Skip to main content

สิริมงคลแห่งแม่พระ

05-01 การเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นจำเป็นสำหรับความรอดของเรา

book

“ถอนใจใหญ่ร้องหาท่าน พิลาปร่ำไห้ ในเหวน้ำตานี้”

ความจริงที่ว่า การเรียกหาและสวดของบรรดานักบุญ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งของราชินีแห่งนักบุญทั้งหลาย เพื่เราจะได้รับพระหรรษทานจากพระเป็นเจ้า มิใช่แต่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ยังเป็นสิ่งที่มีประโยชน์นั้น เป็นข้อความเชื่อของเราชาวคริสตังค์ ความเชื่อข้อนี้บรรดาสังคายนา สากล หลายแห่งได้ประกาศไว้เพื่อประท้วงพวกเฮเรติ๊กบางคนที่กล่าวว่า การเชื่อเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งเป็นผู้เสนอแต่เพียงพระองค์เดียวของเรา ถ้าเยเรมีอาสวดให้เยรูซาแลมหลังจากที่ท่านสูญเสียชีวิตไปแล้ว ถ้าบรรดาอัยกาในพระธรรมวิวรณ์ได้นำคำภาวนาของพวกคริสตังค์ไปถวายแด่พระเป็นเจ้า ถ้านักบุญเปโตรสัญญว่าจะระลึกถึงสาวกของท่านหลังจากที่ได้สิ้นใจไปแล้ว ถ้านักบุญสเตฟาโนสวดให้แก่ผู้ที่ประหารชีวิตท่าน ถ้านักบุญเปาโลสวดให้เพื่อน ๆ ของท่าน และถ้าบรรดานักบุญทั้งหลายอาจจะสวดให้เราได้แล้ว ทำไมเราจึงวอนขอให้ท่านสวดให้แก่เราไม่ได้?นักบุญเปาโลขอให้สาวกของท่านสวดให้แก่ท่าน “พี่น้อง ท่านจงสวดให้เราด้วย” นักบุญยาโกเบเร้าใจให้ภาวนาให้แก่กันและกัน “จงสวดให้แก่กันและกันเพื่อท่านจะได้บรรลุถึงความรอด” ดังนี้แล้วเราก็อาจทำเช่นเดียวกันได้

            ไม่มีผู้ใดจะปฏิเสธได้เลยว่า พระเยซูคริสตเจ้าคือ “ผู้เสนอความยุติธรรม” โดยอาศัยพระบารมีของพระองค์ พระองค์ได้โปรดให้เราคืนดีกับพระเป็นเจ้า แต่การกล่าวว่า พระเป็นเจ้าไม่ทรงพอพระทัยที่จะประทานพระหรรษทานของพระองค์ เพราะบรรดานักบุญของพระองค์เป็นผู้วิงวอน หรือเพราะแม่พระ พระมารดาซึ่งพระองค์ทรงปราถนาให้ด้รับเกียรติและความรักอย่างมากมายเป็นผู้วอนขอนั้นย่อมเป็นบาปทีเดียว ใครจะพูดได้ว่า เกียรติที่แม่ได้รับนั้นจะไม่ล้นมาถึงพระบุตรของพระนาง “ความรุ่งเรืองของลูก ๆ อยู่กับพ่อแม่ของตน”

            ดังนั้นนักบุญเบอร์นป็นบาร์โดจึงกล่าวว่า เราไม่ควรจะคิดว่าเราจะทำให้ชื่อเสียงของบุตรมัวหมองไป เพราะคำสรรเสริญที่เราให้แก่มารดาของเขา ตรงกันข้ามยิ่งเรายกย่องมารดาเพียงใด ชื่อเสียงของบุตรของนางก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเพียงนั้น นักบุญอินเดฟอนโซเสริมไว้อย่างสมเหตุสมผลแล้วว่า “พระราชินียิ่งได้รับเกียรติมากเพียงใด พระราชาก็ยิ่งได้รับเกียรติและสูงส่งมากขึ้นเพียงนั้น” ไม่ต้องเป็นที่สงสัยเลยว่า แม่พระได้รับหน้าที่เป็นผู้เสนอแห่งความรอดของเรา โดยอาศัยพระบารมีของพระเยซูเจ้า ถูกแล้ว พระนางมิใช่ผู้เสนอตามความยุติธรรม แต่ในเรื่องพระหรรษทานและการวอนขอ นักบุญโบนาเวนตูราได้กล่าวไว้ว่า “เอว่าผู้ปราศจากความซื่อสัตย์เป็นผู้เสนอแห่งความพินาศ แม่พระผู้ซื่อสัตย์คือผู้เสนอแห่งความรอดของเรา” และนักบุญเลาเร็นซีโอ ยูสตีนีอานีถามว่า “พระนางผู้ถูกตั้งให้เป็นบันไดและประตูแห่งสวรรค์และผู้เสนอที่แท้จริง ระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์นั้น จะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร นอกจากจะเปี่ยมด้วยหรรษทาน?”

            นักบุญอันแซลโมตั้งข้อสังเกตว่า เวล่าที่เราวอนขอพระหรรษทานจากแม่พระนั้น มิใช่เพราะเราขาดความไว้ใจในพระมหากรุณาของพระเป็นเจ้าดอก แต่เพราะเราไม่ไว้ใจในความไม่เหมาะสามของตัวเราเอง เราเสนอตัวของเราแก่แม่พระ เพื่อว่าความเหมาะสมของพระนางจะได้ชดใช้ความบกพร่องของเรา”

            ผู้ที่ไม่มีความเชื่อเท่านั้นที่สงสัยว่า การพึ่งพาอาศัยแม่พระนั้นมิใช่การกระทำที่ศักดิ์สิทธิ์และมีผลประโยชน์ จะพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ จุดประสงค์ของเราในที่นี้ก็คือ การพิสูจน์ให้เห็นว่าคำเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นจำเป็นสำหรับความรอดของเรา มิใช่ว่าจำเป็นอย่างที่จะขาดเสียมิได้ แต่จำเป็นอย่างที่เราไม่ควรจะขาดเสียยิ่งไปกว่านั้น เราขอกล่าวว่า ความจำเป็นนี้มีบ่อเกิดมาจากน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ผู้ทรงปราถนาให้พระหรรษทานทุกประการที่พระองค์ประทานนั้นผ่านมือของแม่พระเสียก่อน นี่คือความเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด ซึ่งทุกวันนี้เราอาจจะพูดได้ว่า เป็นความเห็นทั่วไปของนักเทวศาสตร์และนักศึกษา

            คุณพ่อเอมานูแอลแห่งเยซูมารีอา นักบวชคณะคาร์แมลผู้เขียนหนังสือเรื่อง “การครอบครองของแม่พระ” ก็กล่าวว่าเป็นเช่นนี้และผู้ที่ถือตามท่านก็มีเวก้า เม็นโดซ่า พาซีอูแชลลี เช็กเนรี พอยเรคราเซ และท่านผู้มีความรู้อีกเป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งคุณพ่อโนแอล อเล็กแซนเดรก็มีความเห็นช่นเดียวกันนี้ และตามธรรมดาท่านผู้นี้ออกจะเข้มงวดอยู่สักหน่อยในความคิดเห็นของท่าน ต่อไปนี้เป็นคำพูดของท่านเอง ท่านกล่าวว่า “พระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้เราหวังที่จะได้รับพระหรรษทานทั้งสิ้นจากพระองค์ และให้เราได้รับพระหรรษทานเหล่านี้โดยอาศัยการเสนอวิงวอนอันทรงอำนาจของแม่พระ เมื่อเราเรียกหาพระนาง ซึ่งเป็นการกระทำที่เหมาะสมแล้ว” เพื่อเป็นการพิสูจน์คำพูดของท่าน คุณพ่อโนแอลนำคำของนักบุญเบอร์นาร์โดมาใช้ซึ่งมีอยู่ว่า “นี่คือน้ำพระทัยของพระองค์ กล่าวคือพระองค์ทรงปราถนาให้เราได้รับทุกสิ่งโดยผ่านแม่พระ” คุณพ่อคอนเทนซันเห็นพ้องด้วย เมื่อท่านอธิบายคำที่พระสวามีเจ้าตรัสแก่นักบุญยวงบนไม้กางเขนว่า “นี่แหละแม่ของเจ้า” คล้ายกับพระองค์จะตรัสว่า “ไม่มีผู้ใดที่จะมีส่วนในโลหิตของเรา โดยมิได้ผ่านการเสนอวิงวอนของพระมารดาของเรารอยแผลของเราคือลำธารแห่งพระหรรษทาน แต่น้ำแห่งลำธารนี้จะไม่ไปถึงผู้ใดเลย โดยมิได้ผ่านแม่พระผู้เป็นเหมือนท่อระบายของลำธารนี้ ยวง สานุศิษย์ของเรา เราจะรักเจ้าเท่า ๆ กับที่เจ้ารักพระนาง”

            ข้อสอนที่ว่า พระหรรษทานทุกประการที่เราได้รับจากพระสวามีเจ้ามาถึงเราโดยผ่านแม่พระนั้น ไม่เป็นที่พอใจของนักเขียนสมัยใหม่บางคน แม้ว่าเขาจะพูดถึงเรื่องการมีความศรัทธาที่แท้จริงและในทางที่ผิดในด้านต่าง ๆ ด้วยความสามารถและด้วยความศรัทธามากแต่เวลาเขาพูดถึงการมีความศรัทธาต่อแม่พระนั้น ดูเหมือนว่าเขาไม่เต็มใจถวายสิริมงคล ซึ่งนักบุญเยอร์มานู้ส นักบุญอันแซลโม นักบุญยวง ดามาซีน นักบุญอันโตนีนู้ส นักบุญนาร์ดีนแห่งซีเอนา และท่านเจ้าอาวาสผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งเซเล และผู้ที่มีความรู้เป็นจำนวนมากได้เคยถวายให้แก่พระนาง โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลย ท่านเหล่านี้ได้ให้เหตุผลที่เราได้พูดถึงแล้วคือ การเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นไม่เพียงแต่มี่ประโยชน์เท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอีกด้วย นักเขียนสมัยใหม่ผู้นี้เขาบอกว่า ความคิดเห็นนี้ เป็นแต่เพียงคำเปรียบเทียบ อันเกินความจริงซึ่งหลุดมาจากริมฝีปากของบรรดา นักบุญในเมื่อท่านเร่าร้อนไปด้วยความศรัทธา เขาบอกว่า ที่จริงเราต้องเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ว่า เราได้รับพระเยซูเจ้าโดยอาศัยพระบารมีของพระองค์ การเชื่อว่าพระเป็นเจ้าจะประทานพระหรรษทานใด ๆ ไม่ได้โดยที่แม่พระมิได้วิงวอนนักเขียนผู้นี้บอกว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะนักบุญเปาโลบอกเราว่า เรายอมรับแต่เพียงพระเป็นเจ้าพระองค์เดียวและผู้เสนอระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น คือ พระเยซูคริสตเจ้า

            ตามความคิดเห็นที่เขายอมรับในหนังสือของเขาเองนั้นการเสนอตามความยุติธรรมเพราะบุญกุศลนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการเสนอในเรื่องพระหรรษทานโดยอาศัยการภาวนานั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือ การพูดว่า พระเป็นเจ้าไม่สามารถ และการพูดว่าพระองค์ ไม่ทรงปราถนา ที่จะประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยไม่มีแม่พระเป็นผู้เสนอวิงวอนนั้น ผิดกันมาก!  เรายอมรับอย่างแน่นอ นทีเดียวว่า พระเป็นเจ้าคือบ่อเกิดแห่งความดีทุกประการ และทรงเป็นเจ้าของเด็ดขาดของพระหรรษทานทั้งสิ้น และแม่พระนั้นเป็นเพียงมนุษย์ ผู้ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระนางมีอยู่เป็นบำเหน็จจากพระเป็นเจ้าเท่านั้นเอง แต่ใครเล่าจะปฏิเสธได้ว่า การที่พระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้พระหรรษทานที่มีไว้สำหรับวิญญาณที่ได้รับการไถ่บาปแล้วต้องผ่านมือแม่พระและให้พระนางเองเป็นผู้แจกจ่ายนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องตากหลักเหตุผลและเหมาะสมที่สุด ในเมื่อพระนางได้เคยรักและให้เกียรติแก่พระองค์ตลอดชีวิตของพระองมากกว่าผู้อื่น และพระองค์เองเป็นผู้เลือกให้พระนางเป็นพระมารดาแห่งพระบุตรผู้เป็นองค์พระมหาไถ่ของเราทุกคน เราพร้อมที่จะยอมรับว่า พระเยซูคริสตเจ้านั้นเป็น “ผู้เสนอแห่งความยุติธรรม” แต่ผู้เดียว ตามที่เราได้กล่าวมาแล้ว เพราะพระองค์ได้รับพระหรรษทานและความรอดให้แก่เราโดยอาศัยพระบารมีของพระองค์ แต่เรากล่าวว่า แม่พระเป็นผู้เสนอวิงวอนแห่งพระหรรษทาน แน่ละ สิ่งใดที่พระนางได้รับ พระนางได้รับโดยอาศัยพระบารมีของพระคริสตเจ้า ดังนั้นพระนางจึงวอนขอและสวดภาวนาในพระนามของพระองค์ แต่อย่างไรก็ตาม พระหรรษทานทุกประการที่เราแสวงหานั้น เราจะได้รับก็โดยอาศัยการภาวนาและการเสนอวิงวอนของพระนางเท่านั้น

            ในเรื่องนี้ไม่มีสิ่งใดเลยที่ผิดต่อข้อความเชื่อ ที่จริงเป็นสิ่งที่พ้องตามคำสอนของพระศาสนจักรมาก พระศาสนจักรได้รับรองบทภาวนาเป็นจำนวนมากซึ่งได้สอนให้เราหันไปพึ่งพาอาศัยแม่พระเสมอไป มีบทภาวนามากมายที่เรียกแม่พระว่า ความรอดของคนไข้ ที่หลบภัยของคนบาป องค์อุปถัมภ์ของคริสตังค์ ชีวิตและความหวังของเราในบทออฟีชีอุมสำหรับวันฉลองของแม่พระ พระศาสนจักรเอาคำของพระคัมภีร์มาใช้กับแม่พระ เพื่อให้เราเข้าใจว่าเราจะได้พบกับความหวังทั้งสิ้นของเราในพระนาง “ในตัวเรามีความหวังแห่งชีวิตและฤทธิ์กุศล” ในแม่พระเราพบกับพระหรรษทานทุกประการ “ในตัวเรามีพระหรรษทานแห่งหนทางและความจริงทั้งสิ้น” ในแม่พระเราพบกับชีวิตและความรอดตลอดนิรันดร “ผู้ที่พบเรา จะพบชีวิตและจะได้รับความรอดจากพระสวามีเจ้า” อีกแห่งหนึ่งในพระคัมภีร์เราอ่านพบว่า “ผู้ที่ทำงานเคียงข้างกับเราจะไม่ทำบาป ผู้ที่อธิบายเราจะมีชีวิตนิรันดร” ที่ได้กล่าวมานี้แสดงให้เห็นว่าเราต้องการการเสนอวิงวอนของแม่พระมากเพียงไร?

            นี่แหละคือสิ่งที่บรรดานักเทวศาสตร์ และปิตาจารย์ของพระศาสนจักรได้ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักแน่ใจ การที่จะพูดว่าเมื่อท่านเหล่านี้กล่าวถึงแม่พระ ท่านพูดเกินความจริงไปและคำพูดของท่านหลุดมาจากริมฝีปากในขณะที่เร่าร้อนไปด้วยความศรัทธาดังที่นักเขียนสมัยใหม่ผู้นี้เขากล่าวหานั้ยย่อมเป็นการพูดที่ผิด เราไม่ควรจะพูดว่าบรรดาท่านนักบุญพูดเกิน่ความจริง ท่านนักบุญเต็มไปด้วยพระจิตเจ้าซึ่งเป็นองค์แห่งความจริง และพระองค์ตรัสแก่เราโดยอาศัยท่านเหล่านี้

            โปรดให้อภัยโทษข้าพเจ้าที่จะขอแสดงความคิดเห็นของข้าพเจ้าเองในเรื่องนี้ คือ เมื่อความคิดเห็นหันไปในทางที่จะให้เกียรติแก่แม่พระซึ่งมีราฐานอยู่ในความเชื่อ ไม่ขัดแย้งต่อข้อความเชื่อและกฏของพระศาสนจักรหรือความจริงแล้ว การปฏิเสธไม่ยอมถือตาม หรือการโต้แย้งเพราะฝ่ายตรงกันข้ามอาจจะถูกแล้ว ย่อมแสดงให้เห็นว่าคนผู้นนั้น มีความศรัทธาต่อแม่พระน้อยเต็มที ตัวข้าพเจ้าจะไม่ขอรวมอยู่กับผู้ที่มีความศรัทธาต่อแม่พระน้อย และข้าพเจ้าจะขออยู่ในจำพวกผู้ที่เชื่อทุกอย่างซึ่งเราอาจจะเชื่อได้อย่างมั่นคง โดยไม่ผิดต่อข้อความเชื่อในเรื่งที่เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของแม่พระดีกว่า เมื่อท่านเจ้าอาวาสรูเพิร์ตกล่าวถึงวิธีต่าง ๆ ที่เราอาจจะสรรเสริญแม่พระได้ท่านกล่าวว่า ทางที่ข้าพเจ้าว่านี้เป็นทางที่เด่นที่สุดคือ “การเชื่อมั่น่ในทุกอย่างที่จะทำให้พระนางมีเกียรติมงคลมากขึ้น” ถ้าไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ความกลัวว่าเราจะสรรเสริญแม่พระมากเกินไป สูญหายไปแล้ว ก็ให้เราเชื่อคำของนักบุญเอากูสตีโนเถิด ท่านนักบุญกล่าวว่า สิ่งใดก็ตามที่เรากล่าวเพื่กอเป็นการสรรเสริญแม่พระ มันก็ยังน้อยเกินไปเมื่อเรามาเปรียบกับเกียรติของพระนางในฐานะที่เป็นมารดาของพระเป็นเจ้า และพระศาสนจักรกำหนดให้เราสวดในมิสซาของแม่พระว่า “โอ้พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ แม่พระมีโชคดีจริง ๆ และเหมาะสมแก่คำสรรเสริญทุกประการเป็นอย่างยิ่ง”

            แต่เราจงหันกลับมาพูดถึงเรื่องที่เรากำลังพูดค้างกันอยู่เถิดและพิจารณาดูซิว่า บรรดานักบุญได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้างนักบุญเบอร์นาร์โดกล่าวว่า พระเป็นเจ้าโปรดให้แม่พระเปี่ยมไปด้วยพระหรรษทาน เพื่อว่าด้วยอาศัยแม่พระผู้เปรี่ยบเสมือนท่อพระหรรษทานมนุษย์จะได้รับสิ่งต่าง ๆ ที่ตนต้องการ ท่านกล่าวว่า “ก่อนที่แม่พระจะบังเกิดนั้น มิได้มีพระหรรษทานที่หลั่งไหลมาในโลกอย่างมากมายดังเช่นนี้สำหรับมนุษย์ทุกคน เพระว่าบ่อเก็บพระหรรษทานซึ่งมนุษย์ปราถนานักหนายังมิได้บังเกิด” แล้วท่านเสริมว่า เพราะเหตุนี้แหละที่พระเป็นเจ้าประทานแม่พระให้แก่โลกเพื่อว่าพระหรรษทานจะได้หลั่งไหลจากพระเป็นเจ้าลงมายังมนุษย์โดยอาศัยพระนาง

            โฮโลแฟร์เนสได้ออกคำสั่งให้ทำลายที่เก็บน้ำ เพื่อจะได้ทำการยึดเมืองเบรูลีอาให้เป็นผลสำเร็จ ในทำนองเดียวกัน ผีปีศาจจะพยายามสุดความสามารถของมันในอันที่จะทำให้มนุษย์สูญเสียความศรัทธาต่อแม่พระ ถ้าท่อธารแห่งพระหรรษทานนี้ปิดแล้ว ปีศาจก็จะเอาชนะเขาได้โดยไม่ลำบากเลย นักบุญเบอร์นาร์โดจึงกล่าวต่อไปว่า “ดูซิว่าพระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้เรามีความศรัทธาต่อแม่พระอย่างอ่อนหวานเพียงไร? พระองค์ประทานพระหรรษทานอันเปี่ยมล้นไว้ในพระนาง จนกระทั่งความหวังที่จะเอาตัวรอดทั้งหมดจะมาถึงตัวเราได้ก็โดยอาศัยพระนางนั่นเอง นับุญอันโตนีนุสก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า “พระหรรษทานทุกประการที่พระเป็นเจ้าได้ประทานแก่มนุษย์นั้น่ต้องผ่านแม่พระเสียก่อน”

            เราเปรียบแม่พระว่าเป็นเสมือนดวงจันทร์ นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวว่า เหตุผลมีอยู่ว่า ดวงจันทร์นั้นเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับโลกของเรา และส่องแสงที่ได้รับมายังโลก ในทำนองเดียวกัน แม่พระก็ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ พระนางประทานพระหรรษทานแห่งสวรรค์ซึ่งพระนางได้รับการดวงอาทิตย์แห่งความยุติธรรมคือพระเยซูเจ้า ให้หลั่งไหลมายังโลกมนุษย์

            แม่พระได้ชื่อว่าเป็น “ประตูสวรรค์” ตามความคิดเห็นของนักบุญเบอร์นาร์โด กติกาการประทานความช่วยเหลือหรือให้อภัยโทษของมหากษัตริย์ต้องผ่านประตูราชวังฉันใด พระหรรษทานทุกประการก็ต้องผ่านมือของแม่พระฉันนั้น

            นักเขียนในสมัยโบราณท่านหนึ่ง ซึ่งได้เขียนบทเทศน์สำหรับวันแม่พระถูกยกขึ้นสวรรค์ซึ่งได้จัดพิมพ์ขึ้นรวมกับหนังสือของนักบุญเยโรนีโมกล่าวว่า พระหรรษทานทั้งสิ้นนั้นรวมอยู่ในพระคริสตเจ้าในฐานะที่พระองค์เป็นเสมือนศีรษะ จากศีรษะนี้พระหรรษทานที่อำนวยชีวิตทั้งหลายได้หลั่งไหลมายังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย พระหรรษทานที่เขาต้องการในอันที่จะบรรลุถึงชีวิตนิรันดร แต่พระหรรษทานเดียวกันนี้ก็อยู่ในพระแม่ด้วย เพราะพระนางเป็นเสมือนลำคอซึ่งระบายพระหรรษทานทรงชีวิตนี้มายังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นักบุญเบอร์นาร์ดีนแห่งซีเอนาก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ท่านกล่าวว่า “พระหรรษทานที่อำนวยชีวิตได้หลั่งไหลมายังพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าผู้เป็นเสมือนศีรษะโดยผ่านแม่พระ”

            นักบุญโบนาเวนตูราพยายามที่จะให้เหตุผลในเรื่องนี้เมื่อท่านอ้างว่า ในเมื่อพระเป็นเจ้าทรงเลือกที่จะสถิตอยู่ในครรภ์ของแม่พระเราอาจพูดได้ว่า แม่พระได้รับสิทธิ์เหนือพระหรรษทานทั้งสิ้นเมื่อพระเยซูเจ้าทรงกำเนิดมาจากครรภ์อันบริสุทธิ์ของพระนาง ก็เกิดมีลำธารแห่งพระหรรษทานหลั่งไหลมาจากพระนาง คล้ายกับว่ามาจากมหาสมุทรแห่งพระเป็นเจ้า นักบุญเบอร์นาดีนแห่งซีเอนาก็กล่าวในทำนองเดียวกัน แต่ว่าชัดเจนกว่า เมื่อท่านกล่าวว่า ตั้งแต่เวลาที่พระวจนาถทรงปฏิสนธิในครรภ์ของพระมารดาผู้บริสุทธิ์ เราอาจจะพูดได้ว่า พระนางได้มีสิทธิ์พิเศษในพระราชทานต่าง ๆ ที่เราได้รับจากพระจิตเจ้า จนกระทั้งไม่มีผู้ใดเลยที่ได้รับพระหรรษทานใด ๆ ทั้งสิ้นโดยที่พระหรรษทานนั้นมิได้ผ่านมือแม่พระเสียก่อน

            ท่านผู้ทำนายเยเรมีอากล่าวในคำทำนายของท่านว่า “หญิงคนหนึ่งจะทำวงล้อมรอบชาย” นักเขียนผู้หนึ่งอธิบายคำพูดนี้ว่า เราจะลากเส้นผ่านเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของวงกลมโดยไม่ผ่านเส้นรอบวงกลมนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ฉันใดก็ฉันนั้น ไม่มีพระหรรษทานใดที่จะมาจากพระเยซูเจ้า ผู้เป็นจุดศูนย์กลางแห่งความดีทั้งหลายโดยมิได้ผ่านแม่พระผู้ล้อมรอบพระองค์ ในเมื่อพระนางรับพระองค์ไว้ในครรภ์ของพระนาง

            จากความจริงข้อนี้ นักบุญเบอร์นาดีนจึงสรุปความว่าพระราชทานทั้งหลาย ฤทธิ์กุศลและพระหรรษทานทั้งสิ้น จะได้รับการแจกจ่ายโดยผ่านมือแม่พพระสให้แก่ผู้ที่พระนางปราถนาตามกำหนดเวลาและตามแบบแผนที่พระนางปราถนา ริชาร์ดแห่งนักบุญเลาเร็นซีโอก็กล่าวด้วยว่า สิ่งก็ตามที่พระเป็นเจ้าทรงปราถนาจะประทานให้แก่มนุษย์ พระองค์ประทานให้โดยผ่านมือแม่พระ นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้ท่านเจ้าอาวาสแห่งเซลส์สนับสนุนให้ทุก ๆ คนเข้ามาพึ่ง “ขุมสมบัติแห่งพระหรรษทาน” นี้ดังที่ท่านเรียกพระนาง ท่านกล่าวว่า “จงไปหาพรหมจารีผู้นี้เถิด เพราะว่าโลกเราจะได้รับพรทุกประการก็โดยอาศัยพระนาง”

            บัดนี้คงจะเป็นที่แจ่มแจ้งแก่ทุกคนแล้วว่า ในเมื่อบรรดานักเขียนและนักบุญบอกเราว่า พระหรรษทานทั้งสิ้นมาถึงตัวเราโดยผ่านแม่พระนั้น ท่านมิได้มุ่งหมายที่จะกล่าว (ดังที่นักเขียนที่เรากล่าวถึงเขาคิด) ว่าเราได้รับพระเยซูคริสตเจ้าที่มาแห่งพระหรรษทานทุกประการโดยอาศัยแม่พระ ท่านนักเขียนและท่านนักบุญเหล่านั้นให้ความแน่ใจแก่เราว่า หลังจากที่พระเป็นเจ้าประทานพระเยซูคริสตเจ้าให้แก่เรา พระองค์ทรงปราถนาว่า ตั้งแต่เวลานั้นจนกระทั่งวันสิ้นพิภพ พระหรรษทานต่าง ๆ ที่พระองค์จะประทานให้แก่มนุษย์ด้วยเดชะพระบารมีของพระเยซูคริสตเจ้านั้น จะต้องผ่านมือแม่พระ และพระนางจะต้องเป็นผู้วอนขอให้เรา

            คุณพ่อซูอาเรสสรุปความว่า ในปัจจุบันนี้ พระศาสนจักรสอนโดยทั่วไปว่า คำเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นมิใช่แต่จะมีปรโยชน์เท่านั้น ยังจำเป็นอีกด้วย ดังที่เราได้กล่าวไว้แล้วว่า การเสนอวิงวแนนี้ไม่จำเป็นจนถึงกับว่าไม่มีไม่ได้ เพราะคำเสนอวิงวอนพระคริสตเจ้าเท่านั้นที่มีความจำเป็นแบบนี้ พระศาสนจักรเห็นพ้องกับนักบุญเบอร์นาร์โดว่า พระเป็นเจ้าทรงกำหนดไว้ว่า พระองค์จะไม่ประทานพระหรรษทานใด ๆ โดยมิได้ผ่านมือแม่พระเสียก่อน แม้ก่อนเวลาของนักบุญเบอร์นาร์โด นักบุญอิลเดฟอนโซก็ได้พูดในทำนตองเดียวกันแล้ว เมื่อท่านกล่าวกับพระนางว่า “โอ้พระแม่มารีอา พระสวามีเจ้าทรงกำหนดไว้ว่า ความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงปราถนาจะประทานให้แก่มนุษย์นั้น พระองค์ได้ฝากไว้ในมือของพระแม่ “นักบุญเปโตร ดามีอาโนตั้งข้อสังเกตว่า พระเป็นเจ้าจะไม่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์โดยที่แม่พระมิได้ยินยอมเพราะเหตุผลสองประการคือ ประการแรก เพื่อว่าเราจะได้รู้สึกว่าเราเป็นหนี้แม่พระอย่างสูง และประการที่สองก็คือ เพื่อให้เราเข้าใจว่า พระองค์ได้ปล่อยให้แม่พระเป็นผู้ดูแลและตัดสินความรอดของเรา

            ท่านผู้ทำนายอีซาอีกกล่าวว่า “แล้วจะมีหน่อจากรากของเยสเซ และจะมีดอกไม้ออกจากรากนี้ และพระจิตแห่งพระสวามีเจ้าจะสถิตอยู่กับท่าน” ซึ่งหมายความว่า พรหมจารีผู้หนึ่ง คือ แม่พระจะมีการกำหนดมาจากผู้สืบตระกูลของเยสเซและจากตัวพระนางเองจะมีดอกไม้ คือพระวจนาถ ผู้ทรงรับเอากาย เมื่อรำพึงถึงคำทำนายนี้ นักบุญโบนาเวนตูรากล่าวคำอันสวยงามดังต่อไปนี้ออกมาว่า “ใครก็ตามที่ปราถนาจะได้พระหรรษทานของพระจิตเจ้า ก็ควรจะแสวงหาดอกไม้ที่บนก้าน ด้วยอาศัยกิ่งไม้เราจะมาถึงดอกไม้เอง และโดยอาศัยดอกไม้นี้เราจะได้พบกับพระจิตเจ้า กล่าวคือ ขอให้ทุกคนแสวงหาพระเยซูเจ้าโดยอาศัยแม่พระ แล้วหลังจากที่ได้พบพระเยซูเจ้าโดยอาศัยแม่พระเราจะได้มาถึงพระจิตเจ้าของพระเป็นเจ้าโดยอาศัยพระเยซูเจ้า

            ในบทที่สิบของหนังสือเล่มเดียวกันนี้ ท่านนักบุญได้เสริมว่า “ถ้าท่านปราถนาจะเป็นเจ้าของดอกไม้นี้ ก็จงดึงกิ่งไม้ที่มีดอกไม้นี้ลงมาโดยการภาวนาของท่าน นี้คือทางที่จะทำให้ท่านได้ดอกไม้นั้นมาเป็นกรราสิทธิ์ ในบทเทศน์สำหรับวันฉลองพระคริสตประจักษ์นักบุญฟรันซิสอธิบายคำในพระวรสารที่ว่า “พวกเขาพบพระกุมารกับพระมารดาของพระองค์” แล้วท่านบ่งไว้ว่า ถ้าเราต้องจะพบพระเยซูเจ้า เราต้องไปหาแม่พระ และโดยอาศัยพระนางเทานั้น” ผู้ที่ไม่พยายามแสวงหาพระเยซูเจ้ากับพระแม่ ผู้นั้นเสียเวลาแสวงหาพระองค์เปล่า ๆ นี่คงจะเป็นเหตุผลให้นักบุญอิลเดฟอนโซกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยากจะเป็นทาสของพระเยซูเจ้า แต่ในเมื่อไม่มีผู้ใดที่จะเป็นทาสของพระบุตรโดยไม่เป็นทาสพระมารดาของพระองค์ได้ ข้าพเจ้าจึงทำตัวให้เป็นทาสของแม่พระด้วย”

- ตัวอย่าง -

            ทั้งวินเซนต์แห่งบอแวส์ และเซซารีอูสได้เล่าเรื่องต่อไปนี้ เรื่องมีอยู่ว่า ชายหนุ่มที่มีตระกูลคนหนึ่งกลับกลายเป็นคนยากจนมากเพราะความชั่วช้าของตนจนถึงกับต้องไปขอทาน เด็กหนุ่มนี้รู้สึกอับอายขายหน้า จึงได้เดินทางออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนไปอยู่ที่เมืองไกล ในระหว่างทางเขาไปพบกับคนใช้เก่าของบิดาของเขาคนหนึ่ง เมื่อคนใช้ผู้นี้เห็นสภาพที่น่าอนาถของเขาก็สัญญาว่าจะนำเขาไปหาผู้มีบุญที่ร่ำรวยคนหนึ่ง ที่อาจจะให้ทุกอย่างแก่เขาได้

            คนใช้คนนี้เป็นหมอผี เขานำชายหนุ่มผู้นั้นไปกลางทะเลสาบในกลางป่าแห่งหนึ่ง และเริ่มพูดกับผู้ที่ไม่มีตัวตน เมื่อชายหนุ่มถามว่าเขาพูดกับใคร เขาก็ตอบว่า “ข้าพเจ้ากำลังพูดกับปีศาจ” ชายหนุ่มผู้นั้นก็รู้สึกกลัว แต่คนใช้ก็ยังคุยกับปีศาจอยู่ต่อไป เขากล่าวว่า “เด็กหนุ่มคนนี้สูญเสียทุกอย่าง เขาอยากจะได้ฐานะเก่าของเขากลับคืนมา” ปีศาจตอบว่า “ถ้ามันเต็มใจที่จะนบนอบข้า ข้าจะทำให้มันรวยกว่าเก่าเสียอีก แต่ก่อนอื่นมันต้องปฏิเสธพระเป็นเจ้า”

            ชายหนุ่มนั้นยิ่งตกใจใหญ่ แต่คนใช้ผู้นั้นก็ชักชวนและให้เหตุผลต่าง ๆ จนในที่สุดเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารก็ยินยอมและปฏิเสธพระเป็นเจ้า แต่เจ้าปีศาจยังไม่พอใจ มันกล่าวว่า “เจ้าต้องปฏิเสธแม่พระด้วย เพราะแม่พระคือศัตรูที่สำคัญของเรา ดูซิว่ามีวิญญาณเป็นจำนวนมากมายเพียงไรที่พระนางแย่งไปจากเมืองของเรา และนำกลับไปหาพระเป็นเจ้า?” แต่ชายหนุ่มตอบว่า “ข้าไม่ยอมเด็ดขาดข้าจะไม่ยอมปฏิเสธแม่พระเป็นอันขาด พระนางคือมารดา ชีวิตและความหวังของข้า ข้าจะยอมมีชีวิตเป็นขอทาน่ต่อไปดีกว่า” พูดแล้วเขาก็วิ่งออกไปจากที่นั้น

            ในระหว่างที่เขาเดินทางต่อไปนั้น เขาเผอิญผ่านไปที่หน้าวัดแห่งหนี่งซึ่งเป็นวัดที่ถวายให้แก่แม่พระ เขาจึงเข้าไปคุกเข่าต่อหน้ารูปแม่พระ หัวใจปั่นป่วนและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาวอนขอแม่พระให้ช่วยวิงวอนเพื่อเขา

            ในทันใดนั้นแม่พระก็ปรากฏและมาเริ่มสวดให้เขา ครั้งแรกพระบุตรของพระนางกล่าวว่า “แต่พระแม่เจ้า คนอกตัญญูนี้ได้ปฏิเสธลูก” แม่พระก็ยังคงสวดต่อไป ในที่สุดพระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระแม่เจ้า ลูกไม่เคยปฏิเสธอะไรแก่พระแม่เลย เอาละ ลูกจะยกโทษให้เขา เพราะพระแม่ขอไว้อย่างนั้น”

            บุรุษที่เข้ามาครอบครองสมบัติของชายหนุ่มนั้น เผอิญไปเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเข้า เมื่อเห็นว่าความเมตตาของแม่พระช่างเป็นที่น่าจับใจถึงเพียงนี้ เขายกธิดาของเขาให้แต่งงานกับชายหนุ่มนั้นและตั้งให้ทั้งสองเป็นผู้สืบมรดกของเขา ดังนี้แหละ แม่พระจึงเป็นสาเหตุให้เขาได้ตั้งตัวใหม่ฝ่ายกายและวิญญาณ

- บทภาวนา -

            วิญญาณข้าเอ๋ย ลองคิดดูซิว่า การที่พระเยซูเจ้าทรงดลใจให้เรามีความไว้ใจในพระมารดาของพระองค์นั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งความรอดและชีวิตนิรันดรอันแน่นอนเพียงไร? เพราะความผิดของเจ้าในเวลาที่ล่วงมาแล้ว เจ้าได้ทำให้พระองค์ไม่พอพระทัย ทำให้ตัวเองสมแล้วที่จะไปฝังอยู่ในขุมนรก ฉะนั้นจงโมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระที่ได้มาเป็นผู้คุ้มครองเจ้า

            ถูกแล้ว พระแม่เจ้าข้า ลูกขอโมทนาคุณพระแม่สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระแม่ได้กระทำให้แก่ลูก ลูกสำนึกตัวแล้วว่าสมควรที่ต้องไปอยู่ในนรก พระแม่ได้โปรดให้ลูกพ้นภัยอันตรายอย่างมากเพียงไรมาแล้ว? มีความในจิตใจและพระหรรษทานมากมายเพียงไรที่พระแม่ได้วอนขอพระเป็นเจ้าให้แก่ลูก? และแล้วลูกได้ให้เกียรติอะไรแก่พระแม่บ้าง?

            คุณความดีของพระแม่เท่านั้นที่นำพาลูกมาถึงแค่นี้ แม้ว่าลูกจะสละโลหิตและพลีชีวิตเพื่อพระแม่ ลูกก็จะทำการใช้หนี้ให้แก่พระแม่ได้แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในการที่พระแม่ได้โปรดให้ลูกรอดจากความตายชั่วนิรันดร พระแม่ได้ช่วยให้ลูกได้พบพระหรรษทานอีกครั้งหนึ่ง ทุกสิ่งที่อยู่ในตัวลูกและเป็นเป็นของลูก ลูกเป็นหนี้พระแม่

            พระมารดาอ่อนหวานยิ่ง เพราะลูกเป็นผู้ที่มีความอกตัญญูลูกไม่อาจจะทำอะไรให้แก่พระแม่ได้นอกจากจะรักและสรรเสริญพระแม่ต่อไป โปรดอย่าได้หันหน้าไปจากความรักของลูกคนหนึ่งซึ่งกำลังเปี่ยมล้มไปด้วความกตัญญูในคุณความดีของพระแม่ ถ้าดวงใจของลูกไม่อาจจะรักพระแม่ให้มากเท่าที่พระแม่ควรจะได้รับ เพราะความไม่บริสุทธ์หรือเพราะความติดใจในสิ่งฝ่ายโลก ก็ขอให้พระแม่ทำความสะอาดและเปลี่ยนแปลงวิญญาณนี้ โปรดให้ลูกชิดสนิทกับพระบุตรของพระแม่ และผูกมัดลูกไว้กับพระองค์จนกระทั่งลูกไม่อาจจะถอนตัวออกไปจากพระองค์ได้ พระแม่ขอให้ลูกรักพระเป็นเจ้า จึงเป็นหน้าที่ของพระแม่ที่จะวอนขอพระหรรษทานให้แก่ลูกรักพระองค์ โปรดให้ลูกรักพระองค์แต่ผู้เดียวและเสมอไปเถิด อาแมน

series002

05-01 การเสนอวิงวอนของแม่พระนั้นจำเป็นสำหรับความรอดของเรา