Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 05 "เวลาตายไม่แน่"

book

 1. มีกี่คนตายปุบปับ ไม่ทันคิด !

        เป็นการแน่ที่เราทุกคนจะต้องตาย แต่จุตายเมื่อไรนั้นไม่แน่ อีดีโอตากล่าวว่า “ไม่มีอำรแน่กว่าความตาย และไม่มีอะไรไม่แน่กว่าเวลาตาย” (1) พี่น้องที่รัก ปี เดือน วัน ชั่วโมง และนาที ที่ข้าพเจ้าและท่านจะต้องลาจากโลก และต้องไปสู่นิรันดรภาพ มีกำหนดไว้แล้ว แต่เราไม่รู้เวลาเท่านั้น พระเยซูคริสต์ทรงประสงค์ให้ชาวเราเตรัยมพร้อมอยู่เสมอ ฉะนั้นบางครั้ง พระองค์ก็เตือนว่า “ความตายจะมาเหมือนขโมย มาในเวลากลางคืน แอบ ๆ มา” (1 ทส. 5, 2) บางครั้งก็เตือนว่า “จงตื่นเฝ้าไว้เถิด เพราะว่า ในเวลาที่ท่านไม่คิดถึงพระองค์จะเสด็จมาพิพากษาท่าน” (ลก. 12, 40) นักบุญเกรโกรี บอกว่า : พระเป็นเจ้าทรงพระทัยดีจึงไม่ทรงแจ้งเวลาตายให้เรารู้ เราจะได้เตรียมตัวไว้ให้พร้อมอยู่เสมอ (2) นักบุญเบอร์นาร์ดเตือนว่า : เพราะที่ความตายอาจปลิดชีวิตเราได้ทุกหนแห่ง และทุกเมื่อฉะนั้น ถ้าเราอยากจะตายดี อยากเอาตัวรอด ก็จำต้องเตรียมตัวคอยความตายไว้ทุกหนแห่ง อละทุกเมื่อ (3)

        ใคร ๆ ก็รู้ว่า ตนจะต้องตาย แต่ที่ร้าย ใคร ๆ ก็คิดว่ามันอยู่ห่างไกลจนไม่เหลียวดูมัน แม้คนแก่หนังย่นหนังเหี่ยว และเจ็บออดแอดเต็มทีแล้ว ก็ยังหลอกตัวเองว่าจะมีชีวิตต่อไปอีก 3-4 ปี แต่ ! ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า ทุกวันนี้มีกี่คนที่เรารู้จักได้ตายไปอย่างปัจจุบันทันด่วน บ้างกำลังนั่ง บ้างกำลังเอิน บ้างกำลังนอนบนเตียง? แน่นอน ไม่มีใครสักคนในพวกเหล่านี้ได้คิดก่อนว่า ตนจะตายปุบปับ และจะตายในวันนั้น ๆ ขอบอกอีกว่ามีกี่คนที่ตายไปในปีนี้ แม้ผู้ที่ตายบนที่นอนก็เถอะได้คิดไว้ก่อนว่าตนจะสิ้นชีพในปีนี้ ! มีน้อยคนนักที่จะไม่ตายปุบปับ!

        ฉะนั้น พี่น้องที่รัก เมื่อปีศาจมาประจญให้ท่านทำบาป พลางเป่าหูว่าพรุ่งนี้ค่อยไปแก้บาป นจงตอบแก่มันว่า : ใครจะไปรู้ วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของฉันก็ได้ ถ้าชั่วโมงนี้ วินาทีนี้ ที่ฉันกำลังหันหลังให้พระ เป็นชั่วโมงและวินาทีสุดท้ายของฉัน ซึ่งไม่มีหนทางแก้ไขแล้ว ฉันจะเป็นอย่างไรตลอดนิรันดร? มีคนบาปน่าสงสารกี่คนแล้ว ซึ่งพอได้ชิมอาหารอันเป็นพิษ แล้วก็ถูกความตายคร่าไปสู่นรก? “ปลาถูกจับด้วยเบ็ดฉันใด มนุษย์ก็ถูกจับในเวลาร้ายฉันนั้น” (บสร. 9, 12) เวลาร้าย คือ เวลาที่คนบาปกำลังทำผิดต่อพระเป็นเจ้าปีศาจมันจะล่อลวงอีกว่า: สำหรับท่าน จะไม่เป็นดังนั้นแน่ จงตอบแก่มันว่า: หากบังเอิญเป็นเช่นนั้นเล่า: ฉันจะเป็นอย่างไร ตลดอนิรันดรภาพ?

              ข้อเตือนใจและคำภาวนา.-

        ข้าแต่พระสววมีเจ้า สถานที่ข้าพเจ้าควรจะต้องอยู่ในขณะนี้หาใช่ที่ที่ข้าพเจ้าอยู่บัดนี้ไม่ นรกนั่นแหละที่ข้าพเจ้าควรจะไปอยู่ หลายครั้งมาแล้ว (4) ทั้งนี้เพราะข้าพเจ้าได้กระทำบาป ถึงกระนั้น นักบุญเปโตรได้กล่าวปลุกใจข้าพเจ้าว่า “พระเป็นเจ้าทรงเพียรทน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศ แต่ให้ทุกคนกลับใจใช้โทษบาป” (2 ปต. 3, 9) ถูกแล้ว พระองค์ได้ทรงเพียรทนต่อข้าพเจ้าตลอดเวลาช้านาน พระองค์ได้ทรงรอข้าพเจ้า ก็เพราะไม่ทรงประสงค์จะเห็นข้าพเจ้าพินาศ แต่ประสงค์จะให้ข้าพเจ้ากลับใจใช้โทษบาป ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าบัดนี้ข้าพเจ้ากลับมาหาพระองค์ ขอกราบลงแทบพระบาท และวิงวอนขอพระกรุณา พระสวามีเจ้าข้า เพื่อจะพ้นโทษได้นั้น ข้าพเจ้าต้องการพระกรุณาของพระองค์มาก ๆ และพระกรุณาชนิดพิเศษอย่างยิ่งด้วย (5) ทั้งนี้ด้วยว่าข้าพเจ้าได้ทำผิดต่อพระองค์ทั้งที่รู้ ๆ คนอื่นได้ทำผิดต่อพระองค์เหมือนกัย แต่เขามิได้รับความสว่างเท่าเสมอข้าพเจ้า ถึงกระนั้นก็ดี ข้าแต่องค์เจ้าพระคุณ พระองค์ยังทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ถึงบาป และให้ข้าพเจ้าวางใจว่าจะพ้นจากบาป พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา บัดนี้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ด้วยจริงใจ ข้าพเจ้าไว้ใจว่าจะได้รับการอภัยบาป ทั้งนี้ด้วยเดชะพระบุญญาบารมีและพระมหาทรมานของพระองค์พระเจ้าข้า พระเยซูเจ้าข้า แม้พระองค์ทรงความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง พระองค์ก็ยังทรงยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเยี่ยงโจรผู้ร้าย ได้ทรงหลั่งพระโลหิตของพระองค์จนหมดสิ้นเพื่อขะล้างบาปของข้าพเจ้า โอ้ ! พระโลหิตของพระองค์ผู้บริสุทธิ์ โปรดชำระล้างบาปของผู้สำนึกตนกลับใจด้วยเถิด (6) ข้าแต่พระบิดา ผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดร โปรดเห็นแก่ความรักของพระองค์ต่อพระเยซูคริสต์ และประทานอภัยโทษแก่ข้าพเจ้า โปรดสดับฟังคำภาวนาของพระบุตร ซึ่งกำลังวิงวอนอุทิศแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิดพระเจ้าข้า โอ้ พระผู้เป็นเจ้าที่น่ารักอย่างยิ่งขอโปรดประทานมิใช่แต่การอภัยบาป แต่ขอพระหรรษทาน ที่ทำให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ด้วยเถิด โอ้ ! องค์คุณงามความดี ข้าพเจ้ารักพระองค์ แต่บัดนี้เป็นต้นไป กาย วิญญาณ เจตนา และอิสรภาพของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าขอถวายแด่พระองค์จนหมดสิ้น ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าพเจ้าจะหลีกเลี่ยงทั้งความผิดหนัก และความผิดเบา ๆ ด้วยข้าพเจ้าปรารถนาจะหนีท่าทางอันเป็นภัยทั้งสิ้น “ขอพระองค์อย่าปล่อยข้าพเจ้าในการประจญล่อลวงใด ๆ เลย” ด้วยเดชะความรักของพระองค์ต่อพระเยซูคริสต์ขอโปรดให้ข้าพเจ้าแคล้วจากท่าทาง อันจะนำให้ข้าพเจ้าทำแสลงพระทัยของพระองค์เถิดพระเจ้าข้า “แต่ว่าให้ข้าพเจ้าทั้งหลายพ้นจากอันตราย” ขอโปรดให้ข้าพเจ้าพ้นจากบาป นอกนั้นพระองค์จะทรงลงโทษแก่ข้าพเจ้าอย่างไร ก็แล้วแต่จะทรงพระกรุณาเถิด พระเจ้าข้า ข้าพเจ้ายินดีรับความเจ็บไข้ ความทุกข์ร้อนและภยันตรายทั้งหลายตามแต่พระองค์จะทรงโปรดให้เป็นมา ขออย่างเดียวคืออย่าให้ข้าพเจ้าเสียพระหรรษทานของพระองค์ และเสียความรักต่อพระองค์เท่านั้นพระเจ้าข้า พระองค์ได้ทรงสัญญาแก่ข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้าขอสิ่งใด พระองค์จะทรงประทานสิ่งนั้น (7) ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงกราบลงวิงวอน ขอพระหรรษทานสองประการ คือ การดำรงชีพในความดี และความรักต่อพระองค์ พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระนางมารีอา แม่ผู้ใจกรุณา ข้าพเจ้าวางใจในท่าน โปรดภาวนาอุทิศเพื่อข้าพเจ้าด้วย


 

2. ชาวเราจงเตียมตัวตายกันเถิด

        พระสวามีเจ้าไม่ทรงปรารถนาที่จะเห็นชาวเราพินาศ ฉะนั้นจึงทรงเตือนให้เรากลับใจอยู่บ่อย ๆ ทรงชับว่า “ถ้าท่านทั้งหลายไม่กลับใจพระองค์จะทรงควงกระบี่” (สดด. 7, 12) พระองค์ยังตรัสว่า “จงดูเถิด กี่คนแล้ว ไม่ยอมเชื่อฟังเลยตายปัจจุบันทันใด ในเวลาที่เขาไม่สู้จะคิดถึง ในเวลาสบายดี มั่นใจว่าจะอยู่ต่อไปอีกหลายปี (8) พระองค์ทรงเสริมว่า “หากไม่กลับใจใช้โทษบาป ท่านทั้งหลายจะพินาศไปดุจกัน” (ลก. 13, 3) ไฉนก่อนจะลงพระอาชญาจึงได้ทรงบอกกล่าวหลายครั้งหลายหนดังนี้เล่า? ถ้ามิใช่เพราะทรงประสงค์ให้เราสำนึกรู้ตัวดัดแปลงกิริยา และเลี่ยงความตายร้าย นักบุญกุสตินบอกว่า : ผู้ที่เตือนให้ระวัง! คือผู้ไม่ประสงค์จะฆ่าเรานั่นเอง (9)

        ฉะนั้น จึงเป็นการจำเป็นแล้ว ที่เราจะต้องเตรียมบัญชีไว้ให้พร้อมสรรพก่อนจะถึงวันให้การ พี่น้องที่รัก ถ้าท่านจะตายก่อนค่ำวันนี้ และดังนั้น ชีวิตตลอดนิรันดรของท่านจะถูกกำหนดเด็ดขาดลงไป ท่านคิดเห็นเป็นอย่างไร? ท่านเตรียมบัญชีพร้อมแล้วหรือยัง? หรือว่า ท่านจะยอมทุกอย่าง ขอเพียงให้พระเป็นเจ้าทรงต่อชีวิตของท่าน อีกหนึ่งปี หนึ่งเดือน หรืออย่างน้อยหนึ่งวัน? แล้วทำไม ขณะนี้ที่พระโปรดให้ท่านมีเวลา ท่านไม่จัดมโนธรรมไว้ให้เรียบร้อยเล่า? วัน ๆ นี้จะเป็นวันสุดท้ายของท่านไม่ได้ทีเดียวหรือ? “อย่ารีรออีกเลย จงกลับใจมาหาพระสวามีเจ้าเถิด อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะพระพิโรธของพระองค์อาจจะระเบิดออกมา เป็นเหตุให้ท่านพินาศไปในเวลาแห่งแก้แค้น” (บสร. 5, 9) พี่น้องที่รัก เพื่อเอาตัวรอด ก็จำเป็นต้องละทิ้งบาป เมื่อจำเป็นต้องละทิ้งมันในวันหนึ่ง ทำไมท่านไม่ละทิ้งมันเสียแต่เดี๋ยวนี้เล่า? (10) จะคอยให้ถึงเวลาจะตายก่อนอย่างนั้นหรือ? จงจำไว้เถิด เวลาจะตายนั้น ไม่ใช่เวลาอภัยโทษ สำหรับคนหัวแข็งมันเป็นเวลาแก้แค้นต่างหาก “จะทรงให้ท่านพินาศในเวลาแก้แค้น” (บสร. 5, 9)

        หากใครติดหนี้ท่านเป็นเงินจำนวนมาก ท่านก็ใช้ความระมัดระวัง จับให้เขาทำหนังสือสัญญาไว้ทันที แล้วกล่าวว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ก็เหตุไฉนท่านไม่ใช้ความระมัดระวังให้เหมือน ๆ กัน ในเรื่องวัญญาณของท่านซึ่งมีค่ามากกว่าเงินจำนวนนั้นมากนัก เหตุไรท่านไม่พูดว่า ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้? เอาเถิด สมมุติว่า ท่านเสียเงินจำนวนนั้นไปท่านก็ไม่สัยหมดทุกสิ่งหรอก แม้จะเท่ากับเสียมรดกหมดทั้งก้อน จนสิ้นเนื้อประดาตัวก็ตาม ทั้งนี้เพราะท่านยังมีหวังจะหาใหม่ได้ แต่หากเมื่อตาย ท่านเสียวิญญาณไป มันหมายความว่า ท่านเสียหมดทุกสิ่ง ไม่มีทางจะได้คืนมาอีกแล้ว ! ท่านพิถีพิถันจดบันทึกข้าวของ อันเป็นกรรมสิทธิ์ของท่านไว้ เพราะกลัวว่า หากท่านตายปุบปับมันจะเสียหาย ก็ถ้าหากมีอันเป็นไปท่านตายปุบปับ ขณะเป็นศัตรูของพระเป็นเจ้าเล่า วิญญาณของท่านจะเป็นอย่างไร ตลอดนิรันดร?

            ข้อเตือนใจและคำภาวนา

         ข้าแต่พระมหาไถ่ พระองค์ได้ทรงหลั่งพระโลหิตจนหมดสิ้น ทรงสิ้นพระชนม์ เพื่อกอบกู้วิญญาณของข้าพเจ้า ส่วนข้าพเจ้าได้ทำให้วัญญาณของตนเสียไป หลายครั้งหลายหนแล้ว ทั้ง ๆ ที่วางใจในพระทัยเมตตากรุณาของพระองค์เป็นอันว่า หลายครั้งหลายหนแล้ว ข้าพเจ้าได้นำพระทัยดีของพระองค์มาใช้ เพื่ออะไร? เพื่อทำแสลงพระทัยยิ่งขึ้นเท่านั้น สมควรแล้วที่พระองค์จะทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าตายอย่างปัจจุบัน และลงไปสู่นรก เป็นความจริง ข้าพเจ้าได้บังอาจแข่งขันกับพระองค์ ยิ่งพระองค์ทรงพระทัยดี ข้าพเจ้ายิ่งทำให้ช้ำพระทัย ยิ่งพระองค์ทรงวิ่งตามหา ข้าพเจ้ายิ่งถอยหนี ยิ่งพระองค์ประทานเวลาให้ข้าพเจ้าใช้ชดเชยบาป ข้าพเจ้ายิ่งนำมาใช้ทำบาปมากขึ้น ! แต่ บัดนี้ พระสวามีเจ้าข้า โปรดดลใจให้ข้าพเจ้าตระหนักเถิดว่า บาปนั้นทำให้พระองค์ขัดเคืองพระทัยเพียงไร และให้ทราบว่า เป็นหน้าที่ของข้าพเจ้า จะต้องรักพระองค์ พระเยซูเจ้าข้า ไฉนจึงทรงโปรดปรานข้าพเจ้าถึงเพียงนี ทรงไล่ตามข้าพเจ้าเรื่อยมา ส่วนข้าพเจ้ากลับขับไล่พระองค์ไป? ไฉนจึงยังทรงประทานพระหรรษทาน แก่ผู้ที่ทำแต่ความเจ็บช้ำพระทัยต่อไปอีเลา? การกระทำของพระองค์ดทั้งหมดนี้บ่งชัดว่า พระองค์ไม่ประสงค์จะให้ข้าพเจ้าพินาศ โอ้ พระเจ้าผู้ทรงพระทัยดี บัดนี้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ด้วยจริงใจเพราะได้ทำบาปแล้ว โปรดทรงพระกรุณาต้อนรับลูกแกะใจดำตัวนี้เถิด มันสำนึกตัว กลับมากราบอยู่แทบพระบาท โปรดอุ้มมันไว้ และวางลงบนตัก มันจะได้หนีไปไหนไหนไม่ได้ ข้าพเจ้าจะไม่ยอมหนีพระองค์ต่อไปอีกแล้ว พ้าพเจ้าต้องการรักพระองค์ และเป็นของของพระองค์ ขอยอมรับความยากลำบากทุก ๆ อย่าง เพราะต้องการเป็นของของพระองค์อย่างเดียวเท่านั้น พระเจ้าข้า จะมีโทษอันใดหรือสำหรับข้าพเจ้า ที่ร้ายไปกว่า การปราศจากพระหรรษทานของพระองค์ การออกห่างจากพระองค์ พระเป็นเจ้าของข้าพเจ้า พระผู้สร้างข้าพเจ้า ผู้สิ้นพระชนม์เพื่อข้าพเจ้า? เจ้าบาปอัปรีย์จัญไร เจ้าทำอะไรแก่ข้า เจ้าเป็นเหตุให้ข้าทำชอกช้ำน้ำพระทัยของพระองค์พระมหาไถ่ ผู้ทรงรักข้ายิ่งนัก ! อา ! พระเยซูเจ้าข้าพระองค์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพเจ้าอย่างไร ก็สมควรให้ข้าพเจ้าตายเพื่อพระองค์อย่างนั้น พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพราะความรัก ข้าพเจ้าก็ควรตายเพราะความทุกข์ถึงบาป ข้าพเจ้าขอยอมตายเช่นเดียวกัน ในเวลาที่พระองค์ทรงพอพระทัยแต่ที่จริงแล้วจนบัดนี้ข้าพเจ้ายังมิได้รักพระองค์ หรือได้รักก็น้อยเต็มที จึงยังไม่อยากจะตายอย่างนี้ ! โปรดเถิด โปรดไว้ชีวิตข้าพเจ้าอีกหน่อย ข้าพเจ้าจะได้รักพระองค์ก่อนจะตาย เพื่อให้สำเร็จตามความมุ่งหวัง ขอพระองค์ทรงเปลี่ยนดวงใจของข้าพเจ้า โปรดแทงมัน เผามันด้วยความรักอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ทั้งนี้โปรดเห็นแก่ความรักที่ได้บันดาลให้พระองค์ยอมสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพเจ้าเถิดพระเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ด้วยสิ้นสุดวิญญาณแล้ว บัดนี้วิญญาณของข้าพเจ้ากำลังอิ่มเอิบด้วยความรักของพระองค์ ขออย่าทรงปล่อยให้พลัดพรากจากพระองค์อีกเลย โปรดให้ข้าพเจ้าดำเนินชีวิตในความดี และในความรักต่อพระองค์เสมอเถิด พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระแม่มารีอา ผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง พระแม่เป็นที่พักอาศัยอันร่มเย็นและเป็นแม่ของข้าพเจ้า โปรดเสนอวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าด้วยเถิด


 

3. จงพร้อมสรรพอยู่ทุกเมื่อ

             พระสวามีมิได้ตรัสว่า : จงเตรียมตัวเมื่อจะตาย แต่ได้ตรัสว่า: เตรียมตัวไว้ “จงเตรียมให้พร้อมสรรพไว้” (บก. 12, 40) เมื่อถึงคราวจะตาย ขณะนั้นกำลังตกใจ วุ่นวาย จึงแทบไม่มีทางจะจัดมโนธรรมอันยุ่งเหยิงให้เจ้าระเบียบได้ เหตุผลบอกเราดังนี้ และพระเป็นเจ้าก็ทรงขู่เราว่า “เมื่อนั้น พระองค์จะเสด็จมามิใช่เพื่อยกโทษบาห แต่เพื่อแก้แค้นต่อการสบประมาทพระหรรษทานของพระองค์” (11) นักบุญเอากุสติน กล่าวว่า “อาชญาโทษอันเหมาะสมสำหรับผู้ที่เมื่อเอาตัวรอดได้ ไม่อยากรอด คือให้เข้าเอาตัวรอดไม่ได้ เมื่ออยากรอดนั้นแล” (12) บางคนจะพูดว่า : ใครจะไปรู้บางทีเวลานั้นฉันจะกลับใจ และจะเอาตัวรอดก็ได้?-พูดอะไรกัน ! อย่างนั้นท่านกระโดดลงไปในบ่อแล้วพูดว่า ใครจะไปรู้ เมื่อกระโดดลงไปในบ่อแล้วฉันอาจรอด ไม่ตายก็ได้ ! นั่นปะไร ! คนบาปช่างใจบอดมืดเสียจริงจนต้องนับว่าเสียสติเสียแล้ว ! คนเรานี้ชอบกล ! เมื่อพูดถึงเรื่องฝ่ายร่างกายมักพูดอย่างคนฉลาด แต่เมื่อพูดถึงเรื่องฝ่ายวิญญาณ มักพูดอย่างคนบ้า !

        พี่น้องที่รัก ใครจะไปรู้ บางทีข้อที่ท่านกำลังรำพึงอยู่นี้ จะเป็นพระโอวาทของพระเป็นเจ้ามาเตือนใจท่านเป็นวาระสุดท้ายแล้ว? เร่งเตรียมตัวเถิด ความตายจะได้ไม่มาถึง ขณะไม่ทันเตรียมตัว นักบุญเอากุสตินกล่าวว่า “ที่พระสวามีเจ้าทรงปิดบังวันจบชีวิตของเราไว้ ก็เพื่อให้เราเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ทุกวัน” (13)

        นักบุญเปาโลกล่าวว่า “จำต้องพยายามออกแรงเอาตัวรอดมิใช่แต่ด้วยความกลัว แต่ด้วยสะดุ้งตัวสั่นอีกด้วย” (14) นักบุญอันโตนีโนเล่าว่า ในหลวงของเกาะชิชิลีองค์หนึ่งใคร่จะสอนบุรุษผู้หนึ่งให้รู้ว่า ขณะที่ท่านกำลังเสวยราชย์อยู่นั้นพระองค์มีความหวาดกลัวอยู่มาก จึงรับสั่งให้บุรุษนั้นนั่งโต๊ะเสวย พระองค์ทรงบัญชาให้เอาดาบเล่มหนึ่งไปแขวนไว้ด้วยด้ายเส้นเล็ก ๆ บนหัวของเขา ทำเอาเขาผู้นั้นเมื่อนั่งอยู่ที่โต๊ะเสวยกินอะไรแทบไม่ลง เราทุกคนก็กำลังอยู่ในภัยอันตรายดุจเดียวกัน เพราะว่าในทุกวินาทีดาบหรือความตาย จะตกลงมาบนหัวของเราก็ได้และที่สำคัญความรอดตลอดนิรันดรของเรา ก็ย่อมสุดแล้วแต่ความตายอันนี้เอง

        จงระวัง ! เพราะเป็นเรื่องของนิรันดรภาพ ต้นไม้เมื่อล้มลงทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก ล้มลงทางไหน ก็จะคงอยู่ทางนั้น (ปญจล. 11, 3) โอ้ว่า ! เมื่อตายหากเราประกอบอยู่ด้วยพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า ! เมื่อนั้นวิญญาณของเราจะเต้นโลดยินดีอย่างที่สุด จะพูดว่าปลอดภัยแล้ว ฉันจะสูญเสียพระเป็นเจ้าไม่ได้ต่อไปแล้ว ฉันได้ความสุขตลอดนิรันดรแล้ว !- แต่หากตาย เมื่อวิญญาณอยู่ในบาป เมื่อนั้นจะต้องร้องไห้ด้วยความเสียใจสุดพรรณนาว่า “จบกัน ฉันพลาดไปแล้ว” (15) และไม่มีทางจะแก้ไขความพลาดพลั้งของฉัน ตลอดไปทั้งชั่วนิรันดรท่านยวง แห่งอาวิลา อัครสาวกแห่งประเทศสเปญ ได้รู้สึกกลัวเช่นนี้ เมื่อมีผู้บอกว่า ท่านใกล้จะตายแล้ว ท่านก็ร้องว่า “โอ้! หากฉันจะมีเวลาเตรียมตัวอีกหน่อยหนึ่ง !” แม้แต่คุณพ่ออธิการ อาคาธอน ผู้ได้บำเพ็ญตบะเป็นเวลาช้านานหลายปีก่อนตายก็ยังกลัวพูดว่า “ฉันจะเป็นอย่างไร? การพิพากษาของพระเป็นเจ้าเป็นอย่างไร? ใครจะไปรู้?” นักบุญอาร์เซนีโอ เมื่อใหล้จะตายก็ยังตัวสั่นจนพวกศิษย์ถามว่า ทำไมท่านจึงกลัวเช่นนั้น ท่านก็ตอบว่า “ลูกเอ๋ย นี่ไม่ใช่ความกลัวครั้งแรกที่พ่อรู้สึก แต่พ่อเคยรู้สึกกลัวดังนี้เรื่อยมาตลอดทั้งชีวิต” โยบ รู้สึกกลัวมากกว่าใคร ๆ ท่านจึงอุทานว่า “ฉันจะทำอย่างไร เมื่อพระเป็นเจ้าจะเสด็จลุกขึ้นพิพากษา? เมื่อพระองค์จะตรัสถาม ฉันจะเอาอะไรมาตอบ?” (โยบ. 31, 14)

         ข้อเตือนใจและคำภาวนา

        อา ! ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ใครบ้างที่รักข้าพเจ้ามากกว่าพระองค์? และข้าพเจ้าได้ดูหมิ่น ได้ทำร้ายใครบ้าง มากกว่าพระองค์ พระเจ้าข้า? พระโลหิตและบาดแยลของพระองค์ จงช่วยปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้า ! ข้าแต่พระบิดาผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดร โปรดอย่าทอดพระเนตรดูบาปของข้าพเจ้าแต่โปรดทอดพระเนตรดูบาดแผลของพระเยซู พระบุตรสุดสวาทของพระองค์ผู้กำลังสิ้นพระชนม์อย่างทุกข์ทรมานเพื่อข้าพเจ้าเถิด พระเจ้าข้า ข้าแต่พระผู้สร้าง ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ที่ได้กระทำผิดต่อพระองค์ ข้าพเจ้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ได้ทรงสร้างข้าพเจ้ามาเพื่อให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ ข้าพเจ้ากลับไพล่ไปดำรงชีพ คล้ายกับว่าพระองค์ได้ทรงสร้างมเพื่อให้ทำขัดเคืองพระทัย ขอให้เห็นแก่ความรัก ต่อพระเยซูคริสต์และทรงพระกรุณายกโทษของข้าพเจ้า โปรดประทานพระหรรษทานให้ข้าพเจ้ารักพระองค์เถิด พระเจ้าข้า ก่อนนี้ข้าพเจ้าได้กระทำเคืองพระทัย แต่บัดนี้ข้าพเจ้าจะไม่ยอมทำอีกแล้ว ข้าพเจ้ายินดีจะปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ทุก ๆ ประการพระองค์ทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าเกลียดชังบาปหรือ? ข้าพเจ้าก็เกลียดชังมันด้วยจริงใจ และไม่ยอมรักสิ่งใดนอกจากพระองค์ พระเจ้าข้า แต่บัดนี้ไปพระองค์ คือผู้ที่ข้าพเจ้ารักแต่ผู้เดียว ข้าพเจ้าขอวิงวอนและหวังจะได้ดำรงชีพในความดี พระเจ้าข้า ด้วยเดชะความรักของพระองค์ต่อพระเยซูคริสต์ขอโปรดให้ข้าพเจ้าสัตย์ซื่อ จนข้าพเจ้าพูดได้อย่างนักบุญ โบนาเวนตูราว่า “พระองค์ผู้เดียวเป็นที่รักของข้าพเจ้า พระองค์ผู้เดียวเป็นความรักของของข้าพเจ้า” (16) ไม่เอาแล้ว! ข้าพเจ้าจะไม่ยอมใช้ชีวิตทำเคืองพระทัยอีกต่อไป แต่ใคร่จะใช้มันเพื่อร้องไห้เพราะได้ทำผิดต่อพระองค์ และใช้มันเพื่อรักพระองค์เท่านั้น พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระแม่มารีอา ผู้ใดฝากตนไว้กับท่าน ท่านย่อมภาวนาอุทิศเสมอโปรดวิงวอนพระเยซูเพื่อข้าพเจ้าด้วยเถิด

(1) Nihil certius morte, hora autem nortis nihil incertius.

(2) De morte incerti sumus, ut ad mortem simper parati inveniamur.

(3) Mors ubique te expectat; tu ubique eam expectabis.

(4) Infernus domus mea est. (Job 17, 13).

(5) Miserere mei, Deus secundum magnam misericordiamtuam.

(6) O sanguis innocents, lava culpas poenitentis.

(7) Petite et accipietes (Jh. 16, 24)

(8) Cum dixerint pax et securitas, tunc repentinus eis superveniet interitus (1 Thess. 5, 3 cfr. prov. 29, 1).

(9) Non vult ferire, qui clamat tibi:observa.

(10) Si aliquando, cur non modo? (S. Augustinus).

(11) Mihi vindicta; ego retribuam in tempore, dicit Dominus. (Rom. 12, 19:Hebr. 10, 30).

(12) Justa poena est, ut qui recta facere, cum posser, noluit, amittat posse, cum velit. (Lib. 3 de lib, arb.).

(13) Latet ultimus dies, ut observentur omnes dies (Serm. 39 E.B.).

(14) Cum metu et tremore vestram salutem operamini (Phil. 2, 12).

(15) Ergo erravimus!

book

บทที่ 05 "เวลาตายไม่แน่"