Skip to main content

สิริมงคลแห่งแม่พระ

04-01 แม่พระช่วยเหลือผู้ที่เรียกหาพระนางโดยฉับพลัน แม่พระช่วยเหลือผู้ที่เรียกหาพระนางโดยฉับพลัน

book

พวกเราลูกหลานที่น่าสมเพชของเอวานั้นช่างโชคร้ายเสียจริง ต่อหน้าพระเป็นเจ้าเราแบกความผิดของเอวาไว้กับตัว และถูกตัดสินให้ได้รับโทษเช่นเดียวกัน เราต้องเดินไปมาอยู่ในเหวน้ำตานี้เหมือนผู้ที่ถูกเนรเทศจากบ้านเมืองของตน ต้องร้องไห้เพราะความเจ็บปวดทั้งสองฝ่ายกายและวิญญาณ แต่ในท่ามกลางความทุกข์เหล่านี้ ผู้ที่หันหน้าไปหาพระนางผู้ปลอบใจชาวโลกผู้เป็นที่พึ่งของผู้มีโชคร้าย คือ พระมารดาผู้ยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า และผู้ที่เรียกหาพระนางย่อมนับว่าเป็นผู้ที่มีบุญ “บุญลาภแก่ผู้ที่ฟังเรา และเฝ้าอยู่ที่ประตูของเราทุก ๆ วัน แม่พระกล่าวว่า “บุญของผู้ที่ฟังคำตักเตือนของเรา และเฝ้าที่ประตูแห่งความเมตตาของเราอยู่ทุกวัน และวอนขอความช่วยเหลือจากเรา”

พระศาสนจักรสอนเราไว้อย่างรอบคอบ ให้เราตั้งใจมาพึ่งพระนางผู้ปกป้องน่ารักผู้นี้ ด้วยความไว้ใจโดยไม่หยุดหย่อน และเพราะเหตุนี้พระศาสนจักรจึงได้สั่งให้เราแสดงความเคารพเป็นพิเศษต่อแม่พระ นอกไปจากนี้พระศาสนจักรยังได้ตั้งวันฉลองซึ่งเราฉลองกันตลอดปี เพื่อให้เกียรติราชินีผู้ยิ่งใหญ่นี้ อุทิศวันหนึ่งของแต่ละสัปดาห์เป็นพิเศษให้เป็นเกียรติแก่พระนาง ในบทออฟีชีอุม พระสงฆ์และนักบวชทุกคนต้องวอนขอความช่วยเหลือจากพระนางในนามของคริสตังทุกคน ในที่สุดพระศาสนจักรต้องการให้สัตบุรุษทุกคนแสดงความเคารพต่อพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าผู้นี้ วันละสามครั้งเมื่อได้ยินระฆังพรหมถือสาร ถ้าเราอยากจะเข้าใจถึงความไว้วางใจที่พระศาสนจักรมีต่อแม่พระ เราก็ควรจะเพียงแต่จำไว้ว่า ในเวลาที่มีเหตุฉุกเฉิน พระศาสนจักรจะเชิญชวนทุกคนให้มาพึ่งพาอาศัยพระมารดาผู้นี้ โดยการทำนพวาร การภาวนา เข้าขบวนแห่ การเยี่ยมวัดที่ตั้งไว้เพื่อเถลิงเกียรติของพระนางหรือรูปของพระนาง นี่คือความต้องการของแม่พระด้วยเหมือนกัน พระนางอยากให้เราแสวงหาพระนางและร้องหาความช่วยเหลือจากพระนาง มิใช่ว่าพระนางจะวอนขอเกียรติยศและการแสดงความเคารพเหล่านี้จากเราดอก เพราะมันไม่เหมาะสมกับบุญกุศลของพระนางเลย แต่พระนางต้องการให้ความหวังและความศรัทธาของเราจะได้เพิ่มขึ้นโดยอาศัยความเคารพเหล่านี้ เพื่อพระนางจะได้ให้ความช่วยเหลือและการปลอบโยนแก่เราได้มากขึ้น นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า “พระนางแสวงหาผู้ที่เข้าไปหาพระนางด้วยความศรัทธาและความเคารพนับถือ พระนางรักคนเช่นนี้ พระนางจะเลี้ยงดูและรับเอาไว้เป็นลูกของพระนาง”

ท่านนักบุญที่เราเพิ่งออกชื่อมานี้กล่าวว่า “รู้ท” ซึ่งเป็นชื่อที่มีความหมายว่า “มองเห็นและรับ” นั้น เป็นสัญลักษณ์ของแม่พระเพราะแม่พระมองเห็นความทุกข์ของเรา และรีบมาช่วยเราด้วยความเมตตา” โนวารีโนเสริมว่า “แม่พระไม่อาจจะรออยู่ได้ เพราะความต้องการอันใหญ่ยิ่งของพระนางในอันที่จะช่วยเรา พระนางมิใช่ผู้ดูแลที่เข้มงวดของพระหรรษทาน ซึ่งพระนางอาจจะเอามาใช้ได้ในฐานะที่เป็นมารดาแห่งความเมตตา พระนางไม่อาจที่จะทำอะไรได้นอกจากจะประทานสมบัติแห่งความเมตตากว้างขวางของพระนางแก่ผู้รับใช้ของพระนาง”

พระนางช่างรีบมาช่วยผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระนางอย่างฉับพลันเพียงใด ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเรนซีโอให้ความแน่ใจแก่เราว่า ความเมตตาสงสารของแม่พระจะหลั่งไหลมายังทุกคนที่วอนขอ แม้ว่าเราจะวอนขอ โดยใช้แต่เพียงบท “วันทามารีอา” บทเดียวกันก็ตาม ดังนั้น โนวารีโนจึงประกาศว่า แม่พระไม่เพียงแต่วิ่งเท่านั้น แต่พระนางถึงกับโผบินไปช่วยเหลือผู้ที่เรียกหาพระนาง ท่านนักเขียนผู้นี้กล่าวว่า “ในการแสดงความเมตตานั้น พระนางไม่รู้จักที่จะทำอะไรผิดไปจากพระเป็นเจ้า พระองค์รีบไปช่วยผู้ที่วอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เพราะพระองค์ทรงซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาว่าที่ว่า “จงขอเถิดแล้วท่านจะได้รับ” แม่พระก็เหมือนกัน เมื่อไรพระนางถูกเรียกหา “พระเป็นเจ้าทรงสวมปีกเมื่อพระองค์ช่วยผู้ที่เป็นของพระองค์” แม่พระก็ใส่ปีกเหมือนกันเมื่อเวลาที่พระนางเตรียมพร้อมที่จะรีบมาช่วยเรา ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่า ผู้หญิงในหนังสือพระธรรมวิวรณ์กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับปีกนกอินทรีทั้งสองข้าม เพื่อจะได้บินไปในทะเลทรายนั้นคือใคร? “และผู้หญิงนั้นได้รับปีกนกอินทรีใหญ่สองข้าง เพื่อนางจะได้บินไปในทะเลทราย” รีไบราอธิบายว่าปีกที่พูดถึงนี้คือความรักซึ่งแม่พระใช้บินไปยังพระเป็นเจ้า “พระนางมีปีกของนกอินทรี เพราะพระนางบินโดยอาศัยความรักของพระเป็นเจ้า” แต่ท่านบุญราศีอามาเดอู้สออกความเห็นซึ่งตรงกับความมุ่งหมายของเรามากกว่าว่า ปีกทั้งสองข้างของนกอินทรีนี้หมายถึงความรวดเร็วกว่าบรรดาเซราฟิมซึ่งแม่พระใช้ในการรีบไปช่วยลูก ๆ ของพระนาง”

ที่กล่าวมานี้จะอธิบายตอนหนึ่งในพระวรสารของนักบุญลูกาซึ่งบอกว่าเมื่อแม่พระไปเยี่ยมนางเอลีซาเบ็ทและครอบครัวเพื่อประทานพระหรรษทานให้นั้น พระนางมิได้เฉื่อยช้า แต่ไปอย่างรวดเร็ว พระวรสารกล่าวว่า “และมารีอาลุกขึ้นไปยังเมืองแถบภูเขาอย่างรวดเร็ว” แต่มิได้กล่าวเช่นนี้เมื่อพระนางเดินทางกลับ ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง เพลงศักดิ์สิทธิ์ในพระคัมภีร์เก่าบอกเราว่า “มือของนางเชี่ยวชาญในการใช้ล้อ (ทอผ้า) ” ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า “คำพูดนั้นหมายความว่า การหมุนล้อนั้นเป็นการทำงานที่ง่ายและมีประโยชน์ ฉันใดก็ฉันนั้น แม่พระเต็มใจและรีบช่วยเหลือผู้ที่มีความศรัทธาต่อพระนางมากกว่านักบุญใด ๆ” แน่ละ พระแม่เปี่ยมไปด้วยความเต็มใจที่จะปลอบโยนคนเหล่านี้ พอเขาเรียกหาพระนางก็รับฟังคำภาวนาของเขาและช่วยเหลือทันที ดังนั้น นักบุญโบนาเวนตูราจึงพูดถูกแล้ว เมื่อท่านเรียกพระแม่ว่า “เป็นความรอดของผู้ที่เรียกหาพระนาง” ซึ่งหมายความว่า การเรียกหาพระมารดาพระเป็นเจ้าผู้นี้เท่านั้นก็พอแล้วที่จะทำให้เราได้รับความรอด เพราะริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า พระนางพร้อมเสมอที่จะช่วยผู้ที่แสวงหาความช่วยเหลือจากพระนาง “ท่านจะพบว่าพระนางพร้อมเสมอที่จะช่วย” เบอร์นาดีน เด บูสตีสเสริมว่า พระนางผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ปรารถนาที่จะประทานพระหรรษทานให้แก่เรา มากกว่าที่เราอาจจะปรารถนารับพระหรรษทานเหล่านั้นได้”

ในขณะที่เราเฝ้าอยู่แทบเท้าของพระแม่นั้น เรามิควรจะปล่อยให้การรำลึกถึงบาปเป็นจำนวนมากของเรานั้นทำให้ความไว้ใจของเราลดน้อยลงเลย พระนางคือมารดาแห่งความเมตตา แต่ความเมตตาไม่จำเป็นตที่จะต้องมีอยู่ ถ้าไม่มีผู้ที่ต้องการความเมตตาในเรื่องนี้ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า “แม่ที่ดีย่อมไม่รู้สึกขยะแขยงที่จะชโลมยาให้ลูกของนางซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผล ไม่ว่าจะน่าเกลียดหรือชวนคลื่นเหียนเพียงใด ในทำนองเดียวกันแม่พระก็ไม่อาจจะละทิ้งเราได้ ถ้าเราเข้าไปพึ่งพาอาศัยพระนางให้พระนางช่วยรักษารอยแผลซึ่งเกิดขึ้นเพราะบาปของเรา ไม่ว่าบาปนั้นจะทำให้เราน่าเกลียดอย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่แม่พระโปรดให้นักบุญเกอร์ทรู้ดเข้าใจ เมื่อพระนางแสดงตัวแก่ท่านนักบุญ พร้อมกับแผ่เสื้อคลุมของพระนางเพื่อต้อนรับทุก ๆ คนที่เข้ามาพึ่งพระนางและในขณะเดียวกันท่านนักบุญก็ได้ยินว่า “บรรดานิกรเทวดาเฝ้าดูแลผู้ที่มีความศรัทธาต่อแม่พระเสมอไปมิให้ถูกนกรกโจมตี” ดังนั้นพระนางจึงวอนขอพระบุตรให้ปลอบโยนทั้งสอง โดยเพียงแต่ทูลให้พระองค์ทราบถึงความทุกข์ยากของเขาโดยกล่าว “เขาไม่มีเหล้าองุ่น” พระนางกระทำเช่นนี้โดยฟังแต่เพียงเสียงแห่งความเมตตาแห่งดวงใจของพระนางเท่านั้น ซึ่งไม่อาจจะมองดูผู้ที่มีความทุกข์โดยที่ไม่สงสารได้ พอพระนางกระทำดังนี้ พระเยซูเจ้าก็ทรงกระทำอัศจรรย? อันมีชื่อเสียง คือพระองค์ได้เปลี่ยนน้ำในตุ่มให้เป็นน้ำองุ่น ที่พระองค์ได้กระทำดังนี้ก็เพื่อให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นได้รับความพอใจ แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อปลอบโยนดวงใจอันเปี่ยมไปด้วยความสงสารของแม่พระ โนวารีนู้สให้เหตุผลว่า “ถ้าแม่พระพร้อมที่จะช่วยผู้ขัดสนแม้ว่าเขาจะมิได้ขอร้อง ดังนี้แล้วพระนางจะมิยิ่งช่วยผู้ที่ร้องหาพระนางและวอนขอความช่วยเหลือจากพระนางดอกหรือ?”

ถ้ามีผู้ใดยังสงสัยว่าแม่พระจะมิช่วยเหลือตนถ้าตนขอความช่วยเหลือจากพระนางแล้ว สันตะปิตาเจ้าอินโนเซ็นซีโอที่ 3 กล่าวตำหนิผู้นั้นไว้ว่า “มีใครบ้างที่เข้ามาพึ่งพระนางผู้อ่อนหวาน เมื่อตนจมอยู่ในความมืดแห่งบาป โดยที่มิได้รับความบรรเทาใจ?”

ท่านบุญราศียูตีเกียนกล่าวว่า “ใครบ้างที่วอนขอความช่วยเหลืออันมีอำนาจของพระแม่อย่างซื่อสัตย์ แล้วถูกพระแม่ละทิ้ง?” แน่ละ คงจะไม่มีใครเลย เพราะพระแม่สามารถช่วยบรรเทาผู้ทุกข์ยาก และประทานความรอดให้แก่ผู้ที่ถูกทอดทิ้ง เรื่องเช่นนี้ยังไม่เคยเกิดและจะไม่มีวันเกิดขึ้น

นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “โอ้พระมารดามารีอา ผู้ใดที่เคยพึ่งพระแม่ในยามต้องการ และจำได้ว่าเขามิได้รับความช่วยเหลือ ผู้นั้นไม่ควรจะพูดถึงหรือสรรเสริญความเมตตาของพระแม่เลย”

นักบุญอัลชแซลโมเสริมเพื่อเพิ่มความไว้ใจของเราว่า “เมื่อเราเข้ามาพึ่งพระมารดาพระเป็นเจ้าผู้นี้ เรารไม่เพียงแต่จะแน่ใจในความคุ้มครองของพระนางเท่านั้น แต่โดยมากพระนางมักจะได้ยินคำภาวนาของเราทันที และเราจะได้รับความคุ้มครองจากพระนาง ถ้าเราเข้ามาพึ่งพระแม่และเรียกหานามของพระนาง เหมือนกับว่าเราออกพระนามของพระเยซูองค์พระมหาไถ่ของเรา” และเหตุผลที่ท่านให้ก็คือ ในฐานะที่เป็นพระตุลาการ พระเยซูเจ้าจำต้องรับหน้าที่เป็นผู้ลงโทษ แต่ความเมตตานั้นเป็นของแม่พระในฐานะที่พระนางเป็นผู้อุปถัมภ์ ซึ่งหมายความว่าเราจะได้พบกับความรอดง่ายมากกว่า ถ้าเราไปหาพระมารดาแทนที่จะไปหาพระบุตรของพระนางโดยตรง มิใช่ว่าแม่พระมีอำนาจที่จะช่วยเรามากกว่าพระบุตรของพระนาง เพราะเรารู้ว่าพระเยซูคริสตเจ้าคือองค์พระมหาไถ่ของเรา และพระองค์เท่านั้นได้นำและจะนำความรอดมาสู่เราเสมอไป แต่เหตุผลก็คือ เมื่อเวลาที่เราเข้าไปหาพระเยซูคริสตเจ้า เราย่อมจะคิดด้วยว่าพระองค์คือพระตุลาการของเรา ผู้มีหน้าที่ลงโทษวิญญาณที่อกตัญญู และดังนั้นเราอาจจะขาดความไว้ใจ ซึ่งจะเป็นเหตุให้พระองค์ไม่ยอมรับฟังคำภาวนาของเรา แต่เมื่อเราไปหาพระแม่ ผู้ไม่มีหน้าที่ใด ๆ นอกจากที่จะสงสารเรา ในฐานะที่พระนางเป็นมารดาแห่งความเมตตาและปกป้องเราในฐานะที่พระนางเป็นผู้วิงวอนของเรา ความไว้ใจของเราก็จะแน่นแฟ้นและยิ่งใหญ่มากขึ้น “เรามักจะได้รับสิ่งที่เราวอนขอได้เร็วกว่า ถ้าเราเอ่ยนามของแม่พระแทนที่จะเอ่ยพระนามของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระนางคือเจ้าและมหาตุลาการของมนุษย์ทุกคน พระองค์ย่อมแสวงหาบุญกุศลของแต่ละคน และถ้าพระองค์มิได้ประทานตามคำวิงวอน ก็นับว่าพระองค์ได้ทรงกระทำไปอย่างยุติธรรมแล้ว แต่ถ้าเราเรียกหานามของพระมารดา แม้ว่าผู้ที่ขอจะไม่สมควรที่จะให้แม่พระเป็นเจ้าทรงประทานพระหรรษทานให้ตนก็ตามความเหมาะสมของแม่พระก็ชดเชยแทนให้ และเขาจะได้รับสิ่งที่ได้วอนขอ”

นิเชโฟรุ้สกล่าวว่า “มีหลายอย่างที่เราขอจากพระเป็นเจ้าแต่มิได้รับ แต่ผู้ที่ขอจากพระแม่นั้นกลับได้รับ” ทำไมจึงเป็นเช่นนี้เล่า? ที่เป็นเช่นนี้มิใช่เพราะพระนางมีอำนาจมากกว่า แต่เพราะพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้เป็นไปดังนั้น เพื่ให้เกียรติแด่พระมารดาของพระองค์

นักบุญบริยิดได้ยินพระเยซูเจ้าให้คำมั่นสัญญาที่อ่อนหวานและเป็นที่น่าปลอบใจ ในบทที่ห้าสิบในหนังสือการไขแสดงของเธอเราจะอ่านพบว่า วันหนึ่งท่านนักบุญได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสแก่พระมารดาของพระองค์ว่า “ไม่มีคำภาวนาใด ๆ ทั้งสิ้นของพระแม่ที่ลูกจะไม่รับฟัง พระแม่ที่รัก ขอเถิด ขออะไรก็ได้ที่พระแม่ต้องการลูกจะไม่ปฏิเสธอะไรแก่พระแม่เลย และลูกยังสัญญาว่าจะรับฟังคำภาวนาของทุกคนที่วอนขอพระหรรษทานจากลูกเพราะเห็นแก่ความรักต่อพระแม่ แม้ว่าเขาจะเป็นคนบาป – ขอแต่เพียงให้เขาตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเถิด นักบุญเกอร์ทรู้ดได้ยินองค์พระมหาไถ่ทรงประทานคำสัญญาอันเดียวกันนี้แก่พระมารดาของพระองค์ กล่าวคือ โดยอาศัยพระสรรพานุภาพของพระองค์ พระองค์ได้ประทานอำนาจให้แก่แม่พระ ในอันที่จะทำให้คนบาปที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระนาง คืนดีกับพระองค์ในทางใดก็แล้วแต่ ที่พระอยากจะช่วยเหลือเขา

ดังนั้น ขอให้ทุกคนนำเอาบทภาวนาของนักบุญเบอร์นาร์โด ไปใช้เป็นของตนเองด้วยความไว้ใจที่เต็มเปี่ยมเถิด ท่านนักบุญสวดว่า “โปรดระลึกเถิด โอ้พรหมจารีผู้อ่อนหวานยิ่ง ว่าไม่เคยเป็นที่ล่วงรู้กันเลยว่า ผู้ใดที่หลบไปอยู่ในความคุ้มครองของพระแม่ได้ถูกทอดทิ้ง” ดังนั้นโปรดอภัยโทษลูกด้วยเถิด โอ้พระแม่มารีอา ถ้าลูกพูดว่า ลูกคงจะไม่เป็นคนโชคร้ายคนแรกที่ได้มาพึ่งพาอาศัยและถูกพระแม่ทอดทิ้ง

- ตัวอย่าง -

นักบุญฟรังซิสแห่งซาลส์รู้สึกอำนาจของคำภาวนานี้อย่างรุนแรง ท่านเพิ่งอายุได้สิบเจ็ดปี และกำลังศึกษาอยู่ในกรุงปารีส ท่านไม่เพียงแต่จะขยันหมั่นเพียรในหารเรียนเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นผู้ที่มีความศรัทธาอีกด้วย และพระเป็นเจ้าได้โปรดให้ท่านได้รับความชื่นชมฝ่ายวิญญาณมากมายนัก แต่เพื่อเป็นการทดลองใจ และทำให้ความรักของท่านมั่นคงขึ้น พระเป็นเจ้าทรงปล่อยให้ปีศาจมาล่อลวงท่านและหลอกท่านว่าทุกสิ่งที่ท่านทำไป เพราะรักพระเป็นเจ้านั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะท่านถูกตัดสินให้ตกนรกแล้ว ความมืดมนและความแห้งแล้งฝ่ายวิญญาณก็ติดตามการประจญล่อลวงมาด้วย และความชมชื่นแห่งวิญญาณของท่านนั้น เกือบจะเป็นสิ่งที่ทนไม่ได้เลย ท่านรับประทานอาหารไม่ลง นอนก็ไม่หลับและเจ็บป่วยโศกเศร้า จนกระทั่งทุก ๆ คนมองดูท่านด้วยความสงสาร

ตราบเท่าที่พายุร้ายนี้ยังกระหน่ำอยู่ ท่านนักบุญก็คิดได้แต่เฉพาะสิ่งที่ชื่นชม และกล่าวแต่เฉพาะคำที่หมดหวัง ในประวัติชีวิตของท่านเราอ่านว่าท่านพูดกับตัวเองว่า “บัดนี้ฉันจะไม่มีพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า ผู้เคยมีความอ่อนหวานและน่ารักต่อแนเทียวหรือ? ฉันจะมิได้มีโอกาสที่จะได้ส่วนในความชื่นชมยินดีของพระเป็นเจ้าอีกหรือ? โอ้พรหมจารี พระมารดาของพระเป็นเจ้าผู้สวยงามกว่าบรรดาธิดาแห่งเยรูซาแลม ลูกจะไม่เห็นพระแม่ในสวรรค์อีกหรือ? ถ้าลูกจะไม่เห็นพระแม่ในสวรรค์ อย่างน้อยก็ขออย่าให้ลูกต้องไปดูถูกและสาปแช่งพระแม่ในนรกเลย”

การประจญล่อลวงนี้อยู่กับท่านเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในที่สุดพระอาจารย์ก็ทรงโปรดให้ท่านพ้นการประจญนี้ โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนของพระแ ม่ (ก่อนหน้านี้ท่านนักบุญได้ถวายความบริสุทธิ์ของตนแด่แม่พระ และท่านเคยพูดอยู่เสมอว่าท่านมอบความหวังทั้งหมดของท่านไว้ในพระนาง) เย็นวันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังกลับบ้าน ท่านได้เข้าไปในวัด และได้พบแผ่นกระดานที่มีคำสวดซึ่งมีชื่อเสียงของนักบุญเบอร์นาร์โดแด่แม่พระจารึกอยู่ว่า “โปรดระลึกเถิด โอ้พรหมจารีผู้อ่อนหวานยิ่ง ว่าไม่เคยเป็นที่ล่วงรู้กันเลยว่า ผู้ใดที่ได้หลบไปอยู่ในความคุ้มครองของพระแม่ได้ถูกทอดทิ้ง” ท่านคุกเข่าต่อหน้าแท่นพระแม่ แล้วสวดภาวนานั้นด้วยความรัก รื้อฟื้นคำปฏิญาณตัวคือศีลพรพรหมจรรย์ของท่าน และสัญญาว่าจะสวดสายประคำทุก ๆ วัน แล้วท่านก็เสริมบทภาวนาบทนี้ของท่านว่า “ข้าพแต่ราชินีของลูก โปรดเป็นผู้เสนอวิงวอนของลูกกับพระบุตรของพระแม่ ซึ่งลูกไม่กล้าเข้าใกล้ ข้าแต่พระมารดา ถ้าลูกจะสูญเสียสวรรค์ในโลกหน้า และไม่สามารถที่รักพระบุตรของพระแม่ ซึ่งสมควรแก่ความรักทั้งสิ้นของลูกแล้ว อย่างน้อยก็โปรดวอนขอพระหรรษทานให้ลูกได้รักพระองค์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในโลกนี้ นี่คือพระหรรษทานที่ลูกวอนขอและไว้ใจว่าจะได้รับจากพระแ ม่”

เมื่อจบการภาวนาของท่านแล้ว ท่านก็มอบตัวไว้กับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าโดยสิ้นเชิง และปล่อยตัวไว้กับพระเมตตาของพระองค์ ในทันใดนั้นท่านก็พ้นจากการประจญ แม่พระได้โปรดให้ท่านได้รับสันติภายในกลับคืนมาพร้อมกับสุขภาพของท่าน และตลอดชีวิตของท่านฟรันซีสได้มีความศรัทธาต่อพระนางเป็นอันมากและได้เขียนหนังสือหลายเล่ม และบทเทศน์เป็นจำนวนมากมายให้เป็นเกียรติแด่แม่พระ

- บทภาวนา -

ข้าแต่พระมารดาแห่งพระเป็นเจ้า ราชินีแห่งนิกรเทวดา โอ้ความหวังของมนุษยชาติ โปรดรับฟังผู้ที่กำลังเรียกหาและไว้วางใจในพระแม่อยู่ในขณะนี้ด้วยเถิด โปรดมองดูลูกผู้เป็นทาสที่น่าสงสารแห่งขุมนรกอยู่แทบเท้าของพระแม่ ลูกขออุทิศตัวในการรับใช้พระแม่ตลอดไป ลูกขอมอบตัวรับใช้พระแม่เท่าที่ลูกสามารถจะทำได้ ลูกเห็นอย่างชัดแจ้งแล้วว่า พระแม่จะมิได้รับเกียรติมงคลจากการรับใช้ของทาสผู้เลวทรามเช่นลูกนี้ เพราะลูกได้เคยทำผิดต่อพระแม่และพระบุตรของแม่พระอยู่บ่อยเหลือเกิน แต่ถ้าพระแม่รับลูกไว้เป็นผู้รับใช้ แม้ว่าลูกจะไม่สมควร แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงลูกและทำให้ลูกเหมาะสมโดยอาศัยคำวิงวอนของพระแม่ จะทำให้ความเมตตาของพระแม่ได้รับเกียรติอย่างที่ลูกผู้น่าสังเวชไม่อาจจะถวายแด่พระ แม่ได้ ดังนั้นโปรดรับลูกเถิดพระแม่เจ้า และอย่าได้ปฏิเสธลูกเลย พระวจนาตถ์เสด็จมาจากสวรรค์เพื่อแสวงหาลูกที่หลงฝูง และมาเป็นบุตรของพระแม่เพื่อจะได้ช่วยลูกแกะเหล่านั้น แน่ละ พระแม่คงจะไม่ดูหมิ่นลูกแกะหลงฝูงตัวหนึ่งที่เข้ามาหาพระแม่ เพื่อจะได้พบองค์พระเยซูเจ้าเป็นแน่ ค่าไถ่บาปของลูกนั้นพระองค์ได้ประทานให้แล้ว พระมหาไถ่ของลูกได้หลั่งพระโลหิตของพระองค์ ซึ่งเพียงพอที่จะช่วยให้โลกอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนได้รับความรอด มีสิ่งหนึ่งที่ยังจะต้องทำก็คือการนำพระโลหิตของพระองค์มาแจกจ่ายให้แก่ลูก ข้าแต่พระแม่เจ้านี่แหละคือหน้าที่ของพระแม่ นักบุญโบนาเวนตูราบอกลูกว่า หน้าที่ของพระแม่ก็คือ การช่วยให้ผู้ที่พระแม่ต้องการ ได้รับความรอด ดังนั้น โปรดช่วยให้ลูกรอดเถิด ข้าแต่พระราชินี วันนี้ลูกขอมอบถวายวิญญาณให้แก่พระแม่ โปรดรับเป็นผู้จัดการเถิด ลูกจะจบคำภาวนาของลูกเหมือนกับนักบุญโบนาเวนตูราว่า “โอ้ความรอดของผู้ที่เรียกหาพระแม่ โปรดช่วยลูกด้วย”

 

series002

04-01 แม่พระช่วยเหลือผู้ที่เรียกหาพระนางโดยฉับพลัน แม่พระช่วยเหลือผู้ที่เรียกหาพระนางโดยฉับพลัน