไป "จิตใจของข้าฯกระหายหาพระองค์ อย่างแผ่นดินที่แห้งผาก และใจของข้าฯก็ฝ่อไปแล้ว" (สดด 143:7) วิญญาณที่ละเลยจิตภาวนาก็เปรียบกับสวนที่ขาดน้ำ และมีแต่จะแห้งเหี่ยวเฉาไป สำหรับนักบุญคริสซอสโตม วิญญาณที่ละเลยการภาวนาไม่เป็นเพียงคนป่วยไข้เท่านั้น แต่เป็นคนตายเลยทีเดียว "ใครที่ไม่ภาวนาหรือไม่พากเพียรในการภาวนาก็เท่ากับว่า เขาได้ตายเสียแล้ว วิญญาณที่ตายเช่นนี้ไม่อาจไปอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้าได้"

            นักบุญคริสซอสโตมยังกล่าวอีกว่า จิตภาวนาเป็นดั่งรากของเถาองุ่นที่อุดมไปด้วยผล นักบุญยอห์น คริมาคุสเขียนว่า "คำภาวนาเป็นดั่งปราการป้องกันความทุกข์ยาก เป็นสายธารแห่งฤทธิ์กุศลต่างๆ และเป็นผู้จัดหาพระหรรษทานให้แก่เรา" ลูฟินุสกล่าวย้ำว่า ความก้าวหน้าของวิญญาณมาจากจิตภาวนา เกอร์สัน กล่าวอีกว่า หากปราศจากอัศจรรย์แล้ว ผู้ที่ไม่รำพึงภาวนาย่อมไม่อาจดำเนินชีวิตคริสตชนได้เลย ประกาศกเยเรมีย์กล่าวถึงจิตภาวนาว่า "เขานั่งเงียบๆ อยู่แต่ลำพังเพราะพระองค์ทรงวางแอกให้นั่นเอง" (พคค 3:28) วิญญาณไม่อาจชื่นชมยินดีในพระเป็นเจ้าได้ หากเขาไม่ออกห่างจากสิ่งฝ่ายโลก หรือหยุดรำพึงถึงคุณความดี ความรักและความอ่อนหวานของพระเป็นเจ้า เมื่อวิญญาณรำพึงและสำรวมใจอยู่ วิญญาณนั้นจะละความคิดจากสิ่งฝ่ายโลกได้

            นักบุญอิกญาซิโอ แห่งโลโยลากล่าวว่า จิตภาวนาเป็นหนทางลัดสู่ความบริบูรณ์  ใครที่ก้าวหน้าในการรำพึงภาวนามากเท่าใด จะก้าวหน้าในความครบครันมากเท่านั้น ในการภาวนา วิญญาณนั้นจะเต็มไปด้วยความคิดอันศักดิ์สิทธิ์ ความรักอันศักดิ์สิทธิ์ ความปรารถนาและความตั้งใจดี พร้อมกับความรักที่มีต่อพระเป็นเจ้าในการภาวนา เราจะต้องเสียสละความสุขส่วนตัว ความผูกพันต่อสิ่งฝ่ายโลกและความเห็นแก่ตัวทั้งหมด ยิ่งกว่านั้นเรายังสามารถช่วยคนบาปมากมายโดยการภาวนาอุทิศให้แก่เขา ดังที่นักบุญมากมายได้ทำมาแล้ว เช่น นักบุญเทเรซา นักบุญมารี มักดาเลนาแห่งปัสซี และวิญญาณดวงอื่นที่ร้อนรนไปด้วยความรักต่อพระเป็นเจ้า พวกเขาไม่เคยลืมวิญญาณที่ขาดความเชื่อ มิจฉาทิฐิและคนบาปมากมายในการรำพึงภาวนาของเขาเลย ทั้งยังวอนขอต่อพระเป็นเจ้าได้ทรงประทานความร้อนรนให้แก่บรรดาพระสงฆ์ที่ทำงานในสวนองุ่นของพระเป็นเจ้า และทำให้คนบาปมากมายได้กลับใจ ในจิตภาวนา เราจะได้รับของประทานจากพระเป็นเจ้ามากมาย หากเพียงแต่เรามีความปรารถนาเท่านั้น เพราะในเมื่อพระองค์ทรงลงโทษผู้ที่ไม่ปรารถนาจะได้รับ แล้วใยพระองค์จะไม่ทรงประทานรางวัลแก่ผู้ที่มีความปรารถนาจะได้รับ

บทภาวนา

             พระเยซูเจ้าข้า พระองค์ทรงรักลูก แม้ในท่ามกลางความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน ลูกปรารถนาที่จะรักพระองค์ พระองค์ไม่ทรงเก็บสิ่งใดไว้สำหรับพระองค์เองเลย พระองค์ประทานแม้แต่พระกายและพระโลหิตของพระองค์  เพื่อจะได้รับความรักจากลูกเป็นการตอบแทน จนถึงขนาดนี้ ลูกยังจะใจเย็นเฉยต่อความรักของพระองค์ได้อีกหรือ โอ้องค์พระมหาไถ่ ลูกไม่ขอเป็นเช่นนั้นอีกแล้ว ความ อกตัญญูที่ลูกกระทำต่อพระองค์นั้นมากเกินไปเสียแล้ว ลูกขอถวายดวงใจของลูกแด่พระองค์ ลูกจะรักพระองค์เท่านั้น พระองค์เท่านั้นที่เป็นความปรารถนาแห่งความรักของลูก โอ้พระเจ้าข้า ในเมื่อพระองค์ทรงประสงค์ให้ลูกถวายตัวแด่พระองค์ทั้งครบ ขอพระองค์ทรงประทานพละกำลังให้ลูกรับใช้พระองค์ในโลกดังที่พระองค์สมควรจะได้รับ ขอพระองค์โปรดทรงยกโทษให้แก่ลูก ในความเย็นชาและการขาดความเชื่อ กี่ครั้งมาแล้วที่ลูกละเลยการภาวนาเพียงเพื่อสนองความปรารถนาของน้ำใจตนเอง อนิจจา กี่ครั้งแล้วที่ลูกสามารถทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ได้ แต่ลูกกลับสลวนกับสิ่งฝ่ายโลก โอ้พระเจ้าข้า ขอให้วันเวลาที่เหลืออยู่นี้เป็นของพระองค์เท่านั้น โอ้องค์ความรักของลูก ลูกรักพระองค์ พระองค์เท่านั้นที่จะเป็นองค์แห่งความรักของลูก

            โอ้พระแม่มารี ขอพระแม่โปรดประทานพระหรรษทานให้ลูกรักพระบุตรของพระแม่ และใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ในความรักของพระองค์ พระแม่ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างจากพระบุตรของพระแม่ โดยทางคำภาวนาของพระแม่ ลูกหวังจะได้รับพระหรรษทานประการนี้จากพระแม่

 

book

จิตภาวนา 02 จิตภาวนาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้