เตรียมเผชิญ
ค ว า ม ต า ย
บทที่ 23 กลอุบายที่ปีศาจนำมาใช้ล่อลวงคนบาป
โดย นักบุญอัลฟอนโซ มารีย์ เดอ ลีโกวรี
แปลโดย ผู้หว่าน
1. แล้วฉันจะไปแก้บาป ก็เพราะฉันสู้ไม่ไหว
สมมุติว่า หนุ่มคนหนึ่งทำบาปหนัก แล้วไปแก้บาป เขาจึงได้รับพะรหรรษทานคืนมา ต่อมาไม่ช้า ปีศาจมาล่อลวง หมายจะให้เขากลับตกในบาปอีกหนุ่มผู้นั้นต่อสู้ แต่แล้วก็รวนเร จะทำตามการหลอกลวงของปีศาจ พ่อหนุ่มเอ๋ยขอถามหน่อย ท่านอยากจะทำอะไร? พระหรรษทานที่ท่านเพิ่งได้รับมาเป็นของมีค่ามากกว่าโลกทั้งโลก ท่านจะยอมเสียไปในบัดนี้อีก เพราะความสนุกอันสารเลวนั้นหรือ? ท่านอยากจะเซ็นคำตัดสินลงโทษตัวเองให้ตายไปทั้งชั่วนิรันดรท่านอยากจะลงโทษตนเองไปสู่นรกอันไม่รู้จักจบสิ้น ดังนั้นหรือ? ท่านจะตอบว่า: หามิได้ ฉันไม่อยากลงโษตัวเองหรอก ฉันอยากจะเอาตัวรอด เพราะฉะนั้น เมื่อฉันทำบาปนี้แล้ว ฉันจะไปแก้บาป นี่แหละ อุบายเจ้าเล่ห์ของปีศาจ ทำไม! ท่านว่าทำแล้ว ท่านจะไปแก้บาปใช่ไหม?- แต่เวลานี้เอง ท่านก็ทำให้วิญญาณของท่านพินาศไปก่อนแล้ว ตอบให้จริงใจทีเถิด หากในมือของท่าน มีสร้อยราคาหนึ่งพันเหรียญทอง ท่านจะยอมขว้างมันลงในทะเล พลางพูดว่า แล้วฉันจะพยายามฉันหวังว่า จะได้มันกลับคืนมาใหม่ ท่านจะทำเช่นนี้หรือไม่? ในบัดนี้ ท่านก็มีเพชรหาค่ามิได้อยู่ในกำมือของท่านคือ วิญญาณของท่านนั่นเอง วิญญาณที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตของพระองค์ แล้วท่านจะยอมขว้างวิญญาณนั้นลงนรกทีเดียวหรือ? (ที่ว่าขว้างลงนรก ก็เพราะว่า เมื่อทำบาปตามความยุติธรรมของพระในปัจจุบันนี้ ท่านก็ต้องโทษให้ไปสู่นรกแล้ว) ท่านจะทำเช่นนั้น พลางพูดว่า แล้วฉันหวังว่า จะได้วิญญาณคืนมาใหม่ โดยทางการแก้บาปหรือ? หากว่า ท่านไม่ได้คืนมาล่ะ จะว่าอย่างไร? สำหรับจะได้คืนมานั้น ท่านจำเป็นต้องมีความทุกข์ถึงบาปโดยแท้ ความทุกข์เช่นนี้ เป็นทานของพระเป็นเจ้า แล้วหากพระองค์ไม่ทรงประทานแก่ท่านล่ะ ท่านจะว่าอย่างไร? อีกข้อหนึ่งคือ หากท่านตายไป ก่อนจะได้แก้บาปเล่า จะเป็นอย่างไร?
ท่านจะบอกว่า: ฉันจะไปแก้บาปในสัปดาห์นี้เอง ก็ใครสัญญากับท่านว่า ท่านจะมีเวลาตลอดสัปดาห์นี้? ท่านจะว่า: อย่างนั้นฉันจะไปแก้บาปในวันพรุ่งนี้ก็ใครเล่าสัญญาว่าท่านจะอยู่ถึงวันพรุ่งนี้? นักบุญเอากุสตินบากว่า วันพรุ่งนี้พระเป็นเจ้ามิได้ทรงสัญญาจะประทานแก่ท่าน บางทีก็จะประทานให้ บางทีก็จะไม่ประทานให้” (2) และก็มีคนจำนวนมากเหมือนกัน ที่พระองค์มิได้ประทานให้: เขาเข้านอนตอนค่ำ ยังสบายดี แต่ตอนเช้า ได้ตายอย่างปัจจุบันไปแล้วล้าก็มีกี่คน ที่พระสวามรเจ้าทรงปล่อยให้ตายไป ขณะทำบาปนั้นเองและให้ไปสู่นรก! แล้วหากพระสวามีทรงทำแก่ท่านเช่นนี้บ้าง ท่านจะทำอย่างไร สำหรับแก้ไขหายนะชั่วนิรันดรอันนั้น? ขอให้ท่านเชื่อเถิด อาศัยข้ออ้างที่ว่า “แล้วฉันจะไปแก้บาป” ปีศาจได้ลากคริสตังจำนวนหมื่นจะนวนแสนไปสู่นรกแล้ว เหตุว่าคนบาปมีจำนวนน้อยนักที่คลั่งอยากจะไปนรกตรง ๆ เมื่อทำบาป ใครๆ ก็ทำโดยหวังจะได้แก้บาปต่อภายหลัง แต่แล้วคนเคราะห์ร้าย ต้องไปสู่นรกเพราะบาปของเขาและบัดนี้ก็หมดหนทางจะแก้ไขเสียแล้ว!
แต่ ท่านจะว่า: ขณะนี้ฉันไม่มีหวัง จะสู้กับประจญอันนั้นได้ นี่ก็เป็นอุบายของปีศาจอีกอันหนึ่ง มันแกล้งหลอกให้ท่านเห็นว่า ท่านไม่มีกำลังจะต่อสู้กับตัณหาในบัดนี้ ก่อนอื่นหมด ท่านพึงทราบคำสอนของนักบุญเปาโลที่ว่า: พระเป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ จะไม่ทรงปล่อยให้คนเราถูกประจญจนเกินกำลังของเราเป็นอันขาด “พระเป็นเจ้าทรงสัตย์ซื่อ และไม่ทรงปล่อยให้ท่านถูกประจญเกินกำลังของท่าน” (1 คร. 10, 13) ต่อจากนี้ ขอถามท่านว่า: ถ้าขณะนี้ ท่านไม่มีหวังจะต่อสู้ ภายหลังท่านจะต่อสู้ได้อย่างไร? เพราะภายหลัง ปีศาจจะมาโจมตีท่านให้ทำบาปอื่น ๆ อีก และเมื่อนั้นมันจะมีกำลังมากกว่าท่าน และตัวท่านก็จะอ่อนแอลงไปอีก! ฉะนั้น หากในบัดนี้ ท่านไม่มีหวังจะดับไฟ (ตัญหา) อันนั้นได้ ท่านจะมีหวังดับมันได้อย่างไร ในเมื่อมันได้ลุกเป็นไฟใหญ่เสียแล้ว? ท่านจะว่า “ก็พระเป็นเจ้าจะทรงช่วยฉันนะซิ” ก็ความช่วยเหลืออันนั้น พระเป็นเจ้าทรงประทานแก่ท่านอยู่บัดนี้แล้ว ทำไมท่านไม่นำมาใช่ต่อสู้เล่า? นี่บางทีท่านหวังว่า พระเป็นเจ้าจะทรงเพิ่มพูนความช่วยเหลือ และพระหรรษทานมากขึ้น ต่อเมื่อท่านได้สะสมบาปเป็นกองพะเนินแล้วกระมัง? อนึ่งหากว่า ท่านต้องการความช่วยเหลือ และกำลังมากขึ้นในเวลานี้ ทำไมท่านไม่วิงวอนขอพระเป็นเจ้าเล่า? ท่านสงสัยในความสัตย์ซื่อของพะรองค์หรือ? พระองค์เองได้ทรงสัญญาว่า จะทรงประทานทุกสิ่งที่เราวิงวอนขอ: “จงขอเถิด และท่านจะได้รับ” (มธ. 7, 7) พระเป็นเจ้าจะทรงผิดสัญญาไม่ได้ ฉะนั้นท่านจงวิ่งเข้ามาพึ่งพระองค์เถิด แล้วพระองค์จะประทานพละกำลังที่ท่านต้องการสำหรับทำการต่อสู้ เป็นแน่แท้ พระสังคายนาแห่งเมืองเทรนท์ สอนว่า “พระเป็นเจ้าไม่ทรงบัญชาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อทรงบัญชาสิ่งใดพระองค์ก็ทรงเตือนให้เราทำสิ่งนั้นเท่าที่เราทำได้ โดยร่วมมือกับความช่วยเหลือของพระองค์ในปัจจุบัน หากการช่วยเหลือนั้นไม่เพียงพอสำหรับการต่อสู้ พระองค์ก็ทรงเตือนให้เราวิงวอนขอความช่วยเหลือที่มากกว่านั้น ครั้นได้วิงวอนขอแล้วพระองค์ก็จะทรงโปรดประทานให้” (3)
ข้อเตือนใจและคำภาวนา
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เพราะที่พระองค์ทรงพระทัยดีต่อข้าพเจ้าดังนี้นี่เองข้าพเจ้าจึงได้ทำใจดำต่อพระองค์ถึงเพียงนั้น ข้าพเจ้าได้ทำการแข่งขันกับพระองค์ข้าพเจ้าวิ่งหนี พะรองค์ทรงไล่ตาม พระองค์ได้ทำดีต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้แต่ทำร้ายต่อพระองค์! อา! พระสวามี แม้จะไม่มีเหตุอื่นใด เพียงพระทัยดีของพระองค์อย่างเดียวเท่านั้น ข้าพเจ้าก็น่าจะหฏิพัทธ์รักพระองค์แล้ว ด้วยว่า ถึงแม้ข้าพเจ้าจะได้กระทำบาปจำนวนมากเพียงไร พระองค์ก็ได้ทรงโปรดประทานพระหรรษทานแก่ข้าพเจ้ามากเพียงนั้น! แสงสว่างที่ข้าพเจ้ากำลังได้รับอยู่บัดนี้ ข้าพเจ้าสมควรจะได้รับหรือ? พระสวามีเจ้าข้า ขอสมนาพระคุณด้วยสิ้นสุดดวงใจ ข้าพเจ้าหวังว่า จะได้ฉลองพระมหากรุณาธิคณครั้งนี้ ตลอดนิรันดรในสวรรค์ เป็นความจริง ข้าพเจ้าไว้ใจว่า ข้าพเจ้าจะได้เอาตัวรอด ด้วยอาศัยพระโลหิตของพระองค์ที่ข้าพเจ้าไว้ใจดังนี้ ก็เพราะได้แลเห็นความกรุณาของพระองค์ต่อข้าพเจ้า จนถึงเพียงนี้! ข้าพเจ้าจึงยังไว้ใจว่าพระองค์จะทรงประทานพละกำลัง มิให้ข้าพเจ้าทรยศต่อพระองค์สืบไป เดชะพระหรรษทานช่วย ข้าพเจ้าตั้งใจแน่วแน่ว่า จะยอมตายสักพันครั้ง ดีกว่าจะกลับไปทำเคืองพระทัยอีก ข้าพเจ้าได้กระทำเคืองพระทัยมาเป็นจำนวนมากนัก พอเสียทีเถิด ขอให้ชีวิตที่ยังมีอยู่นี้ เพื่อรักพระองค์อย่างเดียวไฉนหนอ ข้าพเจ้าจะไม่รักพระองค์ พระเป็นเจ้าผู้ทรงมรณะเพื่อข้าพเจ้า ผู้ทรงเพียรทนข้าพเจ้าเหลือพรรณนา แม้ว่าข้าพเจ้าได้ด่าว่าร้ายพระองค์เหลือคณนามาแล้ว? ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าแห่งวิญญาณของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเสียใจเป็นที่สุด และใคร่จะตรอมใจตาย ครั้งก่อนโน้น ข้าพเจ้าได้หันหลังให้พระองค์ แต่บัดนี้ ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดแล้ว รักพระองค์ยิ่งกว่าตัวของข้าพเจ้าเองด้วยข้าแต่พระบิดา ผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดร เดชะพระบุญญาบารมีของพระเยซูคริสต์ โปรดอุปถัมภ์คนบาปน่าสงสาร ผู้ใคร่รักพระองค์นี้ด้วยเถิด พระเจ้าข้า
พระแม่มารีอา ความหวังของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย เมื่อปีศาจจะมาชักชวนให้ข้าพเจ้ากลับตกในบาป โปรดเถิด โปรดช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับพระหรรษทาน เพื่อวิ่งเข้ามาพึ่งพระบุตรของท่าน และวิ่งเข้าไปพึ่งท่าน เสมอทุกครั้งไปเถิด
2. พระเป็นเจ้าจะกรุณาฉัน
คนบาปจะว่า: พระเป็นเจ้าทรงเป็นผู้เมตตากรุณา นี่คือกลอุบายประการที่สาม เป็นอุบายที่ใช้กันมาก ทั้งเป็นเหตุให้คนบาปจำนวนมากที่สุด ต้องพินาศไปแล้ว นักประพันธ์ผู้หนึ่งเขียนว่า: ความเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้าทำให้คนตกนรก มากกว่า ความยุติธรรมของพระองค์เสียอีก ทั้งนี้เพราะพวกคนเคราะห์ร้ายเหล่านั้น วางใจในความเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้า จึงไม่หยุดยั้งการกระทำบาป จึงต้องพินาศไป
พระเป็นเจ้าทรงพระทัยเมตตากรุณา เรื่องนี้ไม่มีใครเถียง! ถึงกระนั้นในทุก ๆ วันพระองค์ก็ทรงลงโทษคนเป็นจำนวนมากให้ไปสู่นรก? พระองค์ทรงพระทัยเมตตาก็จริง แต่ยังทรงยุติธรรมด้วย ฉะนั้นจึงทรงลงพระอาชญาแก่ผู้ผิด พระเป็นเจ้าทรงเมตตาต่อใคร?- ต่อคนที่เกรงกลัวพระองค์ “พระทัยเมตตากรุณาของพระองค์สำหรับคนที่เกรงกลัวพระองค์...พระองค์ทรงสงสารคนที่กลัวพระองค์” (สดด. 102, 11, 13) แต่สำหรับคนที่ดูหมิ่นและใช้ความเมตตากรุณาของพระองค์ เพื่อดูหมิ่นพระองค์มากขึ้น พระองค์ก็ทรงใช้ความยุติธรรมต่อเขาจำต้องเป็นดังนี้ เหตุว่า พระเป็นเจ้าทรงอภัยบาปก็จริง แต่จะทรงอภัยการตั้งใจจะกระทำบาปไม่ได้ นักบุญเอากุสติน กล่าวว่า: ผู้ใดทำบาป โดยตั้งใจว่า เมื่อทำบาปแล้วจะเป็นทุกข์กลับใจ ผู้นั้นไม่เป็นทุกข์จริง แต่เป็นผู้ที่ล้อพระเป็นเจ้าเล่น (4) ก็ท่านอัครสาวกตักเตือนเราว่า “ท่านอย่าหลง พระเป็นเจ้าเราจะล้อเล่นไม่ได้” (กท. 6, 7) มันเป็นการล้อพระเป็นเจ้าเล่น เมื่อทำเคืองพระทัย ตามแต่ชอบใจและเท่าที่ชอบใจแล้วยังมีหน้ามาทวงสวรรค์อีก!
แต่- เมื่อคราวก่อน ๆ พระเป็นเจ้าได้ทรงพระทัยเมตตากรุณาต่อฉันหลายครั้งหลายคราวแล้ว ฉันใด ฉันก็หวังว่าคราวต่อไป พระองค์จะทรงเมตตาต่อฉันอีก ฉันนั้น นี่คืออุบายประการที่สี่ เพราะเหตุที่พระเป็นเจ้าได้ทรงสงสารท่าน ท่านจึงคิดว่า พระองค์จะทรงกรุณาต่อท่านเรื่อยไป พระองค์จะไม่ทรงลงพระอาชญาแก่ท่านเป็นอันขาด อย่างนั้นหรือ? ความจริงนั้น มันตรงข้าม ยิ่งพระองค์ได้ทรงพระทัยดีต่อท่านมาก ท่านก็ยิ่งต้องกลัวไว้ให้มากกว่า หากขืนทำเคืองพระทัยต่อไปพระองค์จะไม่ทรงอภัยให้อีก และจะทรงเอาโทษ หนังสือปรีชาญาณเตือนว่า: ท่านอย่าพูดว่า ฉันได้ทำบาป แต่ไม่เห็นถูกโทษอำรเลย เหตุว่า พระเป็นเจ้าทรงเพียรทนก็จริง แต่จะไม่ทรงเพียรทนเสมอไปหรอก เมื่อถึงเขตที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ จะเมตตาต่อคนบาป เมื่อนั้น จะทรงเอาโทษบาปของเขา และคิดบัญชีรวมกันหมด “ท่านอย่าพูดว่า ฉันได้ทำบาป แต่ไม่เห็นเป็นอะไร เหตุว่า พระเจ้าทรงเพียรทน แต่ทรงสนองตอบด้วย” (บสร. 5, 4) นักบุญเกรโกรีเตือนว่า: ยิ่งพระเป็นเจ้าทรงเพียรทนนานเท่าใด ก็ยิ่งจะทรงเอาโทษหนักเท่านั้น (5)
ฉะนั้น พี่น้องที่รัก หากท่านเห็นว่าท่านได้ทำเคืองพระทัยหลายครั้งมาแล้วและพระเป็นเจ้ามิได้ทรงให้ท่านไปนรก ท่านก็ต้องกราบทูลพระองค์ว่า: พระสวามีเจ้าข้า เป็นพระเดชพระคุณของพระองค์ ที่มีได้ทรงให้ข้าพเจ้าไปนรกตามโทษานุโทษของข้าพเจ้า “เดชะพระทัยเมตตากรุณาของพระสวามีเจ้า พวกข้าพเจ้าจึงมิได้พินาศ” (เธรน. 3, 22) ท่านจงคิดเถิดว่ามีคนบาปเท่าไรแล้ว ที่ได้ทำบาปน้อยกว่าท่าน แต่บัดนี้เขาต้องโทษในนรกแล้ว! ครั้นคิดดั่งนี้แล้ว ก็ให้ท่านพยายามทำการชดเชยใช้โทษความผิดที่ท่านได้กระทำต่อพระเป็นเจ้า ด้วยการเป็นทุกข์ถึงบาปและด้วยการสร้างบุญกุศลอย่างอื่น ๆ ตอบแทน ความเพียรที่พระเป็นเจ้าทรงมีต่อท่าน ควรแล้วจะปลุกใจท่าน ไม่ใช่เพื่อทำเคืองพระทัยต่อไป แต่เพื่อให้ท่านปรนนิบัติ และรักพระองค์มากขึ้น เพราะท่านก็มองเห็นแล้วว่าพระองค์ได้ทรงมีพระทัยดีต่อท่านมากกว่าต่อคนอื่น ๆ นั้นเอง
ข้อเตือนใจและคำภาวนา
ข้าแต่พระเยซูผู้ตรึงอยู่บนไม้กางเขน พระมหาไถ่ และพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า นี่แน่ะ คนทรยศกราบอยู่แทบพระบาท ข้าพเจ้าละอายแก่ใจเหลือเกินที่กำลังอยู่เฉพาะพระพักตร์ ข้าพเจ้าได้ล้อพระองค์เล่นกี่ครั้งกี่หนแล้ว ข้าพเจ้าได้สัญญากับพระองค์กี่ครั้งกี่หนแล้วว่า จะไม่กระทำบาปอีก? คำสัญญาของข้าพเจ้าเป็นแต่การพูดปดทั้งนั้น: พอมีโอกาสข้าพเจ้าก็ลืมพระองค์ หันหลังให้พระองค์ทุกครั้งไป! ขอสมนาพระคุณที่มิได้ทรงให้ข้าพเจ้าอยู่ในนรก ณ ขณะนี้ แต่ให้มาอยู่แทบพระบาท ทั้งยังทรงประทานความสว่าง และเตือนใจข้าพเจ้าให้กลับมารักพระองค์อีก เป็นความสัตย์จริง พระมหาไถ่ และพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องการรักพระองค์และไม่ยอมดูหมิ่นพระองค์อีกแล้ว พระองค์ได้ทรงเพียรทนข้าพเจ้าเหลือคณนา ข้าพเจ้ามองเห็นว่าจะทรงเพียรทนต่อไปไม่ไหวแล้ว จะเป็นเคราะห์กรรมของข้าพเจ้าร้ายแรงเพียงไรหนอ หากว่าแม้ได้รับพระราชทานพระหรรษทานมากมายถึงเพียงนี้แล้ว ข้าพเจ้ายังดื้อทำเคืองพระทัยอีก! พระสวามีเจ้าข้า ข้าพเจ้าตั้งใจแน่ววแน่จะเปลี่ยนความประพฤติจริง ๆ แต่ก่อนข้าพเจ้าได้ขัดขืนพระทัยของพระองค์เท่านใด บัดนี้ข้าพเจ้าจะรักพระองค์เท่านั้น พระเจ้าข้า บุญของข้าพเจ้าแท้ ๆ ที่ข้าพเจ้าไปมีเรื่องกับพระองบค์ ผู้ทรงพระทัยดีปราศจากขอบเขต...! ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ตรอมใจเพราะได้ดูหมิ่น พระองค์จนถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้เป็นต้นไปขอมอบดวงใจของข้าพเจ้าทั้งหมดให้เป็นสิทธิ์ขาดแด่พระองค์ ขอให้เห็นแก่พระบารมีและพระมหาทรมานของพระองค์เถิด และโปรดอภัยบาปแก่ข้าพเจ้า โปรดลืมความชั่วช้าสามานย์ของข้าพเจ้าและโปรดประทานพละกำลังให้ข้าพเจ้ารักษาความสัตย์ซื่อต่อพระองค์เรื่อยไปจนวันตาย พระเจ้าข้า องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ และหวังจะรักพระองค์เสมอเป็นนิตย์ ข้าพเต่พระผู้เป็นเจ้าที่สุดเสน่หา ข้าพเจ้าไม่ยอนละ พระองค์ไปอีกแล้วพระเจ้าข้า
โอ้พระมารดาของพระเป็นเจ้า พระนางมารีอา โปรดผูกมัดข้าพเจ้าติดกับพระเยซูคริสต์ และช่วยเสนอให้ข้าพเจ้าได้รับพระหรรษทาน เพื่อจะได้ไม่พรากจากพระบาทของพระองค์อีกเลย ข้าพเจ้าวางใจในท่าน
3. ฉันยังหนุ่มสาวอยู่ แล้วฉันจะเอาตัวรอดก็เป็นได้
ภายหลังก็แล้วกัน ฉันยังหนุ่ม ยังสาวอยู่ พระเป็นเจ้าทรงเอ็นดูคนหนุ่มคนสาว เอาไว้ทีหลัง ฉันค่อยถวายตัวแด่พระองค์ก็แล้วกัน นี่คืออุบายประการที่ห้า ท่านยังหนุ่มยังสาวอยู่หรือ? ท่านไม่ทราบดอกหรือว่า พระเป็นเจ้าไม่ทรงนับอายุแต่ทรงนับบาปของแต่ละคนต่างหาก? ท่านยังหนุ่มยังสาวอยู่ แต่ท่านได้ทำบาปมาเท่านไรแล้ว? มีคนแก่จำนวนมากที่ได้ทำบาปไม่เท่าหนึ่งในสิบของท่าน ท่านไม่ทราบหรือว่าพระสวามีเจ้าพระองค์เองทรงเป็นผู้กำหนดจำนวน และเครื่องตวงวัดบาปที่ทรงใคร่จะอภัยให้แก่แต่ละคน? พระคัมภีร์บันทึกว่า “พระสวามีเจ้าทรงเพียรคอยจะลงโทษเขา คอยจนถึงวันพิพากษาในเมื่อเครื่องตวงบาปของเขาจะเต็มเปี่ยมแล้ว” (2 มคบ. 6, 14) หมายความว่าพระองค์ทรงคอยจนถึงขีดถึงเขตแต่เมื่อใดเครื่องตวงเครื่องวัดบาปที่พระองค์ทรงกำหนดไว้จะอภัยโทษมันเต็มเปี่ยมมันถึงที่แล้ว เมื่อนั้นพระองค์จะไม่ทรงอภัยให้ต่อไป แต่จะลงพระอาชญาแก่คนบาป สถานหนึ่ง โดยให้เขาตายไปในทันทีทันใด ขณะที่อยู่ในบาปในฐานะต้องโทษในนรก หรืออีกสถานหนึ่งโดยปล่อยให้เขาจมอยู่ในบาป ฐานะอันนี้เป็นพระอาชญาร้ายแรงกว่าคนตายเสียอีก “เราจะรื้อถอนรั้วออกแล้ว (สวนองุ่น) ก็จะร้างไป” (อสย. 5, 5) สมมุติว่าท่านมีที่ดินแปลงหนึ่งท่านได้ทำรั้วหนามล้อมไว้ได้ลงแรงเพาะปลูกเป็นเวลาหลายปี ได้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายไปมาก แต่แล้วท่านมาเห็นว่า ที่ดินแปลงนั้นไม่ให้ผลอะไรเลย ท่านจะทำอย่างไร? ท่านจะรื้อรั้วออกแล้วทิ้งมันให้ร้างเสียเลย ท่านจงกลัวไว้เถิดว่า พระเป็นเจ้าจะทรงกระทำต่อท่านดังนี้ด้วย หากท่านขืนทำบาปต่อไป ท่านจะหมดเสียมโนธรรม ท่านจะไม่คิดถึงนิรันดรภาพ ไม่คิดถึงวิญญาณของท่านต่อไป ท่านแทบจะไม่แลเห็นแสงสว่างและหมดความกลัวเอาเสียทีเดียว นี่แหละคือการรื้อถอนรั้ว นี่แหละถึงแล้วซึ่งการทอดทิ้งของพระเป็นเจ้า!
บัดนี้จะกล่าวถึงอุบายประการสุดท้าย ท่านจะว่า: จริงอยู่ เมื่อฉันทำบาปประการนี้ ฉันเสียพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า และต้องโทษถึงนรก เป็นไปได้ที่เพราะบาปประการนี้ ฉันจะต้องโทษนรก แต่ก็ยังเป็นได้เหมือนกันว่า ฉันจะได้รับอภัยบาป และได้เอาตัวรอด ถูกของท่านแล้ว ข้าพเจ้ายอมรับว่า เป็นไปได้ที่ท่านยังจะเอาตัวรอดได้ เพราะว่า พูดกันตรง ๆ ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ผู้ทำนาย ฉะนั้นจึงไม่สามารถยืนยันแน่นอนทีเดียวว่า เมื่อได้กระทำบาปประการนี้แล้ว พระเป็นเจ้าจะไม่ทรงกรุณาท่านต่อไป กระนั้นก็ดี ท่านจะปฏิเสธหรือว่า เมื่อได้รับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้ามากมายดังนี้แล้ว หากขณะนี้ท่านกลับไปทำเคืองพระทัยอีก มันน่ากลัวทีเดียว น่ากลัวนักหนา ที่ท่านจะต้องพินาศไปมิใช่หรือ? โปรดสดับฟังคำพระคัมภีร์เถิด: “ดวงใจที่ดื้อกระด้าง จะลงปลายร้าย” (บสร. 3, 27) “คนชั่ว (ในที่สุด) จะถูก (พระยุติธรรม) กำจัดเสีย” (สดด. 36, 9) ผู้ใดหว่านบาปไว้ที่สุดผู้นั้น จะเก็บเกี่ยวกับความลำบาก ความทุกข์ทรมาน “คนเราหว่านอะไรก็จะเก็บเกี่ยวผลอันนั้น” (กท. 6, 8) พระเป็นเจ้าตรัสว่า “เราได้ร้องเรียกเจ้า แต่เจ้าได้เยาะเราเล่น ส่วนเรานี้ เมื่อถึงคราวของมัน” (ฉธบ. 32, 35) พระคัมภีร์กล่าวถึงคนใจกระด้างดังกล่าวมา ความยุติธรรม และเหตุผล ก็ร้องขอให้เป็นดั่งนี้ด้วย! แต่ท่านจะรั้นค้านต่อไปอีกว่า: จะอย่างไรก็ตาม ยังเป็นได้ ที่ฉันจะเอาตัวรอดได้ ขอตอบว่า: ถูกของท่านแล้ว อาจเป็นไปได้ ที่ท่านยังจะเอาตัวรอด แต่ขอบอกท่านด้วยว่า มันเป็นการบ้าบัดซบอย่างวายร้ายที่สุด ที่จะเอาความรอดวิญญาณของตน ไปวางไว้บนคำว่า “อาจเป็นไปได้” และ “อาจเป็นไปได้” ชนิดที่ยากนักยากหนา! คิดดูให้ดี: การเอาวิญญาณรอดเป็นธุรกิจ ที่ชาวเราควรจะเลี่ยงให้อยู่ในมหันตภัยเช่นนั้นหรือ?
ข้อเตือนใจและคำภาวนา
ข้าแต่พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา ข้าพเจ้ากราบอยู่แทบพระบาท ขอสมนาพระคุณที่แม้ข้าพเจ้าได้กระทำบาปมากมายเช่นนี้แล้ว พระองค์ยังมิได้ทรงละทิ้งข้าพเจ้า มีกี่คนที่ได้ทำบาปน้อยกว่าข้าพเจ้า แต่เขามิได้แลเห็นความสว่าง อย่างที่พระองค์ทรงประทานแก่ข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้! ข้าพเจ้ามองเห็นแล้วว่า พระองค์ต้องการให้ข้าพเจ้ารอดจริง ๆ ข้าพเจ้าเองก็ต้องการเอาตัวรอดด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามพระทัยปรารถนาของพระองค์ ข้าพเจ้าใคร่จะได้ไปสรรเสริญพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ต่อข้าพเจ้า ในสวรรค์เรื่อยไปตลอดนิรันดร ข้าพเจ้ไว้ใจว่าพระองค์ได้ทรงอภัยบาปแก่ข้าพเจ้าแล้วในขณะนี้ แต่หากข้าพเจ้ายังเป็นที่จงเกลียดจงชังของพระองค์ เพราะมิได้รู้จักเป็นทุกข์อย่างที่สมควร ก็ในบัดนี้เองข้าพเจ้ากำลังเป็นทุกข์ด้วยสิ้นสุดวิญญาณ ข้าพเจ้าเกลียดชังบาปยิ่งกว่าภยันตรายใด ๆ ขอทรงพระกรุณาอภัยบาปแก่ข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้ด้วยเถิด พระเจ้าข้า โปรดให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ไปเถิด พระเป็นเจ้าของข้าพเจ้า ผู้ทรงพระทัยดีต่อข้าพเจ้าจนถึงเพียงนี้! โปรดให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ถึงบาป โปรดให้ข้าพเจ้ารักพระองค์เถิด พระเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าอะไร ๆ ทั้งหมด แต่ข้าพเจ้ายังรักพระองค์น้อยนัก ข้าพเจ้าต้องการจะรักพระองค์มาก ๆ จึงอ้อนวอนขอให้พระองค์ทรงโปรดให้ข้าพเจ้ารักพระองค์มาก ๆ และให้วางใจว่า พระองค์จะทรงประทานให้ดังที่ขอ พระเจ้าข้า พระเยซูเจ้าข้า โปรดสดับฟังคำวิงวอนของข้าพเจ้าด้วยเถิด ขอให้เห็นแก่คำมั่นสัญญา ที่พระองค์ได้ทรงให้ไว้แก่ผู้ที่วิงวอนขอพระองค์เถิด พระเจ้าข้า
ข้าแต่พระมารดาของพระเป็นเจ้า พระนางมารีอา ไม่ว่าใครต่างยืนยันแก่ข้าพเจ้าว่า: ผู้ใดมาฝากตัวใว้กับท่าน ท่านไม่เคยปล่อยให้เขาต้องเสียใจกลับไปเลยโอ้ ที่พึ่งหวังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าวิ่งมาพึ่งท่าน รองแต่พระเยซูลงมา ข้าพเจ้าวางใจในท่าน: โปรดช่วยฝากข้าพเจ้าไว้กับพระบุตรของท่าน และโปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
(1) บทพิเคราะห์บทนี้ มีข้อความหลายกระทง กระจายอยู่ในบทอื่น ๆ ข้างต้น, ที่ข้าพเจ้านำมารวมไว้แห่งเดียวในบทนี้ก็เพื่อ
ประโยชน์ให้ผู้อ่านนำไปใช้ ต่อสู้กับกลอุบายซึ่งปีศาจมักนำมาล่อลวง ให้คนเราถลำตกในบาปอีกครั้งหนึ่ง
(2) Crastinum Deus non promisit, fortasse dabit, fortasse non dabit.
(3) Deus impossibilia non jubet, sed jubendo monet et facere quod possis, et petere quod non possis, et adjuvat ut possis.
(4) Irrisor est, non poenitens.
(5) Quos diutius exspectat, durius damnat.
- บทที่ 01 "ภาพของคนเพิ่งตาย"
- บทที่ 02 "เมื่อตาย ทุกสิ่งจบสิ้น"
- บทที่ 03 "ชีวิตมนุษย์ไม่ยืนนาน"
- บทที่ 04 "ความตายเป็นของแน่"
- บทที่ 05 "เวลาตายไม่แน่"
- บทที่ 06 "ความตายของคนบาป"
- บทที่ 07 "ความรู้สึกต่าง ๆ ของคนใกล้จะตาย"
- บทที่ 08 "ความตายของผู้ใคร่ธรรม"
- บทที่ 09 "สันติสุขของผู้ใคร่ธรรมเมื่อเวลาจะตาย"
- บทที่ 10 "วิธีการสำหรับ เตรียมรับความตาย"
- บทที่ 11 "ค่าของเวลา"
- บทที่ 12 "ความสำคัญของความรอด"
- บทที่ 13 "ความฟุ้งเฟ้อของโลก"
- บทที่ 14 "ชีวิตปัจจุบัน คือการเดินทางไปสู่นิรันดรภาพ"
- บทที่ 15 "ความอุกฉกรรจ์ของบาปหนัก"
- บทที่ 16 ความเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้า
- บทที่ 17 การล่วงเกินความเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้า
- บทที่ 18 จำนวนบาป
- บทที่ 19 พระหรรษทานเป็นสิ่งมีค่าเพียงไร?
- บทที่ 20 ความบ้าของคนบาป
- บทที่ 21 ชีวิตอันไม่เป็นสุขของคนบาป และชีวิตอันผาสุกของคนที่รักพระเป็นเจ้า
- บทที่ 22 ความเคยชินในความชั่ว
- บทที่ 23 กลอุบายที่ปีศาจนำมาใช้ล่อลวงคนบาป
- บทที่ 24 การพิพากษาทีละคน
- บทที่ 25 การพิพากษาประมวลพร้อม
- บทที่ 26 โทษานุโทษในนรก
- บทที่ 27 นิรันดรภาพของนรก