Skip to main content

book

01-05 พระเจ้าทรงสร้างโลก - น้ำวินาศ

001 

 

 1. พระเจ้าทรงสร้างโลก 

        เมื่อแรกเริ่มนั้น พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน แผ่นดินยังเป็นที่ร้างไร้รูปร่าง ความมืดมิดปกคลุมอยู่เหนือทะเลลึก และลมพายุแรงกล้าพัดอยู่เหนือน้ำ
        พระเจ้าตรัสว่า "จงมีความสว่าง" และความสว่างก็อุบัติขึ้น  พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี ทรงแยกความสว่างออกจากความมืด  พระเจ้าทรงเรียกความสว่างว่า "วัน" ทรงเรียกความมืดว่า "คืน" มีเวลาค่ำ มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่หนึ่ง


        พระเจ้าตรัสว่า "จงมีแผ่นฟ้าขึ้นระหว่างน้ำ เพื่อแยกน้ำออกจากกัน" และก็เป็นเช่นนั้น  พระเจ้าทรงสร้างแผ่นฟ้า และทรงแยกน้ำใต้แผ่นฟ้าออกจากน้ำที่อยู่เหนือแผ่นฟ้า  พระเจ้าทรงเรียกแผ่นฟ้าว่า "ท้องฟ้า" มีเวลาค่ำ มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่สอง
        พระเจ้าตรัสว่า "น้ำใต้ท้องฟ้าจงมารวมอยู่ในที่เดียวกัน ที่แห้งจงปรากฏขึ้น" และก็เป็นเช่นนั้น พระเจ้าทรงเรียกที่แห้งว่า "แผ่นดิน" ทรงเรียกมวลน้ำว่า "ทะเล" พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
        พระเจ้าตรัสว่า "แผ่นดินจงผลิตหญ้าเขียว คือพืชที่มีเมล็ดและไม้ผลที่มีเมล็ดในผลแต่ละชนิดบนแผ่นดิน" และก็เป็นเช่นนั้น  แผ่นดินผลิตหญ้าเขียว พืชที่มีเมล็ด และไม้ผลที่มีเมล็ดในผลแต่ละชนิด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี  มีเวลาค่ำ มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่สาม
        พระเจ้าตรัสว่า "จงมีดวงสว่างบนแผ่นฟ้าเพื่อแยกวันออกจากคืน เป็นเครื่องกำหนดเทศกาล วันและปี  ใช้เป็นตะเกียงบนท้องฟ้าเพื่อส่องแสงเหนือแผ่นดิน" และก็เป็นเช่นนั้น  พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างใหญ่สองดวง ทรงให้ดวงใหญ่กำหนดวัน ดวงเล็กกำหนดคืนและทรงสร้างดวงดาวด้วย  พระเจ้าทรงจัดสิ่งเหล่านี้ไว้บนแผ่นฟ้า เพื่อส่องสว่างเหนือแผ่นดิน  เพื่อกำหนดวันและคืน เพื่อแยกความสว่างจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี  มีเวลาค่ำ มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่สี่
        พระเจ้าตรัสว่า "น้ำจงผลิตสิ่งที่มีชีวิตมากมาย นกจงโผบินใต้แผ่นฟ้าเหนือแผ่นดิน" และก็เป็นเช่นนั้น  พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ รวมทั้งนกมีปีกทุกชนิด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี  พระเจ้าทรงอวยพรสัตว์เหล่านี้ว่า "จงมีลูกมาก และเพิ่มจำนวนขึ้นจนเต็มทะเล นกจงทวีจำนวนบนแผ่นดิน"  มีเวลาค่ำ มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่ห้า  พระเจ้าตรัสว่า "แผ่นดินจงผลิตสัตว์ทุกชนิด" ทั้งสัตว์เลี้ยง สัตว์เลื้อยคลานj และสัตว์ป่า และก็เป็นเช่นนั้น  พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่า สัตว์เลี้ยง และสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนพื้นดิน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
        พระเจ้าตรัสว่า "เราจงสร้างมนุษย์ขึ้นตามภาพลักษณ์ของเรา ให้มีความคล้ายคลึงกับเรา ให้เป็นนายปกครองปลาในทะเล นกในท้องฟ้า สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่าและสัตว์เลื้อยคลานบนพื้นดิน"
        พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์พระองค์ทรงสร้างเขาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้าพระองค์ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
        พระเจ้าทรงอวยพรเขาทั้งสองว่า "จงมีลูกมากและทวีจำนวนขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงปกครองแผ่นดิน จงเป็นนายเหนือปลาในทะเล นกในอากาศ และสัตว์ทุกชนิดที่เคลื่อนไหวอยู่บนแผ่นดิน"  พระเจ้ายังตรัสอีกว่า "ดูซิ เราให้ข้าวทุกชนิดซึ่งอยู่บนแผ่นดิน และผลไม้ที่มีเมล็ดเป็นอาหารสำหรับท่าน  ส่วนบรรดาสัตว์ป่า นกในท้องฟ้า และสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดิน เราให้หญ้าเขียวเป็นอาหาร" และก็เป็นเช่นนั้น  พระเจ้าทรงเห็นว่าทุกสิ่งที่ทรงสร้างนั้นดีมาก มีเวลาค่ำ มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่หก
ฟ้า แผ่นดิน และสิ่งประดับทั้งปวงก็สำเร็จบริบูรณ์  ในวันที่เจ็ดพระเจ้าทรงเสร็จสิ้นจากงานที่ทรงกระทำ พระองค์ทรงหยุดพักในวันที่เจ็ดจากงานทั้งหมดที่ทรงกระทำ  พระเจ้าทรงอวยพรวันที่เจ็ดและทรงทำให้วันนั้นเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เพราะในวันนั้น พระองค์ทรงพักจากงานทั้งปวงที่ทรงกระทำในการเนรมิตสร้าง (ปฐก 1-2)

 

2. พระเจ้าทรงให้สวนสวรรค์แก่มนุษย์

    องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเอาฝุ่นจากพื้นดิน มาปั้นมนุษย์และทรงเป่าลมแห่งชีวิตเข้าในจมูกของเขา มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต    องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูกสวนขึ้นทางทิศตะวันออกในแคว้นเอเดน และทรงนำมนุษย์ที่ทรงปั้นมาไว้ที่นั่น  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ต้นไม้ทุกชนิดงอกขึ้นจากดิน ต้นไม้เหล่านี้งดงามชวนมองและมีผลน่ากิน มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่ง อยู่ที่กลางสวน และมีต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว
    องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำมนุษย์มาไว้ในสวนเอเดน เพื่อเพาะปลูกและดูแลสวน  แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชามนุษย์นั้นว่า "ท่านจะกินผลไม้จากต้นไม้ทุกต้นในสวนได้ แต่อย่ากินจากต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว วันใดที่ท่านกินผลจากต้นนั้น ท่านจะต้องตาย"
    องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "มนุษย์อยู่เพียงคนเดียวนั้น ไม่ดีเลย เราจะสร้างผู้ช่วยที่เหมาะกับเขาให้"  องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงเอาดินมาปั้นสัตว์ป่าทุกชนิดและนกทุกชนิดในท้องฟ้า ทรงนำสัตว์เหล่านี้มาให้มนุษย์ เพื่อดูว่าเขาจะตั้งชื่อมันว่าอย่างไร สัตว์แต่ละตัวจะมีชื่อตามที่มนุษย์ตั้งให้  มนุษย์จึงตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยง นกในอากาศ และสัตว์ป่าทั้งหมด แต่มนุษย์ยังไม่พบผู้ช่วยที่เหมาะกับตน  ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้มนุษย์หลับสนิท และขณะที่เขากำลังนอนหลับ ก็ทรงเอากระดูกซี่โครงของเขาออกมาหนึ่งซี่ และทรงบันดาลให้เนื้อปิดสนิท  องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเอาซี่โครงนั้นมาสร้างหญิง แล้วทรงนำมาให้มนุษย์  มนุษย์จึงพูดว่า
        "นี่คือกระดูกจากกระดูกของฉัน และเนื้อจากเนื้อของฉัน
        นางจะมีชื่อว่าหญิง เพราะนางมาจากชาย"
        เพราะฉะนั้น ชายจะละบิดามารดาของตนไปผูกพันกับภรรยา และทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน
        เขาทั้งสองคือมนุษย์และภรรยาต่างเปลือยกายอยู่ แต่ไม่อายกัน

 3. มนุษย์ตกในบาป

003

    งู เป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ที่สุดในบรรดาสัตว์ป่าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้าง มันถามหญิงว่า "จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่าอย่ากินผลจากต้นไม้ใด ๆ ในสวนนี้" หญิงจึงตอบงูว่า "ผลของต้นไม้ต่าง ๆ ในสวนนี้ เรากินได้  แต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนเท่านั้น" พระเจ้าตรัสห้ามว่า "อย่ากินหรือแตะต้องเลย มิฉะนั้นท่านจะต้องตาย"  งูบอกกับหญิงว่า "ท่านจะไม่ตายดอก  พระเจ้าทรงทราบว่า ท่านกินผลไม้นั้นวันใด ตาของท่านจะเปิดในวันนั้น ท่านจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือรู้ดีรู้ชั่ว"  หญิงเห็นว่า ต้นไม้นั้นมีผลน่ากิน งดงามชวนมอง ทั้งยังน่าปรารถนาเพราะให้ปัญญา นางจึงเด็ดผลไม้มากิน  แล้วยังให้สามีซึ่งอยู่กับนางกินด้วย เขาก็กิน  ทันใดนั้น ตาของทั้งสองคนก็เปิดและเห็นว่าตนเปลือยกายอยู่ จึงเอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้
        เย็นวันนั้นมนุษย์และภรรยา ได้ยินเสียงองค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังทรงพระดำเนินในสวน จึงหลบไปซ่อนให้พ้นจากพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าในหมู่ต้นไม้ของสวน  แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกมนุษย์ ตรัสถามว่า "ท่านอยู่ไหน"  มนุษย์ทูลตอบว่า "ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของพระองค์ในสวน ก็กลัวเพราะข้าพเจ้าเปลือยกายอยู่  จึงได้ซ่อนตัว"  พระองค์ตรัสถามว่า "ใครบอกท่านว่าท่านเปลือยกายอยู่ ท่านได้กินผลจากต้นไม้ที่เราห้ามมิให้กินนั้นหรือ"  มนุษย์ทูลตอบว่า "หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กับข้าพเจ้าได้ให้ผลจากต้นไม้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน"  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับหญิงว่า "ท่านทำอะไรไปนี่" หญิงทูลตอบว่า "งูหลอกลวงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน"
        องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับงูว่า "เพราะเจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจงถูกสาปแช่ง ในบรรดาสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าทั้งปวง เจ้าจะต้องใช้ท้องเลื้อยไปตามพื้นดินและกินฝุ่นเป็นอาหารทุกวันตลอดชีวิต
        เราจะทำให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้าและเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา" 
        พระเจ้าตรัสกับหญิงว่า "เราจะเพิ่มความทุกข์ทรมานในการคลอดบุตรแก่ท่าน ท่านจะคลอดบุตรด้วยความเจ็บปวด ท่านจะใฝ่หาสามีแต่เขาจะเป็นนายเหนือท่าน"
        พระองค์ตรัสกับมนุษย์ว่า "เพราะท่านได้ฟังเสียงของภรรยา และกินผลจากต้นไม้ที่เราห้ามมิให้กิน แผ่นดินจะถูกสาปแช่งเพราะท่าน ท่านจะต้องหากินจากแผ่นดินด้วยความทุกข์ยากทุกวันตลอดชีวิต
        แผ่นดินจะผลิตต้นหนามและกอหนามและท่านจะกินพืชที่งอกในทุ่งนา
        ท่านจะมีอาหารกินก็ด้วยหยาดเหงื่อบนใบหน้า จนกว่าท่านจะกลับเป็นดินอีก เพราะท่านถูกปั้นมาจากดิน ท่านเป็นฝุ่นดินและจะกลับไปเป็นฝุ่นดินอีก"
        มนุษย์เรียกภรรยาของตนว่า "เอวา" เพราะนางเป็นมารดาของผู้มีชีวิตทั้งหลาย  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเอาหนังสัตว์มาทำเสื้อให้มนุษย์และภรรยาสวมปกปิดกาย     แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "ดูซิ มนุษย์มารู้ดีรู้ชั่ว เหมือนเราผู้หนึ่งแล้ว บัดนี้อย่าปล่อยให้เขายื่นมือมาเด็ดผลจากต้นไม้แห่งชีวิตมากินแล้วมีชีวิตตลอดไปด้วย"  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่เขาออกจากสวนเอเดน ให้ออกไปเพาะปลูกในที่ดินซึ่งเขาถูกปั้นมา   พระองค์ทรงขับไล่มนุษย์และทรงตั้งบรรดาเครูบผู้ถือดาบเพลิง ส่องแสงแปลบปลาบไว้ทางตะวันออกของสวนเอเดน เพื่อเฝ้าทางไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิต

 

4. กาอินและอาแบล

 004

  อาดัมและเอวามีบุตรชายสองคนชื่อ กาอินและอาแบล อาแบลเป็นเป็นคนเลี้ยงแกะ ส่วนกาอินเป็นคนเพาะปลูก    กาอินนำผลที่เกิดจากแผ่นดินมาถวายเป็นบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า  ส่วนอาแบลนำแกะที่เกิดจากฝูงรุ่นแรกและไขมันแกะมาถวายด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยอาแบลและเครื่องบูชาของเขา  แต่ไม่พอพระทัยกาอินและเครื่องบูชาของเขา กาอินโกรธมากหน้าตาบึ้งตึง  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามกาอินว่า "ท่านโกรธหน้าตาบึ้งตึงทำไม  ถ้าท่านทำดี ท่านย่อมเงยหน้าขึ้นได้ แต่ถ้าท่านทำไม่ดี บาปกำลังหมอบอยู่ที่ประตู คอยตะครุบตัวท่าน แต่ท่านจะต้องเอาชนะมันให้ได้"  กาอินพูดกับอาแบลน้องชายว่า "เราจงไปในทุ่งนากันเถิด" ขณะที่ทั้งสองคนอยู่ในทุ่งนา กาอินก็ลงมือทำร้ายอาแบลน้องชายและฆ่าเสีย
        องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามกาอินว่า "อาแบลน้องชายท่านอยู่ที่ไหน" เขาทูลตอบว่า ข้าพเจ้าไม่ทราบ ข้าพเจ้าเป็นผู้ดูแลน้องหรือ"  พระองค์ตรัสว่า "ท่านทำอะไรลงไป  เลือดของน้องชายของท่านจากพื้นดินร้องดังมาถึงเรา  บัดนี้ท่านจะต้องถูกสาปแช่งให้ออกไปจากแผ่นดินที่อ้าปากรับโลหิตของน้องชายที่ท่านฆ่า  เมื่อท่านเพาะปลูก แผ่นดินจะไม่ให้ผลแก่ท่านอีก ท่านจะต้องเร่ร่อนหลบหนีไปบนแผ่นดิน"  กาอินทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า "โทษของข้าพเจ้าหนักเกินกว่าจะรับอภัยได้  ดูซิ วันนี้พระองค์ทรงขับไล่ข้าพเจ้าออกจากแผ่นดินนี้ ข้าพเจ้าต้องหลบซ่อนจากพระพักตร์ของพระองค์ เร่ร่อนหนีหน้าผู้คนบนแผ่นดิน ใครพบข้าพเจ้าก็จะฆ่าข้าพเจ้าเสีย"  ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำเครื่องหมายไว้ที่ตัวกาอิน เพื่อเตือนคนที่พบไม่ให้ฆ่าเขา (ปฐก 4)

 

5. โนอาห์และน้ำวินาศ

 005

  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และใจของเขาคิดแต่สิ่งชั่วร้ายอยู่ตลอดเวลา    องค์พระผู้เป็นเจ้าเสียพระทัยที่ได้ทรงสร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดิน และเศร้าพระทัย    จึงตรัสว่า "เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราสร้างมานี้ให้หมดสิ้นจากแผ่นดิน ไม่ว่าคนหรือสัตว์ สัตว์เลื้อยคลานหรือนกในท้องฟ้า เพราะเรารู้สึกเสียใจที่ได้สร้างมา"
    โนอาห์เป็นคนดี เป็นคนชอบธรรมในท่ามกลางคนร่วมสมัย เขาดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า  ดังนั้น พระองค์จึงทรงต้องการจะช่วยเขาให้รอดพ้นจากการถูกลงโทษที่จะมาถึง        พระเจ้าตรัสกับโนอาห์ว่า “ จงต่อเรือด้วยไม้เป็นเรือขนาดใหญ่ที่สามารถลอยเหนือน้ำ    เราจะทำให้น้ำท่วมแผ่นดอน สิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดจะถูกทำลายในน้ำ ตัวเข้าและผู้ที่อยู่กับเจ้าเท่านั้นจะรอด
    โนอาห์กับบุตรของเขาลงมือสร้างเรือขึ้นมาลำหนึ่ง ตามที่พระเจ้าทรงตรัสกับเขา    เขาได้สร้างห้องหลายห้องในเรือเพราะว่าเขาได้นำสัตว์แต่ละชนิดมาอย่างละคู่ขึ้นมาบนเรือกับเขาตามที่พระเจ้าได้ตรัสกับเขา    เมื่อเรือพร้อมแล้วโนอาห์รวบรวมเสบียงใส่เรือ พาบุตรและครอบครัวของเขาขึ้นเรือ เขานำสัตว์แต่ละชนิดอย่างละคู่ขึ้นเรือไปกับเขา    พระเจ้าทรงปิดประตูเรือหลังจากที่พวกเขาเข้าไปแล้ว
    แล้วฝนก็เริ่มตกมา น้ำเทลงมาจากฟ้าและทำให้น้ำท่วมโลก ระดับนั้นสูงขึ้น สูงขึ้น ทำให้สัตว์ต่างๆ จมน้ำตายรวมทั้งมนุษย์ด้วย    นกหากิ่งไม้เกาะนอนไม่ได้ดังนั้น สิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดในโลกก็ได้จมน้ำตายหมด    โนอาห์และผู้ที่อยู่กับเขาในเรือเท่านั้นที่มีชีวิตรอดจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนั้น
        ในที่สุด หลังจากนานถึงสี่สิบวัน ฝนก็หยุดตก         และเมื่อน้ำเริ่มลด โนอาห์ก็ปล่อยนกกาออกไปตัวหนึ่งและในไม่ช้านกกาตัวนั้นก็กลับมาหาโนอาห์ และอีกเจ็ดวันต่อมา โนอาห์ก็ปล่อยนกพิราบออกไปตัวหนึ่ง นกพิราบนั้นก็กลับมาหาเขาเช่นกัน    ในที่สุด นกพิราบตัวที่สองที่โนอาห์ปล่อยออกไปอีกเจ็ดวันต่อมา มันกลับมายังเรือพร้อมกับคาบกิ่งมะกอกเทศกิ่งเล็ก ๆ มีใบเขียวสดมาด้วย โนอาห์จึงรู้ว่า น้ำลดจากพื้นแผ่นดินแล้ว  เขาคอยอีกเจ็ดวัน และปล่อยนกพิราบออกไปอีกครั้งหนึ่ง มันไม่กลับมาหาเขาอีกเลย    หลังจากนั้นไม่นานพระเจ้าได้ตรัสกับโนอาห์ว่า “บัดนี้เจ้าจงออกจากเรือได้แล้ว ทั้งตัวเจ้าและทุกสิ่งที่รอดมาพร้อมกับเจ้า พวกเขาออกมาจากเรือทั้งมนุษย์และสัตว์          และชีวิตใหม่ก็ได้เริ่มต้นจากเขาทั้งหมด โนอาห์ขอบคุณพระเจ้าและได้ทำพิธีบูชาถวายแด่พระเจ้าด้วย
    พระเจ้าตรัสกับโนอาห์ว่า “เราจะทำพันธสัญญาไว้กับเจ้า สำหรับมนุษย์และสัตว์ เจ้าและลูกหลานของเจ้าจะอยู่ภายใต้พันธสัญญานี้    เราขอสัญญากับเจ้าว่าเราจะไม่ให้น้ำท่วมโลกทำลายชีวิตในโลกนี้อีกต่อไป (ปฐก 6-9)

book

01-05 พระเจ้าทรงสร้างโลก - น้ำวินาศ

◀️ 06-08 บรรดาอัยกา - บิดาอับราฮัม

Headline