สิริมงคลแห่งแม่พระ (Series)
05-02 แม่พระเสนอวิงวอนให้แก่คนบาปทุกคน
นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าว ในเมื่อชายและหญิงช่วยกันในการก่อความพินาศให้แก่เรา จึงเป็นการเหมาะสมที่ชายและหญิงคือพระเยซูเจ้าและพระมารดาของพระองค์จะร่วมกันในการไถ่บาปของเรา ท่านนักบุญกล่าวว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นก็พอเพียงแล้วในการที่จะไถ่บาปมนุษย์ แต่เป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่ทั้งสองเพศจะร่วมมือกันซ่อมแซมความพินาศซึ่งทั้งสองเพศได้เป็นผู้ก่อ” ดังนั้น นักบุญอัลแบร์โต มักโน จึงเรียกแม่พระไว้อย่างเพราะพริ้งว่า “ผู้ร่วมมือในการไถ่บาป” แม่พระเองเป็นผู้ไขแสดงแก่นักบุญบริยิดว่า อาดัมและเอวาได้ขายโลกทั้งโลกเพื่อผลไม้เพียงผลเดียว ในทำนองเดียวกันพระมารดาและพระบุตรของพระนางก็ได้ไถ่โลกด้วยดวงใจดวงเดียว นักบุญอันแซลโมกล่าวว่า พระเป็นเจ้าอาจจะสร้างโลกจากความว่างเปล่าได้ แต่เมื่อโลกได้พินาศไปเพราะบาป พระองค์ไม่ทรงปราถนาที่จะช่วยเหลือโลกโดยปราศจากความร่วมมือของแม่พระ “พระองค์ผู้สามารถทำทุกสิ่งจากความว่างเปล่า ไม่ทรงปราถนาที่จะซ่อมแซมโลกที่ชำรุดเสียหายโดยปราศจากแม่พระ”
คุณพ่อซูอาเรสอธิบายว่า แม่พระมีส่วนร่วมในการไถ่บาปของเราสามทางด้วยกันคือ ทางแรกโดยการทำตัวของพระนางให้เหมาะสมที่จะให้พระวจนาถทรงรับเอากาย ทางที่สองโดยการสวดให้แก่เราเสมอไปในขณะที่พระนางมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทางที่สามโดยการถวายชีวิตแห่งพระบุตรของพระนางด้วยความเต็มใจแด่พระเป็นเจ้าเพื่อความรอดของเรา ด้วยเหตุนี้เอง พระเป็นเจ้าจึงได้ทรงกำหนดไว้ว่า มนุษย์ทุกคนจะได้รับความรอดของตน โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนของแม่พระ ในเมื่อพระนางได้ร่วมมือด้วยความรักอันมากมายในความรอดของมนุษย์ และในขณะเดียวกันพระนางก็ได้ประทานสิริมงคลเป็นอันมากแด่พระเป็นเจ้า
แม่พระได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมมือในการทำให้เราได้รับพระหรรษทาน เพราะพระเป็นเจ้าได้ทรงมอบพระหรรษทานทั้งสิ้นที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้แก่เราไว้ในมือของพระนาง ดังนั้นนักบุญเบอร์นาร์โดจึงกล่าวว่า มนุษย์ทั้งหมดไม่ว่าในอดีต ในปัจจุบันหรือในอนาคต จะต้องเห็นแม่พระเป็นหนทางและผู้ไกล่เกลี่ยแห่งความรอดของเขา
พระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า ไม่มีผู้ใดจะพบพระองค์ได้นอกจากพระบิดานิรันดรจะทรงชักจูงเขาโดยอาศัยพระหรรษทานเสียก่อน “ไม่มีผู้ใดที่จะมาถึงเราได้ หากพระบิดาผู้ส่งเรามามิได้ทรงชักจูงเขาเสียก่อน ตามความคิดเห็นของริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอพระเยซูเจ้าตรัสแก่พระมารดาว่า “ไม่มีใครที่จะมาถึงเราได้ถ้าพระมารดาของเรามิได้ชักจูงเขา ด้วยการภาวนาของพระนาง พระเยซูเจ้าเป็นผลแห่งอุทรของแม่พระ “ผู้มีบุญกว่าหญิงใด ๆ และพระโอรสของท่านทรงบุญนัหนา” ผู้ใดต้องการผลไม้ก็ต้องเดินเข้าไปไกล้ ๆ ต้น ผู้ใดที่ต้องการพระเยซูเจ้าก็ต้องไปหาแม่พระ และผู้ใดที่พบแม่พระก็จะได้พบพระเยซูเจ้าอย่างแน่นอน
เมื่อนักบุญเอลีซาแบ้ทเห็นแม่พระมาเยี่ยม นางไม่ทราบว่าจะขอบคุณพระนางได้อย่างไร นางกล่าวด้วยความสภาพอย่างแท้จริงว่า “เหตุไฉนข้าพเจ้าจึงได้มีเกียรติให้มารดาพระสวามีเจ้ามาเยี่ยม?” ทำไมนักบุญเอลีซาแบ้ทจึงกล่าวเช่นนั้น? แม่พระนางคงจะทราบว่ามิใช่เท่านั้นที่มาเยี่ยมนาง นางคงจะรู้แน่ว่า พระเยซูได้เสด็จมาเยี่ยมนางในบ้านด้วยเหมือนกัน ทำไมนางจึงคิดว่าตัวไม่เหมาะสมที่จะต้องรับแม่พระ แทนที่จะคิดว่านางไม่สมที่จะให้พระบุตรของพระนางมาเยี่ยมนางจนถึงบ้าน เหตุผลก็คือ เอลีซาแบ้ทรู้แน่ว่า เมื่อ แม่พระมาพระนางก็ต้องนำพระเยซูเจ้ามาด้วยอย่างแน่นอน ฉะนั้นนางจึงแน่ใจว่าการขอบคุณแม่พระโดยมิได้เอ่ยถึงพระบุตรของพระนางนั้นก็คงจะเพียงพออยู่แล้ว
“นางเปรียบเหมือนเรือสินค้า ซึ่งนำปังมาแต่ทางไกล” แม่พระคือเรือลำนี้ซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมาจากสวรรค์ พระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นปังทรงชีวิตที่เสด็จมาจากสวรรค์ เพื่อประทานชีวิตนิรันดร “เราคือปังทรงชีวิตที่มาจากสวรรค์ ผู้ใดรับเรา ผู้นั้นจะมีชีวิตนิรันดร” ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า ในทะเลแห่งโลกนี้มีผู้ที่ได้ถูกนำตัวขึ้นไปยังเรือนี้ จะจมน้ำทุกคน กล่าวคือ ทุกคนที่ไม่มีแม่พระเป็นผู้คุ้มครองจะประสบความพินาศ ดังนั้นท่านจึงเสริมว่า เมื่อเราเห็นว่าลูกคลื่นทะเลกำลังขึ้นสูง เราต้องเรียกหาแม่พระว่า “ข้าแต่พระนางเจ้า จงช่วยเราเถิด มิฉะนั้นเราจะจมน้ำตาย” เมื่อเราพบว่าเราอยู่ในระหว่างอันตรายเพราะการประจญล่อลวงหรือราคตัณหาแห่งชีวิตนี้ เราต้องรีบวิ่งไปหาแม่พระและร้องว่า “เร็วเถิดพระแม่เจ้ารีบมาช่วยเรา ช่วยเราเถิด ถ้าพระแม่ไม่อยากจะเห็นเราพบความพินาศ”
เราจงสังเกตว่า ท่านผู้เขียนกล่าวว่า “พระแม่เจ้าช่วยเราเถิด มิฉะนั้นเราจะจมน้ำตาย” ท่านมิได้กล่าวถึงคำโต้แย้งของนักเขียนบางคนซึ่งเราได้กล่าวถึงแล้ว ซึ่งห้ามมิให้เราขอร้องให้แม่พระช่วยเราให้รอด ที่นักเขียนคนนั้นเขาห้ามก็เพราะเขาบอกว่า การช่วยให้เรารอดนั้นเป็นหน้าที่ของพระเป็นเจ้าแต่พระองค์เดียว สมมติว่าชายผู้หนึ่งถูกตัดสินประหารชีวิต เขาจะวแนขอชีวิตของเขาโดยผ่านเพื่อนคนหนึ่งของกษัตริย์ ผู้จะช่วยเสนอวิงวอนให้แก่เขามิได้หรือ? ทำไมเราจึงขอให้แม่”พระช่วยอ้อนวอนให้แก่เรา และนำเอาชีวิตนิรันดรจากพระเป็นเจ้ามาหแก่เราไม่ได้? นักบุญยวง ดามาซีนไม่รู้สึกกลัวเลยที่จะกล่าวแก่แม่พระว่า “ข้าแต่ราชินีผู้บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน โปรดช่วยให้ลูกรอดพ้นจากโทษนิรันดรเถิด” นักบุญโบนาเวนตูราเรียกแม่พระว่า “ความรอดของผู้ที่เรียกหาแม่พระว่า “ความรอดของผู้ที่เรียกหาแม่พระ” พระศาสนจักรสนับสนุนให้เราเรียกหาพระนางว่า “สุขภาพของคนไข้” ดังนั้นเราจะเกรงใจไม่ยอมขอให้พระนางช่วยให้เราเอาตัวรอดหรือ? ในเมื่อนักเขียนผู้หนึ่งกล่าวว่า “หนทางเข้าสู่ความรอดนั้นเปิดให้แก่พระนางเท่านั้น” และก่อนหน้านี้นักบุญเยอร์มานูสได้เรียกแม่พระในทำนองเดียวกัน “ไม่มีผู้ใดที่จะได้รับความรอดโดยมิได้ผ่านพระแม่”
แต่ให้เราหันกลับไปดูซิว่า บรรดานักบุญต่าง ๆ ได้กล่าวไว้อย่างไรบ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับความจำเป็นของคำเสนอวิงวอนของแม่พระ นักบุญคายีตันผู้รุ่งเรืองมักจะกล่าวว่า เราอาจจะแสวงหาพระหรรษทานอยู่จนแล้วจนเล่า แต่เราก็ไม่อาจพบพระหรรษทานนั้นได้ถ้าไม่มีแม่พระเป็นผู้เสนอวิงวอน นักบุญอันโตนีเห็น้ดวยกันกับท่าน ท่านกล่าวว่า “ผู้ที่พยายามแสวงหาพระหรรษทาน
โดยปราศจากแม่พระก็คือผู้ที่พยายามบินโดยไม่มีปีก” กษัตริย์ฟาโรกล่าวแก่โยแซฟว่า “ประเทศอียิปต์อยู่ในความดูแลของท่าน” แล้วพระองค์ก็ส่งทุกคนที่มาขอความช่วยเหลือไปหาโยแซฟพลางกล่าวว่า “จงไปหาโยแซฟ” ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราวอนขอพระหรรษทานจากพระเป็นเจ้าพระองค์ก็ตรัสว่า “จงไปหาพระนางมารีอา” เพราะตามความเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด พระเป็นเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ว่าพระองค์จะไม่ประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยมิได้ผ่านมือของแม่พระ เหตุนี้แหละริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงกล่าวว่า “ความรอดของเราอยู่ในมือของแม่พระ” และอาจจะพูดกับแม่พระด้วยความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าที่ชาวอียิปต์พูดแก่โยแซฟว่า “ท่านได้โปรดให้เรามีชีวิตอยู่”บุญราศีเรมุนโด ยอร์ดาโนสอนเรื่องเดียวกันและคาสเซียนกล่าวมากไปกว่านั้นเสียอีก ท่านกล่าวว่า ความรอดของมนุษย์ทุกคนนั้นขึ้นอยู่กับการที่เขาได้รับความช่วยเหลือและความคุ้มครองจากแม่พระผู้นั้นจะได้รับความรอด และผู้ที่มิได้รับความคุ้มครองจากพระนางก็จะสูญเสียวิญญาณของตน นักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนากล่าวแก่แม่พระว่า “พระแม่คือผู้แจกจ่ายพระหรรษทานทุกประการ ความรอดของเราอยู่ในมือของพระแม่”
ดังนั้นริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงพูดถูกแล้ว เมื่อท่านกล่าวว่า ก้อนหินนั้นเมื่อพื้นที่ที่รองรับมันไว้ถูกเคลื่อนไป มันก็ต้องตก ฉันใดก็ฉันนั้น วิญญาณที่ไม่มีความช่วยเหลือจากแม่พระ ก็จะตกลงไปในบาปก่อน แล้วก็ตกไปในนรก นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า พระเป็นเจ้าจะไม่ประทานความรอดให้แก่เราโดยปราศจากคำเสนอวิงวอนของแม่พระ “ทารกมิอาจจะมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากนางพยาบาล ซึ่งคอยดูแลฉันใด เราก็ไม่อาจจะเอาตัวรอดได้โดยปราศจากความช่วยเหลือช่วยเหลือจากแม่พระ ฉันนั้น ดังนั้นท่านจึงเร้าใจเราให้หิวกระหายที่จะแสวงหาความศรัทธาต่อแม่พระ รักษาความศรัทธานี้ไว้อย่างทนุถนอม และไม่ละทิ้งเสียจนกว่าเราจะได้รับพรมารดาจากพระแม่ในเมืองสวรรค์
นักบุญเยอร์มานู้สอุทานออกมาว่า “แล้วใครเล่าจะได้รับความรอด? ใครจะพ้นจากบาป? ใครเล่าจะได้รับพระหรรษทานใด ๆ ถ้ามิใช่เพราะพระแม่? โอ้พระมารดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยหรรษทานของพระเป็นเจ้า” จงฟังคำอันเพราะพริ้งของท่านเอง “ข้าแต่พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีผูใดเลยที่จะเรียนรู้ถึงพระเป็นเจ้านอกจากจะอาศัยพระแม่ ไม่มีใครเอาวิญญาณรอดได้ถ้าพระแม่ไม่ช่วย ไม่มีผู้ใดพ้นจากอันตรายนอกเสียจากว่า พระแม่จะปกป้อง ไม่มีผู้ใดที่จะรับพระราชทานใด ๆ จากพระเป็นเจ้า ถ้าหากไม่มีพระแม่ โอ้พระมารดาผู้เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน” อีกแห่งหนึ่งท่านนักบุญเยอร์มานู้สกล่าวแก่แม่พระว่า “ไม่มีผู้ใดที่จะพ้นจากการกัดแทะของเนื้อนหนัง ถ้าพระแม่ไม่ช่วยให้เขาทำได้”
นักบุญเบอร์นาร์โดบอกเราว่า ในเมื่อเราจะเข้าไปถึงพระบิดานิรันดรไม่ได้โดยมิได้ผ่านพระเยซูเจ้าเสียก่อน ในทำนองเดียวกันเราก็ไม่อาจจะเข้าไปถึงพระเยซูเจ้าโดยมิได้ผ่านแม่พระ นี่เหตุผลที่ท่านได้ให้ไว้ในการที่พระเป็นเจ้าทรงกำหนดให้เราได้รับความรอดโดยอาศัยคำเสนอวิงวอนแม่พระ โดยอาศัยพระแม่เราอาจจะเข้าถึงพระบุตรได้ ข้าแต่พระแม่ผู้มีบุญได้พบพระหรรษทาน ข้าแต่พระมารดาทรงชีวิตโดยอาศัยพระแม่เราจะได้รับพระองค์ซึ่งเราได้รับโดยผ่านพระแม่ ดังนั้นท่านจึงเรียกแม่พระว่า มารดาแห่งพระหรรษทานและความรอดของเรา นักบุญเยอร์มานูสถามว่า “เราจะเป็นอย่างไรไปบ้างและความหวังในความรอดอะไรจะมีเหลืออยู่ในตัวเราอีกหรือ ข้าแต่พระแม่มารีอา ถ้าพระแม่ผู้เป็นชีวิตของคริสตังค์จะละทิ้งเรา?”
นักเขียนสมัยใหม่ที่เราได้กล่าวถึงมาแล้วนั้น ให้เหตุผลอันโง่เขลาเบาปัญญาว่า ถ้าพระหรรษทานทั้งปวงมาถึงเราโดยผ่านแม่พระ ดังนั้นแล้วบรรดานักบุญทั้งหลายมิต้องเข้าหาแม่พระเพื่อจะได้รับพระหรรษทานเมื่อเราวอนขอให้ท่านช่วยหรือ? นักเขียนผู้นี้เขาบอกว่า ไม่มีใครเลยที่จะฝันถึงเรื่องเช่นนี้ และคงจะไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน สำหรับการเชื่อนั้น ข้าพเจ้าขอตอบว่าไม่เป็นสิ่งที่ลำบากเลย ในเมื่อพระเป็นเจ้าทรงตั้งให้แม่พระเป็นราชินีแห่งนักบุญทั้งหลาย และในเมื่อพระองค์ทรงปราถนาให้นักบุญอื่น ๆ หันไปหาพระนางเพื่อจะได้รับพระหรรษทานที่ท่านต้องการ เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่แม่พระ ส่วนเรื่องที่ว่า คงจะไม่มีใครนึกฝันที่จะพูดถึงเรื่องนี้นั้น ข้าพเจ้าขอตอบว่าข้าพเจ้าได้อ่านพบว่า นักบุญเบอร์นาร์โดนักบุญอันแซลโม นักบุญโบนาเวนตูรา ร่วมกับคุณพ่อซูอาเรส และอีกหลายท่านที่สอนเรื่องนี้อย่างชัด แจ้ง นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “ผู้ที่สวดขอนักบุญอื่น ๆ สวดไปเสียเวลาเปล่า ๆ ถ้าแม่พระมิได้ช่วยเหลือ”ในทำนองเดียวกัน นักเขียนผู้หนึ่งได้อธิบายคำในพระคัมภีร์ที่ว่า “พวกคนรวยในบรรดาประชาชนเข้ามาหาความช่วยเหลือจากท่าน” คนร่ำรวยในบรรดาประชาชนก็คือบรรดานักบุญ และเมื่อท่านต้องการจะได้รับความช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อผู้ที่มีความศรัทธาต่อท่าน ท่านก็จะหันไปหาแม่พระ และแม่พระจะเป็นผู้ที่วอนขอพระหรรษทานนั้น ๆ ให้ คุณพ่อซูอาเรสกล่าวไว้อย่างเฉลียวฉลาดว่า “ในระหว่างนักบุญต่าง ๆ นั้นเราไม่วอนขอให้นักบุญองค์หนึ่งช่วยวิงวอนนักบุญอีกองค์หนึ่ง เพราะทุกคนมีระดับเท่า ๆ กันแต่เราขอให้ท่านวอนขอกับแม่พระ เพราะพระนางคือราชินีผู้ยิ่งใหญ่ของท่าน นี่คือสิ่งที่นักบุญเบเนดิกโตสัญญาแก่นักบุญฟรันเซสแห่งโรมา ตามที่เราอ่านพบในหนังสืของคุณพ่อ มาร์เชส นักบุญเบเนดิดโตได้ปรากฏตัวแก่นักบุญฟรันเซส และสัญญาว่าจะปกป้องเธอและจะเป็นผู้เสนอวิงวอนกับแม่พระให้แก่เธอ
ข้าพเจ้าอาจจะนำคำของนักบุญอันแซลมาใช้เพื่อพิศูจน์ความคิดเห็นข้อนี้ก็ได้ ท่านกล่าวว่า “สิ่งที่บรรดานักบุญอาจจะทำได้เมื่อท่านร่วมมือกับพระแม่นั้น พระแม่อาจจะทำได้โดยลำพังไม่ต้องอาศัยนักบุญเหล่านั้น แล้วท่านถามว่า “ทำมัยจึงเป็นเช่นนี้เล่า? ทำไมพระแม่จึงมีอำนาจเช่นนี้? เพราะพระแม่คือมารดาพระมหาไถ่นั่นเอง พระแม่คือเจ้าสาวของพระเป้นเจ้า ราชินีแห่งสวรรค์และแผ่นดิน ถ้าพระแม่ไม่เป็นผู้เสนอให้แก่เราแล้ว บรรดานักบุญทั้งหลายก็จะไม่อ้อนวอนให้แก่เราหรือช่วยเหลือเรา แต่ถ้าพระแม่อ้อนวอนให้เรา นักบุญทั้งหลายก็จะทำเช่นเดียวกัน
คุณพ่อเซ็กเนรีกล่าวในทำนองเดียวกันในหนังสือของท่านซึ่งมีชื่อว่า “ผู้รับใช้ที่ศรัทธาในแม่พระ” ท่านเอาคำของพระคัมภีร์มาใช้กับแม่พระเช่นเดียวกับพระศาสนจักรว่า “เราล้อมรอบขอบฟ้าแต่ลำพัง” การเคลื่อนรากฐานทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างบนฐานนั้นเคลื่อน ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราทำให้แม่พระวิงวอนเพื่อผู้ใดผู้หนึ่ง พระนางก็จะทำให้ทุกคนในสวรรค์ร่วมกันวิงวอนพร้อมกับพระนาง ที่จริงนักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า เมื่อแม่พระไปวิงวอนพระเป็นเจ้าให้เรา ในฐานะที่พระนางเป็นราชินี พระนางก็บังคับให้เทวดาและนักบุญร่วมวิงวอนกับพระนางด้วย
บัดนี้เราคงจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมพระศาสนจักรจึงบังคับให้เราสรรเสริญแม่พระว่า “เป็นความหวังของเรา” มาร์ติน ลูเทอร์ไม่อาจจะทนได้เมื่อเห็นว่าพระศาสนจักรคาทอลิกเรียกแม่พระว่า ความหวังของเรา แม้ว่าแม่พระจะเป็นเพียงมนุษย์เท่านั้นเอง เขากล่าวว่า พระเป็นเจ้าและพระเยซูเจ้าเท่านั้น ที่เป็นความหวังของเราเขาเสริมว่าพระเป็นเจ้าทรงสาปแช่งทุกคนที่ไว้วางใจมนุษย์ และนำคำของผู้ทำนายเยเรมีอามาพิศูจน์ เยเรมีอากล่าวว่า “มนุษย์ที่ไว้ใจในมนุษย์นั้นจะถูกสาปแช่ง”
แต่พระศาสนจักรสอนให้เราเรียกหาแม่พระเสมอไป และไม่ต้องเกรงกลัวที่จะเรียกพระนางว่า “ความหวังของเรา” ใครก็ตามที่ไว้ใจในมนุษย์โดยมิได้ขึ้นกับพระเป็นเจ้านั่นแหละ จะทำให้พระองค์ไม่พอพระทัยอย่างแน่นอน พระเป็นเจ้าคือบ่อเกิดและผู้แจกจ่ายคุณความดีทุกประการ ถ้าปราศจากพระองค์เสียแล้วมนุษย์เราก็จะไม่มีอะไรและไม่สามารถจะให้อะไรแก่ผู้อื่นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าพระเป็นเจ้าทรงจัดให้พระหรรษทานทั้งสิ้นผ่านแม่พระ คล้ายกับท่อธารแห่งความเมตตา ดังที่เราได้พิศูจน์ให้เห็นแล้ว เราก็สามารถและที่จริงเราต้องบอกว่า แม่พระเป็นความหวังของเรา เพราะเราได้รับพระหรรษทานก็โดยอาศัยพระนางนั่นเอง
นี่แหละคือเหตุผลที่นักบุญเบอร์นาร์โดเรียกพระแม่ว่าเป็นรากฐานแห่งความหวังของท่าน และนักบุญยวงดามาซีนกล่าวว่า “โอ้พระนางเจ้า ลูกได้มอบความหวังทั้งสิ้นไว้ในพระแม่ ลูกหวังในความรอดนิรันดรในขณะที่ลูกเพ่งดูพระแม่ “ นักบุญดทมัสประกาศว่า แม่พระคือความหวังทั้งสิ้นแห่งความรอดของท่าน ในหนังสือเล่มหนึ่งที่ท่านได้เขียนไว้ นักบุญเอเฟรมกล่าวว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอา ถ้าพระแม่ต้องการให้เรารอด พระแม่ก็ต้องคุ้มครองเรา เพราะเราไม่มีความหวังที่จะเอาตัวรอดโดยอาศัยผู้ใดอีกนอกไปจากพระแม่”
ขอให้เราสรุปความด้วยคำของนักบุญเบอร์นาร์โดว่า “เราจงให้เกียรติแก่แม่พระด้วยสิ้นสุดดวงใจของเรา เพราะนี่คือน้ำพระทัยของพระองค์ผู้ทรงปราถนาให้เราได้รับทุกสิ่งทุกอย่างโดยผ่านพระนาง” ท่านเร้าใจเราให้เสนอตัวเราเองแก่แม่พระ ด้วยความหวังที่จะได้รับทุกสิ่งที่เราปราถนาจากพระนาง “เราจงแสวงหาพระหรรษทานและแสวงหาโดยอาศัยแม่พระ” นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า แม้ว่าท่านจะไม่สมควรที่จะได้รับพระหรรษทานที่ท่านขอไว้ แม่พระเองจะเป็นผู้วอนขอให้ท่านมีความเหมาะสม แล้วท่านเสริมว่า ในทำนองเดียวกัน สิ่งใดก็ตามที่ท่านถวายแด่พระเป็นเจ้า เช่น กิจศรัทธาหรือการภาวนา จงถวายผ่านแม่พระเถิดถ้าท่านต้องการให้พระเยซูเจ้าทรงรับคำภาวนาหรือกิจการนั้น ๆ
- ตัวอย่าง -
เรื่อง เทโอพีลูส อัยกาแห่งคอนแสตนตีโนเปิล ซึ่งยูทีเกียนผู้ได้ประสบการณ์เป็นผู้เขียนไว้นั้น เป็นที่ล่วงรู้กันดีคุณพ่อคราเซ้ทกล่าวว่า เรื่องนี้ นักบุญเปโตรดามีอาโน นักบุญเบอร์นาร์โด นักบุญโบนาเวนตูรา นักบุญอันโตนีโนและท่านผู้อื่นอีกเป็นจำนวนมากรับว่าเป็นความจริง
เทโอพีลูสเป็นอัครอนุสงฆ์ที่วัดในเมืองอาดานา ซึ่งอยู่ในแคว้นซีลีซีอา ทุกคนเคารพนับถือท่านมาก จนกระทั่งชาวเมืองต้องการให้ท่านเป็นสังฆราชของตน แต่เพราะความถ่อมตัวท่านปฏิเสธไม่ยอมรับหน้าที่นั้น ต่อมามีคนชั่วช้าบางคนกล่าวหาว่าท่านทำผิดอย่างหนัก ผลก็คือท่านถูกปลดออกจากตำแหน่งหน้าที่ ท่านรู้สึกขมขื่นมาก จิตใจมืดบอดด้วยอำนาจโทษะ ท่านก็ไปแสวงหาหมอผีชาวยิวและขอให้เขาช่วยให้ท่านติดต่อกับผีปีศาจ ปีศาจกล่าวว่า ถ้าเทโอพีลูสต้องการความช่วยเหลือ ท่านจะต้องปฏิเสธพระเยซูเจ้าและพระมารดาของพระองค์ เขียนคำปฏิเสธนี้เป็นลายลักษณ์อักษร และลงชื่อด้วยมือท่านเอง แล้วส่งใบเอกสารนี้ให้แก่เจ้าปีศาจ เทโอพีลูสก็เขียนและเซ็นชื่อในเอกสารอันน่าบัดสีนั้น
ในวันรุ่งขึ้นท่านสังฆราชสำนึกตัวว่าท่านได้ทำผิดต่อเทโอพีลูสก็ขออภัยจากท่านและโปรดให้ท่านดำรงตำแหน่งอย่างเดิม เทโอพีลูสกูกมโนธรรมติเตียนอย่างสาหัสเพราะบาปชั่วช้าที่ตนได้กระทำไป และเกือบจะหมดหวัง ท่านไปที่วัดแห่งหนึ่งแล้วกราบลงแทบรูปของแม่พระ ท่านผสมน้ำตากับคำภาวนาของท่านพลางกล่าวว่า “ข้าแต่พระมารดาพระเป็นเจ้า ลูกไม่อยากที่จะหมดหวังตราบใดที่ลูกยังมีพระแม่ผู้เปี่ยมด้วยเมตตายิ่งนัก และสามารถที่จะช่วยลูกได้” ท่านร้องไห้และภาวนาวอนขอแม่พระต่อไปเป็นเวลาสี่สิบวัน
คืนหนึงแม่ปรากฏตัวมาแก่ท่านพลางกล่าวว่า “เทโอพีลูส เจ้าได้ทำอะไรไป? เจ้าได้ปฏิเสธมิตรภาพของเราและของพระบุตรของเรา? และของเจ้า” เทโอพีลูสตอบว่า “ข้าแต่พระนางเจ้า พระแม่จะต้องให้อภัยลูกและขออภัยโทษจากพระบุตรของพระแม่ให้ลูกด้วย” แม่พระเห็นความไว้ใจอันยิ่งใหญ่ของท่านและกล่าวแก่ท่านว่า “เอาเถิดเราจะอ้อนวอนพระเป็นเจ้าให้เจ้า” เทโอพีลลูสได้รับกำลังใจมากขึ้นจึงเพิ่มน้ำตาแห่งความทุกข์ เพิ่มการทรมานตนและการภาวนา และกราบอยู่แทบรูปแม่พระ
ต่อมาอีกไม่นานแม่พระก็ปรากฏตัวมาแก่เขาอีกครั้งหนึ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และกล่าวแก่เขาว่า “เทโอพีลูส เราได้นำเอาน้ำตาและคำภาวนาของเจ้าไปเสนอแด่รพระเป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงรับไว้แล้วและได้ให้อภัยโทษแก่เจ้า ตั้งแต่นี้ไปจงมีความซื่อสัตย์และกตัญญู เทโอพีลูสกล่าวว่า “ข้าแต่พระนางเจ้า เท่านี้ยังไม่พอที่จะปลอบใจลูกโดยสิ้นเชิง เจ้าปีศาจมันยังเก็บใบเอกสารน่าอัปยศที่ลูกได้เซ็นชื่อปฏิเสธพระแม่และพระบุตรของพระแม่ไว้ พระแม่เท่านั้นจะนำเอามาให้ลูกได้” เช้าวันหนึ่ง เทโอพีลูสตื่นขึ้นและพบเอกสารนั้นวางอยู่บนหน้าเอกสารของท่าน
วันรุ่งขึ้น ในขณะที่สังฆราชและคนเป็นจำนวนมากรวมกันอยู่ในวัด เทโอพีลูสเข้าไปกราบแทบเท้าของสังฆราช ท่านเล่าเรื่องให้สังฆราชฟังทุกอย่างตามที่เกิดขึ้น และนำเอาเอกสารปีศาจนั้นคืนให้แก่ท่านสังฆราช สังฆราชก็สั่งให้เอาใบเอกสารนั้นมาเผาต่อหน้าทุก ๆ คน ผู้คนพากันสรรเสริญคุณความดีของพระเป็นเจ้า และความเมตตาที่แม่พระได้แสดงต่อคนบาปคนนี้ แล้วเทโอพีลูสก็กลับไปที่วัดของแม่พระ ต่อมาอีกสามวันท่านก็สิ้นใจตายด้วยความชื่นชมยินดีและถวายโมทนาคุณแด่พระเยซูเจ้าและพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
- บทภาวนา -
ข้าแต่พระราชินีและมารดาแก่งความเมตตาผู้ประทานพระหรรษทานแก่ทุกคนที่วอนขอด้วยความใจกว้างขวาง ในฐานะที่พระแม่เป็นราชินีของเราและเปี่ยมด้วยความรักอันมากมาย ในฐานะที่แม่พระเป็นมารดาของเรา วันนี้ลูกเข้ามาหาพระแม่ ลูกอยากจนเข็ญใจในบุญกุศลต่าง ๆ และเป็นหนี้พระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าอย่างมากมาย แต่พระแม่ถือไว้ซึ่งกุญแจแห่งความเมตตาของพระเป็นเจ้า โปรดมองดูสภาพอันน่าเวทนาของลูกเถิด อย่าละทิ้งลูกให้อยู่ในสภาพอันน่าสมเพชนี้เลย พระแม่มีใจกว้างขวางต่อทุก ๆ คน และประทานเกินกว่าที่เขาจะขอเสียอีก โปรดมีใจกว้างขวางเช่นนี้กับลูกบ้างก็แม่คุ้มครองลูกแล้ว ลูกก็จะไม่กลัวสิ่งใด ไม่กลัวบาปของลูก เพราะว่าพระแม่เพียงแต่เอ่ยคำเดียว พระเป็นเจ้าก็จะอภัยโทษให้แก่ลูกโดยสิ้นเชิง ลูกไม่กลัวพระพิโรธของพระเป็นเจ้า เพราะคำภาวนาของพระแม่แต่เพียงคำเดียวเท่านั้นก็พอแล้วที่จะทำให้พระองค์หมดความโกรธเคือง ถ้าพระแม่ปกป้องลูก ลูกก็จะหวังทุกอย่างเพราะพระแม่สามารถวอนขอได้ทกสิ่ง
ข้าแต่พระมารดาแห่งความเมตตา ลูกรู้ว่าพระแม่ภูมิใจที่จะได้ช่วยผู้ที่ตกทุกได้ยากมากที่สุด และพระแม่จะช่วยเขาตราบใดที่เขาไม่ทำใจแข็งกระด้าง ลูกเป็นคนบาปจริง ๆ และเป็นคนบาปที่ใจแข็งกระด้าง ลูกเป็นคนบาปจริง ๆ และเป็นคนบาปที่ใจแข็งด้วย แต่ลูกอยากจะเปลี่ยนหนทางชีวิตใหม่ พระแม่ช่วยลูกได้ โปรดช่วยและประทานความรอดให้แก่ลูกเถิด วันนี้ลูกขอมอบตนเองโดยสิ้นเชิงไว้ในมือของพระแม่โปรดบอกให้ลูกทราบว่าลูกต้องทำอะไรบ้างเพื่อเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า ลูกปราถนาจะกระทำสิ่งนั้นด้วยอาศัยความช่วยเหลือของพระแม่ ข้าแต่พระแม่มารีอา ผู้เป็นมารดา ความสว่าง ความชื่นชมยินดี ที่หลบภัยและความหวังของลูก อาแมน
- 01-01 ความไว้ใจในแม่พระ
- 01-02 ควรเพิ่มความไว้ใจ ในแม่พระ
- 01-03 ความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่พระต่อเรา
- 01-04 พระแม่มารีอา คือมารดาของคนบาปที่สำนึกผิด
- 02-01 พระแม่มารีอาคือชีวิตของเรา เพราะพระนางโปรดให้เราได้รับอภัยบาป
- 02-02 พระแม่มารีอาคือชีวิตของเรา เพราะพระนางวอนขอความพากเพียรให้แก่เรา
- 02-03 แม่พระคือความอ่อนหวานของเรา
- 03-01 แม่พระคือความหวังของทุกคน
- 03-02 แม่พระคือความหวังของคนบาป
- 04-01 แม่พระช่วยเหลือผู้ที่เรียกหาพระนางโดยฉับพลัน แม่พระช่วยเหลือผู้ที่เรียกหาพระนางโดยฉับพลัน
- 04-02 อำนาจของแม่พระยิ่งใหญ่ในเวลาถูกประจญ
- 05-01 การเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นจำเป็นสำหรับความรอดของเรา
- 05-02 แม่พระเสนอวิงวอนให้แก่คนบาปทุกคน
- 06-01 โปรดเถิดท่านผู้เสนอของเรา
- 06-02 แม่พระเสนอวิงวอนให้แก่คนบาปแม้กระทั่งคนบาปที่ชั่วช้าที่สุด
- 06-03 แม่พระคือผู้เจรจาสันติภาพระหว่างคนบาปกับพระเป็นเจ้า