Skip to main content

สิริมงคลแห่งแม่พระ (Series)

book

ในบทแรกของพระคัมภีร์ เราอ่านพบว่า “พระเป็นเจ้าทรงประทานความสว่างใหญ่สองดวง ดวงที่ใหญ่กว่าเพื่อครอบครองเวลากลางวัน และดวงที่เล็กกว่าให้ครอบครองเวลากลางคืน” คาร์ดีนัลฮูโกกล่าวว่า “พระเยซูเจ้าคือแสงสว่างดวงใหญ่ เพื่อปกครองผู้ชอบธรรม แม่พระคือแสงสว่างดวงเล็กกว่า เพื่อปกครองคนบาป” ดวงอาทิตย์คือสัญญลักษณ์ของพระเยซูเจ้าบรรดารผู้ชอบธรรมซึ่งอาศัยอยู่ในวันอันสว่างแห่งพระหรรษทานก็จะไดรับความชื่นชมยินดีจากพระองค์ ส่วนดวงจันทร์คือสัญลักษณ์ของแม่พระ โดยอาศัยแสงสว่าอันรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์เป็นเช่นนี้เพื่อผลประโยชน์ของคนบาปที่น่าสมเพช ดังนั้นถ้าผู้ใดโชคร้ายตกลงในความมืดของบาปแล้ว เขาควรจะทำอย่างไรเล่า? อินโนเซน ซีโอที่ ๓ ตอบว่า “ผู้ใดที่อยู่ในความมืดมิดของบาป ก็ให้ผู้นั้นยกหน้าขึ้นมองดูดวงจันทร์ ให้เขาขอความช่วยเหลือจากแม่พระ” ในเมื่อเขาได้สูญเสียดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรม โดยการสูญเสียพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าแล้ว ก็ขอให้เขาหันไปยังดวงจันทร์และวอนขอแม่พระ แล้วพระนางจะประทานแสงสว่างให้เขามองเห็นสภาพอันน่าสมเพชของตนอย่างแน่นอน และพระนางจะโปรดให้เขามีกำลังที่จะปลีกตัวออกจากสภาพนั้นอย่างรวดเร็ว นักบุยเมโทดีอู๊สกล่าวว่า “คนบาปนับจำนวนไม่ถ้วนกลับใจโดยอาศัยคำภาวนาของแม่พระ”

      นามซึ่งเป็นกำลังใจแก่คนบาป และที่พระศาสนจักรสอนให้เราเรียกแม่พระในบทเร้าวิงวอนพระนางก็คือ “ที่หลบภัยของบคนบาป” ในประเทศอิสราแอลสมัยโบราณมีเมืองหลบภัย นักโทษที่หนีเข้าไปในเมืองเหล่านี้ จะพ้นจากการลงโทษซึ่งตนควรจะได้รับ ในปัจจุบันนี้เมืองชนิดนี้มีไม่มากนัก ที่จริงมีอยู่แต่แห่งเดียว คือ แม่พระ นักแต่งบทกลอนให้พระคัมภีร์กล่าวถึงพระนางว่า “เขาพูดถึงสิ่งที่รุ่งเรืองเกี่ยวกับตัวท่าน โอ้เมืองแห่งพระเป็นเจ้า” แต่เมืองนี้ผิดกับเมืองในสมัยโบราณซึ่งได้กล่าวถึง ประการแรกก็คือ มิใช่นักโทษทุกคนดอก ที่เข้าไปหลบภัยอยู่ในเมืองหลบภัยในสมัยโบราณและการกลบภัยนั้นมิได้แผ่ไปถึงความผิดทุกชนิด แต่ในความปกป้องของแม่พระ คนบาปทุกคน โดยไม่มีข้อยกเว้น  จะได้พบที่พึ่งให้พ้นจาก บาปทุกชนิดที่ตนได้ทำไปขอแต่เพียงให้เขาเข้าไปหาที่หลบภัยกับพระนางเท่านั้นเอง นักบุญยวง ดามาซีนพูดในนามของพระราชินีของเราว่า “เราคือเมืองหลบภัยให้แก่ท่านคนที่รีบมาหาเรา” เพียงแต่ไปพึงพระนางก็พอแล้ว เพราะว่าผู้ใดก็แล้วแต่มีโชคดีได้เข้าไปในเมืองนี้ ไม่ต้องปริปากพูดอะไรเลยก่อนที่ตนจะได้รับความรอด “จงสำรวมตัวของท่าน แล้วเราจงเข้าไปในเมืองที่กั้นไว้ และเราจงรักษาความเงียบในที่นั้น” ตามคำของผู้ทำนายเยเรมีอ้าสนักบุญอัลแบร์โตมักโยกล่าวว่า เมืองนี้คือพระนางพรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งล้อมรอบไปด้วยพระหรรษทานและสิริมงคล “แล้วเราจงรักษาความเงียบในที่นั้น” ซึ่งหมายความว่า “เราไม่กล้าเรียกหาพระสวามีเพราะเราได้ทำผิดต่อพระองค์ แต่พระนางจะเรียกหาพระองค์และวอนขอให้เรา” ถ้าเราไม่กล้าไปขอให้พระสวามีเจ้าให้ยกโทษเรา เราเพียงแต่เข้าไปในเมืองนี้และอยู่เฉย ๆ ก็พอแล้ว เพราะแม่พระจะเป็นผู้พูดและวอนขอทุกอย่างที่เราต้องการแทนเรา และเพราะเหตุนี้เอง นักเขียนใจศรัทธาผู้หนึ่งได้เร้าใจคนบาปทุกคนให้มาหาที่พึ่งภายในความปกป้องของแม่พระ ท่านกล่าวว่า “วิ่งไปเถิดอาดัม เอวา และบรรดาลูกหลานของท่านที่ได้ทำผิดต่อพระเป็นเจ้า จงวิ่งไปหาที่พึ่งในอ้อมอกของมารดาใจดีผู้นี้ ท่านไม่ทราบดอกหรือว่าพระนางคือเมืองหลบภัยของเรา”  “ความหวังเดียวของคนบาป” ซึ่งเป็นคำที่เขาได้ค้นพบในบรรดาหนังสือของนักบุญเอากูสตีโน

            นุกบุยเอเฟรมกล่าวกับแม่พระว่า “พระแม่คือผู้เสนอวิงวอนแต่ผู้เดียวของคนบาป และของทุกคนที่มิได้รับการปกป้อง” แล้วท่านกล่าวสรรเสริญพระนางว่า “วันทา ที่พึ่งและสถานพยาบาลของคนบาป” ที่พึ่งแท้จริงแห่งเดียวที่บรรดาคนบาปจะได้พบกับการต้อนรับและเสรีภาพ นักเขียนผู้นหนึ่งออกความเห็นว่า นี้คือความหมายของคำพูดของดาวิดที่ว่า “เพราะพระองค์ได้ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในพลับพลาของพระองค์” แล้วพลับพลาพระเป็นเจ้านี้เป็นใครอื่นอีกเล่านอกไปจากแม่พระ? นักบุญเยอร์มานู้สเรียกพระนางว่า “พลับพลาซึ่งพระเป็นเจ้าทรงสร้างขึ้น และพระองค์เองเท่านั้นที่เสด็จเข้าไปในพลับพลานี้เพื่อทำการไถ่บาปมนุษย์อันใหญ่ยิ่งสิ้นสุดลงไป”

            นักบุญบาซิลแห่งเซลูซีอา ออกความเห็นว่า ถ้าพระเป็นเจ้าทรงประทานอำนาจแก่มนุษย์บางคน ซึ่งเป็นแต่เพียงผู้รับใช้พระองค์ให้รักษาคนป่วยซึ่งเขามาวางไว้ตามถนน โดยอาศัยการแตะต้องหรือเพียงแต่งานเท่านั้นแล้ว ทำไมพระองค์จึงจะไม่ประทานอำนาจนี้ให้แก่ผู้ที่มิใช่เป็นเพียงผู้รับใช้เท่านั้น แต่ยังเป็นพระมารดาของพระองค์ด้วยอีกเล่า? เราอาจจะพูดได้ว่าพระเป็นเจ้าทรงประทานแม่พระให้เป็นเสมือนโรงพยาบาลสาธารณะให้แก่เรา บรรดาคนเจ็บป่วย คนจนและผู้ที่ยากไร้จะได้รับการต้อนรับ แต่ข้าพเจ้าอยากจะถามว่า โรงพยาบาลที่เขาสร้างไว้สำหรับคนจนโดยเฉพาะนั้น มีผู้ใดบ้างที่จะมีสิทธิ์มากไปกว่าคนจน แน่ละ ผู้ที่มีสิทธิ์มากที่สุดก็คื อ ผู้เจ็บป่วยมากและขัดสนที่สุด

            และเพราะเหตุนี้แหละ ถ้าผู้ใดเห็นว่าตนไม่มีบุญกุศลและเต็มไปด้วยโรคภัยวิญญาณ คือบาปแล้ว เขาอาจจะพูดกับแม่พระได้ว่า “โอ้พระแม่เจ้า พระแม่คือที่พึ่งของคนยากจนที่เจ็บป่วย โปรดอย่าได้ผลักไสไล่ส่งลูก เพราะลูกเป็นผู้ที่ยากจนและเจ็บป่วยมากที่สุด ลูกจึงมีสิทธิ์มากที่สุดที่จะได้รับการต้อนรับจากพระแม่

            เราจงอุทานออกมาเหมือนกับนักบุญโทมัสแห่งวิลลาโนวาว่า “โอ้พระแม่มารีอา พวกเราคนบาป ไม่รู้จักที่พึ่งอื่นใดนอกไปจากพระแม่ เพราะพระแม่คือความหวังเดียวของเรา เราขอพึ่งพระแม่ในการเอาตัวรอดไปสวรรค์ พระแม่คือผู้เสนอวิงวอนแต่ผู้เดียวของเรากับพระเยซูเจ้า เราทุกคนหันหน้าไปหาพระแม่”

            ในบรรดาข้อไขแสดงของนักบุญบริยิด แม่พระได้รับชื่อว่า “ดวงดาวซึ่งนำหน้าอาทิตย์” ซึ่งเป็นเหตุให้เราเข้าใจได้ว่าในเมื่อความศรัทธาต่อแม่พระพริ่มสำแดงขึ้นในวิญญาณที่ตกอยู่ในบาปก็ย่อมเป็นสัญลักษณ์ที่แน่นอนว่า พระเป็นเจ้าจะโปรดให้วิญญาณนั้นร่ำรวยไปด้วยพระหรรษทานของพระองค์ในไม่ช้า นักบุญโบนาเวนตูราผู้รุ่งเรืองต้องการที่จะเร่าใจคนบาปให้ไว้ใจในความคุ้มครองของแม่พระ ท่านบอกให้บรรดาคนบาปคิดถึงภาพของทะเลที่ปั่นป่วนไปด้วยพายุ ซึ่งคนบาปได้ตกลงไปจากเรือแห่งพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า เขาถูกโยนไปมาทุกทิศทางโดยการติเตียนของมโนธรรมและโดยความกลัวคำตัดสินของพระเป็นเจ้า คนบาปเหล่านี้ไม่มีความสว่างหรือผู้นำ และเกือบจะสูญเสียความหวังที่เอาตัวรอดอยู่แล้ว ก็พอดีพระสวามีเจ้าทรงชี้ให้คนบาปเหล่านี้มองดูแม่พระ พระนางได้ชื่อว่า “ดาวประจำรุ่ง” พระองค์ยกพระสุรเสียงขึ้นและกล่าวว่า “โอ้คนบาปที่กำลังหลงทาง อย่าหมดหวังเลย เงยหน้าขึ้นมองดูดาวอันสวยงามนี้เถิด หายใจอีกครั้งหนึ่งด้วยความไว้ใจ เพราะดาวดวงนี้จะช่วยให้เจ้าพ้นจากพายุร้าย และจะนำเจ้าสู่ท่าแห่งความรอด” นักบุญเบอร์นาร์โดก็พูดในทำนองเดียวกันว่า “ถ้าท่านไม่อยากจะหลงอยู่ในท่ามกลางพายุร้าย ก็จงเงยหน้าขึ้นมองดูดาว จงเรียกหาพระแม่มารีอา”

            โบลซีอู้สผู้ศรัทธากล่าวว่า “พระนางคือที่พึ่งแห่งเดียวของผู้ที่ได้ทำผิดต่อพระเป็นเจ้า เป็นที่หลบภัยของผู้ที่ถูกการประจญล่อลวงทรมาน ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากและถูกเบียดเบียน พระมารดาผู้นี้มีแต่ความเตตา อ่อนหวานและใจกว้างขวงมิใช่ต่อผู้ที่ชอบธรรมเท่านั้น แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนบาปที่หมดหวัง พอพระนางเห็นเขาเข้ามาแสวงหาความช่วยเหลือจากพระนางด้วยใจจริง พระนางก็จะช่วยเขาทันที ต้อนรับเขาและวอนขออภัยจากพระบุตรของพระนางให้แก่เขา พระนางไม่รู้จักปฏิเสธผู้ใด ไม่ว่าเขาจะไม่สมควรแก่ความเมตตาสักเพียงใดก็ตาม  ดังนั้นพระนางจึงไม่ปฏิเสธที่จะปกป้องผู้ใดเลย พระนางปลอบใจทุกคน พอเขาเรียกหาพระนาง พระนางก็ช่วยเขาทันที ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น่ที่เรียกหาพระนาง พระนางมักจะปลุกใจและจูงใจคนบาปซึ่งเป็นศัตรูกับพระเป็นเจ้าและจมอยู่ในเหวของบาปอย่างลึกให้มีความศรัทธาต่อพระนาง และด้วยวิธีเดียวกันนี้เอง พระนางเร้าใจและเตรียมใจเขาไว้สำหรับพระหรรษทาน ทำให้เขาเหมาะสำหรับพระราชัยแห่งสวรรค์ พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้างธิดาของพระองค์ผู้นี้ให้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและอ่อนหวาน จนกระทั่งไม่มีผู้ใดที่อาจจะกลัวหรือไม่ยอมมาพึ่งอาศัยพระนาง” ท่านนักเขียนใจศรัทธาผู้นี้สรุปความว่า “ผู้ที่พยายามแสวงหาความศรัทธาต่อพระมารดาพระเป็นเจ้าด้วยความเอาใจใส่และด้วยความสุภาพแล้ว ย่อมตกนรกมิได้เป็นอันขาด”

            พระคัมภีร์เรียกแม่พระว่า ต้นไม้ในที่ราบ “เราได้รับการยกย่องเหมือนต้นไม้ในที่ราบ” ที่พระนางได้รับชื่อนี้ก็เพื่อจะให้คนบาปเข้าใจว่า ต้นไม้ในที่ราบให้ความร่มเย็นแก่ผู้ที่เดินทางมาในกลางแดด ฉันใดก็ฉันนั้น พระนางได้เชิญให้เขาเข้ามาหลบอยู่ในความคุ้มครองของพระนางเพื่อให้พ้นจากพระพิโรธของพระเป็นเจ้าซึ่งก็นับว่าสมตามพระยุติธรรมของพระองค์แล้ว นักบุญโบนาเวนตูราออกความเห็นว่า ท่านผู้ทำนายอีซาอีบ่นถึงสมัยที่ท่านอาศัยอยู่ว่า “พระองค์โกรธและเราก็ได้ทำบาปไป...............ไม่มีใคร.............ที่จะลุกขึ้นยับยั้งพระองค์ไว้ได้” แล้วท่านก็อธิบายต่อไปว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า ในสมัยนั้นไม่มีผู้ใดปกป้องคนบาปให้พ้นจากความโกรธของพระองค์ได้แม่พระยังมิได้บังเกิด” แล้วท่านนักบุญกล่าวต่อไปว่า “ก่อนแม่พระนั้นไม่มีผู้ใดเลยที่กล้ายับยั้งพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าไว้ แต่เดี๋ยวนี้ ถ้าพระเป็นเจ้าพิโรธคนบาปผู้หนึ่ง และแม่พระป้องกันเขา พระนางก็จะยับยั้งมิให้พระบุตรของพระนางกระทำให้สมพระยุตธรรมของพระองค์ และช่วยเหลือเขาให้รอด” “ดังนั้นไม่มีผู้ใดอีกแล้วที่เหมาะสมกับหน้าที่นี้มากไปกว่าแม่พระ พระนางจับดาบแห่งพระยุติธรรมด้วยมือของพระนางเอง เพื่อป้องกันมิให้ตกลงมายังคนบาปและลงโทษเขา” ในเรื่องเดียวกันนี้ ริชาร์ดแก่งนักบุญเลาเรนซีโอกล่าวว่า “ก่อนที่แม่พระบังเกิด พระเป็นเจ้าทรงบ่นโดยอเาศัยผู้ทำนายเอเซคีเอลว่า ไม่มีผู้ใดที่จะลุกขึ้นยับยั้งพระองค์มิได้ลงโทษคนบาป พระองค์ไม่พบใครเลย เพราะหน้าที่นั้นเป็นหน้าที่ของแม่พระ พระนางจะยับยั้งพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะหายโกรธ”

            บาซิลแห่งเซลูซีอาให้กำลังใจแก่คนบาปว่า “คนบาปเอ๋ย อย่าท้อใจไปเลย จงเข้ามาพึ่งพระแม่มารีอาเมื่อท่านต้องการสิ่งที่จำเป็นเถิด เรียกให้พระนางไปช่วยท่าน ท่านจะพบว่าพระนางเตรียมพร้อมเสมอที่จะช่วยท่าน เพราะนี่คือน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าคือให้พระนางช่วยทุกคนเมื่อมีความจำเป็น พระมารดาปราณีผู้นี้มีความปราถนาอันแรงกล้าที่จะช่วยคนบาปที่ถูกทอดทิ้งที่สุด และพระนางเองเป็นผู้แสวงหาเพื่อที่จะได้ช่วยเขา และถ้าเขามาพึ่งพระนาง ๆ ก็ทราบที่จะหาทางให้เขาเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า ท่านอัยกาอีซาอั๊กอยากจะรับประทานสัตว์ป่าจนถึงกับสัญญาอีเซาผู้ลูกชายว่า จะให้พรแก่เขาหาอาหารนี้มาให้ท่านได้ แต่นางเรเบ็คกาผู้มารดาอยากจะให้ลูกชายอีกคนหนึ่ง คือยาก๊อบเป็นผู้ที่จะได้รับพร นางจึงเรียกยาก๊อบเข้ามาพลางพูดว่า “จงไปยังฝูงแกะและนำลูกแกะดีเลิศสองตัวมาให้แม่ เพื่อแม่จะได้เอาเนื้อไปทำอาหารให้พ่อของลูก อาหาชนิดที่เขาจะรับประทานด้วยความเต็มใจ” นักบุญอันโทนีโนกล่าวว่า “เรเบ็คก้าคือสัญญลักษณ์ของแม่พระ ซึ่งสั่งให้เทวดานำคนบาปมาให้แก่พระนาง (ซึ่งเปรียบเหมือนเนื้อจากแกะ) แล้วพระนางก็ตบแต่ง (โดยการช่วยให้เขาเป็นทุกข์ถึงบาปและตั้งใจว่าจะไม่ทำบาปอีก) จนกระทั่งเขากลับเป็นที่รักและโปรดปรานของพระเป็นเจ้า” และในที่นี้เราอาจจะนำเอาคำของท่านเจ้าอาวาสฟรังโกมาใช้กับพระแม่ได้ว่า “โอ้สตรีผู้เต็มไปด้วยไหวพริบ พระนางรู้จักปรับปรุงลูกแกะเหล่านี้ จนกระทั่งรสชาติเท่าเทียมกับหรือบางครั้งก็ดีกว่าเนื้อกวางเสียอีก”

            แม่พระเองเป็นผู้ไขแสดงแก่นักบุญบริยิดว่า “ไม่มีคนบาปผู้ใดในโลก ไม่ว่าเขาเป็นศัตรูร้ายเพียงใดกับพระเป็นเจ้าที่มิได้กลับเข้าหาพระองค์ และรับพระหรรษทานกลับคืนมาถ้าเขาเพียงแต่เข้าพึ่งพระนางและขอความช่วยเหลือจากพระนาง วันหนึ่งนักบุญบริยิดผู้เดียวกันนี้ได้ยินพระเยซู

คริสตเจ้ากล่าวกับพระมารดาของพระองค์ว่า  “พระนางเตรียมพร้อมที่จะประทานพระหรรษทานให้กับลูซีแฟร์เอง ถ้ามันจะถ่อมตัวลงวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง” เจ้าปีศาจจองหองนั้นจะไม่ยอมถ่อมตัวลงขอความปกป้องจากแม่พระ แต่ถ้าเป็นไปได้ พระแม่จะมีความเมตตาพอ และคำภาวนาของพระนางก็จะมีอำนาจพอที่จะได้รับทั้งการอภัยโทษและความรอดจากพระเป็นเจ้าให้แก่มัน แต่สิ่งที่ไม่อาจจะเป็นจริงขึ้นมาได้ในตัวของปีศาจนั้น จะเป็นจริงขึ้นมาในตัวคนบาปซึ่งเข้ามาพึ่งพระมารดาผู้เมตตานี้

            เรือสำเภาของนอแอเป็นสัญลักษณ์ที่แท้จริงของแม่พระในเรือสำเภานี้มีสัตว์หลายชนิดที่รอดพ้นจากน้ำท่วมมหาวินาศ ในทำนองเดียวกันในความคุ้มครองของแม่พระก็มีคนบาปเป็นจำนวนมากมายซึ่งได้พบที่พึ่งคนบาปซึ่งกลายเป็นสัตว์ร้ายไปแล้ว เพราะบาปฝ่ายเนื้อนหนัง แต่ความคิดเห็นของนักเขียนใจศรัทธาผู้หนึ่ง สิ่งที่ผิดกันก็คือ พวกสัตว์ป่านั้นเข้าไปในสำเภาแล้ว มันก็ยังเป็นสัตว์อยู่อย่างเดิม หมาป่าก็ยังคงเป็นหมาป่า เสือก็ยังคงเป็นเสือ แต่ตรงกันข้ามภายใต้ความคุ้มครองของแม่พระ หมาป่ากลายเป็นลูกแกะ และเสือกลับกลายเป็นนกเขาน้อย วันหนึ่งนักบุญเกอร์ทรู้ดเห็นเสื้อคลุมของแม่พระเปิดอยู่ และภายในเสื้อคลุมนั้น มีสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น เสือดาว สิงโต และหมี ท่านนักบุญเห็นว่า แม่พระไม่เพียงแต่จะไม่ไล่มันไปเท่านนั้น พถระนางกลับต้อนรับและสวมกอดมันอย่างปราณี ท่านนักบุญเข้าใจว่าบรรดาสัตว์ป่าเหล่านี้ก็คือคนบาป ซึ่งได้กับการต้อนรับจากแม่พระด้วยความอ่อนหวานและความรักในทันใดทันที่เขาเข้าไปพึ่งพระนาง”

            ดังนั้นจึงนับว่ามีเหตุผลแล้วที่นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวกับพระแม่ว่า “พระแม่ไม่ปฏิเสธคนบาปคนใดเลยที่เข้ามาหาพระแม่ ไม่ว่าเขาจะน่าเกลียดและน่าขยะแขยงเพียงใดก็ตาม ถ้าเขาขอความช่วยเหลือจากพระนาง พระนางก็จะยื่นมือแห่งความเมตตามาช่วยเขาเพื่อดึงเขาให้พ้นจากเหวแห่งความหมดหวัง” โอ้พระแม่สุดที่รัก ขอให้พระเป็นเจ้าของเราจงได้รับคำสรรเสริญและโมทนาคุณตลอดนิรันดรเถิด ที่ได้ทรงสร้างพระแม่ให้อ่อนหวานและปราณีแก่ทุกคน แม้กระทั่งคนบาปหยาบช้าที่สุด ผู้ที่ไม่รักพระแม่หรือผู้ที่ไม่ยอมไว้ใจในพระแม่นั้นช่างโชคร้ายจริง ๆ ผู้ที่ไม่พึ่งแม่พระจะสูญเสียวิญญาณของตน แต่ในจำนวนผู้ที่มาพึ่งพระนางพรหมจารีนี้ มีผู้ใดบ้างที่สูญเสียวิญญาณ?

            ในพระคัมภีร์มีเรื่องเล่าว่า โบอ้อสปล่อยให้รู้ท “เก็บข้าวโพดตามหลังผู้เก็บเกี่ยว” นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า “ในธรรมนองเดียวกันกับที่รู้ทได้เป็นที่โปรดปรานของโบอ้อส แม่พระก็เป็นที่โปรทปรานของพระสวามีเจ้าเหมือนกัน และพระองค์ปล่อยให้พระนางเก็บเกี่ยว ผู้เก็บเกี่ยวที่แม่พระตามหลังก็ คือ บรรดาผู้ที่สอนพระวรสาร นักเทศน์และพระสงฆ์ที่ฟังแก้บาป ท่านเหล่านี้เก็บเกี่ยวิญญาณเพื่อพระเป็นเจ้อยู่เสมอ แต่ยังมีวิญญาณที่แข็งกระด้างและใจอันธพาล ซึ่งแม้กระทั้งท่านเหล่านี้ก็พากันละทิ้งแม่พระเท่านั้นที่มีอำนาจช่วยคนเหล่านี้ โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนอันมีอำนาจของพระนาง” ถ้าเขาไม่ปล่อยให้พระนางผู้อ่อนหวานนี้เก็บเกี่ยวเขาด้วยก็นับว่าช่างเป็นคนโชคร้ายเต็มที เขาจะสูญเสียวิญญาณและสาบแช่งอย่างแน่นอน แต่ตรงกันข้ามผู้ที่เข้ามาพึ่งพระมารดาใจดีผู้นี้นับว่ามีบุญ ท่านโบลซีอู้สกล่าวว่า “ไม่มีคนบาปคนใดในโลกไม่ว่าเขาจะชั่วช้าเลวทรามอย่างไร ที่จะถูกแม่พระสบประมาทหรือปฏิเสธไม่ยอมช่วยเหลือ พระนางสามารถ พระนางจะช่วย และรู้ดีว่าจะทำให้เขาคืนดีกับพระบุตรสุดที่รักของพระนางได้อย่างไร ถ้าเขาเพียงแต่แสวงหาความช่วยเหลือจากพระนาง”

            ดังนั้น โอ้ราชินีผู้อ่อนหวาน จึงเป็นการสมเหตุสมผลแล้วที่นักบุญยวงดาม้าสซีนแสดงความเคารพและรียกแม่พระว่า “ความหวังของผู้ที่ทำชั่ว” และนักเขียนในสมัยโบราณผู้หนึ่งว่า “ความหวังเดียวของคนบาป” นักบุญเอเฟรมเรียกพระนางว่า “ท่าปลอดภัยของทุกคนที่แล่นไปมาอยู่ในทะเลแห่งโลกนี้ ท่านนักบุญที่กล่าวชื่อครั้งสุดท้ายนี้ เรียกพระนางด้วยว่า “ความปลอบใจของผู้ที่กำลังจะถูกลงโทษ” ในที่สุดนักบุญเบอร์นาร์โดเร้าใจผู้ที่จนมุมมิมิให้หมดหวัง และท่านอุทานออกมาด้วยดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี และความอ่อนหวานต่อพระมารดาที่รักยิ่งของท่านว่า “โอ้ พระแม่เจ้าใครเล่าจะไม่มีความหวังในพระแม่ ในเมื่อพระ แม่ช่วยเหลือแม้กระทั่งผู้ที่หมดหวัง และถุกไม่สงสัยเลยว่า เมื่อเราเข้ามาพึ่งพระแม่ เราจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการ ดังนั้น ให้พีผู้ที่ไม่มีความหวังจงเข้ามาหวังในพระแม่”

- ตัวอย่าง -

            นักบุญอันโตไนน์เล่าว่า มีคนบาปคนหนึ่งที่เป็นศัตรูกับพระเป็นเจ้า และได้เห็นภาพของตนเองไปปรากฏตัวต่อหน้าบัลลังก์ตัดสินของพระเป็นเจ้า ปีศาจเป็นผู้ฟ้องและแม่พระเป็นผู้ปกป้องเขา เจ้าศัตรูมันนำเอารายชื่อบาปของเขามา และเมื่อเอาไปชั่งบนตราชั่งแห่งพระยุติธรรมแล้ว เห็นว่าหนักกว่าการงานที่ดีของเขา แต่เมื่อแม่พระวางมืออันอ่อนหวานของพระนางบนเครื่องชั่ง ก็ทำให้ผู้มีความศรัทธาต่อพระนางได้เปรียบ ทำให้เขาเข้าใจว่า พระนางจะวอนขออภัยโทษให้ถ้าเขาจะเปลี่ยนแปลงชีวิต หลังจากภาพปรากฏหน้าเขาก็เปลี่ยนแปลงชีวิตกลับใจอย่างแท้จริง

            โอ้พรหมจารีผู้บริสุทธิ์เลิศ ลูขอถวายความเคารพแด่ดวงใจของพระแม่ ซึ่งเป็นความชื่นชมยินดีและที่พักผ่อนของพระเป็นเจ้า ดวงใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุภาพ ความบริสุทธิ์และความรักต่อพระเป็นเจ้า ลูกคนบาปผู้ไร้ความสุขเข้าใกล้พระแม่ด้วยดวงใจที่เต็มไปด้วยบชาดแผลน่าขยะแขยง โอ้พระมารดาปราณี อย่าเกลียดชังลูกเพราะเหตุนี้เลย ขอให้ภาพนี้ทำให้พระแม่อ่อนโยนมากขึ้นและเร้าใจพระแม่ให้ช่วยลูกเถิด ขออย่าให้พระแม่รอแสวงหาฤทธิ์กุศลประการใดในตัวลูกก่อนที่จะช่วยลูกเลย ลูกสูญเสียวิญญาณไปและสิ่งเดียวที่ลูกควรจะได้รับก็คือนรก โปรดมองดูความไว้ใจของลูกในตัวพระแม่และความตั้งใจของลูก ในอันที่จะใช้โทษผิดเท่านั้น โปรดระลึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พระเยซูเจ้าได้กระทำและรับทรมานเพื่อลูกเถิด แล้วจงละทิ้งลูกถ้าพระแม่ทำได้ลงคอ ลูกขอถวายความเจ็บปวดทั้งหมดตลอดชีวิตของลูก ลูกขอถวายความเหนียวเย็นที่พระองค์ต้องทนรับในถ้ำสัตว์ การเดินทางไปประเทศอียิปต์ของพระองค์ พระโลหิตที่พระองค์ได้หลั่ง ความยากจน เหงื่อไคล ความเศร้าโศกและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เพื่อลูก และพระองค์ทรงกระทำสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าพระแม่เอง โปรดดูแลความรอดของลูกเพราะเห็นแก่ความรักต่อพระเยซูคริสตเจ้า โอ้พระแม่ของลูก ลูกจะไม่กลัวและไม่อาจจะกลัวได้ว่าพระแม่จะปฏิเสธลูก ในเมื่อลูกมาพึ่งและขอความช่วยเหลือจากพระแม่ ถ้าลูกกลัวดังนี้ ก็หมายความว่าลูกดูถูกความเมตตาของพระแม่ ซึ่งไปเสาะหาแสวงหาผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเพื่อจะได้ช่วยเขา โอ้พระแม่ อย่าปฏิเสะความเมตตาของพระแม่แก่ผู้ที่พระเยซูเจ้ามิได้ปฏิเสะพระโลหิตของพระองค์เลย แต่บุญกุศลแห่งพระโลหิตนี้จะไม่มาถึงลูกเลย ถ้าพระแม่ไม่ช่วยเสนอลูกแด่พระเป็นเจ้า ลูกหวังจะเอาตัวรอดโดยอาศัยพระแม่ ลูกวอนขอความร่ำรวย เกียรติยศหรือทรัพย์สมบัติของโลก ลูกวอนขอแต่เพียงพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า ความรั้กต่อพระบุตรของพระแม่ การทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ และพระราชัยสวรรค์ของพระองค์ เพื่อลูกจะได้รักพระองค์ตลอดนิรันดรเท่านั้น เป็นไปได้ไหมที่พระแม่จะยอมฟังลูก เป็นไปได้แน่ เพราะพระแม่ได้ประทานคำภาวนาของลูกตามที่ลูกหวังไว้แล้ว พระแม่วิงวอนให้แก่ลูกแล้ว พระแม่วอนขอพระหรรษทานที่ลูกวอนขอให้แก่ลูก พระแม่รับลูกไว้ในความอารักขาของพระแม่แล้ว โอ้พระแม่ของลูก โปรดอย่าทอดทิ้งลูก อย่าได้หยุดภาวนาเพื่อลูกเลยเป็นอันขาด จนกว่าพระแม่จะเห็นลูกปลอดภัยในสวรรค์ อยู่แทบเท้าของพระแม่ ถวายคำสรรเสริญและโมทนาคุณพระแม่ตลอดนิรันดรเทอญ.