Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 02 "เมื่อตาย ทุกสิ่งจบสิ้น"

book

1. การกระทำของความตาย

         จงคำนึงว่า ท่านเป็นดินและท่านจะกลับเป็นดิน จะมีวันหนึ่งที่ท่านจะต้องตายและจะต้องเปื่อยเน่าอยู่ในหลุม ตามคำของผู้ทำนายว่า “ฝูงหนอนจะเป็นเครื่องหุ้มห่อท่าน” (สดด. 14, 11) คนเราทุกคนจะต้องเผชิญเคราะห์กรรมอันเดียวกันนี้ไม่ว่าเป็นเจ้านายหรือไพร่ ไม่ว่าเป็นไนหลวงหรือข้าแผ่นดิน พอวิญญาณออกจากร่างกาย คราวหมดลมหายใจครั้งสุดท้ายแล้ว เมื่อนั้นวิญญาณจะเข้าไปสู่นิรันดรภาพ ส่วนรางกายก็จะกลับเป็นฝุ่นดิน (อสย. 103, 29)

        ให้พิจารณาเหมือนว่า ท่านกำลังอยู่ต่อหน้าคนที่เพิ่งสิ้นใจ จงเพ่งดูร่างของเขากำลังเหยียดอยู่บนที่นอน จะเห็นหัวพับมาทางอก ผมเผ้ายุ่งและยังเปียกชื้น เหงื่อเย็น ดวงตาลึก แก้มตอบ หน้าซีด ลิ้นและริมฝีปากเขียว ตัวเย็นและถ่วงทางดำเนินชีวิตและสละโลก

        ศพจะน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งขึ้นอี เมื่อจะเริ่มเน่า หนุ่มสาวคนนั้นตายไปยังไม่ทันถึง 24 ชั่วโมง ก็ส่งกลิ่นแล้ว ! เอ้า ! ต้องเปิดหน้าต่าง ต้องสุมเผากำยานกว่านั้นอีก ต้องเร่งนำศพไปโบสถ์ เร่งนำไปฝากไว้ใต้ดิน มิฉะนั้นจะเหม็นคลุ้งไปทั้งบ้าน นอกนั้น ตามคำกล่าวของนักประพันธ์ผู้หนึ่ง “ยิ่งเป็นศพของเจ้านายหรือของเศรษฐี ก็ยิ่งจะแผลงฤทธิ์ส่งกลิ่นร้ายกาจขึ้น” (1)

        เกิดอะไรขึ้นกับ เจ้าคนหยิ่งผู้นั้น เจ้าคนสารเลวผู้นั้น ! แต่ก่อนใคร ๆ พากันกางแขนต้อนรับ อยากพบปะสนทนา แต่บัดนี้ใครเห็นก็รังเกียจและขยะแขยงพวกญาติมิตรก็เร่งขับไสให้ออกจากเรือน จ้างสัปเหร่อเอาใส่โลง แล้วหามไปทิ้งในหลุม แต่ก่อนเขามีชื่อลือกระฉ่อนว่า เป็นคนเฉียวฉลาด กิริยาน่ารัก มารยาทเข้าที รู้จักหยอกเย้าน่าเอ็นดู แต่พอตายไปได้พักหนึ่งใคร ๆ ก็ลืม “ความทรงจำถึงเขา มันหายไปพร้อมกับเสียง” (สดด 9, 7)

        เมื่อทราบข่าวว่า เขาตายไปแล้ว บ้างก็ว่า เขาเป็นคนมีเกียรติ บ้างก็ว่าเขามีบ้านงามน่าอยู่ บ้างก็เสียดาย เพราะเคยได้รับข้าวของจากเขา บ้างก็ยินดีสมน้ำหน้าที่เขาตายไป แต่ที่สุด ในไม่ช้า ไม่มีใครจะพูดถึงเขาอีก ชั้นแรกทีเดียวพวกญาติที่ใกล้ชิดไม่อยากได้ยินพูดถึงเขา กลัวจะปลุกความทุกข์ให้คุขึ้นอีกเมื่อมีผู้มาแสดงความไว้อาลัย ต่างก็พากันสนทนาถึงคนอื่น และหากใครเผอิญพลั้งปากพูดถึงผู้ตาย พ่อแม่ก็ขัดว่า “ขอทีเถิด อย่าเอ่ยชื่อเขาอีกเลย”

        ขอให้คิดดูว่า ท่านทำต่อญาติมิตรผู้ตายของท่านอย่างไร คนอื่นเขาก็จะทำต่อท่านอย่างนั้น คนที่ยังเป็น ก็เข้ามาแทน เข้ามารับทรัพย์สมบัติ สวมตำแหน่งแทนผู้ตาย ทั้งจะไม่เคารพ ไม่พูดถึงผู้ตายอีก แม้จะพูด ก็คำสองคำ ทีแรกญาติมิตรคงเศร้าไปวันสองวัน แต่ไม่ช้าก็จะคลายโศก เพราะได้รับปันมรดกชิ้นนี้ชิ้นนั้นตกที่สุดจะกลับยินดี ที่ท่านตายไปเสียด้วยซ้ำ และในห้องนั้นเอง ที่วิญญาณของท่านจะจากร่าง และที่ท่านจะต้องให้การต่อพระเยซูคริสต์ผู้พิพากษา เขาจะเต้นรำทำเพลง เขาจะกินเลี้ยง จะสนุกสนานเล่นหัวกันอย่างแต่ก่อน-ส่วนวิญญาณของท่านเล่า ขณะนั้น จะอยู่ที่ไหน ?

        ข้อเตือนใจและคำภาวนา.-

        ข้าแต่พระเยซู พระมหาไถ่ของข้าพเจ้า ขอขอบพระคุณที่มิได้ทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าตายขณะอยู่ในบาป ข้าพเจ้าสมจะไปอยู่นรกแต่กี่ปีมาแล้ว? หากข้าพเจ้าจะได้ตายไปในวันนั้น ในคืนนั้น บัดนี้จะเป็นอย่างไรแก่ข้าพเจ้า ตลอดทั้งนิรันดร ขอสมนาพระคุณอันนี้ พระเจ้าข้า : ข้าพเจ้ายอมรับความตาย เพื่อชดเชยบาปของข้าพเจ้า ทั้งยินดีตาย ตามแต่จะทรงพอพระทัย แต่ไหน ๆ พระองค์ได้ทรงคอยข้าพเจ้าจวบจนบัดนี้ ขอโปรดคอยข้าพเจ้าต่อไปอีกหน่อยหนึ่งเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีเวลาร้องไห้ เป็นทุกข์ถึงบาป ก่อนที่พระองค์จะทรงพิพากษา (10, 20)

        ข้าพเจ้าจะไม่ยอมขัดพระสุรเสียงของพระองค์ต่อไปแล้ว ใครจะไปรู้วาจาที่ข้าพเจ้าอ่านบัดนี้ บางทีจะเป็นคำเตือนใจสำหรับข้าเจ้าครั้งสุดท้ายแล้ว ! ข้าพเจ้าขอน้อมรับว่า ไม่สมคารจะได้รับพระกรุณา เพราะพระองค์ได้ทรงยกโทษข้าพเจ้าหลายครังหลายหนแล้ว ข้าพเจ้ายังใจดำ หันกลับมากัดพระองค์อีกเล่าพระสวามีเจ้าข้า พระองค์ไม่ทรงเคยเมินเฉยต่อผู้ที่ถ่อมตัวลงและเป็นทุกข์ นี่แน่ะคนทรยศแต่ตรอมใจ เข้ามากราบแทบพระบาท ขอทรงพระกรุณาด้วยเถิดโปรดอย่าผลักไสข้าพเจ้าเลย (สดด. 50, 19) พระองค์เองก็ได้มีพระดำรัสไว้ว่า “เราจะไม่ขับไล่ผู้มาหาเรา” (ยน. 6, 37) เป็นความจริงข้าพเจ้าได้ล่วงเกินพระองค์มากกว่าผู้อื่น เพราะได้รับความสว่าง และพระหรรษทานมากกว่าเขา ถึงกระนั้นเมื่อมองดูพระโลหิตที่พระองค์ได้ทรงหลั่งเพื่อข้าพเจ้าก็รู้สึกมีมานะ และมั่นใจว่าเมื่อข้าพเจ้าเป็นทุกข์จริง พระองค์ก็จะทรงอภัยบาปให้ ข้าแต่พระองค์คุณงามความดีล้นพ้น ข้าพเจ้าเป็นทุกข์แล้ว เป็นทุกข์ด้วยจริงใจ เพราะได้ดูหมิ่นพระองค์ขอทรงพระกรุณาอภัยโทษ และโปรดประทานพระหรรษทาน ให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ในบัดนี้และต่อไปในภายหน้า ข้าพเจ้าได้ทำชอกช้ำน้ำพระทัยมามากแล้ว พอเสียทีเถิด ข้าแต่พระเยซูที่สุดเสน่หาในชีวิตบั้นที่ยังเหลืออยู่นี้ ข้าพเจ้าจะไม่ยอมใช้ทำเคืองพระทัยของพระองค์อีกต่อไปเป็นอันขาด แต่จะใช้เพื่อร้องไห้เรื่อยไปเพราะบาปที่ได้กระทำ ช้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้น่ารักสุดพรรณนา ข้าพเจ้าขอรักพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิตใจของข้าพเจ้า พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระแม่มารีอา ที่วางไว้ใจของข้าพเจ้า โปรดวิงวอนพระเยซูเพื่อข้าพเจ้าด้วยเถิด


 

2. ศพในหลุม

        คริสตชนที่รัก ท่านอยากจะเห็นให้แจ้งชัดขึ้นว่า ท่านเป็นอะไรหรือ ? จงปฏิบัติตามคำเตือนของนักบุญยวงคริสซอสโตมเถิดว่า “จงไปที่หลุม เพ่งตาดูฝุ่นดิน ดูเถ้า ดูฝูงหนอน แล้วให้ถอนใจเถิด” (2) มองดูเถิด ศพนั้น ทีแรกกลายเป็นสีเหลือง แล้วสีคล้ำ ต่อมาก็เห็นขนอ่อนสีขาวทั่ว ๆ ไป น่าสะอิดสะเอียนที่สุดก็ระเบิดออกเป็นน้ำเหลือง ส่งกลิ่นเหม็น ไหลลงตามพื้นดิน แล้วในกองปฏิกูลนั้นก็เกิดมีหนอนฝูงใหญ่ ชอนไชเนื้อ นอกนั้น ยังอาจมีหนูมาขบกินศพอีกด้วย บ้างก็วิ่งวนรอบ ๆ บ้างเข้าไปในปาก ในไส้พุง แก้ม ริมฝีปาก หนังบนศีรษะและผมหลุดออกทีละชิ้น ๆ เนื้อที่ซี่โครงจะหลุดออกก่อน แล้วถึงที่แขน ที่ลำขา เมื่อหนอนบ่อนไชเนื้อจนเกลี้ยงแล้ว ก็กินกันเอง ที่สุด ในร่างกายนั้น ไม่มีอะไรเหลือนอกจากซากกระดูกเหม็น ๆ ซึ่งจะค่อย ๆ หลุดจากกัน หัวจะหลุดจากลำตัว “มันได้กลายเป็นเหมือนละอองข้าวในลานฤดูร้อน ซึ่งต้องลมพัด ก็กระจายตลบไปในลานข้าว

        อัศวินผู้นั้น แต่ก่อนมีชื่อว่า เป็นคนสนุก เห็นตัวเอ้ในวงสนทนา เดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหน? เชิญเข้าไปดูในห้องของเขา เขาไม่อยู่แล้ว มองหาเตียงของเขา คนอื่นเอาไปแล้ว อาภรณ์เครื่องแต่งตัวและอาวุธของเขาเล่า ก็แจกจ่ากันหมดแล้วถ้าต้องการเห็นคัวเขา ก็จงก้มมองดูที่หลุมเถิดจะเห็นเขาเปลี่ยนไปเป็นกองปฏิกูลเป็นกระดูกไม่มีเนื้อ อนิจจา! ร่างกายอันนั้น ที่แต่ก่อนเคยกินเลี้ยงอิ่มหนำสำราญเคยนุ่งห่มหรูหรา เคยมีบ่าวทาสล้อมหน้าล้อมหลังเฝ้าปฏิบัติ บัดนี้กลายเป็นอย่างนี้เสียแล้วหรือ ?

        ส่วนท่านเล่า บรรดานักบุญสุนทานทั้งหลาย ท่านซึมซาบเรื่องนั้ดี จึงได้รักพระเป็นเจ้าแต่ผู้เดียว ท่านจึงได้รู้จักทรมานร่างกายของท่านเมื่ออยู่บนแผ่นดินและบัดนี้อัฐิของท่าน ได้รับการเก็บรักษาไว้เคารพเป็นพระธาตุ บรรจุอยู่ในกล่องทอง ส่วนวิญญาณอันงามของท่าน ก็กำลังเสวยความบรมสุขกับพระเป็นเจ้าคอยจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย จะได้เห็นร่างกายของท่าน ที่ได้เคยร่วมทุกข์กับวิญญาณในโลก ได้ร่วมความบรมสุขด้วยกันด้วย ความรักอันแท้ต่อรางกายต้องเป็นดังต่อไปนี้คือ ขนความทุกข์ยากบรรทุกใส่ร่างกาย เพื่อให้มันได้ความสุขตลอดนิรันดร และไม่ยอมให้มันได้รับความสุข อันจะทำให้มันต้องทุกข์ตลอดนิรันดรนั้นแล !

        ข้อเตือนใจและคำภาวนา.-

        ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ร่างกายที่ข้าพเจ้าเคยใช้ทำเคืองพระทัยนี้ สักวันหนึ่งมันจะต้องกลายเป็นหนอน กลายเป็นสิ่งปฏิกูล ช่างมันเถิด ข้าพเจ้าไม่เสียใจตรงกันข้าม ข้าแต่องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้น ข้าพเจ้ากับดีใจสัยอีก เนื้อหนังอันนี้เคยทำให้ข้าพเจ้าเสียพระองค์ไป สมน้ำหน้าที่มันต้องผุเปื่อยและเน่าเหม็นไปสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าสัยใจก็คือ ข้าพเจ้าได้ประกอบกรรมทำชอกช้ำน้ำพระทัยเป็นอันมาก เพราะได้ฟักฟูมเอาอกเอาใจมัน อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าไม่หมดหวังพึ่งพระกรุณา เมื่อระลึกถึงคำของผู้ทำนายว่า “พระองค์ได้ทรงคอย คอยทรงแมตตาต่อข้พเจ้า” (อสย. 30, 18) และข้าพเจ้าเป็นทุกข์เมื่อไร พระองค์ก็ทรงยินดียกบาปให้เมื่อนั้น โอ้พระผู้ทรงพระทัยดี ข้าพเจ้าเลียใจที่ได้ดูหมิ่นพระองค์ ขอซ้ำวาจาของนักบุญคัทเธอรีนแห่งเชนอวาว่า “พระเยซูเจ้าข้า บาปหรือ ไม่เอาอีกแล้ว บาปหรือไม่เอาอีกแล้ว!” ข้าพเจ้าไม่ยอม ไม่ยอมดูแคลนความเพียรทนของพระองค์ต่อไปโอ้พระเยซูผู้ทรงรับตรึงบนไม้กางเขน เพราะรักข้าพเจ้า อันจะสวมกอดพระองค์เฉพาะเมื่อเวลาจะตาย คราวที่พระสงฆ์จะยื่นพระองค์ให้แก่ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าคอยไม่ไหว ขอจุมพิตพระองค์ในบัดนี้ และขอมอบวัญญาณของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ (สดด. 30, 6) วัญญาณของข้าพเจ้าอยู่ในโลกแต่หลายปีมานักแล้วแต่มิได้รักพระองค์ บัดนี้ขอประทานความสว่างและพละกำลัง เพื่อข้าพเจ้าจะได้รักพระองค์ ในชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ ข้าพเจ้าไม่ยอมรอจะไปรักพระองค์เฉพาะเมื่อเวลาจวนจะตาย แต่ขอรักพระองค์ตั้งแต่บัดนี้ ขอสวมกอดพระองค์ แนบพระองค์ไว้ในดวงใจ และขอสัญญาว่า จะไม่ยอมปล่อยพระองค์ไปอีกเลย พระเจ้าข้า

        โอ้พระนางพรหมจาริณี โปรดล่ามข้าพเจ้าไว้กับพระเยซูคริสตเจ้า และอย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าพรากจากพระองค์อีกเลย


 

3. ฉันจะทำอย่างไร เพื่อวัญญาณของฉัน ?

        พี่น้องที่รัก จงพิจารณาดูตัวท่านเอง ตามภาพที่ได้บรรยายมาแล้วเถิดจงมองดูสิ่งที่ท่านจะกลายเป็นในวันหนึ่ง “จำไว้เถอะ ท่านเป็นฝุ่นดิน และจะกลับ และจะกลับเป็นฝุ่นดิน” (3) จงคิดว่าอีกไม่กี่ปี และบางทีอีกไม่กี่เดือน ไม่กี่วัน ท่านก็จะกลับเป็นกองปฏิกูล เป็นหนอน โยบได้คิดเข่นนี้ จึงได้ทำให้ตนเป็นักบุญ ท่านกล่าวว่า “ข้าพูดกับสิ่งปฏิกูลว่า เจ้าคือพ่อของข้า และกับฝูงหนอนว่า เจ้าคือแม่คือพี่สาวของข้า”(โยบ.17, 14)

        ทุกสิ่งจะต้องจบสิ้น และหากขณะตาย ท่านเสียวิญญาณไป ก็เป็นอันว่าท่านเสียหมดทุกสิ่ง นักบุญเลาเรนซีโอ ยูสตีอาโน จึงเตือนว่า “จงคิดดังว่าท่านตายแล้ว ไหนๆ ท่านก็จะต้องตาย” (4) สมติว่าบัดนี้ท่านตายไปแล้ว ท่านอยากให้ได้ประกอบอะไรไว้บ้างหรือ? ก็ในบัดนี้ท่านตายไปแล้ว ท่านอยากให้ได้ประกอบอะไรไว้บ้าหรือ? ก็ในบัดนี้ ท่านยังมีชีวิตอยู่ จงคิดเถอะว่า ท่านจำเป็นจะต้องตายไปสักันหนึ่ง นักบุญโบนาเวนตูราบอกว่า นายเรือเขาไปอยู่ข้างท้ายเรือจะได้บังคับให้เรือแล่นไปด้วยดี คนเราก็เหมือนกัน อยากจะบำเพ็ญชีพให้ดีก็ต้องคิดเหมือนว่า คนตายไปแล้ว นักบุญเบอร์นาร์ดจึงเตือนว่า “จงมองดูบาปที่ได้ทำเมื่อยังเป็นเด็ก แล้วให้ละอาย จงมองดูบาป ที่ได้ทำเมื่อเป็นหนุ่มสาวแล้วร้องไห้ จงมองดูบาป ที่ได้ทำในบั้นปลาย แล้วให้สะดุ้งกลัว และเร่งแก้ไขเสีย” (5)

        นักบุญคามิลโล เดแลลลีส เมื่อมองดูหมุมฝังศพ ท่านพูดกับตนเองว่า: ถ้าผู้ตายเหล่านี้ เขาคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้แล้ว มีอะไรบ้างไหม ที่เขาจะไม่ยอมทำเพื่อเห็นแก่ชีวิตชั่วนิรันดร? ส่วนตัวฉันเล่า ขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่ ก็ฉันได้ทำอะไรบ้างเพื่อวิญญาณของฉัน แท้จริง ท่านนักบุญพูดเช่นนี้ ก็เพราะใจสุภาพ ส่วนท่านเล่าพี่น้องที่รัก บางทีมีเหตุผลจริงจัง ให้ท่านต้องกลัวว่า ท่านคือ มะเดื่อที่ไร้ผลต้นนั้น ซึ่งพระสวามีเจ้าได้ตรัสว่า “นี่แน่ะ เรามาหาผลจากมะเดื่อต้นนี้ แต่สามปีมาแล้วและเรามิได้พบ” (ลก. 13, 7)

        ท่านอยู่ในโลกมา ก็นานกว่าสามปี ท่านได้ผลิตผลอะไรบ้าง? นักบุญเบอร์นาร์ด ยังกำชับว่า “จงระวัง! พระสวามีเจ้าไม่ทรงต้องการแต่ดอก เพราะพระองค์ยังทรงต้องการผลด้วย” ท่านใคร่จะเตือนว่า พระเป็นเจ้าไม่ทรงประสงค์แต่ความตั้งใจดี ความปรารถนาดีเท่านั้น ยังทรงประสงค์กิจการอันศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ขอให้ท่านรู้จักใช้เวลา ที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้ไนขณะนี้เถิด อย่าไปคอยหาเวลาทำความดี ในเมื่อไม่มีเวลาเสียแล้ว เพราะว่า เมื่อนั้นท่านจะได้ยินแต่คำว่า “เร็วเข้า! ถึงเวลาออกจากโลกนี้แล้ว เร็วเข้า ! อะไรแล้วก็แล้ว!”

       

         ข้อเตือนใจและคำภาวนา.-

        ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าคือมะเดื่อต้นนั้น ซึ่งแต่หลายปีมาแล้ว ควรจะได้ยินพระบัญชาว่า “ตัดมันเสียเถิด ปล่อยให้มันรกที่อยู่ทำไม?” (ลก. 13, 7) เป็นความจริง ข้าพเจ้าอยู่ในโลกมาหลายปีแล้ว และมิได้ผลิตผลอะไรถวายพระองค์ นอกจากรกหนาม คือ บาป แม้กระนั้น พระสวามีเจ้าข้า พระองค์ก็ไม่ทรงประสงค์ให้ข้าพเจ้าเสียใจด้วย พระองค์เองได้ตรัสว่า “ผู้ใดแสวงหาเราผู้นั้นก็จะพบเรา” (มธ. 7, 7) ก็บันนี้ ข้าพเจ้าเข้ามาหาพระองค์และขอรับประทานพระหรรษทาน ข้าพเจ้าเสียใจเป็นที่สุดเพราะได้ทำขุ่นหมองพระทัย และปรารถนาจะตาย ด้วยความทุกข์ตรมตรอมเช่นนี้ ในกาลก่อนข้าพเจ้าได้ถอยหนีพระองค์แต่บัดนี้ ข้าพเจ้าถือว่ามิตรภาพของพระองค์ประเสริฐกว่าสมบัติพัสถานใด ๆ ในโลก ข้าพเจ้าไม่ยอมเมินเฉยต่อคำเรียกหาของพระองค์ต่อไปแล้ว โปรดรับข้าพเจ้าไว้เป็นของของพระองค์ทั้งหมดด้วยเถิด ข้าพเจ้ายกถวายตัวข้าพเจ้าแด่พระองค์โดยไม่เก็บอะไรไว้เลย ณ ไม้กางเขนที่พระองค์ได้ทรงประทานพระองค์แค่ข้าพเจ้าจนหมดสิ้น บัดนี้ข้าพเจ้าขอยกถวายตัวข้าพเจ้าจนหมดสิ้นแด่พระองค์บ้างพระเจ้าข้า

        พระองค์ได้ทรงตรัสว่า “ท่านจะขออะไรในนามของเรา เราจะประทานสิ่งนั้นให้” (ยน. 14, 4) พระเยซูที่สุดเสน่หาเจ้าข้า ข้าพเจ้าเชื่อมั่นในพระสัญญานี้ : เดชะพระนามและพระบุญญาบารมีของพระองค์ ข้าพเจ้าขอรับพระหรรษทานและความรักต่อพระองค์ พระเจ้าข้า ขอโปรดให้วิญญาณของข้าพเจ้า ที่เคยเต็มไปด้วยบาป ให้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพระหรรษท่าน และความรักอันศักดิ์สิทธิ์ต่อพระองค์เถิด พระเจ้าข้า ขอฉลองพระคุณ ที่ทรงโปรดให้ข้าพเจ้ากล้าขอดังนี้และที่พระองค์ทรงดลใจให้ข้าพเจ้าขอดังนี้ก็เป็นสำคัญว่า พระองค์ทรงพอพระทัยอนุญาตตามคำวิงวอนแล้ว โปรดเถิด พระเยซูเจ้าข้า โปรดประทานตามคำวิงวอนของข้าพเจ้า โปรดให้ข้าพเจ้ารักพระองค์มาก ๆ ให้ข้าพเจ้าปรารถนาอันนี้ด้วยเถิด พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระแม่มารีอา องค์อุปถัมภ์ยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า โปรดฟังคำวิงวอนของข้าพเจ้าและโปรดวิงวอนพระเยซู เพื่อข้าพเจ้าด้วยเถิด

 


(1) Gravius foetent divitum corpora (S. Ambrosius).
(2) Perge ad sepulcrum, comtemplare pulverem, cineres, vermes, et suspire.
(3) Memento, quia pulvis es, et in pulverem reverteris.
(4) Consider ate iam mortuum, quem scis de necessitate moriturum. (De lingo vitae, cap. 4).
(5) Vide prima, et erubesce;vide media, et ingemisce; vide novissima, et contremisce.  

book

บทที่ 02 "เมื่อตาย ทุกสิ่งจบสิ้น"