Skip to main content

สิริมงคลแห่งแม่พระ

01-03 ความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่พระต่อเรา

book

  ในฐานะที่แม่พระเป็นมารดาของเรา เราจึงอาจจะพิจารณาถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระนางต่อเราได้ การรักลูกนั้นเป็นความกระตุ้นเตือนใจที่สำคัญของธรรมชาติ และนักบุญโทมัสกล่าวว่านี่คือเหตุผลที่แสดงให้เราเห็นว่า ทำไมพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าจึงบังคับให้ลูกรักพ่อแม่ แต่มิได้บ่งอย่างชัดเจนให้พ่อแม่รักลูกของตนที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าธรรมชาติได้ปลูกฝังความรักนี้ไว้ในใจของพ่อแม่ทุกคนอย่างเข้มแข็ง จนถึงกับจะยอมเผชิญอันตรายร้ายแรงเพื่อลูกของตน ตามคำกล่าวของนักบุญอัมโบรซีโอ แม้กระทั่งสัตว์ป่าที่ดุร้ายที่สุดก็อดเสียมิได้ที่จะรักลูกของมัน เขาพูดกันว่า แม้กระทั่งเสือเมื่อได้ยินเสียงลูกของมันถูกนายพรานขโมยไป มันจะลงทะเลว่ายน้ำไปจนถึงเรือที่ลูกของมันอยู่ พระมารดามารีอาผู้น่ารักของเรากล่าวว่า “แม้เสือเองยังไม่อาจจะลืมลูกของมันได้ แล้วเราจะไปลืมลูกได้อย่างไรเล่า ลูกรักเอ๋ย” พระนางเสริมว่า แม้ว่าสิ่งที่กล่าวมานี้จะเป็นไปได้ คือ แม่จะลืมรักลูก แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหยุดรักวิญญาณที่มาเป็นลูกของเรา แม้ว่าหญิงใดจะลืมทารกของนาง,จนกระทั่งไม่สงสารลูกในใส้ของนาง แม้ว่านางนั้นจะลืม แต่เราจะไม่ลืมลูกเลย

   แม่พระคือมารดาของเรา มิใช่มารดาฝ่ายเนื้อหนังดอก แต่โดยความรัก ตามที่เราได้พิจารณามาแล้ว เราคือมารดาน่ารักยิ่ง เพราะความรักที่พระนางมีต่อเราเท่านั้น ที่ทำให้พระนางเป็นมารดาของเรา ดังนั้นใครคนหนึ่งจึงตั้งข้อสังเกตว่า “แม่พระภูมิใจที่ได้เป็นมารดาแห่งความรัก เพราะพระนางเต็มไปด้วยความรักต่อเราซึ่งพระนางได้รับเป็นลูกบุญธรรม ใครเล่าจะบรรยายถึงความรักที่แม่พระมีต่อเราคนบาปผู้ยากไร้ อาร์นอร์ดแห่งชาร์ด กล่าวว่า “ในเมื่อพระเยซูคริสตเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ พระนางมีความปราถนาอันแรงกล้าที่จะร่วมตายกับพระองค์ เพราะความรักต่อเรา” จนกระทั่งนักบุญอัมโบรซีโอ เสริมว่า “ในขณะที่พระบุตรกำลังแขวนอ ยู่บนกางเขน พระแม่มารีอาถวายตัวของพระนางเองแก่เพ็ชฌฆาต เพื่อถวายชีวิตของพระนางให้แก่เรา

   แต่ให้เราหวนมาคิดถึงเหตุผลของความรักนี้เถิด เพราะจะทำให้เรารู้แจ้งเห็นจริงว่าพระมารดาผู้นี้รักเรามากเพียงใด

   เหตุผลประการแรกของความรักอันยิ่งใหญ่ที่แม่พระมีต่อเราก็คือ ความรักอันใหญ่ยิ่งที่พระนางมีต่อพระเป็นเจ้า ความรักต่อพระเป็นเจ้ากับความรักต่อเพื่อนมนุษย์นั้น อ ยู่ในพระบัญญัติประการเดียวกัน ตามคำของนักบุญยวงที่ว่า พระบัญญัตินี้เราได้มาจากพระเป็นเจ้า ที่ว่าผู้ที่รักพระเป็นเจ้าก็รักพี่น้องของเขาด้วยเหมือนกัน เมื่อความรักต่อพระเป็นเจ้าเพิ่มขึ้น ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีอะไรบ้างที่บรรดานักบุญมิได้กระทำไปเพื่อเพื่อนมนุษย์ของตนเพราะรักพระเป็นเจ้า จงอ่านถึงกิจการต่าง ๆ ของนักบุญฟรังซิสซาเวียร์ในประเทศอินเดียดูซิ ท่านได้ช่วยให้คนนอนศาสนาเหล่านี้ได้รู้จักพระเป็นเจ้า ท่านเสี่ยงภัยอันตรายนับจำนวนไม่ถ้วน ปีไต่ภูเขา และเสาะแสวงหามนุษย์ที่น่าสงสารนี้ ในถ้ำซึ่งเขาอาศัยอยู่เหมือนกับสัตว์ป่า จงคิดถึงนักบุญฟรังซิสแห่งซาลส์ ท่านเสี่ยงชีวิตของท่านทุก ๆ เช้าเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ๆ ค่อย ๆ คลานไปบนไม้ที่เย็นจนมีน้ำแข็งติดเพื่อจะได้ไปเทศน์ให้พวกเฮเรติ๊ก ซึ่งอยู่บนฝั่งตรงกันข้ามแม่น้ำให้กลับใจ จงมองดูตัวอย่างของนักบุญปอลลีโนซึ่งมอบตัวท่านให้เป็นทาส เพื่อจะได้ช่วยให้ลูกขอ่งแม่หม้ายผู้หนึ่งได้รับอิสรภาพ นักบุญพีเดลีสไปเทศน์ให้แก่พวกเฮเรติ๊กปห่งหนึ่งให้กลับใจมาหาพระเป็นเจ้าแม้ท่านรู้ว่าจะต้องเสียชีวิต พวกนักบุญพากันทำกิจการต่าง ๆ มากมาย เพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์เพราะรักพระเป็นเจ้า แต่มีใครอีกเล่าที่รักพระเป็นเจ้ามากไปกว่าแม่พระ พระนางรักพระเป็นเจ้ามากกว่าที่บรรดานักบุญและเทวดารัก หรือจะรักพระองค์ได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ชีวิตของพระนาง แต่เราจะอธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียดกว่านี้ เมื่อเราพูดถึงฤทธิ์กุศลต่าง ๆ ของพระนาง แม่พระเองเป็นผู้ไขแสดงแก่ภคินีมารีอา แห่งกางเขนว่า พระนางเร่าร้อนไปด้วยเพลิงแห่งความรักต่อพระเป็นเจ้า ถ้าเอาสวรรค์และแผ่นดิไปใส่ในไฟนี้แล้วก็จะไหม้เป็นเถ้าไปทนที ถ้าจะเอาความรักของบรรดาเทวดาเซราพีมมาเทียบแล้ว ก็จะเปรียบเหมือนลมเย็นนั่นเอง ในเมื่อไม่มีผู้ใดในหมู่นิกรเทวดาที่รักพระเป็นเจ้ามากไปกว่าแม่พระ ก็ไม่มีผู้ใดนอกจากพระเป็นเจ้า ที่รักมนุษย์มากเท่าพระมารดาผู้น่ารักนี้ ถ้าเราเอาความรักของมารดาทุก ๆ คนต่อบุตรและธิดา ความรักของสามีภรรยาต่อกันและกัน และความรักของนักบุญและเทวดาต่อผู้ที่มีความศรัทธาต่อท่านมารวมกันเข้าแล้ว ก็จะไม่เท่ากับความรักที่แม่พระมีต่อวิญญาณแต่เพียงดวงเดียว คุณพ่อนีเรมเบิร์กกล่าวว่า ความรักที่แม่ทุกคนมีต่อลูกนั้นเปรียบเหมือนเงา เมื่อเอามาเทียบกับความรักที่แม่พระมีต่อเราแต่ละคน และท่านเสริมว่า พระนางผู้เดียวรักเรามากกว่าบรรดานักบุญและเทวดามารวมกัน

   ยิ่งไปกว่านั้นพระมารดาของเรารักเรามาก เพราะว่าพระเยซูบุตรสุดที่รักของพระนางได้มองเราให้แก่พระนาง ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ พระองค์กล่าวแก่พระนางว่า นี่แน่ะลูกของท่าน นักบุญยวงเป็นผู้แทนของเรา ดังที่เราได้อธิบายมาแล้ว นี่คือคำหนึ่งในจำนวนคำสุดท้ายของพระองค์ อนึ่งเราย่อมจดจำคำขอร้องสุดท้ายของผู้ที่เรารักก่อนที่เขาจะสิ้นใจตาย และไม่มีวันลืมเลือนไปจากความทรงจำของเราได้.

   อีกประการหนึ่ง เราเป็นที่รักและโปรดปรานของแม่พระเพราะความทุกข์ที่เราเป็นผู้ก่อให้พระนาง ตามธรรมดาแม่ย่อมรักลูกที่ทำใหนางต้องรับความทรมานและเป็นห่วงในลูคนนี้มากกว่า เราอยู่ในจำพวกลูก ๆ ประเภทที่ว่านี้ พระนางต้องรับความทรมานอย่างขมขื่น ในการถวายชีวิตของพระเยซูเจ้าให้สิ้นพระชนม์อย่างน่าสยดสยอง เพื่อเราจะได้รับชีวิตพระหรรษทาน และพระนางต้องมาดูพระองค์สิ้นพระชนม์อย่างทารุณที่สุด เพราะการถวายของแม่พระนี่แหละที่เราได้รับชีวิตพระหรรษทาน ดังนั้นเราจึงเป็นลูกที่รักของพระนาง เพราะเราทำให้พระนางต้องรับความทรมานมากมายนักเกี่ยวกับความรักของพระบิดาต่อมนุษย์ในการที่พระองค์ได้ส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาสิ้นพระชนม์ในการที่พระองค์ได้ส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาสิ้นพระชนม์เพื่อเรานั้น มีคำจารึกไว้ว่า พระเป็นเจ้าทรงรักโลก จนถึงกับทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ให้ นักบุญ โบนาเวนตูรากล่าวว่า “เราอาจจะพูดถึงพระแม่มารีอา ในทำนองเดียวกันก็ได้ว่า พระนางรักเรา จนถึงมอบบุตรองค์เดียวของพระนางให้แก่เรา” แต่พระนางประทานพระบุตรให้แก่เราเมื่อไร คุณพ่อนิเรมเบิร์กกล่าวว่า “พระนางประทานพระองค์ให้แก่เราเมื่อพระนางประทานอนุญาตให้นำพระองค์ไปประหาร พระนางประทานพระองค์ให้แก่เรา ในเมื่อพระนางอาจจะร้องขอชีวิตของพระบุตรจากผู้ตัดสิน ถึงแม้จะไม่มีใครร้องขอ เพราะความเกลียดหรือความกลัวก็ตาม เราแน่ใจว่าคำพูดของมาดาผู้ฉลาดสุขุมและน่ารักผู้นี้คงจะมีน้ำหนัก อย่างน้อยก็ต่อหน้าบีลาโต และอาจจะยั้งมิให้เขาตัดสินประหารชีวิตผู้ที่เขารู้และประกาศว่าไม่มีความผิดได้ แต่เปล่าดอก แม่พระมิได้พูดอะไรเลยเพื่อช่วยเหลือพระบุตรของพระนางเพราะกลัวว่าพระนางอาจจะกีดขวางความตาย ซึ่งหมายถึงความรอดของเรา พระนางประทานพระองค์ให้แก่เรานับเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ในระหว่างเวลาสามชั่วโมงก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ พระนางยืนอยู่ใต้กางเขน ตลอดเวลานั้นพระนางถวายชีวิตพระบุตรของพระนางอย่างไม่หยุดหย่อนแทนที่เรา ด้วยความทุกข์และความรักอันสูงสุด และพระนางกระทำด้วยความมั่นคงจนกระทั่งนักบุญอันแซลโมและนักบุญอันโตนีโนกล่าวว่า ถ้าไม่มีเพ็ชฌฆาต พระนางก็คงจะตรึงพระองค์บนไม้กางเขนเอง เพื่อแสดงถึงความนบนอบต่อพระบิดาซึ่งปราถนาความตายของพระองค์เพื่อความรอดของเรา ถ้อาบราฮัมมีความกล้าหาญพอที่จะถวายบูชาชีวิตของลูกด้วยมือของตนเอง พระแม่มารีอาก็จะสละชีวิตพระบุตรของพระนางด้วยความกล้าหาญกว่า ( เพราะพระนางมีความศักดิ์สิทธิ์และความนบนอบมากกว่าอาบราฮัม) แต่เราจงหวนมาคิดถึงความกตัญญูที่เราเป็นหนี้แม่พระเถิด ที่พระนางได้ถวายชีวิตพระบุตรเพื่อเราแต่ละคนจะได้รับความรอด พระเป็นเจ้าประทานรางวัลเป็นอันมากแก่อาบราฮัมเพราะท่าน พร้อมที่ถวายอีซาอั๊กลูกชายเป็นเครื่องบูชาแด่พระองค์แต่เรา เราจะตอบแทนพระแม่มารีอาได้อย่างไรสำหรับชีวิตของพระเยซูของพระนาง พระบุตรผู้ล้ำเลิศประเสริฐ และเป็นที่น่ารักมากกว่าบุตรของอาบราฮัม นักบุญโบนาเวนตูร กล่าวว่า “ความรักของแม่พระนี้บังคับให้เรารักพระนางจริง ๆ เพราะเราเห็นว่าพระนางขึ้นหน้าผู้อื่นในความรักที่พระนางมีต่อเรา พระนางได้ประทานพระบุตรพระองค์เดียวของพระนาง ซึ่งพระนางรักมากกว่าตนเองเสียอีกให้แก่เรา

   นี้เป็นเหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้แม่พระรักเรา พระนางมองเห็นสิ่งที่ต้องซื้อมาด้วยความตายของพระเยซูคริสตเจ้าในตัวของเรา ถ้ามารดารู้ว่าบุตรของตนได้ไถ่คนใช้คนหนึ่ง โดยการไปจำคุกแทนเขาเป็นเวลา ๒0 ปี และรับทรมานเพื่อคนใช้คนนี้ นางจะนึกรักและนับถือคนใช้คนนั้นสักเพียงใด แม่พระรู้ดีว่าพระบุตรของพระนางเสด็จมาในโลกนี้ ก็เพื่อช่วยให้เรา สัตว์โลกที่น่าสงสาร ได้รับความรอดเท่านั้นพระองค์เองเป็นผู้ยืนยันว่า เรามาเพื่อกู้สิ่งที่สูญหายไป และพระองค์พอพระทัยที่จะพลีแม้กระทั่งชีวิตของพระองค์เอง เพื่อเรา ทรงนบนอบจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ ดังนั้นถ้าแม่พระรักเราแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง เพราะพระโลหิตของพระองค์คือราคาความรอดของเรา นักบุญเอลีซาแบ็ทแห่งอังการี ได้รับการไขแสดงว่าตั้งแต่เวลาที่แม่พระไปอยู่ในพระวิหารนั้น พระนางมิได้ทำอะไรนอกจากภาวนาให้แก่เรา วอนขอพระเป็นเจ้าให้เร่งส่งพระบุตรของพระองค์มายังโลกเพื่อช่วยให้เรารอด และบัดนี้พระนางคงจะรักเรามากเพียงใด ในเมื่อพระนางเห็นแล้วว่าพระบุตรของพระนางยกย่องเราจนถึงกับไม่รู้สึกขยะแขยงที่จะไถ่โทษบาปของเราด้วยค่าอันสูงเช่นนี้

   พระเยซูเจ้าทรงไถ่โทษบาปมนุษย์ทุกคน ดังนั้นพระแม่มารีอาจึงรักและปกป้องมนุษย์ทุกคน หญิงที่นักบุญยวงเห็นสวมอาทิตย์ต่างเสื้อก็มิใช่ใครอื่นนอกจากแม่พระ เครื่องหมายใหญ่หลวงปรากฏขี้นในสวรรค์ มีหญิงผู้หนึ่งสวมดวงอาทิตย์ต่างอาภรณ์ พระนางสวมดวงอาทิตย์ เพราะว่าไม่มีผู้ใดในโลกที่หลบซ่อนความร้อนของดวงอาทิตย์ไปด้ ไม่มีใครที่ซ่อนตัวให้พ้นจากความร้อนของมันได้  ในทำนองเดียวกัน ไม่มีมนุษย์ผู้ใดที่ยังมีชีวิตอยู่แต่มิได้รับความรักแม่พระ ท่านบุญราศีเรมุนโด ยอร์ดาโน ใช้คำว่า “จากความร้อนของมัน” มาใช้เป็น “จากความรักของแม่พระ” นักบุญอันโตนีโนอุทานออกมาว่า “แล้วใครเล่าที่อาจจะหยั่งถึงความคุ้มครองอันอ่อนหวาน ซึ่งมารดาน่ารักยิ่งผู้นี้ทุ่มเทมายังเราแต่ละคนได้” พระนางมอบและแจกจ่ายความเมตตาของพระนางแก่ทุก ๆ คน” เพราะพระมารดาของเราต้องการความรอดของทุก ๆ คนและช่วยให้ทุกคนบรรลุถึงความรอดนั้น นักบุญเบอร์นาร์โด กล่าวว่า “เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พระนางเป็นห่วงมนุษยชาติทั้งหมด ดังนั้นผู้ที่มีความศรัทธาต่อแม่พระบางคน จึงขอให้พระเยซูเจ้าประทานพระหรรษทานที่แม่พระวอนขอให้แก่ตน ตามที่คอร์เนลีอู๊ส อาลาพีเดกล่าวถึง และคนเหล่านี้ก็ได้รับผลประโยชน์มากด้วย เขาเพียงแต่กล่าวว่า พระสวามีเจ้าข้า โปรดประทานสิ่งที่แม่พระมารีอาของให้แก่ข้าพเจ้าเถิด แล้วท่านคอร์เนลีอู๊ส อาลาพีเด เสริมต่อไปว่า เราไม่ควรจะแปลกใจแลย เพราะว่าพระมารดาของเราทรงปราถนาสิ่งดีให้แก่เรามากกว่าที่ตัวเราเองจะปราถนาได้ ท่านเบอร์นาดีน เดอบูสตีส กล่าวว่า แม่พระชอบทำความดีให้แก่เรา และประทานพระหรรษทานให้เรามากกว่าที่เราอยากจะรับเสียอีก ในเรื่องนี้นักบุญอัลแบร์โตมหาปราชญ์ให้ได้นำเอาคำของพระคัมภีร์เก่ามาใช้กับแม่พระ นางปกปักษ์รักษาผู้ที่ปราถนานาง จนกระทั่งนางแสดงตัวให้เขาเห็นก่อน  แม่พระขึ้นหน้าผู้ที่มาพึ่งพาอาศัยพระนาง โดยทำให้พบพระนางก่อนที่เขาจะเริ่มหาพระนางเสียอีก ริชาร์ด แห่งนักบุญเลาเร็นซีโอ กล่าวว่าความรักที่พระมารดาผู้ใจดีผู้นี้มี่ต่อเรานั้น ช่างใหญ่ยิ่งนัก จนกระทั่งพระนางรีบมาช่วยเรา เมื่อเห็นความต้องการของเรา พระนางมาช่วยก่อนที่จะถูกเรียกหาเสียอีก”

   ถ้าแม่พระแสดงคุณความดีต่อทุก ๆ คน แม้กระทั่งต่อผู้ที่ไม่มีความกตัญญูและเลินเล่อ หรือรักพระนางแต่เพียงเล็กน้อย และไม่ค่อยจะพึ่งพระนางแล้ว พระนางจะแสดงความรักต่อผู้ที่รักและเรียกหาพระนางอยู่เสมอมากยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด ผู้ที่แสวงหานางจะได้พบนางอย่างง่ายดาย นักบุญอัลแบร์โต ผู้เยวกันนี้กล่าวต่อไปว่า “ผู้ที่รักแม่พระจะพบพระนางได้อย่างง่ายดายเพียงใด เขาจะพบพระนางเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและเปี่ยมด้วยความรัก” ในคำของหนังสือสุภาษิตในพระคัมภีร์เก่า เรารักผู้ที่รักเรา แม่พระยืนยันว่า พระนางไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากจะรักผู้ที่รักพระนาง แม้ว่าพระนางผู้น่ารักนี้จะรักมนุษย์ทุกคนเหมือนลูก ๆ ของพระนาง “แต่” นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวไว้ “พระนางรู้จักและรัก” กล่าวคือพระนางรักผู้ที่รักพระนางอย่างอ่อนหวาน มากกว่าเป็นพิเศษท่านบุญราศีเรมุนโด ยอร์ดาโน เสริมว่า แม่พระไม่เพียงแต่รักพวกที่รักพระนางเท่านั้น พระนางถึงกับรับใช้เขาด้วย เพราะท่านกล่าวว่าผู้ที่พบพระนางมารีอาย่อมได้พบกับทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะพระนางรักผู้ที่รักพระนาง แต่ยิ่งไปกว่านั้น พระนางรับใช้ผู้ที่รับใช้พระนาง

   ในสมุดบันทึกของนักบวชคณะนักบุญโดมีนีโก มีเรื่องเล่าว่า นักบวชคนหนึ่ง ชื่อเลโอนาร์โด มักจะถวายตัวแด่พระมารดาแห่งความเมตตาวันละสองร้อยครั้ง เมื่อล้มเจ็บเป็นครั้งสุดท้าย ท่านมองเห็นราชินีผู้สวยงามที่สุดองค์หนึ่งมาอยู่ข้าง ๆ ท่าน และพูดแก่ท่านว่า “เลโอนาร์โด เธออยากจะตายและมาอยู่ร่วมกับพระบุตรของเราและตัวเราเองไหม?” ท่านถามว่า “ท่านคือใคร?” ราชินีผู้นั้นซึ่งที่จริงเป็นแม่พระตอบว่า “เราคือพระมารดาแห่งความเมตตา เธอเรียกหาเราหลายต่อหลายครั้งนัก บัดนี้เรามารับเธอแล้ว ไปสวรรค์กันเถิด” ในวันเดียวกันนั้นเองเลโอนาร์โดก็สิ้นใจตาย และคงจะติดตามแม่พระไปยังเมืองสวรรค์ตามที่เราหวังไว้อย่างแน่นอน

   นักบุญยวง เบิ๊ร์กแมน แห่งคณะเยซูอิ๊ต อุทานออกมาว่า “โอ้แม่พระมารีอาผู้อ่อนหวาน เป็นบุญของผู้ที่รักพระแม่ ถ้าฉันรักพระแม่มารีอา ฉันก็แน่ใจว่าฉันจะมีความเพียร และจะได้รับทุกอย่างที่ฉันต้องการจากพระเป็นเจ้า” ดังนั้นหนุ่มใจศรัทธาผู้นี้จึงไม่รู้เบื่อที่จะรื้อฟื้นความตั้งใจของตน และพูดซ้ำกับตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่า “ฉันจะรักแม่พระ ฉันจะรักพระแม่มารีอา”

   โอ้ความรักของพระมารดาผู้ใจดีนี้ ช่างมากกว่าความรักของบรรดาลูก ๆ ของพระมารดาผู้ใจดีนี้ ช่างมากกว่าความรักของบรรดาลูก ๆ ของพระนางสักเพียงใด ไม่ว่าเขาจะรักพระนางปานใดก็ตาม ความรักของแม่พระก็ยังเป็นสิ่งสุดยอกในกระบวนความรักของทุก ๆ คนนั้น ตามคำกล่าวของท่านมรณสักขี นักบุญอิ๊กนาซีโอ

   เราจงรักพระนางเหมือนกับบุญสตานี้สเล้าส์ ค้อสก้า ผู้รักพระมารดาผู้นี้อย่างอ่อนหวาน จนถึงกับจูงใจผู้อื่นให้มีใจรักพระนางมากขึ้น ท่นแต่งปั้นคำใหม่และชื่อใหม่ เพื่อสรรเสริญนามของแม่พระ ท่านจะไม่เริ่มทำอะไรก่อนที่จะหันหน้าไปขอพรจากรูปแม่พระเมื่อท่านสวดบทออฟีชีอุมของพระนาง สวดลูกประคำ หรือบทสวดใด ๆ ก็แล้วแต่ ท่านมักจะแสดงความรักออกมาภายนอก คล้าย ๆ กับว่าท่านกำลังพูดอยู่ต่อหน้าแม่พระ เมื่อท่านได้ยินบทขับ “วันทาพระราชินี” ดวงวิญญาณและหน้าตาของท่านจะลุกร้อนไปด้วยความรัก คุณพ่อคณเยซูอิ๊ตองค์หนึ่งที่กำลังไปเยี่ยมรูปแม่พระกับท่านถามว่าท่านรักแม่พระเท่าไร? ท่านตอบว่า  “คุณพ่อครับ “ผมพูดอะไรไม่ได้นอกจากว่า พระนางคือมารดาของผม” คุณพ่อผู้นั้นเสริมว่า “แต่หนุ่มใจศรัทานี้พูดด้วยเสียงอันอ่อนหวานซึ่งตรงมาจากดวงใจจนดูเหมือนกับว่าเป็นเทวดาผู้หนึ่ง ที่กำลังกล่าวถึงความรักต่อแม่พระแทนที่จะเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง”

   เราจงรักแม่พระเหมือนกับที่ท่านบุญราศีเฮอร์มันรักพระนางเขาเรียกพระนางว่าคู่ร่วมวิญญาณแห่งความรักของเขา เพราะแม่พระใช้คำพูดเดียวกันนี้กับเขา เราจงรักพระนางเหมือนกับนักบุญฟิลลิป เนรี ท่านเพียงแต่นึกถึงแม่พระเท่านั้นก็ทำให้ท่านเต็มไปด้วยความอบอุ่น ดังนั้นท่านจึงเรียกพระนางว่าเป็นความยินดีของท่าน เราจงรักพระนางเหมือนนักบุญโบนาเวนตูรา ผู้เรียกพระนางว่าเป็นสตรีเจ้าชีวิตและมารดาของท่านเท่านั้น และเพื่อแสดงถึงความรักอันอ่อนหวานของท่าน ท่านถึงกับเรียกพระนางว่า ดวงใจและวิญญาณของท่าน “วันทาพระนาง พระมารดาของลูก ผู้เป็นถึงดวงใจและวิญญาณของลูก”

   เราจงรักพระนางเหมือนกับนักบุญเบอร์ นาร์โด ท่านรักพระมารดาผู้อ่อนหวานนี้มาก จนกระทั่งท่านเรียกพระนางว่า “ผู้ขโมยหัวใจ” เพื่แสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อพระนาง ท่านเสริมว่า “โอ้พระราชินี พระแม่มิได้ขโมยใจของลูกไปดอกหรือ?” เราจงเรียกพระนางว่า “ที่รัก” ตามอย่างนักบุญเบอร์ นาดีน แห่งซีเอนา เถิด ท่านนักบุญผู้นี้มักจะไปเยี่ยมรูปแม่พระทุกวันด้วยความศรัทธาท่านสนทนากับพระราชินีของท่าน และป่าวประกาศความรักของท่านต่อพระนาง เมื่อมีคนถามท่านว่าไปไหนทุก ๆ วัน ท่านตอบว่า ไปเยี่ยม “คนรัก” ของท่าน

   เราจงรักแม่พระเหมือนกับนักบุญอาลาอูซีอู๊ส กอนซากา ความรักของท่านนักบุญองค์นี้ต่อแม่พระลุกร้อนอยู่เสมอไป ท่านได้ยินนามอันอ่อนหวานของพระนางเมื่อไรดวงใจของท่านก็เร่าร้อน และหน้าตาของท่านเป็นประกายขึ้นมาทันทีจนใคร ๆ ก็มองเห็น

   เราจงรักพระนางให้มากเท่ากับนักบุญฟรังซิส โซลาโน ท่านเกือบจะเป็นบ้าไปด้วยความรักต่อพระแม่ ท่านจะร้องเพลงต่อหน้ารูปแม่พระ พลางเล่นเครื่องดนตรีตามไปด้วย ท่านบอกว่าท่านร้องเพลงชมราชินีผู้อ่อนหวานยิ่งนัก เหมือนกับคนรักฝ่ายโลกเขาร้องเพลงชมคู่รักของตน

   ในที่สุด เราจงรักพระนางเหมือนกับข้าบริการของแม่พระเป็นจำนวนมากมาย และดูเหมือนว่าเขาไม่อาจจะแสดงความรักนี้ได้อย่างไรเพียงพอ คุณพ่อยวงแห่งเทร้กโซ พระสงฆ์คณะเยซูอิ๊ต ดีใจที่จะเรียกตนเองว่า “ทาสของแม่พระ” และเพื่อเป็นการแสดงถึงความเป็นทาส ท่านมักจะไปเยี่ยมวัดที่เขาถวายให้แก่แม่พระบ่อย ๆ เมื่อไปถึงวัดท่านก็ทุ่มเทน้ำตาแห่งความรักอันอ่อนโยนต่อแม่พระ ท่านหมอบกราบลง เอาลิ้นและหน้าของท่านเลียและถูพื้นพร้อมกับจูบพื้นนั้นเป็นเวลานับพัน ๆ ครั้ง เพราะเป็นบ้านของพระนางที่น่ารักของท่าน คุณพ่อยาโกเบ มาร์ทีเน้ส แห่งคณะเยซูอิ๊ตเช่นเดียวกันเนื่องจากความศรัทธาที่ท่านมีต่อแม่พระ มักจะถูกเทวดายกไปสวรรค์ในวันฉลองของแม่พระ เพื่อจะได้เห็นว่าชาวสวรรค์เขาฉลองกันอย่างไรท่านมัจะกล่าวว่า “ข้าพเจ้าปราถนาที่จะได้ดวงใจของเทวดาและนักบุญทั้งหมดมาเป็นของตัวเอง เพื่อจะได้รักแม่พระดังที่พวกท่านรักพระนาง โอ้ ถ้าข้าพเจ้าเพียงแต่มีชีวิตของมนุษย์ทุกคน เพื่อจะได้ถวายให้แก่ความรักของพระนางโดยสิ้นเชิง”

   ทำอย่างไรหนอ คริสตังค์ทุกคนจึงจะมารักพระนางเหมือนชาลส์ ลูกชายของนักบุญบริยิด ผู้กล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดที่ปลอบใจเขามากไปกว่าความรู้ที่ว่าพระเป็นเจ้าทรงรักแม่พระยิ่งนัก เขากล่าวต่อไปว่า เขาจะเต็มใจรับทนความทุกข์ทุกอย่าง ดีกว่าที่จะปบ่อยให้แม่พระสูญเสียสิริมงคลของพระนางแม้แต่เพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นไปได้ถ้าสิริมงคลของพระนางเป็นของเขา เขาก็จะสละให้พระนางในฐานะที่พระนางเป็นผู้เหมาะสมกับเกียรตินั้นมากกว่าเขามากมายนัก

   ยิ่งไปกว่านั้น ให้เราปราถนาที่จะเสียสละชีวิตของเราเป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักที่เรามีต่อแม่พระดังที่อัลฟอนโซ โรดริเก้ส อยากจะทำ เราจงรักแม่พระเหมือนกับผู้ที่ถึงกับสลักพระนามของพระนางบนอกของตนด้วยอาวุธแหลม ตามตัวอย่างของฟรังซิส บีนันซีโอ และราดากุนดี้ส มเหษีของพระเจ้าโคลแทร์ หรือตามแบบผู้ที่เอาเหล็กที่เผาไฟมาประทับชื่อของแม่พระบนเนื้อหนังของตน เพื่อนามนี้จะได้เด่นชัดและคงอยู่ต่อไปนาน ๆ เช่นผู้รับใช้ที่ศรัทธาของพระนางซึ่งมีชื่อว่า บัปตีสตา อาร์ชินโต และ เอากูสตีโน เดเอ้สปีโนซา แห่งคณะเยซูอิ๊ตเพราะความรักอันร้อนรนดลใจให้ทำ

   ที่สุด เราจงกระทำหรือปราถนาที่จะกระทำทุกอย่าง ที่คนรักเขาทำกันเพื่อที่จะให้ความรักของเขา เป็นที่ล่วงรู้ของผู้ที่เขารัก ท่านจงแน่ใจเสียเถิดว่าผู้ที่รักแม่พระนั้น จะไม่มีวันรักพระนางได้เท่ากับที่พระนางรักตนเลย นักบุญเปโตร ดามีอาโนกล่าวว่า “โอ้พระแม่เจ้าลูกรู้ว่า พระแม่เป็นที่ควรรักยิ่ง และพระแม่รักเราด้วยความรักอันแน่นแฟ้น พระแม่ของลูก ลูกรู้ว่าในบรรดาผู้ที่รักพระแม่นั้นพระแม่เป็นผู้ที่รักมากที่สุด และพระแม่รักเราด้วยความรักที่ไม่มีผู้ใดจะขึ้นหน้าได้”

   ครั้งหนึ่งท่านบุญราศีอัลฟอนโซ โรดรีเก้ส แห่งคณะเยซูอิ๊ตมอบกราบอยู่ต่อหน้ารูปแม่พระ รู้สึกดวงใจของท่านเร่าร้อนไปด้วยความรักต่อแม่พระ ท่านอุทานว่า “พระแม่เจ้า ลูกทราบดีว่าพระแม่รักลูกแต่พระแม่รักลูกมิไม่เท่ากับลูกรักพระแม่ดอก” แม่พระได้ตอบออกมาจากรูปนั้นเสมือนว่าได้รับการสบประมาทจากคำพูดที่ว่า “อัลฟอนโซ เธอพูดอะไร? เธอพูดอะไรกัน? ความรักที่เรามีต่อเธอนั้น ช่างใหญ่หลวงมากกว่าความรักใด ๆ ที่เธอมีต่อเราสักเพียงใด จงจำไว้ว่าความผิดแผกแตกต่างระหว่างสวรรค์กับแผ่นดินยังไม่พอที่จะมาเปรียบกับความแตกต่างระหว่างความรักของเธอกับความรักของเราได้เลย”

   ดังนั้นนักบุญโบนาเวนตูราจึงพูดถูกแล้ว เมื่อท่านอุทานออกมาว่า “เป็นบุญของผู้ที่มีโชคลาภได้เป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์และคนรักของพระมารดาผู้น่ารักผู้นี้”เป็นบุญของผู้ที่มีความศรัทธาอันอ่อนหวานต่อพระนาง” ถูกแล้ว “เพราะในเรื่องการแข่งขันนี้ พระราชินีผู้น่ารักไม่เคยปล่อยให้ผู้รับใช้พระนางเอาชนะพระนางในเรื่องความรักเลย พระนางตอบแทนการแสดงความเคารพรักต่อพระนาง และเพิ่มเติมความช่วยเหลือที่ผ่านพ้นไปแล้ว ด้วยความช่วยเหลือใหม่” แม่พระทำตามแบบอย่างของพระเยซูคริสตเจ้าองค์พระมหาไถ่ของเรา ในการตอบแทนความรักของผู้ที่รักพระนาง ด้วยพรและความช่วยเหลืออีกหลายอย่างเท่า

   ดังนั้นข้าพเจ้าจะอุทานออกมา เหมือนนักบุญอันแซลโมว่า “โปรดให้ดวงใจของข้าพเจ้าโหยหวน และวิญญาณข้าพเจ้าละลายและสูญหายไปด้วยความรักของพระองค์เถิด โอ้พระเยซูองค์พระมหาไถ่ผู้สุดเสน่หาและพระมารดามารีอาที่รักยิ่งของลูก แต่ถ้าไม่มีพระหรรษทานของพระองค์มาช่วย ข้าพเจ้าก็ไม่อาจจะรักพระองค์ได้ ดังนั้นจงโปรดเถิด โอ้เยซูมารีอา โปรดประทานให้วิญญาณของข้าพเจ้ารักพระองค์อย่างเหมาะสม ด้วยเดชะพระบารมีของพระองค์ มิใช่เพราะคุณความดีประการใดของข้าพเจ้าดอก โอ้พระเป็นเจ้าผู้รักมนุษย์พระองค์สามารถรักมนุษย์ที่ทำผิดได้จนถึงกับยอมสิ้นพระชนม์ แล้วพระองค์จะปฏิเสธความรักของพระองค์ และของพระมารดาแก่ผู้วอนขอได้หรือ?

- ตัวอย่าง -

   คุณพ่อเอามาเล่าว่า มีเด็กหญิงเลี้ยงแกะผู้หนึ่งที่ชอบไปเยี่ยมวัดเล็ก ๆ ของแม่พระซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาลูกหนึ่ง ในขณะที่ฝูงแกะกำลังเล็มหญ้า เธอก็สนทนากับพระมารดาที่รักของเธอ และถวายสาธุการแด่พระนาง เมื่อเห็นว่ารูปแม่พระเล็ก ๆ รูปนั้น (ซึ่งเป็นรูปแกะสลัก) ไม่มีเครื่องตบแต่ง เธอก็เริ่มทำเสื้อคลุมสวมให้ วันหนึ่งเธอก็ไปเก็บดอกไม้มาจากท้องนา มาร้อยเป็นพวงมาลัย และปีนขึ้นบนพระแท่นในวัดเล็ก ๆ นั้น และเอาพวงมาลัยวางไว้บนศีรษะของรูป พลางกล่าวว่า “พระแม่ของลูก ลูกอยากจะเอาทองและเพ็ชรพลอยมาทำมงกุฎประดับศีรษะพระแม่ แต่ว่าลูกยากจน ฉะนั้นโปรดรับมงกุฎดอกไม้นี้เถิด โปรดรับไว้เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของความรักที่ลูกมีต่อพระแม่” เด็กหญิงผู้นี้พยายามรับใช้และให้เกียรติแก่แม่พระด้วยการกระทำเช่นนี้ ทีนี้ให้เราดูซิว่าพระแม่ผู้มีใจดีนี้จะตอบแทนการมาเยี่ยมและความรักของเธออย่างไร ต่อมาเด็กหญิงผู้นี้ป่วยและเกือบจะสิ้นใจ เผอิญมีนักบวชสองคนผ่านมาทางนั้น ทั้งสองรู้สึกเหนื่อยก็นั่งพักร่มอยู่ใต้ต้นไม้ คนหนึ่งหลับไปอีกค่นหนึ่งมิได้หลับ แต่ทั้งสองได้เห็นภาพประจักษ์เหมือน ๆ กัน เขาเห็นเด็กหญิงสวยงามเป็นจำนวนมาก ใสจำนวนนี้มีคนหนึ่งที่สวยงามและสง่ากว่าเพื่อน นักบวชคนหนึ่งถามหญิงสาวนั้นว่า “ท่านคือใคร? และทำไมถึงได้มาเดินในทางอันขรุขระนี้เล่า?” หญิงนั้นตอบว่า “เราตคือพระมารดาพระเป็นเจ้าและกำลังเดินทางกับพรหมจารีเหล่านี้ไปที่กระท่อมใกล้ ๆ นี่เอง เพื่อไปเยี่ยมเด็กเลี้ยงแกะหญิงซึ่งเคยมาเยี่ยมเราบ่อย ๆ” เมื่อกล่าวคำนี้แล้วทั้งหมดก็อันตรธานไป ผู้รับใช้พระเป็นเจ้าทั้งสองก็พูดกันว่า “เราจงไปเยี่ยมเธอด้วยเถิด” ทั้งสองก็ออกเดินทางทันที เมื่อได้พบกระท่อมของเด็กสาวที่กำลังจะสิ้นใจแล้ว เขาก็เข้าไปข้างในและพบเด็กหญิงนั้นนอนอยู่บนฟางหญ้า ทั้งสองคำนับเธอ เธอกล่าวว่า “ภราดาที่รักจงวอนขอพระสวามีเจ้า ได้โปรดให้ท่านเห็นผู้ที่กำลังมาช่วยหนูเถิด” ทั้งสองก็คุกเข่าลงทันที และมองเห็นแม่พระอยู่ข้าง ๆ เด็กหญิงที่กำลังจะสิ้นใจ ในมือของพระนางถือมงกุฎ พระนางกำลังปลอยใจเธอ ในทันใดนั้นบรรดาพรหมจารีก็พากันร้องเพลง พอเพลงอันหวานไพเราะนี้เริ่มขี้น วิญญาณของเธอก็ออกจากร่างไป แม่พระวางมงกุฎลงบนศีรษะของเธอ และนำวิญญาณของเธอเข้าสู่สวรรค์กับพระนาง*

- บทภาวนา -

   ข้าแต่พระแม่ผู้ขโมยดวงใจ ลูกจะอุทานออกมากับนักบุญโบนาเวนตูราว่า “ข้าแต่พระแม่ผู้ดึงดูดดวงใจของผู้รับใช้พระแม่ ด้วยความรักและความช่วยเหลือที่พระแม่ทุ่มเทให้แก่เขา โปรดดึงดูดดวงใจอันน่าสังเวชของลูกด้วย ลูกปราถนาจะรักพระแม่ เพราะความสวยงามของพระแม่ พระเป็นเจ้าจึงทรงหลงรัก และพระแม่ก็ถึงกับดึงพระองค์ลงจากสวรรค์มาสู่ครรภ์อันบริสุทธิ์ของพระแม่ แล้วลูกจะมีชีวิตโดยไม่รักพระแม่ได้หรือ? เปล่าดอก ลูกจะกล่าวกับพระแม่เหมือนกับยวง เบร์คเมน แห่งคณะเยซูอิ๊ต บุตรที่รักคนหนึ่งของพระแม่ว่า ลูกจะไม่ยอมพักผ่อน จนกว่าจะแน่ใจว่าลูกได้รับความรักจากพระแม่ แต่ต้องเป็นความรักที่อ่อนหวานและสม่ำเสมอต่อพระแม่ โอ้พระมารดาของลูก ในฐานะที่พระแม่รักลูกด้วยความอ่อนหวานถึงเพี่ยงนี้แม้ในระหว่างที่ลูกแสดงความอกตัญญูต่อพระแม่ โอ้แม่มารีอาป่านนี้ลูกจะเป็นอะไรไปแล้ว ถ้าพระแม่มิได้วอนขอความเมตตานานาประการให้แก่ลูก ในเมื่อพระแม่รักลูกมากมายนัก แม้ในเวลาที่ลูกมิได้รักพระแม่ บัดนี้ลูกมิอาจจะหวังได้ว่าพระแม่จะเมตตาต่อลูกมากกว่าแต่ก่อนดอกหรือในเมื่อลูกรักพระแม่แล้ว? ลุกรักพระแม่ โอ้พระมารดาของลูก และปราถนาจะได้เป็นเจ้าของดวงใจของมนุษย์โชคร้ายเป็นจำนวนมากที่มิได้รักพระแม่ เพื่อจะได้รักพระแม่แทนเขาลูกอยากจะพูดด้วยลิ้นสักพันลิ้น เพื่อมนุษย์ทุกคนจะได้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ ความศักดิ์สิทธิ์ ความเมตตาและความรักที่พระแม่มีต่อทุก ๆ คนที่รักพระแม่ ถ้าลูกมีความร่ำรวยก็จะเอาไปใช้ให้เป็นเกียรติของพระแม่ ถ้าลูกมีคนรับใช้ลูกก็จะทำให้เขาเป็นผู้รัพระแม่ ในที่สุดถ้ามีโอกาสลูกจะยอมสละชีวิตเพื่อถวายสิริมงคลแด่พระแม่ ดังนั้นลูกจึงรักพระแม่ โอ้พระมารดาของลูก แต่ในขณะเดียวกัน ลูกกลัวว่าลูกมิได้รักดังที่ควรจะรัก เพราะลูกได้ยินว่าความรักให้คนคนหนึ่งเหมือนกับผู้ที่ตนรัก ดังนั้นเมื่อลูกเห็นว่าลูกไม่เหมือนพระแม่จึงนับว่าลูกยังมิได้รักพระแม่ พระแม่คือความบริสุทธิ์ แต่ลูกหยิ่งจองหอง พระแม่ช่างศักดิ์สิทธิ์แต่ลูกชั่วช้านักหนา โอ้พระแม่มารีอา นี่คือสิ่งที่พระแม่จะต้องทำในเมื่อพระแม่รักลูก โปรดแสดงให้โลกเห็นว่าพระแม่อาจจะทำอะไรให้แก่ผู้ที่รักพระแม่ได้ โปรดให้ลูกเป็นนักบุญ โปรดให้ลูกเหมาะสมที่จะเป็นลูกของพระแม่ นี่คือความหวังของลูก อาแมน