Skip to main content

book

09-11 พระอัยกา - อิสอัค เอซาว และยาโคบ

008

9. อิสอัค เอซาว และยาโคบ

 

    อิสอัคได้รับมรดกทั้งหมดจากอับราฮัมซึ่งรวมถึงฝูงสัตว์เลี้ยง คนใช้และผู้รับใช้ของอับราฮัม    นอกจากนั้นอิสอัคยังได้รับพระพรของพระเจ้ามาเป็นของเขาด้วย    และโดยที่เรเบคาห์ภรรยาของเขาเป็นหมัน    อิสอัคจึงภาวนาของพระเจ้า พระเจ้าได้ฟังคำภาวนาของเขา    ดังนั้นเรเบคาห์จึงตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นชายฝาแฝด    ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันนับตั้งแต่วาระแรกที่คลอดออกมา      คนแรกที่ออกมามีผิวแดงมีขนปกคลุมอยู่ทั้งตัว จึงได้ชื่อว่าเอซาว  หลังจากนั้นน้องชายของเขาก็ออกมา มือของเขาจับส้นเท้าของเอซาวไว้แน่น จึงได้ชื่อว่ายาโคบ    เอซาวเติบโตขึ้นเป็นนายพรานที่ชำนาญ ใช้ชีวิตอยู่ในท้องทุ่ง ส่วนยาโคบเป็นคนสงบเสงี่ยมชอบอยู่ในกระโจม  อิสอัครักเอซาวมากกว่ายาโคบ เพราะชอบกินเนื้อสัตว์ที่เอซาวล่ามาให้ แต่เรเบคาห์รักยาโคบมากกว่าเอซาว
    วันหนึ่ง ขณะที่ยาโคบกำลังปรุงอาหารอยู่ เอซาวกลับเข้ามาจากท้องทุ่ง เขากำลังหิวจัด  จึงพูดกับยาโคบว่า "ขอแกงสีแดงนั้นกินบ้างซิ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว" (เพราะเหตุนี้เขาจึงได้ชื่อว่าเอโดม ที่เป็นการเล่นคำสำหรับการที่เอซาวได้กินแกงถั่วสีแดง)  ยาโคบตอบว่า "จงขายสิทธิ์บุตรคนแรกให้ฉันก่อนซิ"  เอซาวตอบว่า "เอาไปเลย ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว สิทธิ์นั้นจะมีประโยชน์อะไร"      ยาโคบพูดว่า "จงสาบานมาก่อนซิ" เอซาวจึงสาบาน แล้วขายสิทธิ์บุตรคนแรกของตนแก่ยาโคบยาโคบจึงให้ขนมปังและแกงถั่วแก่เอซาว เอซาวกินดื่ม แล้วก็ลุกออกไป ไม่สนใจสิทธิ์บุตรคนแรกของตนเลย
เมื่ออิสอัคชรามาก และตามืดมัวจนมองไม่เห็น วันหนึ่งเขาพูดกับเอซาวว่า "ดูซิ พ่อแก่แล้ว ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร จงเอาอาวุธของลูก คือ แล่งลูกศรและคันธนูออกไปในท้องทุ่ง ล่าสัตว์มาให้พ่อ และทำอาหารอร่อย ๆ ให้พ่อกิน พ่อจะได้อวยพรลูกก่อนที่พ่อจะตาย"
       นางเรเบคาห์ได้ยินสิ่งที่อิสอัคพูด นางต้องการเก็บพรนั้นไว้ให้ยาโคบ ดังนั้น นางจึงพูดกับยาโคบว่า “จงไปที่ฝูงสัตว์ เลือกลูกแพะอ้วนพีมาสองตัว แม่จะทำอาหารอร่อย ๆ อย่างที่พ่อชอบ  ลูกจะได้เอาไปให้พ่อ แล้วพ่อจะได้อวยพรลูกก่อนที่พ่อจะตาย"    นางเตรียมอาหารอร่อยอย่างที่อิสอัคชอบ  แล้วนางเรเบคาห์ก็เอาเสื้อตัวดีที่สุดของเอซาวบุตรคนโต เป็นเสื้อที่นางเก็บไว้ในบ้านมาให้ยาโคบบุตรคนเล็กสวม  เอาหนังแพะมาคลุมแขนและคอส่วนที่เกลี้ยงของเขา  แล้วส่งเขาไปพบอิสอัค
        อิสอัคได้ยินเสียงฝีเท้าเขาถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”    ยาโคบตอบไปว่า “ลูกคือเอซาว บุตรคนโตของพ่อ ลูกทำตามที่พ่อสั่งลูกแล้ว เชิญลุกขึ้นนั่งกินเนื้อที่ลูกล่ามาได้เถิด เพื่อพ่อจะได้อวยพรลูก"    อิสอัคยื่นแขนของเขาออกไปจับแขนของลูกชาย เขาจับถูกหนังแพะที่หุ้มหลอกไว้ อิสอัคจึงได้อวยพรให้ยาโคบว่า 
“ดูซิ กลิ่นลูกชายของข้า เป็นเหมือนกลิ่นทุ่งนาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพร    ขอพระเจ้าประทานน้ำค้างจากฟ้าและความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินทั้งข้าวสาลีและเหล้าองุ่นใหม่แก่ลูกอย่างมาก”
        “ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับใช้ลูก  ขอให้ประชาชาติทั้งหลายกราบไหว้ลูก  ขอให้ลูกเป็นนายเหนือพี่น้อง ขอให้บุตรของมารดาของลูก กราบไหว้ลูก  ผู้ใดสาปแช่งลูกให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งด้วย  ผู้ใดอวยพรลูกให้ผู้นั้นได้รับพรด้วย”
หลังจากนั้นไม่นาน เอซาวก็กลับมาจากการล่าสัตว์ เขาได้นำเนื้อย่างมาให้แก่บิดาและขอให้บิดาของเขาอวยพรให้แก่เขา อิสอัคจึงรู้ว่ายาโคบบุตรชายของเขาได้หลอกเขา แต่เขาไม่สามารถจะเอาพรที่ให้ยาโคบกลับคืนมาได้    เอซาวรู้สึกโกรธและพูดกับตนเองว่า เมื่ออิสอัคบิดาของเราตาย เราจะฆ่ายาโคบเสีย    เรเบคาห์ได้ยินเรื่องนี้ จึงได้บอกแก่ยาโคบว่า จงหนีไปอยู่กับลาบันลุงของเจ้าที่เมืองฮาราน จงคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเอเซาวจะลืมเรื่องความโกรธของเขาดังนั้น ยาโคบจึงไปอยู่กับลาบัน เขาทำงานเป็นคนเลี้ยงแกะให้กับลาบัน แต่เขาก็มีฝูงแกะของเขาเองด้วย   ต่อมายาโคบก็ได้แต่งานและมีบุตรหลายคน
    หลังจากนั้นอีก 20 ปี ยาโคบก็กลับไปที่เมืองคานาอันพร้อมกับทุกคนในครอบครัวของเขา    ระหว่างทางเขาได้พักค้างคืนใกล้กับแม่น้ำยับบอก เขาได้ส่งสัมภาระของเขาทั้งหมดไปยังอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำและอยู่ตามลำพัง    คืนนั้นมีบุรุษผู้หนึ่งมาปล้ำอยู่กับเขาจนรุ่งสาง หลังจากเลิกต่อสู้แล้วชายผู้นั้นก็ให้พรแก่ยาโคบและพูดกับเขาว่า "ท่านจะไม่ชื่อยาโคบอีก แต่ชื่ออิสราเอล เพราะท่านได้ต่อสู้กับพระเจ้าและกับมนุษย์ แล้วท่านก็ชนะ"
    ยาโคบทำไมตรีกับเอซาวพี่ชายของเขา เขาอาศัยอยู่ในเมืองคานาอันและมีบุตรชาย 12 คน คือ รูเบน สิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ เศบูลุน  โยเซฟ เบนยามิน  ดาน นัฟทาลี กาดและอาเชอร์    คนทั้งหมดนี้เป็นบรรพบุรุษของชาวอิสราเอล (ปฐก 25-35)

 

10. โยเซฟไปยังอียิปต์

010

       ยาโคบรักโยเซฟมากกว่าบุตรชายคนอื่นๆ ของเขา    เขาให้เสื้อนอกอย่างดีแก่โยเซฟจึงทำให้คนอื่นๆ อิจฉา        วันหนึ่งยาโคบส่งโยเซฟไปหาพี่ชายของเขาในทุ่งหญ้า    พวกพี่ๆ จึงช่วยกันจับโยเซฟและจับเขาโยนลงในบ่อว่างเปล่าบ่อหนึ่ง    ครั้งแรกเขาต้องการจะฆ่าโยเซฟแต่ต่อมาเขาเหล่านั้นได้ขายโยเซฟให้กับพ่อค้าชาวอิชมาแอลเป็นเงินหนักยี่สิบบาท    พวกพี่ชายของเขาเอาเสื้อยาวของเขา จุ่มเลือดแพะ  ส่งเสื้อนั้นไปให้บิดาดูพร้อมกับบอกว่า "เราพบเสื้อนี้ คุณพ่อจงดูเถิดว่าเป็นเสื้อของลูกคุณพ่อหรือไม่"  ยาโคบจำได้พูดว่า "ใช่แล้ว เป็นเสื้อของลูกฉัน สัตว์ร้ายคงกัดกินเขาแล้ว    โยเซฟคงถูกมันฉีกเนื้อละเอียดแล้ว"  ยาโคบฉีกเสื้อผ้าของตน เอาผ้ากระสอบมาคาดเอว แสดงความเสียใจ เขาไว้ทุกข์ให้บุตรชายอยู่หลายวัน
โยเซฟไปประเทศอียิปต์กับพ่อค้า    และที่นั่นเขาได้ถูกขายต่อไปให้โปทิฟาร์ที่ปรึกษาของพระเจ้าฟาโรห์และผู้บังคับบัญชาทหารรักษาพระองค์    โยเซฟทำงานให้โปทิฟาร์ และทุกสิ่งที่เขาทำก็เป็นไปด้วยดีเพราะว่าพระเจ้าอยู่กับเขา โปทิฟาร์จึงให้โยเซฟเป็นผู้รับใช้ส่วนตัว แต่งตั้งให้เขาดูแลบ้าน และทรัพย์สมบัติทั้งปวง    ภรรยาของโปทิฟาร์พยายามชักชวนให้มีความสัมพันธ์กับเธอแต่โยเซฟปฏิเสธ   นางจึงแกล้งใส่ร้ายโยเซฟกับสามีของนาง     โปทิฟาร์จึงจับโยเซฟขังคุก    
    ในขณะนั้นพนักงานถวายน้ำจัณฑ์และพนักงานเครื่องเสวยของกษัตริย์อียิปต์ก็ถูกขังคุกอยู่ด้วย     เขาทั้งสองต่างก็ฝันและได้เล่าความฝันให้โยเซฟฟัง    โยเซฟก็ได้อธิบายให้เขาทั้งสองได้ทราบว่าความฝันของเขาหมายความอย่างไรพนักงานถวายน้ำจัณฑ์จะได้รับการปล่อยตัวและกลับไปทำงานในหน้าที่เดิม    ส่วนพนักงานเครื่องเสวยจะถูกลงโทษประหารชีวิต    และทุกอย่างก็เป็นจริงอย่างที่โยเซฟบอก (ปฐก 37 : 39-40)

 

11. ยาโคบและบุตรชายของเขาไปยังประเทศอียิปต์

    สองปีต่อมา พระเจ้าฟาโรห์ทรงพระสุบิน    ทรงเรียกโหรและปราชญ์ของประเทศอียิปต์มาเฝ้า พระองค์ทรงเล่าพระสุบิน แต่ไม่มีใครทำนายได้ และเผอิญพนักงานถวายน้ำจัณฑ์นึกถึงโยเซฟได้ เขาจึงกราบทูลพระเจ้าฟาโรห์ว่า    มีชายหนุ่มชาวฮีบรูคนหนึ่งอยู่ในคุก เขาสามารถทำนายฝันของข้าพระองค์และพนักงานเครื่องเสวยได้ เหตุการณ์เป็นไปตามที่เขาทำนายทุกประการ    พระเจ้าฟาโรห์จึงรับสั่งให้เรียกโยเซฟเข้าเฝ้า พระองค์ได้อธิบายความฝันของพระองค์ที่ได้ฝันเห็นแม่โคลักษณะดีอ้วนพีเจ็ดตัวขึ้นจากแม่น้ำไนล์ มากินหญ้าที่พงอ้อ ทันใดนั้น แม่โคอีกเจ็ดตัวน่าเกลียดและผอมโซที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในประเทศอียิปต์ ขึ้นจากแม่น้ำตามมา    และความฝันของพระองค์ที่ทรงเห็นรวงข้าวสมบูรณ์มีเมล็ดเต็มเจ็ดรวงงอกขึ้นจากต้นเดียวกัน  แล้วมีรวงข้าวอีกเจ็ดรวงเหี่ยว เมล็ดลีบและถูกลมจากทะเลทรายเผาจนเกรียมงอกตามมาโยเซฟได้อธิบายพระเจ้าฟาโรห์ว่า    ความฝันในตอนกลางคืนที่พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้พระองค์ฝันเห็นนั้นว่า           จะมีเจ็ดปีที่อุดมสมบูรณ์ทั่วแผ่นดินอียิปต์ หลังจากนั้นจะเกิดกันดารอาหารเป็นเวลาเจ็ดปี จนทุกคนลืมความอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินอียิปต์ ความกันดารอาหารครั้งนี้จะล้างผลาญแผ่นดิน    ”ขอให้พระเจ้าฟาโรห์ทรงหาผู้ที่ฉลาดและมีปรีชา แต่งตั้งให้เขามีอำนาจในแผ่นดินอียิปต์ ขอให้พระเจ้าฟาโรห์ทรงแต่งตั้งข้าราชการขึ้นทั่วแผ่นดิน ให้เก็บหนึ่งในห้าของพืชผลในแผ่นดินตลอดเจ็ดปีที่อุดมสมบูรณ์  เขาจะรวบรวมเสบียงอาหารทั้งหมดที่เก็บได้ในปีที่อุดมสมบูรณ์นี้ตามพระบัญชาของพระเจ้าฟาโรห์ สะสมข้าวและเก็บรักษาไว้ให้ดีในเมือง  เสบียงอาหารนี้จะสำรองไว้สำหรับแผ่นดิน ระหว่างเจ็ดปีที่กันดารอาหารในแผ่นดินอียิปต์ และดังนี้ความกันดารอาหารก็จะไม่ทำลายแผ่นดิน”
    พระเจ้าฟาโรห์ตรัสกับโยเซฟว่า “เราตั้งท่านเป็นผู้สำเร็จราชการทั่วแผ่นดินอียิปต์”    โยเซฟสะสมเสบียงอาหารไว้ตลอดเวลาเจ็ดปีที่มีความอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินอียิปต์    เมื่อเกิดความกันดารไปทั่วแผ่นดิน โยเซฟก็เปิดยุ้งฉางทั้งหมดออกขายข้าวให้ชาวอียิปต์ ขณะที่ความกันดารทวีความรุนแรงขึ้นในอียิปต์  ผู้คนจากทุกประเทศต่างมายังอียิปต์เพื่อขอซื้อข้าวจากโยเซฟ  เพราะความกันดารอาหารทวีความรุนแรงไปทั่วทุกแผ่นดิน
    ยาโคบและลูกๆ ของเขาไม่มีอะไรเหลือที่จะกินได้อีก    ดังนั้น ยาโคบจึงส่งบุตรชายของตนไปที่อียิปต์        โยเซฟเห็นพี่ชายของเขาก็จำพวกเขาได้ทันทีแต่พี่ชายจำโยเซฟไม่ได้    โยเซฟจึงจับพี่ชายมาทดสอบ    โยเซฟต้องการจะรู้ว่าเขาจะยืนหยัดต่อสู้ให้แก่กันหรือไม่?    โยเซฟจึงสั่งให้คนของเขานำถ้วยเงินใส่ลงไปในกระสอบของเบนยามิน    และขณะที่พี่ชายของเขาเดินทางกลับบ้านโยเซฟส่งคนของเขาติดตามไป บอกให้พวกเขาหยุดและกล่าวหาพวกเขาว่า “ทำไมท่านทั้งหลายจึงทำชั่วตอบแทนความดีเล่า  ถ้วยนี้เป็นถ้วยที่เจ้านายของข้าพเจ้าใช้ดื่ม และใช้ทำนายเหตุการณ์ในอนาคตมิใช่หรือ สิ่งที่ท่านทำนั้นเป็นความผิดอย่างมาก?”    พี่ๆ ของโยเซฟต่างก็ป้องกันตนเองว่า “เราไม่ได้ขโมยอะไรมา” แต่เมื่อกระสอบของเบนยามินถูกค้นก็ได้พบถ้วยเงินในกระสอบ
    พี่ๆ เดินทางกลับมาหาโยเซฟ    โยเซฟพูดว่า “คนที่พบถ้วยอยู่ในกระสอบของเขาเท่านั้นจะเป็นทาสของเรา ส่วนท่านทั้งหลาย จงกลับไปหาบิดาของท่านอย่างปลอดภัย"    ยูดาห์พูดกับเขาว่า “บิดาของเรารักบุตรชายคนเล็กมาก เขาจะตายอย่างเศร้าโศกหากมีอะไรเกิดขึ้นกับน้อง ขออนุญาตให้เราอยู่แทนเบนยามินเถิด” โยเซฟไม่สามารถปิดบังตัวเองได้อีกและได้พูดกับพี่ๆ ของเขาว่า "ฉันคือโยเซฟ น้องชายของพี่ที่พี่ขายมาอียิปต์    พี่พยายามทำสิ่งที่ไม่ดีแต่พระเจ้าได้ตอบแทนด้วยการทำให้เหตุการณ์นั้นเป็นไปในทางที่ดี    พระเจ้าทรงส่งฉันล่วงหน้ามาก่อน เพื่อช่วยชีวิตของพี่ ๆจงรีบกลับไปหาบิดาของพวกเราเถิด และนำท่านมาที่อียิปต์เพื่อท่านจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป”    ยาโคบดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อทราบว่าโยเซฟยังมีชีวิตอยู่     เขา, บุตรชายของเขาและครอบครัวได้เดินทางไปอียิปต์    ที่นั่นพวกเขาได้อยู่แผ่นดินของเมืองโกเชนโดยยึดอาชีพการเลี้ยงสัตว์    โยเซฟได้ดูแลพี่ๆ ของเขาจนความอดอยากแห้งแล้งได้ผ่านพ้นไป (ปฐก 42-47)

 

 

book

09-11 พระอัยกา - อิสอัค เอซาว และยาโคบ

◀️ 12-21 ประกาศกโมเสส

06-08 บรรดาอัยกา - บิดาอับราฮัม ▶️