Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 03 "ชีวิตมนุษย์ไม่ยืนนาน"

book

1. ชีวิตวิ่งหนี

       ชีวิตของท่านเป็นอย่างไร? เป็นเหมือนไอน้ำ ซึ่งถูกลมพัดหน่อยหนึ่งแล้วก็กระจายหายไปหมด ใครๆ ก็รู้ว่า ตัวจะต้องตาย แต่มีหลายคนหลงคิดว่าความตายนั้นอยู่ไกลแสนไกลราวกับว่า ไม่มีวันจะมาถึง โยบเตือนไว้มิใช่หรือว่าชีวิตมนุษย์นั้นสั้น ท่านกล่าวว่า “มนุษย์เจริญอยู่ชัวเวลาเล็กน้อย คล้ายกับว่าดอกไม้บานแล้วก็เหี่ยว ชีวิตวิ่งหนีราวกับเงาไม้” (โยบ. 14, 1-2) พระสวามีเจ้าได้ทรงบัญชาให้อิสิยาห์เทศน์ในใจความเดียวันว่า “มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนตันหญ้า...ประชาชาติเป็นต้นหญ้าจริง ๆ หญ้าแห้ง และดอกไม้โรย” (อสย. 10, 6) ชีวิตมนุษย์เหมือนชีวิตต้นหญ้า : มนุษย์ตาย ต้นหญ้าแห้ง พอสิ้นใจ ดอกไม้แห่งความเป็นเจ้าใหญ่นายโต ดอกไม้แห่งทรัพย์สมพัติของโลกนี้ก็โรยลง

        ความตายวิ่งมาหาเราวเร็วกว่านักวิ่งเสียอีก (โยบ. 9, 25) และเราก็วิ่งใปหาความตายทุก ๆ นาที เราเขยิบเข้าไปใกล้ความตายทุก ๆ ชั่วลมหายใจ นักบุญฮีเอโรนิโมกล่าวว่า “ที่ข้าพเจ้าเขียนนี้ ก็เป็นชีวิตส่วนหนึ่งของข้าพเจ้าที่ล่วงไป” (1) เราทุกคนตายและพับลงกับพื้น เหมือนน้ำที่ไม่ไหลกลับ” (2 ซมอ. 14, 14) จงดูน้ำในลำห้วยนั้นเถิด มันกำลังไหลไปสู่ทะเล แต่ไม่ไหลกลับ เช่นเดียวกันนี้แหละ พี่น้อง วันเวลาของท่านที่ล่วงพ้นไป เขยิบท่านให้เข้าไปใกล้ความตาย ความสนุกสบาย การรื่นเริง ความโอ่อ่า คำชมเชย การโห่ร้องสรรเสริญทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนล่วงพ้นไปสิ้น และเหลืออะไร? “เหลือก็แต่หลุม สำหรับฉัน” (โยบ. 17, 1) เราจะถูกทิ้งในหลุม ที่นั่นเราจะเปื่อยเน่าไม่มีอะไรติดตัว อันจะระลึกถึงความสนุกสุขสบายที่ได้เคยรับ ยศถาบรรดาศักดิ์ที่ได้เคยรับ ในเวลาเมื่อไกล้จะตายนั้น มีแต่จะเพิ่มความเศร้าและทวีความหมดหวังในการเอาวิญญาณรอดเท่านั้น เมื่อนั้นคนใจโลกจะพูดว่า แล้วกันเรือนของฉัน เรือกสวนไร่นาของฉัน เครื่องเรือนอันถูกอกถูกใจ รูปภาพ และเสื้อย้างาม ๆ ของฉัน ในไม่ช้าจะไม่เป็นของฉันเสียแล้ว! “จะเหลือก็แต่หลุมสำหรับฉัน” (โยบ. 17, 1)

        อา ! ผู้เคยหมกมุ่นจดจ่ออยู่ในสมบัติพัสถานของโลก เมื่อจะมองเห็นมันเข้าในขณะนั้น จะมีแต่ความเศร้า และก็ความเศร้านี้เอง รังแต่จะทำให้เอาตัวรอดได้ยากขึ้น ชาวเราเคยเห็นจนชินตาแล้วมิใช่หรือว่าคนใจโลก เมื่อใหล้จะตายเขาไม่ชอบพูดถึงเรื่องอะไร นอกจากเรื่องความเจ็บไข้ของเขา เรื่องหมอที่น่าจะไปรับมา เรื่องยาขนานที่อาจจะทุเลาความเจ็บไข้ของเขา ถ้าใครไปพูดถึงเรื่องวิญญาณ เขาให้รู้สึกเบื่อทันที พูดว่า ขอทีเถอะน่ะ ปล่อยให้ฉันพักผ่อนสักนิดเถอะ ฉันปวดหัว ฉันไม่อยากฟัง และบางครั้งถึงเขาตอบอะไรบ้างก็อ้อมแอ้มคลุมเคลือ ไม่แน่ว่าพูดอะไร หลาย ๆ ครั้ง เมื่อพระสงฆ์โปรดยกบาปให้ ไม่ใช่เพราะท่านเห็นว่า เขารัยมพร้อมดีแล้ว แต่เพราะหมดเวลา คอยต่อไปไม่ได้ต่างหาก คนที่ไม่ค่อยคิดถึงความตาย ย่อมตายด้วยประการฉะนี้!

         ข้อเตือนใจและคำภาวนา

          ข้าแต่พระสวามีผู้ทรงพระมหิทธิศักดิ์หาขอบเขตมิได้ ข้าพเจ้ารู้สึกละอาย ที่มาปรากฏตัวอยู่เฉพาะพระพักตร์ ! กี่ครั้งกี่หนแล้ว ข้าพเจ้าได้ลบหลู่พระองค์ ถือว่าความสนุกอันสารเลว ความมุทะลุ ดินก้อนหนึ่ง น้ำใจตนเอง ควันหน่อยหนึ่ง ดีกว่าพระหรรษทานของพระองค์ ! ข้าพเจ้าขอกราบนมัสการและขอจูบรายแผลอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์พระมหาไถ่ บาดแผลนั้น ข้าพเจ้าเองเป็นผู้ทำ และก็บาดแผลนี้เอง ที่ทำให้ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้รับอภัยโทษ และเอาวิญญาณรอด พระเยซูเจ้าข้า โปรดเถิด โปรดให้ข้าพเจ้าตระหนักแจ้งในความผิดอันยิ่งใหญ่ ที่ข้าพเจ้าได้ละทิ้งพระองค์ผู้เป็นสายธารแห่งคุณงามความดีทั้งสิ้น และไพล่ไปดื่มน้ำโสโครกที่มีแต่พิษร้าย ก็การที่ข้าพเจ้าได้ทำชอกช้ำน้ำพระทัยอย่างมากมายนั้น ให้ประโยชน์อะไรแก่ข้าพเจ้าบ้าง นอกจากให้ความทุกข์ ความกลัดกลุ้มในมโนธรรมและตั๋ววที่จะนำไปสู่นรก? “คุณพ่อครับ ผมไม่สมจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของท่านอีกแล้ว” (ลก. 15, 21) ข้าแต่พระบิดา โปรดอย่าผลักใสข้าพเจ้าเลย จริงแล้ว ข้าพเจ้าไม่สมจะได้รับพระหรรษทาน อันทำให้ข้าพเจ้าเป็นบุตรของพระองค์ แต่พระองค์ก็ได้ทรงยอมตาย เพือยกบาปของข้าพเจ้ามิใช่หรือ? พระองค์ยังได้ทรงพระกรุณาตรัสว่า “จงหันมาหาเราเถิด และเราจะหันไปหาเจ้า” (ศคย. 1, 3) บัดนี้ ข้าพเจ้าขอสละการชอบทำตามอำเภอใจตนเอง ข้าพเจ้าจะไม่เอาความสนุกสบายประสาโลกอีกต่อไปแล้ว และข้าพเจ้าหันมาหาพระองค์โปรดเห็นแก่พระโลหิตที่พระองค์ได้ทรงหลั่งเพื่อข้าพเจ้า และทรงพระกรุณาอภัยบาปของข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ด้วยจริงใจที่ได้กระทำบาปผิดต่อพระองค์ในทุกประการแล้ว ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าอะไร ๆ ทั้งหมดแล้ว ข้าพเจ้าไม่สมะรักพระองค์ก็จริง แต่พระองค์ทรงน่ารักหาที่สุดมิได้ ฉะนั้นโปรดอนุญตให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ด้วยเถิด ขออย่าทรงถือ ในกาลก่อนที่ดวงใจของข้าพเจ้า เคยหมิ่นประมาทพระองค์ แต่บัดนี้ได้หันกลับมารักพระ พระเจ้าข้า ที่พระองค์มิได้ทรงให้ข้าพเจ้าตาย ขณะอยู่ในบาปนั้นก็เพราะทรงหวังจะให้ข้าพเจ้ารำพระองค์มิใช่หรือ? แต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าขอรักพระองค์และไม่ยอมรักสิ่งใดอื่นนอกจากพระองค์แล้ว ทรงพระกรุณาช่วยข้าพเจ้าด้วย โปรดให้ข้าพเจ้าตั้งมั่นอยู่ในความดี และในความรักอันศักดิ์สิทธิ์ต่อพระองค์เสมอไป พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระแม่มารีอา ที่หลบภัยของข้าพเจ้า กรุณาฝากฝังข้าพเจ้าไว้กับพระเยซูคริสตโตด้วยเถิด


 

2. จงคำนึงดั่งว่า ท่านกำลังตาย

      กษัตริย์เฮเซคีอัสทรงปรารภว่า “ชีวิตของข้าพเจ้าถูกถอนออก คล้ายช่างทอผ้าตัดด้าย ข้าพเจ้าเพิ่งเกิดมาไม่ทันเท่าไร ก็ถูกถอนออกเสียแล้ว!” (อสค. 38, 12) อนิจจา ! คนเรากี่คนกำลังตั้งหน้าทอผ้าอย่างจริงจัง กล่าวคือ กำลังเตรียมจะให้เป็นไปตามความมุ่งหวังประสาโลก เขาบรรจงกะ บรรจงวัด แต่แล้วความตายก็มาถึง มาตัดทอนทุกสิ่งขาดสะบั้นลง แต่พอเทียนแห่งวาระสุดท้ายจะทอแสง เมื่อนั้น ทุกสิ่งของโลกก็จะจบสิ้น ทั้งคำชมเชย ความสนุกสนาน ความโอ่อ่า และความเป็นใหญ่เป็นโต ! ความลึกลับของความตายเป็นดังนี้ : ความตายเผยให้เราแลเห็นสิ่งซึ่งชาวโลกมองไม่เห็น ทรัพย์สมบัติหน้าที่สูง ๆ ชัยชนะอย่างงาม ๆ ที่ต่างพากันยื้อยุด แต่ถ้ามองดูจากที่นอน ขณะกำลังจะตายมันก็อับแสง เมื่อนั้น ความคิดฝันถึงเรื่องความสนุกสบายจอมปลอมที่เราได้เคยมีจะทำให้เราโมโหความบ้าบอของตนเอง เงามืดอันแสนเศร้าแห่งความตายจะมาครอบคลุม และยศศักดิ์ทั้งหลาย แม้ราชศักดิ์ก็จะดำมืดไป

        ขณะสบายดีอยู่ ราคะ ตัณหาแต่งแต้มทรัพย์สมบัติของโลกนี้ จนปรากฏผิดกับที่มันเป็นจริง แต่ความตายจะเปิดโปง จะแจงสี่เบี้ยให้เห็นตามความจริงว่ามันเป็นเพียง ควัน โคลน ความเปล่า และสิ่งปฏิกูล พระเจ้าข้า ทรัพย์สมบัติความเป็นเจ้านาย ความเป็นในหลวง จะเป็นประโยชน์อะไร ขณะเมื่อจะตาย? เพราะว่าในคราวนั้น เพียงแต่โลงไม้ หรือเพียงแต่ผ้าผืนหนึ่งกว้างยาวพอห่อศพก็พอแก่ความต้องการแล้ว ! เกียรติยศในคราวนั้น จะเป็นประโยชน์อะไร ในเมื่อจะเหลือเพียงการแห่ศพ และงานศพหรู ๆ ซึ่งที่แท้ หากวิญญาณพินาศไปลแล้วมันก็ไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่วิญญาณสักนิด? การที่เคยมีรูปร่างงาม ก็จะเป็นประโยชน์อะไรในคราวนั้น ในเมื่อเหลืออยู่แต่จะเป็นฝูงหนอน กลิ่นเหม็น และความสะอิดสะเอียน ซึ่งอาจจะเป็นดังนี้ได้ แม้เมื่อก่อนจะตาย แล้วในที่สุดก็จะเหลืออยู่แต่ ฝุ่นดินเหม็น ๆ กอบหนึ่งเท่านั้น?

        “เขาได้ทำให้ข้าพเจ้า กลายเป็นขี้ปากประชากร และเป็นสิ่งอันสยดสยองต่อตาประชาชน” (โยบ. 17, 6) เมื่อเศรษฐีคนนี้ รัฐมนตรีคนนั้น นายทหารคนโน้นตายละ ใคร ๆ ก็พากันโจษจันถึง และหากเขาได้ประพฤติตนไม่ดีงาม ก็จะกลายเป็นนิยาย ที่ประชาชนพากันเล่า ชักเขาเป็นตัวอย่างแห่งความฟุ้งเฟ้อของโลก และเป็นอุทาหรณ์ควมยุติธรรมของพระเป็นเจ้า มีประโยชน์ให้คนอื่นเข็ดหลาบ ที่สุด ในหลุม เขาก็จะปะปนอยู่กับซากศพของคนจน “ณ ที่นั้นมีทั้งผู้น้อยผู้ใหญ่” (โยบ. 3, 19) การเคยมีร่างกายสะโอดสะอง จะประอะไรเล่าเมื่อบัดนี้จะเป็นแต่ฝูงหนอน? การเคยมีอำนาจวาสนาจะประโยชน์อะไรเล่าเมื่อบัดนี้จะถูกทิ้งให้เปื่อยเน่าอยู่ในหลุม และเป็นต้น หากวิญญาณถูกทิ้งให้เผาไฟอยู่ในนรกแล้ว? โอ้ ! มันเป็นเคราะห์ร้ายแสนร้าย อันจะทำตัวของเราเป็นเครื่องรำพึงคำนึงของผู้อื่น แต่ตัวเราเองมิได้คำนึงรำพึงเพื่อประโยชน์ของตนเอง! โปรดเชื่อเภิด การที่คิดจะทำการแก้ไขความวุ่นวายในมโนธรรม ขณะเมื่อใกล้จะตาย นันเป็นเวลาไม่เหมาะ ที่เหมาะคือ ขณะกำลังสบายดีอยู่ สิ่งที่ท่านจะทำในเวลานั้นไม่ได้ จงเร่งทำเสียในเวลานี้เถิด ทุก ๆ สิ่ง ล่วงไปเร็ว หมดไปเร็ว “เวลานั้นสั้น” (1 คร. 7, 19) ฉะนั้นชาวเราทั้งหลาย จงกระทำทุก ๆ สิ่ง เพื่อประโยชน์แก่ชีวิตชั่วนิรันดรของเราเถิด

        ข้อเตือนใจและคำภาวนา

        โอ้พระเจ้าแห่งวิญญาณของข้าพเจ้า โอ้ องค์คุณงามความดีอันปราศจากขอบเขต ขอทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปหนานี้ด้วยเถิด ก่อนนี้ข้าพเจ้าก็ทราบอยู่แล้ว ว่าการทำบาป ทำให้เสียพระหรรษทานของพระองค์อล้ว ข้าพเจ้าก็ยังได้ปลงใจกระทำไป ขอทรงเมตตาแนะนำข้าพเจ้าเถิดว่า จะต้องทำอย่างไรจึงจะได้พระหรรษทานนั้นคืนมา พระองค์ทรงประสงค์ให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ถึงบาปหรือ? ข้าพเจ้าก็เป็นทุกข์ด้วยจริงใจ และใคร่จะตรอมใจตายเพราะความทุกข์นี้ พระองค์ทรงประสงค์ให้ข้าพเจ้าวางใจในพระมหากรุณาหรือ? ข้าพเจ้าก็วางใจในพระบุญญาบารมีและในพระโลหิตของพระองค์ พระองค์ทรงประสงค์ให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ให้มากที่สุดหรือ? ข้าพเจ้าก็สละทุกสิ่ง สละอำเภอใจ และประโยชน์ทั้งสิ้น ฝ่ายโลกและข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้นแล้ว ที่สุดพระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา พระองค์ทรงประสงค์ให้ข้าพเจ้าภาวนาขอพระหรรษทานหรือ? ข้าพเจ้าก็ภาวนาขอพระหรรษทานสองประการคือ ขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทำบาปอีก และขอให้พ้าพเจ้ารักพระองค์ นอกนั้นพระองค์จะทรงทำอย่างไรต่อข้าพเจ้า ก็สุดแล้วแต่จะทรงโปรดเถิด พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระนางมารีอา ความหวังของข้าพเจ้า ขอช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับพระหรรษทานดังทูลขอมานี้ด้วยเถิด ข้าพเจ้าวางใจในท่าน


 

3. จงทำตนให้ตายดีแน่ ๆ ไว้เถิด

        มันเป็นความบ้าโฉดเขลากนักหนามิใช่หรือ ในการที่จะหาคสามสุขอันสารเลวชั่วแล่น ในชีวิตอันสั้น ๆ นี้ แล้วยอมเสี่ยงต่อความตายร้าย ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นแห่งความทุกข์ทรมานตลอดทั้งชั่วนิรันดร? โอ้ว่า ! วาระสุดท้ายสมหายใจออกครั้งสุท้าย การปิดฉากตอนสุดท้าย เป็นสิ่งที่สำคัญเพียงไรหนอ? สำคัญเพราะเป็นนิรันดรภาพของความบรมสุขทุกชนิด หรือเป็นนิรันดรภาพของความทุกข์ทุกชนิด ! ของให้คิดดู พระเยซูคริสต์ได้ทรงยอมสิ้นพระชนม์อย่างอัปมงคลที่สุด เพราะอะไร? เพื่อช่วยเราให้ตายดีมิใช่หรือ? พระองค์ยังได้ทรงเชื้อเชิญเราบ่อย ๆ ได้ประทานความสว่างแก่เรา ได้ตักเตือนและขู่เราหลายครั้งหลายหน ทำไม? ก็เพื่อจะให้เราตกลงปลงใจ จบวาระสุดท้ายของเรานั้นในพระหรรษทานของพระองค์นั่นเอง

        อันตีสเธเนส คนนอกพระศาสนาแท้ ๆ เมื่อมีผู้ถามท่านว่า ในโลกเรานี้อะไรเป็นลาภอันประเสริฐกว่าหมด ท่านก็ตอบว่า “ความตายดี” ก็สำหรับเราคริสตังจะต้องตอบว่าอย่างไรเล่า? เราย่อมซึมทราบดีโดยอาศัยความเชื่อว่านับแต่เวลาตายนั้น จะเริ่มนิรันดรภาพ กล่าวคือ จะต้องจับเอากงจักรอันใดอันหนึ่งในสองอัน : กงจักรอันจะให้ความสุขทั้งชั่วนิรันดร หรือกงจักรอันจะให้ความทุกข์ทั้งชั่วนิรันดร สมมุติว่า ท่านจะต้องจับสลากในถุงใบหนึ่งซึ่งมีสลากสองใบ ใบหนึ่งเขียนว่า “นรก” อีกใบหนึ่งเขียนว่า “สวรรค์” ก็ท่านจะพยายามสุดความสามารถมิใช่หรือจะได้เลือกเอา “สวรรค์” ให้จงได้ จงดูพวกนักโทษที่เขาให้เสี่ยงทายชีวิตเถิดน่าสงสารเหลือเกิน! มือไม้สั่นหมด เมื่อจะทอดลูกเต๋าเสี่ยงโชคว่า จะรอด หรือจะตาย ! เมื่อท่านอยู่ใกล้วาระสุดท้าย ท่านจะสดุ้งกลัวเพียงไรเมื่อจะพูดกับตนเองว่า จากเวลา จุดที่อยู่ใกล้ ๆ นี้ ฉันจะได้ชีวิตทั้งชั่วนิรันดร หรือจะต้องตายทั้งชั่วนิรันดร? จะเป็นเวละนี้เอง ที่ฉันจะเป็นสุขทั้งชั่วนิรันดร หรือจะเป็นทุกข์ทั้งชั่วนิรันดร?--- นักบุญแบร์นาร์ดีโน เล่าถึงเจ้าองค์หนึ่งว่า เมื่อใกล้จะตาย พูดอย่างตกอกตกใจ “นี่แน่ะ ในโลก ฉันมีที่ดินหลายแปลง มีวังหลายแห่ง แต่ แต่ถ้าฉันตายในคืนนี้ ฉันไม่รู้ว่า จะต้องไปพักที่ไหน?”

        พี่น้อง ท่านก็เชื่อว่า ท่านจะต้องตาย เชื่อว่ามีนิรันดรภาพ เชื่อว่าจะต้องตายครั้งหนึ่งครั้งเดียว และหากท่านพลาดพลั้งเสียที ท่านก็จะพลาดทั้งชั่วนิรันดร หมดหนทางจะแก้มือได้อีก ก็ไฉนท่านยังลังเล ไม่ตกลงปลงใจเสียในขณะที่อ่านคำเตือนใจนี้ ว่าจะพยายามสุดความสามารถ ทำให้ตัวท่านได้ตายดีอย่างแน่นอนเล่า? ดูเถิด แม้คนอย่างนักบุญ อันเดร อาแวลลีโน เอง ก็ยังพูดตัวสั่นว่า “ใครจะไปรู้ โชคอันใดกำลังคอยฉันในชีวิตหน้า ฉันจะเอาตัวรอดหรือจะต้องโทษ?” และแม้คนอย่างนักบุญหลุยส์ แบร์ตรันโด ก็ยังอกสั่นขวัญหายจนนอนไม่หลับเวลากลางคืน เมื่อคิดว่า “ใครจะไปรู้บางทีฉันจะต้องไปนรก” ส่วนท่านเล่าท่านได้เคยทำบาปเป็นก่ายกอง ท่านไม่กลัวบ้างหรือ? จงเร่งแก้มือให้ทันเวลาเถิดเร่งตกลงปลงใจถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าอย่างจริงจัง อย่างน้อยแต่บัดนี้เป็นต้นไปจงเริ่มครองชีพ ชนิดที่ เมื่อถึงเวลาจะตาย จะไม่ให้ความทุกข์ แต่จะให้ความบรรเทาใจ จงชอบการบำเพ็ญภาวนา จงไปแก้บาปรับศีลบ่อย ๆ จงหลีกหนีท่าทางบาป และถ้าเห็นว่ำจำเป็นก็จงสละโลกเสีย จงทำให้ความรอดตลอดนิรันดรของท่าน แน่นอนไว้ จงตระหนักเถิด การเอาวิญญาณรอดตลอดนิรันดรนั้นแม้ทำให้แน่นอนเท่าไร ก็ไม่เพียงพอ

        ข้อเตือนใจและคำภาวนา

        ข้าแต่พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา ข้าพเจ้าเป็นหนี้พระคุณของพระองค์มากมายนักหนา ไฉนหนอพระองค์จึงได้ทรงประทานพระคุณมากมายก่ายกองแก่คนใจดำทรยศเยี่ยงข้าพเจ้านี้ได้?-พระองค์ได้ทรงสร้างข้าพเจ้ามา และในขณะที่ทรงสร้างนั้นพระองค์ทรงมองเห็นบาปต่าง ๆ ที่ข้าพเจ้าจะกระทำเฉพาะพระพักตร์อยู่แล้ว พระองค์ได้ทรงไถ่ด้วยทรงมรณะเพื่อข้าพเจ้า และในขณะทรงมรณะนั้น พระองค์ทรงแลเห็นความอกตัญญูของข้าพเจ้าจะกระทำเฉพาะพระพักตร์อยู่แล้ว นับตั้งแต่ข้าพเจ้าย่างเข้ามาอยู่ในโลก ข้าพเจ้าก็ได้หันหลังให้พระองค์นับว่าข้าพเจ้าได้ตายอยู่แล้ว และเป็นสิ่งปฏิกูลอยู่แล้ว ถึงกระนั้นพระองค์ได้ทรงประทานพระหรรษทานให้ข้าพเจ้ากลับคืนชีพขณะที่ข้าพเจ้าตาบอด พระองค์ก็ทรงประทานความสว่างให้ ขณะที่ข้าพเจ้าเสียพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดให้ข้าพเจ้ากลับมาพบพระองค์อีก ขณะที่ข้าพเจ้าเป็นศัตรูของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดให้ข้าพเจ้ากลับคืนดีมาเป็นมิตรของพระองค์อีก ! โอ้พระผู้เป็นเจ้าพระแห่งความเมตตากรุณา โปรดเถิด โปรดให้ข้าพเจ้าสำนึกรู้พระคุณและให้ข้าพเจ้าร้องไห้ เพราะความผิดที่ได้ทำต่อพระองค์ โปรดเถิด โปรดแก้เผ็ดข้าพเจ้าให้ข้าพเจ้าต้องเป็นทุกข์มาก ๆ แต่ขออย่างเดียว อย่าทรงลงโทษให้ข้าพเจ้าปราศจากพระหรรษทาน ปราศจากความรักต่อพระองค์เท่านนั้น ข้าแต่พระบิดาผู้สถิตอยูตลอดนิรันดร ข้าพเจ้าเกลียดชังบาปที่ได้ทำเป็นอย่างยิ่ง โปรดเห็นแก่ความรักต่อพระเยซูคริสต์ และทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้า โปรดทอดพระเนตรดูพระบุตร ซึ่งมรณะอยู่บนได้กางเขน และโปรดให้พระโลหิตของพระองค์ไหลลงมาชะล้างวิญญาณของข้าพเจ้า ข้าแต่พระราชาแห่งดวงใจของข้าพเจ้า ขอให้พระราชัยจงมาถึง ข้าพเจ้าตกลงปลงใจกำจัดความรักทั้งสิ้น ที่มิใช่เพื่อพระองค์ข้าพเจ้ารักพระองค์มากกว่าอะไร ๆ ทั้งหมด เชิญพระองค์เสด็จเข้ามาครองราชย์ในวิญญาณของข้าพเจ้า แต่พระองค์เดียวเถิดพระเจ้าข้า โปรดให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ และไม่รักมครนอกจากพระองค์ ชีวิตที่ข้าพเจ้ายังเหลืออยู่นี้ ข้าพเจ้าปรารถนาจะใช้รักพระองค์ และทำความพอใจแก่พระองค์อย่างเต็มที่ ข้าแด่พระบิดาชองข้าพเจ้าโปรดอำนวยพระพรแก่ความปรารถนาดีของข้าพเจ้านี และโปรดประทานพระหรรษทาน ให้ข้าพเจ้าสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์อยู่เสมอข้าพเจ้าขอถวายความรักของข้าพเจ้าทั้งหมดแด่พระองค์ ตั้งแต่บัดนี้ไป ข้าพเจ้าไม่พอใจเป็นของของผู้อื่น แต่พอใจเป็นของของพระองค์เท่านั้น พระองค์คือสมบัติพัสถานของข้าพเจ้า สันติสุขของข้าพเจ้า ความวางไว้ใจของข้าพเจ้า ความรักของข้าพเจ้า สารพัดของข้าพเจ้า ! ข้าพเจ้าไว้ใจว่า จะได้ทุกสิ่งที่ขอนี้ ด้วยเดชะพระบารมีแห่งพระบุตรของพระองค์ พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระนางมารีอา ราชินี และพระมารดาของข้าพเจ้า โปรดช่วยเสนอวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าด้วยเทอญ

(1) Quod scribode mea vita tollittur.

book

บทที่ 03 "ชีวิตมนุษย์ไม่ยืนนาน"