Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 11 "ค่าของเวลา"

book

1. เวลาเป็นเงินเป็นทอง

            พระจิตเจ้าตรัสว่า: ลูกเอ๋ย จงระวังรักษาเวลาเถิด เวลาเป็นสิ่งมีค่าเป็นของประทานอันใหญ่ยิ่งที่พระเป็นเจ้าอาจจะประทานให้แก่มนุษย์ผู้ดำรงอยู่ในโลกนี้ แม้คนนอกพระศาสนา ก็รู้จักคุณค่าของเวลา เช่น ท่านเซเนกา กล่าวว่า “ไม่มีอะไร มีค่าเท่าเวลา” (1) แต่บรรดานักบุญตีราคาค่าของเวลาดีกว่านี้อีกนักบุญแบร์นาร์ดีโนแห่งซีเอนา กล่าวว่า “เวลานาทีหนึ่ง มีค่าเท่ากับพระเป็นเจ้าเพราะว่า ในทุก ๆ นาที มนุษย์อาจใช้รับพระหรรษทาน และสิริมงคลตลอดนิรันดรได้ ด้วยการเป็นทุกข์ถึงบาป หรือด้วยการรักพระเป็นเจ้า” (2)

            เวลาเป็นทรัพย์ที่มีอยู่เฉพาะในชีวิตนี้ แต่ไม่มีในชีวิตหน้า ไม่มีในนรกไม่มีในสวรรค์ ในนรก นักโทษจะคร่ำครวญว่า “โอ้! หากเรามีเวลาอีกล่ะ!” เขาจะยอมเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่จะได้เวลาสักหนึ่งชั่วโมง จะได้แก้ไขความเสียใจ แต่สมมุติว่า ชาวสวรรค์จะเสียใจได้ ท่านคงจะครำครวญ เพราะเมื่ออยู่ในโลกได้เสียเวลา อันอาจจะทำให้ท่านได้รับสิริมงคลยิ่งขึ้น และท่านคงจะเสียดายที่จะหาเวลานั้นต่อไปไม่ได้แล้ว ภคินีคณะนักบุญเบเนดิกโตผู้หนึ่ง หลังแต่ตายไปแล้ว ได้ประจักษ์มาหาบุคคลหนึ่ง กอบด้วยรูปงามรุ่งโรจน์ และกล่าวว่า: ดิฉันมีความสุขอิ่มใจเต็มที่อยู่แล้ว แต่หากดิฉันอาจจะปรารถนาอะไรได้อีก ดิฉันก็ใคร่จะกลับมาอยู่ในโลก สำหรับทนความยากลำบาก เพื่อจะได้รับสิริมงคลยิ่งขึ้นแล้วเธอเสริมว่า: ดิฉันยินดีจะทนความเจ็บไข้ ที่ทำให้ดิฉันตายคราวที่แล้ว ดังนี้เรื่อยไปจนถึงวันพิพากษา เพื่อจะได้รับสิริมงคลเท่า ๆ กับบุญกุศลของการสวดวันทามารีอาบทเดียวเท่านั้น

            พี่น้อง แล้วท่านหละ ท่านได้ใช้เวลาในการทำอะไร? เหตุไร สิ่งที่ท่านทำได้ในวันนี้ ท่านกลับผลัดไว้พรุ่งนี้เสียเรื่อย? จงคิดเถิดว่าเวลาที่ล่วงไปแล้วมันไม่เป็นของของท่านอีกต่อไป เวลาข้างหน้า ก็ไม่อยู่ในกำมือของท่าน ท่านมีแต่เวลาปัจจุบัน เพื่อจะสร้างความดี นักบุญแบร์นาร์โด เตือนว่า “คนอาภัพเอ๋ยทำไม เจ้าบังอาจหวังในเวลาข้างหน้า เหมือนว่า พระเป็นเจ้าทรงมอบเวลาไว้ในอุ้งมือของเจ้า กระนั้นหรือ” (3) ส่วนนีกบุญเอากุสติน กำชับว่า “อะไรกัน ทำไมเจ้าจึงสัญญากับตนเองว่า จะมีวันพรุ่งนี้ ในเมื่อเจ้าจะมีชีวิตต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมงหรือไม่เจ้าก็ไม่รู้” (4) ฉะนั้น นักบุญเทเรซาจึงลงความเห็นว่า “หากในวันนี้เจ้าไม่พร้อมจะตาย ก็ให้กลัวไว้เถอะว่าเจ้าจะตายร้าย”

            ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอขอบพระคุณที่ได้ทรงโปรดให้ข้าพเจ้า มีเวลาจะแก้ไขความยุ่งเหยิงในชีวิตที่ล่วงแล้ว หากข้าพเจ้าจะต้องตายในขณะนี้ สิ่งที่จะทำให้ข้าพเจ้าเสียใจมาก ก็คือ การคิดถึงเวลาที่ได้เสียไป อา! พระสวามีเจ้าข้าพระองค์ได้ทรงประทานเวลา เพื่อให้ข้าพเจ้าใช้รักพระองค์ แต่ข้าพเจ้ากลับนำมาใช้ทำชอกช้ำน้ำพระทัย! สมควรแล้วที่พระองค์จะทรงขับไล่ข้าพเจ้าไปสู่นรกตั้งแต่วินาทีแรกที่ข้าพเจ้าหันหลังให้พระองค์ แต่พระองค์ได้ทรงเมตตาเรียกร้องข้าพเจ้าให้กลับใจ และได้ทรงอภัยบาปให้ข้าพเจ้า! ข้าพเจ้าได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำเคืองพระทัยอีกต่อไป แต่แล้วกี่ครั้งกี่หน ข้าพเจ้าได้กลับมาดูหมิ่นพระองค์อีก พระองค์ก็ได้ทรงอภัยบาปให้อีก ขอถวายพระพรแด่ความเมตตากรุณาของพระองค์ตลอดชั่วนิรันดร! หากความเมตตากรุณาของพระองค์มีขอบเขตแล้วที่ไหนจะทนข้าพเจ้าได้จนถึงเพียงนี้? ก็ใครเล่าได้เพียรทนข้าพเจ้าเท่าเสมอพระองค์? ข้าพเจ้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ทำขัดเคืองพระทัยพระองค์ พระเป็นเจ้าผู้ทรงพระทัยดีต่อข้าพเจ้าถึงปานนี้ ข้าแต่พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา ความเยรทนของพระองค์อย่างเดียวเท่านั้น ก็น่าจะเร่งเร้าให้ข้าพเจ้ารักพระองค์แล้ว โปรดเถิดขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าเนรคุณต่อความรักของพระองค์สืบไป โปรดตัดใจข้าพเจ้าออกหากจากสิ่งสารพัด โปรดดึงดูดข้าพเจ้าให้หันมารักพระองค์ผู้เดียวไม่เอาแล้ว! ข้าพเจ้าจะไม่ยอมเสียเวลาที่พระองค์ทรงประทานให้เพื่อแก้ไขความชั่วแต่หนหลัง แต่ตั้งใจจะใช้เวลานั้นทั้งหมด เพื่อปรนนิบัติและเพื่อรักพระองค์โปรดประทานพละกำลังและความคงเจริญในความดีแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์และหวังจะรักพระองค์ตลอดนิรันดร พระเจ้าข้า

            ข้าแต่พระแม่มารีอา ขอขอบคุณพระแม่ ที่ข้าพเจ้ามีเวลาในบัดนี้ ก็เพราะท่านช่วยเสนอวิงวอนให้นั่นเอง โปรดช่วยข้าพเจ้า ณ บัดนี้ด้วยเถิด ให้ข้าพเจ้าใช้เวลาทั้งหมดเพื่อรักพระบุตรของทาน และพระมหาไถ่ของข้าพเจ้า และเพื่อรักท่านเองด้วยเถิด โอ้! พระบรมราชินีและพระแม่เจ้าของข้าพเจ้า


2. ความรับผิดชอบในการเสียเวลา

            นักบุญเบอร์นาร์ด กล่าวว่า “ไม่มีอะไรประเสริฐกว่าเวลา แต่ก็ไม่มีอะไรที่คนชาวโลกถือว่าเลวกว่าเวลา และประมาทยิ่งกว่าเวลา” (5) ท่านเสริมต่อไปว่า “วันที่จะทำให้ตนรอด ได้ล่วงไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครคิดใคร่ครวญดูว่าวัน ๆ นั้น สำหรับเขามันหมดไปแล้วและจะไม่กลับมาอีก” (6) ดูนักกีฬาคนนั้นซิ เขาเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ทั้งวันทั้งคืน ถ้าจะถามเขาว่า ทำอะไรกันนั่น? เขาจะตอบว่า “พวกเราฆ่าเวลา” ดูนักเที่ยวคนดน้นซี เขายืนอยู่กลางถนนเป็นชั่วโมง ๆ เหม่อดูผู้สัญจรไปมา คุยเรื่องเหลวไหล หรือไร้สาระ ถ้าจะถามเขาว่า: กำลังทำอะไร? เขาจะตอบว่า ฆ่าเวลาไปอย่างนั้นเอง!” อนิจจาคนตามืดบอด มาเสียเวลาเช่นนี้ เวลามันไม่กลับมาอีกหรอกนะ!

            โอ้! เวลาเอ๋ยเวลา! เจ้าเป็นที่หมิ่นประมาท แต่เมื่อถึงคราวตายชาวโลกจะปรารถนาอยากได้เจ้า ยิ่งกว่าอะไรอื่นทั้งหมด ขณะนั้นเขาอยากจะได้เวลาสักหนึ่งปี หนึ่งเดือน หนึ่งวัน แต่จะไม่ได้ เขาจะได้ยินแต่คำว่า “หมดเวลาเสียแล้ว” (วว. 10, 6) เมื่อนั้น เขาจะยอมเสียเท่าไรเสียไป ขอแต่ให้ต่อเวลาอีกสักหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งวัน เพื่อจะได้จัดมโนธรรมของข้าพเจ้าให้เข้าระเบียบ! นักบุญเลาเรนซีโอยูสตีนีอาโน กล่าวว่า “เขาจะยอมเสียสมบัติพัสถานของเขาทั้งหมดทีเดียวเพื่อจะได้เวลาอย่างน้อยสักชั่วโมง” (7) แต่ชั่วโมงน้อย ๆ ของเขาจะไม่มีพระสงฆ์ผู้มาช่วยเหลือ จะร้องบากเขาว่า: เร็วเข้า! ออกจากโลกไปเถิด หมดเวลาเสียแล้ว (8)

            ฉะนั้น บรรดา ประกาศกจึงเตือนให้เราระลึกถึงพระเป็นเจ้า และให้เราดำรงอยู่ในพระหรรษทานของพระองค์ก่อนที่จะหมดแสงสว่าง (9) คนเดินทางที่มารู้ตัวว่าหลงทางก็เพราะเวลาค่ำ เมื่อไม่มีเวลาจะแก้มือเสียแล้ว เขาจะรู้สึกเจ็บใจเพียงไร? ก็ผู้ที่อยู่ในโลกเป็นเวลาหลายปี แต่มิได้ใช้เวลาเพื่อพระเป็นเจ้าเมื่อคราวจะตายจะรู้สึกเจ็บใจดังนั้นแหละ “ตกกลางคืน ไม่มีใครทำงานได้” (ยน. 9, 4) ความตายจะเป็นเวลากลางคืนสำหรับเขา เมื่อนั้น เขาจะทำอะไรไม่ได้ต่อไป “พระองค์ได้ทรงยกเอาเวลามาตั้งเป็นข้อค้านแก่ข้าพเจ้า”        (เธรน. 1, 15) เมื่อนั้นมโนธรรมจะปลุกให้เขาหวนระลึกถึงเวลาที่เขาได้มี และได้ใช้เพื่อทำความพินาศแก่วิญญาณของตน ให้หวนระลึกถึงคำตักเตือนและพระหรรษทานที่พระเป็นเจ้าได้ทรงประทานให้ เพื่อบำเพ็ญตนเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ แต่เขามิได้สมัครใจใช้ให้เป็นประโยชน์ และแล้วเขาจะเห็นว่า ตนหมดทางจะสร้างความดีเสียแล้วเขาจึงจะคร่ำครวญว่า “ฉันนี้บ้าเสียจริง ๆ โอ้! เวลาที่ได้เสียเปล่าไป โอ้! ชีวิตที่ได้เสียเปล่าไป โอ้! ปีที่ได้เสียเปล่าไป ฉันอาจจะให้ทำตนให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้แต่ฉันมิได้กระทำ แต่บัดนี้ ก็หมดเวลาจะกระทำเสียแล้ว!” การร้องคร่ำครวญและการทอดถอนใจเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์อันใดเล่า ในเมื่อละครจวนจะลาโรงตะเกียงจวนจะดับ คนป่วยกำลังประชิดกับวินาทีสุดท้าย อันมีนิรันดรภาพเป็นหางพ่วงตามมา!

         ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            พระเยซูเจ้าข้า พระองค์ได้ทรงใช้ตลอดทั้งพระชนม์ชีพ เพื่อช่วยให้ข้าพเจ้ารอด ตลอดทั้งพระชนมายุ ไม่มีเวลาสักวินาทีเดียวเลย ที่พระองค์มิได้ทรงถวายแด่พระบิดา เพื่อขอให้ข้าพเจ้าพ้นโทษานุโทษ และให้ข้าพเจ้าได้ความรอดตลอดนิรันดร ส่วนข้าพเจ้าเล่า ได้อยู่ในโลกหลายปีแล้ว จนถึงบัดนี้ ได้ใช้เวลากี่ปีเพื่อพระองค์? อนิจจา! เท่าที่ข้าพเจ้าระลึกได้ มันล้วนแต่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในมโนธรรมของข้าพเจ้า ความชั่วมีมาก ความดีมีน้อยเหลือเกิน มิหนำซ้ำ ยังปนเจือไปด้วยความบกพร่อง ความเฉื่อยชา ความเห็นแก่ตัว การวักแวก อา! พระหาไถ่เจ้าข้า ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า ข้าพเจ้ามิได้ระลึกถึง พระกรณียกิจที่พระองค์ได้ทรงกระทำเพื่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ลืมพระองค์ แต่พระองค์มิได้ทรงลืมข้าพเจ้า พระองค์ได้เสด็จตามหาข้าพเจ้า แม้เมื่อข้าพเจ้ากำลังถอยหนี ทั้งได้ทรงเรียกร้องให้ข้าพเจ้ามารักพระองค์ ก็หลายครั้งหลายคราวแล้ว พระเยซูเจ้าข้าบัดนี้ ข้าพเจ้าไม่ยอมต่อสู้กับพระองค์ต่อไปแล้ว อะไรกัน! ข้าพเจ้าใคร่จะคอยให้พระองค์ทรงละทิ้งข้าพเจ้าอย่างเด็ดขาดทีเดียวหรือนี่? องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า ข้าพเจ้าเสียใจในการพรากจากพระองค์เพราะได้ทำบาป ข้าพเจ้ารักพระองค์ พระผู้ทรงพระทัยดีปราศจากขอบเขต และผู้ที่น่ารักอย่างปราศจากขอบเขตพระเจ้าข้า โปรดเถิด โปรดอย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าเสียเวลาที่ทรงพระกรุณาประทานให้อยู่นี้! ข้าแต่พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา โปรดให้ข้าพเจ้าระลึกถึงความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อข้าพเจ้า และความทุกข์ยากของพระองค์เพื่อข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้าจำใส่ใจไว้เสมอเถิด พระเจ้าข้า โปรดให้ข้าพเจ้าลืมทุกสิ่ง เพื่อคิคแต่จะรักจะทำความพอใจแด่พระองค์อย่างเดียวเท่านั้น ตลอดชีวิตที่ข้าพเจ้ายังมีอยู่นี้ พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ องค์ความรักของข้าพเจ้า สารพัดของข้าพเจ้า ขอสัญญาต่อพระองค์ว่า ข้าพเจ้าจะไม่ลืมแสดงความรักต่อพระองค์บ่อย ๆ โปรดประทานพระหรรษทานให้ข้าพเจ้าคงเจริญในความดีเถิด ข้าพเจ้าไง้ใจจะได้ทุกสิ่งดังวิงวอนขอนี้ ด้วยเดชะพระบารมีแห่งพระโลหิตของพระองค์ พระเจ้าข้า

            พระนางมารีอา พระแม่ที่รักเจ้าข้า ข้าพเจ้าวางใจในคำเสนอวิงวอนของท่าน


3. พึงใช้เวลาอย่างไร?

            ชาวเราต้อง “เดินตามพระสวามีเจ้า ในขณะที่มีชีวิตอยู่ และมีแสงสว่าง” (ยน. 12, 35) เหตุว่า เมื่อตายแสงสว่างก็หมดไป เวลาตายหาใช่เป็นเวลาสำหรับจะเตรียมตัว แต่เป็นเวลาที่ต้องเสรียมพร้อมอยู่แล้ว (10) เมื่อตายแล้วจะทำอะไรไม่ได้ต่อไป อะไรแล้ว ก็แล้ว โอ้! ถ้าใครทราบว่าในไม่ช้าตนจะต้องสู้คดีอันเป็นเรื่องถึงแก่ชีวิต และเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนทั้งหมด เขาคงจะรีบร้อน เร่งไปหาทนายความชั้นที่หนึ่ง และพยายามหาทางอธิบายให้อัยการเข้าใจเรื่องราวมิใช่หรือ? แล้วเรามัวทำอะไรอยู่เล่า? เราก็รู้แน่อยู่แล้วว่าในไม่ช้า (และจะเป็นเวลาใด ก็ได้) เราจะต้องสู้คดี คดีอันมีสาระสำคัญยิ่งเกี่ยวกับความรอดตลอดนิรันดรและเรายังมาเสียเวลาอยู่อีกหรือ?

            บางคนจะบอกว่า: ฉันยังเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ เอาไว้คราวหลัง ค่อยคิดถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าเถอะ ขอตอบว่า: ท่านจงตระหนักไว้เถิดว่า พระสวามีเจ้าได้ทรงแช่งต้นมะเดื่อซึ่งไม่ทรงพบผล แม้ในขณะที่ พระวรสารหมายเหตุไว้ว่าไม่ใช่เป็นฤดูต้นมะเดื่อผลิตผล (มก. 11, 13) ทั้งนี้เพราะพระเยซูคริสต์ทรงใคร่จะสอนเราว่า: มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ๆ แม้ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็จำต้องมีผลคือทำความดีไว้เสมอมิฉะนั้นจะถูกสาปแช่ง และจะไม่มีผลสืบไปในภายหน้าพระมหาไถ่ได้ทรงแช่งต้นมะเดื่อว่า “ไม่มีใครจะได้กินผลจากเจ้าต่อไป” พระองค์ก็จะทรงสาปแล่ง บุคคลที่พระองค์ทรงตักเตือนแต่ไม่ยอมเชื่อฟังเช่นเดียวนี้เหมือนกันแปลกแท้ ๆ เวลาทั้งชั่วชีวิตของเรา ปีศาจถือว่าสั้น มันจึงไม่ละโอกาสที่จะมาประจญเราทุกเมื่อ “ปีศาจลงมาหาท่าน มันโกรธมาก เพราะมันรู้ว่ามีเวลาน้อย” (วว. 12, 12) ดูเถอะ! มันไม่เสียเวลา ในการจะทำให้เราพินาศ ส่วนเราจะมาเสียเวลาในการช่วยให้ตนรอดอยู่หรือ?

                แต่บางคนจะพูดว่า: ฉันไม่เห็นได้ทำอะไรชั่ว?-แล้วกัน การเสียเวลาในการเล่น การสนทนาอันไร้สาระ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่วิญญาณสักนิด ไม่ใช่เป็นการชั่วดอกหรือ? พระเป็นเจ้าได้ทรงประทานเวลาแก่ท่าน เพื่อจะให้ท่านใช้เปลืองไปเปล่า ๆ อย่างนั้นหรือ?-หามิได้ เหตุว่าพระจิตเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “วันเวลาเป็นของดี เจ้าอย่าเสียไปเลย และของประทานอันดีแม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย เจ้าอย่าเสียไปเปล่าเลย” (บสร. 14, 14) พวกกรรมกรที่นักบุญมัทธิวกล่าวถึง เขาก็มิได้ทำชั่วอะไร มีแต่เสียเวลาเท่านั้น แต่ก็ถูกเจ้าของสวนองุ่นตำหนิว่า “ทำไมพวกท่านอยู่เปล่าทั้งวัน?” (มธ. 20, 6) ณ วันพิพากษาพระเยซูคริสต์จะทรงไต่สวนเรา ด้วยคำพูดทำคำที่ไร้ประโยชน์ เวลาทั้งหมดที่เรามิได้ใช้เพื่อพระเป็นเจ้า ก็ต้องนับว่าเป็นเวลาที่เสียไปเปล่าทั้งนั้น (1) ฉะนั้นพระสวมีเจ้าจึงทรงเตือนว่า “สิ่งใด ๆ ที่เจ้าทำได้ ก็จงเร่งทำเสีย เพราะว่า ในแดนความตาย ซึ่งเจ้ากำบังรุดหน้าไปสู่นั้นจะทำงาน จะคิด จะดำริ จะหาความรู้ไม่ได้แล้ว” (ปญจ. 9, 10) ท่านอธิการิณียออันนา แห่งพระเตรีเอกภาพภคินี แห่งพระตรีเอกภาพภคินีคณะนักบุญเทเรซา เคยพูดว่า ในประวัติของบรรดานักบุญ ไม่มีคำว่า “วันหลัง” แต่คำกว่า “วันหลังนี้ มีอยู่เฉพาะในประวัตของพวกคนบาป” ซึ่งมักพูดเสมอว่า “คอยอีกหน่อยน่ะ” แล้วเขาก็ถึงแก่ความตายพร้อมกับคำว่า “คอยอีกหน่อยน่ะ” “เวลานี้เป็นเวลาเหมาะ” (2 คร. 6, 2) “วัน ๆ นี้ หากท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์แล้ว อย่าทำใจกระด้างกระเดื่องไปเลย” (สดด. 94, 8) พระเป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญท่าน ให้ทำการดีในวันนี้ ก็จงทำในวันนี้เถิด เหตุว่าอาจเป็นไปได้ ในวันพรุ่งนี้ ท่านจะไม่มีเวลาเสียแล้ว หรือ พระเป็นเจ้าจะไม่ทรงเชื้อเชิญท่านแล้ว

            หากในครั้งก่อน ท่านมีกรรม ได้ใช้เวลาทำเคืองพระทัยของพระเป็นเจ้าท่านจงพยายามแก้ไขความผิด ในชีวิตช่วงที่ยังเหลืออยู่เถิด จงทำอย่างกษัตริย์เอ เซกีอาส ทูลพระเป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าจะคิดบททวนชีวิตทั้งชีวิตของข้าพเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ ด้วยความตรมตรอมใจ” (อสย. 38, 15) ที่พระเป็นเจ้าทรงต่อชีวิตให้ท่าน ก็เพื่อให้ท่านทำการแก้ไขเวลาที่เสียไปนั่นเอง “ท่านต้องไถ่เวลานั้นคืนมา เพราะว่า เวลาที่ล่วงไปแล้วนั้น มันไม่ดี” (อฟ. 5, 16) ณ ที่นี้นักบุญอัลแซมโม อธิบายว่า “เวลาที่ได้เสียไป จะไถ่คืนมาได้ก็ด้วยกระทำสิ่งที่ได้ละเลย” (12) นักบุญฮีเอโรนีโมพูดถึงนักบุญเปาโล ท่านกล่าวว่า “ถ้าพูดตามลำดับนักบุญเปาโลเป็นอัครสาวกองค์สุดท้าย แต่ถ้าพูดตามส่วนบุญกุศล ท่านคืออัครสาวกองค์ที่ต้น ทั้งนี้เพราะการงานจำนานมากที่ท่านได้กระทำ หลังแต่ได้รับพระกระแสเรียกแล้ว” (13) เอาเถิด! แม้จะไม่มีเหตุผลอย่างอื่น ขอเพียงให้ชาวเราคิดว่า เวลาทุกๆ วินาทีอาจจะเพิ่มความสุขตลอดนิรันดรแก่ชาวเราได้ สมมุติว่า ท่านเดินรอบที่ดินได้เท่าไรในวันหนึ่ง ท่านก็จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเท่านั้น หรือท่านนับเงินได้เท่าไรในวันหนึ่ง ท่านก็จะได้เงินเท่านั้น ก็ท่านจะเร่งวิ่ง เร่งนับเงินเพียงไรเล่า? ความจริง ท่านก็อาจหาได้ขุมทรัพย์ตลอดนิรันดรในทุกๆ วินาทีแล้วเหตุใด ท่านจึงเสียเวลาเปล่า ๆ เล่า? สิ่งที่ท่านทำได้ในวันนี้ จงอย่าพูดว่าพรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้ เหตูว่า วันนี้มันจะหมดไปสำหรับท่าน แล้วจะไม่กลับมาอีกนักบุญฟรันซีส บอร์ซีอา ขณะกำลังสนทนา เมื่อใครพูดถึงเรื่องโลก ท่านก็ยกใจของท่านขึ้นหาพระเป็นเจ้า แสดงความรู้สึกต่าง ๆ ของท่านต่อพระองค์ ต่อมาเมื่อเขาถามความเห็นของท่าน ท่านก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะเรื่องเช่นนี้เอง วันหนึ่งท่านถูกตำหนิ แต่ท่านก็ตอบว่า “ข้าพเจ้ายินดีให้เขาถือว่า เป็นคนโง่ ดีกว่าจะเสียเวลา” (14)

          ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            ไม่เป็นอันขาด พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะไม่ยอมเสียเวลาที่พระองค์ทรงประทานให้อีกแล้ว ขณะนี้ ควรที่ข้าพเจ้าจะต้องร้องไห้อยู่ในนรก เพราะการเสียเวลานั้นขอขอบพระคุณที่ได้ทรงไว้ชีวิตข้าพเจ้า ต่อไปนี้ข้าพเจ้าใคร่จะใช้เวลาเฉพาะเพื่อพระองค์ หากขณะนี้ข้าพเจ้าอยู่ในนรก ข้าพเจ้าก็มีแต่จะร้องไห้ เช่น คนเสียใจ และก็เปล่าประโยชน์ทั้งสิ้น แต่ ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าขอร้องไห้ เพราะได้ทำเคืองพระทัย และโดยอาศัยการร้องไห้นี้ ข้าพเจ้ามั่นใจว่า พระองค์จะทรงพระกรุณายกโทษบาปให้ด้วยว่า ท่านบรรดาประกาศกได้ยืนยันรับรองแก่ข้าพเจ้าว่า “เจ้าร้องไห้ในวลานี้ แล้วเจ้าจะไม่ร้องไห้อีกเลย พระผู้ทรงพระกรุณาจะทรงกรุณาต่อเจ้า” (15) โอ้! หากข้าพเจ้าอยู่ในนรก ก็จะรักพระองค์ไม่ได้ต่อไปแล้ว แต่ ณ บัดนี้ ข้าพเจ้ารักพระองค์ และหวังจะได้รักพระองค์เป็นนิจอัตรา หากข้าพเจ้าอยู่ในนรก ก็จะขอพระหรรษทานไม่ได้แล้ว แต่บัดนี้ ข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ว่า “จงขอเถิด แล้วเจ้าจะได้รับ” (16) โอ! ข้าพเจ้ายังมีเวลาขอพระคุณจากพระองค์ ข้าพเจ้าจึงวิงวอนขอพระหรรษทาน 2 ประการคือ ความคงเจริญในพระหรรษทาน และความรักต่อพระองค์ นอกนั้นพระองค์จะทรงทำอย่างไรต่อข้าพเจ้า ก็สุดแล้วแต่จะทรงโปรดเถิด พระเจ้าข้า พระเยซูเจ้าข้า ในชีวิตที่ข้าพเจ้ายังมีเหลืออยู่นี้ทุกขณะ ขอโปรดให้ข้าพเจ้าเฝ้าฝากฝังตนไว้แด่พระองค์โดยกราบทูลว่า: “พระสวามีเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย ทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้าด้วย พระเจ้าข้า อย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทำเคืองพระทัยอีกเลย พระเจ้าข้า โปรดให้ข้าพเจ้ารักพระองค์เถิด พระเจ้าข้า”

            โอ้! พระนางมารีผู้ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ พระแม่ของข้าพเจ้าโปรดเสนอขอพระหรรษทาน ให้ข้าพเจ้าฝากตัวไว้กับพระเป็นเจ้า และให้ข้าพเจ้าเฝ้าวิงวอนขอความคงเจริญในความดี และขอความรักอันศักดิ์สิทธิ์ต่อพระองค์เสมอ ๆ เถิด

(1) Nullum temporis pretium.

(2) Modico tempore potest homo lucrari gratiam et gloriam. Tempus tantum valet,quantum Deus, quipped

      in tempore bene consumpto comparator Deus. (S. Bern. Sen. fer. 4 post. Dom. I Quadr. c. 4).

(3) Quid de futuro, miser praesumis, tamquam Pater tempora im tua posuerit potestate? (De cont. mundi

      (c. 16).

(4) Diem tenes, qui horam non tenes?

(5) Nihil pretiosius tempore, sed nihil vilus aestimatur. (De cont. mundi c. 16).

(6) Transeunt dies salutis,et nemo recogitat sibi perire diem, et numquam rediturum.

(7) Erogaret opes, honores, delicias pro una horula. (De vita sol. c. 10).

(8) Proficiscere, anima Christiana, de hoc mundo.

(9) Memento Creatoris tui, antequam tenebrescat sol et lumen (Eccl. 12, 1-2).

(10) Estote parati (Lc. 12, 40).

(11) Omne tempus, quo de Deo non cogitasti, cogita te perdidisse. (s. Bern. Cell. c. 8)

(12) Tempus redimes, si quae facere neglexisti, facies.

(13) Paulus novissimus in ordine, primus in meritis, quia plus omnibus laboravit.

(14) Malo rudis vocari, quam temporis jacturam pati.

(15) Plorans nequaquam plorabis, miserans miserabitur tui. (Is. 30, 19).

(16) Petite, et accipietis. (Jh. 16, 24).

book

บทที่ 11 "ค่าของเวลา"