Skip to main content

วิวัฒนาการของ "การศึกษาคาทอลิก"

ในประวัติศาสตร์โลก

กษัตริย์ชาเลอมาน ทรงรับสั่งเรื่องการบูรณะศาสนสถาน และ ด้านการศึกษาศาสนา

บทที่ 04 "โรงเรียนของวัดหลวง (อาสนวิหาร) และธรรมประเพณีของอาราม"


 กษัตริย์ชาเลอมาน (Charlemagne, 747-814) เป็นจักรพรรดิองค์แรกของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระสันตะปาปาลีโอที่ 3 องค์พระจักรพรรดินอกจากการดำเนินนโยบายการรวมหัวเมืองต่างๆในทวีปยุโรปให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ท่านเองก็ยังทะนุบำรุงด้านศาสนาและชีวิตฝ่ายจิตของประชาชน จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องฟื้นฟูด้านอักษรศาสตร์และการศึกษาอบรมโดยเฉพาะให้กับบรรดาพระสงฆ์นักบวช ท่านได้เชิญบรรดาอาจารย์ ทั้งด้านการศึกษาและศาสนาไม่ว่าจากอังกฤษ อิตาลี และสเปนมาเพื่อการฟื้นฟูนี้ ให้ทุกๆวัดและอารามมีโรงเรียนประจำ โดยทำให้วัดหลวง (อาสนวิหาร) เป็นศูนย์กลางของความรู้ การศึกษา และวิชาการในแต่ละท้องถิ่น อัลคิน (Alcuin 735-804) นักบวชคณะเบเนดิก ถือได้ว่าผู้สนองพระราชโองการของพระจักรพรรดิ ท่านได้วางการศึกษาอบรมพระสงฆ์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน บรรดาผู้รับการอบรมจะได้เรียนวิชาไวยกรณ์ วาทศาสตร์ และวรรณกรรมคลาสสิกต่างๆ

ดั่งเช่นบูรพจารย์ก่อนหน้านี้ อัลคินเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า การศึกษามีเป้าหมายเพื่อความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ และความเข้าใจในข้อความเชื่อ ท่านพยายามสร้างโครงค่ายความร่วมมือระหว่างกัน โดยมีการแลกเปลี่ยนและประสานงาน และส่งต่อนักเรียนระหว่างโรงเรียนต่างๆในยุโรป (hub of education) ท่านได้ตั้งมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้ขึ้นอยู่กับอาสนวิหารของท้องถิ่น เพื่อเตรียมพระสงฆ์และเด็กหนุ่มที่สนใจศึกษาเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง นอกจากพวกเขาจะได้เรียนวิชาการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น พวกเขายังได้เรียนตรรกศาสตร์และศาสตร์การวิพากษ์วิธี (logics and dialectic methodology) ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีวิธีการดังนี้ เริ่มจากการศึกษาแนวความคิดนั้นๆ (a study of ideas) ศัพท์บัญญัติและการตัดสินใจ (terminology and judgement) เหตุผลทางรูปนิรนัย (syllogistic reasoning) คำนิยาม (definition) และการแสดงออกหรือคำอธิบายนั้นๆ (demonstration)

สรุป...

ก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 11 รูปแบบการจัดการศึกษาแบบโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเช่นนี้ก็เป็นที่แพร่หลายทั่วทั้งยุโรป สถาบันการศึกษาดังกล่าวจึงเป็นศูนย์การของการศึกษาของรัฐและฝ่ายคริสต์ศาสนา และโดยภายใต้การปกครองของพระจักรพรรดิอ๊อตโต (Otto 936-973) รูปแบบการจัดการศึกษาเช่นนี้เป็นมาตรฐานในเยอรมนีโดยความร่วมมือกันระหว่างพระศาสนจักรและฝ่ายบ้านเมือง ส่วนที่อิตาลีสถาบันการศึกษาที่โบโลญ่า (school of Bologna) ถือว่าเป็นศูนย์กลางของการศึกษาด้านกฎหมายและแพทย์ศาสตร์  

 

อ่านและเขียนจาก

Richard E. Sullivan, "Charlemagne," Encyclopædia Britannica Online, accessed Febuary 10, 2016, http://www.britannica.com/biography/Charlemagne/Religious-reform.        

John L. Elias, A History of Christian Education: Protestant, Catholic, and Orthodox Perspectives, 1 ed. (United States: Krieger Publishing Company, 2002).

บทที่ 04 "โรงเรียนของวัดหลวง (อาสนวิหาร) และธรรมประเพณีของอาราม"

บทที่ 03 "ชีวิตในเขตพรตและการฟื้นฟูชีวิตนักบวช"

บทที่ 05 "อัสสมาจารย์นิยม" (Scholasticism)

Father M

Father M

Written by 
บาทหลวง วรวุฒิ สารพันธุ์ C.Ss.R. JCL


Catholic Priest & Canonist
Author & Administrator
Faith4Thai.com

*juris canonici licentiatus
หรือ JCL เป็นปริญญาทางกฏหมายพระศาสนจักร

Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
FaceBook: Worawut Saraphan
Iine ID: mcssrsp


book


วิวัฒนาการของ "การศึกษาคาทอลิก"

ในประวัติศาสตร์โลก

บทนำ

“เป็นที่ประจักษ์ในสังคมไทยว่าโรงเรียนคาทอลิกตัวแทนภาพลักษณ์ของงานอภิบาลและการแพร่ธรรมในประเทศไทย ผู้เขียนมีจุดประสงค์ที่จะนำเสนอมุมมองของงานด้านการศึกษาและอบรมคาทอลิก (Catholic education and formation) ที่ไม่ใช่แค่ในโรงเรียนคาทอลิก การศึกษาคาทอลิกมีจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจจากชีวิตและงานขององค์พระเยซูเจ้าและสืบต่อทางบรรดาอัครสาวกและปิตาจารย์ พันธกิจนี้ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านกระแสธารแห่งกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นยุคแห่งความรุ่งเรือง หรือความท้าทายและความยากลำบาก จวบจนปัจจุบันพระศาสนจักรยังคงเห็นคุณค่าของงานด้านการศึกษาและอบรมคาทอลิก ทั้งนี้เพื่อจะเป็นเครื่องมือที่นำทุกผู้คนสู่หนทางแห่งความรอดพ้นแห่งวิญญาณ”