Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 14 "ชีวิตปัจจุบัน คือการเดินทางไปสู่นิรันดรภาพ"

book

1. เรากำลังเดินทาง

       เมื่อมองเห็นว่า ในโลกเรานี้ผู้ประพฤติชั่วจำนวนมาก มีความสุข ส่วนคนดีจำนวนมากกลับต้องรับทุกข์ แม้คนนอกพระศาสนา อาศัยเพียงแสงสว่างแห่งธรรมชาติ ก็รู้ถึงความจริงว่า: มีพระเป็นเจ้า และพระเป็นเจ้าผู้ทรงไว้ซึ่งความเที่ยงธรรม จึงจำเป็นต้องมีชีวิตหน้า และในชีวิตหน้านั้น คนอธรรมจะต้องรับโทษคนสุจริตธรรมจะได้รับรางวัล ก็ทีคนนอกพระศาสนารู้ โดยอาศัยแสงสว่างแห่งสติปัญญานี้ เราคริสตังเชื่อถือมั่นคงว่าเป็นความจริง โดยอาศัยความเชื่อ “ในโลกนี้ ไม่มีนครอันยืนคง แต่เราแสวงหานครเบื้องหน้า” (ฮบ. 13, 14) แผ่นดินนี้มิใช่เป็นบ้านแท้ของเรา เป็นแต่ทางผ่านซึ่งในไม่ช้าเราจะต้องผ่านไปสู่สำนักนิรันดรภาพ (ปญจ. 12, 5) ฉะนั้น ผู้อ่านที่รัก เรือนที่ท่านอยู่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรือนของท่าน เป็นแต่ที่พักชั่วคราว ซึ่งในไม่ช้า และเป็นต้นขณะที่ท่านไม่สู้จะคิดถึง ท่านจะต้องจากไป โปรดทราบไว้เถิดว่า เมื่อถึงคราวตาย พวกที่ท่านรักมากกว่าผู้อื่นนั่นแหละ จะเป็นพวกแรกที่จะขับไล่ท่านออกจากบ้าน เช่นนั้นอะไรเล่าเป็นเรือนแท้ของท่าน?- หลุมนั่นแหละ จะเป็นเรือนพักร่างกายของท่านจวบถึงวันพิพากษาส่วนวิญญาณของท่านจะต้องเข้าไปสู่สำนักนิรันดรภาพในสวรรค์หรือนรกนักบุญเอากุสติน จึงเตือนใจท่านว่า “ท่านเป็นแต่ผู้อาศัย ที่ผ่านไปและมองเห็น” (1) ต้องนับว่าเป็นคนบ้ามิใช่หรือ คนเดินทางที่ขณะกำลังผ่านประเทศหนึ่งล้างผลาญทรัพย์ของตนจนหมดสิ้น ในการซื้อที่ดิน บ้านเรือน ซึ่งในไม่กี่วันตนก็จะต้องจากไป? ฉะนั้น ท่านนักบุญกล่าวต่อ จงคิดเถิดว่า ท่านเป็นแต่คนเดินทางในโลกนี้ อย่าเอาใจไปจดจ่อผูกพันกับสิ่งที่ท่านแลเห็นเลย ให้มองมัน แล้วก็ผ่านไปท่านพึงจัดหาเรือนดี ๆ ที่ท่านจะได้อยู่เสมอเป็นนิตย์เถิด

         ถ้าท่านเอาตัวรอด ท่านก็เป็นผู้มีบุญแท้! โอ้! สวรรค์ ช่างเป็นที่อยู่งามวิไลจริงหนอ! หากจะนำเอาพระราชฐานแห่งจักรพรรดิทั้งหลายมาเปรียบเทียบกับสวรรค์แล้ว ก็จะกลายเป็นคอกสัตว์เราดี ๆ นี่เอง สวรรค์เท่านั้น อาจจะเรียกได้ว่า “นครอันงามแท้” ที่นั้น ท่านจะไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้วท่านจะได้ร่วมวงกับพวกนักบุญ กับพระมารดาของพระเยซูคริสต์ ไม่ต้องวิตกกลัวภัยอะไร พูดโดยสรุป ท่านจะดำรงอยู่ในมหาสมุทรแห่งความอิ่มเอิบ อยู่ในความยินดีอันปราศจากความทุกข์เจือปน และความยินดีอันคงอยู่เป็นนิจศีล (อสย. 35, 10) ทั้งความยินดีนั้นจะยิ่งใหญ่ จนจะเห็นว่าเป็นของใหม่อยู่เสมอ ตลอดทั้งนิรันดรภาพ และในทุก ๆ เวลา!

         ตรงกันข้าม หากท่านตกนรก ท่านก็น่าทุเรศเหลือเกิน! ท่านจะจมอยู่ในทะเลไฟ ในทะเลแห่งความระทมทุกข์ ท่านจะต้องเสียใจ จะต้องถูกทุกคนทอดทิ้งและจะปราศจากพระเป็นเจ้าด้วย ท่านจะต้องทนทุกข์เช่นนี้เป็นเวลาช้านานเท่าไรเล่า? สักแสนปี แล้วโทษของท่านก็จะจบลงใช่ไหม? จะอะไร! ต่อให้อีกร้อยล้านปี พันล้านปี และพันล้านศตวรรษด้วย นรกของท่านก็ยังจะอยู่เหมือนเพิ่งเริ่มต้นเสมะ เพราะว่า พันปีเปรียบกับนิรันดรภาพเป็นอะไร? ยังไม่เท่าหนึ่งวันที่ล่วงไป (สดด. 89, 4) บัดนี้ท่านอยากทราบหรือไม่ว่า ที่อยู่อันใดจะตกเป็นของท่านตลอดทั้งนิรันดรภาพ? - ก็ที่อยู่อันนั้นเองที่ท่านจะทำให้ตัวของท่านสมจะไป ที่อยู่อันนั้นเอง ที่ท่านจะเลือกเอา โดยการกระทำของท่าน

         ข้อเตือนใจและคำภาวนา

         พระสวามีเจ้าข้า ความประพฤติของข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าสมจะไปอยู่ในที่นั้น! อนิจจา! คือนรกนั่นเอง! จริงแล้ว! ข้าพเจ้าควรจะไปอยู่ที่นั้น นับแต่ได้ทำบาปประการแรก ควรจะถูกพระองค์ทรงทอดทิ้ง ทั้งไม่มีหวังจะได้รักพระองค์ต่อไปแล้ว! ขอซร้องสาธุการพระทัยเมตตากรุณาของพระองค์เป็นนิจกาล เพราะได้ทรงคอยข้าพเจ้าและโปรดให้ข้าพเจ้ามีเวลาจะแก้ไขความผิด ขอถวายพระพรแด่พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ซึ่งได้ทรงโปรดประทานพระคุณอันนี้แก่ข้าพเจ้า! ไม่เอาแล้ว พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่ยอมดูหมิ่นความเพียรของพระองค์ต่อไป ข้าพเจ้าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำเคืองพระทัย มิใช่เพราะมันทำให้ข้าพเจ้าสมจะไปนรกแต่เฉพาะอย่างยิ่ง เพราะเป็นการดูหมิ่นพระทัยดีอันหาขอบเขตมิได้ของพระองค์ไม่เอาแล้ว พระเจ้าข้า ไม่เอาแล้ว! ให้ข้าพเจ้าตายเสีย ดีกว่าจะทำเคืองพระทัยต่อไป โอ้! องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า หากในขณะนี้ข้าพเจ้าอยู่ในนรกข้าพเจ้าก็จะรักพระองค์ต่อไปไม่ได้แล้ว ทั้งพระองค์ก็จะทรงรักข้าพเจ้าต่อไปไม่ได้ด้วย! แต่ ณ บัดนี้ ข้าพเจ้ารักพระองค์และพอใจให้พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเองไม่สมควรเลยก็จริงแล้ว แต่พระเยซูคริสต์ได้ทรงบันดาลให้ข้าพเจ้าเป็นผู้เหมาะสม เพราะพระองค์ได้ทรงบูชาพระชนม์ชีพเพื่อข้าพเจ้าบนไม้กางเขนทรงกระทำดังนี้ก็เพื่อให้พระองค์ พระบิดา ทรงอภัยโทษและทรงรักข้าพเจ้าข้าแต่พระบิดาผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดร โปรดเห็นแก่ความรักของพระองค์ต่อพระบุตรเจ้า ประทานให้ข้าพเจ้ารักพระองค์เสมอ และรักพระองค์มาก ๆ เถิดพระเจ้าข้า พระบิดาเจ้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ ผู้ทรงประทานพระบุตรแก่ข้าพเจ้า! พระบุตรแห่งพระเป็นเจ้าเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพเจ้า!

         พระมารดาของพระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักท่าน ผู้ช่วยเสนอวิงวอนให้ข้าพเจ้ามีเวลากลับใจ พระสวามีเจ้าข้า โปรดช่วยให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ถึงบาปมีความรักต่อพระเป็นเจ้า และคงเจริญในความดีจนถึงที่สุด ณ กาลบัดนี้เถิด


 

2. นิรันดรภาพอยู่ในกำมือของเรา

         “ต้นไม้ล้มทางทิศใต้หรือทิศตะวันตก ล้มทางไหนก็คงอยู่ทางนั้น” (ปญจ. 11, 3) ต้นไม้วิญญาณของท่าน เมื่อตายจะล้มลงข้างไหน ก็จะต้องอยู่ข้างนั้นตลอดไปทั้งนิรันดรภาพ ไม่มีสายกลาง: จะเป็นในหลวงเสมอไปในสวรรค์ หรือจะเป็นขี้ข้าเสมอไปในนรก! จะเป็นสุขเสมอไปในสมุทรแห่งความปลาบปลื้ม หรือจะเป็นทุกข์เสมอไปในขุมแห่งความทรมาน! นักบุญยวง คริสซอสโตม เมื่อพิเคราะห์ดู เรื่องเศรษฐีผู้ที่เมื่ออยู่ในโลกนี้ถือกันว่ามีสุข เพราะเป็นคนมั่งมี แต่แล้วต้องไปสู่นรก ตรงกันข้าม ลาซาลัส ซึ่งถือกันว่าเป็นคนอาภัพเพราะยากจนแต่แล้วได้เป็นเสวยสุขในสวรรค์ ท่านจึงอุทานว่า “โอ้! ความสุขอันไม่เป็นความสุข ซึ่งได้พาเศรษฐีผู้นั้นไปสู่ความไม่เป็นสุขตลอดนิรันดร! โอ้! ความทุกข์อันเป็นความสุข ซึ่งได้นำคนยากจนผู้นั้นไปสู่ความสุขตลอดนิรันดร!” (2)

         จะเป็นประโยชน์อะไร ที่จะวุ่นวายอย่างบางคน พูดกับตนเองว่า: ตัวฉันนี้จะต้องโทษ หรือถูกเลือกสรรหนอ? เมื่อตัดต้นไม้มันล้มไปข้างไหน? มันเอนไปข้างไหนมันก็ล้มไปข้างนั้น พี่น้อง ท่านเล่าเอนไปข้างไหน? ท่านครองชีพอย่างไร? จงพยายามทำให้ตัวของท่านเอนไปทางทิศใต้เสมอเถิด กล่าวคือจงสงวนรักษาพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าไว้ จงหลีกบาป และดังนี้ท่านจะเอาตัวรอด และจะเป็นผู้ต้องเลือกสรรไว้อย่างแน่แท้ สำหรับการหลีกเลี่ยงบาปนั้นให้ท่านตั้งความคิดอันยิ่งใหญ่ เรื่องนิรันดรภาพไว้ต่อหน้าต่อตาของท่านเสมอถูกแล้ว ที่นักบุญเอากุสตินเรียกว่า เป็นความคิดอันยิ่งใหญ่ (3) ความคิดอันนี้เองได้นำให้หนุ่มหลายคนสละละโลก และไปดำรงชีพอยู่ในป่า สำหรับเอาใจใส่ต่อเฉพาะวิญญาณของตน และเขาก็ได้ทำให้วิญญาณของเขาอยู่ในที่ปลอดภัย บัดนี้เขารอดแล้ว แน่นอน เขากำลังรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ และจะรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเรื่อยไปตลอดทั้งชั่วนิรันดร

         หญิงคนหนึ่ง ดำรงชีพเหินห่างจากพระเป็นเจ้า คุณพ่อ ม. อาวีลา จึงเตือนสติด้วยถ้อยคำเพียงเท่านี้ว่า “คุณผู้หญิง โปรดคิดถึงคำสองคำนี้เสมอไปและไม่รู้จบสิ้น!”  วันหนึ่งคุณพ่อเปาโล เซเญรี คำนึงถึงนิรันดรภาพ เลยทำให้ท่านนอนไม่หลับเป็นหลายคืน และแต่นั้นมา ท่านได้ครองชีพเคร่งครัดยิ่งขึ้นอีกแดรสแซลลีโอ เล่าว่า พระสังฆราชองค์หนึ่ง เพราะคิดที่คิดถึงนิรันดรภาพนี้เองจึงได้ครองชีพอย่างศักดิ์สิทธิ์ พูดกับตนเองอยู่บ่อย ๆ ว่า “ฉันอยู่ที่ประตูนิรันดรภาพในทุก ๆ ขณะ!” ฤษีอีกองค์หนึ่ง ไปขังตัวอยู่ในหลุมและมีแต่ร้อง ณ ที่นั้นว่า “โอ้นิรันดรภาพ! โอ้ นิรันดรภาพ!” คุณพ่ออาวีลากล่าวว่า “ผู้ใดเชื่อถึงนิรันดรภาพ แล้วไม่บำเพ็ญตนเป็นนักบุญ ควรแล้วจะนำผู้นั้นไปโรงพยาบาลคนบ้า!”

       ข้อเตือนใจและคำภาวนา

         อา! พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้าเถิด! ข้าพเจ้าทราบอยู่แล้วว่า เมื่อทำบาป ก็เป็นการลงโทษตนเองไปสู่ความทุกข์ทรมาน ตลอดชั่วนิรันดร แม้กระนั้น ข้าพเจ้าก็ยังได้ยอมทำเคืองพระทัย เพื่ออะไร?- เพื่อจะได้ตามความพึงพอใจอันเลวทราม! อา! พระสวามีเจ้าข้า อภัยโทษด้วยเถิด ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ด้วยจริงใจแล้ว ข้าพเจ้าไม่ยอมขัดน้ำพระทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ต่อไปแล้ว หากพระองค์จะได้ทรงให้ข้าพเจ้าตายไป ขณะประพฤติชั่ว ข้าพเจ้าก็จะเป็นคนอาภัพที่สุดแล้ว ป่านนี้จะต้องอยู่นรก ถูกโทษให้เกลียดชังน้ำพระทัยของพระองค์เรื่อยไป แต่บัดนี้ ข้าพเจ้ารัก และพอใจรักน้ำพระทัยของพระองค์อยู่เสมอ โปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบความปรารถนาของพระองค์ และประทานกำลังให้ข้าพเจ้าปฏิบัติตามเถิด “โปรดสอนข้าพเจ้าให้กระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์” (สดด. 124, 10) องค์ความดีอันปราศจากขอบเขตเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่ยอมขัดขืนพระองค์ต่อไปแล้ว! ข้าพเจ้าวิงวอนขอพระหรรษทานประการเดียวคือ “ให้สำเร็จแล้วตามน้ำพระทัย ณ แผ่นดินเสมอเท่าในสวรรค์” ขอโปรดให้ข้าพเจ้าปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระองค์อย่างดีและอย่างเดียวเท่านั้น ข้าพเจ้าไม่ขออะไรอีกแล้ว และที่จริง พระองค์ พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ทรงปรารถนาสิ่งใดเล่า นอกจากความดี และความรอดของข้าพเจ้า? ข้าแต่พระบิดาผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดร โปรดสดับผังคำภาวนาของข้าพเจ้าโดยเห็นแก่ความรักต่อพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสอนให้ข้าพเจ้าสวด ให้ข้าพเจ้าวิงวอนในนามของพระองค์ว่า “ขอให้สำเร็จแล้วตามน้ำพระทัย! ขอให้สำเร็จแล้วตามน้ำพระทัย!” โอ! ข้าพเจ้ามีความสุขเพียงไรหนอ หากได้ใช้เวลาและจบชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ ในการบำเพ็ญตามน้ำพระทัยของพระองค์ เสมอเป็นนิตย์!

         พระแม่มารีอา เจ้าข้า ท่านมีบุญ ได้ประพฤติตามน้ำพระอัยของพระเป็นเจ้าอย่างดียิ่งเสมอเป็นนิตย์ ขอเดชะบุญบารมีของท่าน โปรดให้ข้าพเจ้าประพฤติตามอย่างของท่าน อย่างน้อยในชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ด้วยเถิด


 

3. เลือกเอาให้ดีเถิด

         “มนุษย์จะไปสู่บ้านนิรันดรภาพของตน” (ปญจ. 12, 5) ประกาศกกล่าวว่า “จะไป” เพื่อแสดงว่า: ต่างคน่างจะไปยังที่ที่ตนปรารถนา ไม่ใช่ถูกบังคับให้ไป แต่ไปโดยน้ำใจของตนเอง จริงอยู่ พระเป็นเจ้าทรงปราถนาให้ทุกคนเอาตัวรอด แต่ไม่ทรงปรารถนาที่จะบังคับทุกคนให้เอาตัวรอด พระเป็นเจ้าทรงนำเอาชีวิตและความตาย มาตั้งไว้ต่อหน้าเราแต่ละคน เราเลือกเอาอันใดก็จะได้อันนั้น (บสร. 15, 18) ประกาศกเยเรมีย์ กล่าวไว้อย่างเดียวกันว่า “พระสวามีเจ้าได้ทรงประทานทางสองทางไว้ให้เราเดิน ทางสวรรค์ และทางนรก” (ยรม. 21, 8)

         เป็นหน้าที่ของเราจะต้องเลือกเอา แต่ผู้ที่อยากเดินตามทางนรก จะบรรลุถึงสวรรค์ได้อย่างไร? แปลกแท้! คนบาปทุกคนก็อยากเอาตัวรอด แต่เขาก็ลงโทษตัวเองให้ไปสู่นรก พร้อมกับพูดว่า: ฉันไว้ใจจะเอาตัวรอด-นักบุญเอากุสตินอุทานว่า ใครหนอช่างโง่ที่ตั้งใจกินยาพิษ โดยไว้ใจว่าจะไม่เป็นอันตราย? อย่างไรก็ดี คริสตังจำนานมาก ครบ้าจำนวนมาก ทำให้ตัวของตัวตายไปโดยการกระทำบาป พลางก็พูดว่า: อีกประเดี๋ยวค่อยแก้ไข! โอ! ความลุ่มหลงที่ได้นำมนุษย์มากต่อมากแล้ว ไปสู่นรก!

         ส่วนเราก็อย่างเป็นบ้าอย่างเขาเหล่านั้นเลย จงคิดว่า มันเป็นเรื่องนิรันดรภาพ นักบุญเอวเกรีโอ เขียนไว้ว่า: ธรรมดาคนเรายอมเหนื่อยยากทุกอย่างเมื่อยากได้บ้านเรือนที่อยู่สบาย มีอากาศปลอดโปร่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี เพราะคิดว่า จะได้อยู่ไปทั้งชั่วชีวิต แล้วไฉนเราจึงทำไม่รู้ไม่ชี้ในเรื่องเรือนที่จะต้องอยู่ตลอดไปทั้งชั่วนิรันดรเล่า?- ที่พูดถึงนี้มิใช่เรื่องอยู่เรือนอันสบาย หรือไม่สู้สบายมีอากาศปลอดโปร่ง หรือไม่สู้ปลอดโปร่งหรอกนะ แต่เป็นเรื่องของการอยู่อันเปี่ยมเต็มไปด้วยความสนุกยินดีท่ามกลางมิตรสหายของพระเป็นเจ้า หรือว่าอยู่ในขุมแห่งความทุกข์เวทนาทุกชนิด คละกับฝูงคนสารเลว: ผู้ร้าย เฮเรติกและคนนอกพระศาสนา และอยู่ที่นั้น ชั่วเวลานานเท่าไร?- มันไม่ใช่ชั่วเวลายี่สิบสี่สิบปี แต่ตลอดทั้งนิรันดรภาพ จึงว่าเป็นเรื่องใหญ่!  ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นธุรกิจอันสำคัญกว่าอะไร ๆ ทั้งหมด คราวเมื่อโทมาส มัวร์ (*) ถูกพระเจ้าเฮนรีสั่งประหารชีวิต นางหลุยซา ภริยาของท่านมาอ้อนวอนท่านให้ปฏิบัติตามความประสงค์ของพระราชา ท่านจึงพูดว่า “ช่วยบอกฉันทีซิ แม่หลุยซา เธอก็เห็นว่าฉันแก่แล้วนะ ฉันนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกกี่ปี?” ภริยาตอบว่า “เธอน่ะ เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกตั้งยี่สิบปีทีเดียว”- โธมาสมัวร์พูดต่อไปว่า “เธอเป็นแม้ค้าโง่อะไรเช่นนั้น! เธออยากจะให้ฉันมีชีวิตอยู่ในโลกต่อไป 20 ปี แล้วเธอต้องการให้ฉันเสียความสุขตลอดนิรันดร และให้ฉันต้องโทษตลอดนิรันดร ดังนั้นหรือ?”

         ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานความสว่างแก่ชาวเราด้วยเถิด! สมมุติว่า นิรันดรภาพ ยังเป็นเรื่องที่น่าสงสัย เป็นเพียงความเห็นอันน่าจะเป็นไปได้เท่านั้น แม้กระนั้น ชาวเราก็จำต้องพยายามครองชีพให้ดี เพื่อจะไม่เสี่ยงภัยต้องไปทนทุกข์ทรมานตลอดนิรันดร แต่ความคิดเห็นอันนั้นเป็นความจริง มิใช่หรือ? นิรันดรภาพไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่าสงสัย แต่เป็นสิ่งแน่นอน ไม่ใช่เป็นความเห็นแต่เป็นความจริงแห่งข้อความเชื่อ: “มนุษย์จะไปสู่สำนักนิรันดรภาพของตน” (ปญจ. 12, 5) นักบุญเทเรซากล่าวว่า “อนิจจา! การขาดความเชื่ออันนี้แหละเป็นเหตุให้คนจำนวนมาก คริสตังจำนวนมาก ต้องโทษในนรกแล้ว!”

         ฉะนั้น ชาวเราจงปลูกความเชื่อของเราเสมอ ๆ ว่า “ข้าพเจ้าเชื่อถึงชีวิตอันคงอยู่เป็นิจนิรันดร” ข้าพเจ้าเชื่อว่า หลังชีวิตนี้ มีอีกชีวิตหนึ่ง เป็นชีวิตไม่รู้จบสิ้น ครั้นตั้งความคิดอันนี้ไว้ต่อตาเราเสมอแล้ว ก็ให้ใช้วิธีการอันจะประกันความรอดตอลดนิรันดรของเราเถิด: จงแก้บาปรับศีลบ่อย ๆ จงรำพึงทุก ๆ วันและจงคิดถึงความรอดชั่วนิรันดร: จงหลีกเลี่ยงท่าทางอันเป็นภัย และแม้ถึงกับจะต้องสละโลก ก็จงสละละมันเสียเถิด เพราะว่าไม่มีความปลอดภัยอันใดเลยเพียงพอสำหรับจะประกันความรอดตลอดนิรันดรของเรา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งนักบุญเบอร์นาร์ดกล่าวว่า “จะเอาให้แน่เท่าไร ก็ไม่เกินไปในเมื่อนิรันดรภาพอยู่ในภัย” (4)

        

         ข้อเตือนใจและคำภาวนา

         จริงแล้ว พระเจ้าข้า ไม่มีทางสายกลาง ข้าพเจ้าจะได้เป็นสุขเสมอหรือว่าจะต้องรับทุกข์เสมอ จะได้อยู่ในมหาสมุทรแห่งความชื่นชมยินดี หรือว่า ในมหาสมุทรแห่งความทุกข์เวทนา จะได้อยู่กับพระองค์ในสรวงสวรรค์เสมอไปหรือว่า จะต้องห่างจากพระองค์ไปอยู่ในนรกเสมอไป และข้าพเจ้าทราบว่า ตัวข้าพเจ้าสมไปอยู่ในนรกเสมอไป และข้าพเจ้าทราบว่า ตัวข้าพเจ้าสมไปอยู่ในนรก หลายครั้งมาแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็แน่ใจว่า พระองค์ทรงอภัยโทษแก่ผู้ที่กลับใจ ฉะนั้น โปรดช่วยผู้วางใจในพระองค์ให้รอดพ้นนรกด้วยเถิดพระเจ้าข้า พระองค์ทรงยืนยันประกันแก่ข้าพเจ้าว่า “(เมื่อคนบาป) จะร้องหาเรา....เราก็จะช่วยเขา และให้เขามีมงคล” (สดด. 9, 15) โปรดเร่งหน่อยเถิดพระสวามีเจ้าข้า เร่งอภัยบาป และช่วยให้ข้าพเจ้าพ้นจากนรก องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เสียใจเป็นอย่างิ่ง เพราะได้กระทำเคืองพระทัย กรุณาเร่งโปรดให้ข้าพเจ้ากลับคืนสู่พระหรรษทานของพระองค์ และให้ข้าพเจ้ารักพระเงค์เถิด พระเจ้าข้า หากในขณะนี้ข้าพเจ้าอยู่ในนรกแล้ว ก็จะรักพระองค์ไม่ได้ต่อไปแล้ว มีแต่จะเกลียดชังพระองค์เรื่อยไป อา! พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงกระทำอะไรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงจะต้องเกลียดพระองค์? พระองค์คือผู้ที่ได้ทรงรักข้าพเจ้าจนถึงยอมสิ้นพระชนม์ สมควรนักหนาแล้วที่ข้าพเจ้าจะรักตอบพระองค์ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด พระสวามีเจ้าข้าอย่าทรงปล่อยให้ช้าพเจ้าพรากจากพระองค์อีกเลย (5) ข้าพเจ้ารักพระองค์ ข้าพเจ้าต้องการรักพระองค์เสมอ “ใครหนอจะมาพรากข้าพเจ้าจากความรักของพระคริสต์ได้” (รม. 8, 35) อา! พระเยซูเจ้าข้า บาปอย่างเดียวเท่านั้น อาจจะพรากข้าพเจ้าออกหากจากพระองค์ได้ โปรดเถิด โปรดเห็นแก่พระโลหิตที่พระองค์ได้ทรงหลั่งเพื่อข้าพเจ้า และอย่าทรงปล่อยให้เป็นเข่นนั้นเลย ขอให้ข้าพเจ้าตายเสียดีกว่า พระเจ้าข้า!

         พระบรมราชินี และพระแม่เจ้า เจ้าข้า โปรดภาวนาอุทิศแก่ข้าพเจ้าโปรดให้ข้าพเจ้าตายเสีย ตายเสียสักพันครั้งเถิด ดีกว่าจะต้องพรากจากความรักต่อพระบุตรของท่านต่อไป


 

(1) Hospes es: transis et vides.

(2) O infelix felicitas, quae divitem ad aeternam infelicitatem traxit O felix infelicitas, quae pauperem ad

    aeternitatis felicitatem perduxit

(3) Magna cohitatio

(*) โทมาส มัวร์ ถูกสถาปนาเป็นนักบุญ สมัยพระสันตะปาปา ปีโอที่ 11.

(4) Nulla nimia securitas, ubi periclitatur aeternitas.

(5) Ne permittas me seqarari a te.

 

book

บทที่ 14 "ชีวิตปัจจุบัน คือการเดินทางไปสู่นิรันดรภาพ"