Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 22 ความเคยชินในความชั่ว

book

1. ความเคยชินในความชั่ว ทำจิตใจบอดมืด

หายนะอันร้ายแรงประการหนึ่ง ซึ่งบาปของอาดัม ก่อให้เกิดขึ้นในตัวเราคือความลำเอียงทางบาป นี่แหละที่ทำให้ท่านเกลียด: “ข้าพเจ้าเห็นว่า ในอวัยวะของข้าพเจ้ามีกฎอันหนึ่ง ซึ่งขัดกับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้าและมันทำให้ข้าพเจ้าตกอยู่ใต้อำนาจกฎแห่งบาป” (รม. 7, 23) ก็ชาวเราติดอยู่กับตัณหาดังนี้แล้ว นอกนั้นยังมีศัตรูจำนวนมาก คอยยุแหย่ชักเราไปทางชั่วอีกด้วย จึงเป็นการยากมากจะบรรลุถึงปิตุภูมิอันแสนสุข โดยไม่กระทำบาปเลย เพราะเรามีความลำเอียงดั่งกล่าวมาแล้วนี้เอง จึงขอถามว่า ชาวเราจะต้องทำอย่างไร? ท่านคิดอย่างไร: คนที่จะต้องข้ามทะเลกำลังบ้าครื่น โดยให้เรือเก่า ๆ ผุ ๆ มิหนำซ้ำยังอยากจะบรรทุกของมาก ๆ มากเพียงที่แม้เมื่อไม่มีลมพายุและแม้เป็นเรือดีแข็งแรง ก็ยังพอจะจมไปได้? ท่านคะเนว่าชีวิตของคนผู้นั้นจะเป็นอย่างไร? เรื่องนี้อุปมาฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น สำหรับคนที่เคยตัวในบาป เหตุว่า เขาก็ต้องข้ามทะเลแห่งชีวิตนี้ (มันเป็นทะเลที่กำลังบ้าคลื่น และมีคนจำนวนมากแล้วได้พินาศไป) ด้วยเรือบอบบางและผุพัง หมายความถึง เนื้อหนังอันหุ้มห่อตัวเราอยู่นี้ นอกนั้นเขายังอยากบรรทุกบาปที่เคยชินไว้มาก ๆ อีกด้วย! เป็นการยากมากที่คนเช่นนี้จะเอาตัวรอด เพราะว่า ความเคยชินในความชั่วทำให้จิตใจบอดมืด ทำให้ดวงใจกระด้าง และเพราะฉะนั้นเขาจึงจะดื้อกระด้าง จนถึงเวลาตายได้อย่างง่ายดาย

            ประการแรก ความเคยชินในความชั่ว ทำให้บอดมืด เพราะอะไรพวกนักบุญจึงวิงวอนขอความสว่างจากพระเป็นเจ้าเสมอ ๆ? เพราะอะไร ท่านจึงกลัวว่าตนอาจจะกลายเป็นคนบาป ที่ชั่วช้ากว่าคนอื่นทั้งหมดในโลก? ก็เพราะว่า ท่านทราบดีว่า หากไม่ได้รับความสว่าง แม้เพียงชั่วครู่ท่านก็อาจจะกระทำความชั่วไม่ว่าชนิดใด ๆ ก็ได้ทั้งนั้นนั่นเอง พูดถึงด้านตรงข้าม เหตุใดคริสตังจำนวนมาก จึงดื้อกระด้างดำรงชีพอยู่ในบาป จนตกที่สุดเป็นเหตุให้เขาต้องโทษในนรกเล่า? เหตุว่า บาปทำให้เขาตาบอดมืด เขาจึงได้พินาศไป (ปชญ. 2, 21) บาปทุกประการ นำมาซึ่งความบอดมืด และยิ่งบาปมากความบอดมืดก็ยิ่งมาก พระเป็นเจ้าคือองค์ความสว่างของชาวเรา ฉะนั้นยิ่งวิญญาณใดถอยห่างจากพระองค์ วิญญาณนั้นยิ่งจะมองอะไรไม่เห็น “กระดูกของเขาเต็มปรี่ไปด้วยพยศชั่ว” (โยบ. 20, 11) ภาชนะที่เต็มปรี่ไปด้วยดิน แสงสว่างของดวงอาทิตย์ส่องเข้าไปไม่ถึงฉันใด วิญญาณก็ฉันนั้น หากเต็มปรี่ไปด้วยพยศชั่ว แสงสว่างของพระเป็นเจ้า ก็จะส่องเข้าไปไม่ถึง ฉะนั้น เราจึงแลเห็นคนบาปที่ปล่อยตัว บางคนหมดแสงสว่าง ยิ่งทียิ่งทำบาป และไม่คิดจะดัดแปลงกิริยาของตนอีกเลย (สดด. 11, 9) เมื่อพวกคนอาภัพจะอยู่ในขุมอันมืดมนนั้นแล้ว เขาจะไม่รู้จักทำอะไรนอกจากทำบาป เขาจะพูดแต่ถึงบาป คิดแต่ถึงบาป และแทบจะพูดได้ทีเดียวว่าเขาได้รู้ว่า บาปเป็นสิ่งชั่วเสียแล้ว นักบุญเอากุส   ตินกล่าวว่า: ความเคยชินในการทำชั่ว ไม่ปล่อยให้คนบาปแลเห็นความชั่วที่ตนทำ (1) เขาจึงครองชีพ เหมือนว่าเขาไม่เชื่อว่า มีพระเป็นเจ้า สวรรค์ นรก นิรันดรภาพ

            เป็นอันว่า บาปที่แต่ก่อยเขาเคยเกลียดเคยกลัว ต่อมาเพราะความเคยชินเขาไม่เกลียดไม่กลัวต่อไปแล้ว “โปรดให้เขาคล้ายกับลูกล้อ คล้ายกับฟางข้าวที่ถูกพายุพัดเถิด (สดด. 82, 14) นักบุญเกรโกรี อธิบายเพลงสาปแช่งนี้ว่า : ดูเถอะ! ฟางข้าวแม้เมื่อถูกลมเบาๆ พัด มันก็ปลิวไปได้อย่างง่ายดาย! ท่านก็จะเห็นว่าเป็น่นนี้สำหรับคนที่ที่แรก (ก่อนจะพ่ายแพ้) ได้ต่อสู้อย่างน้อยก็พักหนึ่งอย่างไรก็ดี เขาก็ได้ต่อกรกับการประจญ แต่ครั้งเมื่อเขาทำความชั่วจนเคยชินเสียแล้วเขาจะยอมแพ้ในทันทีและทุกอย่างไป แพ้ในทุกโอกาสที่จะพบในการทำบาปเหตุไรจึงเป็นเช่นนี้?- เหตุว่า ความเคยชินทำให้เขาตามืดมองไม่เห็นแสงสว่างนั่นเอง นักบุญอัลแซลมกล่าวว่า ปีศาจทำกับคนบาปบางคน คล้ายกับคนที่จับนกมาได้แล้ว เอาเชือกผูกไว้ แล้วปล่อยให้มันบินดู พอมันจะบินจริงๆ เขาก็กระตุกให้ตกดิน ท่านว่าคนที่เคยชินในบาป ก็มีอุปมาดังนี้แหละ (2)

            นักบุญแบร์นาร์ดีโน แห่งซีเอนาเสริมว่า: คนที่ทำบาปเรื่อย ๆ แม้เมื่อไม่มีทางจะทำก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ท่านว่า: เขาเคยชินทางชั่วเขาก็คล้ายกับโรงสีลมมีลมเมื่อไรก็หมุนไปเมื่อนั้น (3) กว่านั้นอีก หมุนตะบันไป แม้เมื่อไม่มีข้าวจะสี แม้เมื่อเจ้าของไม่ต้องการให้หมุน เพราะเหตุนี้ ท่านจะแลเห็นคนที่เคยตัวในบาปเขาทำบาปด้วยความคิดแม้เมื่อไม่มีโอกาส แม้เมื่อไม่มีความสนุก และแม้เมื่อตัวเขาเองก็แทบ ๆ จะไม่พอใจเสียด้วย นักบุญยวง คริสซอสโตม บอกว่าฤทธิ์ของความเคยชิน มันไปถึงขั้นนี้ (4) จริงทีเดียว มันเป็นดังนี้ นักบุญเอากุสตินกล่าวว่า! ความเคยชินทางชั่วจะกลายเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่ง ในไม่ช้า (5) และนักบุญแบร์นาร์ดีโนยังพูดว่า: ความเคยชินจะกลายเป็นธรรมชาติ (6) จนกระทั่งว่า คนเราจำเป็นต้องหายใจฉันใด คนที่เคยชินในทางชั่ว คนที่ตกเป็นทาสของบาปดูเหมือนว่าจำเป็นต้องทำบาปฉันนั้น ตรงนี้ข้าพเจ้าใช้คำว่า “ทาส” เพราะว่าคนใช้เป็นผู้รับใช้โดยมีค่าจ้าง แต่ทาสนั้นถูกบังคับให้รับใช้ โดยไม่มีค่าจ้างตอบแทนเลย ผู้อาภัพบางคน ตกอยู่ในฐานะอันน่าสังเวชดั่งนี้แหละ: เขาทำบาปแม้เมื่อไม่มีความสนุกอะไรเลย

            พระคัมภีร์บันทึกว่า “เมื่อคนอธรรมตกสู่ขุมบาปจนลึกแล้ว เขาก็ดูดาย” (สภษ. 18, 3) นักบุญยวง คริสซอสโตม อธิบายพาดพิงถึงคนที่เคยตัวในทางชั่วว่า: เมื่อเขาตกอยู่ในขุมแห่งความมืดมนนั้แล้ว เขาก็ประมาทคำตักเตือน คำเทศนา อาชญาโทษ นรก และทั้งพระเป็นเจ้าด้วย เขาประมาทหมดทุกสิ่ง เขากลายเป็นเหมือนนกแร้ง ซึ่งไม่ยอมห่างซากศพที่กำลังทิ้งอยู่ แม้พรานจะมายิงก็ยอมตายอยู่ที่นั้น! คุณพ่อเรกูปีโต เล่าว่า นักโทษผู้หนึ่ง ขณะเดินไปสู่ที่ประหารเผอิญเหลือบตาไปเห็นหญิงสาวเข้า เขาก็ได้ปลงใจคิดชั่วในทันที คุณพ่อชีซอลโฟเล่าเรื่องคล้ายคลึงกันนี้ว่า นักโทษคนหนึ่งปากร้าย ขณะที่เขานำไปแขวนคอ พอถึงที่บันได ก็กล่าวคำผรุสวาทออกมา นักบุญเบอร์นาร์ดถึงกับกล้าพูดว่า: ป่วยการเปล่า ที่จะสวดอุทั้ศให้คนที่เคยชินในบาป จงร้องไห้เหมือนว่า เขาตกนรกแล้วเถิด ก็คนเช่นนี้จะออกจากเหวอันนั้นได้อย่างไร ในเมื่อตาของเขาบอดมืดเสียแล้ว? ยังอาจกลับใจได้แต่ก็ต้องอาศัยพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า ทำอัศจรรย์ อนิจจา! คนอาภัพอย่างนี้ จะเปิดตา ก็ต่อเมื่ออยู่ในนรกแล้ว ซึ่งเมื่อนั้น การเปิดตากลายเป็นสายเลือดไปเท่านั้น!

           

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงเชิดชูข้าพเจ้า ด้วยทรงประทานพระคุณแก่ข้าพเจ้านานัปการมากกว่าใครๆ ส่วนข้าพเจ้าก็ขอเชิดชูพระองค์เหมือนกัน แต่โดยการกระทำผิด กระทำเคืองพระทัยของพระองค์มากกว่าได้กระทำต่อใคร ๆ ที่ข้าพเจ้าเคยรู้จักมา! พระหฤทัยอันแสนเศร้าแห่งพระมหาไถ่เจ้าข้า บนไม้กางเขน พระองค์ได้ทรงรับความปวดร้าวและความทรมานเพียงไรเพราะเห็นแก่บาปของข้าพเจ้า โปรดเถิด พระเจ้าข้า โปรดเห็นแก่พระบุญญาบารมีของพระองค์ และประทานให้ข้าพเจ้าสำนึกรู้ความผิดและเป็นทุกข์กลับใจด้วยจริงใจเถิด พระเจ้าข้า อา! พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าเต็มไปด้วยพยศชั่ว แต่พระองค์ทรงฤทธิ์ทุกประการ ทรงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยความรักต่อพระองค์ก็ได้ ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ องค์ความดี องค์ความเมตตา กรุณาปราศฯจากขอบเขต องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า ข้าพเจ้าเสียใจเพราะได้ทำเคืองพะทัย! โปรดให้ข้าพเจ้าตายเสียเถิด ดีกว่าจะกลับมาทำเคืองพระทัยอีก พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ลืมพระองค์ แต่พระองค์มิได้ทรงลืมข้าพเจ้า ทั้งนี้ปรากฏชัดโดยแสงสว่าง ที่พระองค์ทรงประทานแก่ข้าพเจ้า ณ กาละบัดนี้ ไหน ๆ พระองค์ก็ได้ทรงประทานความสว่างให้แล้ว ทรงพระกรุณาประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้ดำรงชีพสัตย์ซื่อต่อพระองค์ พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอสัญญากับพระองค์ว่า จะยอมตายสักพันครั้งดีกว่าจะหันหลังให้พระองค์ต่อไป “พระสวามีเจ้าข้า ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ ข้าพเจ้าจะไม่ต้องอับอายทั้งชั่วนิรันดร” (สดด. 30, 2) พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ วางใจว่าอย่างไรเสียข้าพเจ้าจะไม่ต้องอับอายอยู่ในบาป และจะไม่ต้องปราศจากพระหรรษทานของพระองค์อีกเลย พระเจ้าข้า

            ข้าแต่พระแม่มารีอา ข้าพเจ้าหันมาขอพึ่งบารมีของท่านด้วย “ข้าพเจ้าวางใจในท่าน ข้าพเจ้าจะไม่ต้องอับอายทั้งชั่วนิรันดร” –โอ้! องค์ความหวังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าวางใจในคำเสนอวิงวอนของท่าน อย่างไรเสียข้าพเจ้าก็จะไม่ต้องเป็นศัตรูแห่งพระบุตรของท่านต่อไป โปรดเถิด โปรดวิงวอนพระบุตรเจ้า ให้ข้าพเจ้าตายเสีย ดีกว่าที่พระองค์จะทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าตกอยู่ในห้วงมหันตภัยแห่งความเคยชินในบาป

2. ความเคยชินในความชั่ว ทำให้ดวงใจแข็งกระด้าง

            ประการสอง ความเคยชินในความชั่วทำให้ใจดื้อกระด้าง (7) ยุติธรรมแล้ว ที่พระเป็นเจ้าจะทรงปล่อยให้เป็นดังนี้ เพื่อเป็นการลงพระอาชญาต่อการขัดขืนคำตักเตือนของพระองค์ ท่านอัครสาวกกล่าวว่า “พระสวามีทรงพระเมตตาต่อผู้ที่ทรงพอพระทัยเมตตา และทรงบันดาลให้กระด้างกระเดื่องในคนที่ทรงพระทัยให้กระด้างกระเดื่อง” (รม. 9, 18) นักบุญเอากุสติน อธิบายพระคัมภีร์ตอนนี้ว่า (8) ที่แท้ไม่ใช่พระเป็นเจ้าทรงบันดาลให้ผู้เคยชินในบาป กระด้างกระเดื่องแต่ทรงถอนพระหรรษทานออกจากเขาเป็นการลงโทษที่เขาใจดำไม่สนองพระคุณของพระองค์ ฉะนั้นดวงใจของเขาจึงแข็งราวกับหิน “ดวงใจของเขาแข็งเหมือนกับหิน ทนเหมือนกับทั่งตีเหล็ก” (โยบ. 41, 15) ดังนั้นเมื่อคนอื่นรู้สึกเสียใจร้องไห้เพราะได้ยินคำเทศนาเรื่องความเข้มงวดแห่งการพิพากษาของพระเป็นเจ้าเรื่องโทษานุโทษในนรก เรื่องพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์ แต่ผู้เคยชินในความชั่วไม่รู้สึกอะไรเลย เขาพูดเขาฟังเรื่องเหล่านี้ด้วยอาการเฉย ๆ คล้ายกับว่าไม่ทุกข์ร้อน ต่อมาเมื่อได้ยินบ่อยเข้า เขาก็ยิ่งใจแข็งเหมือน ๆกับทั่งที่ถูกค้อนทุบฉันนั้น แม้ความตายปัจจุบันทันด่วน แผ่นดินไหว ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าก็ไม่ทำให้เขาตกใจแทนที่จะปลุกใจ มันกลับจะปิดตาของเขา ทำให้เขาหลับ หลับจนตายไป แต่เมื่อนั้นก็หมดหนทางจะแก้ไขเสียแล้ว “เมื่อได้ยินพระสุรเสียงคำรามของพระองค์เขาได้หลับไป” (สดด. 75, 7)

            ความเคยชินทางชั่ว ค่อย ๆ ดับเสียงมโนธรรม นักบุญเอากุสตินกล่าวว่าคนที่เคยชินในทางชั่ว แม้บาปจะใหญ่เท่าใหญ่ เขาก็ถือว่า ไม่สำคัญอะไรเลย (9) ตามปรกติ การทำชั่วทุกอย่างย่อมก่อให้เกิดความละอายชนิดหนึ่ง แต่นักบุญฮีเอโรนีโมกล่าวว่า คนที่เคยชินในบาปจะหมดความละอายในการกระทำบาป (10) นักบุญเปโตร เปรียบคนที่เคยชินในความชั่วว่าเป็นเหมือนสุกร ที่เกลือกกลิ้งตัวในปลักโสมม (ปต. 2, 22) สุกรเมื่อกลิ้งเกลือกอยู่ในโคลน มันไม่ได้กลิ่นเหม็นอะไรเลยฉันใด คนที่เคยตัวในบาป ก็ฉันนั้น ใคร ๆ ก็ได้กลิ่นเหม็นพยศชั่ว แต่เขาคนเดียวไม่ได้กลิ่น และยิ่งเมื่อโคลนไปปิดตาเขาด้วยแล้ว นักบุญแบร์นาร์ดีโน กล่าวว่า: จะแปลกอะไร แม้เมื่อพระเป็นเจ้าทรงลงพระอาชญา เขาก็ไม่สำนึกรู้ตัว? (11)

            เป็นอันว่า แทนที่เขาจะสำนึกเป็นทุกข์ที่ตนได้กระทำบาป เขาจะกลับยินดีหัวเราะ และนำบาปมาอวดเสียด้วย “เขาชอบใจที่ตนได้ทำชั่ว- เขาทำบาปเป็นว่าเล่น” (สภษ. 2. 14-10, 23) ความกระด้างทำนองนี้ หมายความว่าอะไร? นักบุญโทมัสแห่งวิลลา นอวา บอกว่า หมายความว่า เขาจะตรงไปนรกนั่นเอง (12)

            พี่น้องที่รัก ท่านจงกลัวไว้เถิด มันจะเป็นเช่นนี้แก่ท่านก็ได้ ฉะนั้นหากท่านเคยชิน ในทางชั่วอย่างใดแล้ว จงเร่งกำจัดมันเสียแต่บัดนี้ เพราะเป็นเวลาที่พระเป็นเจ้ากำลังทรงร้องเตือน และหากในบัดนี้ ท่านรู้สึกวุ่นวายในมโนธรรมก็ให้ยินดีเถิด นั่นเป็นสำคัญว่า พระเป็นเจ้ายังมิได้ทรงละทิ้งท่าน แต่ท่านต้องเร่งทำการแก้ไข ต้องเร่งกำจัดพยศชั่วเสีย มิฉะนั้นแล้ว แผลอันนั้นจะกลายเป็นบาดทะยัก แล้วตัวท่านจะต้องพินาศไป

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            โอ้พระสวามี ข้าพเจ้าจะทำไฉน จะสามารถสมนาคุณของพระองค์ให้สาสมได้ กี่ครั้งกี่หนแล้ว พระองค์ได้ทรงเรียกหา แต่ข้าพเจ้าได้ขัดขืน? แทนที่ข้าพเจ้าจะรู้ถึงพระคุณ และสนองตอบความรักของพระองค์ ผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากนรก ผู้ทรงเรียกหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้ากลับดื้อกระด้าง กลับยั่วพระองค์ให้ทรงพระพิโรธยิ่งขึ้น และกลับด่าว่าร้ายพระองค์อีกเล่า! อา! ไม่เอาแล้วพระเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่ยอมล่วงเกินความเพียรทนของพระองค์ต่อไป ข้าพเจ้าได้ทำเคืองพระทัยของพระองค์มากนักแล้ว พอเสียทีเถิด นี่ดีที่เป็นพระองค์ ผู้ทรงพระทัยดีปราศจากขอบเขต มิฉะนั้นใครเล่าจะเพียรทนข้าพเจ้าได้ถึงปานนี้ บัดนี้ข้าพเจ้าเข้าใจแล้วว่า พระองค์จะทรงเพียรข้าพเจ้าต่อไปไม่ไหว และก็ควรจะเป็นดังนี้ จริงแล้ว! ข้าแต่พระสวามีเจ้า และองค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า ทรงพระกรุณาอภัยโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ตรอมใจจริง ๆ แล้ว ทั้งตั้งใจจะไม่กระทำผิดต่อพระองค์อีกเลย พระเจ้าข้า ทำไม! ข้าพเจ้าจะบังอาจทำขัดเคืองพระทัยของพระองค์เรื่อยไป ทีเดียวหรือ? โปรดเถิด พระผู้เป็นเจ้าแห่งวิญญาณของข้าพเจ้า โปรดคืนดีกับข้าพเจ้า มิใช่เพราะเห็นแก่บุญกุศลของข้าพเจ้า แต่เพราะเห็นแก่พระบุญญาบารมีแห่งพระบุตรของพระองค์ และแห่งพระมหาไถ่ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าวางใจในพระบารมีนั้น พระเจ้าข้า โปรดเห็นแก่ความรักของพระองค์ต่อพระเยซูคริสต์เถิด และโปรดรับข้าพเจ้าไว้ในพระหรรษทานของพระองค์ และให้ข้าพเจ้าคงเจริญอยู่ในความรักต่อพระองค์เถิด พระเจ้าข้า โปรดเชือดเฉือนข้าพเจ้าให้ขาดจากความรักอันไม่บริสุทธิ์ และโปรดดึงข้าพเจ้าให้เข้าหาพระองค์เถิด พระเจ้าข้า โอ้พระเจ้าผู้ทรงรักวิญญาณมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้ารักพระองค์ ผู้ทรงน่ารักหาที่สุดมิได้ พระเจ้าข้า

            ข้าแต่พระนางมารีอา ชีวิตที่ข้าพเจ้ายังเหลืออยู่นี้ โปรดอย่าปล่อยให้ข้าพเจ้านำไปใช้เพื่อทำเคืองพระทัยพระบุตรของท่านอ้างต่อไป แต่ให้ข้าพเจ้าใช้ เฉพาะเพื่อรักพระองค์ และเพื่อร้องไห้ เพราะความผิดที่ข้าพเจ้าได้กระทำต่อพระองค์เท่านั้นเถิด

3. การเคยชินในความชั่ว นำไปสู่การไม่ยอมกลับใจ

           ณ วาระสุดท้ายเมื่อคนบาปขาดแสงสว่าง และใจแข็งกระด้าง ก็เป็นธรรมดาอยู่เองเขาจะจบชีวิตไม่ดี และจะตาย กระด้างอยู่ในบาปนั้นเอง (ปญจ. 3, 27) บรรดาผู้ใคร่ธรรมเดินตามทางตรงต่อไป (อสย. 26, 7) แต่ตรงกันข้าม ผู้เคยชินทางชั่วเดินวกไปเวียนมาอยู่เสมอ (สดด. 11, 9) เขาทิ้งบาปประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วกลับเวียนมาอีก นักบุญเบอร์นาร์ดกล่าวว่า คนจะพวกนี้จะวกไปลงนรก (13)

            แต่บางคนในพวกเขา จะอ้างว่า “ฉันก็อยากจะกลับใจก่อนตาย” แต่มันเป็นการยากนักหนาที่ผู้เคยชินทางชั่ว จนแก่ตัวแล้วจะกลับใจ พระจิตเจ้าตรัสว่า “คนหนุ่ม เมื่อเดินตามทางใดแล้ว เมื่อแก่ ก็จะใร่ถอยออกจากทางนั้น” (สภษ. 22, 6) นักบุญโทมัสแห่งวิลลา นอวา ให้เหตุผลว่า นี่ก็เป็นเพราะกำลังของเขาอ่อนแอเหมือนหยากไย่และสะเก็ดไฟ (อสย. 1, 31) ท่านกล่าวสืบไปว่า: ฉะนั้นจึงเป็นอันว่า วิญญาณที่ไร้พระหรรษทาน ไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ โดยไม่กระทำบาปใหม่อีก (14) นอกนั้น ต้องถือว่าเป็นความบ้าชิดไหนหนอ คนที่ยอมเล่นการพนัน ยอมเสียข้าวของจนสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะความหวังว่า จะชนะในตา (หรือเกม) สุดท้าย? ก็ต้องถือว่า เป็นความบ้าดุจกันคือ คนที่ดำรงชีพอยู่ในบาปเรือยไปและหวังว่า ตัวจะแก้มือได้หมดทุกอย่างในบั้นปลาย ท่านประกาศกเยเรมีย์ กล่าวว่า: ชาวเอธิโอเปียหรือ จะเปลี่ยนสีเนื้อ เสือหรือ จะหายลาย? ก็แล้วไฉนคนที่เคยชินในความชั่ว จะเปลี่ยนชีวิตที่ชั่วให้เป็นดีไปได้เล่า? (ยรม. 13, 23) เป็นอันว่า คนที่เคยชินในความชั่ว ในที่สุดเขาจะตกสู่ห้วงความเสียใจแล้วก็จะจบชีวิตของตนด้วยประการฉะนี้ “ผู้ใดใจกระด้าง ผู้นั้นจะกระโจนสู่ความพินาศ” (สภษ. 28, 14)

            โยบกล่าวว่า “เขาได้แทงข้าพเจ้าแล้ว แทงข้าพเจ้าเล่า เขาได้กระโจนใส่ข้าพเจ้าคล้ายกับยักษ์” (โยบ. 16, 15) คำพูดนี้ นักบุญเกรโกรี่ อธิบายว่า: เมื่อศัตรูกระดจนใส่ใคร ครั้นผู้นั้นได้รับบาดแผลแรก เขาก็ยังพอมีกำลังจะต่อสู้ได้แต่ต่อเมื่อได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเท่าไร กำลังก็ยิ่งถอยน้อยลงเท่านั้น ตกที่สุดก็จะตายไป บาปก็มีอาการอย่างเดียวกันนี้ ในครั้งแรก ครั้งที่สอง คนบาปยังมีกำลังอยู่บ้าง (แน่นอน เขาต้องอาศัยพระหรรษทานช่วยเหลือ) แต่หากขืนทำบาปต่อไปอีก บาปก็จะกลายเป็นยักษ์ไป คนบาปเป็นผู้มีกำลังน้อยอยู่แล้ว ต่อมาบาดเจ็บมากยิ่งขึ้นอีก เขาจะเลี่ยงความตายพ้นได้อย่างไร? ประกาศก เยเรมีย์กล่าวว่า “บาปคล้ายกับหินผาที่ทับวิญญาณไว้” (เธรน. 3, 53) นักบุญเบอร์นาร์ดอธิบายว่า: ยากที่ผู้ชินในบาปจะลุกขึ้นกลับตัว เหมือนกับคนที่ถูกหินก้อนมหิมาทับไว้ เขาไม่มีกำลังจะเคลื่อนหินก้อนนั้น ให้หลุดพ้นใปจากตัวได้ (15)

            ผู้เคยชินในบาปจะกล่าวต่อไปว่า “อย่างนั้นฉันก็หมดหวังหรือ?” ...หามิได้ หากท่านมีน้ำใจจะแก้ไขจริง ๆ ก็ยังไม่หมดหวังทีเดียว นักประพันธ์ผู้หนึ่งสอนไว้อย่างถูกต้องว่า “ไข้หนักก็ต้องรักษาด้วยยาแรง” (16) หากคนไข้หนักมีอาการน่ากลัวจะตาย แต่ไม่ยอมกินยา เพราะไม่ทราบว่าอาการของตนหนักหมอจะบอกเขาว่า “คุณ ถ้าไม่ยอมกินยา คุณจะตายแน่นะ” เขาจะว่าอย่างไร? เขาจะตอบหมอว่า “ครับ ผมยินดี ผมยอมกินยาทุกอย่าง ผมจนใจ เรื่องมันถึงแก่ชีวิต” คริสตชนที่รัก ข้าพเจ้าขอบอกแก่ท่านดุจกันว่า หากท่านเคยชินในบาปประการใด ท่านก็อยู่ในพวกคนไข้ที่จะหายได้ยาก นักบุญโทมัสแห่งวิลลา นอวาถึงกับบอกว่า: ท่านอยู่ที่ปากขุมนรกแล้ว อย่างไรก็ดี ถ้าท่านต้องการหายจริง ๆ ก็ยังมีทางแก้ไข ท่านอย่าคอยให้พระหรรษทานทำอัศจรรย์เลย ตัวท่านเอง ต้องออกแรงรื้อถอนท่าทางบาป ต้องหลีกเลี่ยงเพื่อนชั่ว และต้องออกแรงสู้รบ ทั้งเมื่อถูกประจญล่อลวง ให้ฝากตัวไว้กับพระเป็นเจ้า ท่านต้องให้วิธีการต่าง ๆ มีการไปแก้บาปบ่อย ๆ อ่านหนังสือศรัทธาทุกวัน มีความภักดีต่อพระนางมารีอาวิงวอนขอพระนางช่วยเหลือท่านเสมอ ๆ เพื่อจะได้มีกำลัง ไม่กลับตกไปในความผิดนั้นดีก ท่านต้องพยายามอย่างหนัก มิฉะนั้นจะต้องรับโทษตามที่พระสวามีเจ้าทรงคำรามคนใจกระด้างไว้ว่า “เจ้าจะตายในบาป” (ยน. 8, 21) หากท่านไม่แก้ตัวเสียในเวลานี้ เวลาที่พระเป็นเจ้ากำลังทรงประทานความสว่างให้ จะเป็นการยากมาก ที่จะแก้ตัวต่อภายหลัง จงฟังพระเป็นเจ้าเถิด พระองค์กำลังทรงเรียกท่านว่า “ลาซาโร ออกมาข้างนอก!” โอ้! คนบาปผู้น่าสงสาร และตายไปแล้วเจ้าเอ๋ย จงออกจากหลุมควมประพฤติชั่วของท่านเถิด เร็วเข้า! จงขานตอบพระองค์ จงมอบตัวของท่านไว้กับพระองค์ ท่านจงกลัวไว้เถิดว่า คำเรียกร้องตักเตือนของพระองค์ครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับท่าน!

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            อา! พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ากำลังคอยอะไร? คอยให้พระองค์ทรงละทิ้งและทรงผลักข้าพเจ้าลงสู่นรกก่อนหรือ? อา! พระสวามีเจ้าข้า โปรดรอข้าพเจ้าอีกหน่อยหนึ่งเถิด ข้าพเจ้าต้องากรกลับใจ ข้าพเจ้าต้องการมอบตัวไว้กับพระองค์โปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไร ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามทุกอย่าง พระโลหิตของพระเยซูเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย พระแม่มารีอาเจ้าข้าท่านคือผู้ช่วยเสนอแก่คนบาป โปรดพยุงข้าพเจ้าด้วย พระบิดาผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดรเจ้าข้า โปรดเห็นแก่พระบารมีของพระเยซูเจ้าและข้องพระแม่มารีอาทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระทัยดีหาที่สุดมิได้ข้าพเจ้าเสียใจเพราะได้กระทำเคืองพระทัย ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ แล้ว โปรดเป็นแก่ความรักของพระองค์ต่อพระเยซู อภัยบาปและโปรดให้ข้าพเจ้ารักพระองค์เถิด ขอดลบันดาลให้ข้าพเจ้ากลัวไว้มาก ๆ ว่า หากขืนทำเคืองพระทัยสืบไปข้าพเจ้าจะต้องพินาศ โปรดประทานความสว่างเถิดพระเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอความสว่างและพละกำลัง ข้าพเจ้าไว้ใจว่าจะได้ทุกสิ่งตามที่ขอ เพราะพระองค์ทรงพระทัยกรุณาหาที่สุดมิได้ แม้ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเหินห่างจากพระองค์ พระองค์ยังได้ทรงประทานพระหรรษทานแก่ข้าพจ้าเป็นอันมาก ก็ในบัดนี้ข้าพเจ้ากลับเข้ามาหาพระองค์แล้ว และตั้งใจจะไม่รักอะไรนอกจากรักพระองค์ ข้าพเจ้าจึงมีหวังมากขึ้นอีก ข้าพเจ้ารักพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า

            ข้าแต่พระแม่มารีอา ข้าพเจ้าก็รับท่านด้วย ขอมอบวิญญาณของข้าพเจ้าไว้กับท่าน โปรดช่วยปกปักรักษาไว้ อย่าให้เสียพระหรรษทานอีกเลย

(1) Ipsa consuetude mali non sinit peccatores videre malum puod faci unt.

(2) Pravo usu irretiti ab hoste tenentur, volantes in eadem vitia deiiciuntur (Ap. Edinor, in vita Lib. 2).

(3) Rotuntur omni vento (T. 4 Serm. 15).

(4) Dura res est consuetude, quae nonnunquam nolentes committere cogit lillicita.

(5) Dum consuetudini non resistitur, facta est necessitas.

(6) Usus vertitur in naturam.

(7) Cor durum efficit consuetude peccandi (Cornelius a Lapide).

(8) Induratio Dei est nolle misereri.

(9) Peccata quamvis horrenda, cum in consuetudinem veniunt, parum aut nulla esse videntur.

(10) Quid ne pudorem quidem habent in delictis.

(11) Cum populus immergit se in peccatis, sicut sus in volutabro luti; quid mirum is Deiflagellantis future

        iudicia non cognoscit? (S. Bern. pen. p.2 pag. 182)

(12) Induratio, damnationis indicium.

(13) Vae homini, qui sepuitur hune circuitum (Serm. 12 sup. Ps. 90).

(14) Quo fit, ut anima, gratia destitute, diu evadere ultuiora qeccata nou posit, (Con. 4 Dom. puadr. 1).

(15) Difficile surgit, quem moles malae consuetudinis permit.

(16) Praestat in magnis morbis a magnis auxiliis initium medendi sumere (Cardin. Meth. cap. 16).

book

บทที่ 22 ความเคยชินในความชั่ว