Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 27 นิรันดรภาพของนรก

book

1. นิรันดรภาพของนรก

            หากนรกไม่คงอยู่ชั่วนิรันดร มันก็หาใช่นรกไม่ โทษที่ไม่คงอยู่นานมันก็มาใช่โทษใหญ่โตอะไร คนไข้ที่ถูกผ่าฝี คนป่วยที่ถูกตัดมะเร็ง ความปวดเจ็บของเขามาก แต่เพราะหมดสิ้นไปในชั่วเวลาสั้น ๆ มันจึงไม่ใช่การทรมานใหญ่โตอะไรนัก แต่หากการผ่าตัดนั้น จะยืดเยื้อกินเวลาตั้งสัปดาห์ ตั้งเดือน มันก็จะเป็นการทรมานมากอยู่!

            เมื่อความเจ็บปวดคงอยู่นาน ก็ทำให้เราทนไม่ไหว แม้ว่าการเจ็บปวดนั้นเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เจ็บตา ปวดฟัน จะต้องไปพูดถึงเรื่องการเจ็บปวดทำไม? แม้ละคร แม้ดนตรีที่เล่นอยู่นานเหลือเกิน เช่น เล่นอยู่ตลอดทั้งวัน เราก็เบื่อแล้วและหากเขาจะเล่นอยู่ตลอดหนึ่งเดือนเล่า? หนึ่งปีเล่า?...ฉันนั้น นรกจะเป็นอย่างไรหนอ? มันไม่ใช่การดูละครเรื่องเดียวกันเรื่อย มันไม่ใช่การฟังดนตรีบทเดียวกันเรื่อย มันไม่ใช่เพียงแต่เจ็บตา หรือปวดฟุน มันไม่ใช่การถูกตัดผ่า หรือถูกเอาเหล็กแดงนาบ แต่มันเป็นการทรมาน และความเจ็บปวดทุกอย่างทุกประการรวมกัน และต้องทนอยู่นานเท่าไรเล่า?- ตลอดนิรันดรภาพนั้นแล “เขาจะถูกทรมานทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน ตลอดศควรรษต่อศตวรรษ (วว. 20, 10)

            นิรันดรภาพนี้ เป็นข้อความเชื่อ ไม่ใช่เป็นแต่ทฤษฎีความเห็น แต่เป็นความจริง ที่พระเป็นเจ้าเองทรงยืนยันไว้ในพระคัมภีร์หลายต่อหลายแห่ง เช่น “จงไปให้พ้น เจ้าพวกต้องแช่ง ไปสู่ไฟชั่วนิรันดร... และพวกเขาเหล่านั้น จะไปสู่ที่ทรมานชั่วนิรันดร” (มธ. 25, 41, 46) “เขาจะพินาศไปในพระอาชญาโทษชั่วนิรันดร” (1 ธส. 1, 9) “ทุก ๆ คนจะถูกดองด้วยไฟ” (มก. 9, 48) พระคัมภีร์ตอนนี้มีความหมายว่า: เกลือรักษาสิ่งต่าง ๆ ไม่ให้เน่า ไม่ให้เสียฉันใด ไฟนรกก็ฉันนั้น นอกจากทรมานนักโทษแล้ว ยังทำหน้าที่ดองเหมือนเกลือ คือ รักษาชีวิตของเขาไว้ นักบุญเบอร์นาร์ด กล่าวว่า “ไฟในนรกเผาผลาญเพื่อจะดองรักษาไว้เสมอ” (1)

            เราต้องถูกถือเป็นคนบ้าเพียงไร คนที่เลือกเอาความสนุกในวันหนึ่งแล้วยอมถูกโทษนำไปขังไว้ในหลุมตั้ง 20 ปี หรือ 30 ปี? สมมุติว่า นรกดำรงอยู่ชั่วเวละหนึ่งร้อยปี พูดอะไรถึงร้อยปี ต่อให้ดำรงอยู่เพียงไม่มากกว่า 2-3 ปีก็เถอะจะต้องถือเป็นความบ้าเหลือเกินแล้วมิใช่หรือ การที่ใครจะยอมเอาความสนุกอันเลวทรามอึดใจหนึ่ง แล้วยอมถูกโทษเผาไฟตั้ง 2 หรือ 3 ปี! แต่นี่มันไม่ใช่สามสิบปี ร้อยปี พันปี แสนปีหรอกนะ มันทั้งนิรันดรภาพ มันเป็นการทนทุกข์ทรมานอย่างเดียวกันเสมอไป ไม่รู้จักจบสิ้น ไม่รู้จักทุเลาเบาบางไปเลย ฉะนั้นพวกนักบุญจึงทำถูกต้องแล้ว ที่ขณะมีชีวิตอยู่ในโลกและกำลังอยู่ในฐานะจะพินาศไปได้ ท่านร้องไห้และกลัวจนตัวสั่น ท่านบุญราศีอิสิยาห์ แม้ขณะจำศีลอดอาหาร และบำเพ็ญตะบะชดใช้โทษบาปอยู่ในทะเลทราย ท่านก็ร้องไห้รำพรรณว่า “ข้าพเจ้าช่างอาภัพจริง ยังไม่แคล้วจากการที่จะตกนรกไปได้!”

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            ข้าพแต่พระผู้เป็นเจ้า สมมุติว่า พระองค์ได้ทรงผลักข้าพเจ้าไปสู่นรกอย่างที่ข้าพเจ้าออกมาจากนรกใหม่ ข้าพเจ้าจะรู้สึกว่าเป็นพระเดชพระคุณของพระองค์เพียงไรหนอ! ข้าพเจ้าคงจะตั้งหน้าบำเพ็ญตนเป็นนักบุญเป็นแน่แท้! ก็บัดนี้พระองค์ได้ทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้ามากกว่านั้นอีก ได้ทรงป้องกันข้าพเจ้ามิให้ตกนรก ก็ข้าพเจ้าควรจะทำประการใดเล่า? ข้าพเจ้ายังจะกลับทำเคืองพระทัย กลับยั่วพระพิโรธของพระองค์อีกหรือ? ข้าพเจ้าจะขอให้พระองค์ทรงผลักข้าพเจ้าให้ไปสู่คุกของพวกคนกบฏ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนมากกำลังถูกเผาไฟอยู่ เพราะบาปน้อยกว่าของข้าพเจ้าเสียอีก เช่นนั้นหรือ? อนิจจา! ข้าพเจ้าได้กระทำเช่นนี้จริง ในอดีต แทนที่จะใช้เวลาที่พระองค์ประทานให้ เพื่อเป็นทุกข์ร้องไห้ ข้าพเจ้ากลับไปใช้มันยั่วพระพิโรธของพระองค์มากขึ้นอีก! ขอขอบพระคุณที่ทรงพระทัยดีหาขอบเขตมิได้ และเพียรทนข้าพเจ้าจนถึงปานนี้ หากพระทัยดีของพระองคามีขอบเขตแล้ว คงทนข้าพเจ้าไม่ไหวแน่! ขอสมนาพระคุณที่ได้ทรงเพียรทนข้าพเจ้าจนถึงบัดนี้ และขอขอบพระเดชพระคุณเป็นล้นพ้นที่ได้ทรงประทานความสว่างให้ในขณะนี้ ทำให้ข้าพเจ้าสำนึกเห็นความบ้าของตนและเห็นความชั่วที่ได้กระทำ ที่ได้ดูหมิ่นพระองค์ในการทำบาปจำนวนมากมายนั้น พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าเกลียดชังบาป และเป็นทุกข์ตรมตรอมด้วยจริงใจแล้วทรงพระกรุณาอภัยบาปแก่ข้าพเจ้า โดยเห็นแก่พระมหาทรมานของพระองค์เถิดโปรดประทานพระหรรษทาน ช่วยข้าพเจ้ามิให้ทำบาปอีกต่อไปเลย พระเจ้าข้า ณ บัดนี้ ควรนักหนาที่ข้าพเจ้าจะต้องกลัวว่า หากกระทำบาปหนักอีกประการหนึ่งพระองค์จะทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเสีย อา! พระสวามีเจ้าข้า เมื่อปีศาจจะมาประจญให้ข้าพเจ้ากลับตกในบาป โปรดเอาความกลัวอันมีเหตุผลนี้ ตั้งไว้ต่อหนต้าต่อตาข้าพเจ้าเถิด ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารักพระองค์และไม่ยอมเสียพระองค์ไปอีกแล้ว โปรดประทานพระหรรษทานช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด พระเจ้าข้า

            ข้าแต่พระนางพรหมจาริณีผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ขอช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิดเมื่อข้าพเจ้าถูกประจญ โปรดให้ข้าพเจ้าวิ่งเข้ามาพึ่งท่าน จะได้ไม่เสียพระเป็นเจ้าต่อไป พระแม่มารีอาเจ้าข้า ท่านคือความหวังของข้าพเจ้า

2. น้ำหนักของนิรันดรภาพ

            ผู้ใดตกไปสู่นรกครั้งหนึ่งแล้ว ผู้นั้นไม่มีวันจะได้ออกมาทั้งชั่วนิรันดรความคิดอันนี้เองทำให้ ดาวิด ตัวสั่นทูลว่า “ขออย่าให้ข้าพเจ้าจมไปในคลื่น อย่าให้ (ทะเล) ลึกสูบข้าพเจ้าไว้ และอย่าให้ขุม (นรก) หุบปากกลืนข้าพเจ้าเลย” (สดด. 68, 16) แต่พอนักโทษตกลงไปในขุมที่ทรมานแล้ว ขุมนั้นก็จะปิดปากและไม่เปิดอีกเลย ท่าน เอวเซบีโอ ชาวเอเมโซ กล่าวว่า “นรกมีแต่ทางเข้าไม่มีทางออก” (2) ท่านอธิบายวาทะของดาวิดนั้นว่า: “ขออย่าให้นรกหุบปากเลยเหตุว่า เมื่อมันกลืนนักโทษคนใดเข้าไปแล้ว มันก็หุบท่อนบนและเหิดท่อนล่าง” (3) คนบาปยังมีชีวิตอยู่ในโลกตราบใด เขาก็ยังมีหวังจะแก้ตัวได้เสมออยู่ตราบนั้นแต่หากเขาตายไปในบาปแล้ว ก็หมดความหวังใด ๆ ทั้งสิ้น “แต่พอคนอธรรมตายไปแล้ว ก็ไม่มีความหวังต่อไป” (สภษ. 11, 7)

            สมมุติว่านักโทษนรกจะหลอกตนเองด้วยความหวังจอมปลอมอะไรได้บ้าง เขาก็คงจะพอมีความบรรเทาบ้าง! คนบาดเจ็บนอนแซ่วอยู่บนเตียง หมอไม่รับแล้ว เขาก็ยังพอจะหลอกตน และบรรเทาใจตนเองได้ว่า: ใครจะไปรู้บางทีจะมียาวิเศษรักษาฉันหายก็ได้กระมัง?- ผู้ถูกโทษต้องทำงานหนักตลอดชีวิต ยังอาจเบาใจได้บ้า เมื่อคิดว่า: ใครจะไปรู้ แจมีอันเป็นไป แล้วฉันก็จะหลุดจากโซ่ตรวนนี้ได้? ที่กล่าวมานี้ข้าพเจ้าประสงค์จะบอกว่าเอาเถิด อย่างน้อยถ้านักโทษนรกพูดกับตนเองได้ว่า: ใครจะไปรู้ บางทีฉันก็จะออกจากที่คุมขังนั้นได้ในวันหนึ่ง และหากเป็นดังนั้ได้ เขาก็ยังพอจะหลอกตนเองให้มีความหวังอะไรได้บ้าง แม้จะเป็นความหวังจอมปลอมอย่างไรก็ยังดี แต่ความจริงมันหาเป็นเช่นนั้นไม่ ในนรกไม่มีความหวังอันใดเลย ทั้งความหวังจริง ทั้งความหวังปลอมมันไม่มีคำว่า “ใครจะไปรู้” “เราจะตีแผ่ทุกสิ่งต่อหน้าต่อตาเจ้า” (สดด. 49, 21) นักโทษน่าทุเรศ จะมองเห็นคำตัดสินให้ตนต้องร้องไห้อยู่ในขุมทรมานนั้นเรื่อยไปต่อหน้าต่อตาเสมอ “พวกหนึ่งจะมองเห็นเพื่อได้ชีวิตชั่วนิรันดรเสมอ และอีกพวกหนึ่งจะมองเห็นเพื่อได้ความละอายอดสูอยู่เสมอ” (ดนล. 12, 2) จึงเป็นอันว่านักโทษนรก ไม่ใช่แต่ต้องรับโทษเพียงในทุกขณะของเวลาปัจจุบัน แต่ยังต้องรับโทษของนิรันดรภาพ ในชั่วทุกขณะของเวลาปัจจุบันอีกด้วย เขาจะพูดว่า: สิ่งที่ฉันทนอยู่เดี๋ยวนี้ฉันจะต้องทนมันเรื่อยไป นี่แหละที่ท่านแตร์ตูเลี่ยนบอกว่า “นักโทษถูกน้ำหนักของนิรันดรภาพถ่วง” (4)

            ฉะนั้น ชาวเราจงวิงวอนพระสวามีเจ้าอย่างนักบุญเอากุสิตนเถิด: พระเจ้าข้า “ณ โลกนี้ขอพระองค์ทรงเผา ทรงเข่นฆ่า อย่าทรงพระกรุณาเลยเพื่อจะได้ทรงพระกรุณาในนิรันดรภาพเถิด” (5) อาชญาโทษต่าง ๆ ในโลกเรานี้มันอาจล่วงพ้นไป “ลูกศรของพระองค์ผ่านไป (แต่) พระสุรเสียงฟ้าผ่าของพระองค์หมุนเป็นวงกลมไปตามอากาศ” (สดด. 36, 19) พระอาชญาโทษในโลกหน้าไม่รู้จักล่วงพ้นไป นี่แหละที่ชาวเราต้องกลัว ชาวเราจงกลัวเสียงฟ้าผ่าอันนั้นกล่าวคือ เสียงฟ้าผ่าประกาศลงพระอาชญาโทษชั่วนิรันดร อันจะออกจากโอษฐ์แห่งพระตุลาการในวันพิพากษา ซึ่งสาปแช่งนักโทษว่า “จงไปให้พ้น เจ้าพวกต้องแช่ง ไปสู่ไฟชั่วนิรันดร” และประกาศิตของพระองค์นี้หมุนเวียนเป็นวงกลม; วงกลมเป็นรูปหมายถึงนิรันดรภาพ เพราะว่ามันไม่มีต้น ไม่มีปลาย “เราได้ชักดาบออกจากฝัก และไม่มีวันจะใส่กลับคืน” (อสค. 21, 5) พระอาชญาโทษของนรกนั้นยิ่งใหญ่มาก แต่สิ่งที่เราจะต้องกลัวก็คือ มันเป็นอาชญาโทษของนรกนั้นยิ่งใหญ่มาก แต่สิ่งที่เราจะต้องกลัวก็คือ มันเป็นอาชญาโทษไม่มีวันถอนคืน

            แต่พวกไม่มีความเชื่อจะค้านว่า: อะไรกัน! มันยุติธรรมหรือ: เราทำบาปชั่วประเดี๋ยวหนึ่งปต่จะถูกโทษทั้งนิรันดรภาพ?- ขอตอบว่า: ก็เหตุไฉนคนบาปจึงกล้าทำผิดต่อพระมหิทธิศักดิ์อันปราศจากขอบเขต เพราะความสนุกชั่วประเดี๋ยวหนึ่งนั้นเล่า? นักบุญโทมัส บอกว่า: แม้ในศาลของมนุษย์โลกเขาก็ไม่ตัดสินลงโทษตามชั่วเวลาที่ได้ใช้กระทำผิด แต่เขาย่อมลงโทษตามลักษณะดอก” (6) สำหรับจะลงโทษบาปหนักข้อหนึ่งนั้นนรกยังน้อยไป นักบุญแบร์นาร์ดีโนแห่งซีเอนา กล่าวว่าความผิดต่อพระมหิทธิศักดิ์อันปราศจากขอบเขตด้วย ต้องมีโทษอันปราศจากขอบเขตด้วย อันว่า บาปหนักทุกประการ เป็นความผิดต่อพระเป็นเจ้าอย่างไม่มีขอบเขต และเมื่อเป็นความผิดอันไม่มีขอบเขต โทษของมันจึงต้องไม่มีของเขตด้วย (7) ท่านกล่าวต่อไปว่า “เพราะที่สัตว์โลกไม่สามารถจะทนโทษอันปราศจากขอบเขต ตามน้ำหนักของมันได้ จึงยุติธรรมแล้ว ที่พระเป็นเจ้าจะทรงเอาโทษอันไม่มีขอบเขตนั้นโดยการยืดเวลา”

            อนึ่งพระอาชญาโทษนั้นจำเป็นจะต้องคงอยู่ชั่วนิรันดร ประการแรกเพราะว่า นักโทษไม่สามารถจะลบล้างความผิดของเขาได้เลย ขณะกำลังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ คนบาปที่เป็นทุกข์กลับใจ อาจชดเชยบาปของตนได้ ก็โดยการพึ่งอาศัยพระบุญญาบารมีของพระเยซูคริสต์ แต่พระบุญญาบารมีนี้ นักโทษนรกพึ่งไม่ได้แล้ว เขาจึงไม่มีทางจะระงับพระพิโรธของพระเป็นเจ้าได้ และเพราะที่บาปของเขาคงอยู่ชั่วนิรันดร โทษก็จำเป็นต้องคงอยู่ชั่วนิรันดรเหมือนกันด้วยทั้งชั่วนิรันดร” (สดด. 48, 8) ท่านวินเซนต์ แห่งโบแวส์ จึงกล่าวว่า “ในนรกบาปมีทางจะถูกโทษได้เสมอ แต่นม่มีทางลบล้าง” (8) นักบุญเอากุสติน ให้เหตุผลว่า “ทั้งนี้เพราะคนบาปในนรก เป็นทุกข์กลับใจไม่ได้” (9) และเพราะฉะนั้นพระสวามีเจ้าจึงทรงกริ้วโกรธต่อเขาอยู่เสมอ “เขาจะได้ชื่อว่า เป็นประชาชาติที่พระสวามีเจ้าทรงพระพิโรธตลอดนิรันดร” (มลค. 1, 4) อีกประการหนึ่ง เอาเถิดสมมุติว่า พระเป็นเจ้าจะมีพระทัยดียกโทษแก่นักโทษนรก แต่ตัวนักโทษเองกลับไม่ยอมให้พระองค์ทรงยกโทษ เพราะว่า เจตนาของเขาดื้อกระด้างและปักมั่นอยู่ในความเกลียดพระองค์แล้ว พระสันตะปาปา อินโนเซนต์ที่ 3 กล่าวว่า “นักโทษนรกไม่ยอมถ่อมตัวลง เขามีแต่จะยิ่งเกลียดพระเป็นเจ้าอุกฉกรรจ์ขึ้นไปอีก” (10) และนักบุญฮีเอโรนีโม กล่าวว่า “เขามีความปรารถนาจะทำบาปอยู่เรื่อยโดยไม่รู้จักอิ่ม” (11) ลงความได้ว่าความไข้ของนักโทษนรกเป็นโรคชนิดรักษาไม่หายและปผลของข้าพเจ้าเป็นแผลอันหมดหวัง” (ยรม. 15, 18)

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            ข้าแต่พระมหาไถ่ หากข้าพเจ้าจะถูกโทษในนรกขณะนี้ ตามที่ข้าพเจ้าสมจะได้รับ ข้าพเจ้าก็จะดื้อกระด้างอยู่ในความเกลียดชังพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ผู้ได้ทรงมรณะเพื่อข้าพเจ้า! อนิจจา! อะไรกันนี่! มันเป็นนรกชนิดไหนหนอ ที่ข้าพเจ้าจำใจต้องเกลียดชังพระองค์ ผู้ทรงรักข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง เกลียดชังพระองค์ องค์ความงามปราศจากขอบเขต องค์ความดีปราศจากขอบเขตและองค์ความน่ารักปราศจากขอบเขต! เป็นอันว่า หากข้าพเจ้าอยู่ในนรก ขณะนี้ข้าพเจ้าจะจมอยู่ในฐานะอันอัปลักษณ์  ไม่ยอมรับการอภัยโทษ แม้ว่าพระองค์จะทรงประทานให้! พระเยซูเจ้าข้า ขอสมนาพระคุณที่ได้ทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้า และเพราะที่ในบัดนี้ ข้าพเจ้ายังรับอภัยบาปได้ ยักรักพระองค์ได้ ข้าพเจ้าจึงขอรับอภัยบาปและขอรักพระองค์ พระเจ้าข้า พระองค์ทรงกำลังยื่นการอภัยบาป ทั้งข้าพเจ้าเองก็วิงวอนขอ และหวังจะได้รับด้วยเดชะพระบารมีของพระองค์ข้าแต่พระทัยดี ข้าพเจ้าเสียใจที่ได้กระทำบาปทุก ๆ ประการ อภัยโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้ารักพระองค์ ด้วยสิ้นสุดวิญญาณแล้ว พระเจ้าข้า โอ! พระสวามีเจ้าข้า พระองค์ได้ทรงกระทำผิดต่อข้าพเจ้าอย่างใดหรือ? แล้วไฉนข้าพเจ้าจึงจะต้องเกลียดชังพระองค์ ดังว่าได้เคยเป็นศัตรูขับเคี่ยวกันอยู่เสมอมา? พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้ามีเพื่อนคนไหนบ้า ที่ได้เคยทำและเคยทนอะไรเพื่อข้าพเจ้าดุจเหมือนพระองค์ได้ทรงทำ และได้ทรงทนเพื่อข้าพเจ้า? ดปรดเถิด พระเจ้าข้า โปรดอย่าปล่อยให้ข้าพเจ้ากลับไปเป็นศัตรู และกลับเสียความรักต่อพระองค์เป็นอันขาด โปรดให้ข้าพเจ้าตายเสียเถิด ดีกว่าจะได้รับหายนะอันสูงสุดนั้นพระเจ้าข้า

            ข้าแต่พระแม่มารีอา กรุณาคลุมข้าพเจ้าไว้ด้วยอาภรณ์ของท่านเถิดอย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าถอยออกไป ทรยศต่อพระเป็นเจ้า และต่อท่านอีกเลย

3. ความคงที่ของนิรันดรภาพ

            ในโลกเรานี้ คนบาปกลัวความตายมากกว่าอะไรที่อื่นหมด แต่ในนรกความตายจะเป็นสิ่งที่เขาอยากได้มากกว่าหมด “เขาหาความตาย แต่จะไม่พบเขาปรารถนาอยากจะตายจริง ๆ แต่ความตายจะถอยหนีจากเขา” (วว. 9, 6) ฉะนั้นนักบุญฮีเอโรนีโม จึงอุทานว่า “ความตายเจ้าเอ๋ย เจ้าช่างเป็นที่พึงปรารถนาของผู้ที่ได้เคยเกลียดชังเจ้าจริง ๆ” (12) ดาวิดกล่าวว่า: ความตายจะกินนักโทษนรก “เขาจะเป็นอาหารของความตาย” (สดด. 48, 15) นักบุญเบอร์นาร์ด อธิบายว่า: “ฝูงสัตว์ เมื่อกินหญ้า มันกินแต่ใบ ส่วนรากมันปล่อยเอาไว้ ฉันใด ก็ฉันนั้นความตายกินนักโทษนรก ฆ่าเขาทุกๆ ขณะ แต่ก็ยังปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปจะได้ฆ่าได้เรื่อย ๆ เสมอ ไปตลอดทั้งนิรันดรภาพ” (13) ฉะนั้นนักบุญเกโกรี จึงพูดว่า “นักโทษในนรก ตายไปในทุกขณะ แต่ก็ไม่ตายไปสักที (14)

            เมื่อเราเห็นผู้ใดบาดเจ็บ และตายไป เราก็รู้สึกสงสาร เอาเถิด อย่างน้อยให้มีคนนึกสงสารนักโทษนรกบ้างก็ยังดี มันไม่เป็นเช่นนั้นสิ เขาปวดเจ็บและตายไปทุก ๆ ขณะ แต่ก็ไม่มีใคร และจำไม่มีใครนึกสงสารเขาเลย จักพรรดิ์เซโนถูกนำไปขังในหลุมมืด พระองค์ร้องขอความกรุณาเรื่อยว่า “โปรดช่วยเปิดหลุมให้ฉันทีเถิด” แต่ไม่มีใครยอมฟังเสียง ภายหลังเขาได้พบว่าท่านตายอย่างคนเสียใจ คือ ท่านกัดกินเนื้อที่แขนของท่านเอง นักบุญซีริล แห่งอาเลกซันเดรียกล่าวว่า “นักโทษร้องออกมาจากขุมนรก แต่ไม่มีใครมาช่วย ไม่มีใครนึกสงสารเขา” (15)

            และฐานะอันน่าทุเรศของเขานี้ จะอยู่คงอยู่ช้านานเท่าไรหนอ?- จะคงอยู่เสมอไป เสมอไป! ในหนังสือเทศนาของคุณพ่อ เซเญรี น้อย พิมพ์โฆษณาโดย มูราตอรี มีเรื่องเล่าว่า: วันหนึ่ง ณ กรุงโรม มีผู้ถามปีศาจที่สิงคนว่า มันจะต้องอยู่ในนรกนานเท่าไร? มันโกรธจัด เอามือทุบเก้าอี้ พลางตอบว่า: จะต้องอยู่เสมอไป! เสมอไป! ผู้ได้แลเห็นต่างตระหนกตกใจ จนแม้หนุ่มสามเณรแห่งสามเณราลัยโรมันหลายท่าน ซึ่งอยู่ที่นั้น ได้เร่งไปแก้บาปมูลและเปลี่ยนความประพฤติ เพราะคำเทศน์ของปีศาจสองคำนั้น “เสมอไป! เสมอไป!- น่าสมเพชยูดาสแท้ เขาอยู่ในนรกได้พันเก้าร้อยกว่าปีแล้ว แต่นรกของเขายังอยู่ในเบื้องต้นน่าสังเวชกาอินจริง! เขาอยู่ในนรกได้ห้าพันเก้าร้อยปีแล้ว แต่นรกของเขาเพิ่งจะเริ่ม!- มีผู้ถามปีศาจตนหนึ่งว่า: ท่านได้เข้าไปสู่นรกตั้งแต่เมื่อไร?- เขาตอบว่า: เมื่อวานนี้เอง- คนนั้นจึงท้วงว่า: อะไร? อย่างน้อยเจ้าคงได้อยู่มากว่าห้าพันปีแล้ว- เขาก็ตอบอีกว่า: โอ! หากท่านรู้จักนิรันดรภาพแล้ว ท่านจะเข้าใจดีว่า ห้าพันปีนั้น ไม่เท่าหนึ่งนาที!

            สมมุติว่า มีเทวทูตองค์หนึ่งมาแจ้งแก่พวกนักโทษนรกว่า: พวกเจ้าจะได้ออกจากนรก ในเมื่อล่วงไปเท่านั้น ๆ ศตวรรษ เมื่อจะมีน้ำเท่านั้น ๆ หยด มีใบไม้เท่านั้น ๆ ใบ มีทรายเท่านั้น ๆ เม็ด พวกนักโทษนรกจะพากันดีใจยิ่งกว่าคนขอทานเมื่อทราบว่า ถ้าจะถูกแต่งตั้งเป็นในหลวงเสียอีก เป็นความจริงแม้ศตวรรษเหล่านั้น จะล่วงไปแล้ว ล่วงไปอีก จนไม่มีที่สิ้นสุด นรกก็จะคงอยู่แต่เบื้องต้นอยู่เสมอ นักโทษนรกทุกคนคงปรารถนาจะทำการตกลงกับพระเป็นเจ้าว่า “ข้าแต่พระสวามี พระองค์จะทรงเพิ่มโทษานุโทษแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย อีกสักเท่รไร ๆ ก็ตามแต่จะทรงเห็นชอบเถิด พระองค์จะทรงปรารถนาให้โทษนั้นคงอยู่อีกช้านานเท่าไร ๆ ก็สุดแล้วแต่จะทรงเห็นควรเถิด ขออย่างเดียวให้มันจบสิ้นไปเสียสักที เท่านี้ก็พอใจข้าพเจ้าทั้งหลายแล้ว” แต่นรกหาเป็นเช่นนั้นไม่ มันไม่รู้จักจบสิ้นเลย แตรแห่งพระยุติธรรมจะก้องกังวาลในนรกเรื่อยไปว่า: เสมอไป! เสมอไป! ไม่รู้จบสิ้น! ไม่รู้จบสิ้น!

            นักโทษนรกจะถามปีศาจว่า “นายนี่กี่โมงแล้ว?” (อสย. 21, 11) เมื่อไรจะสิ้นคืนนี้? เมื่อไร ความมืด เสียงแตร เสียงอึกทึก กลิ่นเหม็นไฟ และการทรมานทั้งหลายเหล่านี้ จะหมดไปสักที? ปีศาจจะตอบว่า: ไม่รู้จักหมด! ไม่รู้จักหมด! ถ้าดังนั้น มันจะอยู่นานเท่าไรเล่า?- เสมอไป! เสมอไป!

            โอ้ พระผู้เป็นเจ้า ทรงพระกรุณาประทานความสว่างแก่คนตามืดจำนวนมากด้วยเถิด เมื่อเตือนสอนเขาว่า ให้ระวัง อย่าทำให้ตัวของตัวไปนรก เขาก็ตอบว่า: ช่างมันเถิด แม้ที่สุด ถึงจะตกนรก ก็ทรเอา อนิจจา! เพียงแต่ถูกความหนาวหน่อย เขาก็ทนไม่ไหว อยู่ในห้อยร้อนหน่อย ก็ทนไม่ได้ ถูกทุบกี ก็ว่าเจ็บเหลือทน แล้วไฉนหนอ เมื่อเขาจะต้องไปสู่มหาสมุทรไฟ เมื่อจะถูกหมู่ปีศาจเหยียบกระทืบ เมื่อจะถูกพระเป็นเจ้า และทุก ๆ คนทอดทิ้ง เขาจะทนไหว? และก็จำใจจะต้องทนดังนั้นเรื่อยไปตลอดทั้งนิรันดรภาพทีเดียว!

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            ข้าแต่พระบิดา ผู้ทรงพระทัยเมตตากรุณา พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งผู้ที่แสวงหาพระองค์ (สดด. 9, 11) ครั้งก่อนนี้ ข้าพเจ้าได้หันหลังให้พระองค์ เป็นหลายครั้งหลายคราว พระองค์ก็มิได้ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้า แต่บัดนี้ข้าพเจ้าวิ่งตามหาพระองค์แล้ว โปรดอย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าเลย พระเจ้าข้า ข้าแต่องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้น ข้าพเจ้าเสียใจที่ได้ประมาทพระหรรษทานของพระองค์ที่ได้นำไปแลกกับความเปล่าแท้ ๆ ขอทรงทอดพระเนตรดูบาดแผลแห่งพระบุตรของพระองค์ และสดับฟังพระสุรเสียงที่ร่ำร้องขอให้อภัยบาปแก่ข้าพเจ้า และทรงพระเมตตาอภัยบาปนั้นแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด พระเจ้าข้า ส่วนพระองค์เล่า พระมหาไถ่ของข้าพเจ้า โปรดปลุกความทรงจำของข้าพเจ้าให้ตื่นอยู่เสมอ ให้ระลึกถึงความทุกข์ยากที่พระองค์ได้ทรงรับทนเพื่อข้าพเจ้า ให้ระลึกถึงความรักที่พระองค์ทรงมีต่อข้าพเจ้า และให้ระลึกถึงความอกตัญญูที่ทำให้ข้าพเจ้าสมจะไปนรกตั้งหลายครั้งหลายหนมาแล้ว ทั้งนี้เพื่อข้าพเจ้าจะได้ร้องไห้ เพราะความผิดที่กระทำมา และจะได้ดำรงชีพระอุร้อนอยู่ด้วยความรักต่อพระองค์เสมอ พระเจ้าข้า อา! พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะไม่ลุกโชน ระอุร้อนอยู่ด้วยความรักต่อพระองค์อย่างไรได้เมื่อมาคิดถึงว่า หลายปีมาแล้ว ข้าพเจ้าควรที่จะต้องไปลุกโชนอยู่ในนรก และต้องอยู่ดังนั้นเรื่อยไป ตลอดทั้งนิรันดรภาพ เมื่อมาคิดว่า พระองค์ได้ทรงมรณะก็เพื่อช่วยให้ข้าพเจ้ารอดจากนรก และพระองค์ก็ได้ทรงช่วยให้ข้าพเจ้ารอดโดยความเมตตากรุณาอันใหญ่ยิ่งแล้ว? หากในขณะนี้ ข้าพเจ้าต้องอยู่ในนรกแล้วข้าพเจ้ก็จะเกลียดชังพระองค์ และจะต้องเกลียดชังพระองค์เรื่อยไป แต่บัดนี้ข้าพเจ้ารักพระองค์ และปรารถนาจะรักพระองค์เสมอ: ข้าพเจ้าหวังว่า จะได้รักพระองค์เสมอเป็นนิตย์ ด้วยเดชะพระโลหิตของพระองค์ พระเจ้าข้า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงกัรข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็รักพระองค์เหมือนกัน และถ้าข้าพเจ้ารักพระองค์เสมอ พระองค์ก็จะทรงรักข้าพเจ้าเสมอด้ววย พระมหาไถ่ เจ้าข้าโปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากภยันตราย ในการที่จะถูกพระองค์ทอดทิ้งอย่างเดียวเท่านั้น นอกนั้น พระองค์จะทรงกระทำอย่างไรต่อข้าพเจ้าก็สุดแต่เห็นดีเห็นควรเถิด พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าสมจะถูกโทษานุโทษทุกประการ และข้าพเจ้าก็ยินดีรับโทษานุโษททุกประการด้วย ขอแต่อย่างเดียว คือ ให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากมหันตโทษอันนั้น กล่าวคือ การปราศจากความรักต่อพระองค์เถิด พระเจ้าข้า

            ข้าแต่พระแม่มารีอา ที่หลบภัยของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ลงโทษตัวเองให้ไปสู่นรก กี่ครั้งกี่หนแล้ว และท่านได้ฉุดข้าพเจ้าออกมาได้โปรดเถิด โปรดให้แต่นี้ต่อไป ข้าพเจ้าแคล้วจากบาปซึ่งเป็นสิ่งเดียว ที่อาจทำให้ข้าพเจ้าปราศจากพระหรรษทาน และเป็นทางนำข้าพเจ้าไปสู่นรก

 

(1) Ignis ibi consumit, ut simper reservet (Medit. c. 3).

(2) Descensus erit, ascensus non erit.

(3) Neque urgeat os suum; quia dum susceperet roes, claudetur sursum, et aperietur deorsum.

(4) Pondus aeternitatis sustinent.

(5) Hic ure, hic seea, hic non parkas, ut in aeternum parkas.

(6) Non quia homicidium in momento committitur, momentanea poena punitur. (S. T. 1, 2 q. 87, a. 4).

(7) In omni peccato nortali infinita Deo contumeliea irrogatur; infinitae autem injuriae infinita debetur poena.

(8) Culpa simper poterit ibi puniri, et nunquam poterit expiari. (Lid. 9 p. 3)

(9) Ibi peccator poenitere non potest.

(10) Non humiliabuntur reprobi. sed malignitas odii in illis excrescet (Lid. 3) de cont. mundi cap. 10).

(11) Insatialibes sunt in desiderio peccandi (In Prov. 27).

(12) O mors, quam dulcis esses, quibus tam amara fuisti (Ap.S.BonPol.).

(13) Sicut animalia depascunt herbis, sed remanent radices; sic miseri in inferno corrodentur a morte, sed iterum

        reservantur ad poenas.

(14) Flammis ultricibus traditus simper morietur (Mor. L. 15 c. 9).

(15) Lamentantur, et nullus eripit; plagunt et nemo compatitur.

book

บทที่ 27 นิรันดรภาพของนรก