Skip to main content

06-03 แม่พระคือผู้เจรจาสันติภาพระหว่างคนบาปกับพระเป็นเจ้า

book

พระหรรษทานของพระเป็นเจ้านั้นย่อมเป็นขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งวิญญาณมนุษย์ทุกคนต้องการมากที่สุด พระจิตเจ้าทรงเรียกพระหรรษทานว่า ขุมทรัพย์อันหาขอบเขตมิได้ โดยอาศัยพระหรรษทานที่นี่แหละที่ทำให้เราได้รับเกียรติและถูกยกย่องให้เป็นมิตรของพระเป็นเจ้า นี่คือคำของหนังสือพระธรรมปรีชาในพระคัมภีร์ “สำหรับมนุษย์ สิ่งนี้ (พระหรรษทาน) ก็คือขุมทรัพย์ที่ไม่วายวอด และผู้ที่ได้รับขุมทรัพย์ย่อมได้มิตรภาพของพระเป็นเจ้า” ดังนั้นพระเยซูเจ้าองค์พระมหาไถ่และพระเป็นเจ้าของเราจึงมิได้ลังเลที่จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่ในพระหรรษทานว่า “ท่านคือเพื่อนของเรา” โอ้บาปอันน่าอัปยศที่ทำลายมิตรภาพนี้ ท่านผู้ทำนายอีซาอีกล่าวว่า “แต่ความชั่วช้าของเจ้าได้แบ่งแยกเจ้าออกจากพระเป็นเจ้า” เมื่อความเกลียดเข้ามาขวางกลางระหว่างวิญญาณกับพระเป็นเจ้าวิญญาณนั้นก็เปลี่ยนสภาพจากการเป็นมิตรของพระเป็นเจ้ามาเป็นศัตรูของพระองค์ ดังที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ “ผู้ทำความชั่วกับกิจการชั่วของเขานั้น เป็นที่น่ารังเกียจแก่พระเป็นเจ้าพอ ๆ กัน”

            ดังนั้นคนบาปที่มีโชคร้าย ๆ กลายเป็นศัตรูของพระเป็นเจ้านั้นจะต้องทำอย่างไรเล่า? เขาต้องแสวงหาคนกลางที่จะวอนขอการอภัยโทษให้แก่เขา เพื่อเขาจะได้มิตรภาพของพระเป็นเจ้ากลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “จงมีกำลังใจเถิดวิญญาณโชคร้ายที่ได้สูญเสียพระเป็นเจ้าไป พระสวามีของท่านเองเป็นผู้จัดให้ท่านมีคนกลางคือพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระองค์ ผู้อาจจะได้รับสิ่งที่พระองค์วอนขอให้แก่เรา”

            ท่านนักบุญอุทานว่า ข้าแต่พระเป็นเจ้า ทำไม่เล่าจึงมีคนคิดว่าองค์พระมหาไถ่ผู้ทรงความเมตตา และได้ประทานพระชนมชีพของพระองค์ให้เรานั้นทรงมีความโหดเหี้ยม? ทำไมมนุษย์จึงคิดว่าพระองค์ร้ายกาจในเมื่อพระองค์คือองค์ความรัก? คนบาปที่ไม่ยอมไว้ใจเอ๋ย ทำไมท่านจึงกลัว? ถ้าความกลัวของท่านเกิดจากความจริงที่ว่าท่านได้ทำผิดต่อพระเป็นเจ้าแล้ว ก็จงจำไว้ว่า พระเยซูเจ้าได้ทรงตรึงบาปทั้งหมดของท่านบนกางเขนพร้อมกับพระหัตถ์อันเต็มไปด้วยรอยแผลของพระองค์ ด้วยความเดชะการสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้ใช้หนี้พระยุติธรรมพระเป็นเจ้าและได้ชำระล้างบาปให้พ้นไปจากวิญญาณของท่านแล้ว นักบุญเบอร์นาร์โดพูดไว้อย่างเพราะพริ้งว่า “เขาคิดว่าพระองค์ดุร้ายในเมื่อพระองค์เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ คิดว่าพระองค์เหลือทนในเมื่อพระองค์เปี่ยมไปด้วยความรัก ท่านกลัวทำไม่? ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเต็มที พระองค์ได้ตรึงบาปของท่านไว้บนกางเขนด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองแล้ว”

            แล้วท่านนักบุญเสริมว่า ถ้าท่านกลัวไม่กล้าอ้อนวอนพระเยซูเจ้าเพราะรู้สึกตะลึงงันในพระเทวภาพของพระองค์ เพราะแม้ว่าพระองค์จะมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ก็มิได้หยุดที่จะเป็นพระเป็นเจ้า และถ้าท่านต้องการผู้เสนอกับพระองค์อีกท่านหนึ่งแล้วก็จงไปหาแม่พระ พระนางจะช่วยเสนอวิงวอนพระบุตรผู้จะรับฟังพระนางอย่างแน่นอน พระองค์จะวอนขอพระบิดา และพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระบุตรพระองค์นี้ แล้วนักบุญเบอร์นาร์โดก็สรุปความโดยกล่าวว่า “ลูกรัก แม่พระนั้นคือบันไดของคนบาป ซึ่งจะทำให้คนบาปสามารถไต่ขึ้นไปยังยอดแห่งพระหรรษทานได้อีกครั้งหนึ่ง พระนางคือความไว้ใจอันยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า พระนางคือรากฐานแห่งความหวังข้าพเจ้า”

            พระจิตเจ้าโปรดให้แม่พระกล่าวในบทเพลงในพระคัมภีร์ว่า “เราคือกำแพง หน้าอกเราเปรียบเสมือนหอ เพราะเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์เราเปรียบเสมือนผู้ที่แสวงหาสันติภาพ” ซึ่งหมายความว่า เราคือผู้ที่ปกป้องผู้ที่มาพึ่งเรา และความเมตตาของเราเปรียบเสมือนหอที่หลบภัยแก่เขา ดังนั้น พระสวามีเจ้าจึงตั้งให้เราเป็นผู้เจรจาสันติภาพระหว่างคนบาปกับพระเป็นเจ้า เมื่อท่านอธิบายคำพูดที่เพิ่งกล่าวมานี้ คาร์ดีนัลฮูโกกล่าวว่า แม่พระคือผู้เจรจาสันติภาพผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งไกล่เกลี่ยศัตรู นำความรอดมาให้แก่ผู้ที่สูญเสียเจรจาพระหรรษทาน นำการอภัยโทษให้แก่คนบาป และความเมตตาแก่ผู้ที่หมดหวัง ดังนั้น พระสวามีเจ้าจึงตรัสว่า “เจ้าสวยงามเหมือนดังม่านของโซโลมอน” ภายหลังม่านในกระโจมของกษัตริย์ดาวิดนั้นมีแต่ภาพเรื่องราวสงคราม แต่ในกระโจมของโซโลมอนมีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับสันติภาพเท่านั้น พระจิตเจ้าจึงทรงชี้ให้เราเข้าใจว่า พระมารดาแห่งความเมตตาผู้นี้ ไม่พูดถึงสงครามหรือการแก้แค้นคนบาปเลยพระนางพูดถึงแต่เฉพาะสันติภาพและการให้อภัยเท่านั้น

            แม่พระเปรียบเหมือนนกเขาที่บินกลับมาหานอแอและเรือสำเภาพร้อมกับก้านมะกอกเล็ก ๆ ที่ปากของมัน ซึ่งเป็นสัญลัษณ์แห่งสันติภาพซึ่งพระเป็นเจ้าประทานให้แก่มนุษย์ ด้วยความคิดดังนี้แหละที่ทำให้นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวแก่แม่พระว่า “พระแม่คือนกเขาที่ซื่อสัตย์ของนอแอ พระแม่คือคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้ากับโลกที่จมอยู่ในน้ำท่วมฝ่ายวิญญาณ พระแม่จะได้มาซึ่งสันติภาพและความรอดสำหรับโลกที่พินาศไปแล้ว โดยการเสนอตัวของพระแม่ต่อหน้าพระเป็นเจ้า ดังนั้น พระแม่จึงเปรียบเหมือนนกเขาสวรรค์ซึ่งนำกิ่งมะกอกซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพมายังโลกซึ่งพินาศไปแล้ว เพราะพระนางเป็นผู้ที่ประทานพระเยซูคริสตเจ้าผู้เป็นบ่อเกิดแห่งความเมตตาก่อน แล้วพระองค์ก็ประทานพระหรรษทานทั้งสิ้นแก่เราอีกทีหนึ่ง ด้วยเดชะพระบารมีของพระองค์” นักบุญเอปิฟานีโอกล่าวว่าในเมื่อพระเป็นเจ้าทรงประทาน สันติภาพแห่งสวรรค์ให้แก่โลกตลอดไปโดยอาศัยแม่พระแล้ว ก็ด้วยอาศัยแม่พระนี่แหละที่คนบาปยังคืนดีกับพระเป็นเจ้าได้อยู่เสมอ ๆ นักบุญอัลแบร์โตวาดภาพแม่พระพูดแก่เราว่า “เราคือนกเขาของนอแอ ซึ่งนำกิ่งมะกอกแห่งสันติภาพมายังพระศาสนจักร”

            ภาพเปรีบเทียบของแม่พระอีกภาพหนึ่งก็คือ ภาพสายรุ้งซึ่งบรรดานักบุญเป็นผู้คิดขึ้น สายรุ้งนี้ล้อมบัลลังก์ของพระเป็นเจ้าอยู่ “และมีสายรุ้งรอบบัลลังก์ คาร์ดีนัลวีตาลีอธิบายว่า “สายรุ้งรอบบัลลังก์ก็คือแม่พระ ซึ่งทำให้การตัดสินและการลงโทษคนบาปของพระเป็นเจ้าลดหย่อนลง” ท่านหมายความว่า พระนางอยู่ต่อหน้าบัลลังก์พระเป็นเจ้าเสมอ และทำให้การใช้โทษของคนบาปเบาบางลง นักบุญเบอร์นาร์ดีนแห่งซีเอนากล่าวว่า พระเป็นเจ้าทรงกล่าวถึงสายรุ้งนี้ เมื่อพระองค์สัญญา นอแอไว้ว่า พระองค์จะไม่มีในท้องฟ้าเพื่อเป็นสัญลักณ์แห่งสันติภาพ เพื่อว่าเมื่อพระองค์มองดูพระองค์จะได้รำลึกถึงคำสัญญาแห่งสันติภาพนิรันดร ซึ่งพระองค์ได้ให้ไว้แก่มนุษย์ พระองค์ตรัสว่า “เราจะตั้งสายรุ้งของเราไว้บนเมฆและมันจะเป็นสัญลักษณ์แห่งคำสัญญาระหว่างเรากับโลกมนุษย์ เราจะมองดูมันและจะระลึกถึงข้อสัญญานิรันดร” ตามความคิดเห็นของท่านนักบุญ แม่พระคือสายรุ้งแห่งสันตินิรันดรนี้ เพราะเมื่อพระเป็นเจ้าทรงมองดูพระนาง พระองค์ก็ระลึกถึงสันติภาพที่พระองค์สัญญาว่าจะประทานให้แก่โลก และด้วยอาศัยคำภาวานาของแม่พระ พระองค์ก็จะให้อภัยโทษแก่คนบาปและรื้อฟื้นสันติภาพของพระองค์กับคนบาปเหล่านี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

            เพราะเหตุนี้เองแม่พระจึงได้รับคำเปรียบเทียบในพระคัมภีร์ว่าเป็นเสมือนดวงจันทร์ “สวยเหมือนดวงจันทร์” นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า ดวงจันทร์อยู่กึ่งกลางระหว่างท้องฟ้ากับแผ่นดิน ในทำนองเดียวกันแม่พระก็วางตัวพระนางให้อยู่กลางระหว่างพระเป็นเจ้ากับคนบาป เพื่อยับยั้งพระเป็นเจ้าและแสงสว่างให้คนบาปกลับเข้ามาหาพระองค์’

            หน้าที่สำคัญของแม่พระในโลกนี้ก็คือ การนำวิญญาณที่สูญเสียพระหรรษทานไปให้กลับคืนดีกับพระเป็นเจ้า  เมื่อพระเป็นเจ้าทรงสร้างพระนาง พระองค์ตรัสว่า “จงเลี้ยงแพะของเราเป็นที่รู้กันว่า คนบาปนั้นเปรียบเหมือนแพะ และในวันสิ้นพิภพบรรดาผู้ที่ชอบธรรมซึ่งเปรียบเสมือนแจะอยู่ข้างขวาพระมหาตุลาการ ส่วนคือคนบาปนั้นจะอยู่ข้างซ้าย ท่านเจ้าอาวาสวิลเลี่ยมกล่าวว่า ข้าแต่พระแม่ผู้ยิ่งใหญ่ พระเป็นเจ้าทรงมอบแพะเหล่านี้ให้แก่พระแม่จะได้เปลี่ยนให้มันเป็นแกะ และผู้ที่ควรจะอยู่ทางซ้ายมือเพราะพระองค์ได้ทรงตัดสินแล้วก็จะกลับไปอยู่ทางขวามือด้วยอาศัยคำเสนอวิงวอนของพระแม่ ดังนั้น พระเป็นเจ้าจึงแสดงแก่นักบุญคัทธารีนแห่งซีเอนาว่า พระองค์ได้สร้างธิดาสุดที่รักของพระองค์ผู้นี้ ให้เป็นเสมือนเหยื่อที่พระองค์ใช้ในการจับมนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนบาปและนำเขาให้กลับไปหาพระเป็นเจ้า เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เราจะผ่านคำของท่านวิลเลี่ยมชาวอังกฤษผู้นี้ไปไม่ได้ ท่านกล่าวว่า “พระเป็นเจ้าทรงนำแพะของพระนางให้ไปหาพระนาง เพราะแม่พระมิได้ช่วยเหลือคนบาปทั่วไปทุกคน พระนางช่วยแต่เฉพาะผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในบาป ไม่แสดงความเคารพใด ๆ ต่อแม่พระ แถมยังไม่มอบตัวให้พระนางช่วยให้ตนพ้นจากบาปอีกด้วยพวกนี้มิใช่เป็นแพะของแม่พระอย่างแน่นอน ในวันพิพากษาครั้งสุดท้ายพวกนี้จะถูกไล่ให้ไปอยู่ในทางซ้ายมือกับพวกที่สูญเสียวิญญาณ ให้ถูกทำโทษตลอดนิรันดร

            ยังมีผู้ที่มีตระกูลดีผู้หนึ่ง ชายผู้นี้หมดหวังในความรอดเพราะบาปเป็นจำนวนมากของตน นักบวชคนหนึ่งแนะนำให้เขาวอนขอแม่พระ ด้วยความมุ่งหมายประการนี้เขาก็เข้าไปเฝ้ารูปแม่พระที่มีชื่อเสียงในวัดแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปในวัดเขาก็เห็นรูปแม่พระทันที เขารู้สึกว่าแม่พระเชิญให้เขากราบลงแทบเท้าของพระนาง และไว้ใจในพระนาง เขาคุกเข่าลงจูบเท้ารูปแม่พระ ในขณะที่ทำดังนี้ แม่พระยื่นมือมาให้เขาจูบ เขาเห็นว่าบนฝ่ามือของแม่พระมีคำเขียนไว้ว่า  “เราจะปลดเจ้าให้พ้นจากผู้ที่กำลังทรมานเจ้า” คล้ายกับพระนางจะกล่าวว่า “ลูกรัก อย่าหมดหวังเลย เพราะเราจะปลดลูกให้พ้นจากบาปและความทุกจข์ที่สุมอยู่อกของลูก” คนบาปนั้นอ่านคำเหล่านี้แล้วก็รู้สึกจิตใจเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ถึงบาปของตน และรู้สึกรักพระเป็นเจ้าและพระมารดาของพระองค์อย่างร้อนรน จนกระทั่งเขาสิ้นใจตายอยู่แทบเท้าของแม่พระนั่นเอง

            มีคนบาปใจแข็งกี่คนที่แม่เหล็กแห่งดวงใจผู้นี้ได้ชักจูงมายังพระเป็นเจ้า วันหนึ่งขณะที่แม่พระสนทนากับนักบุญบริยิดพระนางเรียกตนเองว่า “แม่เหล็ก” พระนางกล่าวว่า “แม่เหล็กดึงดูดเหล็กกล้าฉันใด เราก็ดึงดูดดวงใจฉันนั้น” พระนางจึงดึงดูดแม้กระทั่งคนบาปที่ใจแข็งที่สุดเพื่อทำให้เขาคืนดีกับพระเป็นเจ้า และเราอย่าคิดว่าเรื่องเช่นนี้นานทีจะเกิดขึ้นสักหนหนึ่ง มันเกิดขึ้นทุกวัน! ตัวข้าพเจ้าเองอาจจะเล่าเรื่องชนิดนี้ที่เกิดขึ้นในการเทศน์ของคณะเราให้ท่านฟังได้อย่างมากมาย คนบาปบางคนใจแข็งตลอดเวลาของการเทศน์อบรม แต่พอเขาได้ยินการเทศน์ถึงความเมตตาของแม่พระเขาก็เปี่ยมไปด้วยความทุกข์และกลับมาหาพระเป็นเจ้า

            นักบุญเกรโกรีโอกล่าวว่า เขาเล่าว่าสัตว์ประหลาดในนิยายชนิดหนึ่งมีรูปร่างเหมือนม้าแต่มีเขา ๆ เดียว สัตว์ชนิดนี้ดุร้ายมากจนกระทั่งนายพรานไม่อาจจะจับมันได้ แต่เมื่อมันได้ยินเสียงของหญิงพรหมจรรย์มันจึงจะเข้ามาใกล้และปล่อยให้นางจับมันมัดไว้โดยไม่ทำการต่อต้านเลย มีคนบาปอีกกี่คนที่ดุร้ายกว่าสัตว์ป่าชนิดนี้เขาหนีไปจากพระเป็นเจ้า แต่พอได้ยินเสียงของแม่ก็เข้ามาใกล้และปล่อยให้แม่พระมัดตนไว้กับพระเป็นเจ้าอย่างอ่อนน้อม

            นักบุญยวงคริสซ้อสโตโมมักจะกล่าวว่า เหตุผลอีกประการหนึ่งที่แม่พระได้รับเกียรติเป็นมารดาพระเป็นเจ้าก็คือ เพื่อพระนางจะได้ช่วยประทานความรอดให้แก่คนเป็นจำนวนมากซึ่งไม่อาจจะได้รับความรอดตามหนทางธรรมดาแห่งพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า เพราะชีวิตอันชั่วช้าของเขา แต่จะได้รับความรอดก็โดยอาศัยความเมตตาอันอ่อนหวานและคำอ้อนวอนอันเปี่ยมไปด้วยอำนาจของพระนาง นักบุญอันแซลโมยอมรับความจริงข้อนี้เมื่อท่านกล่าวว่า “แม่พระได้รับตำแหน่งมารดาพระเป็นเจ้าสำหรับคนบาปมากกว่าผู้ที่มีความชอบธรรม เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า พระองค์เสด็จมาเพื่อคนบาปมิใช่เพื่อคนบุญ” เพราะเหตุนี้เองพระศาสนจักรจึงร้องในเพลงขับว่า “พระองค์มิได้รังเกียจคนบาป เพราะคนบาปเหล่านี้แหละที่เป็นต้นเหตุให้พระนางได้รับเกียรติมีพระบุตรพระองค์นี้” ด้วยเหตุผลประการเดียวกันนี้ วิลเลี่ยมแห่งปารีสกล่าวแก่พระนางว่า “พระแม่เจ้า พระแม่มีหน้าที่ที่จะช่วยคนบาป เพราะพระราชทานพระหรรษทานและเกียรติอันสูงส่งเหล่านี้รวมอยู่ในเกียรติของการเป็นมารดาพระเป็นเจ้าซึ่งพระแม่ได้รับ เราเกือบจะพูดได้ว่าพระแม่เป็นหนี้คนบาปสำหรับพระคุณเหล่านี้ทุกประการ เพราะคนบาปนี่แหละที่ทำให้พระแม่มีเกียรติสมที่จะได้พระเป็นเจ้ามาเป็นบุตรของพระแม่ นักบุญอันแซลโมสรุปความว่า “ในเมื่อแม่พระเป็นมารดาพระเป็นเจ้าเพราะคนบาปแล้ว ทำไมข้าพเจ้าจึงหมดหวังที่จะได้รับการอภัยบาป? ไม่ว่าบาปของข้าพเจ้าจะมากมายเพียงไรก็ตาม”

            พระศาสนจักร บอกแก่เราในบทสวดในวันก่อนวันฉลองแม่พระเสด็จขึ้นสวรรค์ว่า “แม่พระถูกนำตัวไปจากโลกนี้ เพื่อพระนางจะได้วิงวอนพระเป็นเจ้าด้วยความไว้ใจ เพื่อให้การอภัยบาปแก่เรา” ดังนั้น นักบุญยูสตีอาโนจึงเรียกพระแม่ว่า ผู้ไกล่เกลี่ย “พระวจนาถทรงใช้แม่พระให้เป็นผู้ไกล่เกลี่ย” ผู้ไกล่เกลี่ยก็คือผู้ที่ทั้งโจทก์และจำเลยเขามอบหมายเรื่องให้ดำเนินการ ท่านนักบุญหมายความว่าพระเยซูเจ้าคือผู้เสนอต่อหน้าพระบิดา ในทำนองเดียวกันแม่พระก็คือผู้เสนอต่อหน้าเยซูเจ้า พระองค์ได้มอบเหตุผลของพระองค์ในการตัดสินเราไว้ในมือของแม่พระ

            นักบุญอันดรูว์แห่งคริทเรียกแม่พระว่า ที่มั่นสั่ญญาหรือหลักฐานของการคืนดีระหว่างเรากับพระเป็นเจ้า กล่าวคือ พระเป็นเจ้าทรงแสวงหาการคืนดีกับคนบาปโดยการให้อภัยเขา แต่เพื่อมิให้คนบาปสงสัยในการได้รับอภัยโทษแก่เขาแล้ว ท่านนักบุญกล่าวสดุดีพระนางว่า “วันทา พระแม่เป็นผู้คืนดีระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์” นักบุญโบนาเวนตูราให้กำลังใจแก่คนบาปโดยกล่าวว่า “ถ้าท่านกลัวว่าพระเป็นเจ้าจะทรงแก้แค้นท่าน เพราะบาปของท่านอันเป็นเหตุให้พระองค์ทรงพิโรธโกรธเคืองแล้ว ท่านจะทำอย่างไร? ท่านจงไปอ้อนวอนแม่พระผู้เป็นความหวังของคนบาปเถิด และถ้าท่านยังกลัวว่าพระนางจะปฏิเสธไม่ยอมรับฟังเรื่องราวของท่าน ท่านจงแน่ใจเสียเถิดว่าพระนางจะกระทำเช่นนี้ไม่ได้ เพราะพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้พระนางรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือของบรรดาผู้ที่หมดหวัง”

            ท่านเจ้าอาวาสอาดัมกล่าวว่า “คนบาปคนไหนบ้างที่จะกลัวว่าตนจะสูญเสียวิญญาณในเมื่อพระมารดาของพระตุลาการเต็มใจที่จะกระทำตนเป็นทั้งมารดาและผู้เสนอ?” แล้วท่านเสริมว่า “ส่วนพระแม่ผู้เป็นมารดาแห่งความเมตตา พระแม่จะปฏิเสธไม่ยอมเสนอวิงวอนพระบุตรผู้เป็นพระตุลาการในนามของลูกอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนบาปได้หรือ? พระแม่จะปฏิเสธไม่ช่วยวิงวอนเพื่อวิญญาณที่ได้รับการไถ่บาปกับพระองค์พระมหาไถ่ผู้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อช่วยให้คนบาปเอาตัวรอดหรือ?” ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่ พระแม่จะไม่ปฏิเสธเขาเป็นแน่ แต่พระแม่จะสวดด้วยดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักสำหรับทุกคนที่วอนขอพระแม่ และรู้แน่แก่ใจว่าพระสวามีเจ้าผู้ทรงโปรดให้พระบุตรของพระองค์เป็นผู้เจรจาสันติภาพระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ ได้ทำให้พระแม่เป็นคนกลางระหว่างพระมหาตุลาการกับผู้ที่ทำผิด”

            นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “คนบาปเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าท่านจะจมอยู่ในความชั่วช้ามากมายเพียงใดไม่ว่าท่านอายุมากอยู่ในบาปนานสักเท่านไรก็ตาม อย่าได้หมดหวังเป็นอันขาด จงโมทนาคุณพระเป็นเจ้าที่มิได้แต่ประทานพระบุตรของพระองค์เพื่อเป็นผู้เสนอสำหรับท่านเท่านั้น แต่เพื่อให้ท่านมีความหวังมากขึ้น พระองค์ได้ทรงเตรียมผู้เสนออีกผู้หนึ่งซึ่งอาจจะวอนขอและได้รับทุกอย่างที่พระนางปราถนาให้แก่ท่าน ท่านจงเข้าไปอ้อนวอนแม่พระเถิด แล้วท่านจะได้รับความรอด”

- ตัวอย่าง -

            มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวเมืองฟลอเรนส์ ผู้มีชื่อว่า เบเนเดทตา แต่เธอควรจะใช้ชื่อย่างอื่นเสียดีกว่าเพราะเธอดำเนินชีวิตซึ่งเป็นที่สะดุดแก่คนทั่วไป เผอิญนักบุญคอมีนีโกได้ไปเทศน์ในเมืองนั้น เธอตัดสินใจว่าจะไปฟังท่านเทศน์เพราะความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น แต่พอได้ยินท่านเทศน์ พระเป็นเจ้าก็ทรงดลใจของเธอแล้วเธอก็ไปสารภาพบาปกับท่านนักบุญด้วยดวงใจที่ปึ่ยมไปด้วยความทุกข์ ท่านฟังแก้บาปของเธอ ให้อภัยโทษแก่เธอและให้เธอสวดสายประคำเป็นการใช้โทษบาป แต่เด็กหญิงเคราะห์ร้ายผู้นั้น ยังอยู่ในอำนาจนิสัยอันชั่วช้าของเธออยู่ เธอจึงกลับไปในทางชั่วอีก พอท่านนักบุญทราบเรื่องท่านก็ออกตามหาเธอ พยายามเจรจากับเธอให้เธอไปบาปอีก เพื่อให้เป็นเครื่องบำรุงใจของเธอวันหนึ่งพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้เธอแลเห็นนรกและบุคคลที่ตกอยู่ในนั้นเพราะสิ่งที่เธอกำลังกระทำอยู่ แล้วพระองค์ก็เปิดหนังสอและอ่านรายการบาปอันชั่วช้าของเธอ เบเนเดทตายอมจำนน เธอวอนขอให้แม่พระช่วยเธอด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความไว้ใจ เธอได้รับการดลใจให้ทราบว่าแม่พระได้วอนขอเวลาจากพระเป็นเจ้าให้เธอทุกข์ถึงบาปและทำการใช้โทษบาป

            เมื่อภาพเนรมิตรนั้นผ่านไปแล้ว หญิงผู้นี้ก็ตั้งใจว่าจะดำเนินชีวิตอย่างดีต่อไป เธอมองเห็นรายการบาปของเธออยู่ต่อหน้าเธอเสมอ วันหนึ่งเธอตั้งใจมั่นคงที่จะวอนขอความช่วยเหลือจากผู้ปลอบใจของเธอ เธอกล่าวว่า “ข้าแต่พระแม่ ถูกแล้ว เพราะบาปของลูกนั้นลูกสมควรแล้วที่ถูกฝังอยู่ในขุมนรกที่ลึกที่สุด แต่ในเมื่อพระแม่ได้โปรดให้ลูกพ้นจากที่นั้นด้วยคำเสนอวิงวอนของพระแม่ แถมยังวอนขอเวลาให้ลูกทำการใช้โทษบาปอีกด้วย ข้าแต่พระแม่ผู้มีใจเมตตา ลูกขอพระหรรษทานอีกประการหนึ่งจากพระแม่ ลูกปราถนาที่จะไม่หยุดร้องไห้เพราะบาปของลูก โปรดให้รายชื่อบาปเหล่านั้นเลือนหายไปจากหนังสือเล่มนั้นเถิด” เมื่อได้ยินคำภาวนานี้ แม่พระก็ปรากฏตัวมาให้เธอเห็นและกล่าวว่า ถ้าเธอต้องการจะได้สิ่งที่เ.ธอขอ เธอจะต้องจำบาปและพระเมตตาของพระเป็นเจ้าใส่ใจไว้เสมอตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังจะต้องระลึกถึงพระมหาทรมานที่พระบุตรของเราได้ทรงรับทนเพื่อเธอ และเธอต้องจำไว้อีกด้วยว่ามีคนเป็นจำนวนมากมายเพียงใดที่ตกนรก เพราะบาปที่น้อยกว่าของเธอเสียอีก แล้วแม่พระก็แสดงให้เธอเห็นว่าในวันนั้นมีเด็กอายุแปดขวบคนหนึ่งต้องตกนรกเพราะบาปแต่เพียงบาปเดียว เมื่อเบเนเดทตาได้กระทำตามทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์แล้ว วันหนึ่งแม่พระก็โปรดให้เธอเห็นพระเยซูเจ้าผู้ทรงแสดงหนังสือเล่มนั้นให้แก่เธอพลางตรัสว่า “ดูเถิด บาปทั้งหมดของเจ้านั้นถูกกลบเลือนไปหมดสิ้นแล้ว บัดนี้หนังสือเล่มนี้ขาวสะอาดแล้ว เจ้าจงเขียนอีกด้วยบทแสดงความรักและฤทธิ์กุศลต่าง ๆ” เบเนเดทตาก็ทำตามคำนั้น เธอดำเนินชีวิตอย่างดีและสิ้นใจตายอย่างศักดิ์สิทธิ์

- บทภาวนา -

            ข้าแต่พรหมจารีมารีอาผู้อ่อนหวาน ในเมื่อหน้าที่ของพระแม่ก็คือการเป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าและคนบาป ตามที่วิลเลี่ยแห่งปารีสได้กล่าวไว้ ลูกจะใช้คำของนักบุญโทมัสแห่งวิลลาโนวามากล่าวแก่พระแม่ว่า “โอ้พระแม่ผู้เป็นผู้เสนอจงกระทำตามหน้าที่ของพระแม่เพื่อลูกเถิด” โปรดอย่ากล่าวว่าเรื่องราวของลูกนั้นยากเกินไป ไม่อาจจะชนะความได้ ไม่ว่ามันจะหมดหวังเพียงไรก็ตาม ถ้าพระแม่เป็นผู้รับไว้แล้วลูกจะไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน คดีของลูกจะพ่ายแพ้หรือ? เปล่าเลยลูกจะไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอนสิ่งเดียวที่ลูกอาจจกลัวก็คือ เมื่อพระแม่เห็นบาปเป็นจำนวนมากของลูก พระแม่อาจจะคิดไม่อยากช่วยลูก แต่เมื่อคิดถึงความเมตตาและความปราถนาอันยิ่งใหญ่ของพระแม่ที่จะช่วยคนบาปที่ถูกทอดทิ้งที่สุดแล้ว ลูกจะไม่กลัวอีกต่อไป มีใครบ้างที่วิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระแม่และสูญเสียวิญญาณของตน เหตุนี้แหละลูกจึงได้เรียกหาความช่วยเหลือจากพระแม่ โอ้ผู้เสนอผู้ยิ่งใหญ่ ที่หลบภัยควยามหวัง โอ้พระแม่มารีอาของลูก

ลูขอมอบความรอดของลูกไว้ในมือของพระแม่ ลูกขอมอบวิญญาณไว้กับพระแม่ วิญญาณที่ได้สูญเสียไปแล้วแต่เป็นหน้าที่ของพระแม่ที่จะช่วให้รอด ลูกจะขอโมทนาคุณพระเป็นเจ้าเสมอที่ได้ประทานความไว้ใจอันยิ่งใหญ่ในพระแม่นี้ให้แก่ลูก แม้ว่าลูกจะไม่เหมาะสมแต่ลูกก็รู้สึกแน่ใจว่าจะได้รับความรอด

            ข้าแต่ราชินีผู้น่ารักยิ่ง ลูกกลัวแต่สิ่งเดียวคือ วันหนึ่งลูกอาจะสูญเสียความไว้ใจในพระแม่เพราะความเลินเล่อของลูกเอง ดังนั้นลูกวอนขอพระแม่ด้วยเดชะความรักที่พระแม่มีต่อพระเยซูเจ้าได้โปรดเพิ่มเติมความหวังอันอ่อนหวานในคำวิงวอนของพระแม่นี้ให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น คำวิงวอนของพระแม่นี้ทำให้ลูกมีความหวังแน่นอนที่จะได้มิตรภาพของพระเป็นเจ้าซึ่งลูกได้ดูหมิ่นและสูญเสียไปจนกระทั่งบัดนี้กลับคืนมา และเมื่อได้กลับคืนมาด้วยความช่วยเหลือของพระแม่ตามที่ลูกหวังไว้แล้ว ลูกจะได้รักษาไว้และในที่สุดกลูกหวังที่จะได้มีโอกาสโมทนาคุณพระเป็นเจ้าในเมืองสวรรค์และร้องสรรเสริญพระมหากรุณาของพระองค์ตลอดนิรันดร อาแมน นี่คือความหวังของลูก ขอให้เป็นไปตามนี้เทอญ

 

series002

06-03 แม่พระคือผู้เจรจาสันติภาพระหว่างคนบาปกับพระเป็นเจ้า