Skip to main content

สิริมงคลแห่งแม่พระ

book

 "วันทาพระราชินี พระแม่แห่งความเมตตากรุณา"

1. ความไว้ใจของเราในแม่พระควรจะใหญ่ยิ่งเพียงไร

พระนางคือราชินีแห่งความเมตตา

   ในฐานะที่พระนางพรหมจารีมารีอาได้ถูกยกย่องให้เป็นพระมารดาแห่งจอมราชัน จึงนับว่าสมเหตุสมผลแล้วที่พระศาสนจักรให้เกียรติแด่พระนาง และปราถนาให้มนุษย์ทุกคนถวายเกียรติแด่พระนาง โดยขนานนามของพระนางว่า ราชินี

   นักบุญอาทานาซีอู้สกล่าวว่า “ถ้าพระบุตรเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระนางผู้ให้กำเนิดก็นับว่าเป็นราชินีอย่างถูกต้องและแท้จริง” นักบุญเบอร์นาดีแห่งซีเอนากล่าวว่า “พอพระแม่ยอมเป็นมารดาของพระวจนาถ พระนางก็ได้ยศเป็นราชินีของโลกและสัตว์โลกทั้งหมด ท่านเจ้าอาวาสอาร์นอลด์แห่งชาร์ดตั้งข้อสังเกตว่า “เพราะเลือดเนื้อของแม่พระไม่ผิดกับพระเยซูเจ้า เราจะปฎิเสธไม่ยอมให้เกียรติ แห่งราชวงศ์ของพระบุตรแก่พระมารดาได้อย่างไร?” “ดังนั้นเราจึงต้องจำไว้ว่าสิริมงคลของพระบุตรนั้น มิใช่แต่จะเหมือนกับพระมารดาเท่านั้น แต่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”

   ถ้าพระเยซูเจ้า คือ กษัตริย์แห่งสากลโลก แม่พระก็ต้องเป็นราชินีแห่งสากลโลกด้วยเหมือนกัน ท่านรูเพิร์ทเจ้าอาวาสกล่าวไว้ว่า “ในฐานะที่เป็นราชินี พระนางย่อมมีสิทธิ์ในแผ่นดินทั้งหมดของพระบุตร” ดังนั้นนักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนาจึงสรุปความว่า “มนุษย์จำนวนเท่าไรที่รับใช้พระเป็นเจ้า ก็จะมนุษย์จำนวนเท่านั้นที่รับใช้แม่พระ ถ้าบรรดาเทวดา มนุษย์และทุกสิ่งทุกอย่างในสวรรค์และในโลกนี้อยู่ในอำนาจของพระเป็นเจ้า ก็จำเป็นที่จะต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของแม่พระ” เจ้าอาวาสเกวรีกู้สกล่าวแก่พระมารดาของพระเป็นเจ้าผู้นี้ว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า โปรดแจกจ่ายทรัพย์สมบัติของพระบุตรด้วยความไว้ใจต่อไปเถิด โปรดทำตัวของพระแม่เหมือนกับพระราชินี พระมารดา และคู่ร่วมวิญญาณขององค์ราชา เพราะพละกำลังและอำนาจเหนือสัตว์โลกทั้งหมดนั้นเป็นของพระแม่”

   ดังนั้นแม่พระก็คือ ราชินี แต่เพื่อให้เราได้รับการปลอบโยนใจโดยทั่วถึงกัน ขอให้เรารับทราบกันไว้ด้วยว่า พระนางคือราชินีที่อ่อนหวาน เปี่ยมไปด้วยความอารี และพร้อมเสมอที่จะช่วยเราในยามขัดสน จนกระทั่งพระศาสนจักรต้องการให้เราถวายความเคารพแด่พระนางในบทสวดบทนี้ ภายใต้นามว่า ราชินีแห่งความเมตตากรุณา

   ท่านนักบุญอัลแบร์โต มหาปราชญ์ตั้งข้อสังเกตว่า “เกียรติของราชินีนั้นผิดกว่าจักรพรรดิณี ซึ่งมักจะแสดงถึงความเหี้ยมโหดและดุร้าย แต่คำว่าราชนีนั้นชี้ให้เห็นถึงความเมตตากรุณาต่อคนยากจน” เซเน้กกากล่าวว่า “ความยิ่งใหญ่ของราชาและราชินีนั้นอยู่ในการช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก” เมื่อพวกกบฏคุ้มครองประเทศชาติ มันย่อมเห็นแก่ส่วนได้ของตนเป็นใหญ่ แต่ราชาต้องเห็นแก่ส่วนได้ของประชาชนพลเมืองเป็นใหญ่ เพราะเหตุนี้ในพิธีอุปภิเศกราชาคริสตังค์จึงมีการเจิมน้ำมันที่ศีรษะ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์แห่งความเมตตา เพื่อแสดงให้เห็นว่าในฐานะที่พระองค์เป็นกษัตริย์ พระองค์จะต้องทำให้จิตใจของพระองค์เต็มไปด้วยความสงสาร และเมตตากรุณาต่อราษฎรเหนือกว่าสิ่งใด ๆ

   ดังนั้นพระราชาควรจะยุ่งอยู่กับเมตตากิจเป็นสิ่งแรก แต่ในขณะเดียวพระองค์ก็จะไม่ละเลยการลงโทษผู้ผิดด้วยความยุติธรรมแต่แม่พระมิได้เป็นเช่นนี้ แม้ว่าพระนางจะเป็นราชินี แต่พระนางคือราชินีแห่งความเมตตา ผู้มีความมุ่งหมายที่จะยกโทษและให้อภัยแก่คนบาปเท่านั้น นี่แหละคือเหตุผลที่พระศาสนจักรต้องการให้เราเรียกพระนางตรง ๆ ว่า “ราชินีแห่งความเมตตากรุณา” ท่านยวงเกอร์ซัน อุครมหาเสนาบดีแห่งกรุงปารีสอธิบายคำของกษัตริย์ดาวิดที่ว่า “ข้าพเจ้าได้ยินสองสิ่งนี้คือ อำนาจนั้นเป็นของพระเป็นเจ้า และความเมตตาเป็นของพระองค์ โอ้พระสวามีเจ้า” ท่านกล่าวว่า พระราชัยของพระเป็นเจ้าซึ่งมีทั้งความยุติธรรมและความเมตตานั้น พระเยซูเจ้าทรงแบ่งออก อาณาจักรแห่งความยุติธรรมพระองค์ทรงเก็บไว้เองส่วนอาณาจักรแห่งความเมตตา พระองค์ประทานให้แก่แม่พระ และในขณะเดียวพระองค์ทรงตั้งกฏไว้ว่า ความเมตตากรุณาทั้งหมดที่พระองค์จะประทานให้แก่มนุษย์ ต้องผ่านมือของแม่พระเสียก่อนและพรนางจะจ่ายแจกได้ตามใจชอบ นี่คือคำชมของท่านเกอร์ซันเอง “พระราชัยของพระเป็นเจ้ากอปรด้วยอำนาจและความเมตตา พระองค์ทรงเก็บอำนาจไว้เอง และทรงยกอาณาจักรแห่งความเมตตาให้แก่พระมารดาของพระองค์” นักบุญโทมัสก็สนับสนุนความคิดเห็นนี้ในบทนำคำอธิบายบทจดหมายท่านกล่าวว่า “เมื่อพระนางพรหมจารีพรหมจารี ปฏิสนธิ์พระวจนาถในครรภ์ของพระนาง และประทานชีวิตให้แก่พระองค์ พระนางได้รับพระราชัยของพระเป็นเจ้าครึ่งหนึ่งจนกระทั่งพระนางเป็นราชินีแห่งความเมตตา เหมือนกับพระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นราชาแห่งความยุติธรรม”

   พระบิดานิรันดรได้โปรดให้พระเยซูคริสตเจ้าเป็นราชาแห่งความยุติธรรม ดังนั้นพระองค์จึงเป็นพระมหาตุลาการของโลก ท่านผู้ทำนายอุทานว่า โปรดประทานการตัดสินของพระองค์แด่พระราชา ข้าแด่พระเป็นเจ้า และโปรดประทานความยุติธรรมของพระองค์แด่พระราชโอรส  ผู้อธิบายพระคัมภีร์อธิบายคำประโยคนี้ว่า “ข้าแต่พระสวามีเจ้า พระองค์ประทานความยุติธรรมให้แก่พระบุตร เพราะพระองค์ได้ประทานความเมตตาแด่พระมารดาของพระองค์” นักบุญโบนาเวนตูราอธิบายคำพูดประโยคนี้ว่า “ข้าแต่พระเป็นเจ้า โปรดประทานการตัดสินของพระองค์แด่พระราชา และความเมตตากรุณาของพระองค์แด่พระราชินีพระมารดาของพระองค์” เออร์เนสโต อัครสังฆราชแห่งกรุงเปร้กกล่าวว่า “พระบิดานิรันดรประทานหน้าที่ผู้ตัดสินและลงโทษผู้ผิดแด่พระบุตร และหน้าที่แสดงความเมตตา และช่วยเหลือผู้ขัดสนแด่พระมารดาของพระองค์” ดาวิดเองเป็นผู้ทำนายไว้ดังนี้ พระเป็นเจ้าแต่งตั้งให้แม่พระเป็นราชินีแห่งความเมตตา เจิมพระนางด้วยน้ำมันแห่งความชื่นชมยินดี พระเป็นเจ้าได้เจิมท่านด้วยน้ำมันแห่งความชื่นชมยินดี พระเป็นเจ้าได้เจิมน้ำมันแห่งความยินดีให้แก่พระแม่เพื่อเราลูกหลานที่น่าสมเพชของอาดัม จะได้ชื่นชม เมื่อเราระลึกว่าในเมืองสวรรค์นั้นเรายังมีราชินีผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เปี่ยมด้วยน้ำมันเจิมแห่งความเมตตาต่อเรา เราจึงอาจจะพูดร่วมกับนักบุญโบนาเวนตูราได้ว่า “โอ้พระแม่มารีอาพระแม่เต็มด้วยน้ำมันแห่งความเมตตากรุณา”

   ท่านนักบุญอัลแบร์โต เอาเรื่องของราชินีเอสเทอร์ผู้เป็นสัญญัลักษณ์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของพระราชินีมารีอาของเรา มาเปรียบเทียบกับแม่พระไว้อย่างสละสลวย

   ในพระคัมภีร์เก่า เราพบในบทที่สี่ของหนังสือเอสเทอร์ว่าในรัชสมัยของอาซูเอรู้สนั้น กษัตริย์อาซูเอรู้สพระองค์เองทรงออกหมายประกาศว่าชาวยิวทุกคนจะถูกตัดสินประหารชีวิต มาร์โดคายซึ่งเป็นคนหนึ่งในจำนวนผู้ที่ถูกตัดสิน วอนขอให้นางเอสเทอร์ช่วยวิงวอนอาซูเอรู้สให้พระองค์เลิกล้มหมายประกาศนั้น และนางก็จะกลับเป็นที่พึ่งและความรอดของชาวยิวทุก ๆ คน ครั้งแรกเอสเทอร์ไม่ยอมรับหน้าที่เพราะกลัวว่า การวอนของเช่นนี้จะเป็นเหตุให้พระราชาพิโรธมาขึ้น แต่มาร์โดคายตำหนินาง และส่งสารไปบอกว่านางไม่ควรคิดแต่เฉพาะความรอดของตนเองเท่านั้น เพราะพระเป็นเจ้าได้โปรดให้นางอยู่บนบัลังก์เพื่อจะได้ช่วยชาวยิวให้รอด อย่าคิดว่าพระนางจะเอาแต่ชีวิตของพระนางเองให้รอดเท่านั้น เพราะพระนางอยู่ในปราสาทของพระราชามากกว่าชาวยิวทั้งหมด มาร์โดคายกล่าวแก่เอสเทอร์ได้เช่นนี้ เราคนบาปก็กล่าวแก่พระราชินีมารีอาของเราได้เช่นเดียวกัน ถ้าพระนางไม่อยากช่วยวอนขอพระเป็นเจ้าได้โปรดให้เราพ้นจากอาชญาที่เราควรจะได้รับ “อย่าได้คิดเลยข้าแต่พระแม่เจ้า ว่าพระเป็นเจ้าได้ยกย่องให้เกียรติแก่พระแม่ให้เป็นถึงราชินีของโลก เพื่อผลประโยชน์ของพระแม่เองเท่านั้นในเมื่อพระนางมีความยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว พระนางจะได้สงสารและช่วยเหลือเราซึ่งเป็นสัตว์โลกที่น่าสมเพชได้มากขึ้น”

   ครั้นอาซูเอรู้สเห็นเอสเทอร์ยืนอยู่เฉพาะพักตร์ พระองค์ก็ถามนางด้วยความรักว่านางมาแสวงหาอะไร “เธอต้องการอะไรหรือ? ราชินีเอสเทอร์กล่าวว่า ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานของพระองค์แล้ว โอ้พระราชา โปรดประทานพลเมืองของข้าพเจ้าให้แก่ข้าพเจ้าเถิด นี่คือคำขอร้องของข้าพเจ้า อาซูเอรู้สก็ประทานตามคำขอร้องของนางโดยสั่งให้เลิกล้มหมายประกาศนั้นทันที ถ้าอาซูเอรู้สประทานความรอดให้แก่ชาวยิวตามที่เอสเทอร์ได้ขอ เพราะความรักที่มีต่อนางแล้ว พระเป็นเจ้าจะปฏิเสธคำภาวนาของแม่พระได้อย่างไร ในเมื่อพระองค์ทรงรักพระนางอย่างมากมาย เมื่อพระนางสวดให้แก่เราคนบาปผู้ยากไร้ ที่มาวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง พระนางจะทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่พระราชาและพระเป็นเจ้า ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ (และพระแม่ก็ทราบดีอยู่ว่าพระนางมีบุญ เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และเป็นผู้เดียวในจำนวนมนุษย์ทั้งหมดที่ได้รับพระหรรษทานซึ่งมนุษยชาติได้สูญเสียไป พระนางรู้ดีว่าตนเป็นที่โปรดปรานและรักใคร่ของพระสวามีเจ้า และพระองค์รักพระนางมากกว่าเทวดาและนักบุญทั้งหลายรวมกันเสียอีก) โปรดประทานพลเมืองให้แก่ข้าพเจ้า นี่คือคำขอร้องของข้าพเจ้า” พระนางจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระสวามีเจ้า ถ้าพระองค์รักข้าพเจ้า โปรดประทานคนบาปซึ่งข้าพเจ้าวอนขอพระองค์อยู่นี้ให้แก่ข้าพเจ้า” เป็นไปได้หรือที่องค์จะปฏิเสธ หรือใครบ้างที่ไม่รู้ว่าคำภาวนาของแม่พระนั้นมีอำนาจมากเพียงใดในสายตาของพระเป็นเจ้า กฎแห่งความเมตตาอยู่บนลิ้นของพระนาง คำภาวนาทุกข้อของแม่พระคล้าย ๆ กับกฎตายตัวสำหรับพระบุตรของพระนาง กล่าวคือพระองค์ทรงแสดงความเมตตาต่อทุก ๆ คนที่พระนางวิงวอนแทน นักบุญเบอร์นาร์โดถามว่า ทำไมพระศาสนาจักรจึงถวายนามแม่พระว่า “ราชินีแห่งความเมตตากรุณา” ซึ่งท่านเองเป็นผู้ตอบว่า “เพราะเราเชื่อง่าพระนางสามารถเปิดขุมความเมตตาของพระเป็นเจ้าให้แก่ผู้ใดหรือเมื่อไรก็ได้ตามความปราถนาของพระนาง จนกระทั่งว่าไม่มีผู้ใด-ไม่ว่าจะชั่วช้าสักเพียงใด-ที่จะหมดหวัง ถ้าแม่พระเป็นผู้ปกปักรักษาเขา”

   แต่บางทีเราอาจจะกลัวว่า แม่พระจะไม่ยอมนำคำวิงวอนของคนบาปไปเสนอแด่พระเป็นเจ้า เพราะเขามีบาปมากมายกระมัง หรือบางทีเราอาจจะฉงนสนเท่ห์เมื่อเรามองเห็นเกียรติยศและความสักดิ์สิทธิ์ของพระราชินีผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ นักบุญเกรโกรีโอที่ ๗ กล่าวว่า “เปล่าดอก ยิ่งพระนางสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์เพียงใดความอ่อนหวานและความเมตตปราณีของพระนางต่อคนบาปที่มาพึ่งพระนางด้วยความมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเพียงนั้น” บรรดาราชินีพยายามแสดงยศศักดิ์ของตน ย่อมทำให้ประชาชนมมีความหวั่นกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ แต่นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “ผู้ที่ยากจนเข็ญใจจะมีความกลัวได้อย่างไร ในเมื่อตนเข้ามาพึ่งราชินีแห่งความเมตตาผู้นี้ เพราะพระนางไม่ทำให้เรารู้สึกกลัว และไม่แสดงความโหดร้ายแก่ผู้ที่มาหาพระนางเลย แต่พระนางเปี่ยมไปด้วยความอ่อนหวานและความสุภาพอ่อนโยน “ทำไมมนุษย์ผู้ตกยากจึงกลัวไม่กล้าไปหาแม่พระ ในตัวพระนางไม่มีความทารุณโหดร้าย ไม่มีความหวั่นกลัว พระนางเต็มไปด้วยความอ่อนหวาน และประทานน้ำนมและขนสัตว์ให้แก่ทุกคน” แม่พระไม่เพียงแต่เต็มใจ แต่พระนางยังประทานน้ำนมและขนสัตว์ให้แก่ทุกคน น้ำนมแห่งความเมตตา เพื่อให้เราเต็มไปด้วยความไว้ใจ และขนสัตว์แห่งความคุ้มครอง มิให้สายฟ้าแห่งพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าลงมายังเรา

   ซูเอาโตนีอู้สเล่าถึงจักรพรรดิทีทูสว่า พระองค์ไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องของผู้ใดได้เลย จนถึงกับสัญญาไว้มากกว่าที่พระองค์จะประทานให้ได้ และเมื่อถูกตักเตือนพระองค์ตอบว่า เจ้านายใหญ่โตไม่ควรส่งผู้ที่มาเผ้ากลับออกไป โดยไม่ประทานสิ่งที่เขาต้องการเลยทีทูสพูดเช่นนี้ แต่ที่จริงพระองค์อาจจะหลอกลวงและไม่ทำตามคำสัญญาอยู่บ่อย ๆ แต่พระราชินีของเราหลอกลวงไม่ได้ และพระนางสามารถขอทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ผู้ที่รับใช้พระนางได้ตามใจชอบ นอกจากนั้น ลันส์แปร์ยีอูสยังกล่าวว่า “พระสวามีเจ้าทรงประทานดวงใจอันเมตตาให้แก่พระนาง จนกระทั่งพระนางไม่อาจจะส่งผู้ที่วอนขอความช่วยเหลือจากพระนางไปโดยมิได้โปรดให้เขาสมปราถนาได้ เราจะขอยืมคำของนักบุญโบนาเวนตูรา มาถามพระนางว่า “โอ้ราชินีแห่งความเมตตากรุณา พระแม่จะปฏิเสธไม่ยอมช่วยเหลือผู้ที่ตกยากได้อย่างไร” ท่านนักบุญถามว่า “แล้วมีใครอีกเล่าที่ควรจะได้รับความเมตตา ในฐานะที่พระแม่เป็นราชินีแห่งความเมตตาลูกจึงเป็นผู้รับใช้ของพระแม่ และพระแม่จะทำอะไรได้ นอกไปจากแสดงความเมตตาต่อลูก” โปรดสงสารเราเถิด โอ้ราชินีแห่งความเมตตาและโปรดเป็นผู้ดูแลความรอดของเรา

   นักบุญยอร์ช แห่งนิโคเมดีอา อุทานออกมาว่า “โอ้พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ อย่าพูดเลยว่าพระแม่ไม่อาจจะช่วยเราได้เพราะจำนวนบาปของเรา ไม่ว่าบาปของเราจะมีมากมายเพียงใดหรือใหญ่โตเท่าไร ก็ไม่อาจจะสู้ได้ไม่มีสิ่งใดที่จะต่อต้านอำนาจของพระแม่ได้ เพราะพระองค์พระผู้สร้างของเรา ได้เทิดทูนพระแม่ให้เป็นพระมารดาของพระองค์เอง พระบุตรชื่มชมยินดีในอำนาจของพระนาง และประทานตามคำวิงวอนของพระนางคล้ายกับว่าพระองค์กำลังใช้หนี้สิน” ซึ่งหมายความว่า แม้ว่าแม่พระจะเป็นหนี้สินอย่างนับมิได้ต่อพระบุตร องค์พระบุตรก็เป็นหนี้พระนางอยู่มากเหมือนกัน เพราะพระนางได้ประทานสภาวะมนุษย์ให้แก่พระองค์ ดังนั้นเพื่อจะ ทำการใช้หนี้ที่พระองค์ยังติดอยู่กับพระมารดาพระเยซูเจ้าจึงทรงให้เกียรติแก่พระนางเป็นพิเศษ โดยรับฟังและประทานตามคำวิงวอนของพระนาง เพื่อเป็นการถวายสิริมงคลแด่พระนางด้วย

   ดังนั้นความไว้วางใจของเราในราชินีผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้-ควรจะมากมายเพียงใด? ในเมื่อเรารู้ว่าพระนางมีอำนาจต่อหน้าพระเป็นเจ้าอย่างมากเช่นนี้ และยังเต็มไปด้วยความเมตตากรุณา จนกระทั่งไม่มีมนุษย์ใดซึ่งมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้ ที่มิได้มีส่วนในความเมตตาและความช่วยเหลือของพระนาง แม่พระเองเป็นผู้เปิดเผยความจริงข้อนี้ให้แก่นักบุญบริยิด พระนางกล่าวว่า “เราคือราชินีแห่งสวรรค์และมารดาแห่งความเมตตา, เราคือความชื่มชมยินดีของผู้ที่อยู่ในศีลในพร และประตูซึ่งคนบาปเข้าผ่านไปยังพระเป็นเจ้า ไม่มีคนบาปคนใดในโลกนี้ที่ชั่วช้าเกินกว่าที่จะได้รับความเมตตาจากเรา ถ้ามนุษย์ทุกคนมิได้รับสิ่งใดจากคำวิงวอนของเราแล้ว อย่างน้อยเขาก็จะไดรับพระหรรษทานซึ่งจะทำให้การประจญล่อลวงลดน้อยลง” พระนางกล่าวเสริมว่า “ไม่มีผู้ใด นอกจากผู้ที่ถูกตัดสินให้ตกนรกชั่วนิรันดรแล้วเท่านั้น ที่จะถูกผลักไสไปจากพระเป็นเจ้า จนกระทั่งเขาไม่อาจจะกลับมาหาพระองค์ หรือได้รับความเมตตาจากพระองค์ได้ ถ้าเขาขอความช่วยเหลือจากเรา” “ทุก ๆ คน เรียกเราว่ามารดาแห่งความเมตตา แน่ละ ความเมตตาแห่งพระบุตรของเรานั่นเองที่จะทำให้เราเมตตาต่อมนุษย์” และพระนางสรุปความว่า “ดังนั้นผู้ที่อาจจะเรียกหาเราได้ในโลกนี้ เราผู้มีความสงสารต่อมนุษย์ทุกคน และปราถนาอย่างยิ่งที่จะช่วยคนบาป แต่ก็ไม่ยอมเรียกหา ผู้นั้นจะมีความทุกข์และจะมีความทุกข์ตลอดนิรันดร”

   ดังนั้นเราจึงมาพึ่งพาอาศัย ราชิสนีผู้อ่อนหวานนี้เสมอไปเถิดถ้าเราอยากจะแน่ใจถึงความรอดของเรา ถ้าเราตกใจหรือหมดกำลังใจเมื่อมองเห็นบาปของเรา ก็ขอให้เราจงจำไว้ว่า ที่พระแม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นราชินีแห่งความเมตตา ก็เพื่อจะได้ช่วยให้คนบาปหยาบช้าผู้ถูกทอดทิ้งที่สุดที่เสนอตัวแด่พระนางได้รับความรอด นี่ต้องเป็นมงกฎของพระนางในเมืองสวรรค์ ตามคำที่พระสวามีเจ้าตรัสแก่พระนาง “ออกมาจากลีบานู้ส เจ้าสาวของเรา จงออกมาจากลีบานู้ส เจ้าจะได้รับมงกุฎ จากโพรงสิงโตและภูเขาของเสือดาว” ที่อยู่สัตว์เหล่านี้มีความหมายอย่างเดียวเท่านั้นคือ คนบาปที่น่าสมเพช วิญญาณของเขากลับเป็นพำนักของคนบาป ซึ่งเป็นสัตว์ปลาดที่น่ากลัวที่สุด ท่านเจ้าอาวาสรูเพิร์ดกล่าวแก่แม่พระว่า “โอ้ราชินีมารีอาผู้ยิ่งใหญ่ วิญญาณเช่นนี้บรรลุถึงความรอดได้ก็โดยอาศัยพระแม่ พระแม่จะได้รับมงกุฎ เพราะความรอดของคนบาปเหล่านี้จะกลับเป็นเพชรพลอยอันสมค่า และเหมาะแก่ราชินีแห่งความเมตตา เชิญท่านอ่านเรื่องต่อไปนี้เถิด เพื่อจะได้เข้าใจถึงเรื่องที่ข้าพเจ้ากล่าวมา

 -ตัวอย่าง-

   เราอ่านในประวัติชีวิตของนางชีคัทธารีนาแห่งนักบุญเอากูสติโนว่า ในที่ที่เธออาศัยอยู่นั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อมารีอา หญิงคนนี้อยู่ในวัยรุ่นได้เป็นคนบาป เมื่อนางมีอายุมากแล้วก็ยังดื้อดันอยู่ในความชั่ว จนกระทั่งถูกไล่ออกไปจากเมืองไปอาศัยอยู่ในถ้ำนางได้สิ้นใจตายที่นั้น เป็นโรคเรื้อรังเน่าเปื่อยไปเกือบครึ่งตัว มิได้รับศีล จึงถูกทอดทิ้งไว้ในท้องนาเหมือนกับสัตว์เดรฉาน คัทธารีนาซึ่งมักจะสวดอุทิศให้แก่วิญญาณที่จากโลกนี้ไปด้วยความร้อนรน เมื่อได้ยินการสิ้นใจอันน่าสงสารของชราผู้นี้ ก็คิดว่านางคงหมดหวังแล้ว (อันความคิดของทุกคนในเมืองนั้น) วันหนึ่งต่อจากนั้นมาเป็นเวลาสี่ปี วิญญาณที่กำลังทรมานดวงหนึ่งปรากฏตัวมาต่อหน้าเธอแล้วอุทานออกมาว่า “ซิสเตอร์คัทธารีนา ข้าพเจ้านี้ช่างโชคร้ายจริง ๆ ท่านสวดอุทิศให้แก่วิญญาณที่สิ้นใจตาย มีแต่ข้าพเจ้าเท่านั้นที่ท่านไม่สงสาร” เธอถามไปว่า “ท่านคือใคร?” วิญญาณนั้นตอบว่า “ข้าพเจ้าคือมารีอาผู้น่าสงสารที่สิ้นใจในถ้ำ” คัทธารีนาถามว่า “แล้วท่านได้เอาตัวรอดหรือ?” “ถูกแล้ว ด้วยความเมตตาของแม่พระ” “เรื่องเป็นอย่างไรกัน?” “เมื่อข้าพเจ้าเห็นชีวิตของตนเองร่อแร่เต็มที วิญญาณก็เต็มไปด้วยบาป มิหนำซ้ำทุกคนยังทอดทิ้งข้าพเจ้าจึงหันหน้ไปหาแม่พระ และกล่าวกับแม่พระว่า “พระแม่เจ้าข้า พระแม่คือที่พึ่งของสัตว์โลกที่ถูกทอดทิ้ง โปรดเหลียวมาดูลูก ซึ่งบัดนี้ถูกคนทั่วไปเขาละทิ้ง พระแม่คือความหวังหนึ่งเดียวของลูก พระแม่เท่านั้นที่ช่วยลูกได้ โปรดสงสารลูกด้วย” และแล้ว แม่พระก็ได้โปรดให้ข้าพเจ้า ได้รับพระหรรษทานที่จะสวดบทแสดงความทุกข์ ข้าพเจ้าสิ้นใจและได้เอาตัวรอด  นอกจากนี้พระนางยังให้ความช่วยเหลือแก่ข้าพเจ้าอีกประการหนึ่งคือ ไฟชำระของข้าพเจ้านั้นจะสิ้นสุดลงเร็วขึ้นโดยการรับทรมารอย่างสาหัส บัดนี้ข้าพเจ้าต้องการมิสซาแต่เพียง ๒-๓ มิสซาเท่านั้นก็จะพ้นไฟชำระ ขอให้ท่านช่วยขอมิสซาให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด ส่วนข้าพเจ้าเองขอสัญญาว่า จะวอนขอพระเป็นเจ้าและแม่พระให้แก่ท่านเสมอไป “คัทธารีนาก็ขอให้พระสงฆ์ทำมิสซาทันที ต่อมาอีก ๒-๓ วัน วิญญาณนั้นก็ปรากฏมาแก่เธออีกครั้งหนึ่ง มีความรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์ และกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอขอบคุณซิสเตอร์คัทธารีนามาก ดูซิ ข้าพเจ้ากำลังจะไปสวรรค์ ไปร่วมสรรเสริญพระเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้าและสวดภาวนาเพื่อท่าน”

-บทภาวนา-

   โอ้พระมารดาแห่งพระเป็นเจ้า และพระแม่มารีอาของลูก ลูกมาอยู่ต่อหน้าพระแม่ ผู้เป็นราชินีแห่งสวรรค์และแผ่นดิน เหมือนกับขอทาน ซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลสกปรก พาตัวมาปรากฏอยู่ต่อหน้าราชินีผู้ยิ่งใหญ่ ลูกวอนขอให้พระแม่ทอดสายตามายังคนบาปที่น่าสมเพชคนหนึ่งจากบัลลังก์อันสูงส่งซึ่งพระแม่ประทับอยู่ กรุณาอย่ารังเกียจลูก พระเป็นเจ้าโปรดให้พระแม่มีความร่ำรวยเพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้ที่ยากจน พระองค์โปรดให้พระแม่เป็นราชินีแห่งความเมตตกรุณา เพื่อจะได้บรรเทาความทุกข์ของผู้ตกยาก ฉะนั้นโปรดเหลียวดูลูกและสงสารลูกด้วยเถิด โปรดเหลียวดูลูกและอย่าได้ละทิ้งลูกจนกว่าพระแม่จะได้เห็นลูกเปลี่ยนจากคนบาปมาเป็นนักบุญ ลูกรู้ว่าลูกไม่สมที่ได้รับอะไรจากพระแม่เลย ยิ่งไปกว่านั้น ลูกไม่ควรจะได้รับพระหรรษทาน ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ประทานแก่ลูกโดยอาศัยพระแม่อีกเลย เพราะความอกตัญญูของลูก แต่พระแม่คือราชินีแห่งความเมตตา ผู้ไม่พิจารณาบุญกุศล แต่เสาะหาความยากจน เพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการ แต่มีใครเล่า ที่ต้องการความช่วยเหลือมากไปกว่าลูก โอ้พรหมจารีผู้มีเกียรติ ลูกรู้แน่ใจว่าพระแม่เป็นราชินีแห่งสากลโลก ได้มาเป็นราชินีของลูกแล้ว ลูกตั้งใจแน่วแน่ว่าจะถวายตัวรับใช้พระแม่เป็นพิเศษ เพื่อพระแม่จะได้ปฏิบัติต่อลูกตามที่พระแม่พอใจ ดังนั้นลูกจึงขอกล่าวแก่พระแม่ตามคำของ นักบุญโบนาเวนตูราว่า “โอ้ราชินีของลูก โปรดปกครองลูกตามแต่พระแม่จะต้องการเถิด และลงโทษถ้าลูกไม่ยอมนบนอบ เพราะการลงโทษที่มาจากพระแม่นั้นคือ เครื่องหมายความรอดของลูก ลูกจะเป็นผู้รับใช้พระแม่ดีกว่าเป็นผู้ครองโลก ข้าพเจ้าเป็นของพระองค์ โปรดกรุณาช่วยให้รอดเถิดพระเจ้าข้า โอ้แม่มารีอา โปรดรับลูกไว้เป็นของพระแม่ โปรดเป็นผู้จัดการดูแลความรอดของลูก ลูกจะไม่ขอเป็นของตัวเองอีกเลย แต่จะขอมอบตัวเองแด่พระแม่ ถ้าในอดีตลูกมิได้รับใช้พระแม่อย่างดี และได้สูญเสียโอกาสที่จะสรรเสริญพระแม่ ในภายหน้าลูกจะเป็นคนรับใช้ที่รักและซื่อสัตย์ ลูกตั้งใจว่าตั้งแต่วันนี้ไป จะมิให้ผู้ใดขึ้นหน้าลูกในการถวายเกียรติและรักแด่พระแม่ ผู้เป็นราชินี่น่ารักของลูก ลูกขอสัญญาไว้เช่นนี้ และโดยอาศัยความช่วยเหลือจากพระแม่ ลูกหวังว่าจะทำตามด้วย อาแมน

series002

01-01 ความไว้ใจในแม่พระ