Jesus before
C h r i s t i a n i t y
C h r i s t i a n i t y
บทที่ 06 อาณาจักรพระเจ้า
พระเยซูคงจะได้ใช้ข้อความหลายตอนจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ เพื่ออธิบายภารกิจแห่งการปลดปล่อยที่ตนกําลังทําเพื่อคนจนและคนถูกกดขี่ (ลก.๔,๑๖-๒๑;๗,๒๒;มธ.๑๐,๗-๘) แหล่งข้อมูลของลูกา มีการพูดถึงพระเยซูอ่านหนังสือประกาศกอิสยาห์ในศาลาธรรม ลูกาหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา จัดข้อความจากประกาศกอิสยาห์ ตอนที่อธิบายงานของพระเยซูได้ดีที่สุดใส่เข้าไป แล้วเอาเรื่องนี้ไว้ในตอนแรกเริ่มภารกิจ เป็นเหมือนตั้งโครงการสําหรับงานที่พระเยซูกําลังจะทํา (ลก.๔,๑๖-๒๑) สมมุติว่าพระเยซูไม่ได้ลุกขึ้นอ่านพระคัมภีร์ตอนนี้จริงก็ไม่เป็นปัญหาสําหรับลูกา ที่สําคัญคือลูกาเห็นความสําคัญของข้อความเหล่านี้ ซึ่งจะนําเราให้เข้าใจงานของพระเยซูได้อย่างแท้จริง
1.โครงสร้างการปลดปล่อยของพระเยซู
ข้อความจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ ที่เราต้องสนใจมี ๓ ตอน
ในวันนั้น คนหูหนวก จะได้ยินถ้อยคําจากหนังสือ
เงาและความมืดจะผ่านพ้นไป แล้ว คนตาบอด ก็จะมองเห็น
คนตํ่าต้อย จะมีความชื่นชมในพระเจ้ามากขึ้น
และ คนจนที่สุด จะเริงร่าในพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล (๒๙,๑๘- ๑๙)
เวลานั้น ตาของ คนตาบอด จะเปิดกว้าง
หูของ คนหูหนวก จะเปิดออก
คนง่อย จะกระโดดเหมือนกวาง
ลิ้นของ คนใบ้ จะร้องเพลงด้วยความยินดี (๓๕,๕-๖)
ข้าพเจ้าได้รับจิตของพระเจ้า
เหตุว่าพระองค์ได้เจิมข้าพเจ้า
พระองค์ส่งข้าพเจ้าให้นําข่าวดีไปสู่ คนจน
ให้ไปรักษาใจของ คนระทมทุกข์
ให้ไปประกาศอิสรภาพแก่ ผู้ถูกจองจํา
ประกาศเสรีภาพแก่ ผู้อยู่ในคุก
ให้ไปประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเจ้า (๖๑,๑-๒)
2. การประกาศข่าวดี
คนหูหนวก คนใบ้ คนตาบอด คนง่อย คนจน คนระทมทุกข์ คนถูกจองจํา คําเหล่านี้เป็นคําต่างๆ ที่ใช้เรียกคนจนและคนถูกกดขี่ และคํากริยาในแต่ละประโยคข้างต้นนี้ ก็เป็นคําต่างๆที่ใช้เรียกการกระทําที่พระเจ้าสัญญาว่าจะกระทําต่อคนจนและคนถูกกดขี่กล่าวคือคําว่า กลับได้ยิน กลับมองเห็น รักษาให้หาย นําความยินดี ประกาศอิสรภาพ นําข่าวดี เป็นคําต่างๆที่แสดงถึง การปลดปล่อย หรือช่วยให้รอดพ้น คําที่น่าสังเกตมากเป็นพิเศษคือ การประกาศหรือนําข่าวดี เป็นการปลดปล่อยหรือช่วยให้รอดในรูปแบบหนึ่ง การเทศน์สอนเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการปลดปล่อยที่พระเยซูกระทํา การประกาศพระวรสารให้แก่คนจน หมายถึงการใช้คําพูดเพื่อช่วยพวกเขาให้รอดพ้น
คําว่า "ข่าวดี" หมายถึงเนื้อหา หรือสารที่พระเยซูประกาศให้แก่คนจนและคนถูกกดขี่ "ข่าว" ก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ หรือที่เราแน่ใจว่ากําลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ถ้าเป็น "ข่าวดี" ก็หมายความว่าข่าวนั้นนําความหวังมาให้ ทําให้เรามีกําลังใจ และโดยทั่วไปทําให้คนมีความสุข ฉะนั้นข่าวดีสําหรับคนจนก็หมายความว่าข่าวนั้นนําความหวังและกําลังใจมาให้คนจน
พระเยซูประกาศเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันจะนําความยินดีมาสู่คนจน อาณาจักรพระเจ้าจะมาถึงคนจนและคนถูกกดขี่ คําประกาศหลัก รวมอยู่ในข้อความตอนที่เรามักเรียกว่า "บุญลาภ"
เป็นบุญของคนจน
เพราะอาณาจักรพระเจ้าเป็นของท่าน
เป็นบุญของท่านที่หิวโหยในเวลานี้
เพราะท่านจะได้อิ่มหนํา
เป็นบุญของท่านที่กําลังร้องไห้
เพราะท่านจะได้หัวเราะ (ลก.๖,๒๐-๒๑)
ลูกาได้รักษาคําประกาศดังกล่าวในสภาพที่เหมือนเดิมมากกว่าผู้เขียนพระวรสารอื่นๆ เพราะมันเป็นคําพูดที่พระเยซูพูดกับคนที่อยู่รอบข้าง...พวกท่านคนจน คนหิวโหยและน่าสงสาร มัทธิวได้ดัดแปลงคําประกาศนี้ให้เหมาะกับกลุ่มผู้อ่าน ที่ไม่ใช่คนจนหรือน่าสงสารอะไร มัทธิวจึงขยายข่าวดีให้ครอบคลุมไปถึงคนที่มีใจยากจนหรือร่วมใจกับคนจน ไปถึงคนที่หิวกระหายความชอบธรรม ไปถึงคนที่พยายามทําตัวสุภาพอ่อนน้อมเหมือนคนจน ไปถึงคนที่โศรกเศร้าเสียใจ และคนที่ถูกเบียดเบียนเพราะเป็นศิษย์พระเยซู มัทธิวได้เปลี่ยนคําประกาศให้กลายเป็นคําเร้าใจ (มธ.๕,๑-๑๒)
3. อาณาจักรพระเจ้า มิใช่หลังความตาย
สิ่งต่างๆที่พระเยซูกระทํามีผลทําให้พวกคนจนกลับมีความหวังเกี่ยวกับอนาคต ส่วนคําประกาศที่พูดถึงข้างต้นนี้ก็มีผลต่อคนจนมากเช่นเดียวกัน เดิมทีเดียวความหวังที่ว่านี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับ "สวรรค์" ในความหมายที่เราใช้พูดถึงสถานที่แห่งความสุขหลังจากความตาย คําว่า "สวรรค์" ในสมัยพระเยซูเป็นอีกคําหนึ่งที่ใช้เรียกพระเจ้า เมื่อพูดว่า "อาณาจักรแห่งสวรรค์" ก็คือ"อาณาจักรแห่งพระเจ้า" ได้รางวัลในสวรรค์หรือมีสมบัติในสวรรค์ หมายความว่าเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า คําว่า "สวรรค์" ตามตัวอักษรในภาษายิวหมายความว่าท้องฟ้า และชาวยิวเข้าใจกันว่าท้องฟ้าเป็นที่อยู่ของพระเจ้าและจิตอื่นๆ ชาวยิวไม่เคยพูดว่า คนตายแล้วขึ้นไปสวรรค์ แต่เชื่อว่าทุกคนที่ตายแล้วต้องลงไปใน"เชโอล"(sheol) ซึ่งอาจจะแปลว่าใต้พิภพหรือหลุมฝังศพนั่นเอง แม้สําหรับผู้ที่เชื่อเรื่องการรับคุณรับโทษหลังจากความตายก่อนที่จะกลับเป็นขึ้นมา ก็เชื่อว่าทั้งการรับคุณและรับโทษก็เกิดขึ้นในใต้พิภพนี้เอง เพียงแต่เป็นอย่างละแผนกกัน คนดีไปอยู่ในอ้อมอกของท่านอับบราฮัมในใต้พิภพ ส่วนคนชั่วต้องไปอยู่อีกฟากหนึ่งในใต้พิภพที่ถูกแยกออกด้วยหุบเหวหรือความว่างเปล่า (ลก.๑๖,๒๓-๒๖) ความเชื่อของคริสตศาสนิกชนเกี่ยวกับสวรรค์ดังที่หลายคนเชื่ออยู่ในปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นหลังจากความตายของพระเยซู โดยที่บรรดาศิษย์เชื่อว่าพระเยซูถูกยกขึ้นสวรรค์หรือได้รับยกย่องประทับอยู่เบื้องขวาพระเจ้า
แต่ข่าวดีที่พระเยซูประกาศ ข่าวดีแห่งอาณาจักรพระเจ้า เป็นข่าวดีเกี่ยวกับอนาคตของชีวิตมนุษย์บนโลกเรานี้ เป็นข่าวดีที่ว่าคนจนจะไม่จน คนหิวโหยจะอิ่มหนํา และคนที่ถูกกดขี่จะไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป
ตลอดหลายศตวรรษในอดีต คริสตชนเข้าใจไม่ถูกเกี่ยวกับอาณาจักรพระเจ้า เพราะมีการแปล ลูกา ๑๗,๒๑ ผิดพลาด โดยแปลว่า "อาณาจักรพระเจ้าอยู่ในตัวท่าน" ปัจจุบันนี้นักพระคัมภีร์เห็นพ้องกันว่า ที่ถูก ต้องแปลว่า "อาณาจักรพระเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกท่าน" ประโยคนี้เป็นคําที่พระเยซูพูดตอบโต้กับพวกฟาริสี เมื่อพวกฟาริสีถามว่าอาณาจักรพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด ถ้าตอบว่า "อาณาจักรพระเจ้าอยู่ในตัวท่าน" ก็เท่ากับว่าพวกฟาริสียอมรับสิ่งที่พระเยซูกําลังประกาศอยู่ ซึ่งความจริงแล้วพวกฟาริสีไม่ยอมรับ
4. อาณาจักรพระเจ้า
อาณาจักรพระเจ้าไม่ใช่อยู่ภายในตัวคน แต่คนมีชีวิตความเป็นอยู่ในอาณาจักรพระเจ้า พระเยซูมักจะวาดภาพพจน์อาณาจักรพระเจ้าเป็นสถานที่อะไรบางอย่างที่เข้าออกได้ (มก.๙,๔๗;๑๐,๑๕-๒๓-๒๕;มธ.๕,๒๐; ๗,๒๑; ๑๘,๓; ๒๑,๓๑; ๒๓,๑๓; ยน.๓,๕) กินอยู่ข้างในได้ (มก.๑๔,๒๕; มธ.๘,๑๑-๑๒;ลก.๒๒,๓๐) มีประตูเปิดปิดได้ (มธ.๗,๑๓-๑๔; ๗,๗-๘;๒๓, ๑๓; ๒๕,๑๐-๑๒; ลก.๑๓,๒๔-๒๕;๑๑,๕๒) คล้ายๆกับจะเปรียบเป็นบ้านหรือเมืองที่มีกําแพงล้อมรอบ
เมื่อพูดถึงอาณาจักรแห่งมาร (ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับอาณาจักรพระเจ้า) พระเยซูจะพูดเปรียบเป็นบ้านหรือเมืองอย่างชัดเจน "มารจะขับไล่มารได้อย่างไร ถ้าอาณาจักรใดแตกแยกกันเอง อาณาจักรนั้นจะตั้งอยู่ไม่ได้ ถ้าบ้านใดแตกแยกกันเอง บ้านนั้นก็จะพังลง" (มก.๓,๒๓-๒๕) "ไม่มีใครสามารถทะลวงเข้าไปในบ้านของผู้ที่แข็งแรงกว่าเพื่อจะปล้นเอาสิ่งของ..."(มก.๓,๒๗) "อาณาจักรใดที่แตกแยกกันก็จะถูกทอดทิ้งให้รกร้าง ไม่มีบ้านหรือเมืองใดที่แตกแยกแล้วจะคงอยู่ได้" (มธ.๑๒,๒๕)
นอกนั้นยังมีความเกี่ยวพันกันระหว่างคําว่า "อาณาจักร" กับ "พระวิหาร" พระวิหารที่พระเยซูบอกว่าจะสร้างขึ้นภายใน ๓ วัน (แปลว่าเร็วๆนี้) ไม่ใช่พระวิหารที่สร้างด้วยมือมนุษย์ (มก.๑๔,๕๘) แต่มันคือกลุ่มชนใหม่ ตามม้วนคัมภีร์ที่พบที่กุมรัน กลุ่มชนแห่งกุมรันเรียกตนเองว่าเป็นพระวิหารใหม่ หรือบ้านใหม่ของพระเจ้า เช่นเดียวกัน เมื่อพูดว่าจะสร้างพระวิหารใหม่ พระเยซูหมายถึงจะสร้างกลุ่มชนใหม่
การที่พระเยซูวาดภาพพจน์อาณาจักรพระเจ้าเป็นบ้าน เป็นเมืองหรือเป็นกลุ่มชน ทําให้เราเห็นชัดว่าสําหรับพระเยซู อาณาจักรพระเจ้าหมายถึงสังคมมนุษย์บนแผ่นดินโลกเรานี้ เป็นอาณาจักรหรือสังคมที่มีโครงสร้างทางการเมือง มีกษัตริย์เป็นผู้ปกครอง "อาณาจักรของข้าพเจ้า ไม่ใช่เป็นของโลก" (ยน.๑๘,๓๖) ไม่ใช่หมายความว่าไม่อยู่ในโลกหรือไม่อยู่บนพื้นแผ่นดินนี้ เวลาพระวรสารโดยนักบุญยอห์นพูดถึงพระเยซูและศิษย์ว่า "อยู่ในโลกแต่ไม่เป็นของโลก" (ยน.๑๗,๑๑; ๑๗,๑๔-๑๖) ความหมายมันชัดเจน เราอยู่ในโลกแต่เราไม่ยึดมาตรฐานหรือค่านิยมของโลกมาเป็นหลักแห่งชีวิต ในเมื่อโลกยังถูกครอบงำด้วยอิทธิพลของมาร เมื่อพระเยซูพูดถึงอาณาจักรพระเจ้า ก็มีความหมายเช่นเดียวกัน กล่าวคือ ค่านิยมและอุดมการณ์ของอาณาจักรพระเจ้าไม่เหมือนกับค่านิยมและอุดมการณ์ของอาณาจักรอื่นๆในโลก พระเยซูไม่ได้หมายความว่าอาณาจักรพระเจ้า ลอยอยู่ในอากาศ หรืออยู่เหนือแผ่นดินนี้ แต่หมายถึงความจริงที่จับต้องได้ เป็นองค์กรที่มีโครงสร้างทางสังคม และทางการเมือง
5. อาณาจักรพระเจ้าต่างจากอาณาจักรมาร
อาณาจักรของพระเจ้า ต้องเกี่ยวข้องกับการเมืองและสังคม แต่การเมืองและสังคมในอาณาจักรพระเจ้า ไม่เหมือนกับการเมืองและสังคมในอาณาจักรของมนุษย์กลุ่มต่างๆ ไม่เหมือนกับการเมืองและสังคมในอาณาจักรของมาร
พระเยซูเข้าใจว่า มารกําลังปกครองโลก และเรียกยุคนั้นว่า "ยุคชั่วช้าอธรรม" (มก.๘,๓๘;มธ.๑๙-๓๕;๒๓,๓๓-๓๖) เป็นยุคที่มารหรือความชั่วเป็นใหญ่ เห็นได้ชัดจากการที่คนจนและคนถูกกดขี่ต้องทนทุกข์ทรมานและอยู่ภายใต้อํานาจของจิตชั่ว เห็นได้ชัดจากความหน้าซื่อใจคด ความใจจืดใจดําของพวกคัมภีราจารย์และพวกฟาริสี เห็นได้ชัดจากความโลภและการเอารัดเอาเปรียบของพวกชนชั้นผู้นํา นี่เป็นความจริงที่ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในยุคของพระเยซูเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย นี่แหละอาณาจักรต่างๆของโลกซึ่งตกอยู่ในมือของมาร และมารก็ใช้มนุษย์บางคนเป็นเครื่องมือในการปกครอง และมนุษย์เหล่านี้ต้องกราบไหว้นอบน้อมต่อมัน (มธ.๔, ๘-๑๐) และต้องปกครองตามนโยบายชั่วร้ายของมัน มารเป็นจิตชั่วที่ปกครองโดยทางอ้อม ซีซาร์ เฮรอด ไกฟาส หัวหน้าสงฆ์ พวกผู้หลักผู้ใหญ่ คัมภีราจารย์และฟาริสี ต่างก็เป็นหุ่นเชิดของมารทั้งนั้น พระเยซูประนามโครงสร้างทางสังคมและการเมืองทั้งหมดในสมัยนั้น เพราะมันชั่วร้ายและอยู่ใต้อํานาจมารทั้งสิ้น
เมื่ออาณาจักรพระเจ้ามาถึง พระเจ้าจะเข้าแทนที่มาร พระเจ้าจะเข้าปกครองมนุษยชาติ และจะประทานอํานาจปกครองให้แก่ผู้ที่จะรับใช้พระเจ้าและทําให้แผนการของพระเจ้าสําเร็จไปในสังคมมนุษย์ ความชั่วร้ายจะถูกกําจัดให้หมดไป และประชาชนจะมีจิตของพระเจ้าสิงสถิตอยู่ด้วย
ฉะนั้น ความแตกต่างระหว่าง อาณาจักรของมนุษย์(หรือของมาร) กับ อาณาจักรของพระเจ้า อยู่ตรงที่อย่างแรกคือ สังคมมนุษย์ที่มีความชั่วครอบคลุม และอย่างหลังคือ สังคมมนุษย์ที่มีความดีโอบอุ้ม (ไม่ใช่ว่าอย่างแรกอยู่ในโลกนี้ อย่างหลังอยู่ในโลกอื่น)
ปัญหาอยู่ที่อํานาจและโครงสร้างอํานาจ ในโลกเรานี้มีคนดีอยู่มากมาย แต่ความชั่วยังเหนืออยู่ มารยังกุมอํานาจไว้ในมือ พระเยซูมองกิจกรรมปลดปล่อยที่ตนกําลังทําอยู่นั้นว่า เป็นการช่วงชิงอํานาจกับมาร เป็นสงครามต่อสู้กับมารในทุกรูปแบบ การที่พระเยซูรักษาโรค เป็นเหมือนการเข้าปล้นบ้านเมืองของมาร (มก.๓,๒๗) ที่เป็นไปได้ก็เพราะมีอะไรบางอย่างที่แข็งแรงกว่ามาร นั่นคือความดีแข็งแรงกว่าความชั่ว พระเยซูมั่นใจว่าในที่สุดอาณาจักรพระเจ้าก็จะมีชัยชนะเหนืออาณาจักรมาร และอาณาจักรที่จะคงเหลืออยู่ในโลกก็คืออาณาจักรของพระเจ้าเท่านั้น
แล้วความพินาศที่ยอห์นและพระเยซูพูดถึงเล่า ? พระเยซูคิดว่าอาณาจักรพระเจ้าจะมาถึงหลังจากความพินาศของชาติยิว หรือว่าแทนที่จะมีความพินาศ จะมีอาณาจักรพระเจ้าแทน
ก่อนที่จะตอบคําถามนี้ได้ เราต้องเข้าใจเกี่ยวกับอาณาจักรนี้ให้ละเอียดยิ่งขึ้นก่อน ต้องเข้าใจว่าในทางปฏิบัติจริง ความดีและความชั่วหมายถึงอะไร เราต้องดูว่า พระเยซูคิดอย่างไรเกี่ยวกับโครงสร้างของความชั่วในสังคมมนุษย์ พระเยซูคิดว่า ค่านิยมหลักในอาณาจักรพระเจ้าเป็นอย่างไร ค่านิยมในอาณาจักรพระเจ้าต่างกับค่านิยมในอาณาจักรของมารอย่างไร
คำถาม
1. ข่าวดีคืออะไร ?
2. ท่านเข้าใจอาณาจักรพระเจ้าอย่างไร ?
3. อาณาจักรพระเจ้าอยู่ที่ไหน ?
4. จะรู้ได้อย่างไรว่า บ้านนี้ เมืองนี้ เป็นอาณาจักรพระเเจ้าหรือของมาร?