Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 25 การพิพากษาประมวลพร้อม

book

1. การกลับคืนชีพ

            ทุกวันนี้ หากเราพิจารณาให้ดี เราก็จะเห็นว่า ไม่มีใครเลยในโลก ที่จะถูกหมิ่นประมาทเท่าเสมอพระเยซูคริสต์ ถึงคนชาวบ้านนอก ก็ได้รับความเคารพนับถือมากกว่าพระเป็นเจ้า เหตุว่า ย่อมคิดกลัวกันว่า หากคนชาวบ้านนอกผู้นั้น แลเห็นว่าตนถูกเขาเหยียดหยามจนเหลือทน จะบันดาลโทษะ และจะแก้แค้นเอา แต่ สำหรับพระเป็นเจ้า เขาทำร้ายพระองค์ ทำแล้วทำเล่า ตามแต่ชอบใจ ดังว่า พระเป็นเจ้า แม้จะทรงปรารถถนาจะแก้แค้น แต่ก็ไม่ทรงมีทางจะทำอะไรเขาได้ “เขาถือเอาพระองค์ เป็นดังผู้ทรงฤทธิ์ทุกประการ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เสียเลย” (โยบ. 22, 17) เพราะเหตุนี้เอง พระมหาไถ่จึงได้ทรงกำหนดวันไว้วันหนึ่ง วันพิพากษาประมวลพร้อม ที่พระคัมภีร์ตั้งชื่อไว้อย่างเหมาะสมทีเดียวว่า “วันของพระสวามีเจ้า” วัน ๆ นั้นแหละ พระเยซูคริสต์จะทรงแสดงให้ประจักษ์แจ้งชัดว่า พระองค์คือ พระสวามี พระเจ้าสูงสุด ตามที่ทรงเป็นจริง (เมื่อนั้นแหละ) “เขาจะรู้จักพระสวามีเจ้า ผู้จะทรงพิพากษา” (สดด. 9, 17) เป็นอันว่า วันนั้น จะไม่ได้ชื่อว่า “วันเมตตากรุณา วันอภัยบาป” แต่จะได้ชื่อว่า “วันพระพิโรธ วันความทรมาน วันความทุกข์ร้อน วันความพินาศ วันความอนาถ เพราะว่า วันนั้นเป็นวันที่พระสวามีเจ้าจะทรงเรียกร้องให้คนบาปที่ได้แย่งเกียรติมงคลของพระองค์ ไปคืนพระเกียรติมงคลนั้นแด่พระองค์จนครบถ้วน บัดนี้ ชาวเราจงมาคำนึงดูว่า การพิพากษาในวันสำคัญยิ่งนั้น จะเป็นมาอย่างไร

            ก่อนที่พระตุลาการ จะเสด็จมา จะมีไฟตกลงมาจากฟ้า “อัคคีจะนำหน้าพระองค์” (สดด. 96, 3) ซึ่งจะเผาผลาญแผ่นดิน และทุกสิ่งที่มีอยู่ในนั้น “แผ่นดินและทุกสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดิน จะถูกไฟเผาบรรลัยไปหมด” (2 ปต. 3, 10) เป็นอันว่าคฤหาสน์ วัดวาอาราม หมู่บ้าน หัวเมือง และประเทศทั้งหลายจะกลายเป็นกองเถ้าธุลีไป บ้านเรือน ที่ได้แปดเปื้อนไปด้วยบาปจะต้องถูกชำระด้วยไฟ ความมั่งคั่งสมบูรณ์ ความโอ่อ่าราศีและความสนุกสุขสบายของแผ่นดินโลกทั้งสิ้น จะลงปลายด้วยประการฉะนี้

            ครั้นมนุษย์ทุกคนได้ตายไปสิ้นแล้ว “จะได้ยินเสียงแตร และคนทถกคนจะกลับคืนชีพ” (1 คร. 15, 52) นักบุญฮีเอโรนีโม เล่าว่า “ข้าพเจ้าตัวสั่นทุกครั้งเมื่อพิเคราห์ดูวันพิพากษา รู้สึกทุกครั้งเหมือนว่า ได้ยินเสียงแตรนั้นก้องอยู่ในหู ประกาศว่า: ผู้ตายทั้งหลาย จงลุกขึ้นเถิด และมายังที่พิพากษา” (1) พอได้ยินเสียงแตร วิญญาณอันงามของบรรดาผู้มีบุญ ก็จะลงจากสวรรค์มาร่วมสนิทกับร่างกาย ที่ท่านได้ใช้ปรนนิบัติพระเป็นเจ้าในโลกนี้ ส่วนวิญญาณอันน่าเกลียดของเหล่านักโทษ ก็จะผลุดขึ้นจากขุมนรก มาร่วมสนิทกับร่างกายอัปรีย์ที่เขาได้ใช้ทำเคืองใจพระเป็นเจ้า

            อนิจจา! ร่างกายของผู้ต้องเลือกสรร และของนักโทษ จะแตกต่างกันเพียงไรหนอ! บรรดานักบุญจะมีรูปงดงาม ขาวสะอาด และ “สุกใสยิ่งกว่าดวงอาทิตย์” (มธ. 13, 43) โอ้คนมีบุญ คนที่ได้รู้จะกบังคับเนื้อหนังในโลกนี้ ไม่ยอมให้มันได้ความสนุกที่ต้องห้าม กว่านั้นอีก เพราะต้องการบังคับมันให้อยู่มือ ยังแถมไม่ยอมให้มันได้ความสนุกแม้ที่ไม่ต้องห้ามด้วย ได้บีบบังคับมันไว้เสมออย่างเช่นพวกนักบุญได้ปฏิบัติ! โอ! เมื่อนั้น เขาจะรู้สึกอิ่มเอิบยินดีเพียงไรหนอ! นักบุญเปโตร อัลกันตารา เมื่อถึงแก่มรณะแล้ว ได้ประจักษ์มาหานักบุญเทเรซา กล่าวว่า “โอ! การบำเพ็ญตบะใช้ใช้โทษบาป เป็นของดีวิเศษจริงบันดาลให้ข้าพเจ้าได้รับสิริมงคลมากถึงเพียงนี้!” (2) ตรงกันข้าม ร่างกายของนักโทษ จะมีรูปน่าเกลียด ทั้งดำทั้งเหม็น โอ้อนิจจา! เมื่อวิญญาณนักโทษจะต้องเข้าไปสู่ร่างกายของตน มันจะเป็นการทรมานเพียงไร? วิญญาณจะว่า: อ้ายร่างกายระยำเพราะตามใจแกนะซิ ข้าจึงต้องฉับหาย ฝ่ายร่างกายก็ถึยงว่า: ไอ้วิญญาณอัปรีย์ แกเป็นผู้มีปัญญา กลับเลือกเอาความสนุกเหล่านั้นทำไม? เลยเป็นเหตุให้ทั้งแกทั้งข้าต้องพินาศตลอดนิรันดรด้วยกัน!

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            อา! พระเยซู พระมหาไถ่ของข้าพเจ้า พระองค์จะทรงเป็นพระตุลาการของข้าพเจ้าในวันหนึ่ง โปรดอภัยบาปแก่ข้าพเจ้า ก่อนจะถึงวันนั้นเถิด พระเจ้าข้า “โปรดอย่าทรงเบือนพระพักตร์หนีจากข้าพเจ้าเลย” (สดด. 26, 9) บัดนี้ พระองค์ทรงเป็นพิดาของข้าพเจ้า โปรดต้อนรับลูก ผู้กลับใจมากราบอยู่แทบพระบาทในฐานะเป็นบิดาด้วยเถิด พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ผิดไปแล้ว ทำเคืองพระทัย ได้ผิดไปแล้ว ได้ละทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าไม่น่าจะทำดังนั้นต่อพระองค์เลย ข้าพเจ้าเสียใจ และเป็นทุกข์จริง ๆ แล้ว โปรดอภัยบาปแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด อย่าทรงเบือนพระพักตร์จากข้าพเจ้าเลย อย่าทรงขับไล่ข้าพเจ้า ดังที่ควรแล้วเลย พระเจ้าข้า โปรดระลึกถึงพระโลหิต ที่ได้ทรงหลั่งเพื่อข้าพเจ้าและเมตตาต่อข้าพเจ้าเถิด พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าก็ไม่อยากให้ใครอื่นมาเป็นตุลาการของข้าพเจ้า นอกจากพระองค์ นักบุญโทมัส แห่งวิลลา นอวา กล่าวว่า “ข้าพเจ้ายินดีถูกพิพากษาโดยท่าน ที่ได้มรณะเพื่อข้าพเจ้า และโดยท่านที่เพราะไม่อยากลงโทษข้าพเจ้า จึงได้ยอมรับโทษบนไม้กางเขนเสียเอง” (3) แท้จริง นักบุญเปาโลได้กล่าวไว้ก่อนแล้วว่า “ใครหนอจะเป็นผู้ลงโทษ? พระเยซูคริสต์ ผู้ได้ทรงมรณะเพื่อเรา” (รม. 8, 34) พระบิดาเจ้าข้า, ข้าพเจ้ารักพระองค์ แต่บัดนี้ไป ข้าพเจ้าไม่ยอมออกห่างจากพระบาทของพระองค์ โปรดลืมความชั่วที่ข้าพเจ้าได้ประกอบนั้นเถิด และโปรดให้ข้าพเจ้ารักความใจดีของพระองค์มาก ๆ ข้าพเจ้าด้วยเถิดช่วยให้ข้าพเจ้าดำรงชีพ สนองตอบความรักของพระองค์ เพื่อว่า เมื่อจะถึงวันนั้นที่เหว (ยอซาฟัต) ข้าพเจ้าจะได้อยู่ ร่วมหมู่กับบรรดาผู้ที่รักพระองค์ พระเจ้าข้าโอ้พระนางมารีอา พระบรมราชินี และทนายของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าในบัดนี้เถิด เพราะว่า หากข้าพเจ้าต้องพินาศไปในวันนั้น ท่านจะช่วยข้าพเจ้าไม่ได้เสียแล้ว ท่านช่วยเสนออุทิศแก่ทุกคน ช่วยเสนออุทิศแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าภูมใจ ที่เป็นทาสผู้ภักดีต่อท่าน และวางใจในท่านเป็นอย่างยิ่ง

2. การแยกพวก

            แต่พอมนุษย์ทั้งหลายกลับคืนชีพแล้ว เทวดาจะบัญชาสั่งให้ทุกคนไปยังเหวยอซาฟัต เพื่อรับการพิพากษา: “ประชาชาติ ประชาชาติทั้งหลาย จงพากันไปยังเหวที่พิพากษา เพราะว่าใกล้วันของพระสวามีเจ้าแล้ว” (ยอล. 3, 14) ครั้นมนุษย์ไปประชุมที่นั้นพร้อมหน้ากันแล้ว “เทวดาจะมาแยกพวกคนชั่วออกจากพวกผู้ใคร่ธรรม” (มธ. 13, 49) พวกผู้ใคร่ธรรมจะคงอยู่ทางเบื้องขวา ส่วนพวกนักโทษจะถูกไล่ให้ไปอยู่เบื้องซ้าย

            โอ! คนเรา เมื่อถูกขับไล่ออกจากสังคม หรือ ถูกขับไล่ออกจากพระศาสนจักร ย่อมรู้สึกเจ็บใจเพียงไร! แต่ความเจ็บใจจะมากขึ้นอีกมากนักเมื่อจะถูกขับไล่ออกจากหมู่นักบุญ “คนอธรรมจะรู้สึกอับอายเพียงไร เมื่อจะถูกแยกออกจากหมู่ผู้ใคร่ธรรม แล้วต้องถูกทอดทิ้ง” (4) นักบุญครืสซอสโตมว่า “สมมุติว่า พวกนักโทษจะไม่ต้องโทษอย่างอื่นอีก ความอายอันนี้เท่านั้นก็เป็นนรกสำหรับเขาพอแล้ว” (5) ลูกจะแยกจากพ่อ ผัวจะแยกจากเมีย นายจะแยกจากบ่าว “คนหนึ่งจะถูกแยกออกไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้” (มธ. 24, 40) พี่น้องที่รัก ลองบากทีเถิด ท่านคาดว่าวันนั้นท่านจะได้ไปอยู่ข้างไหน? ท่านอยากจะไปอยู่ข้าพขวาไม่ใช่หรือ?- ถ้าดังนั้น ท่านจงละความประพฤติอันจะนำท่านไปอยู่ข้างซ้ายเถิด

            ทุกวันนี้ ในแผ่นดินโลก คนเรามักถือกันว่า พวกเจ้านายและพวกเศรษฐีนั่นแหละเป็นผู้มีบุญ จึงพากันประมาทพวกนักบุญ ผู้ครองชีพอย่างแร้นแค้นและสุภาพ โอ้: บรรดาสัตบุรุษผู้รักพระเป็นเจ้า ท่านขงอย่าน้อยใจเลยที่ถูกเขาหมิ่นประมาทและที่ได้รับความทุกข์ร้อนในโลกนี้ “ความโศกเษร้าของท่านจะกลายเป็นความยินดี” (ยน. 16, 20) ในวันนั้นท่านจะได้ชื่อว่า เป็นผู้มีบุญแท้ท่านจะได้รับเกียรติยศถูกแต่งตั้งเป็นบริพารของพระเยซูคริสต์ โอ! วันนั้นจะเป็นผู้มีหน้ามีตาเพียงไรหนอ คนเช่น นักบุญเปดตร อัลกันตารา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นอาโปสตาตา! คนเช่น นักบุญยวงแห่งพระเจ้า ซึ่งถูกหาว่าเป็นบ้า! คนเช่นนักบุญเปโตร เชแลสตีโน ซึ่งหลังแต่ได้สละละตำแหน่งพระสันตะปาปาแล้ว ได้สิ้นชีพในคุก! โอ! ในวันนั้น พวกมาร์ตีร์ซึ่งได้ถูกพวกเพชฌฆาตทำทารุณเข่นฆ่า จะได้รับเกียรติมงคลกระไรหนอ! “เมื่อนั้นต่างองค์ต่างจะได้รับคำชมเชยจากพระเป็นเจ้า” (1 คร. 4, 5) แต่อนิจจา! ตรงกันข้าม จะเสียหน้าเสียตาเพียงไรหนอ คนเช่น เฮรอด, ปีลาโต, เนโร และพวกผู้มีอำนาจราชศักดิ์ในโลก แต่ต้องกลายเป็นนักโทษ! พวกคนใจโลกทั้งหลาย ที่เหวนั้นข้าพเจ้าจะคอยดูท่าน แน่นอน เมื่อนั้น ท่านจะเปลี่ยนความคิดเมื่อนั้น ท่านจะร้องไห้เสียใจ เพราะเห็นว่าตนได้บ้าไป โอ้พวกคนอาภัพ เพราะท่านได้อยากจะฉวยตัวอวดบนเวทีแห่งโลกนี้ชั่วคราวหนึ่ง ในวันพิพากษา ท่านจึงจะต้องเล่นละครเป็นตัวนักโทษ ในโศกนาฏกรรม!

            เมื่อนั้น บรรดาผู้ต้องเลือกสรรจะอยู่ทางขวา กว่านั้นอีก ท่านได้รับเกียรติสูงกว่าอีก ท่านอัครสาวกกล่าวว่า: ท่านจะลอยขึ้นบนอากาศ เหนือกลีบเมฆ ร่วมหมู่กับนิกรเทวดา คอยรับเสด็จพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะเสด็จมาจากสวรรค์ “เราจะถูกยกขึ้นไปร่วมกับพวกท่านในอากาศเหนือกลีบเมฆ เพื่อรับเสด็จพระสวามีเจ้า” (1 ธส. 4, 16) ส่วนพวกนักโทษจะเป็นดังฝูงแพะที่เขาเตรียมจะนำไปโรงฆ่าสัตว์ จะถูกจำกัดให้อยู่ทางซ้าย เพื่อคอยพระตุลาการผู้จะเสด็จมาประกาศคำตัดสินลงโทษศัตรูทั้งหลายของพระองค์

            บัดนี้ ท้องฟ้าเปิดออก เทพนิกรจะมาร่วมประชุมในการพิพากษานักบุญโทมัสบอกว่า: ท่านจะนำเอาเครื่องหมายแห่งพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์มาพร้อมด้วย (6) อาทิ คือ เครื่องหมายกางเขนจะปรากฏขึ้น “เมื่อนั้น สำคัญแห่งพระบุตรของมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า และประชาชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดิน จะพากันร้องไห้” (มธ. 24, 30) ท่าน กอร์เนลีโอ อาลาปีเดอธิบายว่า: อนิจจา! เมื่อแลเห็นกางเขน คนบาปจะร้องไห้ เพราะเขามิได้เอาใจใส่เรื่องความรอดตลอดนิรันดรของตน ตลอดทั้งชีวิต ความรอด ซึ่งพระบุตรของพระเป็นเจ้าได้ทรงเสียสละพระองค์อย่างที่สุด เพื่อให้เขาบรรลุถึง นักบุญคริสซอสโตมกล่าวว่า: เมื่อนั้น “ตะปู จะบ่นว่าท่าน บาดแผลจะต่อว่าต่อขานท่านกางเขนของพระคริสต์เจ้า จะลงเอยกล่าวโทษท่าน” (7)

            เมื่อนั้น ยังจะมีผู้มารวมนั่งพิพากษา คือคณะอัครสาวก และผู้เจริญรอยตามแบบอย่างของท่าน ซึ่งจะเป็นผู้พิพากษานานาประเทศพร้อมกับพระเยซูคริสต์ “บรรดาผู้ใคร่ธรรมจะเปล่งรัศมี... จะพิพากษาประชาชาติ” ต่อนั้นพระนางพรหมจาริณี พระบรมราชินีแห่งนักบุญทั้งหลาย และแห่งเทพนิกรก็จะเสด็จมาประทับประจำพระที่นั่ง ที่สุดองค์พระตุลาการสูงสุด ผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดร จะเสด็จมาประทับบนพระราชบัลลังก์ ด้วยพระมหิทธิศักดิ์และพระรัศมีภาพ “เขาจะแลเห็นพระบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาจากสวรรค์ ประทับอยู่เหนือกลีบเมฆ ทรงสรรพานุภาพ และมหิทธิศักดิ์” (มธ. 24, 30) “เมื่อเสด็จมาถึง นานาชาติจะพากันตระหนกตกใจ” (ยอล. 2, 6) การแลเห็นพระคริสต์เจ้าจะบันดาลให้บรรดาผู้ต้องเลือกสรรอิ่มเอิบยินดี แต่สำหรับนักโทษ นักบุญคริสซอสโตมกล่าว จะร้ายยิ่งกว่าการตกนรกอีก (8) นักบุญเทเรซา จึงทูลว่า “พระเยซูเจ้าข้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รับความทุกข์ยากลำบากทุก ๆ อย่างเถิด ขอเพียงอย่าให้ข้าพเจ้าได้แลพระพักตร์อันทรงพระพิโรธ ในวันนั้นเท่านั้น!” นักบุญบาซีลีโอ กล่าวว่า “ความละอาจอันนั้น จะร้ายกว่าโทษใด ๆ ทั้งสิ้น” (9) เมื่อนั้นแหละจะเป็นไปตามคำทำนายของนักบุญยวง: “พวกนักโทษจะร้องขอให้ภูผามาทุ่มทับตัวเขา เพื่อจะได้มองไม่เห็นพระตุลาการทรงพระพิโรธ” (วว. 6, 16)

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            โอ้พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา โอ้พระชุมพาน้อยของพระเป็นเจ้า พระองค์ได้เสด็จมายังโลก มิใช่เพื่อทรงอภัยบาป โปรดเถิดพระเจ้าข้า โปรดอภัยบาปของข้าพเจ้า ก่อนที่จะถึงวันพิพากษา โอ้พระชุมพาน้อยพระองค์ได้ทรงเพียรทนข้าพเจ้าเป็นนักหนา หากว่าในขณะนั้น ข้าพเจ้าจะต้องพินาศไป การที่จะได้แลเห็นพระองค์จะเป็นนรกแห่งนรกโดยแท้ สำหรับข้าพเจ้า! โปรดเถิด พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอย้ำทูล โปรดอภัยบาปของข้าพเจ้าในบัดนี้ โปรดยื่นพระหัตถ์อันเมตตา ล้วงข้าพเจ้าออกจากหลุม ที่ข้าพเจ้าได้ตกลงไป เพราะได้กระทำบาป องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า ข้าพเจ้าเสียใจ เพราะได้ทำชอกช้ำน้ำพระทัยของพระองค์เป็นอันมากมายนั้น ข้าแต่พระตุลาการ ข้าพเจ้ารักพระองค์ พระองค์ผู้ทรงเอ็นดูกรุณาข้าพเจ้าจนถึงเพียงนี้ กรุณาเถิด พระเจ้าข้า เดชะพระบุญญาบารมีและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ กรุณาประทานพระหรรษทานอันใหญ่หลวงคือ เปลี่ยนใจข้าพเจ้าจากคนบาป กลับมาเป็นนักบุญ พระองค์ได้ทรงสัญญาจะสดับฟังคำภาวนาของผู้ร้องขอพระองค์ว่า “จงร้องหาเราเถิด และเราจะฟังเสียงเจ้า” (ยรม. 33, 3) ข้าพเจ้าไม่ขอทรัพย์สมบัติฝ่ายแผ่นดิน ขอแต่พระหรรษทาน และความรักต่อพระองค์เท่านั้น พระเจ้าข้า พระเยซู เจ้าข้า โปรดสดับฟังคำภาวนาของข้าพเจ้าโปรดเห็นแก่ความรักของพระองค์ต่อข้าพเจ้า จนได้ยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนนั้นเถิด ข้าแต่พระตุลาการที่สุดเสน่หา ข้าพเจ้าเป็นจำเลยก็จริง แต่เป็นจำเลยที่รักพระองค์ มากกว่ารักตัวเอง ทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าด้วยเถิดพระเจ้าข้า

            ข้าแต่พระนางมารีอา โปรดเร่งเสด็จมา ช่วยข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้ ซึ่งเป็นเวลาที่ท่านยังช่วยข้าพเจ้าได้ คราวก่อนแม้ข้าพเจ้าได้ดำรงชีพ ลืมท่าน ลืมพระเป็นเจ้า ท่านก็ยังมิได้ทอดทิ้งข้าพเจ้า บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังตั้งใจปรนนิบัติท่าน และตั้งใจไม่ทำเคืองพระทัยของพระสวามีเจ้าต่อไปแล้ว โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด พระแม่มารีอาเจ้าข้า ท่านคือสรณะที่ไว้วางใจของข้าพเจ้า

3. การตัดสินใจ

            บัดนี้ เปิดฉากการพิพากา “การพิพากษาเริ่มขึ้น และหนังสือก็เปิดอ้าออก” (ดนล. 7, 10) คดีความ กล่าวคือ มโนธรรมของคนละคน ก็คลี่ออกพยานพวกแรก ฝ่ายปฏิปักษ์ต่อนักโทษ ก็คือหมู่ปีศาจ มันจะทูล ตามที่นักบุญเอากุสติน รจนาไว้ว่า “ข้าแต่พระตุลาการผู้ทรงความเที่ยงธรรมหาเสมอเหมือนมิได้ โปรดตัดสินคนที่ไม่ยอมเป็นของของพระองค์ ให้ตกเป็นของของพวกข้าพเจ้าเถิด” (10) พยานปากที่สอง คือ มโนธรรมของคนละคน “มโนธรรมของเขาจะเป็นพยาน” (รม. 2, 15) ต่อนั้นฝาผนังกำแพงเรือนที่คนบาปได้ทำผิดท่ามกลางนั้น ก็จะเป็นพยานเรียกร้องให้ลงพระอาชญา “หินผาจะตะโกนส่งเสียงออกมาจากกำแพง” (ฮบก. 2, 15) ที่สุด องค์พระตุลาการเอง ก็จะทรงเป็นพยานทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงประทับอยู่ทาหนทุกแห่ง ณ ที่ที่เราได้ทำบาป “เราคือผู้พิพากษาและพยาน” (ยรม. 29, 23) นักบุญเปาโล กล่าวว่า “เมื่อนั้น พระสวามีเจ้าจะทรงเอาไฟส่อง สิ่งที่ซ่อนอยู่ในที่มืด (1 คร. 4, 5) พระองค์จะทรงเผยแสดงให้มนุษย์ทุก ๆ คน แลเห็นบาปที่ซ่อนเร้นมิดชิดที่สุด และบาปอันน่าละอาย ซึ่งนักโทษได้ปิดซ่อนไว้ตลอดชีวิต และซึ่งเขาไม่ยอมบอกแม้แต่พระสงฆ์ในที่แก้บาป “เราจะเปิดโปงสิ่งน่าอับอาย ต่อหน้าต่อตาเจ้า” ส่วนบาปของผู้ต้องเลือกสรร ตามความเห็นของอาจารย์แห่งชีวิตภายใน (= เปโตร ชาวลมบาร์ด) และนักเทววิทยาอื่น ๆ จะไม่เปิดเผยออก แต่จะถูกปกปิดไว้ ทั้งนี้ตามวาทะของดาวิดว่า “ช่างมีบุญจริง บุคคลที่ความชั่วของเขาถูกยกออก และบาปของเขาถูกปกปิดไว้” (สดด. 31, 1) แต่นักบุญบาชีลีโอ กล่าวว่า: ตรงกันข้าม บาปของนักโทษทุก ๆ ประการ ขอเหลือบตาไปกระทบใคร ๆ ก็จะแลเห็น ดุจในรูปภาพ” (11) นักบุญโทมัส เตือนให้คำนึงว่า: หากที่สวน เล็ตเซมานี พระเยซูตรัสเพียงว่า “เป็นเรานี้เอง” เท่านี้ พวกที่มารจับกุมพระองค์ ก็ล้มลงกับพื้นดินแล้ว ก็จะเป็นอย่างไรเล่า เมื่อพระองค์จะประทับอยู่บนพระบัลลังก์ ในฐานะพระตุลาการจะตรัสว่า “เป็นเรานี้เองแหละ ที่เจ้าทั้งหลายดูถูกมากนัก! (12)

            ฟัง! ถึงเวลาตัดสินแล้ว พระเยซูจะทรงแปรพระพักตร์ไปทางผู้ต้องเลือกสรร และตรัสด้วยพระวาจาอันอ่อนโยนน่ารักว่า “มาเถิดมา บรรดาท่านผู้ที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับพระราชัยแห่งสวรรค์ อันได้เตรียมไปต้อนรับท่าน ตั้งแต่สร้างโลกมา” (มธ. 25, 34) เมื่อพระเป็นเจ้าได้ทรงแสดงให้นักบุญฟรันซีส อัสซีซี ทราบว่า ตัวท่านอยู่ในจำนวนผู้ต้องเลือกสรรท่านนักบุญมีความยินดี ไม่รู้จะอดกลั้นไว้อย่างไร ก็ชาวเราจะตื่อนเต้นยินดีเพียงไรหนอ เมื่อจะได้ยินพระตุลาการเอง ตรัสว่า “มาเถิดมา ลูกที่ได้รับพระพรเชิญมาเสวยราชสมบัติ: ลูกจะไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องกลัวอะไรต่อไปแล้ว บัดนี้ลูกรอด และจะรอดอยู่เสมอ เราอำนวยพระพรแด่พระโลหิตของเรา ซึ่งได้หลั่งเพื่อลูกทั้งหลาย เราอำนวยพระพร แก่น้ำตา ที่พวกลูกได้หลั่งออก เพื่อบาปของลูกเอง มา ไปสวรรค์กันเถิด ที่นั้น เราจะอยู่ด้วยกันเสมอ ตลอดนิรันดรภาพ พระแม่มารีอาก็เหมือนกัน, จะทรงอำนวยพรแก่บรรดาผู้ภักดีต่อท่าน และจะทรงเชื้อเชิญเขาให้เข้าไปสวรรค์พร้อมกับท่าน เมื่อนั้น บรรดาผู้ต้องเลือกสรรทั้งหลาย จะตั้งแถวเดินหน้าอย่างผู้มีชัย พลางขับร้อง อัลเลลูยา อัลเลลูยา ตรงเข้าไปสู่วิมานสวรรค์ เพื่อเข้าจับจอง เพื่อสรรเสริญ และเพื่อรักพระเป็นเจ้าตลอดทั้งชั่วนิรันดร

            ตรงข้าม ฝ่ายพวกนักโทษจะหันหน้าไปทางพระเยซูคริสต์ ทูลพระองค์ว่า: ส่วนพวกข้าพเจ้าคนอาภัพนี้เล่า จะเป็นอย่างไร? - พระตุลาการจะหันมาตรัสว่า: พวกเจ้าน่ะหรือ? พวกเจ้าได้ทิ้งเรา ได้ดูถูกพระหรรษทานของเรา ไป ไปให้พ้นหน้าเรา อ้ายพวกต้องแช่ง จงไปสู่ไฟชั่วนิรันดร (มธ. 25, 41) ไป ไปให้พ้น เราไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยินเจ้าต่อไปแล้ว ไป ไปให้พ้น เจ้าพวกต้องแช่ง เจ้าได้ดูหมิ่นพระพรของเรา พระสวามีเจ้าข้า พวกคนอาภัพเหล่านั้นจะต้องไปไหน พระเจ้าข้า? - ไปนรก ไปเผาไฟทั้งวิญญาณ ทั้งร่างกาย ตลอดเวลากี่ปี? กี่ศตวรรษ พระเจ้าข้า?- อะไรจะกี่ปี กี่ศตวรรษ? ทั้งชั่วนิรันดรตราบเท่าที่พระเป็นเจ้า ยังคงเป็นพระเป็นเจ้า

            จบคำตัดสินแล้ว นักบุญเอแฟรม ว่า: พวกนักโทษ จะอำลาเทวดานักบุญ พ่อแม่พี่น้อง และพระมารดาของพระเป็นเจ้าว่า “ลาก่อน บรรดาผู้ใคร่ธรรม ลาก่อน กางเขน ลาก่อน พ่อ ลูก เราจะไม่ได้แลเห็นกันต่อไปอีกแล้ว! ลาก่อนด้วย พระนางมารีอา พระมารดาของพระเป็นเจ้า” (13) เมื่อนั้นที่ตรงเหวนั้นเอง จะเปิดออกเป็นขุมมหึมา หมู่ปีศาจและเหล่านักโทษจะตกลงไปในนั้นพร้อมกัน บัดนั้น ข้างหลังพวกเขา, อนิจจา! จะได้ยินเสียงประตูปิดดังปังใหญ่ซึ่งไม่มีวันจะเปิด ไม่มีวันจะเปิดเลย ตลอดนิรันดรภาพ!-- โอ! อ้ายบาปอัปรีย์จัญไร! วันหนึ่ง เจ้าจะนำวิญญาณอาภัพจำนวนมาก มาสู่ปลายทางอันแสนจะทุเรศดังนี้! โอ้! น่าสงสารวิญญาณ ที่จะต้องไปสู่ปลายทางอันน่าโอดครวญดั่งนี้!

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            อา! พระมหาไถ่ และ พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ในวันนั้นข้าพเจ้าจะถูกพระองค์ตัดสินประการใดหนอ? พระเยซูเจ้าข้า หากในขณะนี้พระองค์จะทรงไต่สวนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะตอบพระองค์ว่าอย่างไร นอกจากจะรับว่า ข้าพเจ้าสมจะไปนรกพันนรก? ถูกแล้ว เป็นความจริงแล้ว พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา ข้าพเจ้าสมจะไปนรกพันนรก แต่ขอพระองค์โปรดทราบด้วยว่า ข้าพเจ้ารักพระองค์และรักพระองค์ยิ่งกว่าตัวข้าพเจ้าเอง ส่วนความผิดที่ข้าพเจ้าได้ทำต่อพระองค์นั้น ข้าพเจ้าก็เป็นทุกข์ จนกว่าข้าพเจ้ายินดีจะรับความยากลำบากภัยพิบัติทุก ๆ ประการ ดีกว่าจะทำเคืองพระทัยอีก พระเยซูเจ้าข้า พระองค์ทรงลงโทษแต่คนบาปที่มีใจกระด้าง แต่ไม่ทรงลงโทษคนที่เป็นทุกข์กลับใจ และคนที่อยากจะรักพระองค์ นี่แน่ะ ข้าพเจ้ากราบอยู่แทบพระบาท กำลังเป็นทุกข์ตรอมใจ โปรดแสดงให้ข้าพเจ้าทราบเถิดว่า พระองค์ทรงอภัยบาปแก่ข้าพเจ้าแล้ว แท้จริงพระองค์ก็ทรงโปรดให้ข้าพเจ้าทราบแล้วโดยวาทะของท่านประกาศว่า “จงหันมาหาเราเถิด และเราจะหันไปหาท่าน” (ศคย. 1, 3) ข้าพเจ้าละทุกสิ่ง สละความสนุกสบายทั้งหลาย และทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นของแผ่นดิน ข้าพเจ้ากลับมา มาสวมกอดพระองค์ พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา โปรดเถิด โปรดรับข้าพเจ้าไว้ในพระหฤทัยของพระองค์ โปรดให้ไฟความรักอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองคืสุมข้าพเจ้าอยู่ในนั้น เผาจนข้าพเจ้าไม่คิดจะเหินห่างจากพระองค์ต่อไปอีกเลยพระเยซูเจ้าข้า ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดเถิด ให้ข้าพเจ้ารอด เพื่อรักพระองค์เสมอและเพื่อสรรเสริญความเมตตากรุณาของพระองค์เสมอ พระเจ้าข้า “ข้าพเจ้าจะซร้องสาธุการความเมตตากรุณาของพระสวามีเจ้า ตลอดนิรันดร” (สดด. 88, 1)

            ข้าแต่พระนางมารีอา ที่ไว้วางใจ ที่หลบภัย และแม่ของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย โปรดให้ข้าพเจ้าคงเจริญในความดีเรื่อยไปจนเวลาตายด้วยเถิด ไม่มีใครที่ได้มาขอพึ่งท่านแล้วต้องพินาศไปสักคนเดียว ข้าพเจ้าจึงวิ่งมาฝากตัวไว้กับท่าน กรุณาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด

(1) Quoties diem judicii considero, contremisco; simper videtur illa tuba insonare auribus meis: Surgite, mortui, venite ad

      judicium. (in Mt. c, 5)

(2) O felix poenitentia, quae tantam mihi promeruit gloriam.

(3) Libenter illius judicium subeo, qui pro me nortuus est, et ne me damnaret, ad crucem se damnari permisit.

(4) Quomodo putas, impios confundendos, quando segregates justis, fuerint derelicti! (Aut. op. imperf. hom. 54).

(5) Et si nihil ulterius paterentur, ista sola verecundia sufficeret eis ad poenam (In Matth. c. 24).

(6) Veniente Domino ad judicium, signum cruces et alia passionis indicia demons strabuntur (Comp. theol. p.l c. 244).

(7) Clavi de te conquerentur, cicatrices contra te loquerentur, crux Christi contrite perorabit (Hom 20 in Matth).

(8) Damnatis melius esset inferni poenas, quam Domini praesentiam ferre.

(9) Superat omnem poenam confusion ista.

(10) Aequissime dues, judica esse meum, qui tuus esse noluit.

(11) Unico intuitu singular peccata velut in picturra noscentur. (Lib. de Ver. Virg.).

(12) Quid faciet judicatures, qui hoc fecit judicandus?

(13) Valete, justi; Vale, crux; vale, paradise, Valete, patres ac filii, nullum siquidem vestrum visuri sumus ultra.Vale, tu

       quoque, Dei genitrix, Maria. (S. Ephr. De variis form. inf.).

book

บทที่ 25 การพิพากษาประมวลพร้อม