เตรียมเผชิญ
ค ว า ม ต า ย
บทที่ 18 จำนวนบาป
โดย นักบุญอัลฟอนโซ มารีย์ เดอ ลีโกวรี
แปลโดย ผู้หว่าน
1. พระเป็นเจ้าจะทรงนิ่งเฉยจนถึงเมื่อไร?
หากว่าพระเป็นเจ้าจะได้ทรงลงโทษผู้ผิดในทันทีทันใด พระองค์คงจะไม่ได้ถูกล่วงเกินดั่งเช่นทุกวันนี้เป็นแน่แท้ แต่เพราะพระองค์ไม่ทรงลงโทษในทันที ทรงเพียรทน ฉะนั้นคนบาปจึงได้ใจทำบาปทวีขึ้น! ขอให้สำเหนียกไว้ว่าพระเป็นเจ้าทรงคอย ทรงเพียรทนก็จริง แต่พระองค์จะไม่ทรงคอยและเพียรทนเสมอไปไม่มีที่สิ้นสุด นักบุญปิตาจารย์จำนวนมากอาทิเช่น น.บาซีลีโอ น.ฮีเอโรนีโม น.อัมโบรส น.ชีริสโล ชาวกรุงอาเลกซันเดรีย น.ยวง คริสซอสโตม น.เอากุสตินฯลฯ มีความเห็นสอดคล้องกันว่า: พระเป็นเจ้าได้ทรงกำหนดจำนวนหนึ่งไว้สำหรับมนุษย์ทุกคน ในเรื่องอายุในหลั่นชั้นความศักดิ์สิทธิ์ และคุณวุฒิที่พระองค์ทรงใคร่จะประทานให้แก่แต่ละคน ด้วยว่า “พระองค์ทรงจัดให้ทุกสิ่งมีระเพียบ ได้สัดส่วน ได้จำนวน และน้ำหนัก” (ปชญ. 11, 21) ทั้งนี้ฉันใด ก็ฉันนั้นพระองค์ก็ทรงกำหนดให้ทุกคนมีบาปจำนวนหนึ่ง ที่ทรงใคร่จะอภัยโทษให้ และเมื่อครบจำนวนนั้นแล้ว จะไม่ทรงอภัยให้ต่อไป นี่เป็นวาทะของนักบุญเอากุสติน (1) นักบุญเอวเซบีโอ ชาวเซซาเรอา ก็พูดดังนี้เหมือนกัน (2) และบรรดานักบุญปิตาจารย์ ซึ่งได้ออกนามมาข้าบน ก็ได้กล่าวไว้ทำนองเดียวกัน
ที่นักบุญปิตาจารย์กล่าวไว้ ท่านหาได้กล่าวไว้โดยบังเอิญไม่ แต่ท่านได้พบหลักฐานจากพระคัมภีร์ ในพระคัมภีร์ตอนหนึ่ง พระสวามีเจ้าตรัสว่า “พระองค์ทรงยั้งรอการทำลายชาวอามอร์เรโอไว้ ก็เพราะว่าจำนวนความผิดช่องเขายังไม่ครบถ้วน” (ปฐก. 35, 16) อีกแห่งหนึ่งพระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่สมเพชอิสราแอลอีกต่อไป” (ฮชย. 1, 6) ตอนหนึ่งว่า “เขาได้ทดลองดูเราถึงสิบครั้งแล้ว...ฉะนั้นเขาจะไม่ได้แลเห็นแผ่นดินที่เราได้สัญญาไว้” (กดว. 14, 22) อีกตอนหนึ่งว่า “พระองค์ได้ทรงประทับตรา ในความผิดทั้งสิ้นของข้าพเจ้า คล้ายกับใส่ไว้ในถุง” (โยบ. 14, 17) คนบาปไม่เอาใจใส่ถึงบาป แต่พระเป็นเจ้าทรงเอาใจใส่ถึง และจะทรงเอาโทษ เมื่อถึงหน้าเกี่ยวข้าว กล่าวคือเมื่อครบจำนวนแล้ว (ยอล. 3, 4) อีกแห่งหนึ่ง พระเป็นเจ้าตรัสว่า “แม้บาปที่ได้รับอภัยแล้ว เจ้าก็อย่านอนใจ ทั้งอย่าทำบาปเพิ่มขึ้น” (บสร. 5, 5) ตรงนี้หมายความว่า: คนบาปเจ้าเอ๋ย เจ้ายังต้องกลัวแม้ด้วยบาปที่เจ้าได้รับอภัยโทษแล้วด้วยนะ เหตุว่า หากเจ้าทำบาปเพิ่มขึ้นอีกประการหนึ่ง อาจจะเป็นไปได้ ที่บาปใหม่ประการนี้ เมื่อนำไปบวกกับบาปเก่าที่ได้รับอภัยแล้ว มันจะพอดีครบจำนวนไป และเมื่อนั้นจะไม่มีความกรุณาสำหรับเจ้าต่อไป พระคัมภร์อีกตอนหนึ่ง กล่าวไว้ชัดเจนกว่านี้อีกว่า “พระสวามีเจ้าทรงเพียรคอย พระองค์จะทรงลงพระอาชญา ก็ต่อเมื่อถึงวันพิพากษา คราวเมื่อจำนวนบาปนั้นเต็มที่แล้ว” (2 มคบ. 6, 14) คือว่า พระเป็นเจ้าทรงคอยจนถึงวันที่บาปจะเต็มอัตรา แล้วเมื่อนั้นจึงจะทรงลงโทษ
พระอาชญาดังกล่าว มีตัวอย่างเป็นอันมาก ที่สำคัญมีเรื่องพระเจ้าซาลอูเมื่อเขาได้ล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าครั้งสุดท้ายแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงทอดทิ้งเขา แม้เขาจะได้ร้องขอ ซามูแอล ให้ช่วยวิงวอนเสนอต่อพระเป็นเจ้าช่วยเขาอย่างไร ๆ ก็ตาม “ขอท่านอดทนความผิดของข้าพเจ้าเถิด โปรดกลับมาอยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเคารพนมัสการพระสวามีเจ้า” แต่ซามูแอลตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่กลับมาอยู่กับท่าน เพราะท่านได้ละเมิดพระวาจาของพระสวามีเจ้าและพระองค์ก็ได้ทรงละทิ้งท่านแล้ว” (1 ซมอ. 15, 26) ยังมีตัวอย่างของพระเจ้าบัลทาซาร์ คราวเมื่อกำลังเสวยกระยาหาร และทำทุราจารต่อภาชนะศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารอยู่นั้น ได้แลเห็นมือประจักษ์มาเขียนหนังสือที่ฝาผนังว่า มาเน เธแชลฟาแรส” ดาเนียลอธิบายคำเหล่านี้ถวายว่า “ท่านได้ถูกวางลงบนตราชู และตัวท่านเบาไป” ทั้งนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่ น้ำหนักแห่งบาปของเขาได้ถ่วงตราชู พระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าให้ต่ำลง และตามเหตุการณ์ที่ได้เป็นมา เขาได้ถูกฆ่าตายในคืนนั้นเอง (ดนล. บท 5)
โอ้! อนิจจา! กี่คนแล้วได้ประสบเคราะห์เช่นนี้! เขาดำรงชีพอยู่ในบาปเป็นเวลาหลายปี และเมื่อบาปครบจำนวนแล้ว เขาก็ตายไป และไปสู่นรก! “เขาล่วงวันเวลาในความสุข แล้วถึงขณะหนึ่ง เขาก็ลงไปในหลุม” (โยบ. 21, 13) บางคนตั้งหน้าค้นคว้าตรวจดูจำนวนดาว จำนวนเทวดา จำนวนอายุของคนละคนแต่ใครหนอจะสามารถค้นคว้าตรวจดูจำนวนบาป ซึ่งพระเป็นเจ้าทรงใคร่จะอภัยโทษให้แก่เราคนละคน? ฉะนั้น จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก พี่น้องที่รัก หากท่านจะเอาความสนุกอันไม่บังควรนั้นอีก ก็ใครจะไปรู้ว่า พระเป็นเจ้าจะทรงยกโทษให้ท่านอีก หรือไม่?
ข้อเตือนใจและคำภาวนา
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอฉลองพระมหากรุณาธิคุณพระองค์กี่ครั้งนักแล้ว ที่ได้ทำบาปน้อยกว่าข้าพเจ้า แต่บัดนี้อยู่ในนรก และไม่มีทางจะได้รับอภัยไม่มีหวังอีกต่อไปแล้ว ส่วนข้าพเจ้ามีบุญ ยังมีชีวิตอยู่ ยังอยู่นอกนรก และหากข้าพเจ้าตั้งใจจริง ก็ยังมีหวังจะได้รับอภัย มีหวังจะได้ไปสวรรค์ด้วย พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าอยากได้รับอภัยโทษจริง ๆ ข้าพเจ้าเป็นทุกข์หนักหนา เพราะได้กระทำเคืองพระทัยของพระองค์ องค์คุณงามความดีอันหาขอบเขตมิได้ ข้าแต่พระบิดาผู้สถิตสถาพระตลอดนิรันดร โปรดทอดพระเนตรดูพระบุตรของพระองค์ ผู้มรณะบนไม้กางเขน โปรดเห็นแก่พระบุญญาบารมีของพระบุตรนี้ และทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้าเถิด พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอตั้งสัตย์ปฏิญญาว่า ขอตายดีกว่าจะทำเคืองพระทัยสืบไป เป็นความจริง เมื่อข้าพเจ้ามองดูบาปที่ได้กระทำ มองดูพระหรรษทานที่พระองค์ได้ทรงประทานให้ข้าพเจ้าให้รู้สึกกลัวว่า หากจะได้ทำบาปเพิ่มขึ้นอีกประการหนึ่ง มันอาจจะครบจำนวนที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ และข้าพเจ้าจะต้องโทษ โปรดเถิด โปรดประทานพระหรรษทานช่วยข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไว้ใจว่าพระองค์จะทรงประทานความสว่างและพละกำลัง เพื่อข้าพเจ้าจะสามารถบำเพ็ญความสัตย์ซื่อต่อพระองค์เรื่อยไป แต่หากทรงเห็นว่ ข้าพเจ้ากำลังจะพลาดพลั้งไปอีกขอโปรดให้ข้าพเจ้าตายเสีย ณ บัดนี้ ที่ข้าพเจ้าเชื่อว่า ข้าพเจ้ากำลังอยู่ในพระหรรษทานของพระองค์เถิด พระเจ้าข้า พระผู้เป็นเจ้า เจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ข้าพเจ้ากลัวจะเสียพระหรรษทานของพระองค์ ยิ่งกว่ากลัวความตาย ขออย่าทรงปล่อยให้มีอันเป็นเช่นนั้นอีกเลย พระเจ้าข้า
ข้าแต่พระนางมารีอาโปรดช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วย ช่วยเสนอให้ข้าพเจ้าคงเจริญอยู่ในความดีด้วยเถิด
2. ตัวท่านเป็นอย่างไรในตราชูของพระเป็นเจ้า?
คนบาปจะว่า “พระเป็นเจ้า คือ องค์ความเมตตากรุณา!” ขอตอบว่า: เรื่องนี้ใครที่ไหนปฏิเสธ? กว่านั้นอีก ความเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้า ไม่มีขอบเขตด้วย ถึงกระนั้น มีกี่คนแล้วที่ไปสู่นรก! พระเป็นเจ้าทรงพยาบาลรักษาบุคคลที่มีน้ำใจดี (อสย. 61, 1) พระองค์ทรงอภัยบาป แต่ไม่ทรงสามารถอภัยบาป แต่ไม่ทรงสามารถอภัยการตั้งใจทำบาป
เขาจะคัดค้านว่า “ฉันยังหนุ่มยังสาวอยู่” อ้อ! ท่านยังหนุ่มยังสาวอยู่หรือ? พระเป็นเจ้าไม่ทรงนับวันเวลา แต่ทรงนับบาปต่างหาก และก็จำนวนบาปนั้นมันไม่เท่าเสมอกันสำหรับคนทุกคน บางคน พระองค์ทรงอภัยให้ถึงร้อย บางคนถึงพันแต่บางคน พอทำบาปครั้งที่สอง พระองค์ก็ทรงให้ไปนรกเสียแล้ว และก็มีกี่คนซึ่งพอได้ทำบาปประการแรกพระองค์ก็ให้ไปนรกเสียแล้ว? นักบุญเกรโกรีเล่าว่า เด็กชายอายุ 5 ขวบคนหนึ่งต้องไปสู่นรก เพราะได้กล่าวคำผรุสวาทพระนางพรหมจาริณี ได้แสดงให้ เบเนดิกตาชาวฟลอเธนส์ ข้าบริการของพระเป็นเจ้า ทราบว่า เด็กหญิง อายุ 12 ปีคนหนึ่ง พอได้ทำบาปประการแรกแล้ว ก็ได้ไปสู่นรก เด็กชาย อายุ 8 ขวบ อีกคนหนึ่งก็เช่นกัน เมื่อได้ทำบาปประการแรกแล้ว ก็ตายไปและสู่นรก
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว (บทที่21) เล่าว่า: เป็นครั้งแรกที่พระสวามีไปพบมะเดื่อต้นนั้นไม่มีผล พระองค์ก็ได้ทรงสาปแช่งว่า “แต่นี้ไป เจ้าจะไม่มีผลเป็นอันขาดแล้วมันก็ได้เหี่ยวแห้งไป” ในโบราณกาล พระสวามีเจ้าได้ตรัสว่า “เมื่อนครดามัสกัส ได้กระทำชั่วเป็นครั้งที่สามและที่สี่แล้ว เราจะไม่เรียกให้กลับใจอีก” (อมส. 1, 3) บางทีจะมีใครบังอาจสอดรู้เหตุผลของพระเป็นเจ้าว่าเหตุไรสำหรับบุคคลหนึ่ง พระองค์ทรงพอพระทัยยกบาปให้เพียง 3 และไม่ใช่ 4 ? เรื่องนี้เรามีแต่จะต้องกราบนมัสการคำตัดสินของพระเป็นเจ้า และกล่าวเช่นเดียวกับอัครสาวกว่า “โอ ความลึกซึ้งแห่งพระดำริ และความรู้ของพระเป็นเจ้า!” คำตัดสินของพระองค์ เป็นสิ่งที่เข้าใจไม่ถึง และวิถีทางของพระองค์ ไม่มีใครจะไปตรวจดูได้!” (รม. 11, 33) นักบุญเอากุสตินกล่าวว่า: พระเป็นเจ้าทรงทราบดีว่า พระองค์ทรงยกโทษให้ใคร และไม่ทรงยกโทษให้ใคร เมื่อทรงพระกรุณาต่อใคร ก็ทรงพระกรุณาให้เปล่าโดยพระทัยดี เมื่อไม่ทรงให้ใคร เมื่อทรงพระกรุณาต่อใคร ก็ทรงพระกรุณาให้เปล่าโดยพระทัยดี เมื่อไม่ทรงพระกรุณา ก็คือทรงกระทำตามพระยุติธรรมนั่นเอง (3)
บางคนอาจจะดื้อด้านต่อว่า: ฉันได้ทำบาปมามากกี่ครั้ง พระเป็นเจ้าก็ได้ทรงยกโทษให้เท่านั้นครั้ง ฉะนั้นฉันจึงไว้ใจว่า พระองค์จะทรงยกโทษของบาปประการนี้เหมือนกัน ขอตอบว่า: เพราะที่พระเป็นเจ้ามิได้ทรงลงโทษท่านจนบัดนี้พระองค์จะทรงต้องไม่ลงโทษเรื่อยไป กระนั้นหรือ? เมื่อเครื่องตวงเต็มแล้วอาชญาโทษก็จะมาถึงแล้วน่ะ! ขณะที่แซมซันติดต่อกับนางดาลีลา เขาก็วางใจว่าจะพ้นเงื้อมือของพวกฟีลีสตินดังเช่นคราวก่อน ๆ (วนฉ. 16, 20) แต่ตกที่สุด เขาได้ถูกจับและเสียชีวิตไป! พระสวามีเจ้าทรงเตือนว่า: เจ้าอย่าว่าฉันได้ทำบาปเป็นอันมาก และพระเป็นเจ้าก็มิได้ทรงเอาโทษฉัน “เจ้าอย่าพูดว่า ไม่เคยเห็นมีภัยอะไรเป็นมาแก่ฉันเลย ทั้งนี้เพราะว่าพระเป็นเจ้าทรงความเพียร แต่ก็ทรงสนองตอบแทนเหมือนกันด้วย” (บสร. 5, 4) หมายความว่า เมื่อถึงเวลา ท่านจะต้องชดเชยใช้หนี้จนสิ้นเชิง ยิ่งท่านได้รับความกรุณามาก ท่านยิ่งจะต้องถูกโทษหนักมากนักบุญยวง คริสซอสโตม กล่าวว่า: ต้องกลัวพระเป็นเจ้าในเมื่อพระองค์ทรงทนคนบาปไจกระด้าง มากกว่าเมื่อพระองค์ทรงเอาโทษในทันทีทันใด (4) ทั้งนี้เป็นเพราะนักบุญเกรโกรี่เน้นว่าบุคคลที่พระเป็นเจ้าทรงเพียรคอย หากขืนทำใจดำ พระองค์จะทรงเอาโทษเขาเคร่งครัดยิ่งขึ้น (5) แล้วท่านเสริมว่า: บุคคลที่พระเป็นเจ้าทรงอดทนนาน มักจะตายปัจจุบัน ไม่ทันกลับใจ (6) เป็นต้น ยิ่งได้รับความสว่างจากพระเป็นเจ้ามาก ยิ่งจะบอดมืดมาก และใจจะยิ่งแข็งกระด้างอยู่ในบาป นักบุญเปโตรกล่าวว่า “สำหรับเขา ถ้าจะไม่รู้จักทางพระธรรมแล้ว ยังจะดีเสียกว่าเมื่อรู้แต่แล้วกลับถอยหลัง” (ปต. 2, 21) นักบุญเปาโลก็กล่าวว่า: เป็นไปไม่ได้ (พูดตามความประพฤติ) ที่วิญญาณที่ได้รับแสงสว่างครั้งหนึ่งแล้ว ไปทำบาปจะกลับใจอีก “เป็นไปไม่ได้ที่เขาผู้ได้รับแสงสว่างครั้งหนึ่งแล้ว ได้ลิ้มรสกระทั่งพระคุณแห่งสวรรค์ แล้วกลับกระโดดลงไป เขาจะกลับใจเป็นทุกข์ถึงบาปอีกครั้งหนึ่ง” (ฮบ. 6, 4-6)
น่ากลัวแท้ พระโอวาทคำรามของพระสวามีเจ้า ต่อคนที่ทำหูทวนลมต่อการเชื้อเชิญของพระองค์ว่า “เราได้ร้องเรียกเจ้าแล้ว แต่เจ้าไม่อยากมา...เราก็เหมือนกัน เมื่อเจ้าจะพินาศ เราจะหัวเราะ จะเยาะให้” (สภษ. 1, 24-26) ขอให้สังเกตุคำว่า “เราก็เหมือนกัน” ซึ่งหมายความว่า คนบาปได้เยาะเย้ยพระเป็นเจ้าโดยการแก้บาปโดยการสัญญา แล้วกลับมาทรยศต่อพระองค์เรื่อยมาฉันใด พระองค์ก็จะทรงเยาะเย้ยเขาบ้าง เมื่อเวลาเขาจะตาย ฉันนั้น อนึ่งผู้ทรงดำริยังรจนาไว้ว่า “สุนัขที่กลับไปกินสิ่งที่มันอาเจียนออกมาแล้ว เป็นอย่างไร คนโว่ที่กลับตกในความโง่ของตนอีก ก็เป็นอย่างนั้น” (สภษ. 26, 11) ท่านดีโอนีซีโอ ฤษีชาร์เตรอส์ อธบายความตอนนี้ว่า: สุนัขที่กลับไปกินสิ่งที่มันสำรอกออกมาแล้ว เป็นสุนัขน่าเกลียด น่าอุจาดฉันใด คนที่กลับไปทำบาปที่ตนได้เกลียดชังมาแล้ว ก็น่ารังเกียรสำหรับพระเป็นเจ้า ฉันนั้น (7)
ข้อเตือนใจและคำภาวนา
พระผู้เป็นเจ้า เจ้าข้า นี่แน่ะ ผู้ที่กราบอยู่แทบพระบาท คือสุนัขระยำตัวนั้นซึ่งได้กลับไปกินผลไม้อันต้องห้าม ที่ตัวเองได้เกลียดมาแล้ว และทั้งนี้ก็หลายครั้งหลายหน พระมหาไถ่เจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่สมจะได้รับพระกรุณา แต่พระโลหิต ซึ่งพระองค์ได้ทรงหลั่งเพื่อข้าพเจ้านั้นเร้าให้ข้าพเจ้าไว้วางใจ ข้าพเจ้าได้กระทำเคืองพระทัยกี่ครั้งกี่หนแล้ว และพระองงค์ก็ได้ทรงอภัยโทษให้! ข้าพเจ้าได้สัญญากับพระองค์ว่า จะไม่กระทำเคืองพระทัยอีก แต่แล้วข้าพเจ้าก็กลับไปกินสิ่งที่ตนสำรอกออกมาแล้ว! พระองค์ก็ยังทรงยกโทษให้อีกเล่า! ข้าพเจ้าจะคอยอะไร? คอยให้พระองค์ทรงผลักข้าพเจ้าลงสู่ขุมนรกทีเดียวหรือ? หรือว่า จะคอยให้พระองค์ทรงทอดทิ้งไม่เอาธุระต่อข้าพเจ้า ปล่อยให้ตกอยู่ในเงื้อมมือบาปของข้าพเจ้าซึ่งเป็นพระอาชญาโทษร้ายแรงกว่านรกเองเสียอีก? ไม่เอาแล้ว พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าใคร่จะดัดแปลงกิริยา และเพื่อจะรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แก่พระองค์นี้ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ผู้เดียว เมื่อจะถูกประจญล่อลวง ข้าพเจ้าตั้งใจจะวิ่งมาพึ่งพระองค์ในทันที และเสมอทุกครั้งไป ครั้งก่อน ข้าพเจ้าไว้ใจแต่ในคำมั่นสัญญาและในการตั้งใจดีของข้าพเจ้าเอง ได้เพิกเฉยไม่มาพึ่งพระองค์ ขณะถูกประจญจึงเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าต้องพินาศไป แต่นับแต่บัดนี้ไป ขอพระองค์ทรงเป็นความวางใจ และเป็พละกำลังของข้าพเจ้า เข่นนั้น ข้าพเจ้าจะกระทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง “ข้าพเจ้าทำได้ทุสิ่ง โดยอาศัยผู้ค้ำชูกำลังของข้าพเจ้า” (ฟป. 4, 13) พระเยซูเจ้าข้า โปรดเห็นแก่พระบุญญาบารมีของพระองค์ ประทานพระหรรษทานให้ข้าพเจ้าวิงวอนขอพระองค์เสมอ ให้ข้าพเจ้าขอพึ่งพระองค์ ในคราวเมื่อต้องการพระเจ้าข้า องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า พระองค์น่ารักยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ทั้งหมด ข้าพเจ้ารักพระองค์ รักพระองค์ผู้เดียว แต่ต้องการให้พระองค์ทรงช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วย พระเจ้าข้า
ข้าแต่พระนางมารีอา ท่านก็เหมือนกัน ท่านต้องเสนอวิงวอนช่วยข้าพเจ้าด้วย โปรดรับข้าพเจ้าไว้ใต้ฉลองพระองค์ของท่าน และเมื่อข้าพเจ้าจะถูกประจญล่อลวง ก็ขอให้ข้าพเจ้าไม่ลืมเรียกร้องหาท่านเสมอ พระนามของพระแม่คืออาวุธป้องกันข้าพเจ้า
3. อย่าทำเล่นกับนิรันดรภาพ
“ลูกเอ๋ย เจ้าได้กระทำบาปหรือ? จงอย่ากระทำต่อไป แต่ให้สวดเพราะบาปที่ได้กระทำ จะได้รับอภัยโทษ” (บสร. 21, 1) คริสตชนที่รัก พระสวามีผู้ทรงพระทัยดี ทรงปลุกใจท่านดังนี้ ก็เพราะทรงปรารถนาให้ท่านรอด: ลูกเอ๋ยอย่ากลับไปทำเคืองใจเราอีกเลย นับแต่บัดนี้ จงตั้งใจขอโทษ เพราะบาปที่ได้กระทำมาเถิด
พี่น้องที่รัก ยิ่งท่านได้กระทำเคืองพระทัยของพระเป็นเจ้ามาก ท่านยิ่งจะต้องสะดุ้งกลัวมากขึ้น เมื่อจะทำเคืองพระทัยอีก เพราะว่า บาปอีกประการหนึ่งจะถ่วงตราชูพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าให้ตกลง แล้วท่านจะต้องพระอาชญาโทษ ณ ที่นี้ ข้าพเจ้าไม่ยืนยันอย่างเด็ดขาดว่า หากท่านทำบาปอีกประการหนึ่ง ท่านจะไม่ได้รับอภัยโทษต่อไป ทั้งนี้เพราะข้าพเจ้าไม่ทราบได้ แต่ข้าพเจ้าว่า ท่านอาจจะไม่ได้รับอภยบาปต่อไป ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น เมื่อท่านถูกประจญ ก็ให้ท่านพูดว่า: ใครจะไปรู้ พระเป็นเจ้าจะทรงยกโทษให้ฉันอีกหรือหาไม่ ฉันจะถูกโทษในคราวนี้หรือหาไม่? ขอให้ท่านบอกตรง ๆ เถิด หากในกับข้าวจานหนึ่ง ท่านสงสัยว่ามียาพิษ ท่านจะกินกับข้าวจานนั้นหรือไม่? หากท่านคาดว่า ตามทางสายหนึ่ง ศัตรูกำลังคอยปองร้ายท่าน และมีทางอื่นที่ปลอดภัยกว่า ท่านจะไปตามทางนั้นหรือไม่? ก็ตัวท่านมีความแน่ใจอย่างใด หรือที่ถูก ท่านมีเหตุผลอันใดหรือไม่เมื่อไปทำบาปใหม่อีก ท่านจะมีความทุข์อันจริงใจ และจะไม่กลับไปกินสิ่งที่ท่านได้สำรอกมาแล้ว หรือว่า เมื่อทำบาปนั้นแล้วพระเป็นเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้ท่านตายไปในขณะนั้นเอง หรือว่า หลังแต่ได้ทำบาปแล้ว พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งท่าน?
อะไรกัน เมื่อท่านซื้อเรือน ท่านก็พยายามตกลงให้เรื่องมันแน่นอนเด็ดขาดลงไปจะได้ไม่เสียเงินเปล่าๆ ไม่ใช่หรือ? เมื่อท่านจะกินยา ท่านก็ต้องการจะทราบก่อนว่ายานั้นจะไม่ทำร้ายท่าน ไม่ใช่หรือ? เมื่อท่านจะข้ามห้วยข้ามละธารท่านก็ระวังกลัวตัวจะตกลงไป ไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุไร เมื่อท่านต้องาการจะได้สมปรารถนาอันเลวทราม หรือเมื่อต้องการจะได้ความสนุกประสาสัตว์เพียรัจฉานท่านจึงยอมเสี่ยงกับความรอดตลอดนิรันดรของท่านและพูดว่า: แล้วฉันก็หวังว่าจะได้แก้บาปประการนั้น? ขอถามทีเถิดท่านจะไปแก้บาปเมื่อไร? ในวันอาทิตย์ก็ใตรสัญญากับท่านว่าท่านจะมีชีวิตต่อไปจนถึงวันอาทิตย์? ถ้าเข่นนั้น พรุ่งนี้ก็ใครสัญญากับท่านว่า ท่านจะอยู่ถึงวันพรุ่งนี้? นักบุญเอากุสตินกล่าวว่าต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมง: ทำไมท่านจึงสัญญาแก่ตัวเองได้ว่า จะแก้บาปพรุ่งนี้ ในเมื่อท่านรู้ด้วยว่าท่านจะมีชีวิตต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมงหรือไม่? (8) แล้วท่านเสริมต่อว่า: พระเป็นเจ้าได้ทรงสัญญาจะอภัยบาปแก่ผู้เป็นทุกข์กลับ แต่พระองค์มิได้ทรงสัญญาจะให้มีวันพรุ่งนี้ สำหรับผู้กระทำบาป หากท่านทำบาปในขณะนี้ บางทีพระเป็นเจ้าก็ทรงโปรดให้ท่านมีเวลากลับใจ และบางทีก็จะไม่ทรงโปรดให้ท่านมีเวลากลับใจ และบางทีก็จะไม่ทรงโปรดให้ท่านมีเวลา (9) และหากพระองค์ไม่โปรดให้ท่านมีเวลา ท่านจะเป็นอย่างไรตลอดทั้งนิรันดรภาพเล่า?
เอาเถิด! เพราะความสนุกเลวๆ ท่านถึงกับยอมเสียวิญาณ หรือยอมเสี่ยงให้วิญญาณของท่านอยู่ในภัยจะต้องพินาศไปทั้งชั่วนิรันดร ขอถามว่า เพราะความสนุกเลว ๆ อันนั้น ท่านจะยอมเสียงภัยเสียเงินสักหนึ่งพันเหรียญหรือไม่? หรือพูดให้มากกว่าหน่อย: เพราะความสนุกชั่วแล่นอันนั้น ท่านจะยอมเสียหมดทุกสิ่งที่ท่านมี คือ เงินทอง บ้านช่อง ที่ดิน อิสระภาพ และชีวิตของท่านทีเดียวหรือ? แน่นอน ท่านไม่ยอมแน่ แล้วเหตุไฉนเพราะความสนุกอันอัปรีย์นั้น ท่านยอมเสียหมดทุกสิ่ง ในพริบตาเดียว ทั้งวิญญาณ สวรรค์และพระเป็นเจ้าเล่า? ขอถามอีกที่ว่า สวรรค์ นรก นิรันดรภาพ เป็นความจริง ที่ความเชื่อสอน หรือว่า เป็นนิยายกัน? ท่านเชื่อหรือไม่ว่า หากความตายมาตะครุบท่านขณะท่นอยู่ในบาป ท่านจะต้องพินาศไป? โอ มันเป็นการบ้าบิ่น เป็นการเสียจริตจริง ๆ ที่จะลงโทษตัวเองให้ต้องไปทนทุกข์ทรมานตลอดทั้งชั่วนิรันดร ด้วยการพูดว่า: แล้วหวังว่า ฉันจะแก้ไขมัน ในภายหลัง! นักบุญเอากุสตินกล่าวว่า “ไม่มีใครอยากป่วย เพื่อหวังจะหาย” (10) ไม่มีใครบ้า จนกินยาพิษเข้าไป พลางพูดว่า: เดี๋ยวกินยาแก้ ก็จะหายได้ ท่านก็เหมือนกัน ท่านลงโทษตัวเองให้ไปสู่ความตายชั่วนิรันดร พลางพูดว่า: แล้วฉันอาจเอาตัวรอดก็ได้! โอ้! อนิจจา! ความบ้าบัดซบเช่นนี้ ได้นำและกำลังนำวิญญาณมากหลายไปสู่ขุมนรก! มันเป็นไปตามที่พระสวามีเจ้าตรัสขู่ไว้ว่า “เจ้าได้กระทำบาปโดยเบาความวางใจในความเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้าพระอาชญาโทษจะตามมาหาเจ้าอย่างกระทันหัน โดยที่เจ้าไม่รู้วามาจากไหน” (อสย. 47, 10)
ข้อเตือนใจและคำภาวนา
ข้าแต่พระสวามีเจ้า นี่เป็นคนหนึ่งในพวกคนบ้าที่ได้ทำลายวิญญาณของตน และพระหรรษทานของพระองค์ พลางไว้ใจว่า จะได้กลับคืนมา! โอ้! หากพระองค์จะได้ทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าตายไปในขณะนั้น หรือในคืนนั้น ที่ข้าพเจ้ากำลังอยู่ในบาป ก็ข้าพเจ้าจะเป็นอย่างไรแล้วเล่า? ขอสมนาพระคุณที่ได้ทรงโปรดคอยข้าพเจ้าจนถึงบัดนี้ และได้ทรงโปรดให้ข้าพเจ้าสำนึกรู้ความบ้าบอของตนข้าพเจ้าแลเห็นแล้วว่า พระองค์ทรงปรารถนาให้ข้าพเจ้ารอด และตัวข้าพเจ้าเองก็อยากเอาตัวรอด องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า ข้าพเจ้าเสียใจ ที่ได้หันหลังให้พระองค์หลายครั้งหลายหนนั้นแล้ว ข้าพเจ้ารักพระองค์ด้วยสิ้นสุดดวงใจ พระเยซูเจ้าข้า เดชะพระบารมีแห่งพระมหาทรมานของพระองค์ ข้าพเจ้าไว้ใจว่า ข้าพเจ้าจะไม่ยอมเป็นบ้าดังเช่นแต่ก่อน โปรดเร่งอภัยบาปของข้าพเจ้า และโปรดรับข้าพเจ้าไว้ในพระหรรษทานของพระองค์ด้วยเถิด ข้าพเจ้าไม่ยอมละทิ้งพระองค์อีกแล้ว “พระสวามีเจ้าข้า ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ ข้าพเจ้าไม่มีวันจะต้องพินาศทั้งชั่วนิรันดร” อา! พระมหาไถ่ ข้าพเจ้าไว้ใจว่าต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะไม่ต้องรับเคราะห์ไม่ต้องอับอายขายหน้า ที่จะแลเห็นตัวข้าพเจ้าไร้พระหรรษทาน ไร้ความรักต่อพระองค์อีกแล้ว ขอโปรดให้ข้าพเจ้าคงเจริญในความดี และให้ข้าพเจ้าเฝ้าวิงวอนพระองค์อยู่เสมอ เป็นต้น เมื่อจะถูกประจญล่อลวง ให้ข้าพเจ้าเรียกร้องออกพระนามของพระองค์ และพระนามของพระมารดาของพระองค์มาช่วยข้าพเจ้าว่า: พระเยซูเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย พระเจ้าข้า พระแม่มารีอาเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย เจ้าข้า
ข้าแต่พระบรมราชินี ตราบใดข้าพเจ้าวิ่งมาพึ่งท่าน ตราบนั้นข้าพเจ้าจะไม่พ่ายแพ้ต่อการประจญเป็นอันขาด การประจญดันดื้ออยู่ตราบใด ก็ขอโปรดใหข้าพเจ้เฝ้าเรียกร้องให้ท่านมาช่วยข้าพเจ้าอยู่ตราบนั้น ด้วยเถิด
(1) IIIud sentire nos convenit, tamdiu unumquemque a Dei patientia sustineri, quo consummato, nullam
ilil veniam reservari (De vita Christiana c. 3).
(2) Deus expectat usque ad certum numerum; et postea desert, (Lid. 8, c. 2).
(3) Novit ille cui parcat et cui non parcat. Quibus datur misericordia, gratis datur; guibus non datur, ec
justitia non datur. (Lib. de corrrept)
(4) Plus timendum est cum tolerat, quam cum festinanter punit./c.5).
(5) Quos diutius expectat, durius damnat.
(6) Saepe qui diu tolerate sunt, subito morte rapiuntur ut nec flere ante mortem liceat.
(7) Sicut id, quod per vomitum est rejectum, resumere est valde abominabile acturpe,sic peccata deleta
reiterare.
(8) Diem tenes, qui horam non tenes?
(9) Qui poenitenti veniam spopondit, peccanti diem crastinam non promisit; fortasse dabit, fortasse non
dabit.
(10) Nemo sub spe salutis vult aegrotare.
- บทที่ 01 "ภาพของคนเพิ่งตาย"
- บทที่ 02 "เมื่อตาย ทุกสิ่งจบสิ้น"
- บทที่ 03 "ชีวิตมนุษย์ไม่ยืนนาน"
- บทที่ 04 "ความตายเป็นของแน่"
- บทที่ 05 "เวลาตายไม่แน่"
- บทที่ 06 "ความตายของคนบาป"
- บทที่ 07 "ความรู้สึกต่าง ๆ ของคนใกล้จะตาย"
- บทที่ 08 "ความตายของผู้ใคร่ธรรม"
- บทที่ 09 "สันติสุขของผู้ใคร่ธรรมเมื่อเวลาจะตาย"
- บทที่ 10 "วิธีการสำหรับ เตรียมรับความตาย"
- บทที่ 11 "ค่าของเวลา"
- บทที่ 12 "ความสำคัญของความรอด"
- บทที่ 13 "ความฟุ้งเฟ้อของโลก"
- บทที่ 14 "ชีวิตปัจจุบัน คือการเดินทางไปสู่นิรันดรภาพ"
- บทที่ 15 "ความอุกฉกรรจ์ของบาปหนัก"
- บทที่ 16 ความเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้า
- บทที่ 17 การล่วงเกินความเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้า
- บทที่ 18 จำนวนบาป
- บทที่ 19 พระหรรษทานเป็นสิ่งมีค่าเพียงไร?
- บทที่ 20 ความบ้าของคนบาป
- บทที่ 21 ชีวิตอันไม่เป็นสุขของคนบาป และชีวิตอันผาสุกของคนที่รักพระเป็นเจ้า
- บทที่ 22 ความเคยชินในความชั่ว
- บทที่ 23 กลอุบายที่ปีศาจนำมาใช้ล่อลวงคนบาป
- บทที่ 24 การพิพากษาทีละคน
- บทที่ 25 การพิพากษาประมวลพร้อม
- บทที่ 26 โทษานุโทษในนรก
- บทที่ 27 นิรันดรภาพของนรก