Skip to main content

book

94-98 กิจการอัครสาวก

045

94. มีชีวิตอยู่และตายเพื่อพระเยซู


       นับแต่นั้นมาบรรดาสาวกก็ออกไปประกาศข่าวดีในกรุงเยรูซาเล็ม รักษาคนป่วยให้หายและเป็นประจักษ์พยานถึงชีวิตและการตายของพระเยซูเจ้า    คนที่มีความเชื่อก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น    มหาปุโรหิตและธรรมาจารย์ชาวยิวต้องการให้ประชาชนลืมพระเยซู ดังนั้นเขาจึงจับสาวกของพระองค์ ซักถามเขาและสั่งห้ามเขาไม่ให้ทำการเทศน์สอนในนามของพระเยซูเจ้า แต่สาวกของพระองค์ไม่สนใจในคำสั่งห้ามเหล่านั้น สเทเฟนหนึ่งในสังฆานุกรรุ่นแรกได้ถูกหินทุ่มจนเสียชีวิต    แต่ก่อนที่เขาจะสลบภายใต้กองหิน    เขาได้ตะโกนร้องออกมาว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าเปิดออก และเห็นบุตรแห่งมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า พระเยซูเจ้าข้า โปรดรับข้าพเจ้าด้วยเถิด”
       คริสตชุมชนของพระเยซูเจ้าถูกข่มเหงในกรุงเยรูซาเล็ม    ผู้คนที่มีความเชื่อในพระองค์จะถูกขับออกจากเมือง แต่ไม่ว่าเขาไปที่ไหน เขาก็ได้ประกาศว่าพระเจ้าได้ทำอะไรให้ประชาชนโดยผ่านทางพระเยซูเจ้า พวกเขาสร้างชุมชนใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามที่ต่างๆ (กจ 2-8)

 

95. เปาโล : ผู้ประกาศข่าวดีแก่นานาชาติ


    เปาโลชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเซาโล เป็นชาวยิวที่มีความเลื่อมใสศรัทธา เขาได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมากในพระคัมภีร์และได้รับการชักจูงให้เชื่อว่าพระเยซูเจ้าไม่ใช่พระผู้ไถ่    แต่เป็นคนหลอกลวงประชาชน    ดังนั้น เซาโลจึงเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งเพื่อนำคนที่มีความเชื่อศรัทธาในพระเยซูเจ้ามาลงโทษและทำให้คนเหล่านั้นหมดความเชื่อและความไว้วางใจในพระเยซู    ครั้งหนึ่ง เมื่อเขาควบม้าไปยังเมืองดามัสกัส เพื่อจะจับคริสตชนที่นั่นมาคุมขังที่กรุงเยรูซาเล็ม เขาได้รับประสบการณ์ซึ่งทำให้ขีวิตเขาทั้งชีวิตเปลี่ยนไป    เพราะว่าขณะที่เขาเดินทางใกล้ถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวเขาไว้  เขาล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงกล่าวว่า “เซาโล เซาโล ท่านเบียดเบียนเราทำไม”  เซาโลจึงถามว่า “พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร?” พระองค์ตรัสว่า “เราคือเยซู ซึ่งท่านกำลังเบียดเบียน  ท่านจงลุกขึ้น เข้าไปในเมืองแล้วจะมีคนบอกให้รู้ว่าจะต้องทำอะไร”  เซาโลจึงลุกขึ้นจากพื้นดิน ลืมตา แต่ก็มองสิ่งใดไม่เห็น คนอื่นจึงจูงมือเขา พาเข้าไปในเมืองดามัสกัส      ที่นั่นเขาได้พบกับอานาเนีย    อานาเนียไม่เชื่อว่าเซาโลได้พบกับพระเยซูเจ้าและจะให้เขาเป็นสาวกของพระองค์    องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกเขาในนิมิตว่า “อานาเนีย จงลุกขึ้นไปที่ถนนซึ่งเรียกว่าถนนตรง จงไปที่บ้านของยูดาส ถามหาชายคนหนึ่งชื่อเซาโลที่มาจากเมืองทาร์ซัส ปกมือให้ เพื่อให้เขามองเห็นได้อีก    จงไปเถิด เพราะชายผู้นี้เป็นเครื่องมือที่เราเลือกสรรไว้เพื่อนำนามของเราไปประกาศแก่คนต่างศาสนา บรรดากษัตริย์และลูกหลานของอิสราเอล  เราจะแสดงให้เขารู้ว่า เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานมากเท่าใดเพราะนามของเรา”    ดังนั้น อานาเนียจึงได้รับเซาโลเข้ากลุ่ม
    นับแต่นั้นเป็นต้นมา เปาโลก็ไม่เคยข่มเหงคริสตชนอีกแต่ประกาศพระนามของพระเจ้าแทน    ในเมืองดามัสกัสและในเมืองอื่นๆ    เขาได้ประกาศว่าพระเยซูคริสตเจ้าคือองค์พระผู้ไถ่ เปาโลได้กลายเป็นผู้ประกาศข่าวดีในที่ต่างๆ รวมทั้งในการเสวนากับชาวยิวในศาลาธรรม    เขาได้ตั้งกลุ่มคริสตชนขึ้น เขาได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ชาวยิว ชาวกรีก และประชาชนของทุกประเทศบนโลกมาเป็นประชาชนใหม่ของพระเจ้า
        เปาโลถูกกล่าวโทษและถูกตามล่าจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง แม้กระทั่งไกลไปถึงประเทศกรีซ    เปาโลได้เขียนจดหมายไปถึงคริสตชนชุมชนซึ่งตนได้ตั้งขึ้น    ในจดหมายเหล่านี้เปาโลได้ตักเตือนเขาและกระตุ้นให้กำลังใจเขา ได้อธิบายให้คนเหล่านั้นฟังว่าความเชื่อต่อพระเยซูเจ้ามีความหมายอะไรต่อมนุษย์และจะต้องดำรงชีวิตคริสตชนอย่างไร    ในที่สุดเปาโลก็ถูกจับในกรุงเยรูซาเล็ม และได้ถูกส่งตัวไปที่โรม    ในสภาพของนักโทษที่นั่นเขาได้รับการพิพากษาให้ประหารชีวิต เปาโลได้ตายเพื่อพระเยซูคริสต์ (กจ 9-28)

 

96. เปาโลเขียนจดหมายถึงคริสตชุมนุม


    พระคริสตเยซูสิ้นพระชนม์ ทั้งยังทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า ทรงวอนขอแทนเราอีกด้วย  ใครจะพรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้ ความทุกข์ลำเค็ญหรือ ความคับแค้นใจหรือ การเบียดเบียนข่มเหงหรือ การขาดอาหารและเครื่องนุ่งห่มหรือ ภยันตรายและคมดาบหรือ?  แต่ในการทดลองทั้งหมดนี้ เราชนะได้ง่ายอาศัยพระผู้ทรงรักเรา  เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าความตายหรือชีวิต ไม่ว่าทูตสวรรค์หรือผู้มีอำนาจปกครอง ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต  ไม่ว่าฤทธิ์อำนาจใดหรือความสูง ความลึก ไม่มีสรรพสิ่งใดๆ จะพรากเราได้จากความรักของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา (รม 8 : 34-39)
    ท่านทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า โดยอาศัยความเชื่อในพระคริสตเยซู  เพราะท่านทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปในพระคริสตเจ้าก็สวมพระคริสตเจ้าไว้  ไม่มีชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่มีทาสหรือไทย ไม่มีชายหรือหญิงอีกต่อไป เพราะท่านทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเยซู (กท 3 : 26-28)
    จงร่าเริงยินดีเสมอ  จงอธิษฐานภาวนาอย่างสม่ำเสมอ  จงขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี เพราะพระองค์ทรงปรารถนาให้ท่านทำสิ่งเหล่านี้ในพระคริสตเยซูอย่าดับไฟของพระจิตท่าน  อย่าดูหมิ่นการประกาศพระวาจา  จงทดสอบทุกสิ่งและยึดสิ่งที่ดีงามไว้  จงละเว้นความชั่วทุกรูปแบบ (1 ธส 5 : 16-22)
    เพราะความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันเรา เราแน่ใจว่า ถ้าคนหนึ่งตายเพื่อทุกคน ก็เหมือนกับว่าทุกคนได้ตายด้วย พระองค์ สิ้นพระชนม์แทนทุกคน เพื่อผู้ที่มีชีวิตจะได้ไม่มีชีวิตเพื่อตนเองอีกต่อไป แต่มีชีวิตเพื่อพระองค์ผู้ได้สิ้นพระชนม์ และทรงกลับคืนพระชนม์ชีพเพื่อเขา (2 คร 5  14-15)
    พี่น้องทั้งหลาย จงชื่นชมเถิด จงปรับปรุงตนให้ดีพร้อม จงให้กำลังใจกัน จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จงดำเนินชีวิตอย่างสันติ แล้วพระเจ้าแห่งความรักและสันติจะสถิตอยู่กับท่าน    จงทักทายกันด้วยการจุมพิตศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคนฝากความคิดถึงท่าน ขอพระหรรษทานของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอความรักของพระเจ้าและความสนิทสัมพันธ์ของพระจิตเจ้า สถิตอยู่กับทุกท่านเทอญ (2 คร 13 : 11-13)

 

97. เราไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างคนไร้ความหวัง


    พระเป็นเจ้าทรงให้ชีวิต สิ่งที่มีชีวิตนี้ดำรงชีวิตโดยพระองค์ ช่วงอายุชีวิตของข้าพเจ้าทั้งหลายยาวนานเจ็ดสิบปี อาจจะถึงแปดสิบสำหรับผู้ที่แข็งแรงคนเหล่านี้ทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นคนที่มีความยากลำบากและเต็มไปด้วยความทุกข์ แต่มันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วคล้ายกับนกบิน (สดด 90 : 10)    
    เพราะพระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนมรณะ จะไม่ทรงปล่อยให้ผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์ต้องเผชิญเหวลึก    พระองค์จะทรงสอนข้าพเจ้าให้รู้จักหนทางแห่งชีวิต ข้าพเจ้าจะยินดีอย่างเต็มเปี่ยมเมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์ ข้าพเจ้าจะมีความสุขตลอดไปเมื่ออยู่เบื้องขวาของพระองค์ (สดด 16 : 10-11)
    นักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า “พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับคือผู้ที่ตายไปแล้ว เพื่อท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความหวัง  เราเชื่อว่าพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำบรรดาผู้หลับอยู่มากับพระองค์โดยทางพระเยซู เจ้าเช่นเดียวกัน” (1 ธส 4 : 13-14)
    ประกาศกของอิสราเอลได้กล่าวถึง “วันของพระเจ้า” ว่า เขาเหล่านั้นรอคอยวันของพระเจ้าและพยายามเร่งให้วันนั้นมาถึง ในวันนั้นท้องฟ้าจะถูกไฟเผาผลาญ และโลกธาตุจะถูกไฟเผาละลายไป  เรากำลังรอคอยฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ ซึ่งเป็นที่อยู่ถาวรของความชอบธรรมตามพระสัญญา    สวรรค์ใหม่และแผ่นดินใหม่และสถานที่ซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่ (2 ปต 3 : 12-13)
    สาวกของพระเยซูเจ้าดูเหมือนจะไม่ค่อยยอมอดทนเลย ได้ทูลถามพระองค์ว่า “โปรดบอกข้าพเจ้าว่า เมื่อใดพระอาณาจักรของพระเจ้าจะเริ่มต้น” พระเยซูตอบว่า “เรื่องวันและเวลานั้นไม่มีใครรู้เลย ทั้งบรรดาทูตสวรรค์และแม้แต่พระบุตรนอกจากพระบิดาเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น” (มธ 24 : 30, มก 13 : 32)
    “จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่านายของท่านจะมาเมื่อไร” (มธ 24 : 42)    เมื่อพระเจ้าผู้ทรงสร้างเสด็จมาเพื่อที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้สมบูรณ์ พระองค์จะพิพากษาทั้งผู้เป็นและผู้ตาย ในการพิพากษานี้มนุษย์จะได้ทราบอย่างแท้จริงว่ามีพระเจ้าแต่องค์เดียวและความรักหนึ่งเดียว    เขาจะได้ทราบอย่างถ่องแท้ว่าสิ่งที่โชคร้ายมีแต่ประการเดียว นั่นก็คือการไม่ยอมมีมิตรภาพกับพระองค์และมีความยินดีแต่เพียงอย่างเดียวคือ การได้มีชีวิตร่วมกับพระองค์
    นักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า “เพราะพระเจ้ามิได้ทรงกำหนดให้เราต้องรับโทษ แต่ทรงกำหนดให้เราได้รับความรอดพ้นเดชะพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา    พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เราจะได้มีชีวิตอยู่ร่วมกับพระองค์ ไม่ว่าเราจะตื่นหรือหลับ” (1 ธส 5 : 9-10)
    พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับบิดาของเด็กที่ตายว่า “อย่ากลัวเลย จงมีความเชื่อไว้เถิด” (มก 5 : 36)

 

98. โลกใหม่ของพระเจ้า


    ยอห์นได้เขียนเกี่ยวกับโลกใหม่ของพระเจ้าไว้ว่า “ข้าพเจ้าเห็นฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ เพราะฟ้าและแผ่นดินเดิมสูญหายไป ไม่มีทะเลอีกต่อไป  ข้าพเจ้าเห็นนครศักดิ์สิทธิ์ คือนครเยรูซาเล็มใหม่ลงมาจากสวรรค์ ลงมาจากพระเจ้า เตรียมพร้อมเหมือนกับท่านสาวที่แต่งตัวรอท่านบ่าว  ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากพระบัลลังก์ว่า “นี่คือที่พำนักของพระเจ้าในหมู่มนุษย์   พระองค์จะทรงพำนักอยู่ในหมู่เขา เขาจะเป็นประชากรของพระองค์ และพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของเขา ทรงเป็น “พระเจ้าสถิตกับเขา”  พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา จะไม่มีความตายอีกต่อไป จะไม่มีการคร่ำครวญ การร้องไห้ และความทุกข์อีกต่อไป เพราะโลกเดิมผ่านพ้นไปแล้ว”
    พระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์ตรัสว่า “ดูซิ เราทำทุกสิ่งขึ้นใหม่” และทรงเสริมว่า “จงบันทึกลงไปว่า "ถ้อยคำเหล่านี้สัตย์จริง เชื่อถือได้”    ถูกต้องแล้วพระเจ้าข้า เชิญเสด็จมาพระเยซูเจ้าข้า (วว 21 : 1-5)

 

book

94-98 กิจการอัครสาวก

Headline

92-93 รับพระจิตเจ้า ▶️