Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 12 "ความสำคัญของความรอด"

book

1. ธุรกิจอันสำคัญ 

       แน่นอน การเอาตัวรอดตลอดนิรันดรเป็นธุรกิจอันสำคัญกว่าอะไรอื่นหมดแต่ก็เป็นสิ่งที่คริสชนละเลยมากกว่าหมด คนเราเมื่อมุ่งหวังจะบรรลุถึงตำแหน่งหน้าที่อันนี้ จะเอาชนะคดีความอันนี้ จะเอาชนะคดีความอันนั้น จะแต่งงานกับคนที่ตนรารถนาย่อมใช้ความพยายามไม่ละลด และไม่ยอมเสียเวลา ดูซี! เขาปรึกษาหารือครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้ความระมัดระวังอย่างละเอียดสุขุม ไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว! แต่สำหรับเรื่องความรอดตลอดนิรันดร  เขาทำอะไรบ้าง? เขาดำรงชีพอย่างไร?-เขาไม่ได้ทำอะไรเลยหรือที่ถูกเขาทำทุกสิ่ง เพื่อความพินาศของความรอดเสียด้วยซ้ำ คริสตังส่วนมากบำเพ็ญชีพคล้ายกับว่าความตาย การพิพากษา นรก สวรรค์ นิรันดรภาพ ไม่ใช่เป็นข้อความเชื่อ แต่เป็นนิยายที่พวกพระสงฆ์ประดิษฐ์ขึ้นหลอกลวง ถ้าเขาแพ้คดี ถ้าพืชผลเสียหาย เขาช่างเป็นทุกข์เป็นร้อน พยายามหาทางแก้ไข! ถ้าม้าหรือหมาของเขาหายเขาพยายามตามหามันให้จงได้ แต่ไฉนเมื่อเสียพระหรรษทาน เขาจึงนอนตาหลับ คุยสนุก และหัวเราะเล่นได้หนอ ! แปลกแท้ ๆ ! คนเรา เมื่อถูกคนอื่นตำหนิว่าเป็นคนสะเพร่าในกิจการฝ่ายโลก ย่อมรู้สึกละอาย แต่ไฉนคนจำนวนมากไม่รู้สึกละอายบ้าง เมื่อตนละเลยในธุระเรื่องนิรันดรภาพ ซึ่งมีความสำคัญกว่าอะไรอื่นทั้งหมด! เขายอมรับว่า บรรดานักบุญเป็นคนฉลาด เพราะเอาใจใส่เรื่องความรอดของตน ส่วนตัวเขาเล่า เอาใจใส่ต่อสิ่งทุกสิ่งของโลก แต่ไม่เอาใจใส่ต่อวิญญาณของตนเองเสียเลย พี่น้อง นักบุญเปาโลกล่าวเตือนท่านว่า: “พี่น้อง ขอเตือนให้ท่านเอาใจใส่ต่อเฉพาะธุรกิจอันยิ่งใหญ่ของท่านเถิด ธุรกิจอันนั้น คือการทำให้ตนรอด อันนี้แหละเป็นธุรกิจอันสำคัญของท่าน” (1) เราทุกคนจงตระหนักแก่ใจเถิดว่า การเอาตัวรอดตลอดนิรันดรของเรานั้นเป็นธุระอันสำคัญกว่าหมด เป็นธุรกิจเฉพาะอันเดียว และเป็นธุรกิจอันหมดทางแก้ไขหากพลาดท่าเสียที

        ความรอดเป็นธุรกิจอันสำคัญกว่าหมด แน่นอน เพราะว่า ความรอดมีผลสำคัญยิ่งยวด เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณ ซึ่งถ้าเสียไป ก็เสียหมดทุกสิ่งนักบุญยวงคริสตซอสโตม กำชับว่า “ชาวเราต้องถือว่า วิญญาณมีค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติอะไร ๆ ทั้งหมด ของโลกนี้” (2) ความข้อนี้ จะเข้าใจซาบซึ้งได้ง่ายเมื่อมองดูการที่พระเป็นเจ้าได้ทรงมอบพระบุตรของพระองค์ให้ต้องตาย ก็เพื่อความรอดของวิญญาณเรา (3) และการที่พระวจนาตถ์ผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดรได้ทรงยินยอมไถ่วิญญาณของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์ท่านเอง (4) ดังนั้นพระสงฆ์ใจนักบุญผู้หนึ่ง จึงกล้ากล่าวว่า “ดูเหมือนว่า มนุษย์เรามีค่าเท่ากับพระเป็นเจ้า” (5) เพราะฉะนั้น พระเยซูคริสต์จึงได้ตรัสว่า “มนุษย์จะเอาอะไรมาแลกกับวิญญาณของตน” (มธ. 16, 26) เมื่อวิญญาณของเรามีค่าถึงเพียงนี้แล้วหากเสียไปเราจะเอาทรัพย์อะไรในโลกนี้มาแลกคืนเล่า?

        ถูกต้องแท้ที่นักบุญฟิลิป เนรี เรียกคนที่ไม่เอาใจใส่ต่อความรอดวิญญาณของตนว่าคนบ้า! สมมุติว่า ในโลกเรานี้มีมนุษย์อยู่สองจำพวก พวกหนึ่งรู้ตายอีกพวกหนึ่งไม่รู้ตาย หากพวกที่รู้ตาย มามองเห็นพวกไม่รู้ตาย เอาใจใส่แต่ข้าวของของโลก หาแต่ยศฐาบรรดาศักดิ์ ทรัพย์สมบัติ และความสนุกสุขสบายของโลกแน่นอนละเขาจะว่า: พวกท่านช่างโง่เสียจริงๆ! พวกท่านอาจจะหาทรัพย์อันดำรงอยู่ชั่วนิรันดรได้ แต่ไพร่มัวแต่คิดถึงของสารเลว ของอนิจจัง และเพราะเหตุที่ท่านแสวงหาของพรรค์นี้ ก็เท่ากับท่านลงโทษตัวเองให้ต้องถูกพระอาชญาตลอดนิรันดรในชีวิตหน้า ที่ถูกนั้น ควรปล่อยไว้ให้พวกเรา ซึ่งเป็นคนอาภัพเท่านั้น ใฝ่ใจหาของแผ่นดิน เพราะพวกเราตายแล้ว ทุกสิ่งก็จบสิ้น! แต่! ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เรามนุษย์ทุคน ต่างไม่รู้ตายเหมือนกันหมด แล้วเหตุใดหนอ จึงมีคนจำนวนมาก ยอมเสียวิญญาณ เพราะความสนุกอันสารเลวของโลกนี้! ท่านซาลวีอารโนกล่าวว่า “ทำไม! พวกคริสตังผู้เชื่อว่า มีการพิพากษา นรก นิรันดรภาพ และเหตุไฉนเขาจึงครองชีพ ในทำนองไม่กลัวการพิพากษา นรก นิรันดรภาพได้หนอ?” (6)

          ข้อเตือนใจและคำภาวนา

        อา! พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงโปรดประทานเวลาแก่ข้าพเจ้าเป็นหลายปี เพื่อจะให้ข้าพเจ้าทำตัวให้รอดตลอดนิรันดร ก็ข้าพเจ้าได้ใช้เวลานั้นเพื่อทำอะไรเล่า? พระมหาไถ่เจ้าข้า พระองค์ได้ทรงไถ่วิญญาณของข้าพเจ้าด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง แล้วได้ทรงมอบให้ข้าพเจ้าเอาใจใส่ทำให้รอด ส่วนข้าพเจ้านี้กลับตั้งหน้าตั้งตาทำให้พินาศไป โดยการกระทำบาปต่อพระองค์ ผู้ทรงรักข้าพเจ้าถึงปานนี้! พระสวามีเจ้าข้า ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ เสียใจโปรดอภัยโทษแก่ข้าพเจ้าด้วย พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าตั้งใจว่า แต่บัดนี้เป็นต้นไปจะยอมเสียสละทุกสิ่ง แม้ชีวิตของข้าพเจ้าเอง ดีกว่าจะเสียมิตรภาพของพระองค์ องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้น พระองค์ทรงน่ารักหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ และตั้งใจแม่นมั่นจะรักพระองค์เสมอ พระเยซูเจ้าข้า โปรดอย่าให้ความตั้งใจของข้าพเจ้าในคราวนี้เหมือนกับคราวก่อย ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นการทรยศทุกครั้ง โปรดให้ข้าพเจ้าตายเสียเถิด ดีกว่าจะกลับมาทำชอกช้ำน้ำพระทัยดีกว่าจะเลิกรักพระองค์ พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระแม่มารีอา สรณะที่วางไว้ใจของข้าพเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพเจ้ารอด โดยเสนอให้ข้าพเจ้าคงเจริญในความดีเถิด


2. ธุรกิจเฉพาะอันเดียว

        ธุรกิจเรื่องความรอดตลอดนิรันดร มิใช่แต่เป็นธุรกิจอันสำคัญยิ่งยวดเท่านั้น แต่ยังเป็นธุรกิจเฉพาะอันเดียว ซึ่งชาวเราต้องทำให้ได้ในชีวิตนี้ (7) นักบุญเบอร์นาร์ด บ่นถึงความไร้เหตุผลของคริสตังบางคน ที่เรียกความบ้าของพวกเด็ก ๆ ว่า ความบ้าแต่เรียก การงานฝ่ายโลกของเขาว่าธุรกิจ (8) ก็ความบ้าของผู้ใหญ่เป็นความบ้าที่ยิ่งใหญ่กว่าอีก! พระเยซูตรัสสอนว่า “จะประโยชน์อะไรแก่มนุษย์ มาตรแม้นเขาจะได้เป็นเจ้าของทั้งโลกจักรวาล หากมาเสียวิญญาณไป?” (มธ. 16, 26) พี่น้องที่รัก ถ้าท่านรอด มันไม่สลักสำคัญ ที่ในโลกนี้ท่านได้เคยเป็นคนยากจน คนอาภัพ เป็นที่หมิ่นประมาทของผู้อื่นดอก เพราะว่าเมื่อท่านรอดแล้ว ท่านก็จะไม่มีทุกข์ร้อนต่อไป จะมีแต่ความสุขตลอดทั้งชั่วนิรันดร แต่หากท่านเสียที หากท่านต้องโทษ ก็ในนรก จะมีประโยชน์อะไร ที่ท่านเคยมีความสนุกสุขสบายทุกอย่างในโลก เคยได้มั่งมี เคยมีหน้ามีตา? เมื่อท่านเสียวิญญาณไปความสนุกสุขสบาย เกียรติยศ ทรัพย์สมบัติ และทุกสิ่งก็เสียไปหมดด้วย

        ในวันพิพากษา ท่านจะเอาอะไรมาตอบแด่พระเยซูคริส์? สมมุติว่าพระราชาทรงใช้ทูตไปทำธุรกิจในนครแห่งหนึ่ง ทูตผู้นี้แทนที่จะเอาใจใส่ต่อกิจธุระที่ตนได้รับมอบหมาย กลับเอาใจใส่ถึงแก่การกินเลี้ยง การละเล่นงานรื่นเริงและเป็นเหตุให้ธุรกิจนั้นไม่บรรลุผลสำเร็จ เมื่อเขากลับมา จะต้องให้การต่อพระราชาอย่างไร? แต่พี่น้อง เราจะต้องให้การต่อพระสวามีเจ้า น่ากลัวยิ่งกว่านี้เป็นไหน ๆ เพราะที่พระองค์ได้ทรงตั้งให้เราอยู่ในโลกมิใช่เพื่อให้หาความสนุกรื่นเริง มิใช่เพื่อให้ทำมาค้าขายให้ตนร่ำรวย มิใช่เพื่อให้ตะเกียกตะกายหายศศักดิ์ แต่เพื่อทำให้วิญญณของเรารอด แล้วตัวเรากลับเอาใจใส่ถึงทุกสิ่งยกเว้นเพียงเรื่องวิญญาณเท่านั้น! คนใจโลกคิดถึงแต่เวลาปัจจุบัน และไม่คิดถึงเวลาอนาคตเสียเลย ณ ที่กรุงโรม วันหนึ่งขณะที่นักบุญฟีลิป เนรี กำลังสนทนากับหนุ่มผู้หนึ่ง ชื่อ ฟรังซีสโก ซัดเซรา เป็นคนมีปัญญาเฉลียวฉลาด แต่ใจหันไปทางโลก ตอนหนึ่งท่านกล่าวแก่เขาว่า “ลูกรัก ลูกจะมีบุญร่ำรวยมาก จะได้เป็นทนายความมีชื่อเสียง แล้วจะได้เป็นพระสงฆ์ผู้ใหญ่ แล้วบางทีจะได้เป็นพระคาร์ดินัล แล้วใครจะไปรู้ บางทีจะได้ขึ้นเป็นพระสันตะปาปาด้วย แล้วก็ แล้วก็...?” ที่สุด นักบุญก็กล่าวกับเขาว่า “แล้วก็? แล้วก็?” เขาจึงได้สละละธุรกิจฝ่ายโลกและได้สละลาโลกเลยทีเดียวมาสมัครเข้าคณะของนักบุญฟีลิป เริ่มลงมือทำงานเฉพาะเพื่อพระเป็นเจ้า

        ความรอดเฉพาะธุรกิจอันเดียว เพราะว่าเรามีวิญญาณอยู่ดวงเดียว พระราชาองค์หนึ่ง ได้วิงวอนขออนุมัติอย่างหนึ่งต่อพระสันตะปาปา เบเนดิกที่ 12 อนุมัตินั้นจะประทานให้ได้ ก็ดดยไม่พ้นบาป พระสันตะปาปาจึงมีพระดำรัสตอบแก่ทูตว่า: เชิญกลับไปจ้าแก่เจ้านายของท่านว่า หากเรามีวิญญาณสองดวง เราก็พอจะยอมเสียสละดวงหนึ่ง เพื่อพระองค์ท่าน และเก็บอีกดวงหนึ่งไว้สำหรับตัวเองแต่เพราะว่า เรามีวิญญาณอยู่ดวงเดียว จึงจะสละให้ไม่ได้ ทั้งไม่ยอมจะสละให้ด้วยนักบุญ ฟรังซีสโก ซาเวรี เคยกล่าวว่าในโลกเรานี้มีคุณแต่อันเดียว และโทษก็มีแต่อันเดียว คุณอันเดียวนั้น คือ การทำตัวของตัวให้รอด และโทษอันเดียวนั้นคือการตกนรก นักบุญเทเรซา ก็ย้ำความข้านี้ แก่บรรดาภคินีของเธอเช่นเดียวกันว่า “พี่น้อง วิญญาณดวงเดียว และนิรันดรภาพอันเดียว” ที่ว่า “วิญญาณดวงเดียว” เธอใคร่จะหมายความว่า หากเสียวิญญาณไป ก็เสียหมดทุกสิ่ง และที่ว่า “นิรันดรภาพอันเดียว” หมายความว่าหากเสียวิญญาณไปครั้งหนึ่ง ก็เป็นอันว่า เสียเรื่อยไปทีเดียว...ความคิดเช่นเดียวกันนี้เอง ได้ทำให้ ดาวิด ทูลวิงวอนว่า “พระสวามีเจ้าข้า ข้าพเจ้าวอนขอสิ่งเดียว คือ ขอดปรดให้ข้าพเจ้ารอดอย่างเดียวเท่านั้น (9)

        “จงทำตัวของท่านให้รอดด้วยความกลัว และกลัวจนตัวสั่นเถิด” (ฟป. 2, 12) ผู้ใดไม่กลัว ผู้ใดไม่ตัวสั่น ในการที่ตนจะพินาศ ผู้นั้นจะไม่รอด ฉะนั้นสำหรับการเอาตัวรอดจำเป็นต้องเหนื่อยยาก และต้องออกแรง (มธ. 11, 12) สำหรับจะบรรลุถึงความรอด จำเป็นที่เมื่อตายชีวิตของเราต้องละม้ายคล้ายคลึงกับพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์ (รม. 8, 29) ฉะนั้น ข้อแรกเราต้องออกแรงและหนีท่าทางบาป ข้อสอง เราต้องใช้เครื่องมืออันจำเป็นสำหรับการเอาตัวรอดนักบุญเบอร์นาร์ด กล่าวว่า “คนเกียจคร้านจะไม่ได้พระราชัยแห่งสวรรค์ คนที่ออกแรงปรนนิบัติพระเป็นเจ้าเท่านั้นจะได้รับ” (10)  มนุษย์ทุกคนอย่าจะเอาตัวรอดอย่างสยายโดยไม่ต้องลำบาก นักบุญเอากุสติน อุทานว่า : แปลกแท้! ปีศาจยอมเหนื่อยยากเป็นอันมาก มันไม่หลับไม่นอน ทั้งนี้เพื่อจะทำให้เราพินาศ ส่วนท่านเล่าท่านทำเฉยเมยในเรื่องที่เกี่ยวกับความสุขหรือความทุกข์ชั่วนิรันดร กระนั้นหรือ? (11)

        ข้าเตือนใจและคำภาวนา

        อา! พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ขอขอบพระคุณที่ทรงโปรดให้ข้าพเจ้ากราบอยู่แทบพระบาทในเวลานี้ แทนที่จะอยู่ในนรก ซึ่งข้าพเจ้าควรจะอยู่แต่หลายครั้งมาแล้ว ก็ชีวิตที่พระองค์ทรงสงวนรักษาไว้นี้ จะเป็นประโยชน์อันใด หากข้าพเจ้ายังดำรงชีพไร้พระหรรษทานของพระองค์อยู่ต่อไป? อา! ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้หันหลังให้พระองค์ ข้าพเจ้าได้เสียพระองค์ องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นของข้าพเจ้า บัดนี้ ข้าพเจ้าเสียใจเป็นที่สุดขอให้ข้าพเจ้าตายเสียสักพันครั้งเถิด! ข้าพเจ้าได้เสียพระองค์ไปแต่ผู้ทำนายก็ยืนยันแก่ข้าพเจ้าว่าพระองค์ทรงพระทัยดี ทรงใคร่ให้วิญญาณที่ตามหาพระองค์ ได้พบพระองค์ หากในกาลก่อน ข้าพเจ้าได้หนีห่างจากพระองค์ พระราชาแห่งดวงใจของข้าพเจ้า แต่บัดนี้ข้าพเจ้าตามหาพระองค์แล้ว และไม่ตามหาผู้ใดอื่นนอกจากพระองค์เท่านั้น ข้าพเจ้ารักพระองค์ด้วยสิ้นสุดกำลัง โปรดอนุญาตและอย่าทรงถือเลยที่ดวงใจของข้าพเจ้า ที่ได้ดูหมิ่นพระองค์มาครั้งหนึ่งนั้น บัดนี้กลับมารักพระองค์ พระเจ้าข้า โปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบเถิดว่า ข้าพเจ้าต้องทำสิ่งใดจึงจะเป็นที่ชอบพระทัย และข้าพเจ้ายินดีจะปฏิบัติตามทุกอย่างทุกประการโปรดเถิด พระเยซูเจ้าข้า โปรดให้วิญญาณของข้าพเจ้ารอด มันเป็นวิญญาณที่พระองค์ได้ทรงไถ่ด้วยพระโลหิต แล้ะวยพระชนม์ชีพของพระองค์แท้ ๆ ขอโปรดให้ข้าพเจ้ารอด โดยประทานพระหรรษทานให้ข้าพเจ้ารักพระองค์เสมอเป็นนิตย์ทั้งในชีวิตนี้และชีวิตหน้า ข้าพเจ้าหวังจะได้ดังกราบทูลมานี้ ด้วยเดชะพระบารมีของพระองค์ พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระแม่มารีอา ข้าพเจ้าหวังจะได้ดังขอนี้ ด้วยเดชะคำเสนอวิงวอนของท่านด้วย


3. ธุรกิจอันหมดทางแก้ไข

        ธุรกิจอันสำคัญ ธุรกิจเฉพาะอันเดียว และธุรกิจอันหมดทางแก้ไข นักบุญเอวเซบีโอ กล่าวว่า “ไม่มีความผิดพลาดอันใด ใหญ่เท่าความผิดพลาดในการเลินเล่อต่อความรอดตลอดนิรันดร” (12) ความผิดพลาดอย่างอื่นทั้งหลายยังพอจะแก้ไขได้ เสียของสิ่งใด ยังอาจหาใหม่ในทางใดทางหนึ่งได้ เช่น เสียตำแหน่งหน้าที่ ก็อาจแก้ไขหาที่ให้ม่ได้ แม้จะเสียชีวิต หากวิญญาณรอดก็แก้ไขได้หมดแล้ว แต่หากตกนรก ก็เป็นอันหมดหนทางแก็ไขต่อไป คนเราตายครั้งเดียว หากเสียวิญญาณไปหนหนึ่ง ก็เป็นอันว่า เสียเรื่อยไป (13) เหลือแต่จะต้องร้องไห้ทั้งชั่วนิรันดรในนรก พร้อมกับพวกคนบ้าน่าทุเรศอื่นทั้งหลาย ความทุกข์ทรมานอันร้ายกาจกว่าหมดในนรกนั้น ก็คือ การแลเห็นว่าตนหมดเวลาจะแก้ไขความทุกข์ทรมานอันนั้นเสียแล้ว (14) ท่านจงถามคนฉลาด ๆ ทางโลก ซึ่งบัดนี้อยู่ในขุมไฟแล้วว่า: ขณะนี้เขามีความคิดเห็นเป็นอย่างไร เขารู้สึกยินดีหรือไม่ ที่ในครั้งก่อนโน้นได้สะสมทรัพย์สมบัติไว้เป็นอันมากในโลกและบัดนี้ เขากำลังถูกขังอยู่ในคุกตลอดชั่วนิรันดร จงฟังคำร้องไห้คร่ำครวญของเขาเถิด “แล้วกัน” พวกเราหลงไปเสียแล้ว! (ปชญ. 5, 6) มันประโยชน์อะไรเล่า ที่จะมารู้จักความผิดพลาดของตนในเมื่อไม่มีทางจะแก้ไขให้พ้นโทษชั่วนิรันดรได้แล้ว? ในโลกเรานี้ เมื่อตึกรามชำรุดเราก็อาจจะซ่อมแซมด้วยค่าใช้จ่ายไม่เท่าไร แต่ถ้าปล่อยไว้จนพังลงมา เราจะรู้สึกเสียใจในความสะเพร่าเลินเล่อของเราเพียงไร ในเมื่อมันหมดหนทางจะแก้ไขต่อไปแล้ว!

        โทษอันสาหัสยิ่งของนักโทษนรก ก็คือ การที่คิดว่า ตนได้เสียวิญญาณและต้องโทษ ก็เพระความผิดของตนเอง (15) นักบุญเทเรซา กล่าวว่าคนที่ทำเสื้อแหวน หรือแม้ของเล็กน้อย หายไป เพราะความผิดของตนเอง เขาย่อมไม่มีความสุขไม่เป็นอันกินอันนอน ก็นักโทษจะเสียใจเพียงไรหนอ เมื่อย่างเข้าไปสู่นรก ขณะที่มองเห็นตนกำลังถูกขังอยู่ในคุกแห่งความทุกข์ทรมาน และมามองดูความพินาศของตน เห็นว่าหมดหนทางจะแก้ไขต่อไปแล้ว ตลอดทั้งนิรันดรภาพ เขาจึงจะพูดกับตนเองว่า “ฉันได้เสียวิญญาณ เสียสวรรค์เสียพระเป็นเจ้า เสียหมดทุกสิ่ง และเสียเรื่อยไปทีเดียว ก็ทำไมฉันจึงเสียไปเล่า? - เพราะความผิดของฉันเอง!”

        บางคนอาจพูดว่า: แม้ฉันทำบาปประการนี้ ฉันจำเป็นจะต้องไปนรกทีเดียวหรือ? ฉันจะเอาตัวรอด ก็อาจเป็นได้เหมือนกัน- ขอตอบว่า: ท่านอาจไปนรก ก็เป็นได้เหมือนกัน! ยิ่งกว่านั้น ขอบอกท่านว่า: เป็นการง่ายขึ้นอีก ที่ท่านจะไปนรก เพราะพระคัมภีร์พูดว่า: คนทรยศที่ใจกระด้างอย่างเช่นท่านนี้แหละ จะไปสู่นรก “พระสวามีตรัสว่า กรรมของเจ้า ลูกทรยศ” (อสย. 30, 1) “กรรมของพวกที่ห่างเหินจากเรา” (ฮชย. 7, 13) –อย่างน้อย เพราะการทำบาปประการนี้ ท่านก็วางตัวท่านไว้ในภัย ไว้ในความไม่แน่นอน สำหรับความรอดตลอดนิรันดร มิใช่หรือ? ก็ธุรกิจการเอาตัวรอด เป็นสิ่งที่น่าจะปล่อยให้อยู่ในภัยดังนี้หรือ? มันไม่ใช่หรือ? ก็ธุรกิจการเอาตัวรอด เป็นสิ่งที่น่าจะปล่อยให้อยู่ในภัยดังนี้หรือ? มันไม่ใช่เรื่องบ้านช่อง เรื่องที่ดิน เรื่องตำแหน่งหน้าที่ดอกนะแต่นักบุญยวงคริสซอสโตม บอกว่า มันเป็นเรื่องความทุกข์ทรมานตลอดทั้งชั่วนิรันดร มันเป็นเรื่องการเสียสวรรค์ตลอดทั้งชั่วนิรันดร” (16) ธุรกิจ การเอาตัวรอดเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าหมดสำหรับท่าน ท่านยังกล้าปล่อยไว้บนคำว่า “อาจจะเป็นได้”อย่างนั้นหรือ?

        ท่านจะว่า: ใครจะไปรู้ บางทีฉันจะไม่ตกนรก ฉันไว้ใจว่าพระเป็นเจ้าจะทรงยกโทษแก่ฉันทันที -แต่ ตามที่เป็นจริง ในขณะนี้ ในขณะนี้เองท่านลงโทษตัวท่านให้ไปสู่นรกแล้ว ขอบอกไว้ก่อนท่านจะกระโดดลงไปในบ่อ แล้วจะร้องว่าบางทีฉันจะไม่ตาย กระนั้นหรือ?- มันไม่เป็นเช่นนั้นแน่ แต่แล้วเหตุไรท่านจึงงางความรอดของท่านไว้ในความหวังอันง่อนแว่น บนคำว่า “ใครจะไปรู้” เล่า? อนิจจา! กี่คนมาแล้ว ได้ตกนรกเพราะความหวังอันจัญไรพรรค์นี้! ท่านไม่รู้ดอกหรือว่า ความไว้ใจของคนกระด้าง ที่ตั้งใจจะทำบาป มันหาใช่ความไว้ใจไม่ แต่เป็นการหลอกลวงตัวเอง เป็นการลามปาม ซึ่งแทนจะกระตุ้นเตือนพระทัยเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้า กลับเป็นเครื่องยั่วเย้าพระพิโรธของพระองค์ให้หนักขึ้นอีก! หากว่า ในขณะที่ ท่านไม่มีหวังจะต่อสู้กับการประจญล่อลวง กับตัณหาอันกำลังครอบงำท่าน ก็ท่านจะต่อสู้กับศัตรูเหล่านี้ได้อย่างไร ในขณะที่นอกจากท่านไม่ได้รับกำลังมากขึ้น ท่านยังกลับมีกำลังลดถอยลง เพราะการทำบาป? ทั้งนี้เนื่องจากสถานหนึ่ง วิญญาณของท่านจะมืดมัว และแข็งกระด้างอยู่ในความชั่วยิ่งขึ้น อีกสถานหนึ่ง วิญญาณของท่านจะมืดมัว และแข็งกระด้างอยู่ในความชั่วยิ่งขึ้น อีกสถานหนึ่ง ท่านขาดความช่วยเหลือของพระเป็นเจ้า หรือบางทีท่านจะหวังว่า ยิ่งทำบาปมากขึ้นเท่าไร พระเป็นเจ้าก็จงจะทรงประทานแสงสว่าง และพระหรรษทานของพระองค์แก่ท่านมากขึ้น ตามส่วนกระมัง?

               ข้อเตือนใจและคำภาวนา

        อา! พระเยซูเจ้าข้า โปรดให้ข้าพเจ้าระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เพื่อข้าพเจ้าอยู่เสมอๆ เถิด และข้าพเจ้าจะได้มีความวางใจ ข้าพเจ้าหวั่น ๆ อยู่ว่า เมื่อเวลาจะตาย ปีศาจจะมาทำให้ข้าพเจ้าเสียใจ โดยให้มองเห็นความทรยศจำนวนมากมายที่ข้าพเจ้าได้ประกอบไว้แต่หนหลัง กี่ครั้งกี่หนแล้ว ด้วยเดชะแสงสว่างและพระหรรษทานของพระองค์ ข้าพเจ้าได้สัญญาว่า จะไม่ยอมทำเคืองพระทัยต่อไป  แต่แล้วข้าพเจ้าก็ได้หันหลังให้พระองค์อีก ทั้งนี้โดยที่ไว้ใจว่าพระองค์จะทรงพระกรูณายกโทษให้! เป็นอันว่า เพราะเหตุที่พระองค์มิได้ทรงลงพระอาชญา ข้าพเจ้าจึงได้ดูหมิ่นพระองค์ถึงเพียงนี้! เป็นอันว่า ยิ่งพระองค์ทรงพระกรุณา ข้าพเจ้ายิ่งล่วงเกินพระองค์มากขึ้น! พระหาไถ่เจ้าข้าขอโปรดให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เพราะได้ทำเคืองพระทัย ขอสัญญาว่า แต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะยอมตายเสียสักพันครั้ง ดีกว่าจะละทิ้งพระองค์ไปอีก แต่พระเจ้าข้า ณ บัดนี้ ขอโปรดให้ข้าพเจ้าได้ยินพระวาจาอย่างที่พระองค์ได้ตรัสแก่คนง่อยว่า “บาปของเจ้า ต้องยกเสียแล้ว” (มธ. 9, 2) โดยโปรดให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เพราะความผิดมากๆ ก่อนที่ข้าพเจ้าจะตายไปเถิด มิฉะนั้นแล้วข้าพเจ้ากลัวว่า จะต้องตายอย่างกระวนกระวายและปราศจากความสุข พระเยซูผู้ถูกตรึงกางเขนเจ้าข้า ในเวลาช่วงสุดท่ายนั้น ขออย่าให้พระองค์เป็นเครื่องนำความหวาดกลัวมาสู่ข้าพเจ้าเลย (ยรม. 17, 17) โอ! หากข้าพเจ้าจะต้องตายไปก่อนจะได้เป็นทุกข์ถึงบาป ก่อนจะได้รักพระองค์ เมื่อนั้นบาดแผลและพระโลหิตของพระองค์จะนำความหวาดกลัวมาสู่ข้าพเจ้ามากกว่าจะทำให้ข้าพเจ้ามีความไว้วางใจ! เพราะฉะนั้นในชีวิตที่ข้าพเจ้ายังมีอยู่นี้ ข้าพเจ้าไม่ขอความบรรเทาใจ ไม่ขอทรัพย์สมบัติฝ่ายแผ่นดิน ข้าพเจ้าวิงวอนขอแต่ความทุกข์ และความรักเท่านั้นพระมหาไถ่ที่สุดเหน่หาเจ้าข้า เดชะความรัก ซึ่งได้บันดาลให้พระองค์ทรงพลีพระชนม์ชีพเพื่อข้าพเจ้า ณ เนินกัลวารีโอนั้น โปรดอนุญาตตามคำวิงวอนของข้าพเจ้านี้ด้วยเถิด พระเจ้าข้า

        พระแม่มารีอา เจ้าข้า โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับพระหรรษทานเหล่านี้พร้อมทั้งความคงเจริญในความดีจนถึงเวลาตาย ด้วยเถิด

(1) Rogamus vos…ut vestrum negotium agates. (1 Thess. 4, 11).

(2) Anima est toto mundo pretiosior. (S. Jh. Chrys.).

(3) Sic Deus dilexit mundum, ut filium suum unigenitum daret (Jh. 3, 6).

(4) Empti enim estis pretio mango (1 Cor. 6, 20).

(5) Tam pretioso munere humana redemption agitur, ut homo Deum valere videatur. (S. Augustinus).

(6) Quid causae est, quod christianus, si future credit, future non timeat? (Salvianus).

(7) Porro unum est necessarium (Lc. 10, 42).

(8) nugae puerorum nugae vocantur; nugae majorum negotia vocantur. (S. Bern.).

(9) Unam petii a Domino, hanc requiram, ut inhabitem in domo Domini (Ps. 26, 4).

(10) Regnum non datur vacantibus, sed pro xervitio Dei digne laboranti bus (S. Bern.).

(11) Vigilat hostis, dormis tu? (S. Aug.)

(12) Sane supra omnem errorem est dissinulare negotium salutis. (S. Euseb).

(13) Periisse semel, aeternum est.

(14) Finita est aetas, et nos salvati non sumus (Jer. 8, 20).

(15) Perditio tua, lsrael, tantummodo in me auxilium est (Hos. 13, 9).

(16) De immortalibus suppliciis, de coelestis regni amissiohe res agitur.

book

บทที่ 12 "ความสำคัญของความรอด"