Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 07 "ความรู้สึกต่าง ๆ ของคนใกล้จะตาย"

book

 

ความรู้สึกต่าง ๆ ของคนใกล้จะตาย
ซึ่งไม่เอาใจใส่ต่อวิญญาณและ
ไม่เคยจะคิดถึงความตาย 

 

 

1. วิประติสารของคนบาปเมื่อใกล้จะตาย

          สมมุติว่า ท่านกำลังอยู่ต่อหน้าคนไข้ ซึ่งจะมีชีวิตต่อไปอีกไม่กี่ชั่วโมงน่าสงสารจริง ๆ ! เขาปวดร้าวไปทุกขุมขน อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก หายใจฝืด เหงื่อเย็นออก ไม่รู้ตัว หูตึงไม่ค่อยได้ยิน ไม่เข้าใจ พูดก็แทบไม่ออกแล้ว แต่ที่ทำให้เขาลำบากกว่าหมด คือ การที่จะต้องตายในไม่ช้า และแทนที่เขาจะคิดถึงวิญญาณของตน เตรียมบัญชีสำหรับนิรันดรภาพ เขากลับคิดถึงแต่หมอ และหยูกยาที่จะช่วยให้เขาหายป่วย หายความปวดร้าวอันกำลังจะคร่าชีวิตของเขาไปนั้น นักบุญ เลาแรนซีโอ ยูสตีนีอาโนกล่าวถึงคนไข้หนักเช่นนี้ว่า “เขาไม่ทำอะไร นอกแต่คิดถึงตัวเองเท่านั้น” (1)

        แม้พวกญาติมิตร ยังเตือนให้เขารู้ว่า ตนกำลังอยู่ในภัยอันตราย แต่ในพวกญาติมิตร ม่มีใครสักคนที่จะกล้าบอกตรง ๆ ว่า : เขากำลังจะตาย ไม่มีใครกล้าเตือนให้เขารับศีลรับพร เพราะต่างคนต่างกลัวจะทำให้คนไข้ตกอกตกใจ (ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า สำหรับข้าพเจ้า ขอฉลองพระเดชพระคุณของพระองค์ ตั้งแต่บัดนี้ที่เมื่อข้าพเจ้าจะตาย พระองค์จะทรงโปรดให้พี่น้องที่รักในคณะของข้าพเจ้าอยู่เฝ้าพยาบาล เขาเหล่านี้ล้วนแต่หวังดีต่อข้าพเจ้า ปรารถนาให้ข้าพเจ้าได้เอาตัวรอดตลอดนิรันดร ปรารถนาให้ช้าพเจ้าได้ตายดีค พระเจ้าข้า)

        ระหว่างนั้น แม้ไม่มีใครบอกว่าคนไข้ใกล้าจะตาย แต่เมื่อตัวคนไข้เองแลเห็นคนในครอบครัวกำลังชุลมุน กระซิบกระซาบซักถามหมอเรื่อย ๆ เอาหยูกยาหลายต่อหลายขนานมาให้กิน  ให้กินบ่อย ทั้งเป็นยาแรง ๆ คนไข้ก็กระวนกระวายและตกประหม่า รู้สึกกลัว รู้สึกกลัดกลุ้มในมโนธรรม รู้สึกเสียใจจึงพูดว่า : อนิจจา! ใครจะไปรู้ จะถึงวาระสุดท้ายของฉันแล้วกระมัง? “จงจัดแจงข้าวของของเจ้าให้พร้อมไว้เพราะว่าเจ้าจะตาย จะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป” (อสย. 38, 1)

        เขาจะรู้สึกสลดใจเพียงไร เมื่อจะได้ยินว่า อาการไข้ของเขาหมดหวังเสียแล้ว ต้องเตรียมตัวรับศีลรับพร ฝากตัวไว้กับพระเป็นเจ้า แล้วก็จะต้องลาโลก! ต้องลาโลก? มันหมายความว่าอะไร? หมายความว่า ต้องลาจากทุกสิ่งจากบ้านเรือน จากเรือกสวนไร่นา จากพ่อแม่ญาติพี่น้อง จากมิตรสหาย จากสมาคม จากการเล่นหย่อนใจ จากการเที่ยวเตร่หาความสำราญอย่างนั้นหรือ? ถูกแล้ว ต้องลาจากทุกสิ่งหมด เมื่อนั้นผู้เขียนพินัยกรรมจะมาบันทึกว่า “ข้าพเจ้ายก...ข้าพเจ้ายก...ให้...” ส่วนคนไข้เล่าจะเอาอะไรไปกับตัว? - จะเอาแต่ผ้าห่มเก่า ๆ ผืนหนึ่ง ซึ่งในไม่ช้าก็จะพลอยผุเปื่อยพร้อมกับตัวเองในหลุม!

        โอ! คนไข้จะรู้สึกโศกเศร้า และกระวนกระวายเพียงไรหนอ เมื่อจะแลเห็นคนในบ้านต่างร้องไห้ พวกเพื่อนฝูงพากันเงียบกริบ ไม่กล้าปริปากพูดต่อหน้าตน! แต่สิ่งที่ทำให้กลุ้มรำครญมากกว่าหมด ก็คือ ความวุ่นวายในมโนธรรมซึ่งเขาจะรู้สึกมากที่สุด ที่เขาได้ดำเนินชีวิตที่แล้วมาอย่างเหลวแหลกจนบัดนี้ ที่พระเป็นเจ้าได้ทรงเรียกเตือน และประทานความสว่างแก่เขามากต่อมาก ที่คุณพ่อวิญญาณก็ได้ว่ากล่าวหลายครั้งหลายหน และที่ตัวเขาเอง ก็ได้ตั้งใจว่าจะกลับใจหลายหน แต่แล้วมิได้ทำตามความตั้งใจ หรือได้ทำชั่วครู่ แล้วก็ละทิ้งไป! เมื่อนั้นเขาจะพูดว่า: ฉันช่างอาภัพจริง! ได้รับความสว่างจากเบื้องบนก็มาก เวลาที่จะจัดเตรียมมโนธรรมให้เรียบร้อง ก็มีมาก แต่ฉันมิได้ทำ และบัดนี้  ปลายชีวิตมาถึงเสียแล้ว! การหลีกเลี่ยงท่าทางบาป การปลีกตัวตัดขาดจากมิตรภาพการแก็บาปรับศีลทุก ๆ สัปดาห์ มันจะเสียเวลาหรือลำบากแค่ไหนเชียว? แม้จะยากเท่ายาก ฉันก็ควรจะต้องยอมทำทุกอย่าง ทั้งนี้เพื่อเห็นแก่ความรอดวิญญาณของฉัน ซึ่งเป็นของมีค่ากว่าอะไรทั้งหมด โอ้! น่าเสียดาย! หากฉันจะได้ประพฤติตามความตั้งใจอันดีนั้น ๆ  หากฉันได้ทำต่อมา ดังที่ได้เริ่มไว้ ป่านนี้ฉันคงจะรู้สึกพึงพอใจตนเองเป็นแน่! แต่ อนิจจา! ฉันไม่ได้ทำ และบัดนี้ก็ไม่มีเวลาจะทำเสียแล้ว!  ความรู้สึกต่าง ๆ ของผู้ใกล้จะตาย ซึ่งขณะสบายดี ได้ละเลยเรื่องมโนธรรมของตน จะคล้ายคลึงกับความรู้สึกของพวกนักโทษในนรก ซึ่งต่างเสียใจเพราะบาปของตน ในฐานะที่มันเป็นเหตุให้ตนต้องรับความทุกข์ทรมาน แต่ อนิจจา! มันไม่มีผล และไม่มีเวลาจะแก้ไขเสียแล้ว!

           ข้อเตือนใจและคำภาวนา

          พระสวามีเจ้าข้า หากในขณะนี้ มีใครมาแจ้งว่า ข้าพเจ้าจะตายอยู่แล้วข้าพเจ้าคงจะต้องมีความรู้สึกวุ่นวายใจมาก ขอขอบพระคุณที่พระองค์ประทานความสว่าง และประทานเวลาให้ข้าพเจ้าสำรวจดูเองได้ ไม่เอาแล้ว พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่ยอมถอยหนีจากพระองค์ เท่าที่พระองค์ทรงตามหาข้าพเจ้า ก็มากพอดูอยู่แล้ว หากข้าพเจ้ายังดื้อไม่ยอมอ่อนน้อม ยังขืนสู้อยู่ต่อไป ก็น่ากลัวจริง ๆ ว่า พระองค์จะทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเสีย พระองค์ได้ทรงประทานดวงใจให้แก่ข้าพเจ้า ก็เพื่อใช้รักพระองค์ แต่ข้าพเจ้ากลับนมันไปใช้ในทางที่ผิด ไพล่ไปรักสัตว์โลก และมิได้รักพระองค์ พระผู้สร้าง และพระมหาไถ่ผู้ได้ทรงพลีพระชนม์ชีพเพื่อข้าพเจ้า! กี่ครั้งกี่หนแล้ว แทนที่จะรักพระองค์ ข้าพเจ้ากลับทำเจ็บช้ำน้ำพระทัย ดูหมิ่น และหันหลังให้พระองค์ ข้าพเจ้าทราบดีว่า บาป ทำให้พระองค์เจ็บช้ำน้ำพระทัย แต่ก็ยังไม่วายที่จะทำ พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เสียใจเป็นที่สุด ข้าพเจ้าประสงค์จะดัดแปลงกริยา ขอสละความสนุกเพลิดเพลินทั้งหลายของโลก และกลับมารักพระองค์ กลับมาทำความพึงพอใจแด่พระองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งวิญญาณของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงพิสุจน์แล้วด้วนยหลักฐานแจ้งชัดและมากมายว่า ทรงรักข้าพเจ้า ฉะนั้น ก่อนที่จะตายขอโปรดให้ข้าพเจ้าพิสูจน์ว่า ข้าพเจ้าก็รักพระองค์ด้วยเถิด พระเจ้าข้า แต่บัดนี้ไปข้าพเจ้าขอน้อมรับความเจ็บไข้ทุก ๆ ชนิด การถูกหมินประมาท ฯลฯ จากมนุษย์ทั้งมวล ขอประทานพรพละกำลังให้ข้าพเจ้าสามารถสู้ทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระองค์เถิด พระเจ้าข้า โอ้องค์คุณงามควมดีล้นพ้น ข้าพเจ้ารักพระองค์ รักพระองค์ยิ่งกว่าสมบัติพัสถานทั้งสิ้น โปรดให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่ง ๆ ขึ้นและให้ข้าพเจ้าเจริญชีวิตอยู่ในความดีเถิด พระเจ้าข้า

        พระแม่มารีอา ท่านคือที่พึ่งทีวางใจของข้าพเจ้า โปรดวิงวอนพระเยซูเพื่อข้าพเจ้าด้วยเถิด


2. โทษเพราะได้เสียเวลา

             โอ! คราวเมื่อตาย ความจริงต่าง ๆ แห่งอัตถ์ความเชื่อ ช่างปรากฏแจ้งชัดจริงหนอ! แต่ก็เหมาะสำหรับแต่จะเพิ่มความทรมานแก่คนไข้ ซึ่งได้ครองชีพอย่างเหลวไหล เฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบุคคลผู้ได้ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้า ด้วยว่าเขามีโอกาสปรนนิบัติพระองค์ มีเวลาแลเห็นแบบอย่างดี และได้รับความดลใจมากกว่าผู้อื่น โอ! เขาจะรู้สึกเจ็บใจเพียงไร เมื่อจะคิด จะพูดว่า: ฉันได้เตือนสอนผู้อื่น แต่ฉันเองกลับประพฤติชั่วไปยิ่งกว่าเขา! ฉันได้ละโลก แต่ก็ได้เจริญชีพ มีใจผูกพันอยู่กับความสนุก เพลิดเพลินความฟุ้งเฟ้อโอ่อ่า และความรักประสาโลก! เขาจะรู้สึกวุ่นวายใจสักเท่าไร เมื่อจะคิดว่า แม้หากคนอกพระศาสนาจะได้รับความสว่างเท่า ๆ กับตนแล้ว เขาคงจะได้กลายเป็นนักบุญไปทีเดียว! เขาจะรู้สึกแค้นใจเพียงไร เมื่อจะระลึกถึง การที่ตนได้ประมาทคนดีมีใจศรัทธา ถือว่าเป็นคนสติฟั่นเฟือน ตนเองกลับนิยมชมชอบคติของชาวโลก ของการทะนงตนหรือความเห็นแก่ตน เช่น ไม่ยอมแพ้ใคร ไม่ยอมทนความลำบาก ฯลฯ

        “ความปรารถนาของพวกคนอธรรม จะกลายเป็นควัน” (สดด. 111, 10) เมื่ใกล้จะตาย เขาจะรู้สึกอยากได้เวลาที่ได้เสียไปสักเท่าไรหนอ! นักบุญเกรโกรีเล่าในหนังสือ คำสนทนา ของท่านว่า : มีบุรุษผู้หนึ่งชื่อ กรีซันซีโอ เป็นเศรษฐี แต่ประพฤติตนเหลวไหล เมื่อใกล้จะตาย ได้แลเห็นปีศาจฝูงหนึ่งประจักษ์มาจะจับแก แกจึงร้องว่า “ช้าก่อน ขอเวลาข้าถึงพรุ่งนี้เถอะ” ฝ่ายฝูงปีศาจก็ตอบว่า “ไอ้บ้า เจ้าจะหาเวลาขณะนี้? เจ้าได้เสียเวลาไปในการทำบาปแล้วบัดนี้ มีหน้ามาถามหาเวลาอีกหรือ? จบกัน ไม่มีเวลาแล้ว” ชายผู้เคราะห์ร้ายร้องต่อไปและขอให้คนช่วย ที่นั่น มีฤๅษีอง์หนึ่ง ชื่อ มักซีโม เป็นลูกของแก แกก็ร้องบอกลูกว่า “ลูกรัก ช่วยพ่อด้วย มักซีโม ช่วยพ่อด้วย” ขณะนั้น หน้าของแกแดงเหมือนไฟ แกพลิกตัวไป พลิกตัวมา อย่างคนคลั่ง และในขณะที่กำลังทุรนทุราย และกำลังตะโกนร้อง อย่างคนเสียใจอยู่นี้ แกก็สิ้นใจไป อย่างน่าสังเวช

        อนิจจา! คนบ้าเหล่านี้ ขณะสยายดี นิยมแต่ความบ้าของตน แล้วเมื่อจะตายนั่นแหละ จึงจะเปิดตา ยอมรับว่า ตัวได้บ้าไป แต่ขณะนั้น มันไม่มีประโยชน์มีแต่จะเพิ่มความเสียใจสำหรับการแก้ไขความชั่วที่ตัวได้สร้างไว้เท่านั้น และเมื่อเขาตายไปดังนี้ มันส่อให้เห็นว่า การเอาตัวรอดของเขา ไม่แน่นัก! พี่น้องที่รักผู้กำลังอ่านข้อความนี้อยู่ ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านคงเห็นพ้องว่า เป็นเจริงดังที่กล่าวมา ก็ถ้าเป็นจริงดังนั้น ความบ้าและความผิดบกพร่องของท่าน จะต้องมากขึ้นอีกหากว่า เมื่อท่านยังสบาดี และรู้จักความจริงเหล่านี้ แต่ก็ยังไม่นำมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ทันเวลา ข้อที่ท่านกำลังรำพึงอยู่นี้เอง จะเป็นประหนึ่งมีดกรีดแทงใจท่าน ขณะเมื่อท่านจะตายอีกด้วย!

        อย่างไรก็ดี ขณะนี้ท่านยังมีเวลา ที่จะเลี่ยงความตายอันน่ากลัวนั้น จงเร่งแก้ไขเสีย อย่าไปคอยเวลานั้น ซึ่งไม่เหมาะสำหรับจะแก้ไข อย่าไปคอยอีกหนึ่งเดือน หรืออีกหนึ่งสัปดาห์ ใครจะไปรู้ แสงสว่างที่พระเป็นเจ้าทรงพระกรุณาประทานแก่ท่านในเวลานี้ อาจจะเป็นแสงสว่างแวบสุดท้ายแล้ว อาจจะเป็นคำร้องเตือนท่านครั้งสุดท้ายแล้ว ก็เป็นได้! เป็นความโง่โฉดเขลาที่จะไม่คิดถึงความตายซึ่งเป็นของแน่ และซึ่งนิรันดรภาพขึ้นอยูกับมัน แต่ก็เป็นความโง่เขลายิ่งขึ้นอีกที่เมื่อคิดว่าตนจะต้องตายแล้วไม่เตรียมตัวเผชิญมัน โปรดตริตรอง และตั้งใจเสียแต่บัดนี้ ให้เหมือนกับท่านจะกระทำเดี๋ยวนี้เถิด เพราะว่าทำในบัดนี้มีผล ทำในบัดนั้นไม่มีผล ทำในบัดนี้มีหวังเอาตัวรอด ทำในบัดนั้นหวังจะเอาตัวรอดได้ยากนั้น! คราวเมื่อขุนนางผู้หนึ่ง ขออนุญาตกราบลาออกจากการเป็นข้าบริพารของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 เพื่อจะไปบาช ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าอย่างเด็ดขาดจักรพรรดิจึงรับสั่งถามว่า: เหตุไร เจ้าจึงคิดจะละจากการเป็นข้าบริพารของเราเสียเล่า? มหาดเล็กผู้นั้นทูลตอบว่า “ขอเดชะ! เพื่อจะเอาตัวรอด ก็จำเป็นที่จะต้องมีเวลาใช้โทษใช้กรรม คั่นอยู่กึ่งกลางระหว่างชีวิตอันเหลวแหลกและความตายพระเจ้าข้า”

               ข้อเตือนใจและคำภาวนา

        ไม่เอาแล้ว พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะไม่ยอมใช้พระเมตตตานอกลู่นอกทางต่อไปแล้ว! ขอฉลองพระเดชพระคุณที่ทรงประทานความสว่างให้แก่ข้าพเจ้าในบัดนี้ และขอปฏิญญาว่า จะเปลี่ยนชีวิตใหม่ ข้าพเจ้ามองเห็นแล้ว พระองค์จะทรงทนข้าพเจ้าต่อไปไม่ไหว ทำไม! ข้าพเจ้าต้องต้องการคอยให้พระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าก่อนหรือ? ข้าพเจ้าต้องการจะให้พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าจมปลักอยู่ในชีวิตอันเหลวแหลกซึ่งเป็นพระอาชญาโทษ ที่เลวร้ายกว่าความตายอีกหรือ? บัดนี้ ข้าพเจ้าขอกราบลงแทบพระบาท โปรดรับข้าพเจ้าไว้ในพระหรรษทานด้วยเถิด พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่สมจะได้รับพระกรุณาอันนี้ก็จริง แต่พระองค์ได้ตรัสว่า “ความอธรรมของคนอธรรม จะไม่เป็นภัยแก่เขา ในเมื่อเขาจะกลับใจ” (อสค. 33, 12) ฉะนั้น พระเยซูเจ้าข้า แม้ในกาลก่อนข้าพเจ้าได้กระทำขัดเคืองพระทัยเหลือคณนา แต่บัดนี้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ด้วยจริงใจแล้ว และหวังจะได้รับอภัยบาป พระเจ้าข้า ขอกราบทูลอย่างนักบุญอัลแซมว่า “อา! ขอพระองค์อย่าทรงปล่อยให้วิญญาณของข้าพเจ้าพินาศไปในบาปเลย เพราะพระองค์ได้ทรงไถ่มันด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง “ขออย่าทอดพระเนตรดูความอกตัญญูของข้าพเจ้า แต่ขอทอดพระเนตรดูความรักของพระองค์ ในการสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพเจ้าเถิดพระเจ้าข้า ถึงแม้ข้าพเจ้าได้เสียพระหรรษทานไป แต่พระองค์ไม่ได้เสียฤทธิ์จะนำพระหรรษทานนั้นคืนมาให้ข้าพเจ้า พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หาเจ้าข้า พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หาเจ้าข้า ขอทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าเถิด โปรดอภัยโทษและประทานพระคุณให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ เพราะว่า ในบัดนี้ข้าพเจ้าขอปฏิญญาว่า จะไม่ยอมรักสิ่งใด นอกจากพระองค์ ท่ามกลางสัตว์โลกทั้งหลาย ที่พระองค์ทรงสร้างมาได้ พระองค์ได้ทรงพระกรุณาเลือกสรรข้าพเจ้า เพื่อรักพระองค์ ข้าพเจ้าจึงเลือกเอาพระองค์ องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้น เลือกเพื่อรักพระองค์ ให้ยิ่งกว่าสมบัติพัสถานทั้งสิ้นพะองค์ได้ทรงแบกกางเขนเดินนำหน้า ข้าพเจ้าจึงไม่ยอมหยุดยั้งเดินตามพระองค์พลางแบกกางเขนที่พระองค์ทรงประทานให้ ข้าพเจ้ายินดีรับความยากลำบากและความทุกข์ร้อนทุกชนิด ตามแต่พระองค์จะทรงโปรดให้เป็นมา ขอเพียงอย่าให้ข้าพเจ้าไร้พระหรรษทานของพระองค์ เท่านี้ข้าพเจ้าก็พอใจแล้ว พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระนางมารีอา ที่วางไว้ใจของข้าพเจ้า โปรดทูลวิงวอนพระเป็นเจ้า เพื่อให้ข้าพเจ้าเจริญชีวิตในความดีและให้ข้าพเจ้ารักพระองค์เท่านั้นเถิดนอกนั้น ข้าพเจ้าไม่ขออะไรอีกแล้ว


3. โทษเพราะได้เพิกเฉยต่อพระหรรษทาน

        ผู้ใดขณะสบายดี ได้ละเลยต่อสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่วิญญาณ ผู้นั้นเมื่อจะตาย ไม่ว่าจะมองเห็นอะไร สิ่งนั้นจะกลายเป็นหนามคอยทิ่มแทงเขาหมดทุกอย่าง การระลึกถึงความสนุกสบายดีได้เคยมี การได้สมความปรารถนา ความโอ่อ่าที่เคยมี ก็เป็นหนาม เพื่อน ๆ ที่มาเยี่ยมเยียนและสิ่งต่าง ๆ ที่เขาทำให้หวนระลึกถึงก็เป็นหนาม คุณพ่อวิญญาณ ซึ่งผลัดกันมาเยี่ยม ก็เป็นหนาม ศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ซึ่งเขาจะได้รับ คือ ศีลแก้บาป ศีลมหาสนิท และศีลทาสุดท้าย ก็เป็นหนาม กางเขนที่ตั้งอยู่ข้างเคียงนั้นเอง ก็เป็นหนาม เพราะว่าภาพอันนี้ทำให้เขามองเห็นการตอบสนองอันไม่บังควรของตน ต่อความรักของพระเป็นเจ้าผู้สิ้นพระชนม์เพื่อช่วยให้ตนรอด

        โอ้! เมื่อนั้น คนไข้ผู้น่าสังเวช จะร้องว่า: ฉันช่างเป็นบ้าเสียจริง ๆ! ถ้าได้อาศัยความสว่าง และความสะดวก เท่าที่พระเป็นเจ้าได้ทรงประทานให้ฉันป่านนี้ ฉันคงเป็นนักบุญไปแล้ว ฉันอาจจะใช้ชีวิตอย่างผาสุกอยู่ในพระหรรษทานพองพระเป็นเจ้าได้ แต่บัดนี้สิ แม้ได้เจริญชีพอยู่เป็นเวลาช้านานหลายปี ฉันได้อะไรบ้าง นอกจากความทุกข์ทรมาน ความเสียใจ ความสะทกสะท้าน ความกลัดกลุ้มในมโนธรรม และบัญชียุ่งเหยิง อันจะต้องแจงสี่เบี้ยต่อพระเป็นเจ้า? ทั้งฉันจะเอาตัวรอดำด้ก็ยากมาก! เขาจะพูดดังนี้ เมื่อไรเล่า? เมื่อน้ำนันจวนจะหมดตะเกียง เมื่อละครแห่งโลกนี้จวนจะปิดฉากกลางโรง ในขณะที่เขากำลังมองเห็น นิรันดรภาพแห่งความสุข และนิรันดรภาพแห่งความทุกอยู่รำไร ๆ และในเมื่อเขาจวน ๆ จะหายใจออกเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งเขาจะได้สุขหรือได้ทุข์เป็นนิตย์อัตรา เท่าที่พระเป็นเจ้าจะคงเป็นพระเป็นเจ้า ก็ย่อมสุดแล้วแต่การหายใจออกครั้งนี้เอง! ขณะนั้นเขาจะยอมเสียเท่าไรเสียไป ต้องการแต่จะให้มีเวลาสักหนึ่งปี หนึ่งเดือน หรืออย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ที่มีสมองปลอดโปร่ง เพราะขณะนี้เขากำลังปวดศีรษะ กำลังแน่นหน้าอก หายใจฝืด ทำอะไรไม่ได้ คิดอะไรไม่ออก ไม่อาจบังคับให้ใจของเขาเจาะจงทำการดีอย่างใดอย่างหนึ่งได้: คล้ายกับว่า เขากำลังถูกขังอยู่ในหลุม ซึ่งอะไร ๆ ก็ยุ่งเหยิงนุงนังไปหมด ที่นั้น เขาคิดเห็นแต่ความพินาศอันกำลังจะตกลงมาทับ และตัวเขาเองก็มองไม่เห็นทางจะเลี่ยงให้พ้น ฉะนั้น เขาจึงอยากได้เวลา แต่จะได้รับคำตอบว่า “จงออกเถิด” เร็ว ๆ เข้า ปิดบัญชีเสียในชั่วเวลาสั้น ๆ นี้ พยายามทำให้ดีเท่าที่ทำได้ แล้วก็ออกไปไม่รู้หรือ ความตายไม่คอยใคร ทั้งไม่เกรงกลัวใคร?

        โอ้! เมื่อนั้นเขาจะสดุ้งตัวสั่น เมื่อจะคิด และจะพูดว่า “เช้านี้ฉันยังมีชีวิตอยู่ แต่เย็นนี้ฉันจะตายไปได้ง่าย ๆ! วันนี้ฉันยังอยู่ในห้อง แต่พรุ่งนี้ฉันจะอยู่ในหลุม! ส่วนวิญญาณของฉันจะไปอยู่ที่ไหนหนอ?- - เขาจะสดุ้งโหยงขึ้นอีก เมื่อจะแลเห็นมีผู้เตรียมเทียน! เมื่อจะรู้สึกเหงื่อเย็นคราวจวนจะตายไหลออกมา ! เมื่อจะได้ยินคนสั่งให้พวกญาติออกจากห้องและไม่ให้เข้ามาอีก! เมื่อตาของเขาจะเริ่มมัว มองอะไรไม่สู้เห็น! ที่สุดเขาจะสดุ้งกลัวแค่ไหนหนอ เมื่อจะแลเห็นแสงเทียน เพราะความตายคลานเข้ามาใกล้แล้ว! โอ้เทียน! เทียนเจ้าเอ๋ย! ในคราวนั้น เจ้าจะส่องให้เห็นความจริงกี่ข้อหนอ! เมื่อนั้นเจ้าจะชี้ให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ผิดกับที่ปรากฏอยู่ขณะนี้! เจ้าจะเผยแสดงให้เห็นว่า สมบบัติพัสถานทั้งสิ้นของโลกเป็นแต่ความฟุ้งเฟ้อ ความบ้า และความหลอกลวง! แต่อันจะรู้จักความจริงเหล่านี้ ก็เมื่อสายไปเสียแล้วจะเป็นประโยชน์อันใดเล่า?

                ข้อเตือนใจและคำภาวนา

        อา! ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ข้าพเจ้าตาย แต่ประสงค์ให้ข้าพเจ้ากลับใจและมีชีวิต ขอขอบพระคุณที่ทรงรอข้าพเจ้าจนถึงเวลานี้ และที่ทรงประทานความสว่างให้แก่ข้าพเจ้าในบัดนี้ ข้าพเจ้าสำนึกรู้ตัวว่า ได้หลงไป ได้ถือเอาทรัพย์สมบัติเลว ๆ และอนิจจัง ดีกว่ามิตรภาพของพระองค์และเพราะเห็นแก่มันได้ดูหมิ่นพระองค์ ข้าพเจ้าเสียใจและเป็นทุกข์จริง ๆ ที่ได้ทำผิดต่อพระองค์ถึงเพียงนี้ โอ้! ขอพระองค์ประทานความสว่างและพระหรรษทานค้ำจุนข้าพเจ้าตลอดชีวิตที่ยังเหลือนี้เถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้ได้ปฏิบัติตามที่ควร จะได้ดัดแปลงกิริยาเสีย พระเจ้าข้า อันจะรู้จักความจริงข้อนี้ ในเมื่อสายไปแล้ว จะเป็นประโยชน์อะไร? “ขออย่าทรงมอบวิญญาณ ที่ร้องหาพระองค์แก่เหล่าสัตว์ร้ายเลย” (สดด. 73, 19) เมื่อปีศาจจะมาประจญให้ข้าพเจ้าทำเคืองพระทัยอีก โปรดเถิด พระเยซูเจ้าข้า โปรดเห็นแก่พระบารมีแห่งพระมหาทรมานของพระองค์ และตราบใดยังถูกประจญอยู่ก็ขอให้ข้าพเจ้าเฝ้าวิงวอนพระองค์อยู่ตราบนั้น พระโลหิตของพระองค์เป็นสรณะของข้าพเจ้า พระทัยดีของพระองค์เป็นความรักของข้าพเจ้า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า สมแล้วให้มนุษย์ทั้งหลายรักปฏิพัทธ์พระองค์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข้าพเจ้ารักพระองค์และขอรักพระองค์เสมอเป็นนิตย์โปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า จะต้องตัดใจออกห่างจากอะไรบ้าง ข้าพเจ้าจึงจะเป็นของของพระองค์อย่างครบถ้วน ข้าพเจ้าต้องการให้เป็นดังนี้ และขอพระองค์โปรดประทานกำลังให้ข้าพเจ้าปฏิบัติดังนี้ด้วยเถิด พระเจ้าข้า

        โอ้ พระราชินีแห่งวิมานสวรรค์ โอ้พระชนนีของพระเป็นเจ้า โปรดช่วยวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าคนบาป เมื่อข้าพเจ้าจะถูกประจญล่อลวง ขอท่านโปรดให้ข้าพเจ้ารีบวิ่งมาขอพึ่งพระเยซูและพึ่งท่านเสมอ ๆ เถิด ด้วยว่าผู้ใดวิงวอนขอท่านช่วย ท่านไม่เคยปล่อยให้เขาเสียทีเลย สักครั้งเดียว


(1) Nihil aliud quam de se cogitare sufficient.

 

book

บทที่ 07 "ความรู้สึกต่าง ๆ ของคนใกล้จะตาย"