Skip to main content

พระแม่มารีอาบอกแก่นักบุญบริยิดว่า พระนางมิได้เป็นแต่เฉพาะมารดาของผู้ที่มีคุณธรรมและบริสุทธิ์เท่านั้น แต่พระนางยังเป็นมารดาของคนบาปด้วยะถ้าเขาพร้อมที่จะกลับใจ คนบาปที่อยากจะกลับใจและวิ่งไปกราบอยู่แทบเท้าแม่พระ จะเห็นด้วยตัวเองว่าพระมารดาใจดีผู้นี้ จะเร่งรีบไปสวมกอดตนมากกว่ามารดาฝ่ายเนื้อหนังของตนเสียอีก นักบุญเกรโกรีโอที่ ๗ พูดในทำนองเดียวกัน เมื่อท่านเขียนจดหมายไปถึงเจ้าหญิงมาทีลดา ท่านเขียนว่า “ลูกจงสัญญาว่าจะไม่ทำบาปอีกต่อไป และเราสัญญาได้ว่าลูกจะพบพระแม่มารีอา พร้อมเสมอที่จะรักลูกมากกว่ามารดาผู้ใดในโลกนี้”

   แต่ผู้ที่อยากจะเป็นลูกของพระมารดผู้ยิ่งใหญ่นี้ จะต้องละทิ้งบาปเสียก่อน หลังจากนั้นเขาจึงจะหวังที่จะได้รับการต้อนรับจากพระนางได้ เมื่อกล่าวถึงบทสุภาษิตในพระคัมภีร์เก่าทีว่า จงลุกขึ้นเถิดลูกของนาง ท่านริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอตั้งข้อสังเกตว่า คำว่า “ลุกขึ้น” มาก่อนคำว่า “ลูก” เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีผู้ใดที่จะเป็นลูกของพระแม่มารีอาได้ ถ้าเขาไม่พยายามที่จะลุกขึ้นหรือถอนตัวออกจากความผิดซึ่งเขาได้กระทำไว้ เพราะผู้ที่มีบาปหนัก ไม่สมควรที่จะได้ชื่อว่าเป้นลูกของพระมารดาผู้นี้” นักบุญเปโตรคลีสโซโลกูสกล่าวว่าผู้ที่ประพฤติตัวผิดกับพระแม่มารีอา ไม่ว่าในทางไหน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการเป็นลูกของพระนาง ผู้ที่ไม่ทำกิจการของมารดา (ตน) ย่อมตัดสายสัมพันธ์ แม่พระสุภาพและตัวเขาหยิ่งยะโส แม่พระบริสุทธ์ผุดผ่องแต่ตัว่เขาชั่วช้าเลวทราม แม่พระเต็มไปด้วยความรัก แต่ตัวเขาเกลียดชังเพื่อนมนุษย์เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเขามิใช่และจะไม่ยอมเป็นลูกของพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า “บุตรของแม่พระ คือผู้ที่ทำตามแบบฉบับของพระนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความบริสุทธิ์ การมีใจกว้างขวางและความสุภาพรวมกับความถ่อมตัว และความเมตตาด้วย”

   ใครเล่าจะกล้าหวังเป็นลูกของพระแม่มารีอาในขณะที่ตนทำตัวให้เป็นที่ขยะแขยงของพระนางโดยการดำเนินชีวิตที่ชั่วช้า? คนบาปคนหนึ่งบอกกับแม่พระว่า “จงแสดงตัวเป็นมารดาเถิด” แต่แม่พระตอบว่า “จงแสดงตัวเป็นลูกซิ” อีกคนหนึ่งเรียกพระแม่ว่า “มารดาแห่งความเมตตา” พระนางตอบว่า “พวกเจ้าคนบาปเมื่อไรเจ้าต้องการความช่วยเหลือของเราแล้วละก็ เจ้าก็เรียกเราว่ามารดาแห่งความเมตตา แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าก็มิได้หยุดทำบาปซึ่งทำให้เราเป็นมารดาแห่งความทุกข์และเศร้าโศกอยู่เสมอ” ตอนหนึ่งพระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า ผู้ที่ทำให้มารดาโกรธ จะถูกพระเป็นเจ้าสาปแช่ง ริชาร์ด แห่ง นักบุญเลาเร็นซีโอ กล่าวว่า “ที่พูดมานี้หมายถึงแม่พระ” พระเป็นเจ้าสาปแช่งผู้ที่ทำให้พระมารดาผู้อ่อนหวานนี้ต้องรับความทุกข์ โดยการดำเนินชีวิตที่ชั่วช้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดื้อดันอยู่ในความชั่วนั้น

   ข้าพเจ้าบอกว่าดื้อดันอยู่ในความชั่วก็เพราะว่า ถ้าคนบาปแม้ว่าจะยังมิได้ละทิ้งบาปของตนก็ตาม แต่กำลังพยายามอยู่ และเพราะความปราถนาที่จะละทิ้งบาป และมาขอความช่วยเหลือจากแม่พระ พระแม่ผู้ใจดีนี้จะไม่ละเลยที่จะช่วยเขา และจะโปรดให้เขาได้พบกับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าเป็นแน่ นี่คือคำที่นักบุญบริยิด ได้ยินจากริมฝีปากของพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เอง พระองค์ตรัสแก่พระมารดาของพระองค์ว่า “พระแม่ช่วยที่พยายามกลับมาหาพระเป็นเจ้า และไม่มีใครเลยที่มิได้รับคำปลอบใจจากพระแม่” ดังนั้นตราบใดที่คนบาปยังดื้อดันอยู่ในบาปของตน แม่พระจะรักเขามิได้ แต่เมื่อเขารู้ตัวว่าถูกโซ่ตัณหาล่ามให้เขาเป็นทาสนรกแล้ว เสนอตัวเองแด่พระนางพรหมจารีพร้อมกับวอนขอพระนางด้วยความไว้ใจ และความพากเพียรให้ช่วยฉุดเขาให้พ้นจากสภาพบาป ซึ่งเขาตกอยู่แล้วเราไม่ต้องสงสัยว่า แม่พระจะไม่ช่วยให้เขาพ้นจากโซ่นี้ และนำเขาไปสู่สถานะแห่งความรอด

   คำสอนที่ว่า คำภาวนาและกิจศรัทธาต่าง ๆ ที่เราทำในระหว่างที่อยู่ในบาปกลับเป็นบาปทั้งหมดนั้น ถูกสังคายนาแห่งเทร้นท์ประฌามว่าเป็นเรื่องนอกรีตผิดต่อคำสอนของพระศาสนจักร นักบุญเบอร์นาร์โต กล่าวว่า “แม้ว่าคำภาวนาจากปากของคนบาปจะไม่ม่ความสวยงาม เพราะไม่มีความรักต่อพระเป็นเจ้าติดตามไปด้วยก็ตามแต่คำภาวนานี้ก็มีประโยชน์ และทำให้เขาได้รับพระหรรษทานให้ละทิ้งบาป” นักบุญโทมัสสอนว่า คำภาวนาของคนบาปแม้ว่าจะไม่มีบุญกุศล แต่ก็เป็นกิจการที่ทำให้เขาได้รับพระหรรษทานแห่งการอภัยบาป เพราะอำนาจการวอนขอนั้น มิได้อยู่ในตัวของผู้ที่ขอแต่อยู่กับพระทัยดีของพระเป็นเจ้า ในพระบารมีและคำสัญญาของพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์ตรัสไว้ว่า ผู้ใดขอ ผู้นั้นจะได้รับ เราต้องพูดถึงคำภาวนาถวายแด่แม่พระในทำนองเดียวกัน นักบุ่ญอันแซลโม กล่าวว่า “แม้ผู้ที่สวดไม่มีบุญพอที่จะให้พระเป็นเจ้าสดับฟังตนก็ตาม แต่คำภาวนานั้นก็จะได้รับผล”

   ดังนั้นนักบุญเบอร์นาร์โด จึงชักชวนให้คนบาปทุกคนเข้ามาพึ่งแม่พระ และวอนขอความช่วยเหลือจากพระนางเวยความไว้ใจเพราะถึงแม้ว่าตัวคนบาปเองจะไม่เหมาะสมที่จะได้รับพระหรรษทานที่ตนขอก็ตาม แต่เขาจะได้รับเพราะแม่พระวอนขอให้แก่เขาจากพระเป็นเจ้าด้วยเดชะบุญกุศลของพระนางเอง ต่อไปนี้คือคำที่ท่านักบุญใช้พูดกับคนบาป “เพราะตัวท่านเองไม่เหมาะที่จะได้รับพระหรรษทานพระเป็นเจ้าจึงประทานให้แก่แม่พระ เพื่อท่านจะได้รับทุกสิ่งโดยอาศัยพระนาง” ท่านนักบุญองค์นี้กล่าวต่อไปว่า “ถ้ามารดาคนหนึ่งรู้ว่าลูกสองคนของนางเกลียดชังกันอย่างเข้ากระดูกดำ และแต่ละคนพยายามหาทางทำลายชีวิตของกันและกัน นางจะไม่พยายามจนสุดความสามารถที่จะทำให้ทั้งสองคืนดีกันดอกหรือ? นี่คือหน้าที่ของแม่ที่ดี และแม่พระก็กระทำดังนี้ด้วย เพราะพระนางคือพระมารดาของพระเยซูเจ้าและมารดาของมนุษย์ เมื่อพระนางเห็นคนบาปเป็นศัตรูกับพระเยซูคริสตเจ้า พระนางทนไม่ได้ และพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้มีสันติภาพระหว่างทั้งสองฝ่าย โอ้แม่มารีอาผู้มีบุญ พระแม่เป็นทั้งมารดาของนักโทษและผู้พิพากษา ในเมื่อพระแม่เป็นมารดาของทั้งสองฝ่ายและทั้งสองฝ่ายเป็นลูกของพระแม่ พระแม่จึงไม่อาจจะทนดูการขาดสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองฝ่ายได้

   พระนางผู้ใจดีนี้ต้องการแต่เพียงให้คนบาปเสนอตัวเองแด่พระนางและตั้งใจว่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเท่านั้น เมื่อแม่พระเห็นคนบาปวอนขอความเมตตาอยู่แทบเท้าของพระนาง พระนางไม่พิจารณาถึงความผิดที่ถ่วงวิญญาณเขาเลย แต่พระนางพิจารณาถึงความตั้งใจที่เขามีในการที่เข้ามาหาพระนาง ถ้าความตั้งใจนี้ดี แม้ว่าเขาจะทำบาปทุกชนิดทุกอย่างก็ตาม พระมารดาผู้น่ารักนี้ก็จะสวมกอดเขา และจะไม่รู้สึกขยะแขยงที่จะรักษาบาดแผลแห่งดวงวิญญาณของเขา เพราะพระนางไม่เฉพาะแต่จะมีชื่อว่า “มารดาแห่งความเมตตากรุณา” เท่านั้น แต่พระนางยังแสดงตัวว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วยความรักและความอ่อนโยนที่พระนางเอาติดตัวมาช่วยทุกคน แม่พระได้บอกความจริงข้อนี้แก่นักบุญ บริยิด “ไม่ว่ามนุษย์คนไหนจะทำบาปมากมายเพียงใด เราก็พร้อมที่จะต้อนรับเขาทันที ถ้าเขารู้ตัวและกลับใจ เราไม่แยแสว่าเขาทำบาปมากมายเพียงใด เราเพียงแต่สนใจในความตั้งใจดีที่ติดตามตัวเขามาเท่านั้น เราเต็มใจที่จะชโลมและรักษาบาดแผลของเขา เพราะเรามีชื่อว่าและเป็นมารดาแห่งความเมตตาอย่างแท้จริง”

   พระแม่มารีอาคือมารดาของคนบาปที่ปราถนาจะกลับใจและในฐานะที่เป็นมารดา พระนางจะทำอะไรไม่ได้นอกจากสงสารเขายิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าพระนางมีความรู้สึกสงสารความทุกข์ของลูกที่น่าสงสารของพระนาง คล้ายกับเป็นความทุกข์ของพระนางเองเมื่อผู้หญิงชาวคานาอันอ้อนวอนขอให้พระเยซูเจ้าโปรดให้ลูกสาวของนาง ซึ่งถูกผีสิงพ้นจากอำนาจปีศาจ นางกล่าวว่า ทรงเมตตาต่อข้าพเจ้าเถิดโอ้พระสวามีเจ้าโอรสของดาวิด ลูกสาวของข้าพเจ้าถูกปีศาจรบกวนอย่างร้ายแรง ที่จริงมิใช่ตัวมารดาดอก แต่ลูกสาวต่างหากที่ถูกทรมาน นางควรจะกล่าวว่า “พระสวามีเจ้าข้าโปรดเมตตาลูกสาวของข้าพเจ้าเถิด” ไม่ใช่โปรดเมตตาต่อข้าพเจ้า แต่นางกล่าวว่า “โปรดเมตตาต่อข้าพเจ้า” และนั้นนางก็พูดถูกแล้ว เพราะแม่ย่อมมีความรู้สึกสงสารในความทุกข์ทรมานของลูก ๆ คล้ายกับว่าเป็นความทรมานของตนเอง ริชาร์ดแห่งนักบุญ เลาเร็นซีโอ กล่าวว่า แม่พระภาวนาเช่นนี้แหละ ในเมื่อพระนางเสนอคนบาปที่เข้ามาพึ่งพระนางแด่พระเป็นเจ้า พระนางร้องออกมาเพื่อคนบาปว่า “โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด” คล้ายกับพระนางจะพูดว่า “พระสวามีเจ้าข้า วิญญาณอันน่าสงสารที่อยู่ในบาปนี้คือลูกของข้าพเจ้า ดังนั้นโปรดกรุณาสงสารมิใช่ตัวเขาดอก แต่โปรดสงสารตัวข้าพเจ้าซึ่งเป็นมารดาของเขา”

   ถ้าคนบาปทุกคนมาพึ่งพระมารดาผู้อ่อนหวานผู้นี้ เขาก็จะได้รับการอภัยบาปจากพระเป็นเจ้าอย่างแน่นอน นักบุญโบนาเวนตูราอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้พระแม่มารีอา พระแม่สวมกอดคนบาปที่โลกทั้งโลกเขาละทิ้งแล้วด้วยความรักฉันท์แม่ และพระแม่จะไม่ละทิ้งเขา จนกว่าจะทำให้มนุษย์ผู้น่าสงสารนั้นคืนดีกับมหาตุลาการของตน” ซึ่งหมายความว่าทุก ๆ คนเขาเกลียดและรู้สึกขยะแขยงคยนบาปที่ยังมีชีวิตอยู่ในบาป แม้กระทั่งสิ่งที่ไม่มีชีวิตก็เช่นเดียวกัน ดิน ฟ้า อากาศจะลงโทษเขา และแก้แค้นเกียรติของพระสวามีเจ้าที่ถูกสบประมาท แต่ถ้ามนุษย์ที่น่าสมเพชนี้ วิ่งไปหาพระแม่พระนางจะมิปฏิเสธเขาดอกหรือ? เปล่าเลย ถ้าเขาไปขอความช่วยเหลือจากพระนางด้วยความปราถนาที่จะกลับใจ พระนางจะสวมกอดเขาด้วยความรักเยี่ยงมารดา และจะไม่ปล่อยให้เขาไปจนกระทั่งพระนางจะได้ทำให้เขาคืนดีกับพระเป็นเจ้า และประทานพระหรรษทานให้แก่เขาใหม่ ด้วยคำวิงวอนอันเปี่ยมด้วยอำนาจของพระนาง

   ในพระคัมภีร์ เราอ่านถึงเรื่องหญิงสาวแห่งเมืองเทคูอา ซึ่งทูลกษัตริย์ดาวิดว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้ามีบุตรสองคน เป็นโชคร้ายของข้าพเจ้าที่ลูกคนหนึ่งฆ่าลูกอีกคนหนึ่ง ข้าพเจ้าสูญเสียลูกไปหนึ่งแล้ว บัดนี้ความยุติธรรมจะมาคร่าลูกอีกคนหนึ่งไปจากอกของข้าพระองค์ ลูกที่เหลืออยู่คนเดียวของข้าพเจ้าแท้ ๆ โปรดทรงเมตตาต่อมารดาผู้อาภัพนี้เถิด โปรดอย่าให้ข้าพระองค์ต้องสูญเสียบุตรไปทั้งสองคนเลย พระเจ้าข้า” ดาวิดรู้สึกสงสารมารดา จึงประกาศให้ปล่อยนักโทษคืนให้แก่มารดาผู้นั้น แม่พระดูเหมือนจะใช้คำพูดเช่นเดียวกันนี้กับพระเป็นเจ้า เมื่อพระองค์โกรธคนบาปที่เสนอตัวแก่พระนาง พระนางจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระเป็นเจ้า ข้าพเจ้ามีลูกอยู่สองคน พระเยซูเจ้าและมนุษย์ มนุษย์เอาชีวิตของพระเยซูจ้ไปแล้วลนไม้กางเขนและบัดนี้พระยุติธรรมของพระองค์จะตัดสินใจลงโทษมนุษย์ผู้ผิด พระสวามีเจ้าข้า พระเยซูของข้าพเจ้าสิ้นพระชนม์ไปแล้ว โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด ถ้าข้าพเจ้าได้สูญเสียบุตรไปคนหนึ่งแล้ว โปรดอย่าให้เสียไปอีกคนหนึ่งเลย”

   แน่ละ พระเป็นเจ้าจะไม่ตัดสินลงโทษคนบาปที่มาพึ่งพระแม่มารีอา หรือคนบาปที่พระนางสวดภาวนาให้ เพราะพระองค์เองเป็นผู้ฝากฝั่งคนบาปทั้งหมดให้เป็นบุตรหลานของพระนาง แลนสแปยีอู๊ส ผู้ศรัทธาสมมุติว่า พระเยซูเจ้าทรงตรัสว่าดังนี้ “เราเสนอทุกคน แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคนบาป แก่พระแม่มารีอา ให้เป็นลูกของพระนาง ดังนั้นพระนางจึงขยันและระมัดระวังในการกระทำตามหน้าที่นี้ จนกระทั่งพระนางไม่ยอมให้ผู้ใดที่เรียกหาพระนางพบกับความหายนะ แต่พยายามนำทุกคนเท่าที่พระนางอาจจะพามาได้ให้มาหาเรา” โบลซีอู๊ส กล่าวว่า “ใครเล่าจะพูดถึงคุณความดี ความเมตตา ความสงสาร ความมีใจกว้างขวาง ความกรุณา ความซื่อสัตย์ ความโอบอ้อมอารี และความรักของพรหมจารีมารดาผู้นี้ต่อมนุษย์ได้ ไม่มีคำใดของมนุษย์เราที่จะบรรยายได้”

   นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “ดังนั้นเราจงหมอบกราบอยู่แทบเท้าพระมารดาผู้พร้อมด้วยความดีนี้เถิด สวมกอดพระนาง และอย่าได้ละทิ้งพระนางไปจนกว่าพระนางจะได้พรแก่เรา และรับเราไว้เป็นลูกของพระนาง” และใครเล่าจะสงสัยได้ว่าพระมารดาผู้นี้เต็มไปด้วยความกรุณา นักบุญโบนาเวนตูรามักจะกล่าวว่า “แม้ว่าพระนางจะเอาชีวิตของข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าก็ยังจะไว้ใจในพระนางและปราถนาที่จะสิ้นใจตายต่อหน้ารูปของพระนาง ด้วยความไว้ใจเพื่อจะได้แน่ใจถึงความรอก” และคนบาปทุกคนที่เข้ามาพึ่งพระมารดาการุณย์ผู้ควรจะกล่าวแก่พระนางว่า

   “โอ้พระนางผู้เป็นมารดาของลูก ลูกควรจะได้รับคำปฏิเสธจากพระแม่เพราะบาปของลูก ยิ่งไปกว่านั้นลูกควรจะถูกพระแม่ลงโทษ เพราะลูกได้ละทิ้งพระแม่ ถึงแม้ว่าพระแม่จะปฏิเสธไม่ยอมรับ หรือเอาชีวิตไป ลูกก็ยังจะไว้ใจในพระแม่ และหวังอย่างแน่นแฟ้นว่าพระแม่จะช่วยให้ลูกรอด ความหวังทั้งหมดของลูกอยู่ในพระแม่ เพียงแต่โปรดให้ลูกได้รับการปลอบใจ โดยสิ้นใจตายต่อหน้ารูปของพระแม่ และมอบตัวไว้ในความกรุณาของพระแม่เท่านั้น แล้วลูกแน่ใจว่าจะไม่ตกนรก แต่จะไปสรรเสริญพระแม่ในสวรรค์ พร้อมกับผู้รับใช้ของพระแม่ที่จากโลกนี้ไป ในขณะที่เรียกขอความช่วยเหลือจากพระแม่ และได้ไปสวรรค์เพราะคำวิงวอนอันมีอำนาจของพระแม่” จงอ่านตัวอย่างต่อไปนี้เถิด แล้วจงถามตัวเองว่า คนบาปคนไหนบ้างที่อาจจะมีความสงสัยในความเมตตา และความรักของพระมารดาใจดีผู้นี้ได้”

- ตัวอย่าง -

   เด็กหนุ่มผู้มีตระกูลผู้หนึ่ง ชื่อ เอ๊สกิล ถูกเจ้าชายผู้เป็นบิดาส่งไปเรียนที่ฮิลเดอไชม ซึ่งเป็นชื่อเมืองแซ็กโซนี แต่เขากลับปล่อยตัวไปในทางที่ไม่ดี ต่อมาภายหลังเขาเจ็บหนักจนถึงกับต้องรับศีลทาสุดท้าย ในขณะที่อยู่ในสภาพนี้ เขาได้เห็นภาพประจักษ์ เห็นตัวเองถูกขังไว้ในเตาไฟใหญ่ที่ลุกโซน และเชื่อว่าตนตกนรกแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะหลบหนีออกมาได้ โดยอาศัยช่องแห่งหนึ่ง และหนีออกมาหลบภัยอยู่ในปราสาทใหญ่ในห้อง ๆ หนึ่ง เขาพบกับพระแม่มารีอา พระนางกล่าวแก่เขาว่า “เจ้าเป็นคนมักได้จริง ๆ เจ้ากลัวมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเราหรือ? ไปเถิดเข้าไปในไฟซึ่งเหมาะแล้วสำหรับเจ้า” เด็กหนุ่มจึงวอนขอให้แม่พระสงสารตนและหันไปขอคนสองสามคนที่อยู่ในห้องนั้นให้ช่วยวิงวอนแม่พระให้ตนด้วย คนเหล่านั้นก็ทำตาม แม่พระตอบว่า “แต่เจ้าไม่รู้ถึงชีวิตอันชั่วช้าที่เด็กคนนี้ได้ดำเนินมา เขาไม่ยอมถ่อมตัวมาเคารพเราแม้ด้วยการสวดบทวันทามารีอา”ผู้วอนขอของหนุ่มนั้นก็ตอบว่า “แต่พระแม่เจ้า เขาจะเปลี่ยนชีวิต” และเด็กหนุ่มก็เสริมขึ้นว่า “ถูกแล้ว ลูกสัญญาด้วยใจจริงว่าจะกลับใจ และจะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระแม่” ความโกรธของแม่พระก็หายไป พระนางกล่าวแก่เขาว่า “เอาละเราจะรับคำสัญญาของเจ้า จงซื่อสัตย์ต่อเรา และในเวลานี้จงพ้นจากความตายและนรกด้วยพรของเรา”  จบคำนี้ภาพประจักษ์ก็อันตรธานไป เอ็สกิลฟื้นขึ้นแล้วสรรเสริญแม่พระ พลางเล่าถึงพระหรรษทานที่ตนได้รับให้พวกเพื่อน ๆ ฟัง ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พากเพียรในความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ต่อแม่พระเสมอ เขาได้เป็นอัครสังฆราชแห่งลุนเดนในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้ทำให้คนเป็นจำนวนมากกลับใจมาถือความเชื่อ เมื่อตอนบั้นปลายของชีวิตเขา เขาได้สละการเป็นสังฆราชปลดชราเพราะอายุมาก และเป็นฤษีอยู่ที่แคลวอส์ เขามีชีวิตต่อไปอีกสี่ปีแล้วก็สิ้นใจอย่างศักดิ์สิทธิ์ บางคนถือว่าเขาเป็นนักบุญองค์หนึ่งในคณะฤษีซีสเตอร์เซียน

- คำภาวนา -

   โอ้ราชินีผู้สูงศักดิ์ และพระมารดาที่เหมาะสมของพระเป็นเจ้า พระแม่มารีอาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ลูกเห็นตัวของลูกเองน่าเกลียดและเต็มไปด้วยบาปนานาประการ ลูกไม่ควรที่จะเรียกพระแม่ว่า “แม่” หรือแม้แต่จะเข้ามาใกล้พระแม่เลย แต่ลูกจะไม่ปล่อยให้ความเลวทรามของลูกมาเป็นเหตุให้ลูกขาดการปลอบโยนและความไว้ใจที่ลูกรู้สึก เมื่อเรียกพระแม่ว่า “แม่” ลูกทราบดีว่าลูกควรจะถูกพระแม่ปฏิเสธ และถูกวอนขอให้พระแม่จงจะจำทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเยซูบุตรของพระแม่ได้รับทนเพื่อลูก หลังจากนั้นก็ปฏิเสธลูกเถิด ถ้าพระแม่ทำได้ลงคอ ลูกเป็นคนบาปหยาบช้า ซึ่งได้สบประมาทพระเป็นเจ้ามากกว่าผู้อื่น แต่ความชั่วนั้นลูกได้ทำไปแล้ว ลูกมาขอพึ่งพระแม่ พระแม่ช่วยลูกได้ ฉะนั้นโปรดช่วยลูกเถิด โปรดอย่าพูดว่าพระแม่ไม่อาจจะช่วยลูกได้ เพราะลูกรู้ว่าพระแม่มีอำนาจมาก และพระแม่ต้องการอะไรจากพระเป็นเจ้าพระองค์ก็ประทานทุกประการ แต่ถ้าพระแม่บอกว่าจะไม่ช่วยลูก อย่างน้อยก็บอกให้ลูกทราบว่า ในสภาพอันน่าสังเวชนี้ ลูกจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใดได้บ้าง ลูกจะพูดในคำของนักบุญอันแซลโมผู้ศรัทธาว่า “พระเยซูเจ้าข้า ถ้าพระองค์ไม่สงสารข้าพเจ้าและยกโทษให้ ข้าแต่พระแม่มารีอาของลูกถ้าพระแม่ไม่สงสารลูกช่วยวิงวอนให้แก่ลูกแล้ว อย่างน้อยก็บอกให้ลูกทราบว่าลูกจะไปขอพึ่งใครที่จะมีความเมตตาสงสารมากกว่า และผู้ที่ลูกจะได้มีความไว้วางใจมากไปกว่าในพระองค์และมารดาของพระองค์” หามิได้ดอก โอ้พระมารดามารีอาของลูก ข้าแต่พระเยซูเจ้า พระองคือบิดาของข้าพเจ้า ข้าแต่พระแม่มารีอา พระแม่คือมารดาของลูก พระองค์ทั้งสองรักผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากที่สุด และออกไปแสวงหาคนเหล่านี้เพื่อจะได้ช่วยให้รอด ลูกสมควรที่จะได้รับนรก และลูกน่าสมเพชที่สุด แต่พระแม่ไม่ต้องไปหาลูกดอก และเข้ามาหาพระแล้ว บัดนี้ลูกขอถวายตัวของลูกแด่พระแม่ด้วยความไว้ใจอันมั้นคงว่า ลูกจะไม่ถูกทอดทิ้งจากพระแม่เป็นอันขาด พระเยซูเจ้าข้า โปรดทอดพระเนตรมายังข้าพเจ้าอยู่แทบพระบาทของพระองค์ และโปรดอภัยโทษข้าพเจ้าเถิดพระแม่มารีอา มารดาของลูก โปรดช่วยลูกด้วยเทอญ

   ความพากเพียรจนถึงที่สุด (หรือการสิ้นใจในศีลในพรของพระเป็นเจ้า) เป็นของขวัญอันประเสริฐของพระเป็นเจ้า สังคายนาแห่งเมืองเทร้นท์ประกาศว่า พระคุณนี้มาจากคุณความดีของพระเป็นเจ้าเท่านั้น โดยที่เราไม่มีสิทธิ์จะรับเลย แต่นักบุญเอากูสตีโน บอกแก่เราว่า ผู้ที่แสวงหาพระหรรษทานแห่งความเพียรจนถึงที่สุดนี้เท่านั้นที่จะได้รับจากพระเป็นเจ้า ตามความเห็นของคุณพ่อซูอาเร้ส ผู้ที่แสวงหาพระหรรษทานนี้จะได้พบอย่างแน่นอน ถ้าเขาเพียงแต่หมั่นขอไปจนกระทั่งสิ้นชีวิต เพราะสิ่งที่เราต้องการทุกวัน เราต้องขอทุกวัน ตามข้อสังกตของเบลลามิน ถ้าพระหรรษทานที่พระเป็นเจ้าแจกจ่ายแก่มนุษย์ต้องผ่านมือแม่พระ เป็นความจริง (และข้าพเจ้าเองถือว่าเป็นความจริงอย่างแน่นอน ตามที่เขาถือกันโดยทั่วไปในเวลานี้ และดังที่ข้าพเจ้าจะพิสูจน์ในบทที่ 4 ของหนังสือเล่มนี้) เราก็ต้องถือว่าเป็นความจริงเช่นกันว่า เราอาจจะหวังได้รับพระหรรษทานอันใหญ่ยิ่งนี้คือความพากเพียร โดยอาศัยแม่พระเท่านั้น เราจะได้รับพระหรรษทานนี้อย่างแน่นอน ถ้าเราแสวงหาด้วยความไว้ใจจากมือของแม่พระเสมอไป พระนางสัญญาว่าจะประทานพระหรรษทานนี้ให้แก่ทุกคนที่รับใช้พระนางด้วยความซื่อสัตย์ในชีวิตนี้ โดยใช้คำของพระคัมภีร์ซึ่งพระศาสนจักรนำมาใช้กับพระนางในวันฉลองแม่พระปฏิสนินิรมล ว่า ผู้ที่ทำงานอยู่ข้าง ๆ เราจะไม่ทำบาป ผู้ที่อธิบายเรา จะได้พบชีวิตนิรันดร

   ในการรักษาไว้ซึ่งชีวิตพระหรรษทานนั้น เราต้องมีความอดทนฝ่ายวิญญาณ เพื่อจะได้ต่อต้านศัตรูความรอดของเราซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมา แต่ความอดทนนี้เราจะได้รับก็โดยอาศัยแม่พระเท่านั้น บทสุภาษิตในพระคัมภีร์ให้ความแน่นอนใจในข้อนี้แก่เรา เพราะพระศาสนจักรเอาคำจากพระคัมภีร์บทนี้ไปใช้กับแม่พระ คือ พละกำลังเป็นของเรา บรรดาราชาขึ้นครองราชย์โดยอาศัยเรา คำว่า พละกำลังเป็นของเรา นั้นหมายความว่า พระเป็นเจ้าประทานของขวัญอันมีค่านี้แก่แม่พระ เพื่อพระนางจะได้แจกจ่ายให้แก่ผู้ที่รับใช้พระนางอย่างซื่อสัตย์ คำว่า บรรดาราชาขึ้นครองราชย์โดยอาศัยเรา หมายความว่า ผู้รับใช้ของพระนางจะอยู่เหนือและบังคับความรู้สึกและราคตัณหาของตนโดยอาศัยพระนาง ดังนั้นเขาจึงจะได้สวยสุขชั่วนิรันดรในสวรรค์ ผู้ที่รับใช้พระนางผู้ยิ่งใหญ่นี้ ช่างมีพละกำลังมากเพียงใดในอันที่จะเอาชนะการโจมตีของนรก แม่พระคือหอที่บทสร้อยในพระคัมภีร์กล่าวถึง คอของเจ้าเปรียบเสมือนหอของดาวิด ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยกำแพงหนา มีอาวะของผู้กล้าหาญแขวนห้อยอยู่ พระนางเปรียบเสมือนป้อมที่มีกำลังแข็งแรงสำหรับต่อต้านผู้ที่รักพระนางและมาพึ่งพระนางในการสู้รบ ผู้ที่มีความศรัทธาต่อพระนางจะได้พบกับโล่ห์และอาวุธในตัวพระนางเอง สำหรับปกป้องตัวเองให้พ้นจากนรก

   ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง พระนางพรหมจารีจึงได้รับชื่อว่าเป็นต้นไม้ในที่ลุ่ม ตามคำของพระคัมภีร์ที่ว่า “เราได้รับการเชิดชูตามทาง เหมือนกับต้นไม้ในที่ลุ่มใกล้น้ำ” คาร์ดีนัลฮูโกอธิบายบทสร้อยนี้ว่า “ต้นในที่ลุ่มมีใบไม้เหมือนโล่ห์บัง” เพื่อแสดงให้เห้นว่า แม่พระคุ้มครองผู้ที่มาพึ่งพระนาง ท่านบุญราศรีอามาเดอู๊สอธิบายไปอีกอย่างหนึ่ง ท่านกล่าวว่า “พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้ในที่ลุ่ม เพราะที่ลุ่มให้ที่พักรุ่มแก่ผู้เดินทานให้พ้นจากความร้อนของดวงอาทิตย์และฝน ฉันใดก็ฉันนั้น มนุษย์เราจะพบที่หลบภัยภายใต้ความคุ้มครองของแม่พระ ให้พ้นจากความร้อนของตัณหาและความรุนแรงของการประจญล่อลวง แม่ละ วิญญาณที่ละทิ้งป้อมป้องกันนี้ โดยการละทิ้งความศรัทธาต่อแม่พระ และไม่เสนอตัวแด่พระนางในเวลาที่ล่อลวงนั้น เป็นผู้ที่น่าสงสารมาก นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “ถ้าดวงอาทิตย์ไม่ขึ้น โลกเราจะเป็นอะไรนอกไปจากความมือมนและความปั่นป่วนอันน่าสพึงกลัว และท่านเอาคำถามนี้ไปใช้กับพระแม่ว่า “ถ้าเอาดวงอาทิตย์ไป เวลากลางวันจะไปอยู่ที่ไหน? ถ้าเอาแม่พระไปแล้ว จะมีอะไรเหลือนอกไปจากกลางคืนอันมือมิด” เมื่อวิญญาณใดสูญเสียความศรัทธาต่อแม่พระก็มีความมืดล้อมรอบตัวทันที พระจิตเจ้าได้กล่าวถึงความมืดมิดนี้ในบทเพลงว่า พระองค์ได้ทรงบันดาลความมืดแล้วก็เกิดเป็นเวลากลางวันขึ้นมา บรรดาสัตว์ป่าก็พากันเที่ยวเพ่นพ่านในความมืดนี้ เมื่อแสงแสวงแห่งสวรรค์ไม่ฉายมายังวิญญาณใด ทุกสิ่งทุกอย่างก็มือทึบ กลายเป็นที่สิงของปีศาจและบาปทุกชนิด นักบุญอันแซลโมกล่าวว่า “ถ้าผู้ใดถูกแม่พระทอดทิ้ง และสาปแช่งแล้ว ผู้นั้นก็จำต้องตกนรกอย่างแน่นอน” ดังนั้นเรามีเหตุผลพอที่จะอุทานออกมาได้ว่า “โชคร้ายของผู้ที่ต่อสู้กับอาทิตย์ดวงนี้” “โชคร้ายของผู้ที่เกลียดความสว่าง ซึ่งหมายถึงทุกคนที่ดูถูกการมีความศรัทธาต่อแม่พระ”

   นักบุญฟรังซิสบอร์เยีย มักจะสงสัยผู้ที่ท่านไม่เห็นความศรัทธาพิเศษต่อแม่พระนั้นว่าจะพากเพียรจนถึงที่สุดหรือเปล่า ครั้งหนึ่งท่านถามพวกนวกะบางคนว่ามีความศรัทธาต่อนักบุญองค์ไหนเป็นพิเศษและเมื่อท่านเห็นบางคนไม่มีความศรัทธาต่อนักบุญองค์ไหนเป็นพิเศษและเมื่อท่านเห็นบางคนไม่มีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อแม่พระ ท่านก็เตือนนวกาจารย์ให้เฝ้าดูแลเด็กผู้น่าสงสารพวกนี้อย่างกวดขันทันทีแล้วก็จริงตามที่ท่านได้กล่าวไว้ เด็กพวกนั้นทุกคนสูญเสียกระแสเรียกของตนและละทิ้งชีวิตนักบวชไป

   การที่นักบวชเยอร์มานูส เรียกแม่พระว่า ลมหายใจของคริสตังค์ ก็นับว่ามีเหตุผลมากเพียงพอทีเดียว ร่างกายมนุษย์เราถ้าไม่หายใจก็จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น วิญญาณที่ไม่มาพึ่งแม่พระ และมอบถวายตัวแด่พระนาง ก็ไม่อาจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพราะพระนางเท่านั้นที่ทำให้เราแสวงหาและรักษาชีวิตพระหรรษทานในวิญญาณของเรา แต่ข้าพเจ้าขอใช้คำของท่านนักบุญเองทีเดียว “การหายใจนั้นมิใช่จะเป็นแต่สัญญลักษณ์ของการมีชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบ่อเกิดของชีวิตด้วย ฉันใดก็ฉันนั้น นามของพระแม่มารีอาซึ่งติดปากผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าอยู่เสมอ ย่อมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีชีวิต และในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดชีวิตและรักษาชีวิตของเขาพร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือทุกประการ

   วันหนึ่งท่านบุญราศีแอลลันถูกประจญอย่างร้ายแรง และเกือบจะปล่อยตัวไปแล้ว เพราะท่านมิได้เสนอตัวแก่แม่พระ พอดีแม่พระปรากฏตัวมาแก่ท่าน เพื่อในภายหน้าท่านจะได้จดจำที่จะวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง เจ้าก็จะไม่ต้องเผชิญกับภัยถึงขนาดนี้”

   แม่พระกล่าวตามคำของ บทสุภาษิตในพระคัมภีรื ซึ่งพระศาสนจักรนำเอามาใช้กับพระนางว่า บุญลาภแก่ผู้ที่ฟังเรายืนเฝ้าอยู่ที่ประตูของเราทุกวัน และรออยู่ที่เสาประตูของเราคล้ายกับพระนางจะกล่าวว่า “บุญลาภแก่ผู้ที่ฟังเสียงของเรา และเฝ้าแสวงหาจากประตูแห่งความเมตตาของเราเสมอ และเสาะหาความสว่างและความช่วยเหลือจากเรา ผู้ใดทำเช่นนี้ แม่พระก็จะทำตามหน้าที่ของพระนาง โดยประทานความสว่างและกำลังที่เขาต้องการในอันที่ละทิ้งบาปและเดินไปในทางแห่งฤทธิ์กุศล

   เพราะเหตุนี้เอง สันตปาปาอินโนเซนซีโอที่ ๓ จึงเรียกพระนางอย่างเพราะพริ้งว่า “ ดวงจันทร์ในยามค่ำคืน แสงอรุณในยามเช้า และดวงอาทิตย์ในยามเที่ยงวัน” พระนางคือดวงจันทร์สำหรับผู้ตาบอดหลงทางในเวลา ค่ำคืนของบาป ทำให้เขาเห็นและเข้าใจในสถานะอันน่าสมเพชของอเวจีที่ตนตกอยู่ พระนางคือแสงอรุณ (ซึ่งเป็นคล้ายผู้นำของดวงอาทิตย์) ของผู้ที่พระนางได้ประทานแสงสว่างให้แล้ว ทำให้เขาละทิ้งบาปและกลับมาหาพระเป็นเจ้า ดวงอาทิตย์เที่ยงแท้ของความยุติธรรม และในที่สุด พระนางคือดวงอาทิตย์ของผู้ที่อยู่ในศีลในพร ช่วยป้องกันมิให้เขาตกลงในห้วงบาป

   บรรดานักเขียนที่มีความรู้สูงได้นำของพระคัมภีร์ที่ว่า โซ่ของเธอคือโซ่แห่งความรอด มาใช้กับพระแม่ นักบุญเลาเรนซีโอ ยูสติอาโนถามว่า “เอาโซ่มาทำอะไรกัน ถ้าพระนางมิใช้ล่ามผู้รับใช้ของพระนาง และป้องกันมิให้เขาหลงไปในทางแห่งความชั่ว?” นี่คือเหตุผลที่แม่พระล่ามผู้รับใช้ของพระนาง นักบุญโบนาเวนตูราก็เช่นเดียวกันในเมื่อท่านอธิบายคำว่า “ที่อยู่ของเราเป็นที่พำนักอาศัยของบรรดานักบุญ” ซึ่งปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ และมักจะเอามาใช้ในบทออฟีชีอุมของบรรดานักบุญเท่านั้น แต่พระนางยังช่วยมิให้เขาล้ม และเฝ้าดูแลฤทธิ์กุศลของเขา เพื่อจะได้ไม่ผิดหวังและเพื่อยับยั้งมิให้จิตชั่วมาทำร้ายเขา เพื่อจะได้ไม่ผิดหวังและเพื่อยับยั้งมิให้จิตชั่วมาทำร้ายเขา ที่อยู่ของพระนางไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยบรรดานักบุญ แต่พระนางยังเก็บรักษานักบุญไว้ ณ ที่นั้นด้วยโดยช่วยให้ท่านรักษาฤทธิ์กุศลไว้ เพื่อจะได้ไม่สูญเสียไป ยับยั้งมิให้ปีศาจทำอันตรายแก่เขา และโดยยับยั้งพระหัตถ์แห่งพระบุตรของพระนางมิให้ตกลงมายังคนบาป

   ในบทสุภาษิตในพระคัมภ์รี เรารู้ได้ว่า ผู้ที่มีความศรัทาต่อแม่พระทุกคนเปรียบเหมือนผู้ที่สวมเสื้อสองชั้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านของนางสวมเสื้อสองชั้น คอร์เนลีอุ้ส อาลาพีเด อธิบายว่าเสื้อสองชั้นนี้มีความหมายว่าอย่างไร? ท่านกล่าวว่าเสื้อสองชั้นก็คือ การตบแต่งผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระนางด้วยฤทธิ์กุศลของพระบุตรและของพระนางเอง เมื่อเขาสวมเสื้อเช่นนี้แล้วก็จะพากเพียรในฤทธิ์กุศล

   ดังนั้นเมื่อนักบุญฟิลลิป เนรี ให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มาแก้บาปกับท่านว่า “ลูกรัก ถ้าลูกต้องการพากเพียร จงมีความศรัทธาต่อแม่พระ” ยวงเบิร์กแมนแห่งคณะเยซูอิ๊ตมักจะกล่าวว่า “ผู้ที่รักแม่พระจะมีความพากเพียร” ข้อรำพึงของท่านเจ้าอาวาสรูเพิร์ด เกี่ยวกับเรื่องลูกล้างผลาญช่างสละสลวยจริง ๆ ท่านกล่าวว่า “ถ้ามารดาของเจ้าหนุ่มน้อยผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ เขาก็คงจะไม่ละทิ้งชายคาของบิกาหรืออย่างน้อยเขาคงจะกลับบ้านก่อนนั้นเสียอีก” และถ้าเขาโชคร้ายได้ละทิ้งพระองค์ไป เขาจะกลับใจในไม่ช้าด้วยความช่วยเหลือจากพระนาง

   ถ้ามนุษย์ทุกคนเพียงแต่รู้จักพระแม่ผู้เมตตาและน่ารักผู้นี้ ถ้ามนุษย์ขอความช่วยเหลือจากพระนางโดยไม่รั้งรอ ในเมื่อถูกประจญล่อลวง ใครเล่าจะทำบาป? ใครเล่าจะเสียวิญญาณ? ผู้ที่ไม่ขอความช่วยเหลือจากพระแม่นั้นแหละคือผู้ที่ทำบาปและเสียวิญญาณ นักบุญเลาเร็นซีโอ ยูสตีอาโน นำเอาคำในพระคัมภีร์มาใช้กับแม่พระว่า เราได้เดินบนคลื่นของทะเล และเอาคำเหล่านี้มาใส่ปากแม่พระว่า “เราเดินกับผู้รับใช้ของเราในท่ามกลางพายุร้าย ซึ่งเขาย่อมจะพบอยู่เสมอ เพื่อช่วยและรักษาเขาให้พ้นจากบาป”

   เบอร์นาดีน เดบูสติ้สเล่าถึงเรื่องของนกตัวหนึ่ง ซึ่งได้รับการสอนให้พูดคำว่า “วันทามารีอา” ครั้งหนึ่งเหยี่ยวกำลังจะจับตัวมัน มันก็ร้องออกมาว่า “วันทามารีอา” ในขณะเดียวกันนั้นเหยี่ยวก็ล้มตายลง ในพฤติการณ์นี้พระเป็นเจ้าต้องการให้เราเห็นว่า แม้กระทั่งสัตว์ ซึ่งไม่รู้จักผิดชอบ ยังได้รับความช่วยเหลือพิเศษโดยการออกนามของแม่พระ ส่วนผู้ที่รีบเรียกหาแม่พระเมื่อถูกปีศาจประจญนั้นจะมิได้รับความช่วยเหลือจากพระนางดอกหรือ? นักบุญโทมัสแห่งวิลาโนวากล่าวว่า เมื่อถูกปีศาจล่อลวง เราเพียงแต่ทำตามแบบลูกไก่เล็ก ๆ เมื่อมันเห็นเหยี่ยวหรืออีกาเข้ามาใกล้ มันก็รีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่ใต้ปีกของแม่ไก่ เมื่อใดเราถูกประจญล่อลวงเราก็ควรจะทำแบบเดียวกัน เราไม่ควรจะมานั่งคำนึงถึงเหตุผล แต่ควรจะรีบวิ่งไปฝากตัวไว้ในความคุ้มครองของแม่พระทันที แต่ข้าพเจ้าจะขอนำเอาคำของท่านมากล่าวเอง “เหมือนกับลูกไก่ เมื่อมันเห็นว่าวร่อนอยู่ในท้องฟ้า ก็รีบวิ่งไปหลบในปีกของแม่ไก่ทันที ในทำนองเดียวกันเราจะได้รับความปลอดภัยจากความคุ้มครองของแม่พระ” แล้วท่านกล่าวต่อไปว่า “ส่วนพระแม่ พระแม่คือเจ้านายและมารดาของเราพระแม่ต้องคุ้มครองเรา เพราะนอกเหนือไปจากพระเป็นเต้าแล้ว เราไม่มีที่พึ่งอื่นใดนอกไปจากพระแม่ ซึ่งเป็นทั้งความหวังและผู้คุ้มครองแต่ผู้เดียวของเรา เราหันไปหาพระนางด้วยความไว้ใจ”

   ดังนั้น เราจงสรุปความด้วยคำของนักบุญเบอร์นาโด ว่า “มนุษย์เอ๋ย ไม่ว่าใครทั้งนั้น จงเข้าใจไว้เถิดว่า ในโลกนี้ท่านถูกทะเลที่บ้าคลั่งและเต็มไปด้วยพายุเหวี่ยงไปมา ท่านมิได้เดินอยู่บนพื้นดินที่มั่นคง ถ้าท่านไม่อยากจมน้ำตาย จงจำไว้ว่า ท่านอย่าได้หันไปจากความสว่างไสวของดาวดวงนี้เลย จงเพ่งมองดูดาวดวงนี้และเรียกหาพระแม่มารีอา เมื่อมีภัยอันตราย เมื่อมีความสงสัย จงเรียกหาพระแม่วิงวอนแม่พระ ถูกแล้ว เมื่อท่านอยู่ในอันตรายที่จะทำบาป ถูกประจญล่อลวงหรือสงสัยว่าควรจะทำอย่างไร จงจำไว้ว่าแม่พระสามารถช่วยเหลือท่าน จงเรียกหาพระนางเถิด แล้วพระนางจะช่วยท่านทันที “อย่าได้ปล่อยให้นามของพระนางพ้นไปจากริมฝีปากของท่าน ให้นามนี้อยู่ในใจของท่านเสมอ” ดวงใจของท่านไม่ควรจะหมดความหวงในนามของพระนาง และริมฝีปากของท่านไม่ควรจะหยุดเรียกหานามนั้น “ถ้าท่านเดินตามพระนาง ท่านจะไม่หลงทางอย่างแน่นอน” ถูกแล้ว ถ้าเราเดินตามพระนาง ท่านจะไม่หลงไปจากทางแห่งความรอด “ถ้าท่านเรียกหาพระนาง ท่านจะหมดหวัง” ทุกครั้งที่เราเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากพระนาง เราจะได้รับความดลใจให้มีความไว้ใจ “ถ้าพระนางช่วยเหลือ ท่านก้จะไม่ทำผิด” ถ้าพระนางปกป้องท่านก็ไม่มีอะไรที่ท่านต้องกลัว ท่านตกนรกไม่ได้” “อาศัยพระนางเป็นเจ้าผู้นำ ท่านจะไม่เหน็ดเหนื่อย เพราะความรอดของท่านจะสำเร็จลุล่วงไปอย่างง่ายดาย ถ้าพระนางเอื้อเฟื้อท่านก็จะบรรลุถึงจุดหมายปลายทาง ถ้าแม่พระเต็มใจเป็นผู้ปกป้องเรา เราก็แน่ใจที่จะบรรลุถึงสวรรค์ จงทำดังนี้เถิด แล้วท่านจะมีชีวิต

- ตัวอย่าง -

   ประวัติของนักบุญมารีอาแห่งอียิปต์ ในบทแรกของหนังสือของบรรดาปิตาจารย์แห่งพระศาสนจักรนั้นเป็นที่รู้จักกันดี เมื่อเธอมีอายุได้ ๑๒ ปี เธอหนีจากบ้านของบิดามารดาของเธอ และเดินทางไปยังอาเล็กแซนเดรีย ณ ที่นั้นเธอได้ดำเนินชีวิตอันน่าบัดสี เป็นที่สะดุดของทุกคนในเมือง หลังจากที่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในบาปเป็นเวลา ๑๖ ปี แล้ว เธอก็เกิดมีความคิดพิศดารที่จะเดินทางไปยังกรุงเยรูซาแลมในขณะนั้นมีการฉลองมหากางเขนศักดิ์สิทธิ์ เธอตั้งใจที่เข้าไปในวัด เพราะความอยากรู้อยากเห็นมากว่าความศรัทธา เมื่อมาถึงประตูเธอรู้สึกมีอำนาจกำลังที่มองไม่เห็นมากั้นเธอไว้ เธอพยายามอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ไม่สามารถจะเข้าวัดได้เป็นเช่นนี้ถึง ๓-๔ ครั้ง เมื่อเห็นว่าความพยายามของเธอไม่มีประโยชน์ เธอก็หลบไปอยู่มุมหนึ่งของระเบียงนอกวัด แล้วเธอจึงได้รับแสงสว่างจากเบื้องบนให้เข้าใจว่า เพราะชีวิตอันชั่วช้าของเธอนั่นเองเธอถึงถูกไล่มิให้เข้าวัด ในขณะนั้นเธอเผอิญโชคดี เงยหน้าขึ้นเห็นรูปแม่พระ ในทันใดที่เธอมองเห็นรูปนั้น เธอก็เริ่มร้องให้และอุทานออกมาว่า “โอ้พระมารดาพระเป็นเจ้า โปรดสงสารคนบาปผู้นี้ด้วยเถิด ลูกทราบดีว่า พระแม่ไม่ควรมองดูลูกเลย เพราะบาปของลูก แต่พระแม่คือที่พึ่งของคนบาป โปรดช่วยลูกเพราะเห็นแก่พระเยซูพระบุตรของพระแม่เถิด โปรดให้ลูกสามารถเข้าวัด และลูกสัญญาว่า จะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปทำการพลีกรราใช้โทษบาปในที่ใดก็แล้วแต่ที่พระแม่จะแสดงให้ลูกเห็น” ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงภายใน ซึ่งเป็นเสียงของแม่พระตอบเธอว่า “ในเมื่อลูกมาพึ่งอาศัยเรา และปราถนาจะเปลี่ยนแปลงชีวิตก็ดีแล้ว ไปเถิด จงเข้าไปในวัด นมัสการกางเขนและร้องไห้อย่างขมขื่น แล้วเธอก็กลับไปที่รูปแม่พระ พลางกล่าวว่า “แม่พระ ลูกพร้อมแล้วพระแม่อยากจะให้ลูกไปทำกิจใช้โทษบาปที่ไหน?” พระนางพรหมจารีกล่าวว่า “จงข้ามแม่น้ำยอร์ดันไป แล้วลูกจะได้พบที่พำนักของลูก” เธอไปแก้บาปรับศีล แล้วก็เดินทางข้ามแม่น้ำไป และเห็นตัวเธอมายืนอยู่ในทะเลทราย เธอจึงรู้อน่ว่าเธอจะต้องทำการใช้โทษบาปสำหรับชีวิตชั่วของเธอในที่นี้ ในระยะเวลา ๑๗ ปีแรกความพยายามของปีศาจที่จะล่อลวงให้ท่านนักบุญกลับไปในทางบาปอีกนั้นน่ารกลัวมาก วิธีที่เธอใช้ป้องกันตัวก็คือ เธอมอบถวายตัวของเธอแด่แม่พระอยู่เสมอและพรหมจารีผู้ศักดิ์นี้ก็ได้ให้กำลังต่อต้านแก่เธอตลอดเวลา หลังจากนั้นการต่อสู้ของเอก็ยุติลง หลังจากที่ได้อยู่ในทะเลทรายเป็นเวลา ๕๗ ปี ซึ่งในขณะนั้นเธอมีอายุ ๘๗ ปี พระญาณสอดส่องได้โปรดให้เธอพบกับนักบุญโซซีโม เธอเล่าประวัติชีวิตของเธอให้แก่ท่านนักบุญและขอร้องให้ท่านกลับมาในปีต่อไป และนำศีลมหาสนิทมาโปรดให้แก่เธอ ท่านเจ้าอาวาสผู้ศรัทธาก็ตาม และโปรดศีลมหาสนิทแก่เธอ หลังจากนั้นเธอก็ขอให้ท่านกลับมาหาเธออีกครั้งหนึ่ง ท่านก็ทำตามแต่มาพบเธอสิ้นใจตายเสียแล้ว รอบ ๆ กายเธอมีแสงสว่างจ้า และเหนือศีรษะของเธอมีคำเขียนว่า “ โปรดฝั่งข้าพเจ้าไว้ที่นี่ นี่คือร่างกายของคนบาปผู้น่าสังเวชผู้หนึ่ง โปรดอ้อนวอนพระเป็นเจ้าเพื่อข้าพเจ้าด้วยเถิด” มีสิงโตตัวหนึ่งมาขุดหลุมด้วยอุ้งเท้าของมัน นักบุญโซซีโมก็ทำพิธีฝังศพของเธอ และกลับไปเล่าสิ่งแปลกประหลาดอัศจรรย์ของพระเป็นเจ้าต่อคนบาปผู้น่าอิจฉาผู้นี้ในอารามของท่าน

- บทภาวนา -

   โอ้พระมารดาผู้เมตตา พรหมจารีศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง โปรดเหลียวดูผู้ทรยศอยู่แทบเท้าของแม่พระ ลูกได้ตอบแทนพระหรรษทานที่ได้รับจากพระเป็นเจ้าโดยอาศัยพระแม่ ด้วยความอกตัญญู ทั้งยังทรวศต่อพระแม่และพระองค์ แต่พระแม่ผู้มีบุญ ลูกต้องบอกพระแม่ว่า ความน่าสมเพชของลูกนี้ แทนที่จะทำให้ลูหมดความไว้ใจ กลับทำให้ลูกมีความหวังมากขึ้น เพราะลูกเห็นว่าความเมตตาสงสารของพระแม่เพิ่มขึ้นตามส่วนความยากจนของลูก โอ้พระแม่มารีอา โปรดแสดงความเผื่อแผ่อันเต็มเปี่ยมของพระแม่แก่ลูก  เพราะพระแม่มีความเผื่อแผ่แก่ทุกคนที่ขอความช่วยเหลือจากพระแม่ สิ่งเดียวที่ลูกขอก็คือให้พระแม่มแม่มายัง สิ่งเดียวที่ลูกขอก็คือให้พระแม่มองมายังลูกด้วยสายตาแห่งความเมตตาและสงสารลูก ถ้าดวงใจของพระแม่สงสารลุกถึงเพียงนี้แล้ว พระแม่ก็จะไม่ทำอะไรขึ้นนอกจากปกป้องลูก และถ้าพระแม่ปกป้องลูกแล้ว ลูกจะไปกลัวสิ่งใดถูกแล้ว ลูกจะไม่กลัวสิ่งใดเลย จะไม่กลัวบาป เพราะพระแม่ได้เตรียมการแก้ไขไว้แล้ว ไม่กลัวปีศาจ เพราะพระแม่มีอำนาจเหนือปีศาจในนรกทั้งสิ้น ลูกถึงกล้าพูดได้ว่าลูกไม่กลัวพระบุตรของพระแม่ แม้ว่าพระองค์จะพิโรธลูกอย่างมีเหตุผลก็จริง แต่ถ้าพระแม่เพียงแต่เอ่ยคำเดียวเท่านั้น พระองค์ก็จะหายพิโรธ ลูกกลัวอยู่แต่สิ่งเดียวคือ เวลาที่ถูกประจญลูกอาจจะหยุดภาวนาขอความช่วยเหลือจากพระแม่ เพราะความผิดของตัวเอง และจะเป็นเหตุให้ลูกหมดหวังเอาตัวรอด แต่บัดนี้ลูกขอสัญญาว่าจะเสนอตัวแด่พระแม่เสมอไป โปรดช่วยให้ลูกถือตามคำสัญญานี้ด้วยเถิด ขอให้พระแม่อย่าได้ละโอกาสที่จะทำให้พระแม่สมความปราถนาในอันที่จะช่วยให้คนบาปน่าสมเพชเช่นลูก เอาตัวรอดไปสวรรค์ได้ โอ้มารดาพระเป็นเจ้า ลูกมีความไว้ใจอย่างไม่มีขอบเขตในพระแม่ ด้วยความช่วยเหลือจากพระแม่ ลูกหวังจะได้รับพระหรรษทานที่จะคร่ำครวญถึงบาปของตนดังที่ควรจะทำ และพละกำลังที่จะไม่ตกลงในบาปนั้นอีก ถ้าลูกเจ็บ พระแม่ซึ่งเป็นเสมือนแพทย์ก็จะรักษาลูก ถ้าบาปของลูกทำให้ลูกอ่อนแอ ความช่วยเหลือของพระแม่ก็จะทำให้ลูกมีกำลัง โอ้พระแม่ ลูกหวังทุกอย่างจากพระแม่เพราะพระแม่มีอำนาจมากที่สุดกับพระเป็นเจ้า อาแมน

    พระนางทำให้ความตายอ่อนหวานสำหรับผู้ที่มีความศรัทธาต่อพระนางผู้ที่เป็นเพื่อนแท้ย่อมรักเสมอ และผู้ที่เป็นพี่น้องจะพิสูจน์ได้ก็ในเมื่อตนอยู่ในความยากลำบาก ตามคำของหนังสือสุภาษิตในพระคัมภีร์เราไม่อาจจะรู้แน่ว่า ใครเป็นเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่แท้จริงในยามสุข นายามทุกข์เท่านั้นที่คนเหล่านี้จะสำแดงตัวจริงออกมาให้เราเห็น มนุษย์ในโลกไม่เคยละทิ้งเพื่อนเลย  ตราบใดที่เพื่อนยังรุ่งเรืองแจ่มใส แต่พอเพื่อนมีโชคร้ายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาใกล้จะตาย เขาจะพากันละทิ้งเพื่อนผู้นั้นทันที แต่แม่พระมิได้กระทำเช่นนี้แก่ผู้ที่มีความศรัทาต่อพระนาง ในยามที่เขามีความลำบาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อเขาจวนจะสิ้นใจ ซึ่งเป็นความทุกข์ที่ร้ายแรงที่สุดในโลก พระนางและมารดาใจดีผู้นี้ไม่เพียงแต่จะทิ้งผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระนางเท่านั้น แต่ในฐานะที่พระนางเป็นชีวิตของเราในระหว่างที่เราถูกเนรเทศอยู่ในโลกนี้ พระนางก็ยังจะเป็นความอ่อนหวานของเราในชั่วโมงสุดท้ายปลายชีวิตของเราด้วย โดยการช่วยให้สิ้นใจตายอย่างสงบ และในศีลในพระของพระเป็นเจ้า เพราะตั้งแต่วันที่แม่พระมีเกียรติไปอยู่ใกล้พระมหาเยซู ซึ่งเป็นผู้นำของบรรดาผู้ที่เอาตัวรอด ในเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนนั้น พระนางก็มีเกียรติที่จะได้ช่วยเหลือผู้ที่จะเอาตัวรอดทุกคน และเพราะเหตุนี้เอง พระศาสนจักรจึงสอนให้เราขอให้พรหมจารีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ช่วยเหลือเรา โดยเฉพราะในเวลาที่เราจวนจะสิ้นใจ โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย

   ความเจ็บปวดของผู้ที่กำลังจะสิ้นใจนั้น ช่างใหญ่โตเพียงใดเขาต้องรับความทรมานจากการติเตียนของมโนธรรมเพราะบาปที่ตนได้ทำไป กลัวการพิพากษาซึ่งกำลังใกล้เข้ามาแล้ว และไม่แน่ใจว่าตนจะเอาตัวรอดไปสวรรค์หรือเปล่า ในขณะนั้นแหละที่นรกเตรียมอาวุธและจะไม่ละเว้นความพยายามที่จะเอาชนะวิญญาณ ซึ่งกำลังจะเข้าสู่นิรันดรภาพ เพราะปีศาจมันรู้ว่า ยังมีเวลาเหลืออีกไม่นานก่อนที่มันจะเอาชนะวิญญาณนี้ได้ และถ้าวิญญาณนี้พ้นมือของมันไปก็จะพ้นไปตลอดนิรันดาร “ปีศาจจะลงมายังตัวท่านด้วยความโกรธ เพราะมันรู้ว่ามันยังมีดวลาเหลืออยู่อีกไม่นานเท่าไร” เพราะเหตุนี้เอง ศัตรูความรอดของเรา ซึ่งมีหน้าที่ล่อลวงวิญญาณเราในระหว่างที่เรายังมีชีวิตอยู่นั้น จะไม่มาคนเดียวในเวลาที่เราจวนจะสิ้นใจ แต่มันจะเรียกพรรคพวกของมันให้มาช่วย ตามคำทำนายของอีซาอีที่ว่า บ้านของเราจะเต็มไปด้วยงูร้าย และที่จริงก็เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเวลาผู้ใดจวนจะสิ้นใจ ในสถานที่ที่เขาอยู่นั้นจะเต็มไปด้วยปีศาจ ซึ่งมารวมกำลังกันทำให้เขาสูญเสียวิญญาณไป

   มีเรื่องเล่ากันว่า เวลาที่นักบุญแอนดรูแห่งอาแวลลีโนจวนจะสิ้นใจนั้น มีปีศาจมาล่อลวงท่านถึงหมื่นตัว ความเจ็บปวดและการต่อสู้ของท่านกับอำนาจนรกนั้น ช่างร้ายแรงจนทำให้พวกนักบวช ซึ่งแวดล้อมเพื่อช่วยเหลือท่านหวาดกลัวกันไปตาม ๆ เขาเห็นหน้าของท่านนักบุญบวมขึ้นด้วยความตื่นเต้นจนกระทั่งหน้าดำคล้ำกระดูกทุกชิ้นบูดเบี้ยวและสั่นสะเทือน น้ำตาของท่านไหลนอง ศีรษะของท่านส่ายไปมาอย่างรุนแรง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ท่านได้รับจากปีศาจนรก ทุกคนร้องไห้ด้วยความสงสาร และพากันสวดมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็รู้สึกกลัวที่เห็นท่านนักบุญสิ้นใจในสภาพเช่นนี้ แต่เขารู้สึกมีกำลังใจ เมื่อเห็นท่านนักบุญหันหน้าไปยังรูปของแม่พระบ่อย ๆ คล้ายกับจะขอความช่วยเหลือ เพราะเขารู้ว่าในระหว่างที่ท่านนักบุญยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้เคยพูดว่าเวลาที่ท่านสิ้นใจ แม่พระจะเป็นที่พึ่งของท่าน ในที่สุดพระเป็นเจ้าก็ทรพอกพระทัยที่จะทำให้การต่อสู้นั้นสิ้นสุดลง  โดยโปรดให้ท่านนักบุญมีชัยชนะอย่างรุ่งเรื่อง ร่างกายที่บิดไปมาก็คลายลง หน้าตาของท่านมีรูปร่างและรุ่งเรือง ร่ายกายที่บิดไปมาก็คลายลง หน้าตาของท่านมีรูปร่างและสี่สรรเหมือนเดิม ดวงตาของท่านจ้องอยู่ที่รูปแม่พระ ก้มศีรษะด้วยความศรัทธาต่อแม่พระ (ซึ่งเขาเชื่อกันว่าได้ปรากฏตัวมาแก่ท่านนักบุญ) คล้าย ๆ กับจะขอบคุณพระนาง แล้วท่านก็มอบวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านไว้ในอ้อมแขนของแม่พระอย่างสงบเงียบ ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันนั้น มีภคินีคณะคาปูชินผู้หนึ่งกำลังจวนจะสิ้นใจ ได้หันหน้าไปหาพวกภคินีที่กำลังห้อมล้อมเธออยู่ และบอกให้ทุกคน “สวดบทวันทามารีอาบทหนึ่ง เพราะนักบุญองค์หนึ่งได้สิ้นใจแล้ว”

   ปีศาจร้ายย่อมจะรีบหนีไปจากราชินีผู้นี้ เมื่อเวลาที่เราจวนจะสิ้นใจ ถ้าเราเพียงแต่ได้รับความคุ้มครองจากแม่พระเท่านั้น เราจะไปกลัวศัตรูนรกของเราทำไม? เมื่อกษัตริย์ดาวิดรู้สึกกลัวความตายท่านก็ทำตัวให้มีกำลังใจโดยการรำพึงถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์พระมหาไถ่ในอนาคตและในแม่พระ ท่านกล่าวว่าแม้ข้าพเจ้าจะเดินอยู่ในเงาแห่งความตาย แขนงไม้และไม้เท้าของพระองค์ก็จะให้ความอบอุ่นใจแก่ข้าพเจ้า ท่านคาร์ดีนัลฮูโกอธิบายข้อความนี้ว่าไม้เท้านั้นหมายถึงกางเขน และแขนงไม้ก็คือคำวิงวอนของแม่พระ เพราะพระนางคือแขนงไม้ซึ่งอีซาอีได้ทำนายไว้ แล้วจะมีแขนงไม้จากรากของเยสเซ และดอกไม้ช่อหนึ่งจะงอกขึ้นมาจากรากนี้ นักบุญเปโตร ดามีอาโนกล่าวว่า  “พระมารดาผู้นี้คือแขนงไม้ที่มีอำนาจซึ่งเอาชนะศัตรูนรกได้” ดังนั้นนักบุญอันโตนีนูสจึงกระตุ้นใจเราว่า “ถ้าแม่พระเข้าข้างเราใครเล่าจะต่อสู้กับเราได้?”

   เมื่อคุณพ่อเอมานูแอล พาดีอัลแห่งคณะเยซูอิ๊ตจวนจะสิ้นใจ แม่พระได้ปรากกมาปลอบโยนท่าน “ดูซิ ในที่สุดเวลาก็มาถึงแล้วที่บรรดาเทวดาจะมาแสดงความยินดีกับท่าน และร้องว่า โอ้การงานที่น่าสุขใจ โอ้การพลีกรรมที่ได้ทำไปด้วยความยินดี และในขณะนั้นก็มีผู้เห็นปีศาจนับเป็นกองทัพวิ่งหนีไป และร้องด้วยความหมดหวังว่า “เราทำอะไรไม่ได้เลย เพราะพระนางผู้ปราศจากมลทินเป็นผู้ป้องกันเขา” ในทำนองเดียวกันคุณพีอกาสปาร์ เฮวู้ดก็ถูกปีศาจโจมตีในเวลาที่ท่านจวนจะสิ้นใจ และถูกล่อลวงให้ผิดต่อความเชื่ออย่างมากมาย ท่านรีบมอบตัวไว้ในมือของพระแม่ และมีคนได้ยินท่านอุท่านออกมาว่า “ลูกขอโมทนาคุณพระแม่ที่ได้กรุณามาช่วยเหลือลูก”

   อีซาอีผู้ทำนายกล่าวว่า เมื่อผู้ใดจวนจะละทิ้งโลกนี้ไปนรกก็เปิดขึ้นและส่งปีศาจดุร้ายที่สุดมาล่อลวงวิญญาณก่อนที่จะออกมาจากร่างกาย เพื่อกล่าวหาวิญญาณของผู้นั้นต่อหน้าพระเป็นเจ้าเมื่อพระองค์ทรงพิพากษา ท่านผู้ทำนายกล่าวว่า นรกภายใต้ดุเดือดและเร่งร้อนที่จะมาพบท่าน แต่ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอออกความเห็นว่า เมื่อวิญญาณใดมีแม่พระเป็นผู้ปกป้อง ปีศาจจะไม่กล้าแม้กระทั่งจะกล่าวหา ในเมื่อมันรู้ว่าพระมหาตุลาการไม่เคยและจะไม่ส่งวิญญาณที่พระมารดาผู้สูงส่งผู้นี้เป็นผู้ปกป้อง ท่านถามว่า “ใครบ้างจะกล้ากล่าวหาผู้ที่มารดาของตุลาการเป็นผู้สนับสนุน” แม่พระไม่เพียงแต่ช่วยเหลือผู้รับใช้ที่โปรดปรานของพระนางในเวลาที่เขาจวนจะสิ้นใจ และให้กำลังใจก่เขาเท่านั้น พระนางยังเดินตามเขาไปจนถึงบัลลังก์พิพากษาของพระเป็นเจ้าด้วย

   นักบุญเฮโรนีโมเขียนถึงยูสโตกีอาพรหมจารีว่า “วันนั้นคงจะเป็นวันชื่นชมยินดีของลูกเพียงใด ในเมื่อพระแม่มารีอามารดาพระสวามีเจ้า จะไปต้อนรับลูกพร้อมกับบรรดาพรหมจารีเป็นจำนวนมากมาย” แม่พระเองให้ความไว้ใจข้อนี้แก่นักบุยบริยิด พระนางพูดถึงผู้มีความศรัทาต่อพระนางที่กำลังจะสิ้นใจว่า “ในขณะนั้นเราซึ่งเป็นทั้งเจ้านายและมารดาของเขาจะรีบไปหาเขา เพื่อจะได้ให้ความบรรเทาใจและความชุ่มชื่นแก่เขา นักบุญวินเซนต์ เฟเรอร์กล่าวว่า แม่พระไม่เพียงแต่ปลอบใจและให้ความชุ่มชื่นแก่เขานั้น พระนางยังเป็นผู้รับวิญญาณของผู้กำลังจะสิ้นใจด้วย” ราชินีผู้น่ารักผู้นี้คุ้มครองเขา และนำวิญญาณของเขาไปถวายแด่พระมหาตุลาการพระบุตรของพระนาง และจะทำให้เขาบรรลุถึงความรอดอย่างแน่นอน เรื่องนี้เกิดขึ้นแก่ชาลส์ ลูกชายของนักบุญบริยิดจริง ๆ เขาตายที่ในกองพันห่าจากมารดาของตน นักบุญบริยิดหวาดกลัวว่าเขาจะเอาตัวไม่รอด เพราะอันตรายที่มีอยู่ในชีวิทหารของชายหนุ่มวัยรุ่นแต่แม่พระได้ไขแสดงให้ท่านนักบุยทราบว่า ชาลส์ได้ไปสวรรค์เพราะความรักที่เขามีต่อพระนาง และเพราะเหตุนี้เอง พระนางจึงได้มาช่วยเขาเมื่อเวลาที่เขาจวนจะสิ้นใจ และได้ดลใจให้ทำการสวดบทภาวนาต่าง ๆ ซึ่งควรจะสวดในเวลาอันน่ากลัวนั้น ในขณะเดียวกันท่านนักบุญแลเห็นพระเยซูเจ้าบนบัลลังก์ และปีศาจนำข้อกล่าวหาเกี่ยวกับแม่พระสองประการเข้ามาทูล ประการแรกก้คือพระนางกีดขวางไม่ยอมให้มันประจญชาลส์ในขณะที่เขากำลังจะสิ้นใจ และประการสองก็คือ แม่พระเป็นผู้นำวิญญาณของชาลส์มาถวายแด่พระมหาตุลาการเอง โดยมิได้เปิดโอกาสให้มันทวงกรรมสิทธิ์ของมันแล้วนักบุญบริยิดก็เห็นพระเยซูเจ้า ไล่ปีศาจไปและวิญญาณของชาลส์ถูกนำขึ้สวรรค์

   ในพระคัมภีร์มีกล่าวไว้ว่า “โซ่ของเธอคือโซ่แห่งความรอด” และ “ในที่สุดท่านจะได้พบการพักผ่อนในพระนาง” พี่น้องที่รัก ถ้าท่านถูกดซ่อันอ่อนหวานแห่งความรอด จะเป็นโซ่ซึ่งจะทำให้ท่านแน่ใจในความรอดของท่าน และในเวลาจวนจะสิ้นใจจะทำให้ท่านรู้สึกมีความสงบอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นความสงบสุขและการพักผ่อนชั่วนิรันดรของท่าน ในหนังสือเกี่ยวกับความบริบูรณ์ของพระเยซูเจ้า คุณพี่บีเน้ตตีกล่าวว่า ท่านได้ไปอยู่ใกล้เตียงของผู้ที่มีความรักมากมายต่อแม่พระ ก่อนที่เขาจะสิ้นใจตาย ท่านได้ยินเขากล่าวว่า “คุณพ่อครับ ถ้าคุณพ่อเพียงแต่รู้ถึงความสุขซี่งผมรู้สึกในเวลานี้ ในเมื่อผมระลึกว่าได้รับใช้พระมารดาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้า ผมไม่สามารถบรรยายถึงความยินดีที่ผมรู้สึกในขณะนี้ได้” คุณพ่อซูอาเรส (เพราะความศัทาต่อแพระซึ่งเป็นเหตุให้ท่านถึงกับพูดว่า  ท่านจะยอมแลกความรู้ทั้งหมดของท่านเพื่อจะได้รับบุญกุศลของบท  วันทามารีอา แต่เพียงบทเดียว) สิ้นใจตายด้วยควาสงบแลชื่นชมยินดี ในขณะนั้นท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าคิดไมม่ถึงเลยว่าความตายมันจะอ่อนหวานได้ถึงเพียงนี้” ซึ่งหมายความว่าท่านไม่สามารถจะวาดภาพในใจของท่านได้เลยว่าจะเป็นไปได้ ถ้าท่านเองมิได้รู้สึกในขณะนั้นว่าท่านจะสามารถพบกับความอ่อนหวานอย่างนี้ได้ ในเมื่อท่านจวนจะสิ้นใจ

   ส่วนท่านผู้อ่านใจศรัทธา ท่านคงจะรู้สึกความปลื้มใจและเป็นสุขใจเช่นเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัยในเวลาตาย ถ้าในขณะนั้นท่านจำได้ว่า ท่านได้เคยรักมารดาใจดีผู้นี้ พระนางจะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะซื่อสัตย์ต่อบรรดาลูกซึ่งได้เคยรับใช้พระนางมาอย่างซื่อสัตย์ ให้เกียรติแก่พระนางโดยการไปเยี่ยมรูปของพระนางการสวดสายประคำการจำศีล และยิ่งไปกว่านั้นก็คือการโมทนาคุณและสรรเสริญพระนางและมอบถวายตัวไว้ในความอารักขาของพระนางเสมอ แม้ว่าท่านจะเคยเป็นคนบาปมาครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม ท่านก็จะได้รับความชื่นชมยินดีนี้ ถ้าหากว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านพยายามที่จะดำเนินชีวิตอย่างดี และพยายามที่จะรับใช้พระแม่ผู้อ่อนหวานและใจดีผู้นี้ เมื่อท่านมีความเจ็บปวดหรือถูกล่อลวงให้หมดหวังซึ่งปีศาจจะเป็นผู้ส่งมา พระนางจะให้กำลังใจแก่ท่านและบางทีจะมาช่วยเหลือท่านในวาระสุดท้ายนั้นด้วยตัวของพระนางเอง

   ท่านผู้อ่านที่รัก ตัวท่านเองก็จะตัดสินใจเช่นนี้ ถ้าท่านซื่อสัตย์ต่อแม่พระ แม้ว่าในเวลาล่วงมาแล้ว ท่าจะทำผิดต่อพระเป็นเจ้าก็ตาม พระนางจะทำให้ท่านสิ้นใจอย่างอ่อนหวานและสงบสุข ถ้าในวาระนั้นท่านรู้สึกตกใจกลัวและสูญเสียความไว้ใจ เมื่อแลเห็นบาปของท่าน พระนางก็จะมาให้กำลังใจแก่ท่าน ดังที่พระนางได้ทำแก่อาดอลโฟ เคานท์แห่งอัลซ้าส ซึ่งได้ละทิ้งโลกและสมัครเข้าในคระของนักบุญฟรังซิส ในหนังสือจารึกประวัติของคระ เรารู้ว่าท่านมีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อแม่พระ และเมื่อท่นจวนจะสิ้นใจชีวิตในอดีตและพระยุติธรรมอันเข้มงวดของพระเป็นเจ้า ก็ระดมกันเข้ามาในใจของท่าน ทำให้ท่านสั่นกลัวเมื่อคิดถึงความตายและกลัวว่าตนจะไม่รอด ในทันทีที่มีความคิดเช่นนี้เข้ามาในใจของท่าน แม่พระ (ซึ่งเฝ้าคอยอยู่เสมอเมื่อผู้รับใช้ของพระนางกำลังเจ็บปวด) ก็ปรากฏตัวมาแก่ท่านพร้อมนักบุญหลายองคื พระนางห้ำลังใจท่านและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “อาดอลโฟที่รักของเรา ลูกเป็นของเรา ลูกได้มอบตัวของลูกให้แก่เราแล้ว และบัดนี้ทำไมลูกถึงกลัวความตายนัก?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ท่านผู้รับใช้แม่พระผู้นี้ก็รู้สึกโล่งใจ ความกลัวก็สูญหายไปจากวิญญาณของท่าน แล้วท่านก็สิ้นใจในท่ามกลางความสงบและด้วยความชื่นชมยินดี

   เราจงทำใจดีไว้เถิด แม้ว่าเราจะเป็นคนบาป แต่เราก็แน่ใจว่า แม่พระจะมาช่วยเหลือเราในเวลาสิ้นใจ เพื่อปลอยโยนและให้กำลังใจแก่เราด้วยการมาอยู่ใกล้าเรา ขอแต่เพียงให้เรารับใช้พระนางด้วยความรักในระหว่างเวลาที่เรายังเหลืออยู่ในโลกนี้เท่านั้น วันหนึ่งพระราชินีของเราสัญญาแกนักบุญมาทิลดาว่า พระนางจะช่วยผู้ที่มีความศรัทธาต่อพระนางในเวลาที่เขาจะตาย ถ้าเขาได้รับใช้พระนางอย่างซื่อสัตย์ตลอดชีวิต “ในฐานะที่เราเป็นมารดาผู้อ่อนโยน เราจะมาอยู่ใกล้ผู้ที่จวนจะสิ้นใจซึ่งได้เคยรับใช้เรด้วยความศรัทธาเสมอ เราจะให้กำลังใจและปกป้องเขา” พระเจ้าข้า เราจะรู้สึกชื่นชมยินดีอย่างไรในวาระสุดท้ายของชีวิตเรา ในเมื่อส่วนได้ตลอดนิรันดรของเราจะถูกตัดสินถ้าเราจะได้เห็นราชินีแห่งสวรรค์มาช่วยเหลือและปลอบโยนเรา ให้เราแน่ใจในความปกป้องของพระนาง

   นอกจากเรื่องที่เล่าไปถึงการที่แม่พระได้ช่วยผู้รับใช้ของพระนางที่จวนจะสิ้นใจแล้ว ยังมีเรื่องอีกมากมายในหนังสือต่าง ๆ ความช่วยเหลือนี้มีนักบุญหลายองค์ด้วยกันที่ได้รับ เช่น นักบุญคลารานักบุญเฟลิกซ์ แห่ง คณะคาปูชิน นักบุญคลารา แห่ง มแนเตฟัลโก นักบุญเทเรซา นักบุญเปโตร แห่ง คัลตันตารา  แต่เพื่ให้เราทุกคนมีกำลังใจ ข้าพเจ้าจะขอเล่าเรื่องต่อไปนี้ คุณพ่อคราเซ้ท เล่าว่า มารีอา แห่ง อออิกนีเอส เห็นแม่พระใกล้ ๆ หมอนของแม่หม้ายแห่งเมืองแลเลมบร้อด ซึ่งมีไข้สูง แม่พระยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ ปลอบใจเธอ และคอยพัดให้ความสดชื่นความเย็น ขอให้เราจบเรื่องนี้ลงด้วยตัวเย่างอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเราจะเห็นว่าความอ่อนโยนของพระมารดาผู้ใจดีนี้ต่อลูก ๆ ของพระนางนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด

- ตัวอย่าง -

   มีเรื่องเล่าถึงนักบุญยวงแห่งพระเป็นเจ้า ซึ่งมีความศรัทธาอันอ่อนหวานต่อแม่พระว่า ท่านรอให้แม่พระมาเยี่ยมท่าน เมื่อตอนที่ท่านจวนจะสิ้นใจ แต่เมื่อเห็นพระนางมา ท่านก็รูสึกเศร้าโศกและบางทีคงจะพูดบ่นด้วย แต่เมื่อชั่วโมงสุดท้ยของท่านได้มาถึงพระมารดาพระเป็นเจ้าก็ปรากฏมา และติเตียนท่านด้วยความอ่อนดยเพราะความไว้ใจอันเล็กน้องของท่าน พระนางกล่าวแก่ท่านด้วยคำซึ่งคงให้กำลังใจแก่ผู้รับใช้ทุกคนของแม่พระว่า “ยวงเอ๋ย เราละทิ้งผู้ที่มีความศรัธาต่อเราในเวลาเช่นนี้ไม่ได้” คล้าย ๆ กับพระนางพูดว่า  “ยวงเอ๋ย ลูกกำลังคิดอะไรอยู่คิดได้หรือว่าเราละทิ้งลูกได้? และลูกเองไม่รู้ดอกหรือว่า เราไม่เคยละทิ้งผู้ที่มีความศรัทธาต่อเราในเวลาที่เขาจวนจะสิ้นใจเลย? ถ้าเรามิได้มาก่อนหน้านี้ ก็เพราะว่าเวลาของลูกยังมาไม่ถึง แต่เวลานั้นมาถึงแล้ว นี่อย่างไร-เรามาแล้ว เรามารับลูกไป เราไปสวรรค์กันเถิด” หลังจากนั้นอีกไม่นาน ท่านนักบุญก็สิ้นใจ และวิญญาณของท่านก็โผไปสู่อาณาจักรนักบุย ไปโมทนาคุณราชินีผู้น่ารักยิ่งของท่าน ตลอดนิรันดร

- บทภาวนา -

   โอ้พระมารดาผู้อ่อนหวาน ลูกซึ่งเป็นคนบาปน่าสมเพช จะสิ้นใจตายอย่างไร แม้ขณะนี้ เมื่อหวนคิดถึงวินาทีสำคัญที่ลูกจะต้องสิ้นใจไปปรกกฏตัวต่อหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเป็นเจ้า และมาจำได้ว่าหลายครั้งหลายหนมาแล้ว ที่ลูกได้เขียนคำตัดสินใจตกนรกของตนเองโดยการเต็มใจทำบาป ความคิดนี้ทำให้ลูกตัวสั่นด้วยความกลัว โอ้พระแม่มารีอา ความหวังทั้งหมดของลูกอยู่ในพระโลหิตของพระเยซูเจ้าและคำเสนอวิงวอนของพระแม่ พระแม่คือราชินีแห่งสวรรค์ นางพญาแห่งสากลโลก กล่าวสรุปอย่างสั้น พระแม่คือมารดาของพระเป็นเจ้าพระแม่มีอำนาจยิ่ง แต่ความยิ่งใหญ่ของแม่แทนที่จะหวงห้ามกลับช่วยให้พระแม่แสดงความเมตตาสงสารเราในยามทุกข์ เพื่อน ๆ ในโลก เมื่อเขาได้รับเกียรติสูงส่ง เขาก็มองไม่เห็นเพื่อนเก่าซึ่งอาจจะตกทุกข์เวทนามากเพียงใด พระแม่ก็ยิ่งจะพยายามคลายความทุกข์ของเรา เมื่อพระแม่ถูกเรียก พระแม่ให้กำลังใจเราในยามทุกข์ พระแม่ทำให้พายุซึ่งเป็นเหตุให้เราถูกผลักไสไปมา แตกกระจายไป พระแม่มีชัยชนะต่อศัตรูทั้งหมด ในที่สุดพระแม่ไม่เคยละเว้นโอกาสใดเลยที่จะสนับสนุนความอยู่เย็นเป็นสุขของเรา ขอให้พระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าจงเป็นที่สรรเสริญตลอดไปเถิด ที่ได้รวมทั้งความสูงส่งและความอ่อนโยน ความใหญ่ยิ่งและความรักเช่นนี้ไว้ในตัวพระแม่ ลูกขอโมทนาคุณพระสวามีเจ้าสำหรับพระราชทานนี้ และยินดีกับตัวลูกเองที่ได้เปรียบมากมายเช่นนี้ เพราะลูกขอรวมความสุขใจของลูกกับพระแม่ และลูกถือว่าสิ่งใดก็แล้วแต่ที่เป็นของพระแม่ก็เป็นของลูกด้วย โอ้ผู้บรรเทาของคนทุกข์ กรุณาปลอบใจมนุษย์น่าเวทนาผู้นี้ซึ่งมาฝากตัวไว้กับพระแม่ มโนธรรมของลูกซึ่งหนักอึ้งเพราะบาปที่ได้ทำไปกำลังติเตียนลูก ทำให้เต็มไปด้วยความทุกข์ ลูกยังสงสัย ไม่ทราบว่าได้เป็นทุกข์ถึงบาปเหล่านั้นเพียงพอแล้วหรือยัง ลูกเห็นว่ากิจการต่าง ๆ ของลูกมันช่างมัวหมองและบกพร่อง ปีศาจในนรกกำลังรอที่จะหาความกับลูก พระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าที่ได้รับการดูหมิ่นก็ยังจะต้องได้รับการชดเชย พระแม่ของลูก จะมีอะไรเกิดขึ้นแก่ตัวลูกบ้าง ถ้าพระแม่ไม่ช่วยลูกแล้ว ลูกก็ไม่มีหวังที่จะเอาตัวรอด พระแม่ว่าอย่างไร? พระแม่จะช่วยลูกไหม? โอ้ท่านพรหมจารีผู้เมตตา โปรดปลอบใจลูก โปรดให้ลูกมีความเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างแท้จริง โปรดให้ลูกมีกำลังที่จะแก้ไขชีวิต และซื่อสัตย์ต่อพระเป็นเจ้าตลอดเวลาที่ยังมีเหลืออยู่ในชีวิตของลูก และในที่สุด ในเมื่อลูกกำลังเผชิญกับความตาย โอ้พระแม่มารีอา ความหวังของลูก อย่าได้ละทิ้งลูก ในขณะนั้นแหละโปรดช่วยเหลือและให้กำลังใจแก่ลูกเพื่อลุกจะได้ไม่หมดหวัง เมื่อมองดูบาปต่าง ๆ ของตน ซึ่งปีศาจจะนำมาไว้ต่อหน้าลูก พระนางเจ้าของลูก โปรดให้อภัยความหวาดกลัวของลูก กรุณาปรากฏมาปลอบใจลูกในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ พระแม่ได้ประทานความช่วยเหลือนี้ให้แก่คนเป็นจำนวนมาก โปรดประทานให้แก่ลุกด้วย ถ้าลูกอาจหาญขอเกินไป คุณความดีของพระแม่ก็ใหญ่ยิ่งกว่าการอาจหาญนี้เสียอีก เพื่สิริมงคลชั่วนิรันดรของพระแม่ ขอให้ทุกคนเขากล่าวว่า พระแม่ได้ดึงเอามนุษย์ที่น่าสมเพชนี้ให้พ้นจากนรกเถิด เขาถูกตัดสินให้ไปนรกแล้ว แต่พระแม่กลับนำเขาไปยังราชัยของพระแม่ ถูกแล้ว พระแม่ผู้อ่อนหวาน ลูกหวังจะได้รับความชื่นใจที่จะอยู่แทบเท้าพระแม่เสมอในเมืองสวรรค์ เพื่อโมทนาคุณ สรรเสริญ และรักพระแม่ตลอดนิรันดร โอ้พระแม่มารีอา ลูกหวังจะได้พบพระแม่ในชั่วโมงสุดท้ายแห่งชีวิตของลูก ขออย่าให้พระแม่เอาความปลอบใจนี้ไปจากลูกเลย ขอให้เป็นไปดังนี้เทอญ อาแมน

พวกเฮเรติ๊กในสมัยใหม่นี้ ไม่อาจทนเห็นเราแสดงความเคารพและเรียกแม่พระว่าความหวังของเรา “วันทาความหวังของเรา” พวกนี้เขาพูดกันว่า พระเป็นเจ้าเท่านั้นคือความหวังของเราและพระองค์สาปแช่งผู้ที่ไว้ใจในสัตว์โลก ตามคำของผู้ทำนายเยเรมีอา ที่ว่า มหาวิบัติแก่มนุษย์ไว้ใจในมนุษย์ พวกเฮเรติ๊กเหล่านี้บอกว่า พระแม่เป็นแต่เพียงมนุษย์ และมนุษย์จะมาเป็นความหวังของเราได้อย่างไร นี่คือคำกล่าวของพวกเฮเรติ๊ก แต่อย่างไรก็ตามพระศาสนจักรก็ยังบังคับพระสงฆ์และนักบวชให้ส่งเสียงเรียกหาแม่พระทุกวันด้วยนามอันอ่อนหวานว่า “ความหวังของเรา” ในนามของคริสตังค์ทุกคน พระนางคือความหวังของทุกคน

        นักบุญโทมัสได้กล่าวว่า “เราอาจจะไว้ใจในผู้ใดผู้หนึ่งได้สองทาง ค่อ ในฐานะที่เขาเป็นต้นเหตุ หรือเป็นคนกลาง ผู้ที่หวังจะได้รับความช่วยเหลือจากกษัตริย์ ก็หวังในฐานะที่พระองค์เป็นเจ้านาย เขาหวังในข้าราชการหรือผู้ที่ทรงโปรดปรานเป็นพิเศษในฐานะที่ผู้นั้นจะเป็นผู้ช่วยอ้อนวอนให้แก่เขา ถ้าเขาได้รับความช่วยเหลือ พระมหากษัตริย์เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ แต่โอยอาศัยผู้ที่พระองค์โปรดปรานเป็นคนช่วยวิงวอน และในกรณีเช่นนี้ ถ้าเราเรียกผู้ที่ช่วยเสนอแทนเขาว่าเป็นความหวังของเขา ก็นับว่ากล่าวถูกต้องแล้ว พระราชาแห่งสวรรค์ทรงเปี่ยมไปด้วยคุณความดีหาที่สุดมิได้ พระองค์มีความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้เราร่ำรวยไปด้วยพระหรรษทานของพระองค์ แต่เพราะความไว้ใจเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา พระองค์จึงประทานพระมารดาของพระองค์ให้เป็นมารดาและผู้ช่วยวิงวอนของเราเพื่อเพิ่มเติมความไว้ใจของเราให้มีมากขึ้น พระองค์ได้มอบหมายอำนาจที่จะช่วยเราให้แก่พระนางทั้งหมด ดังนั้นพระองค์จึงทรงปราถนาที่จะให้เรา ฝากฝั่งความหวังในการเอาตัวรอด และความหวังที่จะรับพระพรต่าง ๆ ไว้กับพระนาง ผู้ที่ไว้ใจในมนุษย์เท่านั้น โดยไม่ขึ้นกับพระเป็นเจ้า เช่นพวกคนบาป ก็จะถูกพระเป็นเจ้าสาปแช่งแน่ตามคำของผู้ทำนายเยเรมีอา เพราะคนเหล่านี้ไม่เกรงกลัวที่จะดูหมิ่นพระเป็นเจ้า เขาต้องการที่จะได้มิตรภาพและความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ผู้ที่ไว้ใจในแม่พระ ในฐานะที่พระนางเป็นมารดาพระเป็นเจ้า ผูสามารถช่วยเขาได้รับพระหรรษทานและชีวิตนิรันดรได้นั้น ย่อมเป็นผู้ที่มีบุญและเป็นที่โปรดปรานของพระเป็นเจ้า เพราะพระองค์ปราถนาที่จะเห็นพระนางได้รับเกียรติ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าแม่รักและนับถือพระองค์ในโลกนี้ มากกว่าบรรดามนุษย์และเทวดาทั้งหมดรวมกัน ดังนั้นจึงนับว่าถูกต้องและเหมาะสมแล้วที่เราเรียกพระแม่ว่า ความหวังของเรา ตามที่ท่ารคารร์ดีนัลเบลลามินกล่าวว่า “โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนของพระนาง เราหวังว่าเราจะได้รับสิ่งที่เราไม่อาจจะได้รับโดยลำพังคำภาวนาของเราเอง” ท่านซูอาเรสกล่าวว่า “เราสวดขอพระนาง เพื่อว่าพระนางผู้ทรงเกียรติจได้วิงวอนแทนเราซึ่งเป็นคนบาปและไม่เหมาสม” ดังนั้นการวอนขอแม่พระด้วยจิตตารมณ์เช่นนี้ มิได้แสดงว่าเราไม่แยแสต่อพระมหากรุณาธิคุณของพระเป็นเจ้า แต่เพราะเรากลัวความไม่เหมาะสมของเรา

         ดังนั้นที่พระศาสนจักรใช้คำของพระคัมภีร์ เรียกแม่พระว่า “มารดาแห่งความศักดิ์สิทธิ์นั้น” จึงมิใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเสียเลยทีเดียว พระนางคือมารดาผู้ให้กำเนิดความหวังอันศักดิ์สิทธิ์ในจิตใจของเรา มิใช่ความหวังในสิ่งฟุ้งเฟ้อที่ไม่ยั่งยืนของชีวิตนี้ แต่ในสิ่งนิรันดรที่ใหญ่ยิ่งกว่าในสวรรค์

         นักบุญเอเฟรมกล่าวกับแม่พระว่า “วันทา ความหวังแห่งวิญญาณของลูก วันทา ความเที่ยงแท้ของคริสตังค์ วันทาผู้ช่วยเหลือของคนบาป วันทาป้อมป้องกันของคริสตังค์ วันทาผู้ช่วยเหลือของคนบาป วันทาป้อมป้องกันของคริสตังค์และความรอดของโลก” นักบุญอื่น ๆ เตือนเราว่า นอกจากพระเป็นเจ้าแล้วความหวังเดียวของเราก็คือแม่พระ ดังนั้นบรรดานักบุญจึงเรียกพระนางว่า “ความหวังเดียวของท่าน ถัดจากพระเป็นเจ้า”

         ในการจัดการของพระญาณสอดส่องที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ พระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้ทุกคนเอาตัวรอดโดยอาศัยแม่พระ นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวเช่นนี้ และเราจะพิสูจน์ให้เห็นอย่างยืดยาวกันต่อไปเมื่อนักบุญเอเฟรมรำพึงถึงความจริงข้อนี้ ท่านกล่าวแก่แม่พระว่า “โอ้พระนางเจ้า โปรดอย่าได้ละเว้นที่จะดูแลพวกเรา ปกปักรักษาเราไว้ภายในอ้อมแขนแห่งความเมตตากรุณาของพระแม่ เพราะนอกจากพระเป็นเจ้าแล้ว เราไม่มีความหวังใดนอกไปจากในตัวพระแม่” นักบุญโทมัส วิลลาโนวาก็พูดในทำนองเดียวกัน ท่านเรียกพระนางว่า “ที่พึ่ง ความหวังและที่หลบภัยแห่งเดียวของเรา” ดูเหมือนนักบุญเบอร์นาร์โดจะให้เหตุผลในเรื่องนี้ เมื่อท่านกล่าวว่า “ดูเถิดมนุษย์เอ๋ย ดูแผนการณ์ของพระเป็นเจ้า แผนการณ์ซึ่งจะทำให้พระองค์แจกจ่ายความเมตตากรุณา

      ดังนั้นก่อนที่พระวัจนาตถ์ทรงรับเอากายในครรภ์ของพระแม่มารีอา พระองค์ได้ส่งเทวดามาขอความตกลงยินยอมจากพระนาง เพราะพระองค์ปราถนาจะให้โลกเราต้อนรับพระวัจนาตถ์ โดยอาศัยพระนางและให้พระนางเป็นแหล่งที่มาแห่งคุณความดีทุกประกาน ดังนั้นนักบุญอีเรเนอูส จึงเห็นว่า เอวาถูกเทวดาที่ต้องโทษนรกล่อหนีไปจากพระเป็นเจ้า ในทำนองเดียวกัน แม่พระก็ถูกแนะนำให้รับพระเป็นเจ้าไว้ในครรค์ของพระนาง โดยการนบนอบต่อเทวดาที่ดี ดังนั้นพระนางจึงได้ขอใช้โทษความไม่นบนอบของเอวา ด้วยความนบนอบของพระนางเอง และกลับเป็นผู้เสนอวิงวอนของเรา และของมนุษย์ทุกคน” เอวาไม่นบนอบพระเป็นเจ้า แต่แม่พระถูกชวนให้นบนอบพระองค์เพื่อแม่พระจะได้เป็นผู้เสนอวิงวอนของเอวา มนุษย์ชาติมุ่งหน้าไปสู่ความตายเพราะพรหมจารีผู้หนึ่ง ก็ควรแล้วที่จะได้รับความรอดโดยอาศัยพรหมจารีอีกผู้หนึ่ง ท่านบุญราศีเรมุนโด ยอร์ดาโน กล่าวว่า “คุณความดีทุกประการ ความช่วยเหลือทุกอย่าง พระหรรษทานทุกประการที่มนุษย์ได้รับและจะได้รับจากพระเป็นเจ้าจนถึงวันสิ้นพิภพนั้นได้มาและจะมาถึงมนุษย์เราโดยอาศัยคำเสนอวิงวอนและโดยผ่านมือของพระแม่นั้น”

        ดังนั้นท่านโบลซีอู้สผู้ศรัทธาจึงมีเหตุผลพอที่จะอุทานว่า “โอ้พระแม่มารีอา พระแม่เต็มไปด้วยความ่ออนหวานต่อทุกคนที่รักพระแม่ โปรดบอกลูกหน่อยเถิดว่า ใครบ้างที่โชคร้ายจนถึงกับไม่รักพระแม่ในท่ามกลางความสงสัยและความยุ่งยากของเขา พระแม่ก็ประทานแสงสว่างให้แก่ดวงใจของผู้ที่มาพึ่งพระแม่ใสนยามทุกข์ พระแม่ให้กำลังใจแก่ผู้ที่วิ่งไปหาพระแม่ในยามอันตราย พระแม่ช่วยทุกคนที่เรียกหาพระแม่ นอกไปจากพรงะบุตรของพระแม่แล้ว พระแม่ก็คือความรอดที่แน่นอนของผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระแม่นั่นเอง วันทา โอ้ความหวังของผู้ที่หมดหวัง ความช่วยเหลือของผู้ที่ถูกทอดทิ้ง โอ้พระแม่มารีอา พระแม่เปี่ยมด้วยอำนาจ เพราะองค์พระบุตรทรงทำตามความปราถนาของพระแม่ทันที เพื่อให้เกียรติแก่พระแม่”

            เมื่อนักบุญเยอร์มานู้สสมาสำนึกว่า ในพระแม่มารีอานั้น เราได้พบกับแหล่งแห่งความดีทั้งสิ้น และในความจริงที่ว่าพระนางช่วยให้เราพ้นจากความชั่วทุกประการนั้น ท่านกล่าวกับพระนางว่า “โอ้พระนางเจ้าของลูก พระแม่เท่านั้นคือผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ปลอบโยนลูกในโลกนี้ พระแม่คือผู้นำทางในการเดินทางของลูกพละกำลังแก่งความอ่อนแอของลูก ความร่ำรวยแห่งความยากจนของลูก เป็นยาเพื่อให้รักษาบาดแผลของลูก ผู้ทำให้ความเจ็บปวดของลูกเบาบางลง พระแม่คือจุดหมายปลายทางการถูกกักขังของลูก และความหวังแห่งความรอดของลูก ลูกวอนขอให้พระแม่โปรดสดับฟังคำภาวนาของลูก กรุณาสงสารน้ำตาของคนบาปผู้นี้ โอ้ท่านผู้เป็นราชินีที่พึ่ง ความรัก ความช่วยเหลือ ความหวัง และพละกำลังของลูก”

            ดังนั้นเราจึงไม่ควรรู้สึกแปลกใจ ที่นักบุญอันโตนี นำคำของพระคัมภีร์มาใช้กับแม่พระว่า “ความดีทุกสิ่งมาถึงตัวข้าพเจ้าพร้อมกับพระนาง” เพราะในฐานะที่พรหมจารีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้เป็นมารดาและผู้แจกจ่ายคณความดีทุกประการ โลกทั้งโลก แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งแต่ละคนซึ่งอาศัยอยู่ในโลกเราในฐานะที่เป็นความศรัทธาต่อราชินีผู้ยิ่งใหญ่นี้ อาจจะพูดได้อย่างแท้จริงว่า ด้วยอาศัยความศรัทธาต่แม่พระ ทั้งตัวเขาและโลกได้รับสิ่งที่ดีบริบูรณ์ทุกอย่าง ท่านนักบุญอธิบยความคิดเห็นของท่านว่า “พระนางคือมารดาแห่งคุณความดีทุกประการ และโลกของเราอาจจะพูดได้ว่า มันได้รับสิ่งที่ดีทุกอย่างโดยอาศัยพระนาง” ดังนั้นท่านเจ้าอาวาสผู้ศักดิ์สิทธิ์ แห่ง เซเลส จึงประกาศออกมาอย่างเด่นชัดว่า “เมื่อเราพบแม่พระ เราพบทุกอย่าง” ใครก็แล้วแต่ที่พบแม่พระ ย่อมพบความดีทุกชนิด จะได้รับพระหรรษทานและฤทธิ์กุศลทุกประการ โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนอันมีอำนาจของพระนาง พระนางจะโปรดให้เขาได้รับทุกสิ่งที่จำเป็นซึ่งจะทำให้เขาร่ำรวยไปด้วยพระหรรษทาน ในหนังสือสุภาษิตในพระคัมภีร์ แม่พระเองเป็นผู้บอกเราว่า พระนางมีความร่ำรวยทั้งหมดของพระเป็นเจ้า ซึ่งหมายถึงพระมหากรุณาของพระองค์ เพื่อพระนางจะได้รับเอาไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่รักพระนาง “ในตัวเรามีความร่ำรวย.....และความร่ำรวยที่รุ่งเรือง..........เพื่อเราจะได้ทำให้ผู้ที่รักเรามีความร่ำรวย.....” ดังนั้นนักบุญโบนาแวนตูราจึงกล่าวว่า เราจะใช้ตาของเราจ้องมองดูมือของแม่พระ เพื่อเราจะได้รับพระหรรษทานที่เราต้องการโดยอาศัยพระนาง

            มีคนจำนวนมากเพียงใดที่เคยเป็นคนหยิ่งจองหอง แต่กลับเป็นคนสุภาพเพราะความศรัทธาต่อแม่พระ มีกี่คนที่เคยเป็นคนเจ้าโทษะ แต่กลับกลายเป็นคนเสงี่ยม มีกี่คนที่อยู่ในท่ามกลางความมือมัวแต่กลับได้พบความสว่าง มีกี่คนที่หมดหวังแต่ได้รับความไว้ใจและมีกี่คนที่หลงทางไปและได้รับความรอดโดยทางที่มีอำนาจทางเดียวกันนี้แม่พระเองได้ทำนายความข้อนี้ที่บ้านของนางเอซีบาแบ้ท ในบทเพลงอันลึกซี้งของพระนาง  “ดูเถิด แต่นี้ต่อไปมนุษย์ทุกสมัยจะเรียกเราว่าผู้มีบุญ” เมื่อนักบุญเบอร์นาร์โดอธิบายคำพูดนี้ท่านกล่าวว่า “มนุษย์ทุกสมัยเรียกพระแม่ว่ามีบุญ เพราะพระแม่ได้ประทานชีวิตและความรุ่งเรื่องให้แก่นานาชาติ” เพราะในตัวแม่พระ คนบาปพบกับการให้อภัย และชอบธรรมก็ได้รับความพากเพียรในพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า”

            ดังนั้นท่านลันสแปรยีอู้ส จึงสมมติว่า พระสวามีเจ้าตรัสแก่สากลโลกว่า “มนุษย์เอ๋ย ลูกหลานที่น่าสมเพชของอาดัม ซึ่งมีชีวิตอยู่ในท่ามกลางความยากลำบาก รอบล้อมไปด้วยศัตรู จงพยายามให้เกียรติพระมารดาของเราและของเจ้าเป็นพิเศษเถิด เพราะเราได้มอบพระนางมารีอาให้แก่โลก เพื่อพระนางจะได้เป็นตัวอย่างของเจ้า และเจ้าจะได้รู้จักการดำเนินชีวิตที่ดีจากพระนาง และเพื่อพระนางจะได้เป็นที่พึ่ง เป็นที่ที่พวกเจ้าจะได้วิ่งไปหลบในยามทุกข์ทรมาน เราได้ทำให้ธิดาของเราผู้นี้ดีเลิศ จนกระทั้งไม่ต้องมีใครกลัวหรือขยะแขยงแม้แต่เพียงเล็กน้อย เมื่อเขาเข้ามาพึ่งพระนาง เพราะเหตุนี้แหละเราจึงได้สร้างสวรรค์พระนางมา ให้ยิ่งใหญ่และเพียบพร้อมไปด้วยความเมตตา จนกระทั่งพระนางไม่รู้จักเหยียดหยามผู้ที่เข้ามาพึ่งพระนาง และพระนางไม่อาจจะปฏิเสธผู้ที่มาแสวงหาความช่วยเหลือจากพระนางได้ ผ้าคลุมแห่งความเมตตาของพระนางแผ่ไปถึงมนุษย์ทุก ๆ คน และพระนางจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดไปจากพระนางโดยไม่ปลอบใจให้สุขแก่เขาเสียก่อน ขอให้พระคุณความดีอันหาที่สุดมิได้ของพระเป็นเจ้าจงเจริญและเป็นที่สรรเสริญเถิด ที่ได้โปรดประทานมารดาและผู้เสนอวิงวอนที่น่ารัก ยิ่งใหญ่และอ่อนโยนเช่นนี้ให้แก่เรา

            พระเจ้าข้า ความไว้ใจต่อพระเยซูเจ้าองค์พระมหาไถ่ของเรา และแม่พระผู้เสนอที่น่ารักยิ่งของเรา ซึ่งนักบุญโบนาเวนตูรากล่าวไว้นั้นช่างอ่อนโยนเพียงใด ท่านกล่าวว่า “ไม่ว่าพระเป็นเจ้าจะรู้เห็นว่าส่วนได้ของข้าพเจ้าจะเป็นเช่นใด ข้าพเจ้าก็ยังรู้ว่าพระองค์ไม่อาจจะปฏิเสธพระองค์เองแก่ผู้ที่รักพระองค์ และแสวงหาพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิตใจได้ ข้าพเจ้าจะสวมกอดพระองค์ด้วยความรัก ถ้าพระองค์ไม่ประทานพรให้ ข้าพเจ้าก็จะเกาะพระองค์ไว้อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งพระองค์จะไปไหนไม่ได้ โดยที่ไม่มีตัวข้าพเจ้าก็จะซ่อนตัวในรอยแผลของพระองค์ และจะอาศัยอยู่ที่นั่น พระองค์จะพบข้าพเจ้าได้ก็ในเมื่อพระองค์เท่านั้นเอง” แล้วท่านนักบุญสรุปความว่า “ถ้าองค์พระมหาไถ่ทรงปฏิเสธ เพราะบาปของข้าพเจ้า และไล่ไปให้พ้นจากแทบพระบาทของพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะทุ่มตัวอยู่แทบเท้าของพระมารดามารีอาที่รักของพระองค์ และจะกราบอยู่ที่นั่นจนกว่าพระนางจะวอนขอกาอภัยให้แก่ข้าพเจ้า เพราะพระมารดาเมตตาผู้นี้ไม่รู้ว่าจะทำอะไร นอกไปจากการสงสารผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก  และทำตามความต้องการของผู้ลำบากยากเย็น ซึ่งรีบไปขอความช่วยเหลือจากพระนาง ดังนั้นพระนางจะทำให้พระบุตรของพระนางยกโทษให้แก่ข้าพเจ้า ถ้ามิใช่หน้าที่ อย่างน้อยก็เพราะความสงสารของพระนางต่อข้าพเจ้า”

            ฉะนั้นเราจงเอาคำของท่านยูทีมีอูสมาใช้อุทานว่า “โปรดเหลียวดูเราเถิด โอ้พระมารดาผู้ปราณี โปรดทอดสายตาแห่งความเมตตาของพระแม่มายังเรา เพราะเราคือผู้รับใช้ของพระแม่ และราได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับพระแม่”

- ตัวอย่าง -

            นักบุญเกรโกรีโอเล่าว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งชื่อมูซา ซึ่งเป็นผู้ที่มีความศรัทธาต่อแม่พระ เมื่อเธอมีอันตรายร้ายแรงที่จะเสียคนเพราะเพื่อนที่ไม่ดีของเธอ แม่พระได้ปรากฏตัวมาพร้อมกับนักบุญหลายองค์ และกล่าวว่า “มูซา ลูกอยากจะเป็นเหมือนท่านพวกนี้ไหม?” เมื่อเธอตอบว่า “อยาก” แม่พระก็เสริมว่า “ดีแล้ว จงตีตัวออกห่างจากเพื่อน ๆ ของลูก และเตรียมตัวของลูกไว้ เพราะภายในเวลาหนึ่งเดือนลูกจะมารอยู่กับพวกนี้” มูซาก็ทำตาม และเล่าเรื่องการปรากฏนี้ให้ผู้อื่นฟัง ในวันที่ ๑๓ เธอจวนจะสิ้น แม่พระปรากฏมาอีก และเผชิญให้เธอตามนางไป เธอตอบว่า “โอ้พระแม่ ลูกมาแล้ว” แล้วก็สิ้นใจตายอย่างอ่อนหวาน

- บทภาวนา -

            โอ้พระแม่แห่งความรักอันศักดิ์สิทธิ์ พระแม่คือชีวิต ที่พึ่งและความหวังของเรา พระแม่ทราบดีว่า พระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระแม่ ไม่พอใจที่จะเป็นผู้เสนอวิงวอนกับพระ

บิดาแต่เพียงเดียวเท่านั้น พระองค์โปรดให้คำภาวนาของพระแม่มีอำนาจ จนกระทั่งพระแม่อาจจะได้รับทุกอย่างที่พระแม่วอนขอ ดังนั้นลูกซึ่งเป็นคนบาปหยาบช้าจึงเข้ามาหาพระแม่ ซึ่งเป็นความหวังของผู้ที่ตกยาก โอ้พระแม่เจ้า ลูกหวังที่จะได้รับความรอด ประการแรกทีเดียวโดยอาศัยพระบารมีของพระเยซูคริสตเจ้า และถัดไปก็คือ โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนของพระแม่ ลูกแน่ใจในข้อนี้ และลูกไว้ใจในพระแม่จนถึงกับว่า ถ้าความรอดอยู่ในมือลูกเอง ลูกจะมอบไว้ในมือของพระแม่เพราะลูกไว้ใจในความเมตตา และการดูแลรักษาของพระแม่มากกว่าการงานทั้งหทดของลูก พระมารดาและความหวังของลูก โปรดอย่าได้ทอดทิ้งลูก แม้ว่าลูกควรถูกทอดทิ้งเป็นการลงโทษก็ตาม โปรดมองดูความทุกข์ทรมานของลูก และขอให้พระแม่มีใจเมตตามาช่วยให้ลูกรอด มีอยู่หลายครั้งที่ลูกได้ปิดหัวใจเพราะบาปของลูก ไม่ยอมรับแสงสว่างและความช่วยเหลือซึ่งพระแม่ได้วอนขอให้แก่ลูกจากพระสวามีเจ้า แต่ความสงสารผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก และอำนาจของพระแม่กับพระเป็นเจ้านั้นมากเกินกว่าจำนวนบาปและความเข้าชั่วช้าทั้งหมดของลูก เป็นที่ล่วงรู้จักกันโดยทั้วไป ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินนี้ว่า ผู้ใดก็แล้วแต่ที่ได้พระแม่เป็นผู้ปกป้อง จเอาตัวรอดไปสวรรค์อย่างแน่นอน ทุก ๆ คนเขาอาจลืมลูก แต่ขออย่าให้พระแม่ลืมลูกก็แล้วกัน โอ้พระมารดาแห่งพระเป็นเจ้าทรงสรรพานุภาพ โปรดเตือนพระองค์ว่าลูกคือผู้รับใช้ของพระแม่ ขอให้พระแม่เพียงแต่บอกว่าพระแม่ปกป้องลูกเท่านั้นลูกก็จะได้รับความรอด โอ้พระแม่มารีอา ลูไว้ใจในพระแม่ ลูกขอมีชีวิตและลูกปราถนาพร้อมทั้งหวังที่จะสิ้นใจตายในความหวังนี้ ลูกจะขอเอ่ยอยู่เสมอว่า “พระเยซูเจ้าความหวังเดียวของข้าพเจ้า และนอกจากพระองค์ก็คือ พระแม่มารีอาผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง”

ในบทแรกของพระคัมภีร์ เราอ่านพบว่า “พระเป็นเจ้าทรงประทานความสว่างใหญ่สองดวง ดวงที่ใหญ่กว่าเพื่อครอบครองเวลากลางวัน และดวงที่เล็กกว่าให้ครอบครองเวลากลางคืน”คาร์ดีนัลฮูโกกล่าวว่า “พระเยซูเจ้าคือแสงสว่างดวงใหญ่ เพื่อปกครองผู้ชอบธรรม แม่พระคือแสงสว่างดวงเล็กกว่า เพื่อปกครองคนบาป” ดวงอาทิตย์คือสัญญลักษณ์ของพระเยซูเจ้าบรรดารผู้ชอบธรรมซึ่งอาศัยอยู่ในวันอันสว่างแห่งพระหรรษทานก็จะไดรับความชื่นชมยินดีจากพระองค์ ส่วนดวงจันทร์คือสัญลักษณ์ของแม่พระ โดยอาศัยแสงสว่าอันรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์เป็นเช่นนี้เพื่อผลประโยชน์ของคนบาปที่น่าสมเพช ดังนั้นถ้าผู้ใดโชคร้ายตกลงในความมืดของบาปแล้ว เขาควรจะทำอย่างไรเล่า? อินโนเซน ซีโอที่ ๓ ตอบว่า “ผู้ใดที่อยู่ในความมืดมิดของบาป ก็ให้ผู้นั้นยกหน้าขึ้นมองดูดวงจันทร์ ให้เขาขอความช่วยเหลือจากแม่พระ” ในเมื่อเขาได้สูญเสียดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรม โดยการสูญเสียพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าแล้ว ก็ขอให้เขาหันไปยังดวงจันทร์และวอนขอแม่พระ แล้วพระนางจะประทานแสงสว่างให้เขามองเห็นสภาพอันน่าสมเพชของตนอย่างแน่นอน และพระนางจะโปรดให้เขามีกำลังที่จะปลีกตัวออกจากสภาพนั้นอย่างรวดเร็ว นักบุยเมโทดีอู๊สกล่าวว่า “คนบาปนับจำนวนไม่ถ้วนกลับใจโดยอาศัยคำภาวนาของแม่พระ”

      นามซึ่งเป็นกำลังใจแก่คนบาป และที่พระศาสนจักรสอนให้เราเรียกแม่พระในบทเร้าวิงวอนพระนางก็คือ “ที่หลบภัยของบคนบาป” ในประเทศอิสราแอลสมัยโบราณมีเมืองหลบภัย นักโทษที่หนีเข้าไปในเมืองเหล่านี้ จะพ้นจากการลงโทษซึ่งตนควรจะได้รับ ในปัจจุบันนี้เมืองชนิดนี้มีไม่มากนัก ที่จริงมีอยู่แต่แห่งเดียว คือ แม่พระ นักแต่งบทกลอนให้พระคัมภีร์กล่าวถึงพระนางว่า “เขาพูดถึงสิ่งที่รุ่งเรืองเกี่ยวกับตัวท่าน โอ้เมืองแห่งพระเป็นเจ้า”แต่เมืองนี้ผิดกับเมืองในสมัยโบราณซึ่งได้กล่าวถึง ประการแรกก็คือ มิใช่นักโทษทุกคนดอก ที่เข้าไปหลบภัยอยู่ในเมืองหลบภัยในสมัยโบราณและการกลบภัยนั้นมิได้แผ่ไปถึงความผิดทุกชนิด แต่ในความปกป้องของแม่พระ คนบาปทุกคน โดยไม่มีข้อยกเว้น  จะได้พบที่พึ่งให้พ้นจาก บาปทุกชนิดที่ตนได้ทำไปขอแต่เพียงให้เขาเข้าไปหาที่หลบภัยกับพระนางเท่านั้นเอง นักบุญยวง ดามาซีนพูดในนามของพระราชินีของเราว่า “เราคือเมืองหลบภัยให้แก่ท่านคนที่รีบมาหาเรา” เพียงแต่ไปพึงพระนางก็พอแล้ว เพราะว่าผู้ใดก็แล้วแต่มีโชคดีได้เข้าไปในเมืองนี้ ไม่ต้องปริปากพูดอะไรเลยก่อนที่ตนจะได้รับความรอด “จงสำรวมตัวของท่าน แล้วเราจงเข้าไปในเมืองที่กั้นไว้ และเราจงรักษาความเงียบในที่นั้น”ตามคำของผู้ทำนายเยเรมีอ้าสนักบุญอัลแบร์โตมักโยกล่าวว่า เมืองนี้คือพระนางพรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งล้อมรอบไปด้วยพระหรรษทานและสิริมงคล “แล้วเราจงรักษาความเงียบในที่นั้น”ซึ่งหมายความว่า “เราไม่กล้าเรียกหาพระสวามีเพราะเราได้ทำผิดต่อพระองค์ แต่พระนางจะเรียกหาพระองค์และวอนขอให้เรา” ถ้าเราไม่กล้าไปขอให้พระสวามีเจ้าให้ยกโทษเรา เราเพียงแต่เข้าไปในเมืองนี้และอยู่เฉย ๆ ก็พอแล้ว เพราะแม่พระจะเป็นผู้พูดและวอนขอทุกอย่างที่เราต้องการแทนเรา และเพราะเหตุนี้เอง นักเขียนใจศรัทธาผู้หนึ่งได้เร้าใจคนบาปทุกคนให้มาหาที่พึ่งภายในความปกป้องของแม่พระ ท่านกล่าวว่า “วิ่งไปเถิดอาดัม เอวา และบรรดาลูกหลานของท่านที่ได้ทำผิดต่อพระเป็นเจ้า จงวิ่งไปหาที่พึ่งในอ้อมอกของมารดาใจดีผู้นี้ ท่านไม่ทราบดอกหรือว่าพระนางคือเมืองหลบภัยของเรา”  “ความหวังเดียวของคนบาป” ซึ่งเป็นคำที่เขาได้ค้นพบในบรรดาหนังสือของนักบุญเอากูสตีโน

            นุกบุยเอเฟรมกล่าวกับแม่พระว่า “พระแม่คือผู้เสนอวิงวอนแต่ผู้เดียวของคนบาป และของทุกคนที่มิได้รับการปกป้อง” แล้วท่านกล่าวสรรเสริญพระนางว่า “วันทา ที่พึ่งและสถานพยาบาลของคนบาป” ที่พึ่งแท้จริงแห่งเดียวที่บรรดาคนบาปจะได้พบกับการต้อนรับและเสรีภาพ นักเขียนผู้นหนึ่งออกความเห็นว่า นี้คือความหมายของคำพูดของดาวิดที่ว่า “เพราะพระองค์ได้ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในพลับพลาของพระองค์”แล้วพลับพลาพระเป็นเจ้านี้เป็นใครอื่นอีกเล่านอกไปจากแม่พระ? นักบุญเยอร์มานู้สเรียกพระนางว่า “พลับพลาซึ่งพระเป็นเจ้าทรงสร้างขึ้น และพระองค์เองเท่านั้นที่เสด็จเข้าไปในพลับพลานี้เพื่อทำการไถ่บาปมนุษย์อันใหญ่ยิ่งสิ้นสุดลงไป”

            นักบุญบาซิลแห่งเซลูซีอา ออกความเห็นว่า ถ้าพระเป็นเจ้าทรงประทานอำนาจแก่มนุษย์บางคน ซึ่งเป็นแต่เพียงผู้รับใช้พระองค์ให้รักษาคนป่วยซึ่งเขามาวางไว้ตามถนน โดยอาศัยการแตะต้องหรือเพียงแต่งานเท่านั้นแล้ว ทำไมพระองค์จึงจะไม่ประทานอำนาจนี้ให้แก่ผู้ที่มิใช่เป็นเพียงผู้รับใช้เท่านั้น แต่ยังเป็นพระมารดาของพระองค์ด้วยอีกเล่า? เราอาจจะพูดได้ว่าพระเป็นเจ้าทรงประทานแม่พระให้เป็นเสมือนโรงพยาบาลสาธารณะให้แก่เรา บรรดาคนเจ็บป่วย คนจนและผู้ที่ยากไร้จะได้รับการต้อนรับ แต่ข้าพเจ้าอยากจะถามว่า โรงพยาบาลที่เขาสร้างไว้สำหรับคนจนโดยเฉพาะนั้น มีผู้ใดบ้างที่จะมีสิทธิ์มากไปกว่าคนจน แน่ละ ผู้ที่มีสิทธิ์มากที่สุดก็คื อ ผู้เจ็บป่วยมากและขัดสนที่สุด

            และเพราะเหตุนี้แหละ ถ้าผู้ใดเห็นว่าตนไม่มีบุญกุศลและเต็มไปด้วยโรคภัยวิญญาณ คือบาปแล้ว เขาอาจจะพูดกับแม่พระได้ว่า “โอ้พระแม่เจ้า พระแม่คือที่พึ่งของคนยากจนที่เจ็บป่วย โปรดอย่าได้ผลักไสไล่ส่งลูก เพราะลูกเป็นผู้ที่ยากจนและเจ็บป่วยมากที่สุด ลูกจึงมีสิทธิ์มากที่สุดที่จะได้รับการต้อนรับจากพระแม่

            เราจงอุทานออกมาเหมือนกับนักบุญโทมัสแห่งวิลลาโนวาว่า “โอ้พระแม่มารีอา พวกเราคนบาป ไม่รู้จักที่พึ่งอื่นใดนอกไปจากพระแม่ เพราะพระแม่คือความหวังเดียวของเรา เราขอพึ่งพระแม่ในการเอาตัวรอดไปสวรรค์ พระแม่คือผู้เสนอวิงวอนแต่ผู้เดียวของเรากับพระเยซูเจ้า เราทุกคนหันหน้าไปหาพระแม่”

            ในบรรดาข้อไขแสดงของนักบุญบริยิด แม่พระได้รับชื่อว่า “ดวงดาวซึ่งนำหน้าอาทิตย์” ซึ่งเป็นเหตุให้เราเข้าใจได้ว่าในเมื่อความศรัทธาต่อแม่พระพริ่มสำแดงขึ้นในวิญญาณที่ตกอยู่ในบาปก็ย่อมเป็นสัญลักษณ์ที่แน่นอนว่า พระเป็นเจ้าจะโปรดให้วิญญาณนั้นร่ำรวยไปด้วยพระหรรษทานของพระองค์ในไม่ช้า นักบุญโบนาเวนตูราผู้รุ่งเรืองต้องการที่จะเร่าใจคนบาปให้ไว้ใจในความคุ้มครองของแม่พระ ท่านบอกให้บรรดาคนบาปคิดถึงภาพของทะเลที่ปั่นป่วนไปด้วยพายุ ซึ่งคนบาปได้ตกลงไปจากเรือแห่งพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า เขาถูกโยนไปมาทุกทิศทางโดยการติเตียนของมโนธรรมและโดยความกลัวคำตัดสินของพระเป็นเจ้า คนบาปเหล่านี้ไม่มีความสว่างหรือผู้นำ และเกือบจะสูญเสียความหวังที่เอาตัวรอดอยู่แล้ว ก็พอดีพระสวามีเจ้าทรงชี้ให้คนบาปเหล่านี้มองดูแม่พระ พระนางได้ชื่อว่า “ดาวประจำรุ่ง”พระองค์ยกพระสุรเสียงขึ้นและกล่าวว่า “โอ้คนบาปที่กำลังหลงทาง อย่าหมดหวังเลย เงยหน้าขึ้นมองดูดาวอันสวยงามนี้เถิด หายใจอีกครั้งหนึ่งด้วยความไว้ใจ เพราะดาวดวงนี้จะช่วยให้เจ้าพ้นจากพายุร้าย และจะนำเจ้าสู่ท่าแห่งความรอด” นักบุญเบอร์นาร์โดก็พูดในทำนองเดียวกันว่า “ถ้าท่านไม่อยากจะหลงอยู่ในท่ามกลางพายุร้าย ก็จงเงยหน้าขึ้นมองดูดาว จงเรียกหาพระแม่มารีอา”

            โบลซีอู้สผู้ศรัทธากล่าวว่า “พระนางคือที่พึ่งแห่งเดียวของผู้ที่ได้ทำผิดต่อพระเป็นเจ้า เป็นที่หลบภัยของผู้ที่ถูกการประจญล่อลวงทรมาน ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากและถูกเบียดเบียน พระมารดาผู้นี้มีแต่ความเตตา อ่อนหวานและใจกว้างขวงมิใช่ต่อผู้ที่ชอบธรรมเท่านั้น แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนบาปที่หมดหวัง พอพระนางเห็นเขาเข้ามาแสวงหาความช่วยเหลือจากพระนางด้วยใจจริง พระนางก็จะช่วยเขาทันที ต้อนรับเขาและวอนขออภัยจากพระบุตรของพระนางให้แก่เขา พระนางไม่รู้จักปฏิเสธผู้ใด ไม่ว่าเขาจะไม่สมควรแก่ความเมตตาสักเพียงใดก็ตาม  ดังนั้นพระนางจึงไม่ปฏิเสธที่จะปกป้องผู้ใดเลย พระนางปลอบใจทุกคน พอเขาเรียกหาพระนาง พระนางก็ช่วยเขาทันที ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น่ที่เรียกหาพระนาง พระนางมักจะปลุกใจและจูงใจคนบาปซึ่งเป็นศัตรูกับพระเป็นเจ้าและจมอยู่ในเหวของบาปอย่างลึกให้มีความศรัทธาต่อพระนาง และด้วยวิธีเดียวกันนี้เอง พระนางเร้าใจและเตรียมใจเขาไว้สำหรับพระหรรษทาน ทำให้เขาเหมาะสำหรับพระราชัยแห่งสวรรค์ พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้างธิดาของพระองค์ผู้นี้ให้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและอ่อนหวาน จนกระทั่งไม่มีผู้ใดที่อาจจะกลัวหรือไม่ยอมมาพึ่งอาศัยพระนาง” ท่านนักเขียนใจศรัทธาผู้นี้สรุปความว่า “ผู้ที่พยายามแสวงหาความศรัทธาต่อพระมารดาพระเป็นเจ้าด้วยความเอาใจใส่และด้วยความสุภาพแล้ว ย่อมตกนรกมิได้เป็นอันขาด”

            พระคัมภีร์เรียกแม่พระว่า ต้นไม้ในที่ราบ “เราได้รับการยกย่องเหมือนต้นไม้ในที่ราบ” ที่พระนางได้รับชื่อนี้ก็เพื่อจะให้คนบาปเข้าใจว่า ต้นไม้ในที่ราบให้ความร่มเย็นแก่ผู้ที่เดินทางมาในกลางแดด ฉันใดก็ฉันนั้น พระนางได้เชิญให้เขาเข้ามาหลบอยู่ในความคุ้มครองของพระนางเพื่อให้พ้นจากพระพิโรธของพระเป็นเจ้าซึ่งก็นับว่าสมตามพระยุติธรรมของพระองค์แล้ว นักบุญโบนาเวนตูราออกความเห็นว่า ท่านผู้ทำนายอีซาอีบ่นถึงสมัยที่ท่านอาศัยอยู่ว่า “พระองค์โกรธและเราก็ได้ทำบาปไป...............ไม่มีใคร.............ที่จะลุกขึ้นยับยั้งพระองค์ไว้ได้”แล้วท่านก็อธิบายต่อไปว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า ในสมัยนั้นไม่มีผู้ใดปกป้องคนบาปให้พ้นจากความโกรธของพระองค์ได้แม่พระยังมิได้บังเกิด” แล้วท่านนักบุญกล่าวต่อไปว่า “ก่อนแม่พระนั้นไม่มีผู้ใดเลยที่กล้ายับยั้งพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าไว้ แต่เดี๋ยวนี้ ถ้าพระเป็นเจ้าพิโรธคนบาปผู้หนึ่ง และแม่พระป้องกันเขา พระนางก็จะยับยั้งมิให้พระบุตรของพระนางกระทำให้สมพระยุตธรรมของพระองค์ และช่วยเหลือเขาให้รอด” “ดังนั้นไม่มีผู้ใดอีกแล้วที่เหมาะสมกับหน้าที่นี้มากไปกว่าแม่พระ พระนางจับดาบแห่งพระยุติธรรมด้วยมือของพระนางเอง เพื่อป้องกันมิให้ตกลงมายังคนบาปและลงโทษเขา” ในเรื่องเดียวกันนี้ ริชาร์ดแก่งนักบุญเลาเรนซีโอกล่าวว่า “ก่อนที่แม่พระบังเกิด พระเป็นเจ้าทรงบ่นโดยอเาศัยผู้ทำนายเอเซคีเอลว่า ไม่มีผู้ใดที่จะลุกขึ้นยับยั้งพระองค์มิได้ลงโทษคนบาป พระองค์ไม่พบใครเลย เพราะหน้าที่นั้นเป็นหน้าที่ของแม่พระ พระนางจะยับยั้งพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะหายโกรธ”

            บาซิลแห่งเซลูซีอาให้กำลังใจแก่คนบาปว่า “คนบาปเอ๋ย อย่าท้อใจไปเลย จงเข้ามาพึ่งพระแม่มารีอาเมื่อท่านต้องการสิ่งที่จำเป็นเถิด เรียกให้พระนางไปช่วยท่าน ท่านจะพบว่าพระนางเตรียมพร้อมเสมอที่จะช่วยท่าน เพราะนี่คือน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าคือให้พระนางช่วยทุกคนเมื่อมีความจำเป็น พระมารดาปราณีผู้นี้มีความปราถนาอันแรงกล้าที่จะช่วยคนบาปที่ถูกทอดทิ้งที่สุด และพระนางเองเป็นผู้แสวงหาเพื่อที่จะได้ช่วยเขา และถ้าเขามาพึ่งพระนาง ๆ ก็ทราบที่จะหาทางให้เขาเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า ท่านอัยกาอีซาอั๊กอยากจะรับประทานสัตว์ป่าจนถึงกับสัญญาอีเซาผู้ลูกชายว่า จะให้พรแก่เขาหาอาหารนี้มาให้ท่านได้ แต่นางเรเบ็คกาผู้มารดาอยากจะให้ลูกชายอีกคนหนึ่ง คือยาก๊อบเป็นผู้ที่จะได้รับพร นางจึงเรียกยาก๊อบเข้ามาพลางพูดว่า “จงไปยังฝูงแกะและนำลูกแกะดีเลิศสองตัวมาให้แม่ เพื่อแม่จะได้เอาเนื้อไปทำอาหารให้พ่อของลูก อาหาชนิดที่เขาจะรับประทานด้วยความเต็มใจ”นักบุญอันโทนีโนกล่าวว่า “เรเบ็คก้าคือสัญญลักษณ์ของแม่พระ ซึ่งสั่งให้เทวดานำคนบาปมาให้แก่พระนาง (ซึ่งเปรียบเหมือนเนื้อจากแกะ) แล้วพระนางก็ตบแต่ง (โดยการช่วยให้เขาเป็นทุกข์ถึงบาปและตั้งใจว่าจะไม่ทำบาปอีก) จนกระทั่งเขากลับเป็นที่รักและโปรดปรานของพระเป็นเจ้า” และในที่นี้เราอาจจะนำเอาคำของท่านเจ้าอาวาสฟรังโกมาใช้กับพระแม่ได้ว่า “โอ้สตรีผู้เต็มไปด้วยไหวพริบ พระนางรู้จักปรับปรุงลูกแกะเหล่านี้ จนกระทั่งรสชาติเท่าเทียมกับหรือบางครั้งก็ดีกว่าเนื้อกวางเสียอีก”

            แม่พระเองเป็นผู้ไขแสดงแก่นักบุญบริยิดว่า “ไม่มีคนบาปผู้ใดในโลก ไม่ว่าเขาเป็นศัตรูร้ายเพียงใดกับพระเป็นเจ้าที่มิได้กลับเข้าหาพระองค์ และรับพระหรรษทานกลับคืนมาถ้าเขาเพียงแต่เข้าพึ่งพระนางและขอความช่วยเหลือจากพระนาง วันหนึ่งนักบุญบริยิดผู้เดียวกันนี้ได้ยินพระเยซู

คริสตเจ้ากล่าวกับพระมารดาของพระองค์ว่า  “พระนางเตรียมพร้อมที่จะประทานพระหรรษทานให้กับลูซีแฟร์เอง ถ้ามันจะถ่อมตัวลงวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง” เจ้าปีศาจจองหองนั้นจะไม่ยอมถ่อมตัวลงขอความปกป้องจากแม่พระ แต่ถ้าเป็นไปได้ พระแม่จะมีความเมตตาพอ และคำภาวนาของพระนางก็จะมีอำนาจพอที่จะได้รับทั้งการอภัยโทษและความรอดจากพระเป็นเจ้าให้แก่มัน แต่สิ่งที่ไม่อาจจะเป็นจริงขึ้นมาได้ในตัวของปีศาจนั้น จะเป็นจริงขึ้นมาในตัวคนบาปซึ่งเข้ามาพึ่งพระมารดาผู้เมตตานี้

            เรือสำเภาของนอแอเป็นสัญลักษณ์ที่แท้จริงของแม่พระในเรือสำเภานี้มีสัตว์หลายชนิดที่รอดพ้นจากน้ำท่วมมหาวินาศ ในทำนองเดียวกันในความคุ้มครองของแม่พระก็มีคนบาปเป็นจำนวนมากมายซึ่งได้พบที่พึ่งคนบาปซึ่งกลายเป็นสัตว์ร้ายไปแล้ว เพราะบาปฝ่ายเนื้อนหนัง แต่ความคิดเห็นของนักเขียนใจศรัทธาผู้หนึ่ง สิ่งที่ผิดกันก็คือ พวกสัตว์ป่านั้นเข้าไปในสำเภาแล้ว มันก็ยังเป็นสัตว์อยู่อย่างเดิม หมาป่าก็ยังคงเป็นหมาป่า เสือก็ยังคงเป็นเสือ แต่ตรงกันข้ามภายใต้ความคุ้มครองของแม่พระ หมาป่ากลายเป็นลูกแกะ และเสือกลับกลายเป็นนกเขาน้อย วันหนึ่งนักบุญเกอร์ทรู้ดเห็นเสื้อคลุมของแม่พระเปิดอยู่ และภายในเสื้อคลุมนั้น มีสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น เสือดาว สิงโต และหมี ท่านนักบุญเห็นว่า แม่พระไม่เพียงแต่จะไม่ไล่มันไปเท่านนั้น พถระนางกลับต้อนรับและสวมกอดมันอย่างปราณี ท่านนักบุญเข้าใจว่าบรรดาสัตว์ป่าเหล่านี้ก็คือคนบาป ซึ่งได้กับการต้อนรับจากแม่พระด้วยความอ่อนหวานและความรักในทันใดทันที่เขาเข้าไปพึ่งพระนาง”

            ดังนั้นจึงนับว่ามีเหตุผลแล้วที่นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวกับพระแม่ว่า “พระแม่ไม่ปฏิเสธคนบาปคนใดเลยที่เข้ามาหาพระแม่ ไม่ว่าเขาจะน่าเกลียดและน่าขยะแขยงเพียงใดก็ตาม ถ้าเขาขอความช่วยเหลือจากพระนาง พระนางก็จะยื่นมือแห่งความเมตตามาช่วยเขาเพื่อดึงเขาให้พ้นจากเหวแห่งความหมดหวัง” โอ้พระแม่สุดที่รัก ขอให้พระเป็นเจ้าของเราจงได้รับคำสรรเสริญและโมทนาคุณตลอดนิรันดรเถิด ที่ได้ทรงสร้างพระแม่ให้อ่อนหวานและปราณีแก่ทุกคน แม้กระทั่งคนบาปหยาบช้าที่สุด ผู้ที่ไม่รักพระแม่หรือผู้ที่ไม่ยอมไว้ใจในพระแม่นั้นช่างโชคร้ายจริง ๆ ผู้ที่ไม่พึ่งแม่พระจะสูญเสียวิญญาณของตน แต่ในจำนวนผู้ที่มาพึ่งพระนางพรหมจารีนี้ มีผู้ใดบ้างที่สูญเสียวิญญาณ?

            ในพระคัมภีร์มีเรื่องเล่าว่า โบอ้อสปล่อยให้รู้ท “เก็บข้าวโพดตามหลังผู้เก็บเกี่ยว” นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า “ในธรรมนองเดียวกันกับที่รู้ทได้เป็นที่โปรดปรานของโบอ้อส แม่พระก็เป็นที่โปรทปรานของพระสวามีเจ้าเหมือนกัน และพระองค์ปล่อยให้พระนางเก็บเกี่ยว ผู้เก็บเกี่ยวที่แม่พระตามหลังก็ คือ บรรดาผู้ที่สอนพระวรสาร นักเทศน์และพระสงฆ์ที่ฟังแก้บาป ท่านเหล่านี้เก็บเกี่ยวิญญาณเพื่อพระเป็นเจ้อยู่เสมอ แต่ยังมีวิญญาณที่แข็งกระด้างและใจอันธพาล ซึ่งแม้กระทั้งท่านเหล่านี้ก็พากันละทิ้งแม่พระเท่านั้นที่มีอำนาจช่วยคนเหล่านี้ โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนอันมีอำนาจของพระนาง” ถ้าเขาไม่ปล่อยให้พระนางผู้อ่อนหวานนี้เก็บเกี่ยวเขาด้วยก็นับว่าช่างเป็นคนโชคร้ายเต็มที เขาจะสูญเสียวิญญาณและสาบแช่งอย่างแน่นอน แต่ตรงกันข้ามผู้ที่เข้ามาพึ่งพระมารดาใจดีผู้นี้นับว่ามีบุญ ท่านโบลซีอู้สกล่าวว่า “ไม่มีคนบาปคนใดในโลกไม่ว่าเขาจะชั่วช้าเลวทรามอย่างไร ที่จะถูกแม่พระสบประมาทหรือปฏิเสธไม่ยอมช่วยเหลือ พระนางสามารถ พระนางจะช่วย และรู้ดีว่าจะทำให้เขาคืนดีกับพระบุตรสุดที่รักของพระนางได้อย่างไร ถ้าเขาเพียงแต่แสวงหาความช่วยเหลือจากพระนาง”

            ดังนั้น โอ้ราชินีผู้อ่อนหวาน จึงเป็นการสมเหตุสมผลแล้วที่นักบุญยวงดาม้าสซีนแสดงความเคารพและรียกแม่พระว่า “ความหวังของผู้ที่ทำชั่ว” และนักเขียนในสมัยโบราณผู้หนึ่งว่า “ความหวังเดียวของคนบาป” นักบุญเอเฟรมเรียกพระนางว่า “ท่าปลอดภัยของทุกคนที่แล่นไปมาอยู่ในทะเลแห่งโลกนี้ ท่านนักบุญที่กล่าวชื่อครั้งสุดท้ายนี้ เรียกพระนางด้วยว่า “ความปลอบใจของผู้ที่กำลังจะถูกลงโทษ” ในที่สุดนักบุญเบอร์นาร์โดเร้าใจผู้ที่จนมุมมิมิให้หมดหวัง และท่านอุทานออกมาด้วยดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี และความอ่อนหวานต่อพระมารดาที่รักยิ่งของท่านว่า “โอ้ พระแม่เจ้าใครเล่าจะไม่มีความหวังในพระแม่ ในเมื่อพระ แม่ช่วยเหลือแม้กระทั่งผู้ที่หมดหวัง และถุกไม่สงสัยเลยว่า เมื่อเราเข้ามาพึ่งพระแม่ เราจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการ ดังนั้น ให้พีผู้ที่ไม่มีความหวังจงเข้ามาหวังในพระแม่”

- ตัวอย่าง -

            นักบุญอันโตไนน์เล่าว่า มีคนบาปคนหนึ่งที่เป็นศัตรูกับพระเป็นเจ้า และได้เห็นภาพของตนเองไปปรากฏตัวต่อหน้าบัลลังก์ตัดสินของพระเป็นเจ้า ปีศาจเป็นผู้ฟ้องและแม่พระเป็นผู้ปกป้องเขา เจ้าศัตรูมันนำเอารายชื่อบาปของเขามา และเมื่อเอาไปชั่งบนตราชั่งแห่งพระยุติธรรมแล้ว เห็นว่าหนักกว่าการงานที่ดีของเขา แต่เมื่อแม่พระวางมืออันอ่อนหวานของพระนางบนเครื่องชั่ง ก็ทำให้ผู้มีความศรัทธาต่อพระนางได้เปรียบ ทำให้เขาเข้าใจว่า พระนางจะวอนขออภัยโทษให้ถ้าเขาจะเปลี่ยนแปลงชีวิต หลังจากภาพปรากฏหน้าเขาก็เปลี่ยนแปลงชีวิตกลับใจอย่างแท้จริง

            โอ้พรหมจารีผู้บริสุทธิ์เลิศ ลูขอถวายความเคารพแด่ดวงใจของพระแม่ ซึ่งเป็นความชื่นชมยินดีและที่พักผ่อนของพระเป็นเจ้า ดวงใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุภาพ ความบริสุทธิ์และความรักต่อพระเป็นเจ้า ลูกคนบาปผู้ไร้ความสุขเข้าใกล้พระแม่ด้วยดวงใจที่เต็มไปด้วยบชาดแผลน่าขยะแขยง โอ้พระมารดาปราณี อย่าเกลียดชังลูกเพราะเหตุนี้เลย ขอให้ภาพนี้ทำให้พระแม่อ่อนโยนมากขึ้นและเร้าใจพระแม่ให้ช่วยลูกเถิด ขออย่าให้พระแม่รอแสวงหาฤทธิ์กุศลประการใดในตัวลูกก่อนที่จะช่วยลูกเลย ลูกสูญเสียวิญญาณไปและสิ่งเดียวที่ลูกควรจะได้รับก็คือนรก โปรดมองดูความไว้ใจของลูกในตัวพระแม่และความตั้งใจของลูก ในอันที่จะใช้โทษผิดเท่านั้น โปรดระลึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พระเยซูเจ้าได้กระทำและรับทรมานเพื่อลูกเถิด แล้วจงละทิ้งลูกถ้าพระแม่ทำได้ลงคอ ลูกขอถวายความเจ็บปวดทั้งหมดตลอดชีวิตของลูก ลูกขอถวายความเหนียวเย็นที่พระองค์ต้องทนรับในถ้ำสัตว์ การเดินทางไปประเทศอียิปต์ของพระองค์ พระโลหิตที่พระองค์ได้หลั่ง ความยากจน เหงื่อไคล ความเศร้าโศกและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เพื่อลูก และพระองค์ทรงกระทำสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าพระแม่เอง โปรดดูแลความรอดของลูกเพราะเห็นแก่ความรักต่อพระเยซูคริสตเจ้า โอ้พระแม่ของลูก ลูกจะไม่กลัวและไม่อาจจะกลัวได้ว่าพระแม่จะปฏิเสธลูก ในเมื่อลูกมาพึ่งและขอความช่วยเหลือจากพระแม่ ถ้าลูกกลัวดังนี้ ก็หมายความว่าลูกดูถูกความเมตตาของพระแม่ ซึ่งไปเสาะหาแสวงหาผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเพื่อจะได้ช่วยเขา โอ้พระแม่ อย่าปฏิเสะความเมตตาของพระแม่แก่ผู้ที่พระเยซูเจ้ามิได้ปฏิเสะพระโลหิตของพระองค์เลย แต่บุญกุศลแห่งพระโลหิตนี้จะไม่มาถึงลูกเลย ถ้าพระแม่ไม่ช่วยเสนอลูกแด่พระเป็นเจ้า ลูกหวังจะเอาตัวรอดโดยอาศัยพระแม่ ลูกวอนขอความร่ำรวย เกียรติยศหรือทรัพย์สมบัติของโลก ลูกวอนขอแต่เพียงพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า ความรั้กต่อพระบุตรของพระแม่ การทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ และพระราชัยสวรรค์ของพระองค์ เพื่อลูกจะได้รักพระองค์ตลอดนิรันดรเท่านั้น เป็นไปได้ไหมที่พระแม่จะยอมฟังลูก เป็นไปได้แน่ เพราะพระแม่ได้ประทานคำภาวนาของลูกตามที่ลูกหวังไว้แล้ว พระแม่วิงวอนให้แก่ลูกแล้ว พระแม่วอนขอพระหรรษทานที่ลูกวอนขอให้แก่ลูก พระแม่รับลูกไว้ในความอารักขาของพระแม่แล้ว โอ้พระแม่ของลูก โปรดอย่าทอดทิ้งลูก อย่าได้หยุดภาวนาเพื่อลูกเลยเป็นอันขาด จนกว่าพระแม่จะเห็นลูกปลอดภัยในสวรรค์ อยู่แทบเท้าของพระแม่ ถวายคำสรรเสริญและโมทนาคุณพระแม่ตลอดนิรันดรเทอญ.

พวกเราลูกหลานที่น่าสมเพชของเอวานั้นช่างโชคร้ายเสียจริง ต่อหน้าพระเป็นเจ้าเราแบกความผิดของเอวาไว้กับตัว และถูกตัดสินให้ได้รับโทษเช่นเดียวกัน เราต้องเดินไปมาอยู่ในเหวน้ำตานี้เหมือนผู้ที่ถูกเนรเทศจากบ้านเมืองของตน ต้องร้องไห้เพราะความเจ็บปวดทั้งสองฝ่ายกายและวิญญาณ แต่ในท่ามกลางความทุกข์เหล่านี้ ผู้ที่หันหน้าไปหาพระนางผู้ปลอบใจชาวโลกผู้เป็นที่พึ่งของผู้มีโชคร้าย คือ พระมารดาผู้ยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า และผู้ที่เรียกหาพระนางย่อมนับว่าเป็นผู้ที่มีบุญ “บุญลาภแก่ผู้ที่ฟังเรา และเฝ้าอยู่ที่ประตูของเราทุก ๆ วัน แม่พระกล่าวว่า “บุญของผู้ที่ฟังคำตักเตือนของเรา และเฝ้าที่ประตูแห่งความเมตตาของเราอยู่ทุกวัน และวอนขอความช่วยเหลือจากเรา”

พระศาสนจักรสอนเราไว้อย่างรอบคอบ ให้เราตั้งใจมาพึ่งพระนางผู้ปกป้องน่ารักผู้นี้ ด้วยความไว้ใจโดยไม่หยุดหย่อน และเพราะเหตุนี้พระศาสนจักรจึงได้สั่งให้เราแสดงความเคารพเป็นพิเศษต่อแม่พระ นอกไปจากนี้พระศาสนจักรยังได้ตั้งวันฉลองซึ่งเราฉลองกันตลอดปี เพื่อให้เกียรติราชินีผู้ยิ่งใหญ่นี้ อุทิศวันหนึ่งของแต่ละสัปดาห์เป็นพิเศษให้เป็นเกียรติแก่พระนาง ในบทออฟีชีอุม พระสงฆ์และนักบวชทุกคนต้องวอนขอความช่วยเหลือจากพระนางในนามของคริสตังทุกคน ในที่สุดพระศาสนจักรต้องการให้สัตบุรุษทุกคนแสดงความเคารพต่อพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้าผู้นี้ วันละสามครั้งเมื่อได้ยินระฆังพรหมถือสาร ถ้าเราอยากจะเข้าใจถึงความไว้วางใจที่พระศาสนจักรมีต่อแม่พระ เราก็ควรจะเพียงแต่จำไว้ว่า ในเวลาที่มีเหตุฉุกเฉิน พระศาสนจักรจะเชิญชวนทุกคนให้มาพึ่งพาอาศัยพระมารดาผู้นี้ โดยการทำนพวาร การภาวนา เข้าขบวนแห่ การเยี่ยมวัดที่ตั้งไว้เพื่อเถลิงเกียรติของพระนางหรือรูปของพระนาง นี่คือความต้องการของแม่พระด้วยเหมือนกัน พระนางอยากให้เราแสวงหาพระนางและร้องหาความช่วยเหลือจากพระนาง มิใช่ว่าพระนางจะวอนขอเกียรติยศและการแสดงความเคารพเหล่านี้จากเราดอก เพราะมันไม่เหมาะสมกับบุญกุศลของพระนางเลย แต่พระนางต้องการให้ความหวังและความศรัทธาของเราจะได้เพิ่มขึ้นโดยอาศัยความเคารพเหล่านี้ เพื่อพระนางจะได้ให้ความช่วยเหลือและการปลอบโยนแก่เราได้มากขึ้น นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า “พระนางแสวงหาผู้ที่เข้าไปหาพระนางด้วยความศรัทธาและความเคารพนับถือ พระนางรักคนเช่นนี้ พระนางจะเลี้ยงดูและรับเอาไว้เป็นลูกของพระนาง”

ท่านนักบุญที่เราเพิ่งออกชื่อมานี้กล่าวว่า “รู้ท” ซึ่งเป็นชื่อที่มีความหมายว่า “มองเห็นและรับ” นั้น เป็นสัญลักษณ์ของแม่พระเพราะแม่พระมองเห็นความทุกข์ของเรา และรีบมาช่วยเราด้วยความเมตตา” โนวารีโนเสริมว่า “แม่พระไม่อาจจะรออยู่ได้ เพราะความต้องการอันใหญ่ยิ่งของพระนางในอันที่จะช่วยเรา พระนางมิใช่ผู้ดูแลที่เข้มงวดของพระหรรษทาน ซึ่งพระนางอาจจะเอามาใช้ได้ในฐานะที่เป็นมารดาแห่งความเมตตา พระนางไม่อาจที่จะทำอะไรได้นอกจากจะประทานสมบัติแห่งความเมตตากว้างขวางของพระนางแก่ผู้รับใช้ของพระนาง”

พระนางช่างรีบมาช่วยผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระนางอย่างฉับพลันเพียงใด ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเรนซีโอให้ความแน่ใจแก่เราว่า ความเมตตาสงสารของแม่พระจะหลั่งไหลมายังทุกคนที่วอนขอ แม้ว่าเราจะวอนขอ โดยใช้แต่เพียงบท “วันทามารีอา” บทเดียวกันก็ตาม ดังนั้น โนวารีโนจึงประกาศว่า แม่พระไม่เพียงแต่วิ่งเท่านั้น แต่พระนางถึงกับโผบินไปช่วยเหลือผู้ที่เรียกหาพระนาง ท่านนักเขียนผู้นี้กล่าวว่า “ในการแสดงความเมตตานั้น พระนางไม่รู้จักที่จะทำอะไรผิดไปจากพระเป็นเจ้า พระองค์รีบไปช่วยผู้ที่วอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เพราะพระองค์ทรงซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาว่าที่ว่า “จงขอเถิดแล้วท่านจะได้รับ”แม่พระก็เหมือนกัน เมื่อไรพระนางถูกเรียกหา “พระเป็นเจ้าทรงสวมปีกเมื่อพระองค์ช่วยผู้ที่เป็นของพระองค์” แม่พระก็ใส่ปีกเหมือนกันเมื่อเวลาที่พระนางเตรียมพร้อมที่จะรีบมาช่วยเรา ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่า ผู้หญิงในหนังสือพระธรรมวิวรณ์กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับปีกนกอินทรีทั้งสองข้าม เพื่อจะได้บินไปในทะเลทรายนั้นคือใคร? “และผู้หญิงนั้นได้รับปีกนกอินทรีใหญ่สองข้าง เพื่อนางจะได้บินไปในทะเลทราย”รีไบราอธิบายว่าปีกที่พูดถึงนี้คือความรักซึ่งแม่พระใช้บินไปยังพระเป็นเจ้า “พระนางมีปีกของนกอินทรี เพราะพระนางบินโดยอาศัยความรักของพระเป็นเจ้า” แต่ท่านบุญราศีอามาเดอู้สออกความเห็นซึ่งตรงกับความมุ่งหมายของเรามากกว่าว่า ปีกทั้งสองข้างของนกอินทรีนี้หมายถึงความรวดเร็วกว่าบรรดาเซราฟิมซึ่งแม่พระใช้ในการรีบไปช่วยลูก ๆ ของพระนาง”

ที่กล่าวมานี้จะอธิบายตอนหนึ่งในพระวรสารของนักบุญลูกาซึ่งบอกว่าเมื่อแม่พระไปเยี่ยมนางเอลีซาเบ็ทและครอบครัวเพื่อประทานพระหรรษทานให้นั้น พระนางมิได้เฉื่อยช้า แต่ไปอย่างรวดเร็ว พระวรสารกล่าวว่า “และมารีอาลุกขึ้นไปยังเมืองแถบภูเขาอย่างรวดเร็ว”แต่มิได้กล่าวเช่นนี้เมื่อพระนางเดินทางกลับ ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง เพลงศักดิ์สิทธิ์ในพระคัมภีร์เก่าบอกเราว่า “มือของนางเชี่ยวชาญในการใช้ล้อ (ทอผ้า) ”ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า “คำพูดนั้นหมายความว่า การหมุนล้อนั้นเป็นการทำงานที่ง่ายและมีประโยชน์ ฉันใดก็ฉันนั้น แม่พระเต็มใจและรีบช่วยเหลือผู้ที่มีความศรัทธาต่อพระนางมากกว่านักบุญใด ๆ” แน่ละ พระแม่เปี่ยมไปด้วยความเต็มใจที่จะปลอบโยนคนเหล่านี้ พอเขาเรียกหาพระนางก็รับฟังคำภาวนาของเขาและช่วยเหลือทันที ดังนั้น นักบุญโบนาเวนตูราจึงพูดถูกแล้ว เมื่อท่านเรียกพระแม่ว่า “เป็นความรอดของผู้ที่เรียกหาพระนาง” ซึ่งหมายความว่า การเรียกหาพระมารดาพระเป็นเจ้าผู้นี้เท่านั้นก็พอแล้วที่จะทำให้เราได้รับความรอด เพราะริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า พระนางพร้อมเสมอที่จะช่วยผู้ที่แสวงหาความช่วยเหลือจากพระนาง “ท่านจะพบว่าพระนางพร้อมเสมอที่จะช่วย” เบอร์นาดีน เด บูสตีสเสริมว่า พระนางผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ปรารถนาที่จะประทานพระหรรษทานให้แก่เรา มากกว่าที่เราอาจจะปรารถนารับพระหรรษทานเหล่านั้นได้”

ในขณะที่เราเฝ้าอยู่แทบเท้าของพระแม่นั้น เรามิควรจะปล่อยให้การรำลึกถึงบาปเป็นจำนวนมากของเรานั้นทำให้ความไว้ใจของเราลดน้อยลงเลย พระนางคือมารดาแห่งความเมตตา แต่ความเมตตาไม่จำเป็นตที่จะต้องมีอยู่ ถ้าไม่มีผู้ที่ต้องการความเมตตาในเรื่องนี้ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า “แม่ที่ดีย่อมไม่รู้สึกขยะแขยงที่จะชโลมยาให้ลูกของนางซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผล ไม่ว่าจะน่าเกลียดหรือชวนคลื่นเหียนเพียงใด ในทำนองเดียวกันแม่พระก็ไม่อาจจะละทิ้งเราได้ ถ้าเราเข้าไปพึ่งพาอาศัยพระนางให้พระนางช่วยรักษารอยแผลซึ่งเกิดขึ้นเพราะบาปของเรา ไม่ว่าบาปนั้นจะทำให้เราน่าเกลียดอย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่แม่พระโปรดให้นักบุญเกอร์ทรู้ดเข้าใจ เมื่อพระนางแสดงตัวแก่ท่านนักบุญ พร้อมกับแผ่เสื้อคลุมของพระนางเพื่อต้อนรับทุก ๆ คนที่เข้ามาพึ่งพระนางและในขณะเดียวกันท่านนักบุญก็ได้ยินว่า “บรรดานิกรเทวดาเฝ้าดูแลผู้ที่มีความศรัทธาต่อแม่พระเสมอไปมิให้ถูกนกรกโจมตี” ดังนั้นพระนางจึงวอนขอพระบุตรให้ปลอบโยนทั้งสอง โดยเพียงแต่ทูลให้พระองค์ทราบถึงความทุกข์ยากของเขาโดยกล่าว “เขาไม่มีเหล้าองุ่น”พระนางกระทำเช่นนี้โดยฟังแต่เพียงเสียงแห่งความเมตตาแห่งดวงใจของพระนางเท่านั้น ซึ่งไม่อาจจะมองดูผู้ที่มีความทุกข์โดยที่ไม่สงสารได้ พอพระนางกระทำดังนี้ พระเยซูเจ้าก็ทรงกระทำอัศจรรย? อันมีชื่อเสียง คือพระองค์ได้เปลี่ยนน้ำในตุ่มให้เป็นน้ำองุ่น ที่พระองค์ได้กระทำดังนี้ก็เพื่อให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นได้รับความพอใจ แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อปลอบโยนดวงใจอันเปี่ยมไปด้วยความสงสารของแม่พระ โนวารีนู้สให้เหตุผลว่า “ถ้าแม่พระพร้อมที่จะช่วยผู้ขัดสนแม้ว่าเขาจะมิได้ขอร้อง ดังนี้แล้วพระนางจะมิยิ่งช่วยผู้ที่ร้องหาพระนางและวอนขอความช่วยเหลือจากพระนางดอกหรือ?”

ถ้ามีผู้ใดยังสงสัยว่าแม่พระจะมิช่วยเหลือตนถ้าตนขอความช่วยเหลือจากพระนางแล้ว สันตะปิตาเจ้าอินโนเซ็นซีโอที่ 3 กล่าวตำหนิผู้นั้นไว้ว่า “มีใครบ้างที่เข้ามาพึ่งพระนางผู้อ่อนหวาน เมื่อตนจมอยู่ในความมืดแห่งบาป โดยที่มิได้รับความบรรเทาใจ?”

ท่านบุญราศียูตีเกียนกล่าวว่า “ใครบ้างที่วอนขอความช่วยเหลืออันมีอำนาจของพระแม่อย่างซื่อสัตย์ แล้วถูกพระแม่ละทิ้ง?” แน่ละ คงจะไม่มีใครเลย เพราะพระแม่สามารถช่วยบรรเทาผู้ทุกข์ยาก และประทานความรอดให้แก่ผู้ที่ถูกทอดทิ้ง เรื่องเช่นนี้ยังไม่เคยเกิดและจะไม่มีวันเกิดขึ้น

นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “โอ้พระมารดามารีอา ผู้ใดที่เคยพึ่งพระแม่ในยามต้องการ และจำได้ว่าเขามิได้รับความช่วยเหลือ ผู้นั้นไม่ควรจะพูดถึงหรือสรรเสริญความเมตตาของพระแม่เลย”

นักบุญอัลชแซลโมเสริมเพื่อเพิ่มความไว้ใจของเราว่า “เมื่อเราเข้ามาพึ่งพระมารดาพระเป็นเจ้าผู้นี้ เรารไม่เพียงแต่จะแน่ใจในความคุ้มครองของพระนางเท่านั้น แต่โดยมากพระนางมักจะได้ยินคำภาวนาของเราทันที และเราจะได้รับความคุ้มครองจากพระนาง ถ้าเราเข้ามาพึ่งพระแม่และเรียกหานามของพระนาง เหมือนกับว่าเราออกพระนามของพระเยซูองค์พระมหาไถ่ของเรา” และเหตุผลที่ท่านให้ก็คือ ในฐานะที่เป็นพระตุลาการ พระเยซูเจ้าจำต้องรับหน้าที่เป็นผู้ลงโทษ แต่ความเมตตานั้นเป็นของแม่พระในฐานะที่พระนางเป็นผู้อุปถัมภ์ ซึ่งหมายความว่าเราจะได้พบกับความรอดง่ายมากกว่า ถ้าเราไปหาพระมารดาแทนที่จะไปหาพระบุตรของพระนางโดยตรง มิใช่ว่าแม่พระมีอำนาจที่จะช่วยเรามากกว่าพระบุตรของพระนาง เพราะเรารู้ว่าพระเยซูคริสตเจ้าคือองค์พระมหาไถ่ของเรา และพระองค์เท่านั้นได้นำและจะนำความรอดมาสู่เราเสมอไป แต่เหตุผลก็คือ เมื่อเวลาที่เราเข้าไปหาพระเยซูคริสตเจ้า เราย่อมจะคิดด้วยว่าพระองค์คือพระตุลาการของเรา ผู้มีหน้าที่ลงโทษวิญญาณที่อกตัญญู และดังนั้นเราอาจจะขาดความไว้ใจ ซึ่งจะเป็นเหตุให้พระองค์ไม่ยอมรับฟังคำภาวนาของเรา แต่เมื่อเราไปหาพระแม่ ผู้ไม่มีหน้าที่ใด ๆ นอกจากที่จะสงสารเรา ในฐานะที่พระนางเป็นมารดาแห่งความเมตตาและปกป้องเราในฐานะที่พระนางเป็นผู้วิงวอนของเรา ความไว้ใจของเราก็จะแน่นแฟ้นและยิ่งใหญ่มากขึ้น “เรามักจะได้รับสิ่งที่เราวอนขอได้เร็วกว่า ถ้าเราเอ่ยนามของแม่พระแทนที่จะเอ่ยพระนามของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระนางคือเจ้าและมหาตุลาการของมนุษย์ทุกคน พระองค์ย่อมแสวงหาบุญกุศลของแต่ละคน และถ้าพระองค์มิได้ประทานตามคำวิงวอน ก็นับว่าพระองค์ได้ทรงกระทำไปอย่างยุติธรรมแล้ว แต่ถ้าเราเรียกหานามของพระมารดา แม้ว่าผู้ที่ขอจะไม่สมควรที่จะให้แม่พระเป็นเจ้าทรงประทานพระหรรษทานให้ตนก็ตามความเหมาะสมของแม่พระก็ชดเชยแทนให้ และเขาจะได้รับสิ่งที่ได้วอนขอ”

นิเชโฟรุ้สกล่าวว่า “มีหลายอย่างที่เราขอจากพระเป็นเจ้าแต่มิได้รับ แต่ผู้ที่ขอจากพระแม่นั้นกลับได้รับ” ทำไมจึงเป็นเช่นนี้เล่า? ที่เป็นเช่นนี้มิใช่เพราะพระนางมีอำนาจมากกว่า แต่เพราะพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้เป็นไปดังนั้น เพื่ให้เกียรติแด่พระมารดาของพระองค์

นักบุญบริยิดได้ยินพระเยซูเจ้าให้คำมั่นสัญญาที่อ่อนหวานและเป็นที่น่าปลอบใจ ในบทที่ห้าสิบในหนังสือการไขแสดงของเธอเราจะอ่านพบว่า วันหนึ่งท่านนักบุญได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสแก่พระมารดาของพระองค์ว่า “ไม่มีคำภาวนาใด ๆ ทั้งสิ้นของพระแม่ที่ลูกจะไม่รับฟัง พระแม่ที่รัก ขอเถิด ขออะไรก็ได้ที่พระแม่ต้องการลูกจะไม่ปฏิเสธอะไรแก่พระแม่เลย และลูกยังสัญญาว่าจะรับฟังคำภาวนาของทุกคนที่วอนขอพระหรรษทานจากลูกเพราะเห็นแก่ความรักต่อพระแม่ แม้ว่าเขาจะเป็นคนบาป – ขอแต่เพียงให้เขาตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเถิด นักบุญเกอร์ทรู้ดได้ยินองค์พระมหาไถ่ทรงประทานคำสัญญาอันเดียวกันนี้แก่พระมารดาของพระองค์ กล่าวคือ โดยอาศัยพระสรรพานุภาพของพระองค์ พระองค์ได้ประทานอำนาจให้แก่แม่พระ ในอันที่จะทำให้คนบาปที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระนาง คืนดีกับพระองค์ในทางใดก็แล้วแต่ ที่พระอยากจะช่วยเหลือเขา

ดังนั้น ขอให้ทุกคนนำเอาบทภาวนาของนักบุญเบอร์นาร์โด ไปใช้เป็นของตนเองด้วยความไว้ใจที่เต็มเปี่ยมเถิด ท่านนักบุญสวดว่า “โปรดระลึกเถิด โอ้พรหมจารีผู้อ่อนหวานยิ่ง ว่าไม่เคยเป็นที่ล่วงรู้กันเลยว่า ผู้ใดที่หลบไปอยู่ในความคุ้มครองของพระแม่ได้ถูกทอดทิ้ง” ดังนั้นโปรดอภัยโทษลูกด้วยเถิด โอ้พระแม่มารีอา ถ้าลูกพูดว่า ลูกคงจะไม่เป็นคนโชคร้ายคนแรกที่ได้มาพึ่งพาอาศัยและถูกพระแม่ทอดทิ้ง

- ตัวอย่าง -

นักบุญฟรังซิสแห่งซาลส์รู้สึกอำนาจของคำภาวนานี้อย่างรุนแรง ท่านเพิ่งอายุได้สิบเจ็ดปี และกำลังศึกษาอยู่ในกรุงปารีส ท่านไม่เพียงแต่จะขยันหมั่นเพียรในหารเรียนเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นผู้ที่มีความศรัทธาอีกด้วย และพระเป็นเจ้าได้โปรดให้ท่านได้รับความชื่นชมฝ่ายวิญญาณมากมายนัก แต่เพื่อเป็นการทดลองใจ และทำให้ความรักของท่านมั่นคงขึ้น พระเป็นเจ้าทรงปล่อยให้ปีศาจมาล่อลวงท่านและหลอกท่านว่าทุกสิ่งที่ท่านทำไป เพราะรักพระเป็นเจ้านั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะท่านถูกตัดสินให้ตกนรกแล้ว ความมืดมนและความแห้งแล้งฝ่ายวิญญาณก็ติดตามการประจญล่อลวงมาด้วย และความชมชื่นแห่งวิญญาณของท่านนั้น เกือบจะเป็นสิ่งที่ทนไม่ได้เลย ท่านรับประทานอาหารไม่ลง นอนก็ไม่หลับและเจ็บป่วยโศกเศร้า จนกระทั่งทุก ๆ คนมองดูท่านด้วยความสงสาร

ตราบเท่าที่พายุร้ายนี้ยังกระหน่ำอยู่ ท่านนักบุญก็คิดได้แต่เฉพาะสิ่งที่ชื่นชม และกล่าวแต่เฉพาะคำที่หมดหวัง ในประวัติชีวิตของท่านเราอ่านว่าท่านพูดกับตัวเองว่า “บัดนี้ฉันจะไม่มีพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า ผู้เคยมีความอ่อนหวานและน่ารักต่อแนเทียวหรือ? ฉันจะมิได้มีโอกาสที่จะได้ส่วนในความชื่นชมยินดีของพระเป็นเจ้าอีกหรือ? โอ้พรหมจารี พระมารดาของพระเป็นเจ้าผู้สวยงามกว่าบรรดาธิดาแห่งเยรูซาแลม ลูกจะไม่เห็นพระแม่ในสวรรค์อีกหรือ? ถ้าลูกจะไม่เห็นพระแม่ในสวรรค์ อย่างน้อยก็ขออย่าให้ลูกต้องไปดูถูกและสาปแช่งพระแม่ในนรกเลย”

การประจญล่อลวงนี้อยู่กับท่านเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในที่สุดพระอาจารย์ก็ทรงโปรดให้ท่านพ้นการประจญนี้ โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนของพระแ ม่ (ก่อนหน้านี้ท่านนักบุญได้ถวายความบริสุทธิ์ของตนแด่แม่พระ และท่านเคยพูดอยู่เสมอว่าท่านมอบความหวังทั้งหมดของท่านไว้ในพระนาง) เย็นวันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังกลับบ้าน ท่านได้เข้าไปในวัด และได้พบแผ่นกระดานที่มีคำสวดซึ่งมีชื่อเสียงของนักบุญเบอร์นาร์โดแด่แม่พระจารึกอยู่ว่า “โปรดระลึกเถิด โอ้พรหมจารีผู้อ่อนหวานยิ่ง ว่าไม่เคยเป็นที่ล่วงรู้กันเลยว่า ผู้ใดที่ได้หลบไปอยู่ในความคุ้มครองของพระแม่ได้ถูกทอดทิ้ง” ท่านคุกเข่าต่อหน้าแท่นพระแม่ แล้วสวดภาวนานั้นด้วยความรัก รื้อฟื้นคำปฏิญาณตัวคือศีลพรพรหมจรรย์ของท่าน และสัญญาว่าจะสวดสายประคำทุก ๆ วัน แล้วท่านก็เสริมบทภาวนาบทนี้ของท่านว่า “ข้าพแต่ราชินีของลูก โปรดเป็นผู้เสนอวิงวอนของลูกกับพระบุตรของพระแม่ ซึ่งลูกไม่กล้าเข้าใกล้ ข้าแต่พระมารดา ถ้าลูกจะสูญเสียสวรรค์ในโลกหน้า และไม่สามารถที่รักพระบุตรของพระแม่ ซึ่งสมควรแก่ความรักทั้งสิ้นของลูกแล้ว อย่างน้อยก็โปรดวอนขอพระหรรษทานให้ลูกได้รักพระองค์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในโลกนี้ นี่คือพระหรรษทานที่ลูกวอนขอและไว้ใจว่าจะได้รับจากพระแ ม่”

เมื่อจบการภาวนาของท่านแล้ว ท่านก็มอบตัวไว้กับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าโดยสิ้นเชิง และปล่อยตัวไว้กับพระเมตตาของพระองค์ ในทันใดนั้นท่านก็พ้นจากการประจญ แม่พระได้โปรดให้ท่านได้รับสันติภายในกลับคืนมาพร้อมกับสุขภาพของท่าน และตลอดชีวิตของท่านฟรันซีสได้มีความศรัทธาต่อพระนางเป็นอันมากและได้เขียนหนังสือหลายเล่ม และบทเทศน์เป็นจำนวนมากมายให้เป็นเกียรติแด่แม่พระ

- บทภาวนา -

ข้าแต่พระมารดาแห่งพระเป็นเจ้า ราชินีแห่งนิกรเทวดา โอ้ความหวังของมนุษยชาติ โปรดรับฟังผู้ที่กำลังเรียกหาและไว้วางใจในพระแม่อยู่ในขณะนี้ด้วยเถิด โปรดมองดูลูกผู้เป็นทาสที่น่าสงสารแห่งขุมนรกอยู่แทบเท้าของพระแม่ ลูกขออุทิศตัวในการรับใช้พระแม่ตลอดไป ลูกขอมอบตัวรับใช้พระแม่เท่าที่ลูกสามารถจะทำได้ ลูกเห็นอย่างชัดแจ้งแล้วว่า พระแม่จะมิได้รับเกียรติมงคลจากการรับใช้ของทาสผู้เลวทรามเช่นลูกนี้ เพราะลูกได้เคยทำผิดต่อพระแม่และพระบุตรของแม่พระอยู่บ่อยเหลือเกิน แต่ถ้าพระแม่รับลูกไว้เป็นผู้รับใช้ แม้ว่าลูกจะไม่สมควร แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงลูกและทำให้ลูกเหมาะสมโดยอาศัยคำวิงวอนของพระแม่ จะทำให้ความเมตตาของพระแม่ได้รับเกียรติอย่างที่ลูกผู้น่าสังเวชไม่อาจจะถวายแด่พระ แม่ได้ ดังนั้นโปรดรับลูกเถิดพระแม่เจ้า และอย่าได้ปฏิเสธลูกเลย พระวจนาตถ์เสด็จมาจากสวรรค์เพื่อแสวงหาลูกที่หลงฝูง และมาเป็นบุตรของพระแม่เพื่อจะได้ช่วยลูกแกะเหล่านั้น แน่ละ พระแม่คงจะไม่ดูหมิ่นลูกแกะหลงฝูงตัวหนึ่งที่เข้ามาหาพระแม่ เพื่อจะได้พบองค์พระเยซูเจ้าเป็นแน่ ค่าไถ่บาปของลูกนั้นพระองค์ได้ประทานให้แล้ว พระมหาไถ่ของลูกได้หลั่งพระโลหิตของพระองค์ ซึ่งเพียงพอที่จะช่วยให้โลกอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนได้รับความรอด มีสิ่งหนึ่งที่ยังจะต้องทำก็คือการนำพระโลหิตของพระองค์มาแจกจ่ายให้แก่ลูก ข้าแต่พระแม่เจ้านี่แหละคือหน้าที่ของพระแม่ นักบุญโบนาเวนตูราบอกลูกว่า หน้าที่ของพระแม่ก็คือ การช่วยให้ผู้ที่พระแม่ต้องการ ได้รับความรอด ดังนั้น โปรดช่วยให้ลูกรอดเถิด ข้าแต่พระราชินี วันนี้ลูกขอมอบถวายวิญญาณให้แก่พระแม่ โปรดรับเป็นผู้จัดการเถิด ลูกจะจบคำภาวนาของลูกเหมือนกับนักบุญโบนาเวนตูราว่า “โอ้ความรอดของผู้ที่เรียกหาพระแม่ โปรดช่วยลูกด้วย”

 

แม่พระมิใช่เป็นแต่เพียงราชินีแห่งสวรรค์ และ ของบรรดานักบุญเท่านั้น แต่พระนางยังเป็นราชินีแห่งนรกและจิตชั่วร้ายทั้งหลายด้วย เหตุผลก็คือว่า พระนางได้เอาชนะมันเพราะฤทธิ์กุศลของพระนางในเวลาแรกเริ่มของโลก เมื่อพระเป็นเจ้าได้ประกาศว่าจะมีหญิงผู้หนึ่งเข้ามาในโลกเพื่อเอาชนะปีศาจ พระองค์ประกาศให้จิตชั่วช้านั้นรู้ว่า ราชินีของเราผู้นี้จะเอาชนะมันและปกครองมันอย่างไร “เราจะให้เจ้ากับผู้หญิงนั้นเป็นศัตรูกัน... นางจะขยี้หัวเจ้า”

            ใครอีกเล่าคือผู้หญิงผู้นี้ซึ่งเป็นศัตรู ของปีศาจนอกไปจากพระแม่มารีอาผู้เหยียดหยามและชนะมันโดยสิ้นเชิง? โดยอาศัยความสุภาพอันอ่อนหวานและชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ของพระนาง นักบุญซีปรีอาโนกล่าวว่า “พระมารดาของพระสวามีเยซูคริสตเจ้าก็คือผู้หญิงที่พระองค์ได้สัญญาไว้นั่นเอง” แล้วท่านนักบุญกล่าวต่อไปว่า “พระเป็นเจ้ามิได้ตรัสว่า “เราให้ทั้งสองเป็นศัตรูกัน” แต่พระองค์ตรัสว่า “เราจะให้ทั้งสองเป็นศัตรูกัน” เพื่อแสดงให้เห็นว่าคู่ปรปักษ์ของปีศาจนั้นมิใช่เอวาซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในขณะนั้น แต่จะเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเอวา นักบุญวินเซนต์ เฟเรอร์ตั้งข้อสังเกตว่า “ผู้หญิงนี้จะนำพรมาให้แก่บิดามารดาเดิม ของเรามากกว่าที่ท่านได้สูญเสียไปเพราะบาปเสียอีก”

            ดังนั้นพระแม่มารีอาก็คือหญิงผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญผู้นี้ซึ่งได้เอาชนะปีศาจและขยี้หัวของมัน โดยทำลายความหยิ่งจองหองของมัน ดังที่พระเป็นเจ้าได้ทรงทำนายไว้ “นางจะขยี้หัวเจ้า” ในภาษากรีกนั้นเขาใช้คำว่า “เขาจะขยี้หัวเจ้า” เพราะฉะนั้นบางคนจึงไม่แน่ใจว่าคำนี้หมายถึงแม่พระหรือพระเยซูเจ้า แต่ในภาษาลาตินซึ่งสั่งคายนาสากลแห่งเมืองเทรนท์ได้รับรอง ใช้คำว่า “นาง” แทน “เขา” และนี่ก็เป็นความเห็นของนักบุญอ้มโบรซีโอ นักบุญเยโรม, นักบุญเอากูสตีโน นักบุญยวงครีซ้อสโตโม และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ถึงกระนั้น ก็ยังเป็นสิ่งที่แน่นอนว่า ถ้ามิใช่บุตรที่ได้ชัยชนะลูซีแฟร์โดยอาศัยพระมารดา ก็เป็นพระมารดาที่ได้ชัยชนะโดยอำนาจของพระบุตร และนี่เองเป็นเหตุให้นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า เจ้าจิตจองหองนี้ถูกเหยียบย่ำโดยพระนางพรหมจารีแม้ว่าตัวมันเองจะไม่ยอม เหมือนทาสที่ถูกจับตัวให้ไปในสงคราม มันถูกบังคับให้นบนอบต่อคำสั่งของราชินีของมัน

            นักบุญบรูโนกล่าวว่า เอวาเป็นผู้ก่อให้เกิดความตายเพราะเธอปล่อยให้ปีศาจเอาชนะ แต่แม่พระชดใช้ชีวิตให้แก่เราโดยการเอาชนะปีศาจ “ในตัวเอวานั้นมีแต่ความมืดมนและความตาย ส่วนในแม่พระนั้นมีชีวิตและความสว่าง เอวาพ่ยแพ้ปีศาจ แม่พระได้ชัยชนะและผูกมัดปีศาจไว้ ถูกแล้ว แม่พระผูกมัดมันไว้จนกระทั่งมันไม่อาจจะขยับตัวเพื่อทำร้ายผู้ที่มีความศรัทาต่อพระนางได้เลย

            ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเรนซีโอได้อธิบายคำในหนังสือพระธรรมสุภาษิตไว้อย่างสวยงาม คำนั้นมีอยู่ว่า “หัวใจของสามีเธอไว้ใจในเธอ และเขาจะไม่ต้องการสิ่งที่ตกหล่น” ท่านกล่าวว่า “หัวใจของสามีเธอกล่าวคือ ดวงหทัยของพระคริสตเจ้าไว้ใจใน แม่พระ แล้วพระองค์ก็ไม่ต้องการของตกหล่นเป็นจำยวนมากจากปีศาจไปถวายพระองค์ คอร์เนลีอู้สแห่งลาพีเดกล่าวว่า “พระเป็นเจ้าได้มอบดวงหทัยของพระเยซูเจ้าไว้ในมือของพระแม่เพื่อพระนางจะได้เอาชนะความรักของมนุษย์มาถวายแด่พระหฤทัย เช่นนี้แล้วพระองค์ได้รับวิญญาณเป็นจำนวนมาก เพราะแม่พระได้นำให้ผู้ที่พระนางดึงมาจากนรก และให้รอดพ้นจากปีศาจด้วยความช่วยเหลือที่มีอำนาจของพระนาง มาถวายแด่พระองค์เป็นจำนวนมากมาย

            เรารู้ว่า (ในสมัยโบราณนั้น) ใบลานเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ดังนั้นพระราชินีของเราจึงถูกวางไว้บนบัลลังก์อันสูงส่งให้ผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายโลกทุกคนได้มองเห็นคล้ายกับใบลาน ซึ่งแสดงถึงชัยชนะ สำหรับทุกคนที่เข้ามาพึ่งอาศัยพระนาง “เราถูกเทิดทูนคล้ายกับต้นใบลานในคาเด้ส” กล่าวคือ “เพื่อป้องกัน” ตามที่ท่านนักบุญอัลแบร์โตมักโยได้เสริมไว้ ดังนั้นดูเหมือนว่าแม่พระจะพูดกับเราว่า “ลูกรัก เมื่อศัตรูมาโจมตีลูก จงหันมาหาแม่เพื่อขอความปกป้องแล้ว ลูกจงแน่ใจไว้เถิดว่าชัยชนะจะเป็นของลูก”

            ดังนั้นการเขาไปพึ่งอาศัยแม่พระนั้นจึงเป็นหนทางที่แน่นอนในอันที่จะเอาชนะกาโจมตีของนรก ตามคำของนักบุญเบอร์นาร์ดินแห่งซีเอนานั้น แม่พระเป็นราชินีแห่งนรกและปีศาจด้วยพระนางคือผู้ที่ชนะและปราบมัน เพราะเหตุนี้แหละพระนางจึงได้รับชื่อว่าเป็นศัตรู ร้ายแรง ต่ออำนาจนรก “ร้ายแรงคล้ายกับกองทัพที่เตรียมโจมตี” พระแม่มารีอารู้จักใช้อำนาจของพระนาง กล่าวคือ ความเมตตาและคำภาวนาของพระนางทำให้ศัตรูอับอายขายหน้า แต่กลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เรียกให้พระนางป้องกันตนในเมื่อถูกประจญล่อลวง

            แม่พระกล่าวว่า โดยใช้คำของพระจิตเจ้าว่า “เราได้ผลิตกลิ่นหอมคล้ายกับองุ่น” เมื่อพูดถึงคำประโยคนี้ นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “เขากล่าวกันว่าสัตว์เลื้อยคลานที่มีพิษมักจะออกห่างจากต้นอง่นที่กำลังออกดอก” ในทำนองเดียวกัน ปีศาจในนรกย่อมตีตัวออกห่างจากวิญญาณซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นไอหอมหวานของการมี ได้ชื่อว่า “สูงสิ่งเสมือนไม้ซีดาร์แห่งเลบานอน” ที่เป็นเช่นนี้มิใช่เพราะแม่พระเพียงแต่รอดพ้นจากบาป เหมือนกับต้นซีดาร์ซึ่งไม่ผุเสียเท่านั้น แต่เพราะแม่พระขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของพระนาง เหมือนกับต้นซีดาร์ที่ขับไล่สัตว์เลื้อยคลานเพราะกลิ่นหอมหวานของมัน นี่คือความคิดเห็นของท่านคาร์ดินัลฮูโก

            ในประเทศยูเดวนั้น ชัยชนะของชาวยิวขึ้นอยู่กับหีบที่บรรจุพระบัญญัติ ด้วยวิธีนี้แหละที่โมอีแซ้สได้ชัยชนะศัตรูของท่าน ตามที่เราได้พบในหนังสือ  “จำนวน” ในพระคัมภีร์ “พอหีพระบัญญัติเคลื่อนที่ออก โมอีแซ้สก็จะกล่าวว่า “ลุกขึ้นเถิดพระสวามีเจ้าเพื่อศัตรูของพระองค์จะได้แตกกระจายไปและผู้ที่เกลียดพระองค์จะวิ่งหนีไปต่อยพระพักตร์พระองค์”เมืองเยรีโกและพวกฟีลิสตีนก็พ่ายแก้ในทำนองเดียวกัน “เพราะหีบพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าอยู่ที่นั่นในวันนั้นพร้อมกับลูกหลานของอิสราแอล”เรารู้ว่า หีบพระบัญญัตินั้นเป็นสัญลักษณ์ของแม่พระตามี่คอร์เนลีอู้สแห่งลาพีเดได้กล่าวไว้ว่า “หีบพรบัญญัติที่บรรจุอาหารทิพย์คือพระคริสตเจ้านั้น ก็คือแม่พระผู้ประทานชัยชนะเหนือมนุษย์และปีศาจ” นักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนากล่าวว่า เมื่อแม่พระซึ่งเปรียบเหมือนหีบพระบัญญัติในพระธรรมใหมูถูกยกให้สูงขึ้น และได้รับเกียรติเป็นราชินีแห่งสวรรค์อำนาจของนรกเหนือมนุษยชาติก็อ่อนแอและแตกสลายไปสิ้น

            พวกปีศาจในนรกสั่นสะท้านเพียงใดเมื่อคิดถึงแม่พระ ดังที่นักบุญโบนาเวนตูราได้กล่าวไว้ ท่าน่นักบุญองค์นี้เปรียบเทียบศัตรูเหล่านี้กับเหล่าศัตรูที่มหาบุรุษโย้บได้กล่าวถึง “มันบุกเข้าไปในบ้านในความมืด ตอนกลางวันมันก็ซ่อนตัว พวกมันไม่รู้จักความสว่างเลย” เวลาค่ำคืนมืดมิดนั่นแหละเป็นเวลาที่โจรเข้าไปปล้นบ้าน เมื่อแสงสว่างเริ่มปรากฏขึ้นมันก็รีบหนีไปคล้ายกับมันได้เห็นภาพแห่งความตาย นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า “ดังนี้แหละที่ปีศาจเข้าในวิญญาณซึ่งมืดมิดไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการ เมื่อยามรุ่งมาถึงกล่าวคือ หรรษทานแห่ง่ความเมตตาของแม่พระ มันก็จะวิ่งหนีเหมือนผู้ที่กำลังหนีจากความตาย บุญลาภแก่ผู้ที่เรียกหานามของแม่พระในการสู้รบกับปีศาจแห่งนรก

            สำหรับการพิสูจน์ในเรื่องนี้ เรายังมีการไขแสดงซึ่งนักบุญบริยิดเป็นผู้ได้รับซึ่งเผยให้เราเห็นว่า พระเป็นเจ้าทรงโปรดให้แม่พระมีอำนาจมากมายในการต่อสู้กับปีศาจ จนกระทั่งมันจะหวั่นกลัว และหนีไปทันทีที่วิญญาณนั้นเรียกหาแม่พระเมือตนถูกโจมตี มันจะยอมหนีและกลับไปรับโทษอีกสักสองเท่าดีกว่าที่จะเห็นตัวของมันตกอยู่ภายใต้อำนาจของแม่พระ

            คอร์เนลีอู้สแห่งลาพีเดรำพึงถึงคำที่พระสวามีเจ้าทรงใช้คำสรรเสริญคู่ร่วมวิญญาณของพระองค์ โดยเรียกเธอว่าเป็นดอกซ่อนกลิ่น “เหมือนดอกซ่อนกลิ่นในท่ามกลางกอหนาม ที่รักของเราก็เป็นเช่นเดียวกันในบรรดาหญิงทั้งหลาย”ท่านนักเขียนผู้นี้กล่าวว่า ประสพการณ์ในอดีตได้สอนเราว่า การเรียกหาแม่พระในเมื่อถูกประจญล่อลวงนั้นเป็นยาขนานเอก โดยเฉพาะเพื่อต่อสู้กับตัณหา เหมือนกับดอกซ่อนกลิ่นซึ่งเป็นเมือนยาแก้พิษงู หรือพิษชนิดอื่น

            นักบุญยวงดามาซีมักจะกล่าวว่า “ข้าแต่พระมารดาพระเป็นเจ้า ลูกจะบรรลุถึงความรอดถ้าลูกทำให้ความไว้ใจในพระแม่มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ ลูกจะสู้รบและเอาชนะด้วยความคุ้มครองและความช่วยเหลืออันแข็งแกร่งของพระแม่ แทนที่จะใช้อาวุธอย่างอื่น”และทุกคนที่มีโชคดีได้มีความศรัทธาต่อราชินีผู้ยิ่งใหญ่นี้ ก็อาจจะพูดได้ในทำนองเดียวกัน ข้าแต่พระมารดาพระเป็นเจ้า ลูกไว้ใจในพระแม่แล้ว และลูกจะไม่พ่ายแพ้เป็นแน่ เมื่อมีพระแม่เป็นผู้ปกป้องกันอยู่แล้วลูกจะเอาชนะศัตรูของลูก ลูกจะต่อต้านมันด้วยโล่ห์แห่งความปกครองอันแข็งแรงของพระแม่ แล้วลูกก็ชนะมัน ท่านฤษียาโกเบ นักปราชญ์ชาวกรีกผู้หนึ่ง ได้พูดกับพระเยซูเจ้าถึงแม่พระว่า “พระสวามีเจ้าข้าพระองค์ได้ประทานอาวุธซึ่งกำลังของพวกศัตรู มิอาจจะเอาชนะได้ในตัวของแม่พระ พระนางคือเครื่องหมายแห่งการมีชัยชนะ ซึ่งไม่มีผู้ใดจะเอาไปจากเราได้”

            ในพระคัมภีร์เก่าเราอ่านพบว่า พระเป็นเจ้าทรงนำประชาชนของพระองค์จากประเทศอิยิปต์ ไปยังดินแดนที่พระองค์ได้สัญญาไว้ “โดยอาศัยกลุ่มเมฆในตอนกลางวัน และโดยอาศัยดวงไฟใหญ่ในตอนกลางคืน” ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า กลุ่มเมฆและไฟนี้คือสัญลักษณ์พาดพิงมาถึงแม่พระ เพราะพระนางกระทำหน้าที่สองอย่างนี้อยู่เสมอเพื่อความรอดของเรา ในฐานะที่เป็นเมฆพระนางป้องกันเราให้พ้นจากความร้อนแรงแห่งพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า ในฐานะที่เป็นไฟพระนางป้องกันเราให้พ้นจากปีศาจ นักบุญโบนาเวนตูราเสริมว่า ขี้ผึ้งย่อมละลายเมื่ออยู่ใกล้ไฟฉันใด ปีศาจก็หมดอำนาจที่จะทำร้ายวิญญาณที่เรียกหาแม่พระฉันนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาพยายามเลียนแบบของพระนาง

            ปีศาจตัวสั่นเมื่อได้ยินนามของแม่พระ นักบุญเบอร์นาร์โดประกาศว่า พอได้ยินนามของแม่พระ ทุกคนก็จะคุกเข่า และปีศาจไม่เพียงแต่กลัวเท่านั้น แต่ถึงกับสั่นไปทั้งตัวเมื่อได้ยินนาม่ของแม่พระเท่านั้นเอง โทมัสอาเคมบีสก็เห็นด้วย ท่านกล่าวว่า ในทำนองเดียวกันกับมนุษย์หกล้มลงบนพื้นดิน เมื่อฟ้าผ่าใกล้ ๆ ตน ปีศาจก็เช่นเดียว มันสั่นไปด้วยความกลัวเมื่อได้ยินนามของแม่พระ ชัยชนะซึ่งผู้ที่มีความศรัทธาต่อแม่พระได้รับ โดยการออกชื่อของพระนางนั้นมีอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน นี่คือวิธีที่นักบุญอันโตนีแห่งปาดัวไล่การประจญของปีศาจ ท่านบุญราศีเฮนรี่ซูโซ และผู้ที่มีความศรัทธาต่อ แม่พระอีกมากมายก็ได้กระทำเช่นเดียวกัน

            เราอ่านพบในประวัติมิสซังที่ในประเทศญี่ปุ่นว่า มีคริสตังค์คนหนึ่งซึ่งถูกปีศาจหลอกหลอนภายใต้รูปของสัตว์ดุร้ายหลายชนิด แต่เขาพูดกับมันอย่างอาจหาญว่า “ลำพังตัวข้าเอง ข้ำไม่มีอาวุธอะไรที่จะทให้เจ้ากลัว ถ้าพระเป็นเจ้าทรงโปรดแล้ว เจ้าก็จงทำกับข้าตามใจชอบเถิด แต่ในขณะนี้ข้าจะป้องกันตัวเองด้วยพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้และแม่พระมารีอา” ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวนามนี้จบ แผ่นดินก็เปิดขึ้น และเจ้าจิดชั่วร้ายก็ทุ่มตัวลงไปในนั้นพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างน่าหวาดเสียว

            นักบุญอันแซลโมกล่าวเน้นว่า ตัวท่านเองได้รู้และเคยได้ยินได้เห็นถึงเรื่องของคนเป็นจำนวนมากที่เรียกหานามของแม่พระ ในเมื่อถูกการประจญล่อลวง และได้พ้นจากการประจญทันที นักบุญโบนาเวนตูราอุทานออกมาว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอา นามของพระแม่ช่างรุ่งเรือง และน่าประหลาดใจนัก ผู้ที่ยึดมั่นในนามนี้ไม่ต้องหวาดกลัวในเมื่อตนจวนจะสิ้นใจ เพราะเมื่อปีศาจได้ยินนามของแม่พระแล้วมันจะปล่อยวิญญาณนั้นไว้เฉย ๆ ไม่รบกวนอีกต่อไป แล้วท่านเสริมต่อไปว่า  “ไม่มีศัตรูหมู่ใดในโลกนี้ที่กลัวกองทัพของข้าศึก มากไปกว่าความกลัวของปีศาจที่มีต่อนามและการคุ้มครองของแม่พระ” นักบุญเยอร์มานู้สกล่าวว่า “เมื่อผู้รับใช้เพียงแต่เรียกนามของพระแม่เท่านั้น พระแม่ก็ช่วยให้เขาพ้นจากการโจมตีของนรกทันที”

            จะนับว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ถ้าคริสตังค์ทุกคนคิดถึงการเรียกหานามของแม่พระด้วยความไว้ใจ ในเมื่อตนถูกประจญล่อลวง เขาไม่ทำบาปอย่างแน่นอน ดังนี้ท่านนักบุญราศีแอลันจึงได้กล่าวไว้ว่า “พอได้ยินเสียงคำว่า ‘วันทามารีอา’ ปีศาจก็จะวิ่งหนีและนรกจะสั่นสะเทือน” แม่พระได้ไขแสดงแก่นักบุญบริยิดว่าปีศาจจะวิ่งหนีทันทีที่มันได้ยินนามของแม่พระ แม้ว่ามันจะอยู่กับคนบาปที่ถูกทอดทิ้งมากที่สุด มันจะหนีไปจากผู้ที่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้าเป็นที่สุด หรือผู้ที่อยู่ภายใต้อำนาจของมันมากที่สุด ถ้าหากว่าคนบาปเหล่านี้มีความปราถนาแท้จริงที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตน แต่ในขณะเดียวแม่พระก็ได้เสริมว่า “ถ้าคนบาปไม่เป็นทุกข์ถึงบาปและไม่ตั้งใจจะกลับใจ ปีศาจก็จะกลับเข้ามาสิงสู่อยู่ใน่ตัวเขาต่อไปอีกทันที”

- ตัวอย่าง -

            ที่เมืองไรเชอร์สเบอร์กในบาวาเรีย มีนักบวชคนหนึ่งชื่ออาร์นอลด์ ผู้มีความศรัทธาต่อแม่พระเป็นอันมาก เมื่อท่านจวนจะสิ้นใจอยู่นั้น ท่านได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์และได้เรียกเพื่อนนักบวชด้วยกันมาหาท่าน และวแนขออย่าให้เขาละทิ้งท่านในเวลาที่ท่านพูดกับเพื่อนนักบวชด้วยเสียงอันสั้นว่า “ท่านมองเห็นปีศาจพวกนั้นไหม? มันกำลังมาลากผมไปนรก?” แล้วท่านก็ร้องออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “พี่น้อง โปรดเรียกพระแม่ให้ช่วยผมด้วย ผมแน่ใจว่าพระนางจะช่วยให้ผมมีชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้”

            พวกนักบวชก็พากันสวดบทเร้าวิงวอนแม่พระ เมื่อมาถึง คำว่า สันตะมารีอา ช่วยวิงวอนเทอญ ผู้ที่กำลังจะสิ้นใจก็พูดว่า “จงเอ่ยนามของแม่พระอีก ผมกำลังถูกตัดสินแล้ว” พอหยุดไปได้สักครู่ท่านก็เสริมว่า “ถูกแล้ว ข้าพเจ้าได้ทำ แต่ข้าพเจ้าได้ทำการใช้โทษบาปแล้ว” แล้วท่านก็หันหน้าไปยังแม่พระพลางสวดว่า “โอ้พระแม่เจ้า ถ้าพระแม่ช่วย ลูกก็จะผ่านพ้นไปได้”

            พวกปีศาจก็เริ่มการโจมตีใหม่ แต่ท่านป้องกันตัวด้วยสำคัญมหากางเขนและเรียกหานามของแม่พระ การต่อสู้นี้ดำเนินต่อไปตลอดคืน เมื่อถึงตอนเช้าอาร์นอลด์ก็สงบราปคาบ ท่านอุทานออกมาด้วยความดีใจว่า “พระแม่มารีอา ที่พึ่งพาอาศัยของฉัน ได้วอนขออภัยโทษให้แก่ฉันแล้ว” ท่านหันหน้าไปทางภาพปรากฏของแม่พระซึ่งเรียกให้ท่านตามพระนางไป ท่านกล่าวว่า “ลูกกำลังมาแล้ว พระแม่ ลูกกำลังมา”

            ท่านพยายามลุกขึ้น แต่ร่างกายของท่านอ่อนเพลียเกินกว่าที่จะยอมตามท่านได้ และในระหว่างความพยายามที่จะลุกขึ้นนี้ ท่านก็สิ้นใจตายอย่างอ่อนหวาน เราหวังได้ว่า วิญญาณของท่านคงจะตามเสด็จแม่พระไปยังสรวงสวรรค์

- คำภาวนา -

            ข้าแต่พระแม่มารีอา-ความหวังของลูก โปรดมองดูคนบาปผู้น่าสงสาร ซึ่งได้เคยเป็นทาสนรกมาหลายต่อหลาย่ครั้งแล้วเพราะความผิดของเขาเอง แต่บัดนี้ได้มากราบอยู่แทบเท้าของพระแม่ลูกทราบดีว่า การที่ลูกได้ละเลยไม่มาพึ่งพาอาศัยพระแม่นั้น ลูกได้ปล่อยให้ปีศาจเอาชนะลูก ถ้าลูกระลึกถึงและเรียกหาพระแม่แล้วลูกจะไม่ตกลงไปในบาปอย่างแน่นอน ข้าแต่พระแม่ผู้น่ารักยิ่ง ลูกเชื่อว่า ด้วยอาศัยความช่วยเหลือจากพระแม่ ลูกได้รอพ้นจากเงื้อมมือของปีศาจแล้ว และพระเป็นเจ้าก็ได้ให้อภัยแก่ลูกแล้วด้วย แต่ลูกยังตัวสั่นเมื่อคิดถึงอนาคต กลัวว่าจะถูกปีศาจมันล่ามด้วยโซ่ของบาปอีก ลูกรู้ว่าศัตรูของลูกนั้นยังมิได้เลิกล้มความตั้งใจที่จะกลับมาเอาชนะลูกอีกครั้งหนึ่ง ข้าแต่ราชินีและที่หลบภัยของลูก โปรดช่วยลูกด้วยเถิด โปรดรับลูกไว้ในความอารักขาของพระแม่ โปรดอย่าปล่อยให้ลูกเป็นทาสของปีศาจต่อไป

            ลูกทราบว่าพระแม่จะช่วยลูกทุกครั้งที่ลูกเรียกหาพระแม่ และในที่สุดพระแม่จะโปรดให้ลูกมีชัยชนะ แต่ยังมีความคิดอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ลูกกลัว คือเวลาที่ลูกถูกประจญนั้นลูกจะลืม และไม่เรียกหาพระแม่ ฉะนั้นในวันนี้ลูกจึงแสวงหาพระหรรษทานนี้จากพระแม่ พระหรรษทานที่จะระลึกและเรียกหาพระแม่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาที่ลูกถูกประจญ โปรดให้ลูกเรียกหาพระแม่บ่อยด้วยคำว่า “พระแม่มารีอา โปรดช่วยลูก พระแม่มารีอา โปรดช่วยลูกเทอญ”

            ในที่สุดเมื่อวันที่ลูกจะต้องต่อสู้เป็นครั้งสุดท้ายได้มาถึงและเมื่อลูกจวนจะสิ้นใจอยู่นั้น ขอให้พระแม่โปรดช่วยลูกมากกว่าแต่ก่อนเถิด โปรดให้ลูกเรียกหาพระแม่บ่อย ๆ ถ้ามิใช่ด้วยริมฝีปากก็ด้วยดวงสใจของลูก เพื่อลูกจะได้สิ้นใจโดยมีนามอ นอ่อนหวานของพระแม่และของพระเยซูเจ้า-พระบุตรของพระแม่ ติดอยู่กับริมฝีปากของลูก เพื่อลูกจะได้ไปอวยพรและสรรเสริญพระแม่ และจะได้ไม่มีวันออกห่างจากพระแม่อีกเป็นอันขาดตลอดนิรันดร อาแมน

 

“ถอนใจใหญ่ร้องหาท่าน พิลาปร่ำไห้ ในเหวน้ำตานี้”

ความจริงที่ว่า การเรียกหาและสวดของบรรดานักบุญ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งของราชินีแห่งนักบุญทั้งหลาย เพื่เราจะได้รับพระหรรษทานจากพระเป็นเจ้า มิใช่แต่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ยังเป็นสิ่งที่มีประโยชน์นั้น เป็นข้อความเชื่อของเราชาวคริสตังค์ ความเชื่อข้อนี้บรรดาสังคายนา สากล หลายแห่งได้ประกาศไว้เพื่อประท้วงพวกเฮเรติ๊กบางคนที่กล่าวว่า การเชื่อเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งเป็นผู้เสนอแต่เพียงพระองค์เดียวของเรา ถ้าเยเรมีอาสวดให้เยรูซาแลมหลังจากที่ท่านสูญเสียชีวิตไปแล้ว ถ้าบรรดาอัยกาในพระธรรมวิวรณ์ได้นำคำภาวนาของพวกคริสตังค์ไปถวายแด่พระเป็นเจ้า ถ้านักบุญเปโตรสัญญว่าจะระลึกถึงสาวกของท่านหลังจากที่ได้สิ้นใจไปแล้ว ถ้านักบุญสเตฟาโนสวดให้แก่ผู้ที่ประหารชีวิตท่าน ถ้านักบุญเปาโลสวดให้เพื่อน ๆ ของท่าน และถ้าบรรดานักบุญทั้งหลายอาจจะสวดให้เราได้แล้ว ทำไมเราจึงวอนขอให้ท่านสวดให้แก่เราไม่ได้?นักบุญเปาโลขอให้สาวกของท่านสวดให้แก่ท่าน “พี่น้อง ท่านจงสวดให้เราด้วย” นักบุญยาโกเบเร้าใจให้ภาวนาให้แก่กันและกัน “จงสวดให้แก่กันและกันเพื่อท่านจะได้บรรลุถึงความรอด” ดังนี้แล้วเราก็อาจทำเช่นเดียวกันได้

            ไม่มีผู้ใดจะปฏิเสธได้เลยว่า พระเยซูคริสตเจ้าคือ “ผู้เสนอความยุติธรรม” โดยอาศัยพระบารมีของพระองค์ พระองค์ได้โปรดให้เราคืนดีกับพระเป็นเจ้า แต่การกล่าวว่า พระเป็นเจ้าไม่ทรงพอพระทัยที่จะประทานพระหรรษทานของพระองค์ เพราะบรรดานักบุญของพระองค์เป็นผู้วิงวอน หรือเพราะแม่พระ พระมารดาซึ่งพระองค์ทรงปราถนาให้ด้รับเกียรติและความรักอย่างมากมายเป็นผู้วอนขอนั้นย่อมเป็นบาปทีเดียว ใครจะพูดได้ว่า เกียรติที่แม่ได้รับนั้นจะไม่ล้นมาถึงพระบุตรของพระนาง “ความรุ่งเรืองของลูก ๆ อยู่กับพ่อแม่ของตน”

            ดังนั้นนักบุญเบอร์นป็นบาร์โดจึงกล่าวว่า เราไม่ควรจะคิดว่าเราจะทำให้ชื่อเสียงของบุตรมัวหมองไป เพราะคำสรรเสริญที่เราให้แก่มารดาของเขา ตรงกันข้ามยิ่งเรายกย่องมารดาเพียงใด ชื่อเสียงของบุตรของนางก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเพียงนั้น นักบุญอินเดฟอนโซเสริมไว้อย่างสมเหตุสมผลแล้วว่า “พระราชินียิ่งได้รับเกียรติมากเพียงใด พระราชาก็ยิ่งได้รับเกียรติและสูงส่งมากขึ้นเพียงนั้น” ไม่ต้องเป็นที่สงสัยเลยว่า แม่พระได้รับหน้าที่เป็นผู้เสนอแห่งความรอดของเรา โดยอาศัยพระบารมีของพระเยซูเจ้า ถูกแล้ว พระนางมิใช่ผู้เสนอตามความยุติธรรม แต่ในเรื่องพระหรรษทานและการวอนขอ นักบุญโบนาเวนตูราได้กล่าวไว้ว่า “เอว่าผู้ปราศจากความซื่อสัตย์เป็นผู้เสนอแห่งความพินาศ แม่พระผู้ซื่อสัตย์คือผู้เสนอแห่งความรอดของเรา” และนักบุญเลาเร็นซีโอ ยูสตีนีอานีถามว่า “พระนางผู้ถูกตั้งให้เป็นบันไดและประตูแห่งสวรรค์และผู้เสนอที่แท้จริง ระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์นั้น จะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร นอกจากจะเปี่ยมด้วยหรรษทาน?”

           นักบุญอันแซลโมตั้งข้อสังเกตว่า เวล่าที่เราวอนขอพระหรรษทานจากแม่พระนั้น มิใช่เพราะเราขาดความไว้ใจในพระมหากรุณาของพระเป็นเจ้าดอก แต่เพราะเราไม่ไว้ใจในความไม่เหมาะสามของตัวเราเอง เราเสนอตัวของเราแก่แม่พระ เพื่อว่าความเหมาะสมของพระนางจะได้ชดใช้ความบกพร่องของเรา”

            ผู้ที่ไม่มีความเชื่อเท่านั้นที่สงสัยว่า การพึ่งพาอาศัยแม่พระนั้นมิใช่การกระทำที่ศักดิ์สิทธิ์และมีผลประโยชน์ จะพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ จุดประสงค์ของเราในที่นี้ก็คือ การพิสูจน์ให้เห็นว่าคำเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นจำเป็นสำหรับความรอดของเรา มิใช่ว่าจำเป็นอย่างที่จะขาดเสียมิได้ แต่จำเป็นอย่างที่เราไม่ควรจะขาดเสียยิ่งไปกว่านั้น เราขอกล่าวว่า ความจำเป็นนี้มีบ่อเกิดมาจากน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ผู้ทรงปราถนาให้พระหรรษทานทุกประการที่พระองค์ประทานนั้นผ่านมือของแม่พระเสียก่อน นี่คือความเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด ซึ่งทุกวันนี้เราอาจจะพูดได้ว่า เป็นความเห็นทั่วไปของนักเทวศาสตร์และนักศึกษา

            คุณพ่อเอมานูแอลแห่งเยซูมารีอา นักบวชคณะคาร์แมลผู้เขียนหนังสือเรื่อง “การครอบครองของแม่พระ” ก็กล่าวว่าเป็นเช่นนี้และผู้ที่ถือตามท่านก็มีเวก้า เม็นโดซ่า พาซีอูแชลลี เช็กเนรี พอยเรคราเซ และท่านผู้มีความรู้อีกเป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งคุณพ่อโนแอล อเล็กแซนเดรก็มีความเห็นช่นเดียวกันนี้ และตามธรรมดาท่านผู้นี้ออกจะเข้มงวดอยู่สักหน่อยในความคิดเห็นของท่าน ต่อไปนี้เป็นคำพูดของท่านเอง ท่านกล่าวว่า “พระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้เราหวังที่จะได้รับพระหรรษทานทั้งสิ้นจากพระองค์ และให้เราได้รับพระหรรษทานเหล่านี้โดยอาศัยการเสนอวิงวอนอันทรงอำนาจของแม่พระ เมื่อเราเรียกหาพระนาง ซึ่งเป็นการกระทำที่เหมาะสมแล้ว” เพื่อเป็นการพิสูจน์คำพูดของท่าน คุณพ่อโนแอลนำคำของนักบุญเบอร์นาร์โดมาใช้ซึ่งมีอยู่ว่า “นี่คือน้ำพระทัยของพระองค์ กล่าวคือพระองค์ทรงปราถนาให้เราได้รับทุกสิ่งโดยผ่านแม่พระ” คุณพ่อคอนเทนซันเห็นพ้องด้วย เมื่อท่านอธิบายคำที่พระสวามีเจ้าตรัสแก่นักบุญยวงบนไม้กางเขนว่า “นี่แหละแม่ของเจ้า”คล้ายกับพระองค์จะตรัสว่า “ไม่มีผู้ใดที่จะมีส่วนในโลหิตของเรา โดยมิได้ผ่านการเสนอวิงวอนของพระมารดาของเรารอยแผลของเราคือลำธารแห่งพระหรรษทาน แต่น้ำแห่งลำธารนี้จะไม่ไปถึงผู้ใดเลย โดยมิได้ผ่านแม่พระผู้เป็นเหมือนท่อระบายของลำธารนี้ ยวง สานุศิษย์ของเรา เราจะรักเจ้าเท่า ๆ กับที่เจ้ารักพระนาง”

            ข้อสอนที่ว่า พระหรรษทานทุกประการที่เราได้รับจากพระสวามีเจ้ามาถึงเราโดยผ่านแม่พระนั้น ไม่เป็นที่พอใจของนักเขียนสมัยใหม่บางคน แม้ว่าเขาจะพูดถึงเรื่องการมีความศรัทธาที่แท้จริงและในทางที่ผิดในด้านต่าง ๆ ด้วยความสามารถและด้วยความศรัทธามากแต่เวลาเขาพูดถึงการมีความศรัทธาต่อแม่พระนั้น ดูเหมือนว่าเขาไม่เต็มใจถวายสิริมงคล ซึ่งนักบุญเยอร์มานู้ส นักบุญอันแซลโม นักบุญยวง ดามาซีน นักบุญอันโตนีนู้ส นักบุญนาร์ดีนแห่งซีเอนา และท่านเจ้าอาวาสผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งเซเล และผู้ที่มีความรู้เป็นจำนวนมากได้เคยถวายให้แก่พระนาง โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลย ท่านเหล่านี้ได้ให้เหตุผลที่เราได้พูดถึงแล้วคือ การเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นไม่เพียงแต่มี่ประโยชน์เท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอีกด้วย นักเขียนสมัยใหม่ผู้นี้เขาบอกว่า ความคิดเห็นนี้ เป็นแต่เพียงคำเปรียบเทียบ อันเกินความจริงซึ่งหลุดมาจากริมฝีปากของบรรดา นักบุญในเมื่อท่านเร่าร้อนไปด้วยความศรัทธา เขาบอกว่า ที่จริงเราต้องเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ว่า เราได้รับพระเยซูเจ้าโดยอาศัยพระบารมีของพระองค์ การเชื่อว่าพระเป็นเจ้าจะประทานพระหรรษทานใด ๆ ไม่ได้โดยที่แม่พระมิได้วิงวอนนักเขียนผู้นี้บอกว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะนักบุญเปาโลบอกเราว่า เรายอมรับแต่เพียงพระเป็นเจ้าพระองค์เดียวและผู้เสนอระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น คือ พระเยซูคริสตเจ้า

            ตามความคิดเห็นที่เขายอมรับในหนังสือของเขาเองนั้นการเสนอตามความยุติธรรมเพราะบุญกุศลนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการเสนอในเรื่องพระหรรษทานโดยอาศัยการภาวนานั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือ การพูดว่า พระเป็นเจ้าไม่สามารถ และการพูดว่าพระองค์ ไม่ทรงปราถนา ที่จะประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยไม่มีแม่พระเป็นผู้เสนอวิงวอนนั้น ผิดกันมาก!  เรายอมรับอย่างแน่นอ นทีเดียวว่า พระเป็นเจ้าคือบ่อเกิดแห่งความดีทุกประการ และทรงเป็นเจ้าของเด็ดขาดของพระหรรษทานทั้งสิ้น และแม่พระนั้นเป็นเพียงมนุษย์ ผู้ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระนางมีอยู่เป็นบำเหน็จจากพระเป็นเจ้าเท่านั้นเอง แต่ใครเล่าจะปฏิเสธได้ว่า การที่พระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้พระหรรษทานที่มีไว้สำหรับวิญญาณที่ได้รับการไถ่บาปแล้วต้องผ่านมือแม่พระและให้พระนางเองเป็นผู้แจกจ่ายนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องตากหลักเหตุผลและเหมาะสมที่สุด ในเมื่อพระนางได้เคยรักและให้เกียรติแก่พระองค์ตลอดชีวิตของพระองมากกว่าผู้อื่น และพระองค์เองเป็นผู้เลือกให้พระนางเป็นพระมารดาแห่งพระบุตรผู้เป็นองค์พระมหาไถ่ของเราทุกคน เราพร้อมที่จะยอมรับว่า พระเยซูคริสตเจ้านั้นเป็น “ผู้เสนอแห่งความยุติธรรม” แต่ผู้เดียว ตามที่เราได้กล่าวมาแล้ว เพราะพระองค์ได้รับพระหรรษทานและความรอดให้แก่เราโดยอาศัยพระบารมีของพระองค์ แต่เรากล่าวว่า แม่พระเป็นผู้เสนอวิงวอนแห่งพระหรรษทาน แน่ละ สิ่งใดที่พระนางได้รับ พระนางได้รับโดยอาศัยพระบารมีของพระคริสตเจ้า ดังนั้นพระนางจึงวอนขอและสวดภาวนาในพระนามของพระองค์ แต่อย่างไรก็ตาม พระหรรษทานทุกประการที่เราแสวงหานั้น เราจะได้รับก็โดยอาศัยการภาวนาและการเสนอวิงวอนของพระนางเท่านั้น

            ในเรื่องนี้ไม่มีสิ่งใดเลยที่ผิดต่อข้อความเชื่อ ที่จริงเป็นสิ่งที่พ้องตามคำสอนของพระศาสนจักรมาก พระศาสนจักรได้รับรองบทภาวนาเป็นจำนวนมากซึ่งได้สอนให้เราหันไปพึ่งพาอาศัยแม่พระเสมอไป มีบทภาวนามากมายที่เรียกแม่พระว่า ความรอดของคนไข้ ที่หลบภัยของคนบาป องค์อุปถัมภ์ของคริสตังค์ ชีวิตและความหวังของเราในบทออฟีชีอุมสำหรับวันฉลองของแม่พระ พระศาสนจักรเอาคำของพระคัมภีร์มาใช้กับแม่พระ เพื่อให้เราเข้าใจว่าเราจะได้พบกับความหวังทั้งสิ้นของเราในพระนาง “ในตัวเรามีความหวังแห่งชีวิตและฤทธิ์กุศล” ในแม่พระเราพบกับพระหรรษทานทุกประการ “ในตัวเรามีพระหรรษทานแห่งหนทางและความจริงทั้งสิ้น” ในแม่พระเราพบกับชีวิตและความรอดตลอดนิรันดร “ผู้ที่พบเรา จะพบชีวิตและจะได้รับความรอดจากพระสวามีเจ้า” อีกแห่งหนึ่งในพระคัมภีร์เราอ่านพบว่า “ผู้ที่ทำงานเคียงข้างกับเราจะไม่ทำบาป ผู้ที่อธิบายเราจะมีชีวิตนิรันดร”ที่ได้กล่าวมานี้แสดงให้เห็นว่าเราต้องการการเสนอวิงวอนของแม่พระมากเพียงไร?

            นี่แหละคือสิ่งที่บรรดานักเทวศาสตร์ และปิตาจารย์ของพระศาสนจักรได้ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักแน่ใจ การที่จะพูดว่าเมื่อท่านเหล่านี้กล่าวถึงแม่พระ ท่านพูดเกินความจริงไปและคำพูดของท่านหลุดมาจากริมฝีปากในขณะที่เร่าร้อนไปด้วยความศรัทธาดังที่นักเขียนสมัยใหม่ผู้นี้เขากล่าวหานั้ยย่อมเป็นการพูดที่ผิด เราไม่ควรจะพูดว่าบรรดาท่านนักบุญพูดเกิน่ความจริง ท่านนักบุญเต็มไปด้วยพระจิตเจ้าซึ่งเป็นองค์แห่งความจริง และพระองค์ตรัสแก่เราโดยอาศัยท่านเหล่านี้

            โปรดให้อภัยโทษข้าพเจ้าที่จะขอแสดงความคิดเห็นของข้าพเจ้าเองในเรื่องนี้ คือ เมื่อความคิดเห็นหันไปในทางที่จะให้เกียรติแก่แม่พระซึ่งมีราฐานอยู่ในความเชื่อ ไม่ขัดแย้งต่อข้อความเชื่อและกฏของพระศาสนจักรหรือความจริงแล้ว การปฏิเสธไม่ยอมถือตาม หรือการโต้แย้งเพราะฝ่ายตรงกันข้ามอาจจะถูกแล้ว ย่อมแสดงให้เห็นว่าคนผู้นนั้น มีความศรัทธาต่อแม่พระน้อยเต็มที ตัวข้าพเจ้าจะไม่ขอรวมอยู่กับผู้ที่มีความศรัทธาต่อแม่พระน้อย และข้าพเจ้าจะขออยู่ในจำพวกผู้ที่เชื่อทุกอย่างซึ่งเราอาจจะเชื่อได้อย่างมั่นคง โดยไม่ผิดต่อข้อความเชื่อในเรื่งที่เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของแม่พระดีกว่า เมื่อท่านเจ้าอาวาสรูเพิร์ตกล่าวถึงวิธีต่าง ๆ ที่เราอาจจะสรรเสริญแม่พระได้ท่านกล่าวว่า ทางที่ข้าพเจ้าว่านี้เป็นทางที่เด่นที่สุดคือ “การเชื่อมั่น่ในทุกอย่างที่จะทำให้พระนางมีเกียรติมงคลมากขึ้น” ถ้าไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ความกลัวว่าเราจะสรรเสริญแม่พระมากเกินไป สูญหายไปแล้ว ก็ให้เราเชื่อคำของนักบุญเอากูสตีโนเถิด ท่านนักบุญกล่าวว่า สิ่งใดก็ตามที่เรากล่าวเพื่กอเป็นการสรรเสริญแม่พระ มันก็ยังน้อยเกินไปเมื่อเรามาเปรียบกับเกียรติของพระนางในฐานะที่เป็นมารดาของพระเป็นเจ้า และพระศาสนจักรกำหนดให้เราสวดในมิสซาของแม่พระว่า “โอ้พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ แม่พระมีโชคดีจริง ๆ และเหมาะสมแก่คำสรรเสริญทุกประการเป็นอย่างยิ่ง”

            แต่เราจงหันกลับมาพูดถึงเรื่องที่เรากำลังพูดค้างกันอยู่เถิดและพิจารณาดูซิว่า บรรดานักบุญได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้างนักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า พระเป็นเจ้าโปรดให้แม่พระเปี่ยมไปด้วยพระหรรษทาน เพื่อว่าด้วยอาศัยแม่พระผู้เปรี่ยบเสมือนท่อพระหรรษทานมนุษย์จะได้รับสิ่งต่าง ๆ ที่ตนต้องการ ท่านกล่าวว่า “ก่อนที่แม่พระจะบังเกิดนั้น มิได้มีพระหรรษทานที่หลั่งไหลมาในโลกอย่างมากมายดังเช่นนี้สำหรับมนุษย์ทุกคน เพระว่าบ่อเก็บพระหรรษทานซึ่งมนุษย์ปราถนานักหนายังมิได้บังเกิด” แล้วท่านเสริมว่า เพราะเหตุนี้แหละที่พระเป็นเจ้าประทานแม่พระให้แก่โลกเพื่อว่าพระหรรษทานจะได้หลั่งไหลจากพระเป็นเจ้าลงมายังมนุษย์โดยอาศัยพระนาง

            โฮโลแฟร์เนสได้ออกคำสั่งให้ทำลายที่เก็บน้ำ เพื่อจะได้ทำการยึดเมืองเบรูลีอาให้เป็นผลสำเร็จ ในทำนองเดียวกัน ผีปีศาจจะพยายามสุดความสามารถของมันในอันที่จะทำให้มนุษย์สูญเสียความศรัทธาต่อแม่พระ ถ้าท่อธารแห่งพระหรรษทานนี้ปิดแล้ว ปีศาจก็จะเอาชนะเขาได้โดยไม่ลำบากเลย นักบุญเบอร์นาร์โดจึงกล่าวต่อไปว่า “ดูซิว่าพระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้เรามีความศรัทธาต่อแม่พระอย่างอ่อนหวานเพียงไร? พระองค์ประทานพระหรรษทานอันเปี่ยมล้นไว้ในพระนาง จนกระทั่งความหวังที่จะเอาตัวรอดทั้งหมดจะมาถึงตัวเราได้ก็โดยอาศัยพระนางนั่นเอง นับุญอันโตนีนุสก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า “พระหรรษทานทุกประการที่พระเป็นเจ้าได้ประทานแก่มนุษย์นั้น่ต้องผ่านแม่พระเสียก่อน”

            เราเปรียบแม่พระว่าเป็นเสมือนดวงจันทร์ นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า เหตุผลมีอยู่ว่า ดวงจันทร์นั้นเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับโลกของเรา และส่องแสงที่ได้รับมายังโลก ในทำนองเดียวกัน แม่พระก็ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ พระนางประทานพระหรรษทานแห่งสวรรค์ซึ่งพระนางได้รับการดวงอาทิตย์แห่งความยุติธรรมคือพระเยซูเจ้า ให้หลั่งไหลมายังโลกมนุษย์

            แม่พระได้ชื่อว่าเป็น “ประตูสวรรค์” ตามความคิดเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด กติกาการประทานความช่วยเหลือหรือให้อภัยโทษของมหากษัตริย์ต้องผ่านประตูราชวังฉันใด พระหรรษทานทุกประการก็ต้องผ่านมือของแม่พระฉันนั้น

            นักเขียนในสมัยโบราณท่านหนึ่ง ซึ่งได้เขียนบทเทศน์สำหรับวันแม่พระถูกยกขึ้นสวรรค์ซึ่งได้จัดพิมพ์ขึ้นรวมกับหนังสือของนักบุญเยโรนีโมกล่าวว่า พระหรรษทานทั้งสิ้นนั้นรวมอยู่ในพระคริสตเจ้าในฐานะที่พระองค์เป็นเสมือนศีรษะ จากศีรษะนี้พระหรรษทานที่อำนวยชีวิตทั้งหลายได้หลั่งไหลมายังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย พระหรรษทานที่เขาต้องการในอันที่จะบรรลุถึงชีวิตนิรันดร แต่พระหรรษทานเดียวกันนี้ก็อยู่ในพระแม่ด้วย เพราะพระนางเป็นเสมือนลำคอซึ่งระบายพระหรรษทานทรงชีวิตนี้มายังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นักบุญเบอร์นาร์ดีนแห่งซีเอนาก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ท่านกล่าวว่า “พระหรรษทานที่อำนวยชีวิตได้หลั่งไหลมายังพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าผู้เป็นเสมือนศีรษะโดยผ่านแม่พระ”

            นักบุญโบนาเวนตูราพยายามที่จะให้เหตุผลในเรื่องนี้เมื่อท่านอ้างว่า ในเมื่อพระเป็นเจ้าทรงเลือกที่จะสถิตอยู่ในครรภ์ของแม่พระเราอาจพูดได้ว่า แม่พระได้รับสิทธิ์เหนือพระหรรษทานทั้งสิ้นเมื่อพระเยซูเจ้าทรงกำเนิดมาจากครรภ์อันบริสุทธิ์ของพระนาง ก็เกิดมีลำธารแห่งพระหรรษทานหลั่งไหลมาจากพระนาง คล้ายกับว่ามาจากมหาสมุทรแห่งพระเป็นเจ้า นักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนาก็กล่าวในทำนองเดียวกัน แต่ว่าชัดเจนกว่า เมื่อท่านกล่าวว่า ตั้งแต่เวลาที่พระวจนาถทรงปฏิสนธิในครรภ์ของพระมารดาผู้บริสุทธิ์ เราอาจจะพูดได้ว่า พระนางได้มีสิทธิ์พิเศษในพระราชทานต่าง ๆ ที่เราได้รับจากพระจิตเจ้า จนกระทั้งไม่มีผู้ใดเลยที่ได้รับพระหรรษทานใด ๆ ทั้งสิ้นโดยที่พระหรรษทานนั้นมิได้ผ่านมือแม่พระเสียก่อน

            ท่านผู้ทำนายเยเรมีอากล่าวในคำทำนายของท่านว่า “หญิงคนหนึ่งจะทำวงล้อมรอบชาย” นักเขียนผู้หนึ่งอธิบายคำพูดนี้ว่า เราจะลากเส้นผ่านเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของวงกลมโดยไม่ผ่านเส้นรอบวงกลมนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ฉันใดก็ฉันนั้น ไม่มีพระหรรษทานใดที่จะมาจากพระเยซูเจ้า ผู้เป็นจุดศูนย์กลางแห่งความดีทั้งหลายโดยมิได้ผ่านแม่พระผู้ล้อมรอบพระองค์ ในเมื่อพระนางรับพระองค์ไว้ในครรภ์ของพระนาง

            จากความจริงข้อนี้ นักบุญเบอร์นาดีนจึงสรุปความว่าพระราชทานทั้งหลาย ฤทธิ์กุศลและพระหรรษทานทั้งสิ้น จะได้รับการแจกจ่ายโดยผ่านมือแม่พพระสให้แก่ผู้ที่พระนางปราถนาตามกำหนดเวลาและตามแบบแผนที่พระนางปราถนา ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอก็กล่าวด้วยว่า สิ่งก็ตามที่พระเป็นเจ้าทรงปราถนาจะประทานให้แก่มนุษย์ พระองค์ประทานให้โดยผ่านมือแม่พระ นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้ท่านเจ้าอาวาสแห่งเซลส์สนับสนุนให้ทุก ๆ คนเข้ามาพึ่ง “ขุมสมบัติแห่งพระหรรษทาน” นี้ดังที่ท่านเรียกพระนาง ท่านกล่าวว่า “จงไปหาพรหมจารีผู้นี้เถิด เพราะว่าโลกเราจะได้รับพรทุกประการก็โดยอาศัยพระนาง”

            บัดนี้คงจะเป็นที่แจ่มแจ้งแก่ทุกคนแล้วว่า ในเมื่อบรรดานักเขียนและนักบุญบอกเราว่า พระหรรษทานทั้งสิ้นมาถึงตัวเราโดยผ่านแม่พระนั้น ท่านมิได้มุ่งหมายที่จะกล่าว (ดังที่นักเขียนที่เรากล่าวถึงเขาคิด) ว่าเราได้รับพระเยซูคริสตเจ้าที่มาแห่งพระหรรษทานทุกประการโดยอาศัยแม่พระ ท่านนักเขียนและท่านนักบุญเหล่านั้นให้ความแน่ใจแก่เราว่า หลังจากที่พระเป็นเจ้าประทานพระเยซูคริสตเจ้าให้แก่เรา พระองค์ทรงปราถนาว่า ตั้งแต่เวลานั้นจนกระทั่งวันสิ้นพิภพ พระหรรษทานต่าง ๆ ที่พระองค์จะประทานให้แก่มนุษย์ด้วยเดชะพระบารมีของพระเยซูคริสตเจ้านั้น จะต้องผ่านมือแม่พระ และพระนางจะต้องเป็นผู้วอนขอให้เรา

            คุณพ่อซูอาเรสสรุปความว่า ในปัจจุบันนี้ พระศาสนจักรสอนโดยทั่วไปว่า คำเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นมิใช่แต่จะมีปรโยชน์เท่านั้น ยังจำเป็นอีกด้วย ดังที่เราได้กล่าวไว้แล้วว่า การเสนอวิงวแนนี้ไม่จำเป็นจนถึงกับว่าไม่มีไม่ได้ เพราะคำเสนอวิงวอนพระคริสตเจ้าเท่านั้นที่มีความจำเป็นแบบนี้ พระศาสนจักรเห็นพ้องกับนักบุญเบอร์นาร์โดว่า พระเป็นเจ้าทรงกำหนดไว้ว่า พระองค์จะไม่ประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยมิได้ผ่านมือแม่พระเสียก่อน แม้ก่อนเวลาของนักบุญเบอร์นาร์โด นักบุญอิลเดฟอนโซก็ได้พูดในทำนตองเดียวกันแล้ว เมื่อท่านกล่าวกับพระนางว่า “โอ้พระแม่มารีอา พระสวามีเจ้าทรงกำหนดไว้ว่า ความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงปราถนาจะประทานให้แก่มนุษย์นั้น พระองค์ได้ฝากไว้ในมือของพระแม่ “นักบุญเปโตร ดามีอาโนตั้งข้อสังเกตว่า พระเป็นเจ้าจะไม่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์โดยที่แม่พระมิได้ยินยอมเพราะเหตุผลสองประการคือ ประการแรก เพื่อว่าเราจะได้รู้สึกว่าเราเป็นหนี้แม่พระอย่างสูง และประการที่สองก็คือ เพื่อให้เราเข้าใจว่า พระองค์ได้ปล่อยให้แม่พระเป็นผู้ดูแลและตัดสินความรอดของเรา

            ท่านผู้ทำนายอีซาอีกกล่าวว่า “แล้วจะมีหน่อจากรากของเยสเซ และจะมีดอกไม้ออกจากรากนี้ และพระจิตแห่งพระสวามีเจ้าจะสถิตอยู่กับท่าน”ซึ่งหมายความว่า พรหมจารีผู้หนึ่ง คือ แม่พระจะมีการกำหนดมาจากผู้สืบตระกูลของเยสเซและจากตัวพระนางเองจะมีดอกไม้ คือพระวจนาถ ผู้ทรงรับเอากาย เมื่อรำพึงถึงคำทำนายนี้ นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวคำอันสวยงามดังต่อไปนี้ออกมาว่า “ใครก็ตามที่ปราถนาจะได้พระหรรษทานของพระจิตเจ้า ก็ควรจะแสวงหาดอกไม้ที่บนก้าน ด้วยอาศัยกิ่งไม้เราจะมาถึงดอกไม้เอง และโดยอาศัยดอกไม้นี้เราจะได้พบกับพระจิตเจ้า กล่าวคือ ขอให้ทุกคนแสวงหาพระเยซูเจ้าโดยอาศัยแม่พระ แล้วหลังจากที่ได้พบพระเยซูเจ้าโดยอาศัยแม่พระเราจะได้มาถึงพระจิตเจ้าของพระเป็นเจ้าโดยอาศัยพระเยซูเจ้า

            ในบทที่สิบของหนังสือเล่มเดียวกันนี้ ท่านนักบุญได้เสริมว่า “ถ้าท่านปราถนาจะเป็นเจ้าของดอกไม้นี้ ก็จงดึงกิ่งไม้ที่มีดอกไม้นี้ลงมาโดยการภาวนาของท่าน นี้คือทางที่จะทำให้ท่านได้ดอกไม้นั้นมาเป็นกรราสิทธิ์ ในบทเทศน์สำหรับวันฉลองพระคริสตประจักษ์นักบุญฟรันซิสอธิบายคำในพระวรสารที่ว่า “พวกเขาพบพระกุมารกับพระมารดาของพระองค์” แล้วท่านบ่งไว้ว่า ถ้าเราต้องจะพบพระเยซูเจ้า เราต้องไปหาแม่พระ และโดยอาศัยพระนางเทานั้น” ผู้ที่ไม่พยายามแสวงหาพระเยซูเจ้ากับพระแม่ ผู้นั้นเสียเวลาแสวงหาพระองค์เปล่า ๆ นี่คงจะเป็นเหตุผลให้นักบุญอิลเดฟอนโซกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยากจะเป็นทาสของพระเยซูเจ้า แต่ในเมื่อไม่มีผู้ใดที่จะเป็นทาสของพระบุตรโดยไม่เป็นทาสพระมารดาของพระองค์ได้ ข้าพเจ้าจึงทำตัวให้เป็นทาสของแม่พระด้วย”

- ตัวอย่าง -

            ทั้งวินเซนต์แห่งบอแวส์ และเซซารีอูสได้เล่าเรื่องต่อไปนี้ เรื่องมีอยู่ว่า ชายหนุ่มที่มีตระกูลคนหนึ่งกลับกลายเป็นคนยากจนมากเพราะความชั่วช้าของตนจนถึงกับต้องไปขอทาน เด็กหนุ่มนี้รู้สึกอับอายขายหน้า จึงได้เดินทางออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนไปอยู่ที่เมืองไกล ในระหว่างทางเขาไปพบกับคนใช้เก่าของบิดาของเขาคนหนึ่ง เมื่อคนใช้ผู้นี้เห็นสภาพที่น่าอนาถของเขาก็สัญญาว่าจะนำเขาไปหาผู้มีบุญที่ร่ำรวยคนหนึ่ง ที่อาจจะให้ทุกอย่างแก่เขาได้

            คนใช้คนนี้เป็นหมอผี เขานำชายหนุ่มผู้นั้นไปกลางทะเลสาบในกลางป่าแห่งหนึ่ง และเริ่มพูดกับผู้ที่ไม่มีตัวตน เมื่อชายหนุ่มถามว่าเขาพูดกับใคร เขาก็ตอบว่า “ข้าพเจ้ากำลังพูดกับปีศาจ” ชายหนุ่มผู้นั้นก็รู้สึกกลัว แต่คนใช้ก็ยังคุยกับปีศาจอยู่ต่อไป เขากล่าวว่า “เด็กหนุ่มคนนี้สูญเสียทุกอย่าง เขาอยากจะได้ฐานะเก่าของเขากลับคืนมา” ปีศาจตอบว่า “ถ้ามันเต็มใจที่จะนบนอบข้า ข้าจะทำให้มันรวยกว่าเก่าเสียอีก แต่ก่อนอื่นมันต้องปฏิเสธพระเป็นเจ้า”

            ชายหนุ่มนั้นยิ่งตกใจใหญ่ แต่คนใช้ผู้นั้นก็ชักชวนและให้เหตุผลต่าง ๆ จนในที่สุดเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารก็ยินยอมและปฏิเสธพระเป็นเจ้า แต่เจ้าปีศาจยังไม่พอใจ มันกล่าวว่า “เจ้าต้องปฏิเสธแม่พระด้วย เพราะแม่พระคือศัตรูที่สำคัญของเรา ดูซิว่ามีวิญญาณเป็นจำนวนมากมายเพียงไรที่พระนางแย่งไปจากเมืองของเรา และนำกลับไปหาพระเป็นเจ้า?” แต่ชายหนุ่มตอบว่า “ข้าไม่ยอมเด็ดขาดข้าจะไม่ยอมปฏิเสธแม่พระเป็นอันขาด พระนางคือมารดา ชีวิตและความหวังของข้า ข้าจะยอมมีชีวิตเป็นขอทาน่ต่อไปดีกว่า” พูดแล้วเขาก็วิ่งออกไปจากที่นั้น

            ในระหว่างที่เขาเดินทางต่อไปนั้น เขาเผอิญผ่านไปที่หน้าวัดแห่งหนี่งซึ่งเป็นวัดที่ถวายให้แก่แม่พระ เขาจึงเข้าไปคุกเข่าต่อหน้ารูปแม่พระ หัวใจปั่นป่วนและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาวอนขอแม่พระให้ช่วยวิงวอนเพื่อเขา

            ในทันใดนั้นแม่พระก็ปรากฏและมาเริ่มสวดให้เขา ครั้งแรกพระบุตรของพระนางกล่าวว่า “แต่พระแม่เจ้า คนอกตัญญูนี้ได้ปฏิเสธลูก” แม่พระก็ยังคงสวดต่อไป ในที่สุดพระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระแม่เจ้า ลูกไม่เคยปฏิเสธอะไรแก่พระแม่เลย เอาละ ลูกจะยกโทษให้เขา เพราะพระแม่ขอไว้อย่างนั้น”

            บุรุษที่เข้ามาครอบครองสมบัติของชายหนุ่มนั้น เผอิญไปเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเข้า เมื่อเห็นว่าความเมตตาของแม่พระช่างเป็นที่น่าจับใจถึงเพียงนี้ เขายกธิดาของเขาให้แต่งงานกับชายหนุ่มนั้นและตั้งให้ทั้งสองเป็นผู้สืบมรดกของเขา ดังนี้แหละ แม่พระจึงเป็นสาเหตุให้เขาได้ตั้งตัวใหม่ฝ่ายกายและวิญญาณ

- บทภาวนา -

            วิญญาณข้าเอ๋ย ลองคิดดูซิว่า การที่พระเยซูเจ้าทรงดลใจให้เรามีความไว้ใจในพระมารดาของพระองค์นั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งความรอดและชีวิตนิรันดรอันแน่นอนเพียงไร? เพราะความผิดของเจ้าในเวลาที่ล่วงมาแล้ว เจ้าได้ทำให้พระองค์ไม่พอพระทัย ทำให้ตัวเองสมแล้วที่จะไปฝังอยู่ในขุมนรก ฉะนั้นจงโมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระที่ได้มาเป็นผู้คุ้มครองเจ้า

            ถูกแล้ว พระแม่เจ้าข้า ลูกขอโมทนาคุณพระแม่สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระแม่ได้กระทำให้แก่ลูก ลูกสำนึกตัวแล้วว่าสมควรที่ต้องไปอยู่ในนรก พระแม่ได้โปรดให้ลูกพ้นภัยอันตรายอย่างมากเพียงไรมาแล้ว? มีความในจิตใจและพระหรรษทานมากมายเพียงไรที่พระแม่ได้วอนขอพระเป็นเจ้าให้แก่ลูก? และแล้วลูกได้ให้เกียรติอะไรแก่พระแม่บ้าง?

            คุณความดีของพระแม่เท่านั้นที่นำพาลูกมาถึงแค่นี้ แม้ว่าลูกจะสละโลหิตและพลีชีวิตเพื่อพระแม่ ลูกก็จะทำการใช้หนี้ให้แก่พระแม่ได้แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในการที่พระแม่ได้โปรดให้ลูกรอดจากความตายชั่วนิรันดร พระแม่ได้ช่วยให้ลูกได้พบพระหรรษทานอีกครั้งหนึ่ง ทุกสิ่งที่อยู่ในตัวลูกและเป็นเป็นของลูก ลูกเป็นหนี้พระแม่

            พระมารดาอ่อนหวานยิ่ง เพราะลูกเป็นผู้ที่มีความอกตัญญูลูกไม่อาจจะทำอะไรให้แก่พระแม่ได้นอกจากจะรักและสรรเสริญพระแม่ต่อไป โปรดอย่าได้หันหน้าไปจากความรักของลูกคนหนึ่งซึ่งกำลังเปี่ยมล้มไปด้วความกตัญญูในคุณความดีของพระแม่ ถ้าดวงใจของลูกไม่อาจจะรักพระแม่ให้มากเท่าที่พระแม่ควรจะได้รับ เพราะความไม่บริสุทธ์หรือเพราะความติดใจในสิ่งฝ่ายโลก ก็ขอให้พระแม่ทำความสะอาดและเปลี่ยนแปลงวิญญาณนี้ โปรดให้ลูกชิดสนิทกับพระบุตรของพระแม่ และผูกมัดลูกไว้กับพระองค์จนกระทั่งลูกไม่อาจจะถอนตัวออกไปจากพระองค์ได้ พระแม่ขอให้ลูกรักพระเป็นเจ้า จึงเป็นหน้าที่ของพระแม่ที่จะวอนขอพระหรรษทานให้แก่ลูกรักพระองค์ โปรดให้ลูกรักพระองค์แต่ผู้เดียวและเสมอไปเถิด อาแมน

นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าว ในเมื่อชายและหญิงช่วยกันในการก่อความพินาศให้แก่เรา จึงเป็นการเหมาะสมที่ชายและหญิงคือพระเยซูเจ้าและพระมารดาของพระองค์จะร่วมกันในการไถ่บาปของเรา ท่านนักบุญกล่าวว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นก็พอเพียงแล้วในการที่จะไถ่บาปมนุษย์ แต่เป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่ทั้งสองเพศจะร่วมมือกันซ่อมแซมความพินาศซึ่งทั้งสองเพศได้เป็นผู้ก่อ” ดังนั้น นักบุญอัลแบร์โต มักโน จึงเรียกแม่พระไว้อย่างเพราะพริ้งว่า “ผู้ร่วมมือในการไถ่บาป” แม่พระเองเป็นผู้ไขแสดงแก่นักบุญบริยิดว่า อาดัมและเอวาได้ขายโลกทั้งโลกเพื่อผลไม้เพียงผลเดียว ในทำนองเดียวกันพระมารดาและพระบุตรของพระนางก็ได้ไถ่โลกด้วยดวงใจดวงเดียว นักบุญอันแซลโมกล่าวว่า พระเป็นเจ้าอาจจะสร้างโลกจากความว่างเปล่าได้ แต่เมื่อโลกได้พินาศไปเพราะบาป พระองค์ไม่ทรงปราถนาที่จะช่วยเหลือโลกโดยปราศจากความร่วมมือของแม่พระ “พระองค์ผู้สามารถทำทุกสิ่งจากความว่างเปล่า ไม่ทรงปราถนาที่จะซ่อมแซมโลกที่ชำรุดเสียหายโดยปราศจากแม่พระ”

            คุณพ่อซูอาเรสอธิบายว่า แม่พระมีส่วนร่วมในการไถ่บาปของเราสามทางด้วยกันคือ ทางแรกโดยการทำตัวของพระนางให้เหมาะสมที่จะให้พระวจนาถทรงรับเอากาย ทางที่สองโดยการสวดให้แก่เราเสมอไปในขณะที่พระนางมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทางที่สามโดยการถวายชีวิตแห่งพระบุตรของพระนางด้วยความเต็มใจแด่พระเป็นเจ้าเพื่อความรอดของเรา ด้วยเหตุนี้เอง พระเป็นเจ้าจึงได้ทรงกำหนดไว้ว่า มนุษย์ทุกคนจะได้รับความรอดของตน โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนของแม่พระ ในเมื่อพระนางได้ร่วมมือด้วยความรักอันมากมายในความรอดของมนุษย์ และในขณะเดียวกันพระนางก็ได้ประทานสิริมงคลเป็นอันมากแด่พระเป็นเจ้า

            แม่พระได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมมือในการทำให้เราได้รับพระหรรษทาน เพราะพระเป็นเจ้าได้ทรงมอบพระหรรษทานทั้งสิ้นที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้แก่เราไว้ในมือของพระนาง ดังนั้นนักบุญเบอร์นาร์โดจึงกล่าวว่า มนุษย์ทั้งหมดไม่ว่าในอดีต ในปัจจุบันหรือในอนาคต จะต้องเห็นแม่พระเป็นหนทางและผู้ไกล่เกลี่ยแห่งความรอดของเขา

            พระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า ไม่มีผู้ใดจะพบพระองค์ได้นอกจากพระบิดานิรันดรจะทรงชักจูงเขาโดยอาศัยพระหรรษทานเสียก่อน “ไม่มีผู้ใดที่จะมาถึงเราได้ หากพระบิดาผู้ส่งเรามามิได้ทรงชักจูงเขาเสียก่อน ตามความคิดเห็นของริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอพระเยซูเจ้าตรัสแก่พระมารดาว่า “ไม่มีใครที่จะมาถึงเราได้ถ้าพระมารดาของเรามิได้ชักจูงเขา ด้วยการภาวนาของพระนาง พระเยซูเจ้าเป็นผลแห่งอุทรของแม่พระ “ผู้มีบุญกว่าหญิงใด ๆ และพระโอรสของท่านทรงบุญนัหนา” ผู้ใดต้องการผลไม้ก็ต้องเดินเข้าไปไกล้ ๆ ต้น ผู้ใดที่ต้องการพระเยซูเจ้าก็ต้องไปหาแม่พระ และผู้ใดที่พบแม่พระก็จะได้พบพระเยซูเจ้าอย่างแน่นอน

            เมื่อนักบุญเอลีซาแบ้ทเห็นแม่พระมาเยี่ยม นางไม่ทราบว่าจะขอบคุณพระนางได้อย่างไร นางกล่าวด้วยความสภาพอย่างแท้จริงว่า “เหตุไฉนข้าพเจ้าจึงได้มีเกียรติให้มารดาพระสวามีเจ้ามาเยี่ยม?” ทำไมนักบุญเอลีซาแบ้ทจึงกล่าวเช่นนั้น? แม่พระนางคงจะทราบว่ามิใช่เท่านั้นที่มาเยี่ยมนาง นางคงจะรู้แน่ว่า พระเยซูได้เสด็จมาเยี่ยมนางในบ้านด้วยเหมือนกัน ทำไมนางจึงคิดว่าตัวไม่เหมาะสมที่จะต้องรับแม่พระ แทนที่จะคิดว่านางไม่สมที่จะให้พระบุตรของพระนางมาเยี่ยมนางจนถึงบ้าน เหตุผลก็คือ เอลีซาแบ้ทรู้แน่ว่า เมื่อ แม่พระมาพระนางก็ต้องนำพระเยซูเจ้ามาด้วยอย่างแน่นอน ฉะนั้นนางจึงแน่ใจว่าการขอบคุณแม่พระโดยมิได้เอ่ยถึงพระบุตรของพระนางนั้นก็คงจะเพียงพออยู่แล้ว

            “นางเปรียบเหมือนเรือสินค้า ซึ่งนำปังมาแต่ทางไกล” แม่พระคือเรือลำนี้ซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมาจากสวรรค์ พระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นปังทรงชีวิตที่เสด็จมาจากสวรรค์ เพื่อประทานชีวิตนิรันดร “เราคือปังทรงชีวิตที่มาจากสวรรค์ ผู้ใดรับเรา ผู้นั้นจะมีชีวิตนิรันดร” ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอกล่าวว่า ในทะเลแห่งโลกนี้มีผู้ที่ได้ถูกนำตัวขึ้นไปยังเรือนี้ จะจมน้ำทุกคน กล่าวคือ ทุกคนที่ไม่มีแม่พระเป็นผู้คุ้มครองจะประสบความพินาศ ดังนั้นท่านจึงเสริมว่า เมื่อเราเห็นว่าลูกคลื่นทะเลกำลังขึ้นสูง เราต้องเรียกหาแม่พระว่า “ข้าแต่พระนางเจ้า จงช่วยเราเถิด มิฉะนั้นเราจะจมน้ำตาย” เมื่อเราพบว่าเราอยู่ในระหว่างอันตรายเพราะการประจญล่อลวงหรือราคตัณหาแห่งชีวิตนี้  เราต้องรีบวิ่งไปหาแม่พระและร้องว่า “เร็วเถิดพระแม่เจ้ารีบมาช่วยเรา ช่วยเราเถิด ถ้าพระแม่ไม่อยากจะเห็นเราพบความพินาศ”

            เราจงสังเกตว่า ท่านผู้เขียนกล่าวว่า “พระแม่เจ้าช่วยเราเถิด มิฉะนั้นเราจะจมน้ำตาย” ท่านมิได้กล่าวถึงคำโต้แย้งของนักเขียนบางคนซึ่งเราได้กล่าวถึงแล้ว ซึ่งห้ามมิให้เราขอร้องให้แม่พระช่วยเราให้รอด ที่นักเขียนคนนั้นเขาห้ามก็เพราะเขาบอกว่า การช่วยให้เรารอดนั้นเป็นหน้าที่ของพระเป็นเจ้าแต่พระองค์เดียว สมมติว่าชายผู้หนึ่งถูกตัดสินประหารชีวิต เขาจะวแนขอชีวิตของเขาโดยผ่านเพื่อนคนหนึ่งของกษัตริย์ ผู้จะช่วยเสนอวิงวอนให้แก่เขามิได้หรือ? ทำไมเราจึงขอให้แม่”พระช่วยอ้อนวอนให้แก่เรา และนำเอาชีวิตนิรันดรจากพระเป็นเจ้ามาหแก่เราไม่ได้? นักบุญยวง ดามาซีนไม่รู้สึกกลัวเลยที่จะกล่าวแก่แม่พระว่า “ข้าแต่ราชินีผู้บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน โปรดช่วยให้ลูกรอดพ้นจากโทษนิรันดรเถิด” นักบุญโบนาเวนตูราเรียกแม่พระว่า “ความรอดของผู้ที่เรียกหาแม่พระว่า “ความรอดของผู้ที่เรียกหาแม่พระ” พระศาสนจักรสนับสนุนให้เราเรียกหาพระนางว่า “สุขภาพของคนไข้” ดังนั้นเราจะเกรงใจไม่ยอมขอให้พระนางช่วยให้เราเอาตัวรอดหรือ? ในเมื่อนักเขียนผู้หนึ่งกล่าวว่า “หนทางเข้าสู่ความรอดนั้นเปิดให้แก่พระนางเท่านั้น” และก่อนหน้านี้นักบุญเยอร์มานูสได้เรียกแม่พระในทำนองเดียวกัน “ไม่มีผู้ใดที่จะได้รับความรอดโดยมิได้ผ่านพระแม่”

            แต่ให้เราหันกลับไปดูซิว่า บรรดานักบุญต่าง ๆ ได้กล่าวไว้อย่างไรบ้างในเรื่องที่เกี่ยวกับความจำเป็นของคำเสนอวิงวอนของแม่พระ นักบุญคายีตันผู้รุ่งเรืองมักจะกล่าวว่า เราอาจจะแสวงหาพระหรรษทานอยู่จนแล้วจนเล่า แต่เราก็ไม่อาจพบพระหรรษทานนั้นได้ถ้าไม่มีแม่พระเป็นผู้เสนอวิงวอน นักบุญอันโตนีเห็น้ดวยกันกับท่าน ท่านกล่าวว่า “ผู้ที่พยายามแสวงหาพระหรรษทาน

โดยปราศจากแม่พระก็คือผู้ที่พยายามบินโดยไม่มีปีก” กษัตริย์ฟาโรกล่าวแก่โยแซฟว่า “ประเทศอียิปต์อยู่ในความดูแลของท่าน” แล้วพระองค์ก็ส่งทุกคนที่มาขอความช่วยเหลือไปหาโยแซฟพลางกล่าวว่า “จงไปหาโยแซฟ”ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราวอนขอพระหรรษทานจากพระเป็นเจ้าพระองค์ก็ตรัสว่า “จงไปหาพระนางมารีอา” เพราะตามความเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด พระเป็นเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ว่าพระองค์จะไม่ประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยมิได้ผ่านมือของแม่พระ เหตุนี้แหละริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงกล่าวว่า “ความรอดของเราอยู่ในมือของแม่พระ” และอาจจะพูดกับแม่พระด้วยความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าที่ชาวอียิปต์พูดแก่โยแซฟว่า “ท่านได้โปรดให้เรามีชีวิตอยู่”บุญราศีเรมุนโด ยอร์ดาโนสอนเรื่องเดียวกันและคาสเซียนกล่าวมากไปกว่านั้นเสียอีก ท่านกล่าวว่า ความรอดของมนุษย์ทุกคนนั้นขึ้นอยู่กับการที่เขาได้รับความช่วยเหลือและความคุ้มครองจากแม่พระผู้นั้นจะได้รับความรอด และผู้ที่มิได้รับความคุ้มครองจากพระนางก็จะสูญเสียวิญญาณของตน นักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนากล่าวแก่แม่พระว่า “พระแม่คือผู้แจกจ่ายพระหรรษทานทุกประการ ความรอดของเราอยู่ในมือของพระแม่”

            ดังนั้นริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงพูดถูกแล้ว เมื่อท่านกล่าวว่า ก้อนหินนั้นเมื่อพื้นที่ที่รองรับมันไว้ถูกเคลื่อนไป มันก็ต้องตก ฉันใดก็ฉันนั้น วิญญาณที่ไม่มีความช่วยเหลือจากแม่พระ ก็จะตกลงไปในบาปก่อน แล้วก็ตกไปในนรก นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า พระเป็นเจ้าจะไม่ประทานความรอดให้แก่เราโดยปราศจากคำเสนอวิงวอนของแม่พระ “ทารกมิอาจจะมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากนางพยาบาล ซึ่งคอยดูแลฉันใด เราก็ไม่อาจจะเอาตัวรอดได้โดยปราศจากความช่วยเหลือช่วยเหลือจากแม่พระ ฉันนั้น ดังนั้นท่านจึงเร้าใจเราให้หิวกระหายที่จะแสวงหาความศรัทธาต่อแม่พระ รักษาความศรัทธานี้ไว้อย่างทนุถนอม และไม่ละทิ้งเสียจนกว่าเราจะได้รับพรมารดาจากพระแม่ในเมืองสวรรค์

            นักบุญเยอร์มานู้สอุทานออกมาว่า “แล้วใครเล่าจะได้รับความรอด? ใครจะพ้นจากบาป? ใครเล่าจะได้รับพระหรรษทานใด ๆ ถ้ามิใช่เพราะพระแม่? โอ้พระมารดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยหรรษทานของพระเป็นเจ้า” จงฟังคำอันเพราะพริ้งของท่านเอง “ข้าแต่พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีผูใดเลยที่จะเรียนรู้ถึงพระเป็นเจ้านอกจากจะอาศัยพระแม่ ไม่มีใครเอาวิญญาณรอดได้ถ้าพระแม่ไม่ช่วย ไม่มีผู้ใดพ้นจากอันตรายนอกเสียจากว่า พระแม่จะปกป้อง ไม่มีผู้ใดที่จะรับพระราชทานใด ๆ จากพระเป็นเจ้า ถ้าหากไม่มีพระแม่ โอ้พระมารดาผู้เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน” อีกแห่งหนึ่งท่านนักบุญเยอร์มานู้สกล่าวแก่แม่พระว่า “ไม่มีผู้ใดที่จะพ้นจากการกัดแทะของเนื้อนหนัง ถ้าพระแม่ไม่ช่วยให้เขาทำได้”

            นักบุญเบอร์นาร์โดบอกเราว่า ในเมื่อเราจะเข้าไปถึงพระบิดานิรันดรไม่ได้โดยมิได้ผ่านพระเยซูเจ้าเสียก่อน ในทำนองเดียวกันเราก็ไม่อาจจะเข้าไปถึงพระเยซูเจ้าโดยมิได้ผ่านแม่พระ นี่เหตุผลที่ท่านได้ให้ไว้ในการที่พระเป็นเจ้าทรงกำหนดให้เราได้รับความรอดโดยอาศัยคำเสนอวิงวอนแม่พระ โดยอาศัยพระแม่เราอาจจะเข้าถึงพระบุตรได้ ข้าแต่พระแม่ผู้มีบุญได้พบพระหรรษทาน ข้าแต่พระมารดาทรงชีวิตโดยอาศัยพระแม่เราจะได้รับพระองค์ซึ่งเราได้รับโดยผ่านพระแม่ ดังนั้นท่านจึงเรียกแม่พระว่า มารดาแห่งพระหรรษทานและความรอดของเรา นักบุญเยอร์มานูสถามว่า “เราจะเป็นอย่างไรไปบ้างและความหวังในความรอดอะไรจะมีเหลืออยู่ในตัวเราอีกหรือ ข้าแต่พระแม่มารีอา ถ้าพระแม่ผู้เป็นชีวิตของคริสตังค์จะละทิ้งเรา?”

            นักเขียนสมัยใหม่ที่เราได้กล่าวถึงมาแล้วนั้น ให้เหตุผลอันโง่เขลาเบาปัญญาว่า ถ้าพระหรรษทานทั้งปวงมาถึงเราโดยผ่านแม่พระ ดังนั้นแล้วบรรดานักบุญทั้งหลายมิต้องเข้าหาแม่พระเพื่อจะได้รับพระหรรษทานเมื่อเราวอนขอให้ท่านช่วยหรือ? นักเขียนผู้นี้เขาบอกว่า ไม่มีใครเลยที่จะฝันถึงเรื่องเช่นนี้ และคงจะไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน สำหรับการเชื่อนั้น ข้าพเจ้าขอตอบว่าไม่เป็นสิ่งที่ลำบากเลย ในเมื่อพระเป็นเจ้าทรงตั้งให้แม่พระเป็นราชินีแห่งนักบุญทั้งหลาย และในเมื่อพระองค์ทรงปราถนาให้นักบุญอื่น ๆ หันไปหาพระนางเพื่อจะได้รับพระหรรษทานที่ท่านต้องการ เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่แม่พระ ส่วนเรื่องที่ว่า คงจะไม่มีใครนึกฝันที่จะพูดถึงเรื่องนี้นั้น ข้าพเจ้าขอตอบว่าข้าพเจ้าได้อ่านพบว่า นักบุญเบอร์นาร์โดนักบุญอันแซลโม นักบุญโบนาเวนตูรา ร่วมกับคุณพ่อซูอาเรส และอีกหลายท่านที่สอนเรื่องนี้อย่างชัด แจ้ง นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “ผู้ที่สวดขอนักบุญอื่น ๆ สวดไปเสียเวลาเปล่า ๆ ถ้าแม่พระมิได้ช่วยเหลือ”ในทำนองเดียวกัน นักเขียนผู้หนึ่งได้อธิบายคำในพระคัมภีร์ที่ว่า “พวกคนรวยในบรรดาประชาชนเข้ามาหาความช่วยเหลือจากท่าน” คนร่ำรวยในบรรดาประชาชนก็คือบรรดานักบุญ และเมื่อท่านต้องการจะได้รับความช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อผู้ที่มีความศรัทธาต่อท่าน ท่านก็จะหันไปหาแม่พระ และแม่พระจะเป็นผู้ที่วอนขอพระหรรษทานนั้น ๆ ให้ คุณพ่อซูอาเรสกล่าวไว้อย่างเฉลียวฉลาดว่า “ในระหว่างนักบุญต่าง ๆ นั้นเราไม่วอนขอให้นักบุญองค์หนึ่งช่วยวิงวอนนักบุญอีกองค์หนึ่ง เพราะทุกคนมีระดับเท่า ๆ กันแต่เราขอให้ท่านวอนขอกับแม่พระ เพราะพระนางคือราชินีผู้ยิ่งใหญ่ของท่าน นี่คือสิ่งที่นักบุญเบเนดิกโตสัญญาแก่นักบุญฟรันเซสแห่งโรมา ตามที่เราอ่านพบในหนังสืของคุณพ่อ มาร์เชส นักบุญเบเนดิดโตได้ปรากฏตัวแก่นักบุญฟรันเซส และสัญญาว่าจะปกป้องเธอและจะเป็นผู้เสนอวิงวอนกับแม่พระให้แก่เธอ

            ข้าพเจ้าอาจจะนำคำของนักบุญอันแซลมาใช้เพื่อพิศูจน์ความคิดเห็นข้อนี้ก็ได้ ท่านกล่าวว่า “สิ่งที่บรรดานักบุญอาจจะทำได้เมื่อท่านร่วมมือกับพระแม่นั้น พระแม่อาจจะทำได้โดยลำพังไม่ต้องอาศัยนักบุญเหล่านั้น แล้วท่านถามว่า “ทำมัยจึงเป็นเช่นนี้เล่า? ทำไมพระแม่จึงมีอำนาจเช่นนี้? เพราะพระแม่คือมารดาพระมหาไถ่นั่นเอง  พระแม่คือเจ้าสาวของพระเป้นเจ้า ราชินีแห่งสวรรค์และแผ่นดิน ถ้าพระแม่ไม่เป็นผู้เสนอให้แก่เราแล้ว บรรดานักบุญทั้งหลายก็จะไม่อ้อนวอนให้แก่เราหรือช่วยเหลือเรา แต่ถ้าพระแม่อ้อนวอนให้เรา นักบุญทั้งหลายก็จะทำเช่นเดียวกัน

            คุณพ่อเซ็กเนรีกล่าวในทำนองเดียวกันในหนังสือของท่านซึ่งมีชื่อว่า “ผู้รับใช้ที่ศรัทธาในแม่พระ” ท่านเอาคำของพระคัมภีร์มาใช้กับแม่พระเช่นเดียวกับพระศาสนจักรว่า “เราล้อมรอบขอบฟ้าแต่ลำพัง” การเคลื่อนรากฐานทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างบนฐานนั้นเคลื่อน ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราทำให้แม่พระวิงวอนเพื่อผู้ใดผู้หนึ่ง พระนางก็จะทำให้ทุกคนในสวรรค์ร่วมกันวิงวอนพร้อมกับพระนาง ที่จริงนักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า เมื่อแม่พระไปวิงวอนพระเป็นเจ้าให้เรา ในฐานะที่พระนางเป็นราชินี พระนางก็บังคับให้เทวดาและนักบุญร่วมวิงวอนกับพระนางด้วย

            บัดนี้เราคงจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมพระศาสนจักรจึงบังคับให้เราสรรเสริญแม่พระว่า “เป็นความหวังของเรา” มาร์ติน ลูเทอร์ไม่อาจจะทนได้เมื่อเห็นว่าพระศาสนจักรคาทอลิกเรียกแม่พระว่า ความหวังของเรา แม้ว่าแม่พระจะเป็นเพียงมนุษย์เท่านั้นเอง เขากล่าวว่า พระเป็นเจ้าและพระเยซูเจ้าเท่านั้น ที่เป็นความหวังของเราเขาเสริมว่าพระเป็นเจ้าทรงสาปแช่งทุกคนที่ไว้วางใจมนุษย์ และนำคำของผู้ทำนายเยเรมีอามาพิศูจน์ เยเรมีอากล่าวว่า “มนุษย์ที่ไว้ใจในมนุษย์นั้นจะถูกสาปแช่ง

            แต่พระศาสนจักรสอนให้เราเรียกหาแม่พระเสมอไป และไม่ต้องเกรงกลัวที่จะเรียกพระนางว่า “ความหวังของเรา” ใครก็ตามที่ไว้ใจในมนุษย์โดยมิได้ขึ้นกับพระเป็นเจ้านั่นแหละ จะทำให้พระองค์ไม่พอพระทัยอย่างแน่นอน พระเป็นเจ้าคือบ่อเกิดและผู้แจกจ่ายคุณความดีทุกประการ ถ้าปราศจากพระองค์เสียแล้วมนุษย์เราก็จะไม่มีอะไรและไม่สามารถจะให้อะไรแก่ผู้อื่นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าพระเป็นเจ้าทรงจัดให้พระหรรษทานทั้งสิ้นผ่านแม่พระ คล้ายกับท่อธารแห่งความเมตตา ดังที่เราได้พิศูจน์ให้เห็นแล้ว เราก็สามารถและที่จริงเราต้องบอกว่า แม่พระเป็นความหวังของเรา เพราะเราได้รับพระหรรษทานก็โดยอาศัยพระนางนั่นเอง

            นี่แหละคือเหตุผลที่นักบุญเบอร์นาร์โดเรียกพระแม่ว่าเป็นรากฐานแห่งความหวังของท่าน และนักบุญยวงดามาซีนกล่าวว่า “โอ้พระนางเจ้า ลูกได้มอบความหวังทั้งสิ้นไว้ในพระแม่ ลูกหวังในความรอดนิรันดรในขณะที่ลูกเพ่งดูพระแม่ “ นักบุญดทมัสประกาศว่า แม่พระคือความหวังทั้งสิ้นแห่งความรอดของท่าน ในหนังสือเล่มหนึ่งที่ท่านได้เขียนไว้ นักบุญเอเฟรมกล่าวว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอา ถ้าพระแม่ต้องการให้เรารอด พระแม่ก็ต้องคุ้มครองเรา เพราะเราไม่มีความหวังที่จะเอาตัวรอดโดยอาศัยผู้ใดอีกนอกไปจากพระแม่”

            ขอให้เราสรุปความด้วยคำของนักบุญเบอร์นาร์โดว่า “เราจงให้เกียรติแก่แม่พระด้วยสิ้นสุดดวงใจของเรา เพราะนี่คือน้ำพระทัยของพระองค์ผู้ทรงปราถนาให้เราได้รับทุกสิ่งทุกอย่างโดยผ่านพระนาง” ท่านเร้าใจเราให้เสนอตัวเราเองแก่แม่พระ ด้วยความหวังที่จะได้รับทุกสิ่งที่เราปราถนาจากพระนาง “เราจงแสวงหาพระหรรษทานและแสวงหาโดยอาศัยแม่พระ” นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า แม้ว่าท่านจะไม่สมควรที่จะได้รับพระหรรษทานที่ท่านขอไว้ แม่พระเองจะเป็นผู้วอนขอให้ท่านมีความเหมาะสม แล้วท่านเสริมว่า ในทำนองเดียวกัน สิ่งใดก็ตามที่ท่านถวายแด่พระเป็นเจ้า เช่น กิจศรัทธาหรือการภาวนา จงถวายผ่านแม่พระเถิดถ้าท่านต้องการให้พระเยซูเจ้าทรงรับคำภาวนาหรือกิจการนั้น ๆ

-  ตัวอย่าง -

            เรื่อง เทโอพีลูส อัยกาแห่งคอนแสตนตีโนเปิล ซึ่งยูทีเกียนผู้ได้ประสบการณ์เป็นผู้เขียนไว้นั้น  เป็นที่ล่วงรู้กันดีคุณพ่อคราเซ้ทกล่าวว่า เรื่องนี้ นักบุญเปโตรดามีอาโน นักบุญเบอร์นาร์โด นักบุญโบนาเวนตูรา นักบุญอันโตนีโนและท่านผู้อื่นอีกเป็นจำนวนมากรับว่าเป็นความจริง

            เทโอพีลูสเป็นอัครอนุสงฆ์ที่วัดในเมืองอาดานา ซึ่งอยู่ในแคว้นซีลีซีอา ทุกคนเคารพนับถือท่านมาก จนกระทั่งชาวเมืองต้องการให้ท่านเป็นสังฆราชของตน แต่เพราะความถ่อมตัวท่านปฏิเสธไม่ยอมรับหน้าที่นั้น ต่อมามีคนชั่วช้าบางคนกล่าวหาว่าท่านทำผิดอย่างหนัก ผลก็คือท่านถูกปลดออกจากตำแหน่งหน้าที่ ท่านรู้สึกขมขื่นมาก จิตใจมืดบอดด้วยอำนาจโทษะ ท่านก็ไปแสวงหาหมอผีชาวยิวและขอให้เขาช่วยให้ท่านติดต่อกับผีปีศาจ ปีศาจกล่าวว่า ถ้าเทโอพีลูสต้องการความช่วยเหลือ ท่านจะต้องปฏิเสธพระเยซูเจ้าและพระมารดาของพระองค์ เขียนคำปฏิเสธนี้เป็นลายลักษณ์อักษร และลงชื่อด้วยมือท่านเอง แล้วส่งใบเอกสารนี้ให้แก่เจ้าปีศาจ เทโอพีลูสก็เขียนและเซ็นชื่อในเอกสารอันน่าบัดสีนั้น

            ในวันรุ่งขึ้นท่านสังฆราชสำนึกตัวว่าท่านได้ทำผิดต่อเทโอพีลูสก็ขออภัยจากท่านและโปรดให้ท่านดำรงตำแหน่งอย่างเดิม เทโอพีลูสกูกมโนธรรมติเตียนอย่างสาหัสเพราะบาปชั่วช้าที่ตนได้กระทำไป และเกือบจะหมดหวัง ท่านไปที่วัดแห่งหนึ่งแล้วกราบลงแทบรูปของแม่พระ ท่านผสมน้ำตากับคำภาวนาของท่านพลางกล่าวว่า “ข้าแต่พระมารดาพระเป็นเจ้า ลูกไม่อยากที่จะหมดหวังตราบใดที่ลูกยังมีพระแม่ผู้เปี่ยมด้วยเมตตายิ่งนัก และสามารถที่จะช่วยลูกได้” ท่านร้องไห้และภาวนาวอนขอแม่พระต่อไปเป็นเวลาสี่สิบวัน

            คืนหนึงแม่ปรากฏตัวมาแก่ท่านพลางกล่าวว่า “เทโอพีลูส  เจ้าได้ทำอะไรไป? เจ้าได้ปฏิเสธมิตรภาพของเราและของพระบุตรของเรา? และของเจ้า” เทโอพีลูสตอบว่า “ข้าแต่พระนางเจ้า พระแม่จะต้องให้อภัยลูกและขออภัยโทษจากพระบุตรของพระแม่ให้ลูกด้วย” แม่พระเห็นความไว้ใจอันยิ่งใหญ่ของท่านและกล่าวแก่ท่านว่า “เอาเถิดเราจะอ้อนวอนพระเป็นเจ้าให้เจ้า” เทโอพีลลูสได้รับกำลังใจมากขึ้นจึงเพิ่มน้ำตาแห่งความทุกข์ เพิ่มการทรมานตนและการภาวนา และกราบอยู่แทบรูปแม่พระ

            ต่อมาอีกไม่นานแม่พระก็ปรากฏตัวมาแก่เขาอีกครั้งหนึ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และกล่าวแก่เขาว่า “เทโอพีลูส เราได้นำเอาน้ำตาและคำภาวนาของเจ้าไปเสนอแด่รพระเป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงรับไว้แล้วและได้ให้อภัยโทษแก่เจ้า ตั้งแต่นี้ไปจงมีความซื่อสัตย์และกตัญญู เทโอพีลูสกล่าวว่า “ข้าแต่พระนางเจ้า เท่านี้ยังไม่พอที่จะปลอบใจลูกโดยสิ้นเชิง เจ้าปีศาจมันยังเก็บใบเอกสารน่าอัปยศที่ลูกได้เซ็นชื่อปฏิเสธพระแม่และพระบุตรของพระแม่ไว้ พระแม่เท่านั้นจะนำเอามาให้ลูกได้” เช้าวันหนึ่ง เทโอพีลูสตื่นขึ้นและพบเอกสารนั้นวางอยู่บนหน้าเอกสารของท่าน

            วันรุ่งขึ้น ในขณะที่สังฆราชและคนเป็นจำนวนมากรวมกันอยู่ในวัด เทโอพีลูสเข้าไปกราบแทบเท้าของสังฆราช ท่านเล่าเรื่องให้สังฆราชฟังทุกอย่างตามที่เกิดขึ้น และนำเอาเอกสารปีศาจนั้นคืนให้แก่ท่านสังฆราช สังฆราชก็สั่งให้เอาใบเอกสารนั้นมาเผาต่อหน้าทุก ๆ คน ผู้คนพากันสรรเสริญคุณความดีของพระเป็นเจ้า และความเมตตาที่แม่พระได้แสดงต่อคนบาปคนนี้ แล้วเทโอพีลูสก็กลับไปที่วัดของแม่พระ ต่อมาอีกสามวันท่านก็สิ้นใจตายด้วยความชื่นชมยินดีและถวายโมทนาคุณแด่พระเยซูเจ้าและพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

-  บทภาวนา -

            ข้าแต่พระราชินีและมารดาแก่งความเมตตาผู้ประทานพระหรรษทานแก่ทุกคนที่วอนขอด้วยความใจกว้างขวาง ในฐานะที่พระแม่เป็นราชินีของเราและเปี่ยมด้วยความรักอันมากมาย ในฐานะที่แม่พระเป็นมารดาของเรา วันนี้ลูกเข้ามาหาพระแม่ ลูกอยากจนเข็ญใจในบุญกุศลต่าง ๆ และเป็นหนี้พระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าอย่างมากมาย แต่พระแม่ถือไว้ซึ่งกุญแจแห่งความเมตตาของพระเป็นเจ้า โปรดมองดูสภาพอันน่าเวทนาของลูกเถิด อย่าละทิ้งลูกให้อยู่ในสภาพอันน่าสมเพชนี้เลย พระแม่มีใจกว้างขวางต่อทุก ๆ คน และประทานเกินกว่าที่เขาจะขอเสียอีก โปรดมีใจกว้างขวางเช่นนี้กับลูกบ้างก็แม่คุ้มครองลูกแล้ว ลูกก็จะไม่กลัวสิ่งใด ไม่กลัวบาปของลูก เพราะว่าพระแม่เพียงแต่เอ่ยคำเดียว พระเป็นเจ้าก็จะอภัยโทษให้แก่ลูกโดยสิ้นเชิง ลูกไม่กลัวพระพิโรธของพระเป็นเจ้า เพราะคำภาวนาของพระแม่แต่เพียงคำเดียวเท่านั้นก็พอแล้วที่จะทำให้พระองค์หมดความโกรธเคือง ถ้าพระแม่ปกป้องลูก ลูกก็จะหวังทุกอย่างเพราะพระแม่สามารถวอนขอได้ทกสิ่ง

            ข้าแต่พระมารดาแห่งความเมตตา ลูกรู้ว่าพระแม่ภูมิใจที่จะได้ช่วยผู้ที่ตกทุกได้ยากมากที่สุด และพระแม่จะช่วยเขาตราบใดที่เขาไม่ทำใจแข็งกระด้าง ลูกเป็นคนบาปจริง ๆ และเป็นคนบาปที่ใจแข็งกระด้าง ลูกเป็นคนบาปจริง ๆ และเป็นคนบาปที่ใจแข็งด้วย แต่ลูกอยากจะเปลี่ยนหนทางชีวิตใหม่ พระแม่ช่วยลูกได้ โปรดช่วยและประทานความรอดให้แก่ลูกเถิด วันนี้ลูกขอมอบตนเองโดยสิ้นเชิงไว้ในมือของพระแม่โปรดบอกให้ลูกทราบว่าลูกต้องทำอะไรบ้างเพื่อเป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า ลูกปราถนาจะกระทำสิ่งนั้นด้วยอาศัยความช่วยเหลือของพระแม่ ข้าแต่พระแม่มารีอา ผู้เป็นมารดา ความสว่าง ความชื่นชมยินดี ที่หลบภัยและความหวังของลูก อาแมน

แม่พระคือผู้เสนอที่สามารถช่วยให้ทุกคนรอดได้

          อำนาจของมารดาเหนือบุตรของตนนั้นมีมากมายนัก แม้ว่าบุตรของตนจะเป็นถึงกษัตริย์ผู้มีอำนาจเหนือทุก ๆ คนในราชอาณาจักรแต่ถึงกระนั้นก็ตามมารดาผู้นี้จะกลายเป็นข้าราชบริพารของบุตรนางมิได้

            ถูกแล้ว ในเวลานี้พระเยซูเจ้าทรงสถิตอยู่เหนือสวรรค์ และประทับอยู่เบื้องขวาพระบิดา และมีอำนาจเหนือมนุษย์ทุกคน แม้ในสภาวะมนุษย์ พระองค์มีอำนาจเหนือแม่พระเพราะพระองค์อยู่ร่วมกับพระวจนาถของพระเป็นเจ้า แต่ก็ยังเป็นความจริงที่ว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ยังทรงสถิตอยู่ในโลกนี้ ที่พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะถ่อมพระองค์และขึ้นอยู่กับแม่พระ ตามที่นักบุญลูกาได้บอกให้เราทราบ “แล้วพระองค์ก็อยู่ภายใต้อำนาจท่านทั้งสอง” ตามความคิดเห็นของนักบุญอัมโบรซีโอ เราอาจจะกล่าวต่อไปอีกได้ว่าหลังจากที่พระองค์ได้โปรดให้พระแม่มารีอาเป็นพระมารดาของพระองค์แล้ว พระเยซูคริสตเจ้าทรงถือว่าเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะนบนอบพระนางเพราะพระองค์เป็นบุตรของพระนาง เพราะเหตุนี้แหละ ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงกล่าวว่า เราอาจจะกล่าวว่า บรรดานักบุญต่าง ๆ “อยู่กับพระเป็นเจ้า” แต่สำหรับแม่พระเท่านั้นเราอาจจะกล่าวได้ว่าพระนางไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าเท่านั้น แต่พระเป็นเจ้าพระองค์เองทรงนบนอบพระนาง เราจึงอาจจะพูดได้อย่างไรเหมาะสมว่า พระเป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับพระนาง “พระสวามีเจ้าสถิตกับท่าน” เราบอกว่าพรหมจารีคนอื่น “ติดตามพระชุมพาน้อยไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปไหน” แต่สำหรับแม่พระเท่านั้นเรากล่าวได้ว่า พระชุมพาน้อยติดตามพระนางไม่ว่าพระนางจะไปทางไหน ในเมื่อพระองค์ได้มาเป็นผู้ที่อยู่ใต้ความคุ้มครองของพระนาง

            ในขณะนี้แม่พระอยู่ในสวรรค์ แต่แม้ว่าในขณะนี้พระนางไม่อาจจะออกคำสั่งให้พระบุตรทำตามก็จริง ถึงกระนั้นก็ดี คำภาวนาของพระนางก็ยังเป็นคำภาวนาของมารดาอยู่เสมอนั่นเอง ดังนั้นคำภาวนาของพระนางจึงมีอำนาจพอที่จะได้รับทุกสิ่งที่พระนางวอนขอ นักบุญโบนเวนตูรากล่าวว่า “เมื่อเปรียบกับนักบุญองค์อื่นแล้ว แม่พระมีสิทธิ์ประการนี้คือ พระนางมีอำนาจในการที่จะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระนางวอนขอจากพระบุตร” ทำไมถึงเป็นเช่นนี้เล่า? ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเหตุที่เราเพิ่งกล่าวถึงนั่นเอง และที่เราจะพิจารณากันอีกต่อไปอย่างละเอียด เพราะว่าการวอนขอของพระนางนั้นเป็นการวอนขอของมารดา

            นักบุญเปโตรดามีอาโนจึงกล่าวว่า พระนางพรหมจารี จะทำอะไรก็ได้ตามชอบทั้งในสวรรค์และแผ่นดิน พระนางอาจจะทำให้ผู้ที่หมดหวังมีความหวังขึ้นมาอีกได้ แล้วท่านกล่าวแก่พระนางว่า “พระแม่ได้รับอำนาจทั้งสิ้นทั้งในสวรรค์และแผ่นดิน ไม่มีสิ่งใดที่พระแม่ทำไม่ได้ เพราะพระแม่อาจจะยกผู้ที่ตกอยู่ในความหมดหวังให้กลับมีความหวังที่จะเอาตัวรอด” แล้วท่านเสริมว่า “เมื่อพระมารดาไปแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสตเจ้า (ซึ่งท่านนักบุญเรียกว่าพระแท่นทองแห่งความเมตตา ซึ่งคนบาปอาจจะได้รับอภัยโทษบาปของตน) ให้แก่เรานั้น พระบุตรทรงให้เกียรติสูงแก่คำวิงวอนของพระนางจนกระทั่งในเมื่อพระนางวอนขอนั้น ดูเหมือนว่าพระนางจะออกคำสั่งมากกว่าวิงวอน เหมือนกับว่าพระนางเป็นเจ้านายแทนที่จะเป็นสาวใช้ “ แม่พระได้ให้เกียรติแด่พระเยซูเจ้าอย่างมากมายในชีวิตของพระนาง จนกระทั่งพระองค์ทรงพอพระทัยที่จะให้เกียรติแก่แม่พระเช่นนี้ กล่าวคือการประทานสิ่งที่แม่พระวอนขอหรือปราถนาทันที นักบุญเยร์มานูสได้เสริมข้อความนี้ไว้อย่างเพราะพริ้งว่า “พระแม่คือพระมารดาพระเป็นเจ้า และมีอำนาจมากมายที่จะช่วยให้คนบาปได้รับความรอด พระแม่ไม่ต้องการข้อแนะนำใด ๆ กับพระเป็นเจ้า เพราะพระแม่คือมารดาแห่งชีวิตที่แท้จริง”

            นักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนากล้าพอที่จะกล่าว “เมื่อแม่พระออกคำสั่ง ทุกคนนบนอบแม้กระทั่งพระเป็นเจ้า” ซึ่งหมายความว่า พระเป็นเจ้าทรงประทานสิ่งที่แม่พระวอนขอคล้ายกับเป็นคำสั่ง ดังนั้น นักบุญอันแซลโมจึงกล่าวแก่พระนางว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอาผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระสวามีเจ้าทรงยกย่องพระแม่อย่างสูงส่งจนกระทั่งทุกสิ่งที่เป็นไปได้สำหรับพระองค์ ก็จะเป็นไปได้สำหรับพระแม่ด้วย คอสม้าสแห่งเยรูซาแลมกล่าวว่า “ความคุ้มครองของพระแม่นั้นหาที่สุดมิได้” ถูกแล้ว แม่พระมีอำนาจหาที่สุดมิได้ตามความคิดเห็นของริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอ เพราะตามกฏหมายโดยทั่วไป ราชินีย่อมีอภิสิทธิเช่นเดียวกับกษัตริย์ และในเมื่ออำนาจของบุตรและมารดาย่อมเหมือนกัน พระบุตรที่มีอำนาจหาที่สุดมิได้ย่อมทำให้มารดามีอำนาจหาที่สุดมิได้เช่นเดียวกัน นักบุญอันโตนีโนกล่าวว่า “ดังนั้นพระเป็นเจ้าจึงไม่เพียงแต่จะมอบพระศาสนจักรทั้งหมดไว้ในความคุ้มครองของแม่พระเท่านั้น แต่พระองค์ยังมอบไว้ภายใต้อำนาจของพระนางด้วย

            ในเมื่อมารดาควรจะมีอำนาจเหมือนบุตร พระเยซูเจ้าผู้มีอำนาจหาที่สุดมิได้ก็ได้ทรงโปรดให้แม่พระมีอำนาจอันหาที่สุดมิได้เช่นเดียวกัน แต่แน่ละ ความจริงก็ยังมีอยู่ว่า พระเยซูเจ้าทรงอำนาจหาที่สุดมิได้ เพราะพระสภาวะของพระองค์ แต่แม่พระมีอำนาจอันยิ่งใหญ่โดยอาศัยพระหรรษทานเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ย่อมปรากฏแจ่มชัดในความจริงที่ว่าไม่ว่าพระมารดาจะวอนขออะไร พระบุตรไม่เคยปฏิเสธพระนางเลย นักบุญบริยิดได้รับไขแสดงในความจริงข้อนี้ วันหนึ่งเธอได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสแก่แม่พระว่า “พระแม่ต้องการอะไรก็ขอเถิด เพราะไม่ว่าพระแม่ต้องการสิ่งใด ลูกจะไม่ปฏิเสธพระแม่เลย” คล้ายกับพระองค์จะตรัสว่า “พระแม่ของลูก พระแม่รู้ว่าลูกรักพระแม่เพียงไรฉะนั้นพระแม่จะขออะไรจากลูกก็ได้ทั้งนั้น ลูกไม่อาจจะปฏิเสธอะไรแก่ลูกเลยในขณะที่ลูกอยู่ในโลก ลูกก็จะไม่ปฏิเสธอะไรแก่พระแม่ในสวรรค์เลย ดังนั้นแม่พระจึงมีอำนาจสูงสุดเท่าที่เราสามารถจะพูดได้กับมนุษย์ ซึ่งไม่อาจจะมีคุณลักษณะของพระเป็นเจ้าได้ กล่าวคือแม่พระมีอำนาจสูงสุด เพราะพระนางได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระนางปราถนาโดยคำอ้อนวอนของพระนาง

            ดังนั้น การที่นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวแก่แม่พระว่า “พระแม่เพียงแต่ปราถนาเท่านั้น สิ่งนั้นก็จะสำเร็จไป” นั้น จึงนับว่าเป็นการพูดที่เหมาะทีเดียว นักบุญอันแซลโมกล่าวว่า “ข้าแต่พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ สิ่งใดที่พระแม่ปราถนาก็จำเป็นที่จะต้องสำเร็จไป” ถ้าพระแม่ปราถนาที่จะยกคนบาปต่ำช้าที่สุดให้บรรลุถึงยอดแห่งความศักดิ์สิทธิ์ พระแม่ก็ทำได้ นักบุญอันแบร์โตสมมุติให้แม่พระกล่าวว่า “ลูกต้องขอให้เรามีความปราถนา แต่เมื่อเราปราถนาแล้ว สิ่งนั้นก็จำเป็นที่จะสำเร็จลุล่วงไป”

            เมื่อนักบุญเปโตรดามีอาโนรำพึงถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของแม่พระนี้ และวอนขอให้พระนางสงสารเรา ท่านกล่าวแก่พระนางว่า “ขอให้คุณความดีและอำนาจของพระแม่ดลใจพระแม่เถิด เพราะยิ่งพระแม่มีอำนาจเพียงไร ความเมตตาของพระแม่ก็จะยิ่งใหญ่ตามไปด้วยเพียงนั้น” ข้าแต่พระแม่มารีอาผู้เสนอที่รักยิ่งของเรา ในเมื่อพระแม่มีดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยความสงสาร จนพระแม่ไม่อาจจะมองดูผู้น่าสมเพชโดยไม่รู้สึกสงสารมิได้ และในเมื่อพระแม่คุ้มครองให้รอดได้ โปรดอย่าปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอของเราผู้มอบความหวังทั้งสิ้นไว้ในพระแม่เลย ถ้าคำภาวนาของเราไม่อาจจะชักจูงใจพระแม่ อย่างน้อยก็ขอให้ดวงใจอันเมตตาของพระแม่ช่วยชักจูงใจพระแม่เถิด เพราะพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้พระแม่เปี่ยมไปด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่จนกระทั่งว่า ถ้าพระแม่ยิ่งมีอำนาจมากพระแม่ก็ยิ่งจะเต็มใจช่วยเหลือเรา นักบุญเบอร์นาร์โดให้ความแน่ใจแก่เราในเรื่องนี้ ท่านกล่าวว่า แม่พระนั้นเปี่ยมด้วยอำนาจและความเมตตา เพราะพระนางมีอำนาจมากมาย นี่แหละที่เป็นเหตุให้พระนางเปี่ยมไปด้วยความเมตตาสงสาร

            ตั้งแต่เวลาที่แม่พระเข้ามาในโลกนี้ ความคิดเดียวของพระนางนอกเหนือไปจากการแสวงหาพระสิริมงคลของพระเป็นเจ้าก็คือที่จะช่วยเหลือผู้ที่ตกยากลำบากใจ เรารู้ว่าแม้ในเรื่องนี้พระนางก็มีสิทธิ์ในอั้นที่จะได้รับสิ่งที่พระนางขอ เรารู้ความจริงข้อนี้ได้จากเรื่องที่เกิดขึ้นในงานวิวาห์ที่เมืองคานาในแคว้นคาลิเล เมื่อน้ำองุ่นหมดแม่พระรู้สึกสงสารความอับอายของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พระนางขอให้พระบุตรของพระองค์ช่วยทั้งสองให้พ้นจากความอับอายโดยการกระทำอัศจรรย์พระนางเพียงแต่กล่าวกับพระองค์ว่า “เขาไม่มีน้ำองุ่น” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “สตรีเอ๋ย ธุระอะไรของเราและของท่าน ชั่วโมงเรายังไม่ถึง” เราจงสังเกตว่า ดูคล้าย ๆ กับพระองค์จะพูดว่า “ธุระอะไรของลูกและของแม่เล่าที่น้ำองุ่นหมด? เวลานี้มิใช่เวลาที่ลูกจะทำอัศจรรย์ เวลาจะมาถึงก็ต่อเมื่อลูกเริ่มเทศนาสั่งสอน ในเวลานั้นลูกจะทำอัศจรรย์เพื่อพิสูจน์คำสั่งสอนของลูก” แต่แม่พระกลับสั่งคนใช้ให้เอาน้ำใส่ตุ่มเพื่อให้บรรดาแขกหรือได้อิ่มหนำสำราญ คล้ายกับว่าพระเยซูเจ้าเองได้ประทานตามที่พระนางได้วอนขอ และแล้วมันก็เป็นจริง พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำองุ่น เพื่อให้สมตามความปราถนาของพระมารดาพระองค์

            ทำไมพระองค์ถึงได้กระทำดังนั้นเล่า? ถ้าเวลาที่พระองค์จะกระทำอัศจรรย์ต้องเป็นเวลาในระหว่างการเทศนาอย่างเปิดเผยของพระองค์แล้ว ทำไมพระองค์จึงกระทำอัศจรรย์เวลานั้นซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ตรงกับข้อกำหนดของพระเป็นเจ้าเล่า? ตามความคิดเห็นของนักบุญเอากูสตีโน ท่านบอกว่าไม่มีอะไรที่ไม่ตรงกับข้อกำหนดของพระเป็นเจ้าเลย แม้ว่าถ้าเราจะพูดกันโดยทั่วไปแล้ว เวลาที่พระองค์จะกระทำอัศจรรย์ยังมาไม่ถึง แต่พระเป็นเจ้าก็ได้ทรงตั้งข้อกำหนดไว้ตั้งแต่นิรันดรอีกข้อหนึ่งว่า สิ่งใดที่แม่พระขอ พระนางจะมิได้รับการปฏิเสธเลย ดังนั้นแม่พระผู้รี้แน่ในสิทธิ์พิเศษประการนี้ จึงสั่งให้เขาตักน้ำใส่ตุ่ม คล้ายกับว่าคำวอนขอของพระนางได้รับคำตอบแล้ว  แม้จะดูเหมือนว่าพระบุตรได้ปฏิเสธพระนางก็ตาม นักบุญยวงคริสซ้อสโตโมก็เข้าใจคำตรัสของพระเยซูเจ้าในทำนองเดียวกัน เมื่อท่านอธิบายคำตรัสนี้ ท่านกล่าวว่า “แม้ว่าพระเยซูเจ้าจะตรัสตอบในทำนองนี้ แต่พระองค์ก็ยังนบนอบพระมารดาของพระองค์ เพื่อให้เกียรติแก่พระนาง นักบุญโทมัสก็กล่าวในทำนองเดียวกัน ท่านกล่าวว่า ในการที่พระองค์กล่าวคำว่า “เวลาของเรายังมาไม่ถึง” นั้น พระเยซูเจ้าทรงปราถนาที่จะแสดงให้เห็นว่า ถ้าคำขอร้องนี้มาจากผู้อื่น พระองค์ก็จะไม่ทำตาม แต่ในเมื่อพระมารดาของพระองค์ท่านบารัดดา นักบุญซีริลและนักบุญเยโรนีโมก็กล่าวเช่นเดียวกัน จันเซนีโอก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า “พระสวามีเจ้าของเราทรงกระทำอัศจรรย์ก่อนเวลา เพื่อให้เกียรติแก่พระมารดาของพระองค์”

            สรุปความก็คือ ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถจะวอนขอความช่วยเหลือมากมายหลายประการให้แก่เราได้เหมือนกับผู้เสนอที่อ่อนหวานของเราผู้นี้ พระเป็นเจ้าทรงให้เกียรติอันสูงส่งแก่พระนาง มิใช่เป็นแต่เพียงผู้รับใช้ที่น่ารักเท่านั้น แต่เป็นถึงมารดาที่แท้จริงของพระองค์ทีเดียว วิลเลียมแห่งปารีสกล่าวว่า “ไม่มีมนุษย์คนใดที่อาจจะแสวงหาความช่วยเหลือให้แก่เราอย่างมากมายเท่าที่พระแม่ได้แสวงหาเพื่อคนบาป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่เด่นชัดแล้วว่า พระเป็นเจ้าประทานเกียรติให้แก่พระแม่มิใช่ฐานะผู้รับใช้เท่านั้น แต่ในฐานะพระมารดาของพระองค์ด้วย แม่พระเพียงแต่พูดเท่านั้นพระบุตรก็จะทำตามความปราถนาของพระนาง

            พระสวามีเจ้าตรัสแก่เจ้าสาวในบทเพลงคือแม่พระเองว่า“โอ้เจ้าผู้อยู่ในสวน เพื่อน ๆ ของเรากำลังฟังเสียงเจ้า ขอให้เราได้ยินเสียงเจ้าหน่อยเถิด” พวกเพื่อน ๆ ก็คือบรรดานักบุญ เมื่อท่านเหล่านี้ต้องการช่วยเหลือผู้ที่มีความศรัทธาต่อท่าน ก็จะรอให้พระราชินีวอนขอความช่วยเหลือนั้นให้ เพราะพระเป็นเจ้าจะไม่ประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยที่แม่พระมิได้วอนขอเสียก่อน ดังที่เราแสดงให้เห็นแล้วในบทก่อน

            แม่พระได้รับความช่วยเหลือนี้อย่างไร? พระนางเพียงแต่พูดเท่านั้น “เพื่อน ๆ ของเรากำลังฟังเสียงของเจ้า” แล้วพระบุตรก็จะประทานตามที่พระนางได้ขอทันที  จงฟังคำพูดของท่านเข้าอาวาสวิลเลี่ยมเมื่อท่านกล่าวถึงคำนี้เถิด ท่านกล่าวว่าพระเยซูเจ้าตรัสแก่แม่พระว่า “แม่พระผู้อยู่ในสวนสวรรค์ จงวอนขอให้ผู้ใดก็ตามที่พระแม่ปราถนาด้วยความไว้ใจเถิด เพราะจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกจะถึงกับลืมได้ว่า พระแม่เป็นมารดาของลูก จนกระทั่งปฏิเสธสิ่งใดแก่พระแม่ ข้าแต่พระแม่เจ้าของลูก” ให้พระบุตรเพียงแต่ได้ยินเสียงของพระแม่เท่านั้นก็พอแล้ว เพียงแต่ได้ยินเท่านั้น พระองค์ก็จะนบนอบแล้ว เจ้าอาวาสก้อดฟรีเสริมว่า “แม้ว่าแม่พระจะได้รับความช่วยเหลือเมื่อพระนางวอนขอเท่านั้น แต่พระนางก็ยังวอนขอด้วยอำนาจของมารดา” ดังนั้นเราจึงมีเหตุผลทุกประการที่จะรู้สึกมีความไว้ใจว่า พระนางจะได้รับทุกสิ่งที่พระนางปราถนาและและวอนขอเพื่อเรา

            วาเลรีอูส มักซีมูสเล่าว่า เมื่อโครีโอลานูสกำลังทำการเข้ายึดกรุงโรมนั้น ท่านไม่ยอมฟังเสียงวิงวอนของเพื่อน ๆ และชาวเมือง แต่เมื่อเวธูรีอามารดาของท่านปรากฏตัวมา ท่านก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ ท่านยกเลิกการเข้ายึดกรุงโรมทันที แต่คำภาวนาของแม่พระมีอิทธิพลกับพระเยซูเจ้ามากกว่าคำขอร้องของเวธูรีอา กับโครีโอลานูสเสียอีก เพราะความรักและความกตัญญูของพระองค์ต่อพระมารดาที่รักนี้มากกว่าความรัก และความกตัญญูของโครีโอลานูสคุณพ่อยุสตีโนแห่งมีโชวีสกล่าวว่า “คำเอ่ยแต่เพียงคำเดียวของแม่พระเท่านั้นทำให้สิ่งต่าง ๆ เป็นผลสำเร็จไปมากคำภาวนาขอนักบุญทั้งหมดมารวมกัน” ผีปีศาจยอมรับความจริงข้อนี้กับนักบุญโดมีนีโกตามที่พายูแชลลีเล่าไว้ ท่านนักบุญได้บังคับให้ปีศาจพูดโดยอาศัยปากของผู้ที่ถูกผีสิง และมันยอมรับว่าคำพูดเพียงแต่คำเดียวของแม่พระมีคุณค่าในสายตาของพระเป็นเจ้ามากกว่าคำภาวนาทั้งสิ้นของนักบุญทั้งหมดมารวมกัน

            นักบุญอันโตนีโนยืนยันว่า ในเมื่อคำภาวนาของแม่พระเป็นคำภาวนาของมารดาก็ย่อมจะเปรียบเหมือนคำสั่ง อีกนัยหนึ่งก็คือ การที่พระนางจะมิได้รับสิ่งที่พระนางวอนขอนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ นักบุญเยอร์มานุส ให้กำลังใจ แก่ผู้ที่วอนขอแม่พระ และกล่าวแก่พระนางว่า “ในเมื่อพระแม่มีอำนาจของมารดาพระเป็นเจ้า พระแม่ก็อาจจะขออภัยโทษให้แก่คนบาปที่ชั่วช้าที่สุดได้ เพราะพระสวามีเจ้าทรงสำนึกอยู่เสมอว่า พระแม่คือมารดาที่แท้จริง ผู้ปราศจากมลทินใด ๆ ของพระองค์ เพราะฉะนั้นพระองค์จะทำอย่างอื่นมิได้นอกจากจะประทานตามที่พระแม่วอนขอ นี่คือเหตุผลที่จะอธิบายการที่นักบุญบริยิดได้ยินบรรดานักบุญกล่าวแก่แม่พระว่า “ข้าแต่ราชินีผู้มีบุญ มีสิ่งใดบ้างที่พระนางจะทำไม่ได้ พระนางเพียงแต่ปราถนาเท่านั้น สิ่งนั้น ๆ ก็จะสำเร็จไป” คำพูดนี้ตรงกับคำพูดที่มีชื่อเสียงเกี่ยกับพระแม่พระที่ว่า “สิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงกระทำได้ด้วยอำนาจของพระองค์ พระแม่กระทำได้ด้วยคำภาวนาของพระนาง” นักบุญเอากูสตีโนกล่าวว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า มันเป็นสิ่งที่เข้ากับพระมหากรุณาของพระสวามีเจ้าหรือที่พระองค์จะทรงปราถนาให้เกียรติแด่พระมารดาในเมื่อพระองค์เสด็จมาในโลกนี้มิใช่เพื่อละเมิดกฏบัญญัติแต่เพื่อทำให้สำเร็จไป?” และกฏบัญญติประการหนึ่งก็คือ ให้เรานับถือบิดามารดา

            นักบุญเยอร์ช อัครสังฆราชแห่งนีโกเดมีอากล่าวว่า พระเยซูคริสตเจ้าประทานทุกสิ่งที่พระมารดาของพระองค์วอนขอ คล้ายกับพระองค์กำลังใช้หนี้แม่พระที่พระนางได้เต็มใจให้สภาวะมนุษย์แก่พระองค์ “พระบุตรโปรดทุกอย่างให้ตามความปราถนาของพระแม่คล้ายกับว่าพระองค์กำลังใช้หนี้สิน” ดังนี้ท่านมรณสักขีนักบุญเมโทดีอูสจึคงได้อุทานออกมาว่า “จงยินดีเถิด พระแม่มารีอา เพราะพระแม่มีพระบุตรผู้ประทานทุกอย่างให้แก่ทุกคนแต่มิได้รับสิ่งใดจากผู้ใดเลย เป็นผู้ที่ติดหนี้บุญคุณพระแม่” ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่นั้นเราเป็นหนี้พระเป็นเจ้า เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของรางวัลจากพระองค์ทั้งนั้น แต่พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่จะติดหนี้สินกับพระแม่ โดยทรงรับเอาพระกายจากพระแม่มาบังเกิดเป็นมนุษย์

            ความจริงข้อนี้แหละที่ทำให้นักบุญเอากูสตีโนกล่าวว่า “ในเมื่อแม่พระเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะให้พระกายแก่พระวจนาถ ซึ่งทำให้พระนางเป็นผู้ช่วยหาค่าไถ่บาปของเรา เพื่อเราจะได้พ้นจากความตายชั่วนิรันดร ฉะนั้น พระนางจึงมีอิทธิพลมากกว่าผู้อื่นในอันที่จะช่วยให้เราบรรลุถึงชีวิตนิรันดร” นักบุญเทโอพีลูสสังฆราชแห่งอเล็กซันดรีอาซึ่งอยู่ในสมัยนักบุญเยโรนีได้เขียนไว้ว่า “คำอ้อนวอนของพระมารดานั้นเป็นสิ่งที่พอพระทัยของพระบุตร เพราะพระองค์ได้ทรงปราถนาที่จะประทานทุกอย่างเพราะเห็นแก่พระนาง ด้วยประการฉะนี้พระองค์ได้ใช้หนีสินแด่พระนางที่พระองค์ได้ประทรานพระกายให้แก่พระองค์” นักบุญยวงดามาซีนกล่าวแก่แม่พระว่า “ข้าแต่พระแม่ ในฐานะที่พระแม่เป็นมารดาของพระเป็นเจ้าตรัสผู้สูงสุด พระแม่อาจจะช่วยทุกคนให้รอดได้ด้วยคำอ้อนวอนของพระแม่ คำวิงวอนของพระแม่มีค่ามากขึ้นเพราะเป็นคำวิงวอนของมารดา”

            เราจงสรุปความพร้อมกับนักบุญโบนาเวนตูรา เมื่อท่านระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ในการที่พระเป็นเจ้าประทานแม่พระให้เป็นผู้เสนอของเรา ท่านกล่าวว่า “โอ้คุณความดีอันน่าพิศวงของพระเป็นเจ้าผู้พอพระทัยที่จะประทานพระแม่ให้แก่เราคนบาปผู้น่าสงสารเพื่อพระแม่จะได้วอนขอทุกสิ่งที่พระแม่ปราถนาให้แก่เราโดยอาศัยคำเสนอวิงวอนอันเปี่ยมไปด้วยอำนาจของพระแม่ โอ้ความเมตตาอันน่าประหลาดใจของพระเป็นเจ้า ซึ่งเป็นเหตุให้พระองค์ประทานพระมารดาของพระองค์เองผู้เป็นองค์อุปถัมภ์แห่งพระหรรษทานให้เป็นผู้เสนอวิงวอนของเรา เพื่อเราจะได้ไม่หวาดหวั่นเกินควรเมื่อได้ยินคำตัดสินของพระองค์สำหรับตัวเรา

ตัวอย่าง 

            คุณพ่อรัสซีแห่งคณะคามัลโดลีสเล่าเรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งว่า หลังจากที่บิดาของเขาได้สิ้นใจแล้ว เขาถูกมารดาส่งไปอยู่ในราชวังของเจ้าชายองค์หนึ่ง ก่อนที่หนุ่มน้อยผู้นี้จะจากบ้านไป มารดาก็บอกให้เขาสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อแม่พระเสมอไปและให้เขาสัญญาว่าจะสวดบท “วันทามารีอา” บทหนึ่งทุกวัน และเสริมคำต่อไปนี้ว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอา โปรดช่วยลูกในยามใกล้จะตาย”

            ชายหนุ่มนี้ไปถึงราชวัง แต่ต่อมาเขากลับเป็นคนเสเพลเหลวไหลจนกระทั่งเจ้าชายต้องให้ออกจากราชสำนัก เมื่อหมดทางที่จะทำมาหากินเขาก็เข้าไปร่วมกับพวกโจร ผู้ทำการปล้นสะดมผู้คนที่ผ่านไปมาตามถนนหลวง แต่ตลอดเวลานั้นเขามิได้เคยหยุดสวดขอความช่วยเหลือจากแม่พระดังที่มารดาได้สั่งไว้เลย ในที่สุดเขาก็ถูกตำรวจจับและถูกตัดสินประหารชีวิต

            ในขณะที่อยู่ในห้องขังกำลังรอที่จะถูกประหารในวันรุ่งขึ้นเขาก็คิดถึงความอัปยศของตน คิดถึงความเสียใจที่ได้เป็นผู้ก่อให้แก่มารดา และความตายที่กำลังรอท่าตนอยู่ เขาก็เริ่มร้องไห้และรู้สึกสงสารตัวเอง เมื่อเห็นชายผู้นั้นหดหู่และสิ้นหวัง ปีศาจก็ปรากฏตัวมาในรูปของชายหนุ่มรูปงาม และบอกว่ามันจะช่วยให้เขาพ้นจากความตายและคุกตะรางถ้าเขาจะทำตามคำของมัน

            ชายหนุ่มผู้นั้นก็ตกลงว่าจะทำทุกอย่าง แล้วเจ้าหนุ่มรูปงามนั้นก็เผยความจริงว่าตนคือปีศาจและได้มาช่วยเขา ก่อนอื่นมันขอให้เขาปฏิเสธพระเยซูคริสตเจ้าและศีลศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ชายหนุ่มก็ตกลงแล้วมันก็บอกให้เขาปฏิเสธแม่พระและความคุ้มครองของพระนางแต่ชายหนุ่มสาบานว่าจะไม่ยอมทำเป็นอันขาด แล้วเขาก็หันหน้าไปหาแม่พระสวดคำภาวนาที่มารดาเขาสอนให้ “ข้าแต่พระแม่มารีอาโปรดช่วยลูกในยามไกล้จะตาย” พอเขากล่าวคำนี้ปีศาจก็หายตัวไปทันที แต่หนุ่มโชคร้ายก็ยังเศร้าโศกเพราะความผิดอันยิ่งใหญ่ของตนในอันที่ได้ปฏิเสธพระเยซูคริสตเจ้า เขาก็หันไปอ้อนวอนแม่พระอีกครั้งหนึ่งและด้วยความช่วยเหลือของพระนางเขาก็ได้รับความเป็นทุกข์ถึงบาปของเขาอย่างแท้จริง แล้วก็สามารถไปแก้บาปได้

            ในขณะที่ถูกนำตัวไปยังที่ประหารชีวิตเขาผ่านรูปแม่พระแล้วเขาก็กล่าวคำที่กล่าวมาจนเคยชินแล้วว่า “ข้าแต่พระแม่มารีอาโปรดช่วยลูกในยามใกล้จะตาย” ในทันใดนั้นรูปแม่พระก็คำนับรับคำสรรเสริญของเขา ซึ่งทุกคนในที่นั้นมองเห็นด้วยตาของตนเองเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ขออนุญาตตำรวจจูปแม่พระ ครั้งแรกตำรวจที่ควบคุมตัวไม่ยอม แต่เมื่อคนแถวนั้นร้องเสียงเอะอะ ตำรวจก็จำต้องยอม ในขณะที่ชายหนุ่มผู้นั้นก้มลงเท้ารูป แม่พระก็จับมือเขาไว้แน่นจนพวกตำรวจไม่อาจจะดึงออกไปได้ เมื่อเห็นดังนี้ ทุกคนก็พากันร้องว่า “ปล่อยเขาไป ปล่อยเขาไป” แล้วเขาก็ได้รับอภัยโทษเขากลับไปบ้านและดำเนินชีวิตอย่างดีและมีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อแม่พระเสมอ เพราะพระนางได้ช่วยให้เขาพ้นจากความตายทั้งฝ่ายกายและฝ่ายวิญญาณ

บทภาวนา

            ข้าแต่มารดาผู้ยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า ลูกจะขอกล่าวกับพระแม่โดยใช้คำของนักบุญเบอร์นาร์โดว่า “พูดเถิดพระแม่เจ้าเพราะพระบุตรทรงรับฟังและไม่ว่าพระแม่จะขอสิ่งใดพระแม่ก็จะได้รับ” ดังนั้นขอให้พระแม่ผู้เสนอของเราจงวิงวอนเพื่อเราคนบาปผู้น่าสงสารเถิด โปรดระลึกว่า พระแม่ได้รับอำนาจอันยิ่งใหญ่และเกียรติอันสูงส่งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของเรานั่นเอง พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่จะเป็นลูกหนี้ของพระแม่โดยการรับเอาสภาวะมนุษย์ของพระองค์จากพระแม่ เพื่อว่าพระแม่จะได้แจกจ่ายความร่ำรวยแห่งพระมหากรุณาของพระเป็นเจ้าตามใจชอบของพระแม่

            เราคือผู้รับใช้ผู้มีความศรัทธาเป็นพิเศษต่อพระแม่ และลูกหวังที่จะได้เป็นคนหนึ่งในจำนวนนี้ เรารู้สึกตื่นเต้นยินดีที่จะมีชีวิตอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของพระแม่ ในเมื่อพระแม่มีความเมตตาต่อทุก ๆ คน แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยให้เกียรติแก่พระแม่ แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยให้เกียรติแก่พระแม่ แม้กระทั่งผู้ที่เกลียดและสาปแช่งพระแม่ ส่วนเราผู้ให้เกียรติ รักและไว้ใจในพระแม่ จะมิควรที่จะไว้ใจในความเมตตาของพระแม่หรือ?

            เราเป็นคนบาปต่ำช้า แต่พระเป็นเจ้าได้โปรดให้พระแม่มีอำนาจและความเมตตามากกว่าความชั่วช้าของเราเสียอีก พระแม่มีทั้งความสามารถและความปราถนาที่จะช่วยให้เรารอด ยิ่งเราไม่เหมาะสม เราก็ยิ่งจะหวังที่จะบรรลุถึงสวรรค์ และสรรเสริญพระแม่ได้มากขึ้นเพียงนั้น

            ข้าแต่พระแม่แห่งความเมตตา เราขอถวายวิญญาณของเรา ซึ่งครั้งหนึ่งได้รับการชำระล้างจนขาวสะอาดในพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้า แต่บัดนี้กลับโสมมไปด้วยบาป เราถวายเพื่อให้พระแม่ช่วยชำระล้าง โปรดให้เรามีความทุกข์อย่างแท้จริง โปรดให้เรามีความรักต่อพระเป็นเจ้า มีความพากเพียรในพระหรรษาทานและให้บรรลุถึงสวรรค์ เราขอมากไปหรือไม่? แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่พระแม่จะวอนขอให้ไม่ได้ มีสิ่งใดหรือที่จะมากเกินสำหรับความรักที่พระเป็นเจ้าทรงมีต่อมีต่อพระแม่? พระแม่เพียงแต่เปิดปากวอนขอพระบุตรของพระแม่เท่านั้น พระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธอะไรแก่พระแม่เลย ดังนั้นขอให้พระแม่อ้อนวอนเพื่อเราเถิด พระองค์จะรับฟังพระแม่ด้วยอย่างแน่นนอน และเราก็จะได้บรรลุถึงสวรรค์อย่างแน่นอนด้วย

แม่พระเสนอวิงวอนให้แก่คนบาปแม้กระทั่งคนบาปที่ชั่วช้าที่สุด

            เหตุผลที่เราควรจะรักราชินีผู้น่ารักยิ่งของเรานี้ มีอยู่มากมายหลายประการด้วยกัน ถ้าหากว่าโลกทั้งโลกสรรเสริญแม่พระถ้านักเทศน์ทุกคนพูดแต่เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับแม่พระในบทเทศน์ทุกบทหรือถ้ามนุษย์ทุกคนยอมสละชีวิตเพื่อแม่พระ เมื่อเอาสิ่งเหล่านี้มารวมกันเข้าแล้ว ก็ยังน้อยกว่าความเคารพนับถือและความกตัญญูที่เราเป็นหนี้พระพระนาง เนื่องจากความรักที่พระนางมีต่อมนุษย์ทุกคน แม้กระทั้งคนบาปที่ชั่วช้าที่สุด ผู้บังเอิญยังมีความศรัทธาต่อพระนางติดอยู่ในตัวเขา

            ท่านบุญราศีเรมุนโด ยอร์ดาโนผู้เรียกตนเองว่า “ผู้ปราศจากความรู้” เพราะความสุภาพของท่าน มักจะกล่าวว่า แม่พระไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากจะรักผู้ที่รักพระนาง และช่วยเหลือผู้ที่รับใช้พระนาง ถ้าเขาเป็นคนบาป พระนางก็ใช้อิทธิพลทั้งหมดของพระนางในอันที่จะวอนขอการอภัยโทษให้แก่เขาจากพระบุตร ผู้ทรงบุญของพระนาง ท่านเสริมว่า ความเมตตาปราณีของแม่พระนั้นช่างยิ่งใหญ่จนกระทั่งไม่มีผู้ใดไม่ว่าเขาจะจมอยู่ในบาปอย่างล้ำลึกเพียงใด-ที่ควรกลัวไม่กล้ากราบลงแทบเท้าของพระนาง เพราะพระนางไม่เคยปฏิเสธผู้ที่เฝ้าวิงวอนพระนางเลย “ในฐานะที่แม่พระเป็นผู้เสนอที่เต็มไปด้วยความรัก เป็นผู้นำคำภาวนาของผู้รับใช้พระนางเสนอแด่พระเป็นเจ้าด้วยมือของพระนางเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำภาวนาของผู้ที่มอบตัวเองแด่พระนาง” เพราะในทำนองเดียวกันกับที่พระบุตรทรงเสนอวิงวอนกับพระบิดาเพื่อเรา แม่พรก็เสนอวิงวอนพระบุตรและไม่ยอมหยุดหย่อนเลยที่จะเฝ้าวิงวอนทั้งสองพระองค์เพื่องานอันยิ่งใหญ่แห่งความรอดของเรา และเพื่อพระหรรษทานต่าง ๆ ที่เราวอนขอจากพระนาง ดังนั้น การที่เดนนีสแห่งคณะคาร์ทูเซียนเรียกแม่พระว่าเป็นที่หลบภัยแห่งเดียวของคนบาป เป็นความหวังของผู้ที่ถูกทอดทิ้งมากที่สุด และผู้เสนอของคนบาปที่มาวิงวอนพระนางนั้น จึงนับว่าสมเหตุสมผลแล้ว

            ถ้าคนบาปคนหนึ่งไม่มีความสงสัยในอำนาจของแม่พระ แต่เขาสงสัยไม่แน่ใจในความเมตตาของพระนางเนื่องจากความกลัวว่าพระนางอาจจะลังเลใจไม่ยอมช่วยผู้ที่เต็มไปด้วยบาปมากมาย เช่น ตัวเขาแล้ว คนบาปผู้นั้นควรจะได้รับกำลังใจจากคำของนักบุญโบนาเวนตูราที่ว่า “สิทธิ์พิเศษและยิ่งใหญ่ของแม่พระก็คือพระนางมีอำนาจมากมายนักกับพระบุตร” แต่ท่านเสริมว่า อำนาจนี้จะมีความหมายอะไรเล่าถ้าพระนางไม่กังวลถึงเรา? ท่านสรุปความว่า “เราอย่าเข้าใจผิด จงแน่ใจและจงโมทนาคุณพระเป็นเจ้าและพระมารดาของพระองค์เสมอไปเถิดในข้อความจริงที่ว่า อำนาจของพระนางกับพระเป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าอำนาจของบรรดานักบุญทั้งหลาย และความห่วงใยของพระนางในตัวเราก็ยิ่งใหญ่เป็นสัดส่วนตามไปด้วย”

            นักบุญเยอร์มานู้สอุทานว่า “ข้าแต่พระมารดาแห่งความเมตตา ผู้ใดอีกเล่านอกจากองค์พระเยซูเจ้าที่มีความสนใจในการเป็นอยู่ของเราเท่ากับพระแม่? ใครเล่าจะปกป้องเราในการถูกประจญที่เราต้องเผชิญอยู่เสมอเท่ากับพระแม่?  ใครเล่าจะคุ้มครองและสู้รบเพื่อคนบาปเหมือนกับพระแม่? ดังนั้นแหละ ข้าแต่พระแม่เจ้า ความคุ้มครองของพระแม่จึงมีอำนาจและเปี่ยมไปด้วยความรักเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้”

            * ท่านบุญราศีเรมุนโดยอร์ดาโนกล่าวว่า นักบุญอื่น ๆ อาจจช่วยเหลือผู้ที่มีความศรัทธาเป็นพิเศษด้ามากกว่าผู้อื่น แต่แม่พระผู้เป็นราชินีแห่งสากลโลกนั้น เป็นผู้เนอวิงวอนของทุก ๆ คน และสนใจในความรอดของทุกคน

            แม่พระดูแลรักษาทุกคน แม้กระทั่งคนบาป ที่จริงพระนางภูมิใจที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เสนอพิเศษของคนบาป ดังที่พระนางเองเป็นผู้กล่าวแก่ซิสเตอร์มารีอาวีลานี พระนางกล่าวว่า “นอกจากชื่อว่ามารดาพระเป็นเจ้า, แล้ว เราภูมิใจมากที่สุดที่จะได้ชื่อว่า ‘เป็นผู้เสนอของคนบาป’”

            บุญราศีอามาเดอูสเห็นแม่พระอยู่ต่อหน้าพระเป็นเจ้าเสมอและวิงวอนเพื่อเราด้วยคำภาวนา ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจของพระนางในขณะที่พระนางอยู่ในสวรรค์นั้น พระนางรู้ดีถึงความตกทุกข์ได้ยากและความต้องการต่าง ๆ ของเรา พระนางไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากแสดงความเมตตาต่อเรา ดังนั้นพระนางจึงพยายามที่จะช่วยและนำเราไปสู่ความรอดด้วยความรักอันอ่อนหวานของมารดา ดังนั้นริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอจึงไม่หยุดยั้งปลุกใจทุก ๆ คน ไม่ว่าเขาจะเลวทรามเพียงใด ให้วอนขอผู้เสนอเต็มไปด้วยความอ่อนหวานนี้ด้วยความไว้ใจ และให้เขาแน่ใจว่า เขาจะพบพระนางพร้อมเสมอที่จะช่วยเขา ตามที่ท่านเจ้าอาวาสก๊อดฟรีได้กล่าวไว้ว่า “แม่พระพร้อมเสมอที่จะช่วยทุกคนที่วอนขอพระนาง”

            ตามความคิดเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด ผู้เสนอใจดีผู้นี้ช่างสนใจในความรอดอย่างจริงจังและเปี่ยไปด้วยความรักจริง ๆ เราจงพิจารณาถึงความรักและความกระตือรือร้นของแม่พระในการวิงวอนพระเป็นเจ้าเพื่อเรา เพื่อให้พระองค์ยกโทษบาปให้แก่เราและช่วยเหลือเราด้วยพระหรรษทานของพระองค์ เพื่อโปรดให้เราพ้นภัยอัน่ตรายและช่วยเราในยามขัดสน นุกบุญโบนาเวนตูราใช้คำของนักเขียนสมัยโบราณผู้หนึ่งมากล่าวแก่แม่พระว่า “เรารู้ว่า เราดูเหมือนจะมีผู้ที่สนใจในตัวเราในสวรรค์แต่ผู้เดียว และผู้นั้นก็คือพระแม่” คล้ายกับจะพูดว่า “ข้าแต่พระแม่ ถูกแล้ว บรรดานักบุญทั้งหลายปราถนาความรอดของเราและสวดให้เรา แต่ว่าความรักและความอ่อนหวานซึ่งพระแม่แสดงให้เราเห็นสวรรค์ โดยการวอนขอพระมหากรุณาอันเปี่ยมล้นของพระเป็นเจ้าเพื่อเรา โดยคำภาวนาของพระแม่นั้น ทำให้เราต้องยอมจำนนและรับว่า เรามีผู้เสนอคนเดียวในสวรรค์คือพระแม่ แบะพระแม่เท่านั้นที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยอันแท้จริงในทุกข์สุขของเรา

            ใครเล่าจะเข้าใจได้ถึงความสนใจของแม่พระที่พระนางได้วิงวอนเพื่อเราอยู่ต่อหน้าพระเป็นเจ้า? นักบุญเยอร์มานู้สกล่าวว่า พระนางไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและที่ปกป้องเรา นี่เป็นความคิดที่จับใจมากซึ่งหมายความว่า แม่พระเต็มไปด้วยความรักและความสงสารต่อเราจนกระทั่งพระนางคอยสวดภาวนาให้เราเสมอ และไม่ละความพยายามที่จะช่วยเราเลย พระนางป้องกันเราให้พ้นจากความชั่วและโปรดให้เราได้รับพระหรรษทานพอที่จะเอาตัวรอดด้วยคำภาวนาของพระนาง “ความปกปักรักษของพระนางนั้นไม่มีอันสิ้นสุด”

            เราคนบาปผู้น่าสงสารจะต้องลำบากมากมายเพียงไร ถ้าเรามิได้มีผู้เสนออันยิ่งใหญ่นี้-ผู้มีทั้งอำนาจและความเห็นอกเห็นใจและในขณะเดียวกัน ก็มีความสุขุมรอบคอบ จนกระทั่ง พระตุลาการคือ พระบุตรของพระนางไม่อาจจะลงโทษคนผิดได้ถ้าพระนางเป็นผู้ปกป้องเขา นี่คือความเห็นของริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอ ดังนั้น ยวงเยโอมิตราจึงสรรเสริญพระนางว่า  “วันทา ศาลที่ยุติคำฟ้องร้อง”คดีใดที่ผู้เสนอนี้เป็นทนายให้แล้วย่อมจะมีชัยชนะเสมอ

            เพราะเหตุนี้เอง นักบุญโบนาเวนตูรา จึงเรียกพระนางว่า “อาบีเกลผู้เฉลียวฉลาด” อาบีเกลคือสตรีที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในพระคัมภีร์ นางเป็นผู้ทำให้กษัตริย์ดาวิดหายพิโระด้วยคำวิงวอนอันเพราะพริ้งของพระนาง เมื่อพระองค์บันดาลโทษะนาบัล ที่จริงดาวิดได้รับการดลใจให้อวยพระนางที่ได้ใช้กิริยาอันนิ่มนวลของพระนางเป็นเครื่องป้องมิให้ตนแก้แค้นอาบัลด้วยมือของตนเอง แม่พระก็กระทำเช่นเดียวกันในสวรรค์เพื่อคนบาปที่นับจำนวนไม่ถ้วน พระนางรู้จักวิธีที่จะทำให้พระเป็นเจ้าทรงคลายพระพิโระของพระองค์ ด้วยคำภาวนาอันอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความรัก และพระเป็นเจ้าทรงอวยพระพรแก่พระนาง และคล้ายกับว่าพระองค์จะขอบใจแม่พระที่ได้ห้ามปรามพระองค์ให้ละทิ้งและลงโทษคนบาปดังที่เขาควรจะได้รับ

            นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “พระบิดานิรันดรทรงปราถนาที่จะแสดงความเมตตาทุกประการเท่าที่เป็นไปได้ ดังนั้นแทนที่พระองค์จะปนะทานพระเยซูเจ้าให้เป็นผู้เนอของเราแต่ผู้เดียวเท่านั้น พระองค์ยังได้ประทานแม่พระให้เป็นผู้เสนอร่วมกับพระองค์อีกด้วย ท่านกล่าวว่า “ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า พระเยซูคริสตเจ้าคือผู้เสนอแห่งความยุติธรรมแต่ผู้เดียวระหว่างมนุษย์กับพระเป็นเจ้า ด้วยเดชะพระบารมีและคำสัญญาของพระองค์ เพราะพระองค์คือองค์พระเป็นเจ้าและจะรู้สึกกลัวพระองค์ จึงจำเป็นที่พระองค์จะต้องตั้งผู้เสนออีกผู้หนึ่ง ซึ่งเราอาจจะอ้อนวอนด้วยความกลัวที่น้อยกว่าและด้วยความไว้ใจมากกว่าผู้เสนอนี้ก็คือแม่พระ เราอาจจะพบผู้ใดที่มีอิทธิพลกับพระเป็นเจ้าหรือเมตตาต่อเรามากกว่าพระนาง

            ถ้าผู้ใดรู้สึกกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ผู้เสนอผู้นี้ แม้ว่าจะไม่มีอะไรเลยในตัวพระนางซึ่งแสดงถึงความเหี้ยมโหดทารุณ แต่ตรงกันข้ามกลับเปี่ยมไปด้วยความอ่อนหวานแล้วละก็ ความกลัวเช่นนี้ ก็จะเปรียบเสมือนการดูหมิ่นความเมตตาอ่อนหวสนของแม่พระทีเดียว ดังนั้นนักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวต่อไปว่า “จงอ่านแล้วก็อ่านอีกเถิด ไม่ว่าท่านจะอ่านสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวถึงพระนางในพระวรสาร ถ้าท่านพบตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความทารุณของพระนางแล้ว ท่านจึงค่อยกลัวที่จะเข้าไปหาพระนาง แต่ท่านจะไม่พบตัวอย่างอันใดเลย ดังนั้นจงไปหาพระนางด้วยดวงใจที่เปี่ยไปด้วยความยินดีเถิด แล้วพระนางจะโปรดให้ท่านรอดด้วยคำอ้อนวอนของพระนาง”

            คำอุทานที่วิลเลี่ยมแห่งปารีสใส่ในปากของคนบาปที่อ้อนวอนแม่พระนั้นช่างเพราะพริ้งเหลือเกิน ท่านกล่าวว่า “ข้าแต่พระมารดาผู้รุ่งเรื่องของพระเป็นเจ้า ลูกอ้อนวอนพระแม่ในสภาพอันน่าสังเวชซึ่งลูกจมอยู่ในขณะนี้เพราะบาปของลูก ด้วยความไว้ใจในพระแม่ ถ้าพระแม่ปฏิเสธ ลูกจะเตือพระแม่ว่า พระแม่จำเป็นต้องช่วยลูกเพราะพระศาสนจักรเรียกพระแม่และประกาศว่า พระแม่คือมารดาแห่งความเมตา พระแม่คือผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงรับฟังเสมอ เพราะพระแม่เป็นที่โปรดปรานของพระองค์ ความสงสรของพระแม่ไม่เคยทำให้ผู้ใดผิดหวังเลย พระแม่ไม่เคยดูหมิ่นคนบาปที่ถวายตัวเองแด่พระแม่เลยไม่ว่าเขาจะมีบาปมากมายเพียงใด พระศาสนจักรได้พูดผิดไปแล้วหรือที่ได้เรียกพระแม่ว่า เป็นผู้สเสนอและที่หลบภัยของคนบาป? ข้าแต่พระแม่เจ้า ขออย่าให้บาปอันยิ่งใหญ่ของลูกกีดขวางมิให้พระแม่กระทำหน้าที่แห่งความกรุณา ซึ่งทำให้พระแม่เป็นทั้งผู้เสนอและผู้เจรจาสันติภาพระหว่างมนุษย์กับพระเป็นเจ้าเลย นอกจากพระบุตรแล้ว พระแม่คือความหวังที่หลบภัยแน่นอนแห่งเดียวของผู้ที่มีความทุกข์ยารก เราอาจจะพูดได้ว่าการที่พระแม่ได้รับพระหรรษทานความรุ่งเรืองและเกียรติแห่งมารดาพระเป็นเจ้านั้น พระแม่ดูเหมือนจะเป็นหนี้คนบาป เพราะว่าพระวจนาถทรงโปรดให้พระแม่เป็นพระมารดาของพระองค์ก็เพราะเห็นแก่คนบาปเหล่านี้เอง

            ไม่มีวันเสียหรอกที่แม่พระผู้เป็นเสมือนบ่อเกิดแห่งความเมตตาอันอ่อนโยนในโลกนี้ จะคิดว่าพระนางอาจจะปฏิเสธความเมตตาของพระนางแก่คนบาปที่เข้ามาวอนขอพระนางได้ ในเมื่อหน้าที่ของพระนางก็คือผู้เจรจาสันติระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ ดังนั้น ขอให้ความเมตตาอันอ่อนหวานของพระแม่ ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าบาปทั้งหมดของลูก จงช่วยจูงใจพระแม่ให้ช่วยลูกเถิด

            ดังนั้นผู้ที่รู้สึกกลัวขอให้ท่านจงมีกำลังใจเถิด ลูกจะกล่าวเหมือนกับท่านนักบุญโทมัส วิลลาโนวาว่า จงมีกำลังใจและหายใจให้โล่งอกเถิด คนบาปที่น่าสงสาร พระมารดาผู้ยิ่งใหญ่นี้คือมารรดาของพระเป็นเจ้าผู้เป็นตุลาการของท่าน และในขณะเดียวกันพระนางคือผู้เสนอของมนุษยชาติ ยิ่งไปกว่านั้น พระนางคือผู้ที่เหมาะสมกับหน้าที่นี้ เพราะพระนางจะทำอะไรกับพระเป็นเจ้าก็ได้ตามใจชอบของพระนาง พระนางเต็มไปด้วยความฉลาด เพราะพระนางรู้ถึงวิถีทางที่จะทำให้พระองค์คลายพิโรธ และความห่วงใยของพระนางนั้นแผ่ไปยังมนุษณย์ทุกคน กล่าวคือพระนางต้อนรับทุก ๆ คน และไม่ปฏิเสธที่จะปกป้องผู้ใด

-  ตัวอย่าง -

            ความเมตตาของแม่พระต่อคนบาปนั้นปราฏอย่างเด่นชัดในเรื่องที่เกี่ยวกับนางชีรูปหนึ่งชื่อเบอาตรีซีอา ซึ่งอยู่ในอารามฟอนเตอรอลต์ เรื่องนี้ท่านเซซารีอูสแห่งไฮนเสตอร์บักเป็นผู้เล่า

            หญิงสาวผู้น่าสมเพชนี้มีความติดใจช่นหนุ่มคนหนึ่ง และได้ตั้งใจว่าจะหนีไปจากอารามด้วยความช่วยเหลือของชายหนุ่มนั้น ดังนั้นวันหนึ่งเธอจึงไปต่อหน้ารูปแม่พระ และวางพวงกุญแจของอารามไว้ต่อหน้าแม่พระ เพราะเธอเป็นผู้เปิดประตูของอาราม แล้วก็หนีไป

            เมื่อเธอไปถึงเมืองนอกต่างแดน เธอก็ทำตัวเป็นผู้หญิงไม่ดีและดำเนินชีวิตอย่างน่าละอายเป็นเวลาสิบห้าปี ในที่สุดวันหนึ่งเธอเผอิญไปพบคนทำสวนของอารามซึ่งเธอเคยอาศัยอยู่ และคิดว่าเขาจำเธอไม่ได้ เธอจึงเข้าไปถามเขาว่าจำซิสเตอร์เบอาตรีซีอาได้ไหม เขาก็ตอบว่า “ฉันรู้จักเธอดีทีเดียว เธอเป็นชีที่ศักดิ์สิทธิ์มากและเวลานี้ด้ดำรงตำแหน่งเป็นนวกจาริณี” เมื่อได้ยินเช่นนี้เธอก็ประหลาดใจจนพูดไม่ออก ไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร แล้วเธอก็ปลอมตัวไปที่อารามเพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริงว่าเรื่องเป็นอย่างไรกัน เธอขอพบซิสเตอร์เบอาตรีซีอา และรู้สึกตกใจมากที่สุดเมื่อได้พบแม่พระซึ่งแต่งกายเหมือนกับรูปแม่พระที่เธอได้วางพวงกุญแจและเสื้อนักบวชของเธอเมื่อเธอได้หนีจากอารามไป แล้วแม่พระก็กล่าวกับเธอว่า “เบอาตรซีอา เพื่อให้เจ้าพ้นจากความอับอาย เราได้ปลอมตัวมาเป็นเจ้าตลอดเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมา ในขณะที่เจ้ามิได้อยู่ในอารามของพระเป็นเจ้าเราได้แทนที่เจ้าและกระทำสิ่งที่เจ้าควรจะทำ จงกลับมาทำการใช้โทษบาปเถิด เพราะพระบุตรของเรายังรอเจ้าอยู่ และจงรักษาชื่อเสียงซึ่งเราได้แสวงหาไว้ให้แก่เจ้าด้วยการดำรงชีวิตอย่างดี” เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว พระนางก็ลับตาไป

            เบอาตรีซีอาก็กลับเข้าไปในอาราม สวมเสื้อนักบวชอีกครั้งหนึ่ง และถวายโมทนาคุณแด่แม่พระสำหรับความเมตตาของพระนาง และได้ดำเนินชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่นั้นมา เมื่อเธอจวนจะสิ้นใจเธอเล่าเรื่องทั้งหมดของเธอ เพื่อให้เป็นเกียรติและสิริมงคลของแม่พระ

-  คำภาวนา -

            ข้าแต่พระมารดาผู้ยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า ลูกเข้าใจว่าความอกตัญญูของลูกต่อพระเป็นเจ้าและพระแม่นั้นควรจะเป็นเหตุให้พระแม่ละทิ้งลูกและไม่เหลียวดูลุกอีกต่อไป ซึ่งก็นับว่าเป็นการกระทำที่ยุติธรรมแล้ว วิญญาณที่ขาดความกตัญญูก็มไสมที่จะได้รับความช่วยเหลือจากพระแม่อีกต่อไป แต่ลูกไว้ใจในความเม่ตตาของพระแม่และลูกแน่ใจว่าความเมตตานี้ยิ่งใหญ่กว่าความอกตัญญูของลูก ดังนั้น ข้าแต่พระแม่ผู้เป็นที่หลบภัยของคนบาป โปรดอย่าหยุดช่วยคนบาปหยาบช้าผู้ไว้ใจในพระแม่เลย ข้าแต่พระมารดาแห่งความเมตตาโปรดยื่นมือมายังคนบาปที่มาเฝ้าวิงวอนขอความเมตตาจากพระแม่เถิด

            ข้าแต่พระแม่มารีอา ถ้พระแม่ไม่ปกป้องลูกก็โปรดบอกลูกซิว่า ลูกอาจจะไปอ้อนวอนผู้ใดที่อาจจะปกป้องลูกได้ดีไปกว่าพระแม่ ลูกจะไปพบผู้เสนอต่อพระเป็นเจ้าคนไหนที่มีความเมตตาและเต็มไปด้วยอำนาจกว่าพระแม่ผู้เป็นมารดาของพระองค์? เมื่อพระแม่ได้รับเกียรติเป็นมารดาของพระองค์พระมหาไถ่ พระแม่ก็ได้เป็นเครื่องมืออันเหมาะสมในการช่วยให้คนบาปรอด และพระเป็นเจ้าประทานให้พระแม่เป็นความรอดของลูก ข้าแต่พระแม่ โปรดช่วยลูกผู้มาวิงวอนพระแม่ด้วยเถิด ลูกไม่เหมาะสมแก่ความรักของพระแม่ แต่ความปราถนาของพระแม่นี่แหละที่เป็นเหตุให้ลูกหวังว่าพระแม่รักลูก และถ้าพระแม่รักลูกแล้ว ลูกจะเสียวิญญาณได้อย่างไร?

            ข้าแต่พระมารดาที่น่ารักของลูก ถ้าลูกได้รับความรอดเพราะความช่วยเหลือของพระแม่ ดังที่ลูกได้หวังไว้ ลูกจะไม่อกตัญญูอีกต่อไป ลูกจะชดใช้ความอกตัญญูที่แล้ว ๆ มาของลูก และความรักที่พระแม่ได้แสดงต่อลูก โดยคำสรรเสริญตลอดนิรันดรและด้วยความรักที่วิญญาณของลูกสามารถจะมีได้ ลูจะสรรเสริญความเมตตาของพระแม่ อย่างรื่นเริงในสวรรค์ที่แม่พระกำลังครอบครองและจะครอบครองอยู่ตลอดไป และลูกจะจูบมือที่เต็มไปด้วยความรักของพระแม่ตลอดนิรันดร มือที่ช่วยให้ลูกรอดพ้นจากนรกซึ่งลูกควรจะตกลงไปเป็นเวลาคลายครั้งแล้วเพราะบาปของลูก

            โอ้พระแม่ ผู้เป็นผู้ปลดปล่อย ความหวัง ราชินี ผู้เสนอและมารดาของลูก ลูกรักพระแม่ ลูกปราถนาความรุ่งเรืองของพระแม่และลูกจะรักพระแม่ตลอดไป อาแมน นี่คือความหวังของลูก

พระหรรษทานของพระเป็นเจ้านั้นย่อมเป็นขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งวิญญาณมนุษย์ทุกคนต้องการมากที่สุด พระจิตเจ้าทรงเรียกพระหรรษทานว่า ขุมทรัพย์อันหาขอบเขตมิได้ โดยอาศัยพระหรรษทานที่นี่แหละที่ทำให้เราได้รับเกียรติและถูกยกย่องให้เป็นมิตรของพระเป็นเจ้า นี่คือคำของหนังสือพระธรรมปรีชาในพระคัมภีร์ “สำหรับมนุษย์ สิ่งนี้ (พระหรรษทาน) ก็คือขุมทรัพย์ที่ไม่วายวอด และผู้ที่ได้รับขุมทรัพย์ย่อมได้มิตรภาพของพระเป็นเจ้า” ดังนั้นพระเยซูเจ้าองค์พระมหาไถ่และพระเป็นเจ้าของเราจึงมิได้ลังเลที่จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่ในพระหรรษทานว่า “ท่านคือเพื่อนของเรา” โอ้บาปอันน่าอัปยศที่ทำลายมิตรภาพนี้ ท่านผู้ทำนายอีซาอีกล่าวว่า “แต่ความชั่วช้าของเจ้าได้แบ่งแยกเจ้าออกจากพระเป็นเจ้า”เมื่อความเกลียดเข้ามาขวางกลางระหว่างวิญญาณกับพระเป็นเจ้าวิญญาณนั้นก็เปลี่ยนสภาพจากการเป็นมิตรของพระเป็นเจ้ามาเป็นศัตรูของพระองค์ ดังที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ “ผู้ทำความชั่วกับกิจการชั่วของเขานั้น เป็นที่น่ารังเกียจแก่พระเป็นเจ้าพอ ๆ กัน”

            ดังนั้นคนบาปที่มีโชคร้าย ๆ กลายเป็นศัตรูของพระเป็นเจ้านั้นจะต้องทำอย่างไรเล่า? เขาต้องแสวงหาคนกลางที่จะวอนขอการอภัยโทษให้แก่เขา เพื่อเขาจะได้มิตรภาพของพระเป็นเจ้ากลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “จงมีกำลังใจเถิดวิญญาณโชคร้ายที่ได้สูญเสียพระเป็นเจ้าไป พระสวามีของท่านเองเป็นผู้จัดให้ท่านมีคนกลางคือพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระองค์ ผู้อาจจะได้รับสิ่งที่พระองค์วอนขอให้แก่เรา”

            ท่านนักบุญอุทานว่า ข้าแต่พระเป็นเจ้า ทำไม่เล่าจึงมีคนคิดว่าองค์พระมหาไถ่ผู้ทรงความเมตตา และได้ประทานพระชนมชีพของพระองค์ให้เรานั้นทรงมีความโหดเหี้ยม? ทำไมมนุษย์จึงคิดว่าพระองค์ร้ายกาจในเมื่อพระองค์คือองค์ความรัก? คนบาปที่ไม่ยอมไว้ใจเอ๋ย ทำไมท่านจึงกลัว? ถ้าความกลัวของท่านเกิดจากความจริงที่ว่าท่านได้ทำผิดต่อพระเป็นเจ้าแล้ว ก็จงจำไว้ว่า พระเยซูเจ้าได้ทรงตรึงบาปทั้งหมดของท่านบนกางเขนพร้อมกับพระหัตถ์อันเต็มไปด้วยรอยแผลของพระองค์ ด้วยความเดชะการสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้ใช้หนี้พระยุติธรรมพระเป็นเจ้าและได้ชำระล้างบาปให้พ้นไปจากวิญญาณของท่านแล้ว นักบุญเบอร์นาร์โดพูดไว้อย่างเพราะพริ้งว่า “เขาคิดว่าพระองค์ดุร้ายในเมื่อพระองค์เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ คิดว่าพระองค์เหลือทนในเมื่อพระองค์เปี่ยมไปด้วยความรัก ท่านกลัวทำไม่? ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเต็มที พระองค์ได้ตรึงบาปของท่านไว้บนกางเขนด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองแล้ว”

            แล้วท่านนักบุญเสริมว่า ถ้าท่านกลัวไม่กล้าอ้อนวอนพระเยซูเจ้าเพราะรู้สึกตะลึงงันในพระเทวภาพของพระองค์ เพราะแม้ว่าพระองค์จะมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ก็มิได้หยุดที่จะเป็นพระเป็นเจ้า และถ้าท่านต้องการผู้เสนอกับพระองค์อีกท่านหนึ่งแล้วก็จงไปหาแม่พระ พระนางจะช่วยเสนอวิงวอนพระบุตรผู้จะรับฟังพระนางอย่างแน่นอน พระองค์จะวอนขอพระบิดา และพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระบุตรพระองค์นี้ แล้วนักบุญเบอร์นาร์โดก็สรุปความโดยกล่าวว่า “ลูกรัก แม่พระนั้นคือบันไดของคนบาป ซึ่งจะทำให้คนบาปสามารถไต่ขึ้นไปยังยอดแห่งพระหรรษทานได้อีกครั้งหนึ่ง พระนางคือความไว้ใจอันยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า พระนางคือรากฐานแห่งความหวังข้าพเจ้า”

            พระจิตเจ้าโปรดให้แม่พระกล่าวในบทเพลงในพระคัมภีร์ว่า “เราคือกำแพง หน้าอกเราเปรียบเสมือนหอ เพราะเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์เราเปรียบเสมือนผู้ที่แสวงหาสันติภาพ” ซึ่งหมายความว่า เราคือผู้ที่ปกป้องผู้ที่มาพึ่งเรา และความเมตตาของเราเปรียบเสมือนหอที่หลบภัยแก่เขา ดังนั้น พระสวามีเจ้าจึงตั้งให้เราเป็นผู้เจรจาสันติภาพระหว่างคนบาปกับพระเป็นเจ้า เมื่อท่านอธิบายคำพูดที่เพิ่งกล่าวมานี้ คาร์ดีนัลฮูโกกล่าวว่า แม่พระคือผู้เจรจาสันติภาพผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งไกล่เกลี่ยศัตรู นำความรอดมาให้แก่ผู้ที่สูญเสียเจรจาพระหรรษทาน นำการอภัยโทษให้แก่คนบาป และความเมตตาแก่ผู้ที่หมดหวัง ดังนั้น พระสวามีเจ้าจึงตรัสว่า “เจ้าสวยงามเหมือนดังม่านของโซโลมอน”ภายหลังม่านในกระโจมของกษัตริย์ดาวิดนั้นมีแต่ภาพเรื่องราวสงคราม แต่ในกระโจมของโซโลมอนมีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับสันติภาพเท่านั้น พระจิตเจ้าจึงทรงชี้ให้เราเข้าใจว่า พระมารดาแห่งความเมตตาผู้นี้ ไม่พูดถึงสงครามหรือการแก้แค้นคนบาปเลยพระนางพูดถึงแต่เฉพาะสันติภาพและการให้อภัยเท่านั้น

            แม่พระเปรียบเหมือนนกเขาที่บินกลับมาหานอแอและเรือสำเภาพร้อมกับก้านมะกอกเล็ก ๆ ที่ปากของมัน ซึ่งเป็นสัญลัษณ์แห่งสันติภาพซึ่งพระเป็นเจ้าประทานให้แก่มนุษย์ ด้วยความคิดดังนี้แหละที่ทำให้นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวแก่แม่พระว่า “พระแม่คือนกเขาที่ซื่อสัตย์ของนอแอ พระแม่คือคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้ากับโลกที่จมอยู่ในน้ำท่วมฝ่ายวิญญาณ พระแม่จะได้มาซึ่งสันติภาพและความรอดสำหรับโลกที่พินาศไปแล้ว โดยการเสนอตัวของพระแม่ต่อหน้าพระเป็นเจ้า ดังนั้น พระแม่จึงเปรียบเหมือนนกเขาสวรรค์ซึ่งนำกิ่งมะกอกซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพมายังโลกซึ่งพินาศไปแล้ว เพราะพระนางเป็นผู้ที่ประทานพระเยซูคริสตเจ้าผู้เป็นบ่อเกิดแห่งความเมตตาก่อน แล้วพระองค์ก็ประทานพระหรรษทานทั้งสิ้นแก่เราอีกทีหนึ่ง ด้วยเดชะพระบารมีของพระองค์” นักบุญเอปิฟานีโอกล่าวว่าในเมื่อพระเป็นเจ้าทรงประทาน สันติภาพแห่งสวรรค์ให้แก่โลกตลอดไปโดยอาศัยแม่พระแล้ว ก็ด้วยอาศัยแม่พระนี่แหละที่คนบาปยังคืนดีกับพระเป็นเจ้าได้อยู่เสมอ ๆ นักบุญอัลแบร์โตวาดภาพแม่พระพูดแก่เราว่า “เราคือนกเขาของนอแอ ซึ่งนำกิ่งมะกอกแห่งสันติภาพมายังพระศาสนจักร”

            ภาพเปรีบเทียบของแม่พระอีกภาพหนึ่งก็คือ ภาพสายรุ้งซึ่งบรรดานักบุญเป็นผู้คิดขึ้น สายรุ้งนี้ล้อมบัลลังก์ของพระเป็นเจ้าอยู่ “และมีสายรุ้งรอบบัลลังก์ คาร์ดีนัลวีตาลีอธิบายว่า “สายรุ้งรอบบัลลังก์ก็คือแม่พระ ซึ่งทำให้การตัดสินและการลงโทษคนบาปของพระเป็นเจ้าลดหย่อนลง” ท่านหมายความว่า พระนางอยู่ต่อหน้าบัลลังก์พระเป็นเจ้าเสมอ และทำให้การใช้โทษของคนบาปเบาบางลง นักบุญเบอร์นาร์ดีนแห่งซีเอนากล่าวว่า พระเป็นเจ้าทรงกล่าวถึงสายรุ้งนี้ เมื่อพระองค์สัญญา นอแอไว้ว่า พระองค์จะไม่มีในท้องฟ้าเพื่อเป็นสัญลักณ์แห่งสันติภาพ เพื่อว่าเมื่อพระองค์มองดูพระองค์จะได้รำลึกถึงคำสัญญาแห่งสันติภาพนิรันดร ซึ่งพระองค์ได้ให้ไว้แก่มนุษย์ พระองค์ตรัสว่า “เราจะตั้งสายรุ้งของเราไว้บนเมฆและมันจะเป็นสัญลักษณ์แห่งคำสัญญาระหว่างเรากับโลกมนุษย์ เราจะมองดูมันและจะระลึกถึงข้อสัญญานิรันดร”ตามความคิดเห็นของท่านนักบุญ แม่พระคือสายรุ้งแห่งสันตินิรันดรนี้ เพราะเมื่อพระเป็นเจ้าทรงมองดูพระนาง พระองค์ก็ระลึกถึงสันติภาพที่พระองค์สัญญาว่าจะประทานให้แก่โลก และด้วยอาศัยคำภาวานาของแม่พระ พระองค์ก็จะให้อภัยโทษแก่คนบาปและรื้อฟื้นสันติภาพของพระองค์กับคนบาปเหล่านี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

            เพราะเหตุนี้เองแม่พระจึงได้รับคำเปรียบเทียบในพระคัมภีร์ว่าเป็นเสมือนดวงจันทร์ “สวยเหมือนดวงจันทร์” นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า ดวงจันทร์อยู่กึ่งกลางระหว่างท้องฟ้ากับแผ่นดิน ในทำนองเดียวกันแม่พระก็วางตัวพระนางให้อยู่กลางระหว่างพระเป็นเจ้ากับคนบาป เพื่อยับยั้งพระเป็นเจ้าและแสงสว่างให้คนบาปกลับเข้ามาหาพระองค์’

            หน้าที่สำคัญของแม่พระในโลกนี้ก็คือ การนำวิญญาณที่สูญเสียพระหรรษทานไปให้กลับคืนดีกับพระเป็นเจ้า  เมื่อพระเป็นเจ้าทรงสร้างพระนาง พระองค์ตรัสว่า “จงเลี้ยงแพะของเราเป็นที่รู้กันว่า คนบาปนั้นเปรียบเหมือนแพะ และในวันสิ้นพิภพบรรดาผู้ที่ชอบธรรมซึ่งเปรียบเสมือนแจะอยู่ข้างขวาพระมหาตุลาการ ส่วนคือคนบาปนั้นจะอยู่ข้างซ้าย ท่านเจ้าอาวาสวิลเลี่ยมกล่าวว่า ข้าแต่พระแม่ผู้ยิ่งใหญ่ พระเป็นเจ้าทรงมอบแพะเหล่านี้ให้แก่พระแม่จะได้เปลี่ยนให้มันเป็นแกะ และผู้ที่ควรจะอยู่ทางซ้ายมือเพราะพระองค์ได้ทรงตัดสินแล้วก็จะกลับไปอยู่ทางขวามือด้วยอาศัยคำเสนอวิงวอนของพระแม่ ดังนั้น พระเป็นเจ้าจึงแสดงแก่นักบุญคัทธารีนแห่งซีเอนาว่า พระองค์ได้สร้างธิดาสุดที่รักของพระองค์ผู้นี้ ให้เป็นเสมือนเหยื่อที่พระองค์ใช้ในการจับมนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนบาปและนำเขาให้กลับไปหาพระเป็นเจ้า เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เราจะผ่านคำของท่านวิลเลี่ยมชาวอังกฤษผู้นี้ไปไม่ได้ ท่านกล่าวว่า “พระเป็นเจ้าทรงนำแพะของพระนางให้ไปหาพระนาง เพราะแม่พระมิได้ช่วยเหลือคนบาปทั่วไปทุกคน พระนางช่วยแต่เฉพาะผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในบาป ไม่แสดงความเคารพใด ๆ ต่อแม่พระ แถมยังไม่มอบตัวให้พระนางช่วยให้ตนพ้นจากบาปอีกด้วยพวกนี้มิใช่เป็นแพะของแม่พระอย่างแน่นอน ในวันพิพากษาครั้งสุดท้ายพวกนี้จะถูกไล่ให้ไปอยู่ในทางซ้ายมือกับพวกที่สูญเสียวิญญาณ ให้ถูกทำโทษตลอดนิรันดร

            ยังมีผู้ที่มีตระกูลดีผู้หนึ่ง ชายผู้นี้หมดหวังในความรอดเพราะบาปเป็นจำนวนมากของตน นักบวชคนหนึ่งแนะนำให้เขาวอนขอแม่พระ ด้วยความมุ่งหมายประการนี้เขาก็เข้าไปเฝ้ารูปแม่พระที่มีชื่อเสียงในวัดแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปในวัดเขาก็เห็นรูปแม่พระทันที เขารู้สึกว่าแม่พระเชิญให้เขากราบลงแทบเท้าของพระนาง และไว้ใจในพระนาง เขาคุกเข่าลงจูบเท้ารูปแม่พระ ในขณะที่ทำดังนี้ แม่พระยื่นมือมาให้เขาจูบ เขาเห็นว่าบนฝ่ามือของแม่พระมีคำเขียนไว้ว่า  “เราจะปลดเจ้าให้พ้นจากผู้ที่กำลังทรมานเจ้า” คล้ายกับพระนางจะกล่าวว่า “ลูกรัก อย่าหมดหวังเลย เพราะเราจะปลดลูกให้พ้นจากบาปและความทุกจข์ที่สุมอยู่อกของลูก” คนบาปนั้นอ่านคำเหล่านี้แล้วก็รู้สึกจิตใจเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ถึงบาปของตน และรู้สึกรักพระเป็นเจ้าและพระมารดาของพระองค์อย่างร้อนรน จนกระทั่งเขาสิ้นใจตายอยู่แทบเท้าของแม่พระนั่นเอง

            มีคนบาปใจแข็งกี่คนที่แม่เหล็กแห่งดวงใจผู้นี้ได้ชักจูงมายังพระเป็นเจ้า วันหนึ่งขณะที่แม่พระสนทนากับนักบุญบริยิดพระนางเรียกตนเองว่า “แม่เหล็ก” พระนางกล่าวว่า “แม่เหล็กดึงดูดเหล็กกล้าฉันใด เราก็ดึงดูดดวงใจฉันนั้น” พระนางจึงดึงดูดแม้กระทั่งคนบาปที่ใจแข็งที่สุดเพื่อทำให้เขาคืนดีกับพระเป็นเจ้า และเราอย่าคิดว่าเรื่องเช่นนี้นานทีจะเกิดขึ้นสักหนหนึ่ง มันเกิดขึ้นทุกวัน! ตัวข้าพเจ้าเองอาจจะเล่าเรื่องชนิดนี้ที่เกิดขึ้นในการเทศน์ของคณะเราให้ท่านฟังได้อย่างมากมาย คนบาปบางคนใจแข็งตลอดเวลาของการเทศน์อบรม แต่พอเขาได้ยินการเทศน์ถึงความเมตตาของแม่พระเขาก็เปี่ยมไปด้วยความทุกข์และกลับมาหาพระเป็นเจ้า

            นักบุญเกรโกรีโอกล่าวว่า เขาเล่าว่าสัตว์ประหลาดในนิยายชนิดหนึ่งมีรูปร่างเหมือนม้าแต่มีเขา ๆ เดียว สัตว์ชนิดนี้ดุร้ายมากจนกระทั่งนายพรานไม่อาจจะจับมันได้ แต่เมื่อมันได้ยินเสียงของหญิงพรหมจรรย์มันจึงจะเข้ามาใกล้และปล่อยให้นางจับมันมัดไว้โดยไม่ทำการต่อต้านเลย มีคนบาปอีกกี่คนที่ดุร้ายกว่าสัตว์ป่าชนิดนี้เขาหนีไปจากพระเป็นเจ้า แต่พอได้ยินเสียงของแม่ก็เข้ามาใกล้และปล่อยให้แม่พระมัดตนไว้กับพระเป็นเจ้าอย่างอ่อนน้อม

            นักบุญยวงคริสซ้อสโตโมมักจะกล่าวว่า เหตุผลอีกประการหนึ่งที่แม่พระได้รับเกียรติเป็นมารดาพระเป็นเจ้าก็คือ เพื่อพระนางจะได้ช่วยประทานความรอดให้แก่คนเป็นจำนวนมากซึ่งไม่อาจจะได้รับความรอดตามหนทางธรรมดาแห่งพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า เพราะชีวิตอันชั่วช้าของเขา แต่จะได้รับความรอดก็โดยอาศัยความเมตตาอันอ่อนหวานและคำอ้อนวอนอันเปี่ยมไปด้วยอำนาจของพระนาง นักบุญอันแซลโมยอมรับความจริงข้อนี้เมื่อท่านกล่าวว่า “แม่พระได้รับตำแหน่งมารดาพระเป็นเจ้าสำหรับคนบาปมากกว่าผู้ที่มีความชอบธรรม เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า พระองค์เสด็จมาเพื่อคนบาปมิใช่เพื่อคนบุญ” เพราะเหตุนี้เองพระศาสนจักรจึงร้องในเพลงขับว่า “พระองค์มิได้รังเกียจคนบาป เพราะคนบาปเหล่านี้แหละที่เป็นต้นเหตุให้พระนางได้รับเกียรติมีพระบุตรพระองค์นี้” ด้วยเหตุผลประการเดียวกันนี้ วิลเลี่ยมแห่งปารีสกล่าวแก่พระนางว่า “พระแม่เจ้า พระแม่มีหน้าที่ที่จะช่วยคนบาป เพราะพระราชทานพระหรรษทานและเกียรติอันสูงส่งเหล่านี้รวมอยู่ในเกียรติของการเป็นมารดาพระเป็นเจ้าซึ่งพระแม่ได้รับ เราเกือบจะพูดได้ว่าพระแม่เป็นหนี้คนบาปสำหรับพระคุณเหล่านี้ทุกประการ เพราะคนบาปนี่แหละที่ทำให้พระแม่มีเกียรติสมที่จะได้พระเป็นเจ้ามาเป็นบุตรของพระแม่ นักบุญอันแซลโมสรุปความว่า “ในเมื่อแม่พระเป็นมารดาพระเป็นเจ้าเพราะคนบาปแล้ว ทำไมข้าพเจ้าจึงหมดหวังที่จะได้รับการอภัยบาป? ไม่ว่าบาปของข้าพเจ้าจะมากมายเพียงไรก็ตาม”

            พระศาสนจักร บอกแก่เราในบทสวดในวันก่อนวันฉลองแม่พระเสด็จขึ้นสวรรค์ว่า “แม่พระถูกนำตัวไปจากโลกนี้ เพื่อพระนางจะได้วิงวอนพระเป็นเจ้าด้วยความไว้ใจ เพื่อให้การอภัยบาปแก่เรา” ดังนั้น นักบุญยูสตีอาโนจึงเรียกพระแม่ว่า ผู้ไกล่เกลี่ย “พระวจนาถทรงใช้แม่พระให้เป็นผู้ไกล่เกลี่ย” ผู้ไกล่เกลี่ยก็คือผู้ที่ทั้งโจทก์และจำเลยเขามอบหมายเรื่องให้ดำเนินการ ท่านนักบุญหมายความว่าพระเยซูเจ้าคือผู้เสนอต่อหน้าพระบิดา ในทำนองเดียวกันแม่พระก็คือผู้เสนอต่อหน้าเยซูเจ้า พระองค์ได้มอบเหตุผลของพระองค์ในการตัดสินเราไว้ในมือของแม่พระ

            นักบุญอันดรูว์แห่งคริทเรียกแม่พระว่า ที่มั่นสั่ญญาหรือหลักฐานของการคืนดีระหว่างเรากับพระเป็นเจ้า กล่าวคือ พระเป็นเจ้าทรงแสวงหาการคืนดีกับคนบาปโดยการให้อภัยเขา แต่เพื่อมิให้คนบาปสงสัยในการได้รับอภัยโทษแก่เขาแล้ว ท่านนักบุญกล่าวสดุดีพระนางว่า “วันทา พระแม่เป็นผู้คืนดีระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์” นักบุญโบนาเวนตูราให้กำลังใจแก่คนบาปโดยกล่าวว่า “ถ้าท่านกลัวว่าพระเป็นเจ้าจะทรงแก้แค้นท่าน เพราะบาปของท่านอันเป็นเหตุให้พระองค์ทรงพิโรธโกรธเคืองแล้ว ท่านจะทำอย่างไร? ท่านจงไปอ้อนวอนแม่พระผู้เป็นความหวังของคนบาปเถิด และถ้าท่านยังกลัวว่าพระนางจะปฏิเสธไม่ยอมรับฟังเรื่องราวของท่าน ท่านจงแน่ใจเสียเถิดว่าพระนางจะกระทำเช่นนี้ไม่ได้ เพราะพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้พระนางรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือของบรรดาผู้ที่หมดหวัง”

            ท่านเจ้าอาวาสอาดัมกล่าวว่า “คนบาปคนไหนบ้างที่จะกลัวว่าตนจะสูญเสียวิญญาณในเมื่อพระมารดาของพระตุลาการเต็มใจที่จะกระทำตนเป็นทั้งมารดาและผู้เสนอ?” แล้วท่านเสริมว่า “ส่วนพระแม่ผู้เป็นมารดาแห่งความเมตตา พระแม่จะปฏิเสธไม่ยอมเสนอวิงวอนพระบุตรผู้เป็นพระตุลาการในนามของลูกอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนบาปได้หรือ? พระแม่จะปฏิเสธไม่ช่วยวิงวอนเพื่อวิญญาณที่ได้รับการไถ่บาปกับพระองค์พระมหาไถ่ผู้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อช่วยให้คนบาปเอาตัวรอดหรือ?” ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่ พระแม่จะไม่ปฏิเสธเขาเป็นแน่ แต่พระแม่จะสวดด้วยดวงใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักสำหรับทุกคนที่วอนขอพระแม่ และรู้แน่แก่ใจว่าพระสวามีเจ้าผู้ทรงโปรดให้พระบุตรของพระองค์เป็นผู้เจรจาสันติภาพระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ ได้ทำให้พระแม่เป็นคนกลางระหว่างพระมหาตุลาการกับผู้ที่ทำผิด”

            นักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า “คนบาปเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าท่านจะจมอยู่ในความชั่วช้ามากมายเพียงใดไม่ว่าท่านอายุมากอยู่ในบาปนานสักเท่านไรก็ตาม อย่าได้หมดหวังเป็นอันขาด จงโมทนาคุณพระเป็นเจ้าที่มิได้แต่ประทานพระบุตรของพระองค์เพื่อเป็นผู้เสนอสำหรับท่านเท่านั้น แต่เพื่อให้ท่านมีความหวังมากขึ้น พระองค์ได้ทรงเตรียมผู้เสนออีกผู้หนึ่งซึ่งอาจจะวอนขอและได้รับทุกอย่างที่พระนางปราถนาให้แก่ท่าน ท่านจงเข้าไปอ้อนวอนแม่พระเถิด แล้วท่านจะได้รับความรอด”

- ตัวอย่าง -

            มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวเมืองฟลอเรนส์ ผู้มีชื่อว่า เบเนเดทตา แต่เธอควรจะใช้ชื่อย่างอื่นเสียดีกว่าเพราะเธอดำเนินชีวิตซึ่งเป็นที่สะดุดแก่คนทั่วไป เผอิญนักบุญคอมีนีโกได้ไปเทศน์ในเมืองนั้น เธอตัดสินใจว่าจะไปฟังท่านเทศน์เพราะความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น แต่พอได้ยินท่านเทศน์ พระเป็นเจ้าก็ทรงดลใจของเธอแล้วเธอก็ไปสารภาพบาปกับท่านนักบุญด้วยดวงใจที่ปึ่ยมไปด้วยความทุกข์ ท่านฟังแก้บาปของเธอ ให้อภัยโทษแก่เธอและให้เธอสวดสายประคำเป็นการใช้โทษบาป แต่เด็กหญิงเคราะห์ร้ายผู้นั้น ยังอยู่ในอำนาจนิสัยอันชั่วช้าของเธออยู่ เธอจึงกลับไปในทางชั่วอีก พอท่านนักบุญทราบเรื่องท่านก็ออกตามหาเธอ พยายามเจรจากับเธอให้เธอไปบาปอีก เพื่อให้เป็นเครื่องบำรุงใจของเธอวันหนึ่งพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้เธอแลเห็นนรกและบุคคลที่ตกอยู่ในนั้นเพราะสิ่งที่เธอกำลังกระทำอยู่ แล้วพระองค์ก็เปิดหนังสอและอ่านรายการบาปอันชั่วช้าของเธอ เบเนเดทตายอมจำนน เธอวอนขอให้แม่พระช่วยเธอด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความไว้ใจ เธอได้รับการดลใจให้ทราบว่าแม่พระได้วอนขอเวลาจากพระเป็นเจ้าให้เธอทุกข์ถึงบาปและทำการใช้โทษบาป

            เมื่อภาพเนรมิตรนั้นผ่านไปแล้ว หญิงผู้นี้ก็ตั้งใจว่าจะดำเนินชีวิตอย่างดีต่อไป เธอมองเห็นรายการบาปของเธออยู่ต่อหน้าเธอเสมอ วันหนึ่งเธอตั้งใจมั่นคงที่จะวอนขอความช่วยเหลือจากผู้ปลอบใจของเธอ เธอกล่าวว่า “ข้าแต่พระแม่ ถูกแล้ว เพราะบาปของลูกนั้นลูกสมควรแล้วที่ถูกฝังอยู่ในขุมนรกที่ลึกที่สุด แต่ในเมื่อพระแม่ได้โปรดให้ลูกพ้นจากที่นั้นด้วยคำเสนอวิงวอนของพระแม่ แถมยังวอนขอเวลาให้ลูกทำการใช้โทษบาปอีกด้วย ข้าแต่พระแม่ผู้มีใจเมตตา ลูกขอพระหรรษทานอีกประการหนึ่งจากพระแม่ ลูกปราถนาที่จะไม่หยุดร้องไห้เพราะบาปของลูก โปรดให้รายชื่อบาปเหล่านั้นเลือนหายไปจากหนังสือเล่มนั้นเถิด” เมื่อได้ยินคำภาวนานี้ แม่พระก็ปรากฏตัวมาให้เธอเห็นและกล่าวว่า ถ้าเธอต้องการจะได้สิ่งที่เ.ธอขอ เธอจะต้องจำบาปและพระเมตตาของพระเป็นเจ้าใส่ใจไว้เสมอตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังจะต้องระลึกถึงพระมหาทรมานที่พระบุตรของเราได้ทรงรับทนเพื่อเธอ และเธอต้องจำไว้อีกด้วยว่ามีคนเป็นจำนวนมากมายเพียงใดที่ตกนรก เพราะบาปที่น้อยกว่าของเธอเสียอีก แล้วแม่พระก็แสดงให้เธอเห็นว่าในวันนั้นมีเด็กอายุแปดขวบคนหนึ่งต้องตกนรกเพราะบาปแต่เพียงบาปเดียว เมื่อเบเนเดทตาได้กระทำตามทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์แล้ว วันหนึ่งแม่พระก็โปรดให้เธอเห็นพระเยซูเจ้าผู้ทรงแสดงหนังสือเล่มนั้นให้แก่เธอพลางตรัสว่า “ดูเถิด บาปทั้งหมดของเจ้านั้นถูกกลบเลือนไปหมดสิ้นแล้ว บัดนี้หนังสือเล่มนี้ขาวสะอาดแล้ว เจ้าจงเขียนอีกด้วยบทแสดงความรักและฤทธิ์กุศลต่าง ๆ” เบเนเดทตาก็ทำตามคำนั้น เธอดำเนินชีวิตอย่างดีและสิ้นใจตายอย่างศักดิ์สิทธิ์

- บทภาวนา -

            ข้าแต่พรหมจารีมารีอาผู้อ่อนหวาน ในเมื่อหน้าที่ของพระแม่ก็คือการเป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าและคนบาป ตามที่วิลเลี่ยแห่งปารีสได้กล่าวไว้ ลูกจะใช้คำของนักบุญโทมัสแห่งวิลลาโนวามากล่าวแก่พระแม่ว่า “โอ้พระแม่ผู้เป็นผู้เสนอจงกระทำตามหน้าที่ของพระแม่เพื่อลูกเถิด” โปรดอย่ากล่าวว่าเรื่องราวของลูกนั้นยากเกินไป ไม่อาจจะชนะความได้ ไม่ว่ามันจะหมดหวังเพียงไรก็ตาม ถ้าพระแม่เป็นผู้รับไว้แล้วลูกจะไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน คดีของลูกจะพ่ายแพ้หรือ? เปล่าเลยลูกจะไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอนสิ่งเดียวที่ลูกอาจจกลัวก็คือ เมื่อพระแม่เห็นบาปเป็นจำนวนมากของลูก พระแม่อาจจะคิดไม่อยากช่วยลูก แต่เมื่อคิดถึงความเมตตาและความปราถนาอันยิ่งใหญ่ของพระแม่ที่จะช่วยคนบาปที่ถูกทอดทิ้งที่สุดแล้ว ลูกจะไม่กลัวอีกต่อไป มีใครบ้างที่วิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระแม่และสูญเสียวิญญาณของตน เหตุนี้แหละลูกจึงได้เรียกหาความช่วยเหลือจากพระแม่ โอ้ผู้เสนอผู้ยิ่งใหญ่ ที่หลบภัยควยามหวัง โอ้พระแม่มารีอาของลูก

ลูขอมอบความรอดของลูกไว้ในมือของพระแม่ ลูกขอมอบวิญญาณไว้กับพระแม่ วิญญาณที่ได้สูญเสียไปแล้วแต่เป็นหน้าที่ของพระแม่ที่จะช่วให้รอด ลูกจะขอโมทนาคุณพระเป็นเจ้าเสมอที่ได้ประทานความไว้ใจอันยิ่งใหญ่ในพระแม่นี้ให้แก่ลูก แม้ว่าลูกจะไม่เหมาะสมแต่ลูกก็รู้สึกแน่ใจว่าจะได้รับความรอด

            ข้าแต่ราชินีผู้น่ารักยิ่ง ลูกกลัวแต่สิ่งเดียวคือ วันหนึ่งลูกอาจะสูญเสียความไว้ใจในพระแม่เพราะความเลินเล่อของลูกเอง ดังนั้นลูกวอนขอพระแม่ด้วยเดชะความรักที่พระแม่มีต่อพระเยซูเจ้าได้โปรดเพิ่มเติมความหวังอันอ่อนหวานในคำวิงวอนของพระแม่นี้ให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น คำวิงวอนของพระแม่นี้ทำให้ลูกมีความหวังแน่นอนที่จะได้มิตรภาพของพระเป็นเจ้าซึ่งลูกได้ดูหมิ่นและสูญเสียไปจนกระทั่งบัดนี้กลับคืนมา และเมื่อได้กลับคืนมาด้วยความช่วยเหลือของพระแม่ตามที่ลูกหวังไว้แล้ว ลูกจะได้รักษาไว้และในที่สุดกลูกหวังที่จะได้มีโอกาสโมทนาคุณพระเป็นเจ้าในเมืองสวรรค์และร้องสรรเสริญพระมหากรุณาของพระองค์ตลอดนิรันดร อาแมน นี่คือความหวังของลูก ขอให้เป็นไปตามนี้เทอญ