Skip to main content

Headline

book

78-86 ปัสกาของพระเยซูเจ้า

037

78. พระเยซูเจ้าเสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อฉลองปัสกา


      อีกสองสามวันก่อนถึงเทศกาลปัสกา พระเยซูเจ้าตรัสกับอัครสาวกทั้งสิบสองว่า “บัดนี้ พวกเรากำลังจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบให้บรรดามหาสมณะและบรรดาธรรมาจารย์ เขาจะตัดสินประหารชีวิตพระองค์ และมอบพระองค์ให้คนต่างชาติ สบประมาทเยาะเย้ย ถ่มน้ำลายรด โบยตี และฆ่าเสีย แต่หลังจากนั้นสามวัน พระองค์จะทรงกลับคืนชีพ” (มก 10 : 32-34)
      เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับบรรดาศิษย์เข้ามาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ที่หมู่บ้านเบธฟายีและเบธานี ใกล้กับภูเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงใช้ศิษย์สองคนไป  ตรัสแก่เขาว่า “จงเข้าไปในหมู่บ้านข้างหน้า เมื่อเข้าไปแล้ว ท่านจะพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ยังไม่มีใครเคยขี่ลาตัวนั้นเลย จงแก้เชือกและจูงมันมาเถิด  ถ้ามีผู้ใดถามว่า ‘ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้' จงบอกเขาว่า ‘พระอาจารย์ต้องการใช้มัน และจะส่งกลับคืนมาให้ทันที”  ศิษย์ทั้งสองคนออกไป พบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ที่ประตูด้านนอกบนถนน  ขณะที่เขากำลังแก้เชือก  บางคนที่ยืนอยู่ที่นั่นถามว่า "ทำอะไรกัน แก้เชือกลูกลาทำไม"  ศิษย์ทั้งสองคนก็ตอบตามที่พระเยซูท่านได้ตรัสไว้ เขาจึงยอมให้นำลูกลาไป  ศิษย์ทั้งสองคนจูงลูกลามาถวายพระเยซูท่าน ปูเสื้อคลุมของตนบนหลังลา พระองค์จึงทรงลูกลาตัวนั้น  คนจำนวนมากปูเสื้อคลุมของตนตามทาง บางคนปูกิ่งไม้ซึ่งตัดมาจากทุ่งนาด้วย  พวกที่เดินไปข้างหน้า และผู้ที่ตามมาข้างหลังต่างโห่ร้องว่า "โฮซานนา ขอถวายพระพรแด่ผู้มาในพระนามขององค์พระผู้เป็นท่าน  ขอพระพรจงมีแด่พระอาณาจักรที่กำลังจะมาถึงของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรุษของเรา โฮซานนา ณ สวรรค์สูงสุด” (มก 11 : 1-10)

 

79. ยูดาสผู้ทรยศต่อพระเยซูท่าน


    สองวันก่อนจะถึงวันปัสกาและเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์คิดหาอุบายเพื่อจับกุมพระเยซูท่าน จะได้ฆ่าเสีย  เขาพูดกันว่า  “อย่าทำในวันฉลองเลย มิฉะนั้น ประชาชนจะก่อการจลาจล”    
    ยูดาส อิสคาริโอท หนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ไปพบบรรดาหัวหน้าสมณะเพื่อจะมอบพระเยซูท่าน  เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินดังนี้ก็ดีใจและสัญญาจะให้เงินแก่ยูดาส ยูดาสจึงหาโอกาสที่จะมอบพระองค์ (มก 14 : 1-2,10-11)

 

80. อาหารค่ำมื้อสุดท้าย

038
    ก่อนจะถึงเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อที่ต้องฆ่าลูกแกะปัสกา  พระเยซูเจ้าตรัสใช้เปโตรและยอห์นว่า “จงไปจัดเตรียมการเลี้ยงปัสกาให้เราเถิด”  เขาทูลพระองค์ว่า “พระองค์มีพระประสงค์ให้เราจัดเตรียมที่ไหน?” พระองค์ตรัสตอบว่า “เมื่อท่านเข้าไปในกรุง ชายคนหนึ่งกำลังเดินแบกหม้อน้ำอยู่จะมาพบท่าน จงตามเขาไปในบ้านที่เขาจะเข้าไป  และจงถามท่านของบ้านว่า "พระอาจารย์ถามว่าห้องที่เราจะกินปัสกากับบรรดาศิษย์นั้นอยู่ที่ไหน"  เขาจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบน มีพรมปูไว้ จงจัดเตรียมปัสกาที่นั่น”  ศิษย์ทั้งสองคนออกไปและพบทุกสิ่งดังที่พระองค์ทรงบอกไว้  จึงเตรียมปัสกา    
    เมื่อถึงเวลา พระเยซูเจ้าประทับที่โต๊ะพร้อมกับบรรดาอัครสาวก  พระองค์ตรัสกับเขาว่า ”เราปรารถนาอย่างยิ่งจะกินปัสกาครั้งนี้ร่วมกับท่านก่อนจะรับทรมาน  เราบอกท่านทั้งหลายว่าเราจะไม่กินปัสกาอีกจนกว่าปัสกานี้จะเป็นความจริงในพระอาณาจักรของพระเจ้า”
          พระองค์ทรงหยิบถ้วยขึ้น  ทรงขอบพระคุณ  ตรัสว่า  ”จงรับถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่มเถิด เราบอกท่านทั้งหลายว่าตั้งแต่นี้ไปเราจะไม่ดื่มเหล้าจากผลองุ่นอีกจนกว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึง”
    พระองค์ ทรงหยิบขนมปัง ทรงขอบพระคุณ ทรงบิขนมปังประทานให้บรรดาศิษย์ ตรัสว่า ”นี่เป็นกายของเราที่ถูกมอบเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด”  ในทำนองเดียวกัน เมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว พระองค์ทรงหยิบถ้วยตรัสว่า  ”ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเราที่หลั่งเพื่อท่านทั้งหลาย” (ลก : 22  7-20)

 

81 สัญลักษณ์ที่แท้จริงของสาวกพระเยซูเจ้า


    ในระหว่างรับประทานอาหาร พระเยซูเจ้าได้แสดงให้อัครสาวกของพระองค์รู้ว่าพระองค์รักเขามากมายเพียงไร และเขาควรจะรักกันและกันอย่างไร    พระเยซูเจ้าทรงลุกขึ้นจากโต๊ะ ทรงถอดเสื้อคลุมออกวางไว้ ทรงใช้ผ้าเช็ดตัวคาดสะเอว  แล้วทรงเทน้ำลงในอ่าง เริ่มล้างเท้าบรรดาศิษย์ และใช้ผ้าที่คาดสะเอวเช็ดให้    เมื่อเสด็จมาถึงซีโมนเปโตร เขาทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพเจ้าหรือ”  พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “สิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้ ท่านยังไม่เข้าใจ แต่จะเข้าใจในภายหลัง”  เปโตรทูลว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้พระองค์ล้างเท้าข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ถ้าท่านไม่ให้เราล้าง ท่านจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา" ซีโมนเปโตรทูลว่า  “พระเจ้าข้า อย่าล้างเฉพาะเท้าเท่านั้น แต่ล้างทั้งมือและศีรษะด้วย”
    เมื่อทรงล้างเท้าของบรรดาศิษย์เสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าทรงสวมเสื้อคลุมอีกครั้งหนึ่งเสด็จกลับไปที่โต๊ะตรัสว่า “ท่านเข้าใจไหมว่าเราทำอะไรให้ท่าน"  ท่านทั้งหลายเรียกเราว่าอาจารย์และองค์พระผู้เป็นท่าน ก็ถูกแล้ว เพราะเราเป็นอย่างนั้นจริง ๆ  ในเมื่อเราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผู้เป็นท่านและอาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน ท่านก็ต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วย  เราวางแบบอย่างไว้ให้แล้ว ท่านจะได้ทำเหมือนกับที่เราทำกับท่าน”
    พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ลูกทั้งหลายเอ๋ยเราจะอยู่กับท่านอีกไม่นาน ใจของท่านทั้งหลายจงอย่าหวั่นไหวเลยจงเชื่อในพระเจ้า และเชื่อในเราด้วย    ในบ้านพระบิดาของเรา มีที่พำนักมากมายถ้าไม่มี เราคงบอกท่านแล้ว เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่านเมื่อเราไป และเตรียมที่ให้ท่านแล้วเราจะกลับมารับท่านไปอยู่กับเราด้วย เพื่อว่าเราอยู่ที่ใดท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย    เราจะวอนขอพระบิดาแล้วพระองค์จะประทานผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งให้ท่านiเพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป    คือพระจิตแห่งความจริงซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้เพราะมองพระองค์ไม่เห็น และไม่รู้จักพระองค์แต่ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์เพราะพระองค์ทรงดำรงอยู่กับท่าน และอยู่ในท่าน    เราจะไม่ทิ้งท่านทั้งหลายให้เป็นกำพร้าเราจะกลับมาหาท่าน    ในไม่ช้า โลกจะไม่เห็นเราแต่ท่านทั้งหลายจะเห็นเรา เพราะเรามีชีวิตและท่านก็จะมีชีวิตด้วย    ในวันนั้น ท่านจะรู้ว่า เราอยู่ในพระบิดาของเราท่านอยู่ในเรา และเราอยู่ในท่าน” (ยน 13-15)

 

82. พระเยซูเจ้าทรงภาวนาบนภูเขามะกอก

039
    หลังอาหารค่ำ พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่นไปยังภูเขามะกอกเทศเช่นเคย บรรดาศิษย์ตามเสด็จไปด้วย  เมื่อเสด็จถึงที่นั่นแล้ว พระองค์ตรัสกับเขาเหล่านั้นว่า “จงอธิษฐานภาวนาเถิด เพื่อจะไม่ถูกทดลอง”
แล้วพระองค์เสด็จห่างออกไปจากบรรดาศิษย์ประมาณระยะปาก้อนหิน ทรงคุกเข่าลงอธิษฐานภาวนาว่า  “พระบิดาท่านข้า ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ โปรดทรงนำถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด แต่อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด”
    พระองค์ทรงอยู่ในความทุกข์กังวลอย่างสาหัส  จึงทรงอธิษฐานอย่างมุ่งมั่นยิ่งขึ้น  พระเสโทตกลงบนพื้นดินประดุจหยดโลหิต        พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการอธิษฐานภาวนา เสด็จไปพบบรรดาศิษย์ซึ่งหลับอยู่เพราะความโศกเศร้า พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “นอนหลับทำไม จงลุกขึ้นอธิษฐานภาวนาเถิดเพื่อจะไม่ถูกทดลอง”
    ขณะที่พระเยซูท่านตรัสอยู่นั้น คนหมู่หนึ่งก็มาถึง ยูดาสหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคนเป็นผู้นำ ยูดาสเข้ามาใกล้พระเยซูท่านเพื่อจุมพิตพระองค์  พระเยซูท่านตรัสกับเขาว่า “ยูดาส ท่านใช้การจุมพิตเพื่อทรยศบุตรแห่งมนุษย์หรือ?”  เมื่อบรรดาศิษย์ที่อยู่กับพระองค์เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็ทูลว่า ”พระเจ้าข้า พวกเราใช้ดาบฟันได้ไหม?”  แล้วศิษย์คนหนึ่งได้ฟันผู้รับใช้ของหัวหน้าสมณะ  ตัดใบหูข้างขวาของเขา  แต่พระเยซูเจ้าตรัสว่า “หยุดเถิด พอแล้ว” ทรงสัมผัสหูและทรงรักษาเขา
          พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาหัวหน้าสมณะ นายทหารผู้รักษาพระวิหารและบรรดาผู้อาวุโสซึ่งมาจับกุมพระองค์ว่า ”เราเป็นโจรหรือ ท่านทั้งหลายจึงถือดาบ ถือไม้ตะบองมาจับเรา”  เราอยู่กับท่านทุกวันในพระวิหาร ท่านก็ไม่จับกุมเราเลย แต่นี่เป็นเวลาของท่าน เป็นอำนาจของความมืด” (ลก 22 : 39-53)

 

83. เปโตรปฏิเสธพระเยซูเจ้า


     เขาทั้งหลายจับกุมพระเยซูเจ้าและนำพระองค์เข้าไปในบ้านของมหาสมณะ  เปโตรติดตามไปห่าง ๆ  คนในบ้านมหาสมณะก่อไฟขึ้นที่กลางลานบ้าน เปโตรจึงเข้าไปนั่งรวมอยู่กับคนเหล่านั้นด้วย  หญิงรับใช้คนหนึ่งเห็นเปโตรนั่งข้างกองไฟ  จึงจ้องหน้า พูดว่า “คนนี้อยู่กับเขาด้วย”  แต่เปโตรปฏิเสธว่า “นางเอ๋ย ข้าพเจ้าไม่รู้จักเขา”  ต่อมาไม่นาน อีกคนหนึ่งเห็นเปโตรจึงพูดว่า ”ท่านเป็นคนหนึ่งในพวกเขาด้วย” แต่เปโตรตอบว่า ”ไม่ใช่ดอก เพื่อนเอ๋ย”  หนึ่งชั่วโมงต่อมา อีกคนหนึ่งพูดย้ำว่า “แน่ทีเดียว คนคนนี้อยู่กับเขาด้วย เพราะเป็นชาวกาลิลี'  แต่เปโตรตอบว่า  “เพื่อนเอ๋ย ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร' เปโตรพูดยังไม่ทันขาดคำ ไก่ก็ขัน    องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวมามองเปโตร เปโตรจึงระลึกถึงพระวาจาขององค์พระผู้เป็นท่านที่ตรัสกับเขาว่า “วันนี้ ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” เปโตรจึงออกไปข้างนอก ร้องไห้อย่างขมขื่น (ลก 22 : 54-62)

 

84. พระเยซูเจ้าต่อหน้าสภาสูง


    ครั้นรุ่งเช้า บรรดาผู้อาวุโสtหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ร่วมประชุมกัน สั่งให้นำพระองค์มาอยู่ต่อหน้าสภาสูง  และพูดว่า “ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ จงบอกเราเถิด” พระองค์ตรัสตอบว่า “ถ้าเราบอกท่าน ท่านก็ไม่เชื่อ  ถ้าเราถามท่าน ท่านก็ไม่ตอบ  ตั้งแต่บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์จะประทับ ณ เบื้องขวาพระอานุภาพของพระเจ้า”  ทุกคนจึงพูดว่า “ดังนั้น ท่านเป็นบุตรของพระเจ้าใช่ไหม?” พระองค์ตรัสตอบว่า  “ท่านพูดเองนะว่าเราเป็น”  คนเหล่านั้นจึงพูดว่า “เราจะต้องการพยานอะไรอีก เราได้ยินจากปากของเขาแล้ว” (ลก 22 : 66-71)

 

85. การถูกกล่าวหาต่อหน้าปิลาต

040
    หัวหน้าของประชาชนได้นำพระเยซูเจ้าไปให้ข้าหลวงโรมัน ชื่อ ปอนทิอัส ปิลาต และได้กล่าวหาพระองค์ว่า เขากำลังก่อกวนความสงบของประชาชน อ้างตัวเองเป็นพระผู้ไถ่ เป็นกษัตริย์    ปิลาตถามพระเยซูเจ้าว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ”  พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านถามดังนี้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา”  ปีลาตตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวหรือ ชนชาติของท่าน และบรรดาหัวหน้าสมณะมอบท่านให้ข้าพเจ้า ท่านทำผิดสิ่งใด”  พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า ”อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้”  ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม?” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา”  ปีลาตจึงถามว่า “ความจริงคืออะไร?”
    ปิลาตกลับออกมาพบชาวยิวข้างนอกอีก พูดว่า ”ข้าพเจ้าไม่พบข้อกล่าวหาอะไรปรักปรำชายผู้นี้ได้  แต่ท่านทั้งหลายมีธรรมเนียมให้ปล่อยนักโทษคนหนึ่งในเทศกาลปัสกา ท่านทั้งหลายต้องการให้ข้าพเจ้าปล่อยกษัตริย์ของชาวยิวหรือ”  เขาเหล่านั้นจึงร้องตะโกนว่า “อย่าปล่อยคนนี้ แต่จงปล่อยบารับบัส” บารับบัสผู้นี้เป็นโจร    ดังนั้น ปิลาตจึงปล่อยบารับบัสให้เป็นอิสระและเอาพระเยซูท่านไปโบยตีพวก ปีลาตสั่งให้นำพระเยซูท่านไปเฆี่ยน  บรรดาทหารนำหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียร ให้พระองค์ทรงเสื้อคลุมสีแดง  ทหารเข้ามาหาพระองค์และพูดว่า “กษัตริย์ของชาวยิว ขอทรงพระเจริญ” แล้วตบพระพักตร์พระองค์ ปีลาตออกมาข้างนอกอีกครั้งหนึ่ง พูดกับคนเหล่านั้นว่า “ดูเถิด เรานำชายผู้นี้ออกมา ให้ท่านรู้ว่าเราไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด”  แล้วพระเยซูเจ้าเสด็จออกมาข้างนอก ทรงมงกุฎหนามและเสื้อคลุมสีแดง ปีลาตพูดกับประชาชนว่า “นี่คือ คนคนนั้น”  เมื่อ บรรดาหัวหน้าสมณะและยามรักษาพระวิหารเห็นพระองค์ก็ตะโกนว่า “เอาไปตรึงกางเขน เอาไปตรึงกางเขน” ปีลาตสั่งว่า “ท่านทั้งหลาย จงนำเขาไปตรึงกางเขนกันเองเถิด เพราะเราไม่พบว่าเขามีความผิดประการใด”  ชาวยิวตอบว่า “พวกเรามีกฎหมาย และตามกฎหมายนั้น เขาต้องตาย เพราะตั้งตนเป็นบุตรของพระเจ้า” พวกเขาบีบบังคับปิลาตตลอดเวลา จนกระทั่งปิลาตเกิดความกลัว และเขาได้พิพากษาให้พระเยซูเจ้าต้องโทษประหารชีวิตโดยการตรึงบนกางเขน (ยน 18 : 22, - 19 : 19)

 

86. พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนกางเขน

041
    พระองค์ทรงแบกไม้กางเขน เสด็จออกไปยังสถานที่ที่เรียกว่า “เนินหัวกระโหลก” ภาษาฮีบรูว่า “กลโกธา”  เขาตรึงพระองค์บนไม้กางเขนที่นั่นพร้อมกับนักโทษอีกสองคน อยู่คนละข้าง พระเยซูเจ้าทรงอยู่ตรงกลาง  ปีลาตเขียนป้ายประกาศติดไว้บนไม้กางเขนเป็นข้อความว่า “เยซู ชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว”  ชาวยิวจำนวนมากได้อ่านป้ายประกาศนี้เพราะสถานที่ที่พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงนั้น อยู่ใกล้กรุงและป้ายประกาศนั้นเขียนไว้เป็นภาษาฮีบรู ละติน และกรีก  บรรดา หัวหน้าสมณะของชาวยิวกล่าวกับปีลาตว่า “อย่าเขียนว่า กษัตริย์ของชาวยิว” แต่จงเขียนว่าคนนี้ได้กล่าวว่า ”ข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ของชาวยิว”    ปีลาต ตอบว่า “เขียนแล้ว ก็แล้วไปเถอะ”
    พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระองค์พร้อมกับน้องสาวของพระนาง มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา  เมื่อพระเยซูท่านทรงเห็นพระมารดาและศิษย์ที่รักยืนอยู่ใกล้ ๆ จึงตรัสกับพระมารดาว่า “แม่ นี่คือลูกของแม่”  แล้วตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” นับตั้งแต่นั้น ศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนางเป็นมารดาของตน
    หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าทุกสิ่งสำเร็จแล้ว จึงตรัสว่า “เรากระหาย” พระคัมภีร์ตอนนี้จึงเป็นจริงด้วย    ที่นั่นมีภาชนะใบหนึ่งบรรจุน้ำองุ่นเปรี้ยวเต็มวางอยู่ ทหารจึงใช้ฟองน้ำชุบน้ำองุ่นเปรี้ยวเสียบปลายกิ่งหุสบ ยื่นถึงพระโอษฐ์  พระเยซูเจ้าทรงจิบน้ำองุ่นเปรี้ยวแล้วตรัสว่า “สำเร็จบริบูรณ์แล้ว” พระองค์ทรงเอนพระเศียรสิ้นพระชนม์ (ยน 19 : 17-30)

 

 

book

78-86 ปัสกาของพระเยซูเจ้า

87-91 ทรงกลับคืนชีพจากผู้ตาย

70-77 นิทานเปรียบเทียบ