Skip to main content

สิริมงคลแห่งแม่พระ

01-04 พระแม่มารีอา คือมารดาของคนบาปที่สำนึกผิด

book

พระแม่มารีอาบอกแก่นักบุญบริยิดว่า พระนางมิได้เป็นแต่เฉพาะมารดาของผู้ที่มีคุณธรรมและบริสุทธิ์เท่านั้น แต่พระนางยังเป็นมารดาของคนบาปด้วยะถ้าเขาพร้อมที่จะกลับใจ คนบาปที่อยากจะกลับใจและวิ่งไปกราบอยู่แทบเท้าแม่พระ จะเห็นด้วยตัวเองว่าพระมารดาใจดีผู้นี้ จะเร่งรีบไปสวมกอดตนมากกว่ามารดาฝ่ายเนื้อหนังของตนเสียอีก นักบุญเกรโกรีโอที่ ๗ พูดในทำนองเดียวกัน เมื่อท่านเขียนจดหมายไปถึงเจ้าหญิงมาทีลดา ท่านเขียนว่า “ลูกจงสัญญาว่าจะไม่ทำบาปอีกต่อไป และเราสัญญาได้ว่าลูกจะพบพระแม่มารีอา พร้อมเสมอที่จะรักลูกมากกว่ามารดาผู้ใดในโลกนี้”

   แต่ผู้ที่อยากจะเป็นลูกของพระมารดผู้ยิ่งใหญ่นี้ จะต้องละทิ้งบาปเสียก่อน หลังจากนั้นเขาจึงจะหวังที่จะได้รับการต้อนรับจากพระนางได้ เมื่อกล่าวถึงบทสุภาษิตในพระคัมภีร์เก่าทีว่า จงลุกขึ้นเถิดลูกของนาง ท่านริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอตั้งข้อสังเกตว่า คำว่า “ลุกขึ้น” มาก่อนคำว่า “ลูก” เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีผู้ใดที่จะเป็นลูกของพระแม่มารีอาได้ ถ้าเขาไม่พยายามที่จะลุกขึ้นหรือถอนตัวออกจากความผิดซึ่งเขาได้กระทำไว้ เพราะผู้ที่มีบาปหนัก ไม่สมควรที่จะได้ชื่อว่าเป้นลูกของพระมารดาผู้นี้” นักบุญเปโตรคลีสโซโลกูสกล่าวว่าผู้ที่ประพฤติตัวผิดกับพระแม่มารีอา ไม่ว่าในทางไหน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการเป็นลูกของพระนาง ผู้ที่ไม่ทำกิจการของมารดา (ตน) ย่อมตัดสายสัมพันธ์ แม่พระสุภาพและตัวเขาหยิ่งยะโส แม่พระบริสุทธ์ผุดผ่องแต่ตัว่เขาชั่วช้าเลวทราม แม่พระเต็มไปด้วยความรัก แต่ตัวเขาเกลียดชังเพื่อนมนุษย์เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเขามิใช่และจะไม่ยอมเป็นลูกของพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า “บุตรของแม่พระ คือผู้ที่ทำตามแบบฉบับของพระนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความบริสุทธิ์ การมีใจกว้างขวางและความสุภาพรวมกับความถ่อมตัว และความเมตตาด้วย”

   ใครเล่าจะกล้าหวังเป็นลูกของพระแม่มารีอาในขณะที่ตนทำตัวให้เป็นที่ขยะแขยงของพระนางโดยการดำเนินชีวิตที่ชั่วช้า? คนบาปคนหนึ่งบอกกับแม่พระว่า “จงแสดงตัวเป็นมารดาเถิด” แต่แม่พระตอบว่า “จงแสดงตัวเป็นลูกซิ” อีกคนหนึ่งเรียกพระแม่ว่า “มารดาแห่งความเมตตา” พระนางตอบว่า “พวกเจ้าคนบาปเมื่อไรเจ้าต้องการความช่วยเหลือของเราแล้วละก็ เจ้าก็เรียกเราว่ามารดาแห่งความเมตตา แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าก็มิได้หยุดทำบาปซึ่งทำให้เราเป็นมารดาแห่งความทุกข์และเศร้าโศกอยู่เสมอ” ตอนหนึ่งพระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า ผู้ที่ทำให้มารดาโกรธ จะถูกพระเป็นเจ้าสาปแช่ง ริชาร์ด แห่ง นักบุญเลาเร็นซีโอ กล่าวว่า “ที่พูดมานี้หมายถึงแม่พระ” พระเป็นเจ้าสาปแช่งผู้ที่ทำให้พระมารดาผู้อ่อนหวานนี้ต้องรับความทุกข์ โดยการดำเนินชีวิตที่ชั่วช้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดื้อดันอยู่ในความชั่วนั้น

   ข้าพเจ้าบอกว่าดื้อดันอยู่ในความชั่วก็เพราะว่า ถ้าคนบาปแม้ว่าจะยังมิได้ละทิ้งบาปของตนก็ตาม แต่กำลังพยายามอยู่ และเพราะความปราถนาที่จะละทิ้งบาป และมาขอความช่วยเหลือจากแม่พระ พระแม่ผู้ใจดีนี้จะไม่ละเลยที่จะช่วยเขา และจะโปรดให้เขาได้พบกับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าเป็นแน่ นี่คือคำที่นักบุญบริยิด ได้ยินจากริมฝีปากของพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เอง พระองค์ตรัสแก่พระมารดาของพระองค์ว่า “พระแม่ช่วยที่พยายามกลับมาหาพระเป็นเจ้า และไม่มีใครเลยที่มิได้รับคำปลอบใจจากพระแม่” ดังนั้นตราบใดที่คนบาปยังดื้อดันอยู่ในบาปของตน แม่พระจะรักเขามิได้ แต่เมื่อเขารู้ตัวว่าถูกโซ่ตัณหาล่ามให้เขาเป็นทาสนรกแล้ว เสนอตัวเองแด่พระนางพรหมจารีพร้อมกับวอนขอพระนางด้วยความไว้ใจ และความพากเพียรให้ช่วยฉุดเขาให้พ้นจากสภาพบาป ซึ่งเขาตกอยู่แล้วเราไม่ต้องสงสัยว่า แม่พระจะไม่ช่วยให้เขาพ้นจากโซ่นี้ และนำเขาไปสู่สถานะแห่งความรอด

   คำสอนที่ว่า คำภาวนาและกิจศรัทธาต่าง ๆ ที่เราทำในระหว่างที่อยู่ในบาปกลับเป็นบาปทั้งหมดนั้น ถูกสังคายนาแห่งเทร้นท์ประฌามว่าเป็นเรื่องนอกรีตผิดต่อคำสอนของพระศาสนจักร นักบุญเบอร์นาร์โต กล่าวว่า “แม้ว่าคำภาวนาจากปากของคนบาปจะไม่ม่ความสวยงาม เพราะไม่มีความรักต่อพระเป็นเจ้าติดตามไปด้วยก็ตามแต่คำภาวนานี้ก็มีประโยชน์ และทำให้เขาได้รับพระหรรษทานให้ละทิ้งบาป” นักบุญโทมัสสอนว่า คำภาวนาของคนบาปแม้ว่าจะไม่มีบุญกุศล แต่ก็เป็นกิจการที่ทำให้เขาได้รับพระหรรษทานแห่งการอภัยบาป เพราะอำนาจการวอนขอนั้น มิได้อยู่ในตัวของผู้ที่ขอแต่อยู่กับพระทัยดีของพระเป็นเจ้า ในพระบารมีและคำสัญญาของพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์ตรัสไว้ว่า ผู้ใดขอ ผู้นั้นจะได้รับ เราต้องพูดถึงคำภาวนาถวายแด่แม่พระในทำนองเดียวกัน นักบุ่ญอันแซลโม กล่าวว่า “แม้ผู้ที่สวดไม่มีบุญพอที่จะให้พระเป็นเจ้าสดับฟังตนก็ตาม แต่คำภาวนานั้นก็จะได้รับผล”

   ดังนั้นนักบุญเบอร์นาร์โด จึงชักชวนให้คนบาปทุกคนเข้ามาพึ่งแม่พระ และวอนขอความช่วยเหลือจากพระนางเวยความไว้ใจเพราะถึงแม้ว่าตัวคนบาปเองจะไม่เหมาะสมที่จะได้รับพระหรรษทานที่ตนขอก็ตาม แต่เขาจะได้รับเพราะแม่พระวอนขอให้แก่เขาจากพระเป็นเจ้าด้วยเดชะบุญกุศลของพระนางเอง ต่อไปนี้คือคำที่ท่านักบุญใช้พูดกับคนบาป “เพราะตัวท่านเองไม่เหมาะที่จะได้รับพระหรรษทานพระเป็นเจ้าจึงประทานให้แก่แม่พระ เพื่อท่านจะได้รับทุกสิ่งโดยอาศัยพระนาง” ท่านนักบุญองค์นี้กล่าวต่อไปว่า “ถ้ามารดาคนหนึ่งรู้ว่าลูกสองคนของนางเกลียดชังกันอย่างเข้ากระดูกดำ และแต่ละคนพยายามหาทางทำลายชีวิตของกันและกัน นางจะไม่พยายามจนสุดความสามารถที่จะทำให้ทั้งสองคืนดีกันดอกหรือ? นี่คือหน้าที่ของแม่ที่ดี และแม่พระก็กระทำดังนี้ด้วย เพราะพระนางคือพระมารดาของพระเยซูเจ้าและมารดาของมนุษย์ เมื่อพระนางเห็นคนบาปเป็นศัตรูกับพระเยซูคริสตเจ้า พระนางทนไม่ได้ และพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้มีสันติภาพระหว่างทั้งสองฝ่าย โอ้แม่มารีอาผู้มีบุญ พระแม่เป็นทั้งมารดาของนักโทษและผู้พิพากษา ในเมื่อพระแม่เป็นมารดาของทั้งสองฝ่ายและทั้งสองฝ่ายเป็นลูกของพระแม่ พระแม่จึงไม่อาจจะทนดูการขาดสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองฝ่ายได้

   พระนางผู้ใจดีนี้ต้องการแต่เพียงให้คนบาปเสนอตัวเองแด่พระนางและตั้งใจว่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเท่านั้น เมื่อแม่พระเห็นคนบาปวอนขอความเมตตาอยู่แทบเท้าของพระนาง พระนางไม่พิจารณาถึงความผิดที่ถ่วงวิญญาณเขาเลย แต่พระนางพิจารณาถึงความตั้งใจที่เขามีในการที่เข้ามาหาพระนาง ถ้าความตั้งใจนี้ดี แม้ว่าเขาจะทำบาปทุกชนิดทุกอย่างก็ตาม พระมารดาผู้น่ารักนี้ก็จะสวมกอดเขา และจะไม่รู้สึกขยะแขยงที่จะรักษาบาดแผลแห่งดวงวิญญาณของเขา เพราะพระนางไม่เฉพาะแต่จะมีชื่อว่า “มารดาแห่งความเมตตากรุณา” เท่านั้น แต่พระนางยังแสดงตัวว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วยความรักและความอ่อนโยนที่พระนางเอาติดตัวมาช่วยทุกคน แม่พระได้บอกความจริงข้อนี้แก่นักบุญ บริยิด “ไม่ว่ามนุษย์คนไหนจะทำบาปมากมายเพียงใด เราก็พร้อมที่จะต้อนรับเขาทันที ถ้าเขารู้ตัวและกลับใจ เราไม่แยแสว่าเขาทำบาปมากมายเพียงใด เราเพียงแต่สนใจในความตั้งใจดีที่ติดตามตัวเขามาเท่านั้น เราเต็มใจที่จะชโลมและรักษาบาดแผลของเขา เพราะเรามีชื่อว่าและเป็นมารดาแห่งความเมตตาอย่างแท้จริง”

   พระแม่มารีอาคือมารดาของคนบาปที่ปราถนาจะกลับใจและในฐานะที่เป็นมารดา พระนางจะทำอะไรไม่ได้นอกจากสงสารเขายิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าพระนางมีความรู้สึกสงสารความทุกข์ของลูกที่น่าสงสารของพระนาง คล้ายกับเป็นความทุกข์ของพระนางเองเมื่อผู้หญิงชาวคานาอันอ้อนวอนขอให้พระเยซูเจ้าโปรดให้ลูกสาวของนาง ซึ่งถูกผีสิงพ้นจากอำนาจปีศาจ นางกล่าวว่า ทรงเมตตาต่อข้าพเจ้าเถิดโอ้พระสวามีเจ้าโอรสของดาวิด ลูกสาวของข้าพเจ้าถูกปีศาจรบกวนอย่างร้ายแรง ที่จริงมิใช่ตัวมารดาดอก แต่ลูกสาวต่างหากที่ถูกทรมาน นางควรจะกล่าวว่า “พระสวามีเจ้าข้าโปรดเมตตาลูกสาวของข้าพเจ้าเถิด” ไม่ใช่โปรดเมตตาต่อข้าพเจ้า แต่นางกล่าวว่า “โปรดเมตตาต่อข้าพเจ้า” และนั้นนางก็พูดถูกแล้ว เพราะแม่ย่อมมีความรู้สึกสงสารในความทุกข์ทรมานของลูก ๆ คล้ายกับว่าเป็นความทรมานของตนเอง ริชาร์ดแห่งนักบุญ เลาเร็นซีโอ กล่าวว่า แม่พระภาวนาเช่นนี้แหละ ในเมื่อพระนางเสนอคนบาปที่เข้ามาพึ่งพระนางแด่พระเป็นเจ้า พระนางร้องออกมาเพื่อคนบาปว่า “โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด” คล้ายกับพระนางจะพูดว่า “พระสวามีเจ้าข้า วิญญาณอันน่าสงสารที่อยู่ในบาปนี้คือลูกของข้าพเจ้า ดังนั้นโปรดกรุณาสงสารมิใช่ตัวเขาดอก แต่โปรดสงสารตัวข้าพเจ้าซึ่งเป็นมารดาของเขา”

   ถ้าคนบาปทุกคนมาพึ่งพระมารดาผู้อ่อนหวานผู้นี้ เขาก็จะได้รับการอภัยบาปจากพระเป็นเจ้าอย่างแน่นอน นักบุญโบนาเวนตูราอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้พระแม่มารีอา พระแม่สวมกอดคนบาปที่โลกทั้งโลกเขาละทิ้งแล้วด้วยความรักฉันท์แม่ และพระแม่จะไม่ละทิ้งเขา จนกว่าจะทำให้มนุษย์ผู้น่าสงสารนั้นคืนดีกับมหาตุลาการของตน” ซึ่งหมายความว่าทุก ๆ คนเขาเกลียดและรู้สึกขยะแขยงคยนบาปที่ยังมีชีวิตอยู่ในบาป แม้กระทั่งสิ่งที่ไม่มีชีวิตก็เช่นเดียวกัน ดิน ฟ้า อากาศจะลงโทษเขา และแก้แค้นเกียรติของพระสวามีเจ้าที่ถูกสบประมาท แต่ถ้ามนุษย์ที่น่าสมเพชนี้ วิ่งไปหาพระแม่พระนางจะมิปฏิเสธเขาดอกหรือ? เปล่าเลย ถ้าเขาไปขอความช่วยเหลือจากพระนางด้วยความปราถนาที่จะกลับใจ พระนางจะสวมกอดเขาด้วยความรักเยี่ยงมารดา และจะไม่ปล่อยให้เขาไปจนกระทั่งพระนางจะได้ทำให้เขาคืนดีกับพระเป็นเจ้า และประทานพระหรรษทานให้แก่เขาใหม่ ด้วยคำวิงวอนอันเปี่ยมด้วยอำนาจของพระนาง

   ในพระคัมภีร์ เราอ่านถึงเรื่องหญิงสาวแห่งเมืองเทคูอา ซึ่งทูลกษัตริย์ดาวิดว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้ามีบุตรสองคน เป็นโชคร้ายของข้าพเจ้าที่ลูกคนหนึ่งฆ่าลูกอีกคนหนึ่ง ข้าพเจ้าสูญเสียลูกไปหนึ่งแล้ว บัดนี้ความยุติธรรมจะมาคร่าลูกอีกคนหนึ่งไปจากอกของข้าพระองค์ ลูกที่เหลืออยู่คนเดียวของข้าพเจ้าแท้ ๆ โปรดทรงเมตตาต่อมารดาผู้อาภัพนี้เถิด โปรดอย่าให้ข้าพระองค์ต้องสูญเสียบุตรไปทั้งสองคนเลย พระเจ้าข้า” ดาวิดรู้สึกสงสารมารดา จึงประกาศให้ปล่อยนักโทษคืนให้แก่มารดาผู้นั้น แม่พระดูเหมือนจะใช้คำพูดเช่นเดียวกันนี้กับพระเป็นเจ้า เมื่อพระองค์โกรธคนบาปที่เสนอตัวแก่พระนาง พระนางจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระเป็นเจ้า ข้าพเจ้ามีลูกอยู่สองคน พระเยซูเจ้าและมนุษย์ มนุษย์เอาชีวิตของพระเยซูจ้ไปแล้วลนไม้กางเขนและบัดนี้พระยุติธรรมของพระองค์จะตัดสินใจลงโทษมนุษย์ผู้ผิด พระสวามีเจ้าข้า พระเยซูของข้าพเจ้าสิ้นพระชนม์ไปแล้ว โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด ถ้าข้าพเจ้าได้สูญเสียบุตรไปคนหนึ่งแล้ว โปรดอย่าให้เสียไปอีกคนหนึ่งเลย”

   แน่ละ พระเป็นเจ้าจะไม่ตัดสินลงโทษคนบาปที่มาพึ่งพระแม่มารีอา หรือคนบาปที่พระนางสวดภาวนาให้ เพราะพระองค์เองเป็นผู้ฝากฝั่งคนบาปทั้งหมดให้เป็นบุตรหลานของพระนาง แลนสแปยีอู๊ส ผู้ศรัทธาสมมุติว่า พระเยซูเจ้าทรงตรัสว่าดังนี้ “เราเสนอทุกคน แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคนบาป แก่พระแม่มารีอา ให้เป็นลูกของพระนาง ดังนั้นพระนางจึงขยันและระมัดระวังในการกระทำตามหน้าที่นี้ จนกระทั่งพระนางไม่ยอมให้ผู้ใดที่เรียกหาพระนางพบกับความหายนะ แต่พยายามนำทุกคนเท่าที่พระนางอาจจะพามาได้ให้มาหาเรา” โบลซีอู๊ส กล่าวว่า “ใครเล่าจะพูดถึงคุณความดี ความเมตตา ความสงสาร ความมีใจกว้างขวาง ความกรุณา ความซื่อสัตย์ ความโอบอ้อมอารี และความรักของพรหมจารีมารดาผู้นี้ต่อมนุษย์ได้ ไม่มีคำใดของมนุษย์เราที่จะบรรยายได้”

   นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “ดังนั้นเราจงหมอบกราบอยู่แทบเท้าพระมารดาผู้พร้อมด้วยความดีนี้เถิด สวมกอดพระนาง และอย่าได้ละทิ้งพระนางไปจนกว่าพระนางจะได้พรแก่เรา และรับเราไว้เป็นลูกของพระนาง” และใครเล่าจะสงสัยได้ว่าพระมารดาผู้นี้เต็มไปด้วยความกรุณา นักบุญโบนาเวนตูรามักจะกล่าวว่า “แม้ว่าพระนางจะเอาชีวิตของข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าก็ยังจะไว้ใจในพระนางและปราถนาที่จะสิ้นใจตายต่อหน้ารูปของพระนาง ด้วยความไว้ใจเพื่อจะได้แน่ใจถึงความรอก” และคนบาปทุกคนที่เข้ามาพึ่งพระมารดาการุณย์ผู้ควรจะกล่าวแก่พระนางว่า

   “โอ้พระนางผู้เป็นมารดาของลูก ลูกควรจะได้รับคำปฏิเสธจากพระแม่เพราะบาปของลูก ยิ่งไปกว่านั้นลูกควรจะถูกพระแม่ลงโทษ เพราะลูกได้ละทิ้งพระแม่ ถึงแม้ว่าพระแม่จะปฏิเสธไม่ยอมรับ หรือเอาชีวิตไป ลูกก็ยังจะไว้ใจในพระแม่ และหวังอย่างแน่นแฟ้นว่าพระแม่จะช่วยให้ลูกรอด ความหวังทั้งหมดของลูกอยู่ในพระแม่ เพียงแต่โปรดให้ลูกได้รับการปลอบใจ โดยสิ้นใจตายต่อหน้ารูปของพระแม่ และมอบตัวไว้ในความกรุณาของพระแม่เท่านั้น แล้วลูกแน่ใจว่าจะไม่ตกนรก แต่จะไปสรรเสริญพระแม่ในสวรรค์ พร้อมกับผู้รับใช้ของพระแม่ที่จากโลกนี้ไป ในขณะที่เรียกขอความช่วยเหลือจากพระแม่ และได้ไปสวรรค์เพราะคำวิงวอนอันมีอำนาจของพระแม่” จงอ่านตัวอย่างต่อไปนี้เถิด แล้วจงถามตัวเองว่า คนบาปคนไหนบ้างที่อาจจะมีความสงสัยในความเมตตา และความรักของพระมารดาใจดีผู้นี้ได้”

- ตัวอย่าง -

   เด็กหนุ่มผู้มีตระกูลผู้หนึ่ง ชื่อ เอ๊สกิล ถูกเจ้าชายผู้เป็นบิดาส่งไปเรียนที่ฮิลเดอไชม ซึ่งเป็นชื่อเมืองแซ็กโซนี แต่เขากลับปล่อยตัวไปในทางที่ไม่ดี ต่อมาภายหลังเขาเจ็บหนักจนถึงกับต้องรับศีลทาสุดท้าย ในขณะที่อยู่ในสภาพนี้ เขาได้เห็นภาพประจักษ์ เห็นตัวเองถูกขังไว้ในเตาไฟใหญ่ที่ลุกโซน และเชื่อว่าตนตกนรกแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะหลบหนีออกมาได้ โดยอาศัยช่องแห่งหนึ่ง และหนีออกมาหลบภัยอยู่ในปราสาทใหญ่ในห้อง ๆ หนึ่ง เขาพบกับพระแม่มารีอา พระนางกล่าวแก่เขาว่า “เจ้าเป็นคนมักได้จริง ๆ เจ้ากลัวมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเราหรือ? ไปเถิดเข้าไปในไฟซึ่งเหมาะแล้วสำหรับเจ้า” เด็กหนุ่มจึงวอนขอให้แม่พระสงสารตนและหันไปขอคนสองสามคนที่อยู่ในห้องนั้นให้ช่วยวิงวอนแม่พระให้ตนด้วย คนเหล่านั้นก็ทำตาม แม่พระตอบว่า “แต่เจ้าไม่รู้ถึงชีวิตอันชั่วช้าที่เด็กคนนี้ได้ดำเนินมา เขาไม่ยอมถ่อมตัวมาเคารพเราแม้ด้วยการสวดบทวันทามารีอา”ผู้วอนขอของหนุ่มนั้นก็ตอบว่า “แต่พระแม่เจ้า เขาจะเปลี่ยนชีวิต” และเด็กหนุ่มก็เสริมขึ้นว่า “ถูกแล้ว ลูกสัญญาด้วยใจจริงว่าจะกลับใจ และจะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระแม่” ความโกรธของแม่พระก็หายไป พระนางกล่าวแก่เขาว่า “เอาละเราจะรับคำสัญญาของเจ้า จงซื่อสัตย์ต่อเรา และในเวลานี้จงพ้นจากความตายและนรกด้วยพรของเรา”  จบคำนี้ภาพประจักษ์ก็อันตรธานไป เอ็สกิลฟื้นขึ้นแล้วสรรเสริญแม่พระ พลางเล่าถึงพระหรรษทานที่ตนได้รับให้พวกเพื่อน ๆ ฟัง ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พากเพียรในความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ต่อแม่พระเสมอ เขาได้เป็นอัครสังฆราชแห่งลุนเดนในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้ทำให้คนเป็นจำนวนมากกลับใจมาถือความเชื่อ เมื่อตอนบั้นปลายของชีวิตเขา เขาได้สละการเป็นสังฆราชปลดชราเพราะอายุมาก และเป็นฤษีอยู่ที่แคลวอส์ เขามีชีวิตต่อไปอีกสี่ปีแล้วก็สิ้นใจอย่างศักดิ์สิทธิ์ บางคนถือว่าเขาเป็นนักบุญองค์หนึ่งในคณะฤษีซีสเตอร์เซียน

- คำภาวนา -

   โอ้ราชินีผู้สูงศักดิ์ และพระมารดาที่เหมาะสมของพระเป็นเจ้า พระแม่มารีอาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ลูกเห็นตัวของลูกเองน่าเกลียดและเต็มไปด้วยบาปนานาประการ ลูกไม่ควรที่จะเรียกพระแม่ว่า “แม่” หรือแม้แต่จะเข้ามาใกล้พระแม่เลย แต่ลูกจะไม่ปล่อยให้ความเลวทรามของลูกมาเป็นเหตุให้ลูกขาดการปลอบโยนและความไว้ใจที่ลูกรู้สึก เมื่อเรียกพระแม่ว่า “แม่” ลูกทราบดีว่าลูกควรจะถูกพระแม่ปฏิเสธ และถูกวอนขอให้พระแม่จงจะจำทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเยซูบุตรของพระแม่ได้รับทนเพื่อลูก หลังจากนั้นก็ปฏิเสธลูกเถิด ถ้าพระแม่ทำได้ลงคอ ลูกเป็นคนบาปหยาบช้า ซึ่งได้สบประมาทพระเป็นเจ้ามากกว่าผู้อื่น แต่ความชั่วนั้นลูกได้ทำไปแล้ว ลูกมาขอพึ่งพระแม่ พระแม่ช่วยลูกได้ ฉะนั้นโปรดช่วยลูกเถิด โปรดอย่าพูดว่าพระแม่ไม่อาจจะช่วยลูกได้ เพราะลูกรู้ว่าพระแม่มีอำนาจมาก และพระแม่ต้องการอะไรจากพระเป็นเจ้าพระองค์ก็ประทานทุกประการ แต่ถ้าพระแม่บอกว่าจะไม่ช่วยลูก อย่างน้อยก็บอกให้ลูกทราบว่า ในสภาพอันน่าสังเวชนี้ ลูกจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใดได้บ้าง ลูกจะพูดในคำของนักบุญอันแซลโมผู้ศรัทธาว่า “พระเยซูเจ้าข้า ถ้าพระองค์ไม่สงสารข้าพเจ้าและยกโทษให้ ข้าแต่พระแม่มารีอาของลูกถ้าพระแม่ไม่สงสารลูกช่วยวิงวอนให้แก่ลูกแล้ว อย่างน้อยก็บอกให้ลูกทราบว่าลูกจะไปขอพึ่งใครที่จะมีความเมตตาสงสารมากกว่า และผู้ที่ลูกจะได้มีความไว้วางใจมากไปกว่าในพระองค์และมารดาของพระองค์” หามิได้ดอก โอ้พระมารดามารีอาของลูก ข้าแต่พระเยซูเจ้า พระองคือบิดาของข้าพเจ้า ข้าแต่พระแม่มารีอา พระแม่คือมารดาของลูก พระองค์ทั้งสองรักผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากที่สุด และออกไปแสวงหาคนเหล่านี้เพื่อจะได้ช่วยให้รอด ลูกสมควรที่จะได้รับนรก และลูกน่าสมเพชที่สุด แต่พระแม่ไม่ต้องไปหาลูกดอก และเข้ามาหาพระแล้ว บัดนี้ลูกขอถวายตัวของลูกแด่พระแม่ด้วยความไว้ใจอันมั้นคงว่า ลูกจะไม่ถูกทอดทิ้งจากพระแม่เป็นอันขาด พระเยซูเจ้าข้า โปรดทอดพระเนตรมายังข้าพเจ้าอยู่แทบพระบาทของพระองค์ และโปรดอภัยโทษข้าพเจ้าเถิดพระแม่มารีอา มารดาของลูก โปรดช่วยลูกด้วยเทอญ