Skip to main content

สิริมงคลแห่งแม่พระ

book

วันทาพระราชินี พระแม่แห่งความเมตตากรุณา

2. ความไว้วางใจของเราควรจะเพิ่มขึ้นสักเพียงไร ในเมื่อแม่พระเป็นมารดาของเรา

   การที่ผู้รับใช้แม่พระเรียกพระนางว่า “พระมารดา” นั้น มิใช่ว่าจะมีความหมาย หรือเป็นสิ่งที่บังเอิญเท่านั้น ที่จริงเจาจะใช้ชื่ออื่นเรียกพระนางเกือบมิได้ทีเดียว และเขาไม่รู้จักเบื่อที่จะเรียกพระนางว่า พระมารดา เลย ถูกแล้ว เพราะพระนางคือมารดาของเราจริง ๆ มิใช่มารดาฝ่ายเนื้อหนัง แต่มารดาฝ่ายวิญญาณ มารดาแห่งวิญญาณและความรอดของเรา

   บาปนั้น ไม่เพียงแต่จำทำให้วิญญาณสูญเสียพระหรรษทานไปเท่านั้น แต่ยังทำให้วิญญาณปราศจากชิวิตอีกด้วย พระเยซูองค์พระมหาไถ่ของเราเสด็จมาประทานชีวิตนี้ให้แก่เราใหม่ โดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ด้วยความเมตตาและความรักอันล้นเหลือตามที่พระองค์ได้ทรงประกาศไว้ว่า เรามาเพื่อเขาจะได้มีชีวิตและมีอย่างบริบูรณ์มากขึ้น ที่พระองค์บอกว่า มีอย่างบริบูรณ์มาขึ้นก็เพราะผลประโยชน์แห่งการไถ่บาปนั้น มีมากกว่าความหายนะที่บาปของอาดัมเป็นต้นเหตุ ตามความคิดเห็นของพระบรรดานักเทวศาสตร์การที่พระองค์ทำให้เราคืนดีกับพระเป็นเจ้านั้น พระองค์ได้กระทำตนเป็นบิดาของวิญญาณในกฏบัญญัติแห่งพระหรรษทาน ดังที่ท่านผู้ทำนายอีซาอีได้กล่าวไว้ว่า พระองค์จะมีชื่อว่า พระบิดาของโลกที่จะมาถึง และเจ้าชายแห่งสันติภาพ แต่ะถ้าพระเยซูเจ้าคือบิดาฝ่ายวิญญาณของเรา พระนางมารีอาก็ต้องเป็นมารดาฝ่ายวิญญาณของเราด้วย ในการที่พระนางประทานพระเยซูเจ้าให้แก่เรา พระนางได้ประทานชีวิตที่แท้จริงให้แก่เรา และต่อมาในการถวายชีวิตของพระบุตรบนยอดเขากัลวารีโอ เพื่อความรอดของเรานั้น พระนางได้ให้กำเนิดชีวิตพระหรรษทานในวิญญาณของเรา

   ตามความคิดเห็นของบรรดาบีตาจารย์ พระแม่มารีอาได้เป็นพระมารดาฝ่ายวิญญาณของเราสองครั้ง

   ครั้งแรก ตามความคิดเห็นของท่านนักบุญอัลแบร์โตมหาปราชญ์ เมื่อพระนางได้รับเกียรติปฏิสนธิพระบุตรของพระเป็นเจ้าในครรภ์อันบริสุทธิ์ของพระนาง นักบุญเบอร์นาดีน แห่ง ซีเอนาก็กล่าวในทำนองเดียวกันและชัดแจ้งกว่า ท่านบอกเราว่า “พระบุตรทรงปราถนาให้พระนางเต็มใจรับคำของเทวทูต ก่อนที่จะมาบังเกิดเป็นบุตรของพระนาง หลังจากที่พระนางได้ยินยอมแล้ว พระนางก็วอนขอความรอดของเราจากพระเป็นเจ้าด้วยความร้อนรนเสมอมา และเอาใจใส่ในเรื่องนี้มาก จนถึงกับแบกเราในครรภ์ของพระนางคล้ายกับมารดาน่ารักยิ่ง ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา

   ในพระวรสารของนักบุญลูกาบทที่สอง ท่านผู้เขียนบทพระวรสารผู้นี้ เมื่อพูดถึงการบังเกิดขององค์พระมหาไถ่ ได้กล่าวไว้ว่าพระแม่ ประสูติพระโอรสองค์แรก ท่านนักเขียนอีกผู้หนึ่งให้ข้อสังเกตว่า “ในเมื่อท่านผู้เขียนบทพระวรสารบอกว่าในโอกาสนั้นพระนางพรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิได้ให้กำเนิดแก่บุตรองค์แรก เราจะต้องบอกว่าภายหลังพระนางได้ให้กำเนิดแก่ลูกต่อ ๆ ไปอีกด้วยหรือ? แล้วท่านตอบคำถามนี้เองว่า “ความเชื่อบอกเราว่า พระแม่มิได้มีลูกคนอื่นทางฝ่ายเนื้อหนังนอกไปจากพระเยซูเจ้า ดังนั้นพระนางก็ต้องมีลูกฝ่ายวิญญาณต่อไปอีก และพวกเรานี่แหละคือลูกเหล่านั้น” พระเยซูเจ้าได้ไขแสดงความจริงข้อนี้ให้แก่นักบุญญเกอร์ทรู้ด วันหนึ่งท่านนักบุญกำลังอ่านข้อความนี้ในพระวรสาร เธอก็รู้สึกสนเท่ห์และไม่เข้าใจว่าทำไมพระวรสารจึงได้บอกว่า แม่พระได้ประสูติพระโอรสองค์แรก ในเมื่อพระนางเป็นแต่เพียงพระมารดาของพระเยซูเจ้าเท่านั้น พระเป็นเจ้าทรงอธิบายให้เธอฟังว่า “พระยซูเจ้าเป็นบุตรองค์แรกของพระนางมารีอาทางฝ่ายเนื้อหนัง และมนุษย์ทุกคนคือลูกต่อ ๆ ไปของพระนางฝ่ายวิญญาณ”จากสิ่งที่กล่าวมาแล้วในเบื้องต้นนี้ เราอาจจะเข้าใจคำเพลงในพระคำภีร์เก่าที่ว่า ครรภ์ของนางคล้ายข้าวสาลีกองหนึ่งซึ่งล้อมรอบไปด้วยดอกซ่อนกลิ่น และคำประโยคนี้พาดพิงมาถึงแม่พระ นักบุญอัมโบรซิโอ อธิบายว่า “แม้ว่าในครรภ์ของพระนางมารีอา จะมีแต่เพียงเมล็ดเดียวคือพระเยซูคริสตเจ้าแต่เราก็ยังเรียกกันว่า ข้าวสาลีกองหนึ่ง เพราะผู้ที่ได้ไปสวรรค์รวมอยู่ในนั้นด้วย” แม่พระจะเป็นพระมารดาของพวกนี้ด้วย ดังนนั้นในการที่พระนางประสูติพระเยซูเจ้า เราจึงเรียกพระเยซูเจ้าได้ว่าเป็นพระโอรสแรกของพี่น้องเป็นจำนวนมาก ท่านเจ้าอาวาสนักบุญวิลเลียม ได้เขียนไว้ในทำนองเดียวกัน ท่านกล่าวว่า “ในการที่พระนางมารีอาได้ให้กำเนิดแก่คนเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน

   ครั้งที่สอง ที่พระนางมารีอาได้เป็นมารดาฝ่ายวิญญาณของเรา และให้กำเนิดชีวิตพระหรรษทานแก่เรา กล่าวคือ ในขณะที่พระนางถวายชีวิตของพระบุตรสุดที่รักของพระนาง บนยอดเขากัลวารีโอแด่พระบิดานิรันดร ด้วยความทุกข์และความเจ็บปวดอันขมขื่น จนกระทั่งนักบุญเอากูสตีโนประกาศว่า “ในฐานะที่พระนางมีส่วนร่วมในการให้กำเนิดชีวิตหรรษทานแก่มนุษย์ ด้วยความรักของพระนาง พระองค์จึงกลายเป็นมารดาฝ่ายวิญญาณของสมาชิกทุกคนภายใต้ผู้นำแต่ผู้เดียว คือองค์พระเยซูคริสตเจ้า” เราเข้าใจความจริงข้อนี้ได้จากบทสร้อยในพระคัมภีร์เก่าซึ่งพาดพิงมาถึงแม่พระว่า เขาทำให้เราเป็นผู้ดูแลสวนองุ่น สวนองุ่นของเราเองนั้น เรามิได้ดูแลรักษา นักบุญวิลเลียม กล่าวว่า “ในอันที่จะช่วยเหลือวิญญาณอีกมากมาย พระนางได้ปล่อยให้บุตรของพระนางได้รับความตาย” และมีใครอีกเล่าที่เป็นเสมือนวิญญาณของแม่พระ ถ้ามิใช่พระเยซูเจ้า” พระองค์คือชีวิตและความรักทั้งหมดของพระนาง   ดังนั้นท่านผู้เฒ่าซีเมออน ผู้ทำนายจึงได้บอกล่วงหน้าไว้ว่า วั้นหนึ่งจะมีมีดาบแห่งความทุกข์มาทิ่มแทงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระนางเอง ดาบนี้ก็คือหอกที่แทงพระอุระของพระเยซูเจ้าซึ่งเป็นเสมือนดวงวิญญาณของแม่พระ ในขณะนี้แหละที่พระนางได้ให้กำเนิดชีวิตนิรันดรแก่เรา โดยอาศัยความทุกข์โศกของพระนาง  ดังนั้นเราแต่ละคนจึงเรียกตัวเองได้ว่า ลูกหลานแห่งความเศร้าโศกของแม่พระ พระแม่สุดที่รักของเราชิดสนิทกับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าเสมอ และในทุกสิ่ง นักบุญโบนาเวนตูรา กล่าวว่ “ดังนั้นในเมื่อพระนางเห็นว่าความรักของพระบิดาเจ้าต่อมนุษย์นั้นใหญ่ยิ่ง จนกระทั่งทรงปราถนาความตายของพระบุตรเพื่อความรอดของมนุษย์ และอีกประการหนึ่ง พระนางได้เห็นความรักของพระบุตรที่ทรงปราถนามี่จะสิ้นชีวิตเพื่อมนุษย์ พระนางจึงได้ยอมถวายและเต็มใจในความตายของพระบุตร เพื่อเราจะได้เอาตัวรอด ความมุ่งหมายของพระนางก็คือ การกระทำของพระนางให้พ้องกับความรักของพระบิดาและพระบุตรต่อมนุษย์ชาติ

   ถูกแล้ว ตามคำทำนายของอีซาอี นั้น พระเยซูเจ้าทรงเลือกที่จะอยู่โดยลำพังในการไถ่บาปมนุษย์ เราได้ย่ำที่บดองุ่นโดยลำพัง แต่เมื่อพระองค์แลเห็นความปราถนาของแม่พระที่จะช่วยในการประทานความรอดแก่มนุษย์ พระองค์ทรงจัดให้แม่พระมีส่วนร่วมในความรอดของเรา โดยการสละและถวายชีวิตของพระเยซูเจ้าของพระนาง เพื่อพระนางจะได้เป็นมารดาแห่งวิญญาณของเรา องค์พระมหาไถ่ของเราได้แสดงปราถนานี้ ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระองค์ตรัสแก่พระก่อนว่า นี่แน่ะลูกของท่าน นักบุญเบอร์นาดีน แห่ง ซีเอนากล่าวว่า “เพราะคำที่กล่าวมานี้ แม่พระกลับเป็นมารดาไม่เฉพาะแต่มารดาของนักบุญยวงเท่านั้น แต่ของเรามนุษย์ด้วย เพราะความรักที่พระนางมีต่อมนุษย์ทุกคน” ซิลไวรา ออกความเห็นว่า ในเมื่อนักบุญยวง บรรยายข้อความนี้ในพระวรสาร ท่านกล่าวว่า แล้วพระองค์ตรัสแก่สานุศิษย์นั้นว่า นี่แน่ะแม่ของเจ้า ท่านจงสังเกตให้ดีว่าพระเยซูคริสตเจ้ามิได้ตรัสแก่นักบุญยวง แต่ตรัสแก่ สานุศิษย์นั้น เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงมอบแม่พระให้แก่ทุกคนที่เป็นสานุศิษย์ของพระองค์ กล่าวคือ คริสตังค์ทุกคน เพื่อพระนางจะได้เป็นมารดาของเขา ยวงเป็นชื่อของคนคนเดียว แต่คำว่าสานุศิษย์นั้นใช้ได้กับมนุษย์ทุกคน ดังนั้นพระเยซูเจ้าจึงได้ทรงใช้ชื่อที่ใช้ได้สำหรับมนุษย์โดยทั่วไป เพื่อแสดงให้เห็นว่าแม่พระได้ถูกมอบ ให้เป็นมารดาของเรา

   พระศาสจักรได้นำเอาคำจากบทสร้อยในพระคัมภีร์เก่า ไปใช้กับแม่พระว่า เราคือมาดาน่ารักยิ่ง และผู้อธิบายพระคัมภีร์ผู้หนึ่งได้กล่าวว่า ความรักของพระนางพรหมจารี ทำให้วิญญาณของเราสวยงามในสายตาของพระเป็นเจ้า ทำให้พระนางเป็นมารดาที่น่ารักยิ่งและต้อนรับเราเป็นบุตรธิดาของพระนาง พระนางเต็มไปด้วยความรักต่อผู้ที่พระนางได้รับเลี้ยง

   โอ้ บุญลาภจงมีแก่ผู้ที่มีชีวิตอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของมารดาที่น่ารักและเต็มไปด้วยอำนาจเช่นนี้ ผู้ทำนายดาวิดแสวงหาความรอดจากพระเป็นเจ้าโดยการถวายตัวเองแด่แม่พระแม้ว่าพระนางจะยังมิได้บังเกิดก็ตาม ท่านสวดว่า โปรดประทานความรอดให้แก่บุตรของสาวรับใช้ของพระองค์เถิด พระเจ้าข้า นักบุญเอากูสตีโน ตั้งคำถามว่า “สาวใช้คนไหนกัน?” แล้วท่านตอบเองว่า ของพระนางผู้กล่าวว่า ข้าพเจ้าคือผู้รับใช้ของพระสวามี ท่านคาร์ดีนัล แบลลามีน กล่าวว่า “มีใครเล่าที่จะกล้ามาฉุดแย่งลูกหลานเหล่านี้ไปจากอกของแม่พระ ถ้าเขาพากันมาพึ่งพระนางอำนาจใดของนรกหรือการประจญล่อลวงประการใด ที่อาจจะเอาชนะเขาได้ ถ้าเขาฝากฝั่งความหวังไว้ในความอารักขาของมารดาผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ซึ่งเป็นทั้งพระมารดาของพระเป็นเจ้าและของตัวเขาเอง” เขาเล่ากันว่า เวลาปลาวาฬเห็นลูกของมันเผชิญอันตรายจากพายุหรือจากมนุษย์ที่ตามล่า มันก็เปิดปากกลืนลูกเข้าไป โนวารีนู้ส ใช้เรื่องนี้มาเปรียบกับแม่พระ ท่านกล่าวว่า “เมื่อพายุของการประจญล่อลวงเริ่มกังวาน พระมารดาผู้เมตตายิ่งของคริสตังค์ ก็โปรดให้บรรดาลูก ๆ หลบภัยอยู่ในอ้อมอกของพระนาง ด้วยความอ่อนหวาน จนกระทั่งพระนางจะนำเขามายังอ่าวแห่งความรอดได้จนสำเร็จ”

   โอ้พระมารดาผู้น่ารักยิ่ง โอ้พระมารดาผู้เมตตาเหลือล้นขอให้พระแม่จงเป็นที่สรรเสริญตลอดไปเถิด ขอให้พระเป็นเจ้าจงเป็นที่สักการะเถิด ที่ได้ ทรงประทานพระแม่ให้เป็นมารดาของเรา ให้เป็นที่พึ่งอันมั่นคง ในอันตรายต่าง ๆ ของชีวิตนี้ ในขณะที่นักบุญว่า “แม่ที่มองเห็นลูกกำลังตกอยู่ในท่ามกลางคมดาบของศัตรู ย่อมจะใช้ความพยายามทุกทางที่ช่วยลูกของนางฉันใด เราก็จะช่วยคนบาป และคนบาปทุก ๆ คนที่มาแสวงหาความเมตตาของเราฉันนั้น” ดังนั้นทุกครั้งที่เราต้องสู้รบกับอำนาจของนรก เราจะได้ชัยชนะอย่างแน่นอนโดยการเข้ามาพึ่งพระมารดาของพระเป็นเจ้าซึ่งเป็นมารดาของเราด้วย พลางพูดซ้ำอยู่เรื่อยไปว่า “ โอ้พระชนนีของพระเป็นเจ้า ชาวเราหลบมาพึ่งท่าน โอ้พระชนนีของพระเป็นเจ้า ชาวเราหลบมาพึ่งท่าน” มีอยู่กี่ครั้งกี่หหนที่คริสตังค์ได้ชัยชนะนรกโดยการพึ่งแม่พระ ด้วยบทสวดที่สั้นแต่มีอำนาจบทนี้ โดยวิธีนี้แหละที่ผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าซีสเตอร์มารีอา แห่งพระเยซูผู้ตรึงกางเขน นักบวชของคณะนักบุญเบเนดิ๊กโต ได้ชัยชนะปีศาจเสมอ.

   จงมีกำลังใจเถิด ท่านผู้เป็นลูกของแม่พระ จำไว้ว่าพระนางยินดีต้อนรับผู้ที่ต้องการเป็นลูกของพระนางทุกคน จงมีความยินดีเถิด ท่านกลัวตกนรกทำไม ในเมื่อมารดาเช่นนี้เป็นผู้ปกปักษ์รักษาท่าน ดังนั้นวิญญาณข้าเอ๋ย จงกล่าวด้วยความไว้ใจอันใหญ่หลวงว่า “ฉันจะชื่นชมยินดี เพราะว่าข้อตัดสินสำหรับตัวฉันนั้นขึ้นอยู่กับพี่ชายและมารดาของฉัน” นักบุญ
โบนาเวนตูรากล่าวว่า “ดังนั้นเราแต่ละคนที่รักพระมารดาผู้ใจดีนี้ และอาศัยอยู่ในความคุ้มครองของพรนาง ควรจะปลุกเร้าใจเราเช่นนี้ว่า และจำไว้ว่า พระเยซูเจ้าคือพี่ชายใหญ่ของเรา และแม่พระคือพระมารดาของเรา” ความคิดเดียวกันนี้ ทำให้นักบุญอัลเซมโม อุทานออกมาด้วยความยินดี ซึ่งเป็นการให้กำลังใจเราด้วยว่า “โอ้ความไว้ใจที่น่าเป็นสุข โอ้ความรอดที่ปลอดภัย พระมารดาของพระเป็นเจ้าคือมารดาของฉัน” ดังนั้นความไว้ใจของเราควรจะมั่นคงเพียงใด เพราะการตัดสินใจของเราขึ้นอยู่กับพี่ชายใจดีและ มารดาที่น่ารักและอ่อนหวาน” แม่พระนั่นเองเป็นผู้ที่เรียกเรา และกล่าวแก่เราในคำของบทธรรมในพระคัมภีร์เก่าว่า ผู้ที่เป็นผู้น้อย จงเข้ามาหาเราเถิด พวกลูก ๆ ย่อมจะมีคำว่าแม่ติดริมฝีปากอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะประสบความกลัวหรืออันตรายใด ๆ ก็ตาม เด็ก  ๆ จะร้องออกมาทันทีว่า “แม่ แม่” อ้า พระแม่มารีอาผู้อ่อนหวานยิ่ง โอ้มารดาน่ารักยิ่ง นี่คือความปราถนาของพระแม่อย่างแท้จริง คือให้เราเป็นเด็ก ๆ และเรียกหาพระแม่ในยามอันตรายทุกชนิด และเข้ามาพึ่งพระแม่เสมอไป เพราะพระแม่ปราถนาที่ช่วยแนะนำเราไปสู่ความรอด ดังที่พระแม่ได้ช่วยมนุษย์ทุกคนที่ไว้ใจในพระแม่มามากต่อมากแล้ว

-ตัวอย่าง-

   ในประวัติการตั้งคณะเยซูอิ๊ต ในเมืองเนเปิ้ลส์ มีเรื่องบันทึกไว้ว่า มีหนุ่มชาวสก็อตผู้มีตระกูลสูงคนหนึ่ง ชื่อวิลเลี่ยมแอลพินสโตน เขาเป็นญาติของพระเจ้าเจมส์ และได้เติบโตอยู่ภายในลัทธิเฮเรติ๊ก ซึ่งเขาได้ถือมาตั้งแต่รู้ความ ด้วยเดชะความสว่างของพระหรรษทาน เขาเริ่มรู้ตัวว่าอยู่ในลัทธิที่ผิด เขาเดินทางไปประเทศฝรั่งเศสด้วยความช่วยเหลือของคุณพ่อในคณะเยซูอิ๊ตผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นชาวสก๊อตเช่นเดียวกัน ในทีสุด ด้วยความช่วยเหลือจากแม่พระ เขาก็ได้พบความจริง ละทิ้งลัทธิเฮเรติ๊กกลับใจเป็นคาทอลิก แล้วก็เดินทางจากฝรั่งเศสไปยังกรุงโรม วันหนึ่งพวกเพื่อน ๆ มาพบวิลเลี่ยม กำลังร่ำไห้ใหญ่โต จึงถามถึงต้นสายปลายเหตุจองความทุกข์ของเขา เขาตอบว่า เมื่อตอนกลางคืนมารดาของเขาซึ่งอยู่ในนรกได้ปรากฏตัวมาพูดกับเขาว่า “ดีแล้วลูก ที่เจ้าได้เข้าในศาสนาที่แท้จริง เพราะแม่ตายในความผิด จึงต้องเสียวิญญาณไป” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็เพิ่มความศรัทธาต่อแม่พระเป็นพิเศษ เลือกเอาพระนางเป็นมารรดาแต่ผู้เดียวของเขา และโดยอาศัยพระนางเขาได้รับความดลใจ ให้เข้าคณะนักบวช  เขายังได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า จะทำตามความดลใจนี้ เขาเดินทางไปยังเมืองเนเปิ้ลส์เพื่อเปลี่ยนอากาศ เพราะเขามีสุขภาพไม่ค่อยจะดี พระเป็นเจ้าทรงปราถนาที่จะให้เขาตาย และตายในชีวิตนักบวช หลังจากที่เขามาถึงเนเปิ้ลส์แล้ว เขาก็รู้ตัวว่ากำลังจะตาย เขาวิงวอนและร่ำไห้ขอให้ผู้ใหญ่ทางคณะนักบวชรับเขาเข้าคณะ ในขณะที่เขารับศีลเสบียง เขาก็ทำการปฏิญาณตัวต่อหน้าศีลมหาสนิทและทางคณะเยซูอิ๊ตก็รับเขาไว้เป็นสมาชิก หลังจากนี้ผู้ที่ได้ยินเขาจะรู้สึกตื้นตันใจ เขาของคุณพระแม่มารีอาของเขา ที่ได้ฉุดตนออกมาจากลัทธิเฮเรติ๊ก และนำให้มาสิ้นใจตายในพระศาสนาจักรที่แท้จริง ในบ้านของพระเป็นเจ้า แวดล้อมไปด้วยบรรดาพี่น้องนักบวชด้วยกัน เขาอุทานออกมาว่า “ โอ้ ช่างเป็นความรุ่งเรืองเสียนี่กระไรที่มาสิ้นใจอยู่ในท่ามกลางเทวดาเป็นจำนวนมากมายเช่นนี้!” เมื่อพวกนักบวชพยายามบอกให้พักผ่อนเสียนิดหน่อย เขากลับตอบว่า “เวลานี้ไม่ใช่เวลาพักผ่อนดอก ในเมื่อข้าพเจ้ามาถึงบั้นปลายชีวิตแล้ว “ก่อนจะสิ้นใจ เขากล่าวแก่บรรดาเพื่อนนักบวชว่า “พี่น้อง ท่านมองไม่เห็นเทวดาจากสวรรค์ที่มาห้อมล้อมอยู่ที่นี่เพื่อช่วยข้าพเจ้าดอกหรือ?” นักบวชคนหนึ่งได้ยินเขาพึมพำอะไรออกมาสองสามคำ ก็ถามว่าเขาพูดอะไร วิลเลี่ยมตอบว่าอารักเทวดาของเขากระซิบบอกว่า เขาจะอยู่ในไฟชำระแต่เพียงเวลาอันสั้นเท่านั้น อีกไม่นานเขาก็จะได้ไปสวรรค์ หลังจากนั้นเขาก็สนทนากับพระมารดามารีอาผู้อ่อนหวานของเขาและคล้ายกับเด็ก ๆ ที่พักผ่อนในอ้อมแขนของมารดา เขาอุทานออกมาว่า “พระแม่ พระแม่” แล้วก็สิ้นใจตายอย่างสงบ ต่อจากนั้นอีกไม่นาน นักบวชใจศรัทธาผู้หนึ่งได้รับการไขแสดงว่า วิญญาณของวิลเลี่ยมบรรลุถึงสวรรค์แล้ว.

-บทภาวนา-

   ข้าแต่พระแม่มารีอาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปได้อย่างไรที่ลูกมีมารดาที่ศักดิ์สิทธิ์แล้วยังชั่วช้าเช่นนี้ มีมารดาที่เร่าร้อนไปด้วยความรักต่อพระเป็นเจ้า และตัวเองไปรักสัตว์โลก มีมารดาที่เต็มไปด้วยฤทธิ์กุศล แต่ตัวเองกลับยากจน ข้าแต่พระแม่ที่น่ารักยิ่ง ถูกแล้ว ลูกไม่เหมาะที่จะเป็นลูกของพระแม่อีกต่อไป เพราะชีวิตอันชั่วช้า ลูกจึงไม่เหมาะสมกับเกียรติยศอันใหญ่ยิ่งเช่นนี้ ลูกขอให้พระแม่เพียงแต่รับลูกไว้เป็นผู้ใช้ก็พอแล้ว ลูกเต็มใจสละอาณาจักรทั้งหมดของโลกนี้เพื่อจะได้มาอยู่ร่วมกับผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยที่สุดของพระแม่ เท่านี้ลูกก็พอใจแล้ว แต่ขอให้พระแม่อย่าได้ห้ามมิให้ลูกเรียกพระแม่ว่า มารดา เลย ชื่อนี้ทำให้ลูกมีกำลังใจ เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและเตือนใจให้ลูกรู้ถึงหน้าที่ของลูกในอันที่จะรักพระแม่ ชื่อนี้ทำให้ลูกไว้ใจในพระแม่ ในเมื่อบาปของลูกและพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าทำให้ลูกเกรงกลัว ลูกรู้สึกปลื้มใจที่พระแม่เป็นมารดาของลูก โปรดให้ลูกเรียกพระแม่ว่า “มารดา” เถิด พระแม่สุดที่รัก ลูกจะเรียกพระแม่เช่นนี้และจะเรียกเช่นนี้เสมอไป นอกจากพระเป็นเจ้าแล้ว พระแม่ต้องเป็นความหวัง ที่หลบภัยและความรักของลูกในเหวน้ำตานี้ ลูกหวังจะสิ้นใจตายเช่นนี้  และปล่อยวิญญาณให้โผเข้าไปในเมืองของพระแม่พลางพูดว่า “พระแม่ของลูก พระแม่มารีอาของลูก โปรดช่วยลูกโปรดสงสารลูกด้วยเทอญ อาแมน”