Skip to main content

book

54-59 พันธกิจของพระเยซูเจ้า

027

54. ข่าวสารของพระเยซูท่าน


    พระเยซูท่านเสด็จไปที่กาลิลี พระองค์ทรงเทศนาประกาศข่าวดีของพระเจ้า ตรัสว่า  “เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจ และเชื่อข่าวดีเถิด” (มก 1 : 14-15)
    เมื่อพระเยซูเจ้ามาถึงบ้านของพระองค์ที่นาซาเร็ธ พระองค์เสด็จไปที่ศาลาธรรมในวันสับบาโต และที่นั่นพระองค์ได้อ่านข้อความในหนังสือของประกาศกอีสยาห์ว่า “พระจิตของพระเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า  เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้    ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจนi  ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ    คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า”    พระเยซูท่านอธิบายให้ผู้ที่อยู่ที่ในศาลาธรรมฟังว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว” ครั้งแรกคนเหล่านั้นประหลาดใจมากแล้วเขาก็เริ่มคิดว่า คนนี้เป็นบุตรของโยเซฟมิใช่หรือ?    พระเยซูท่านทรงตอบเขาว่า “ท่านคงจะกล่าวคำพังเพยนี้แก่เราเป็นแน่ว่า "หมอเอ๋ย จงรักษาตนเองเถิด สิ่งที่พวกเราได้ยินว่าเกิดขึ้นที่เมืองคาเปอรนาอุมนั้นท่านจงทำที่นี่ในบ้านเมืองของท่านด้วยเถิด”  แล้วพระองค์ยังทรงเสริมอีกว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน”
    คนในศาลาธรรมได้ยินดังนั้นก็โกรธยิ่งนัก    เขาลุกขึ้นแล้วผลักไสพระองค์ออกไปนอกเมือง หมายจะผลักพระองค์ให้ตกลงไปที่หน้าผา แต่พระองค์ทรงดำเนินฝ่ากลุ่มคนเหล่านั้น แล้วเสด็จจากไป (ลก 4 : 16-30)

 

55. ชาวประมงตัดสินใจติดตามพระองค์

 

    พระเยซูเจ้าเสด็จมาที่ชายฝั่งทะเลกาลิลี ที่นั่นพระองค์ทรงพบซีโมน หรือที่เรียกว่าเปโตร และอันดรูว์น้องชาย    เขาทั้งสองกำลังตีอวน    เพราะเขาว่าเขาทั้งสองเป็นชาวประมง พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” เขาทั้งสองทิ้งอวนทันทีและติดตามพระเยซูเจ้าไป
    ต่อจากนั้นไม่นานพระเยซูเจ้าทรงพบยากอบบุตรของเศเบดีกับยอห์นน้องชาย    เขาทั้งสองอยู่ในเรือกับบิดาของเขากำลังชุนอวนอยู่    พระเยซูเจ้าได้ทรงเรียกเขา ทันใดนั้นเขาก็ละเรือและบิดาของเขาและตามพระองค์ไป (มธ 4 : 18-22)

 

56. คนอัมพาตเดินได้

028
    พระเยซูเจ้าเสด็จไปเมืองคาเปอร์นาอุมอีกครั้ง    ในไม่ช้าคนทั้งปวงก็ทราบว่าพระองค์อยู่ที่นั่น ประชาชนจำนวนมากต่างก็มาชุมนุมกัน จนบ้านไม่มีที่บรรจุแม้แต่นอกประตู    พระเยซูเจ้าบอกประชาชนว่าพระเป็นเจ้าทรงรักเขาทั้งหลาย
    และแล้วมีชายสี่คนหามคนอัมพาตคนหนึ่งมา เขาต้องการจะนำเพื่อนของเขาเข้าไปหาพระเยซูเจ้า แต่ไม่สามารถเข้าถึงพระองค์ได้เพราะคนมากมาย    ดังนั้น ชายทั้งสี่จึงปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าหลังคาบ้าน แล้วเจาะหลังคาบ้านทำเป็นช่องเหนือบริเวณที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่ แล้วเขาก็ค่อยๆ หย่อนคนอัมพาตลงมา    พระเยซูเจ้าเห็นว่าชายเหล่านี้มีความเชื่อในพระองค์ พระองค์จึงพูดกับคนอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว”    
    มีธรรมาจารย์บางคนได้ยินพระเยซูเจ้ากล่าวดังนั้น เขาก็คิดในใจว่า “ทำไมคนนี้จึงพูดเช่นนี้เล่า เขากล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครเล่าอภัยบาปได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น"  พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขาด้วยพระจิตของพระองค์ จึงตรัสว่า "ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจทำไม  อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกคนอัมพาตว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว' หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้น แบกแคร่เดินไปเถิด' แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้” พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า “เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับไปบ้านเถิด” เขาก็ลุกขึ้นแบกแคร่ออกเดินไปทันทีต่อหน้าคนทั้งปวง ทุกคนต่างประหลาดใจ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและพูดว่า “พวกเรายังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย” (มก 1 : 1-12)

 

57. พระเยซูเจ้าทรงเรียกคนบาป

029
    คนเก็บภาษีเป็นคนไม่สู้ดีนัก เขาเหล่านั้นมักจะเรียกเก็บภาษีมากกว่าที่กำหนดไว้ เขาเหล่านั้นทำงานให้กับกรุงโรม ผู้ปกครองประเทศ    ด้วยเหตุนี้ พวกฟาริสีจึงไม่ต้องการจะเกี่ยวข้องกับเขาเหล่านี้
    วันหนึ่งพระเยซูเจ้าเสด็จไปที่ชายฝั่งทะเลกาลิลี พระองค์เห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อเลวี    นั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษีของเขา พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เลวีลุกขึ้นแล้วก็ตามพระองค์ไป    เมื่อพระเยซูเจ้ารับประทานอาหารเย็นในบ้านของเลวี คนเก็บภาษีและคนบาปอื่นๆ อีกหลายคนก็ทานอาหารกับพระองค์และสาวกของพระองค์    ฟาริสีและธรรมาจารย์เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงถามสาวกของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของท่านกินอาหารกับคนเก็บภาษีและคนบาปเล่า"  17พระ เยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้นจึงตรัสตอบว่า "คนสบายดีไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่เรามาเพื่อเรียกคนบาป” (มก 2 :  13-17)

 

58. พระเยซูเจ้าเลือกอัครสาวกสิบสองคน


    พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปบนภูเขา ได้ทรงเรียกผู้ที่ทรงพอพระทัย เขาก็มาเฝ้า พระองค์ทรงเลือกไว้เพียง 12 คน เขาเหล่านั้นอยู่กับพระองค์ตลอดเวลา ดูว่าพระองค์ทำอะไร และฟังว่าพระองค์สอนอะไร พระองค์ต้องการส่งคนทั้ง 12 คนออกในฐานะสาวกของพระองค์    เพื่อเขาจะได้นำข่าวดีไปให้ประชาชนและรักษาคนเจ็บในพระนามของพระองค์    สาวกทั้งสิบสองคน คือ ซีโมน พระองค์ทรงตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า “เปโตร”  ยากอบบุตรของเศเบดี และยอห์น น้องชายของยากอบ พระองค์ทรงตั้งชื่อให้สองพี่น้องนี้ว่า "โบอาแนรเกส" ซึ่งแปลว่า "ลูกฟ้าร้อง" อันดรูว์ ฟิลิป บารโธโลมิว มัทธิว  โทมัส ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ธัดเดอัส ซีโมนจากกลุ่มชาตินิยม  และยูดาสอิสคาริโอท ผู้ที่จะทรยศต่อพระองค์ (มก 3 : 13-19)

 

59. พระเยซูเจ้าสอนประชาชน


    พระเยซูเจ้าได้เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี พระองค์ทรงสอนในศาลาธรรมและทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรสวรรค์        พระองค์ทรงรักษาคนเจ็บป่วยและทุกข์ทรมานให้หายจากโรค    กิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปทั่วประเทศ มีคนจำนวนมากจากแดนไกลโพ้นมาหาพระองค์    พระองค์ทอดพระเนตรเห็นฝูงชนจำนวนมากมาชุมนุมกัน    พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปบนเนินเขา พระองค์นั่งลงและอัครสาวกของพระองค์นั่งร่วมกับพระองค์ แล้วพระองค์เริ่มสอนว่า


“ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข     เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้าย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
ผู้มีใจอ่อนโยนย่อมเป็นสุข     เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
ผู้หิวกระหายความชอบธรรมย่อมเป็นสุข     เพราะเขาจะอิ่ม
ผู้มีใจเมตตาย่อมเป็นสุข         เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
ผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมเป็นสุข         เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ผู้สร้างสันติย่อมเป็นสุข         เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
“ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่าง ๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก  เขาได้เบียดเบียนบรรดาประกาศกที่อยู่ก่อนท่านดังนี้ด้วยเช่นเดียวกัน” (มธ 4 : 23-25,51-10)

 

book

54-59 พันธกิจของพระเยซูเจ้า

◀️ 60-61 คำสอน และ บทภาวนาของพระอาจารย์

52-53 พระเยซูรับพิธีล้างฯ ▶️