Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 24 การพิพากษาทีละคน

book

1. บาปในที่พิพากษา

  ชาวเราจงพิเคราะห์ดู การปรากฏตัว การฟ้อง การไต่สวน และการตัดสิน ก่อนหมด จะกล่าวถึง การปรากฏตัวของวิญญาณ ต่หน้าพระตุลาการดาววิทยาทั้งหลาย เห็นพ้องกันว่า พอคนเราสิ้นใจ ก็จะถูกพิพากษาทีละคน ในทันทีและในสถานที่ที่วิญญาณแยกออกจากร่างกายนั้น วิญญาณจะถูกพระเยซูคริสต์พิพากษา พระองค์จะไม่ทรงใช้ผู้แทน แต่พระองค์เองจะเสด็จมาพิพากษา “ในเวลาที่ท่านไม่คิด พระบุตรมนุษย์จะเสด็จมา” (ลก. 12, 40) นักบุญ เอากุสตินกล่าวว่า “พระองค์จะเสด็จมา โดยนำความชื่นชมยินดีมาให้ สำหรับผู้ใคร่ธรรมแต่เสด็จมา นำความสดุ้งกลัวมาให้ สำหรับคนอธรรม” (1) โอ! ผู้ที่จะได้แลเห็นพระมหาไถ่เป็นครั้งแรกและจะได้เห็นพระองค์กำลังทรงพระพิโรธ จะสดุ้งตกใจกลัวเป็นกระไรหนอ! “ใครหนอ จะทรงตัวอยู่ได้เฉพาะพระพิโรธของพระองค์!” (นฮม. 1, 6) คุณพ่อหลุยส์ ดือปองต์ เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้ ท่านตัวสั่น จนห้องของท่านสั่นตามไปด้วย บุญราศี ยูเวนัล เมื่อได้ยินขับร้องบท “ดีแอส อีเร” (วันพระพิโรธ) ท่านคิดถึงความกลัวของวิญญาณ เมื่อจะไปปรากฏตัว ณ ที่พิพากษาท่านจึงได้ตกลงใจสละละโลก และก็ได้ทิ้งละโลกจริง ๆ การแลเห็นพระตุลาการทรงพิโรธ ใช่อื่นไกล คือ การจะต้องโทษนั่นเอง พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระพิโรธของพระราชาเป็นเครื่องบอาความตาย” (สภษ. 16, 14) นักบุญเบอร์นาร์ด แสดงความเห็นว่า: เมื่อวิญญาณมองเห็นพระเยซูกำลังทรงพระพิโรธ เขาจะรับทุกข์มากกว่าอยู่ในนรกเสียอีก (2)

            ในโลกเรานี้ บางครั้ง เคยปรากฏว่า เมื่อจำเลยเข้าไปอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษาบางคนถึงกับเหงื่อเย็นตก ปีซอง ต้องสวมเสื้อจำเลย ไปปรากฏตัวต่อหน้าวุฒิสภาเขารู้สึกละอายเหลือทน จนได้ไปฆ่าตัวตาย โอ เมื่อลูกจะได้เห็นพ่อ ข้าแผ่นดินจะได้แลเห็นพระราชา กำลังขึ้งโกรธจัด จะรู้สึกเจ็บใจกระไรหนอ! ก็วิญญาณจะรู้สึกเจ็บใจยิ่งกว่านี้มากนัก เมื่อจะได้แลเห็นพระเยซูคริสต์ ผู้ที่เขาได้หมิ่นประมาทในโลก! “เขาจะแลเห็นผู้ที่เขาได้ตอกตรึง” (ยน. 19, 37) พระชุมพาน้อยผู้นั้น ซึ่งได้ทรงอดกลั้นเพียรทนตลอดชีวิตของเขา เขาจะแลเห็นกำลังทรงพระพิโรธ และไม่มีทางจะระงับพระพิโรธของพระองค์ได้เลย หนังสือวิวรณ์ (6, 16) กล่าวว่า: การแลเห็นอันนั้นเอง จะทำให้เขาร้องบอก ภูผาให้มาทุ่มกับตัวเขา เพื่อจะได้พ้นจากพระพิโรธของพระชุมพาน้อย นักบุญลูกาบันทึกว่า “เมื่อนั้นแหละ เขาจะแลเห็นบุตรมนุษย์ (ลก. 21, 27)

            การแลเห็นพระตุลาการภายในรูปมนุษย์นั้น จะก่อให้เกิดความเจ็บช้ำใจแก่เขาเพียงไรหนอ! เพราะเขาจะได้แลเห็นมนุษย์ ผู้ที่ได้ทรงมรณะเพื่อช่วยให้เขารอด นี่เป็นการตำหนิที่เสียดแทงใจดำของเขาอย่างสุดซึ้ง ครั้งเมื่อพระมหาไถ่เสด็จไปสวรรค์ เทวทูตได้มาแจ้งแก่สานุศิษย์ว่า “พระเยซูองค์นี้ พวกท่านแลเห็นพระองค์เสด็จจากท่านไปสวรรค์ ฉันใด พระองค์นี้เอง ก็จะเสด็จมาอีกครั้งหนึ่งเหมือนกับที่ท่านเห็นนี้ แนนั้น” (กจ. 1, 11) ฉะนั้นพระตุลาการ เมื่อจะเสด็จมาพิพากษา ก็จะคงรักษาบาดแผลไว้นี้ จะทำความยินดีมากแก่ผู้ที่แลเห็น (คนดี) แต่จะทำความสดุ้งกลัวแก่ผู้ที่คอย (คนชั่ว) (3) ครั้นเมื่อ ยอแซฟแจ้งให้พวกพี่น้องทราบว่า “ฉันนี้ คือ ยอแซฟ ผู้ที่พวกท่านได้ขาย” พระคัมภีร์ เล่าว่าพวกพี่ ๆ ตกใจกลัว จนนิ่งอั้น พูดไม่ออก (ปฐก. 45, 3) ก็ขณะนั้นคนบาปจะเอาอะไรมาตอบพระเยซูคริสต์เล่า? เขายังจะบังอาจขอความกรุณาของหรือ? เพราะว่าประเด็นแรกที่เขาจะต้องให้การ ก็คือ การที่ได้ดูหมิ่นความกรุณาของพระองค์! (4) นักบุญเอากุสติน ถามว่า: เขาจะทำอะไร? เขาจะหนีไปข้างไหน? เมื่อข้างบน เขาเห็นพระตุลาการกำลังโกรธกริ้ว ข้างล่างขุมนรกกำลังเปิดอ้า ข้างหนึ่งกองบาปกำลังร้องฟ้อง อีกข้างหนึ่ง ฝูงปีศาจกำลังเตรียมพร้อมจะสำเร็จโทษ และภายในใจมโนธรรมก็กำลังตำหนิติเตียน? (5)

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าปรารถนาจะทูลเรียกพระองค์ว่า “พระเยซู” เสมอ พระนามของพระองค์นี้บันกาลความแช่มชื่นใจ บันดาลให้ข้าพเจ้ามีใจกล้าเพราะทำให้ระลึกว่า พระองค์คือพระมหาไถ่ของข้าพเจ้า พระผู้ที่ได้ทรงมรณะเพื่อให้ข้าพเจ้ารอด นี่แน่ะ! ข้าพเจ้ากราบอยู่แทบพระบาท ขอสารภาพว่า ข้าพเจ้าควรจะไปนรกมากครั้ง เท่าจำนวนบาปหนักที่ข้าพเจ้าได้กระทำนั้นแล้ว ข้าพเจ้าไม่สมจะได้รับอภัยโทษ แต่พระองค์ได้ทรงสิ้นพระชนม์ เพื่ออภัยบาปแก่ข้าพเจ้า “พระเยซู ผู้ทรงพระทัยปราณีเจ้าข้า โปรดระลึกว่า ข้าพเจ้าเป็นเหตุให้เสด็จมาเดินทางรับความยากลำบาก” พระเยซูเจ้าข้า โปรดเร่งอภัยบาปแก่ข้าพเจ้าก่อนที่พระองค์จะเสด็จมาพิพากษาเถิด เหตุว่า เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่สามารถร้องขอความกรุณาของพระองค์ต่อไป บัดนี้ข้าพเจ้ายังขอพระกรุณาได้และหวังจะได้รับพระกรุณาด้วย เมื่อนั้นบาดแผลของพระองค์มีแต่จะทำความสดุ้งกลัวแก่ข้าพเจ้า แต่บัดนี้กำลังทำความอุ่นใจ พระเจ้าข้า ข้าแต่พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หาข้าพเจ้าเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เพราะได้ทำเคืองพระทัยดีอันหาขอบเขตมิได้ชองพระองค์ข้าพเจ้าตั้งใจยินยอมรับความยากลำบากทุกอย่าง หายนะทุกประการ ดีกว่าจะเสียพระหรรษทานของพระองค์อีก พระเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ด้วยสิ้นสุดดวงใจ ทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าเถิด ทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าเถิด พระเจ้าข้าทรงพระกรุณาด้วยพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์”!

            โอ้พระนางมารีอา ชนนีแห่งความเมตตากรุณา ท่านคือผู้ปกป้องคนบาปโปรดช่วยให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์มาก ๆ ช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับอภัยบาป และคงเจริญในความรักต่อพระเป็นเจ้าเสมอเถิด พระบรมราชินี เจ้าข้า ข้าพเจ้ารักท่าน ข้าพเจ้าวางใจในท่าน

2. การฟ้อง และการไต่สวน

            บัดนี้ เชิญพิเคราะห็เรื่อง การฟ้อง และการไต่สวนคดี การพิพากษาเริ่มขึ้นแล้ว หนังสือเปิดออก (ดนล. 8, 10) หนังสือนั้น มีอยู่สองเล่ม คือ พระวรสารและมโนธรรม พระวรสารแจ้งให้ทราบ ถึงสิ่งที่จำเลยควรจะกระทำ ส่วนมโนธรรมแจ้งให้ทราบถึงกิจการที่จำเลยได้กระนำมา (6) เมื่อนั้นตราชูอันเที่ยงธรรมของพระเป็นเจ้า จะไม่ชั่งดูทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ และตระกูลของแต่ละคน แต่จะชั่งดูแต่กิจการของแต่ละคน ดาเนียลทูลกษัตริญ์บัลทาซาร์ว่า “ท่านถูกชั่งอยู่ในตราชูและท่านได้เบาไป” (ดนล. 5, 27) คุณพ่อซูอาแรส อธิบายความตอนนี้ว่า “สิ่งที่วางไว้บนตราชู ไม่ใช่ทองคำ ไม่ใช่ทรัพยากร แต่เป็นตัวกษัตริย์เอง” (7)

            เมื่อนั้นพวกโจทก์จะพากันเข้ามา ปีศาจเข้ามาก่อย นักบุญเอากุสตินกล่าวว่า: ปีศาจจะมายืนอยู่เฉพาะหน้าพระบัลลังก์ของพระคริสต์เจ้า และมันจะท่องคำพูดที่ท่านเคยได้กล่าวออกมา มันจะแจงสี่เบี้ย ทุกๆ สิ่งที่เราได้กระทำมันจะออกชื่อวันนั้น เวลานั้น ที่เราได้ทำบาป (8) มันจะท่องคำพูดที่ท่านกล่าวออกมา หมายความว่า มันจะดีแผ่คำมั่นสัญญาต้าง ๆ ของเรา และที่เรามิได้ปฏินัติตาม มันจะชี้ความผิดของเราทุก ๆ ข้อ ว่าได้กระทำในวันนั้น ๆ เวลานั้น ๆ แล้วมันจะทูลพระตุลาการ ตามวาทะของนักบุญ ชีปรีอาโนว่า: พระสวามี ข้าพเจ้าไม่ได้ลำบากอะไรสักนิด สำหรับจะเลยผู้นี้ (9) เขาเองได้ละทิ้งพระองค์ผู้สิ้นพระชนม์เพื่อให้เขารอด เขาเองได้สมัครใจมาเป็นทาสของข้าพเจ้า ฉะนั้นตัวเขาจึงตกเป็นของของข้าพเจ้า บรรดาอารักษ์เทวดาก็จะมาเป็นโจทก์ฟ้องเหมือนกัน ดังที่ท่านโอรีเชแนส กล่าวว่า: เทวดาทุก ๆ องค์จะมายืนยันว่า ท่านได้พยายามตักเตือน ตักเตือน เป็นเวลากี่ปี ๆ แต่เขาได้เมินเฉยเสีย (10) เป็นอันว่า แม้สหายของเขาทุกคน ก็จะกลายเป็นศัตรูไปหมด นอกนั้น กำแพง ฝาผนัง ที่ได้รู้เห็นเป็นพยานในการกระทำบาปของเขา ก็จะเป็นโจทก์ฟ้อง “หินผาจะส่งเสียงออกมาจากกำแพง” (ฮบก. 2, 11) กระทั่งมโนธรรมของเขาเอง ก็จะเป็นโจทก์ฟ้อง “แม้มโนธรรมของเขา ก็จะยืนยันเป็นพยาน...ในวันพิพากษา” (รม. 2, 15) เมื่อนั้นแม้บาปของเขา ตามคำกล่าวของนักบุญเพอร์นาร์ดจะพูด จะบอกว่า: ท่านได้ทำเราขึ้นมา เราเป็นกิจการของท่าน เราจะไม่ละท่านไปเป็นอันขาด” (11) ที่สุดบาดแผลของพระเยซูคริสต์ ตามวาทะของนักบุญคริสซอสโตม จะเป็นโจทก์ฟ้องด้วย “ตะปูจะบ่นว่าท่าน บาดแผลจะต่อขานท่าน กางเขนของพระคริสต์จะสรุปความกล่าวโทษท่าน” (12)

            ต่อนั้น ก็ถึงการไต่สวนคดี พระสวามีเจ้าตรัสว่า “เราจะเอาตะเกียงส่องกรุงเยรูซาแลม” ท่านแมนโดซาว่า ตะเกียงส่องให้เห็นทั่วทุกมุมบ้าน (13) คุณพ่อ กอร์เนลีโอ อาลาปิเด อธิบายคำว่า “เอาตะเกียงส่อง” ว่า: เมื่อนั้นพระเป็นเจ้าจะทรงตีแผ่ให้จำเลยแลเห็นแบบอย่างของพวกนักบุญ เห็นแสงสว่างและความดลใจทั้งสิ้นที่พระองค์ได้ทรงประทานให้, ตลอดจนชั่วเวลาที่พระองค์ได้ทรงประทานให้เพื่อสร้างความดี “พระองค์จะทรงเรียกเอาเวลามาเป็นข้อค้านข้าพเจ้า” เป็นอันว่า เมื่อนั้นจะเป็นไปตามที่นักบุญอัลแซลมกล่าวไว้ คือ ท่านจะต้องให้การ แม้ด้วยการกะพริบตาทุก ๆ ครั้ง (14) ช่างทองเอาไฟเผาทอง เพื่อจะเขี่ยฝุ่นผงออกฉันใด กิจการที่ดี การแก้บาปการรับศีลมหาสนิท ฯลฯ ก็จะต้องถูกตรวจสอบดูด้วยฉันนั้น “พระองค์จะทรงกวาดล้างพวกลูกของ เลวี จนบริสุทธิ์ และสุกดุจทองคำ” (มลค. 3, 3) “เมื่อถึงเวลา เราจะพิพากษาความยุตติธรรม” (สดด. 74, 3) พูดสั้น ๆ คือเป็นไปตามอย่างที่นักบุญเปโตรกล่าวไว้: ในการพิพากษานั้น แม้ผู้ใคร่ธรรมก็แทบจะเอาตัวไม่รอด “ก็ถ้าหากว่า ผู้ใคร่ธรรมเอาตัวรอดอย่างหวิด ๆ แล้วคนอธรรมและคนบาปจะไปปรากฏตัวอยู่ที่ไหน?” (ปต. 4, 18) นักบุญเกรโกรี ถามว่า: หาก แม้วาจาที่ไร้ประโยชน์ยังต้องให้การ ก็จะเป็นอย่างไร สำหรับความคิดชั่วที่ได้ปลงใจทำ สำหรับวาจาสามหาวจำนวนมากที่ได้พูดออกมา? (15) สำหรับผู้ที่ได้เป็นที่สะดุดต่อผู้อื่น และได้ลอบลักวิญญาณไปจากพระสวามีเจ้า พระองค์ได้ตรัสถึงเขาเป็นพิเศษว่า “เราจะรี่ใส่เขา, ดังแม่หมีที่ถูกขโมยลูก (ฮฮย. 13, 8) ด้วยกิจการต่าง ๆ พระตุลาการจะตรัสว่า: จงสนองต่อเขา ตามกิจากรที่เขาได้กระทำนั้นเถิด “ผลแห่งกิจการของเขา ก็จงให้แก่เขา” (สภษ. 31, 31)

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            อา! พระเยซู เจ้าขา หากพระองค์ใคร่จะสนองตามกิจการของข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้ นรกนั้นแหละจะตกเป็นของของข้าพเจ้า! อนิจจา! กี่ครั้งกี่หนแล้วข้าพเจ้าได้เซ็นคำตัดสินปรับโทษตนเองให้ไปสู่ที่ทุข์ทรมานอันนั้น! ขอสมนาพระคุณที่ได้ทรงเพียรทนข้าพเจ้า โอ้! พระผู้เป็นเจ้า หากข้าพเจ้าจะต้องไปยืนอยู่เฉพาะพระบัชชังก์ ณ กาลบัดนี้ ข้าพเจ้าจะให้การด้วยความประพฤติของข้าพเจ้าเป็นอย่างไร? พระสวามีเจ้าข้า, โปรดรอข้าพเจ้าอีกหน่อยหนึ่งเถิด โปรดอย่าเพิ่งพิพากษาข้าพเจ้าเลย (16) หากพระองค์ทรงต้องการจะพิพากษาข้าพเจ้า ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าจะเป็นอย่างไรเล่า? โปรดรอก่อนเถิด พระเจ้าข้า ไหน ๆ พระองค์ก็ได้ทรงเมตตาต่อข้าพเจ้าเป็นหลายครั้งมาแล้ว โปรดทรงพระเมตตาต่อไปอีกครั้งหนึ่งเถิด โปรดให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ถึงบาปมาก ๆ องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า ข้าพเจ้าเสียใจ ที่ได้หมิ่นประมาทพระองค์หลายครั้งหลายคราวนั้น ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าอะไร ๆ ทั้งหมดแล้ว ข้าแต่พระบิดา ผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดร โปรดอภัยบาปแก่ข้าพเจ้า โดยเห็นแก่พระเยซูคริสต์เถิด ขอประทานให้ข้าพเจ้าคงเจริญอยู่ในความดี เพราะเห็นแก่พระบุญญาบารมีของพระองค์เถิด พระเจ้าข้า พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าไว้ใจว่าจะได้ทุกสิ่งที่วิงวอนมานี้ด้วยเดชะพระดลหิตของพระองค์เถิดพระเจ้าข้า

            ข้าแต่พระแม่มารีอา ผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ข้าพเจ้าวางใจในท่าน “โอ้ ท่านผู้เป็นทนายของข้าพเจ้า โปรดทอดพระเนตรอันเมตตามายังข้าพเจ้าเถิด” โปรดเหลียวแลความอาภัพน่าสังเวชของข้าพเจ้าและทรงเมตตาเถิด

3. การตัดสินปรับโทษ

            กล่าวโดยสรุป วิญญาณใดจะรอดตลอดนิรันดร วิญญาณนั้นต้องอยู่ในฐานะได้ดำเนินชีวิตที่ละม้ายคลายคลึงกับพระชนม์ชีพของพระคริสต์ ในคราวเพื่อถูกพิพากษา “บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเห็นและจัดล่วงหน้า ให้ละม้ายคล้ายคลึงกับพระฉายาแห่งพระบุตรของพระองค์” (รม. 8, 29) นี่เอง ที่ทำให้โยบตัวสั่นพูดว่า “ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไร, เมื่อพระเป็นเจ้าจะเสด็จลุกขึ้นพิพากษา? เมื่อพระองค์จะตรัสถาม ข้าพเจ้าจะตอบว่าอะไร?” (โยบ. 31, 14) วันหนึ่งมหาดเล็กของพระเจ้า ฟีลิปที่ 2 ได้กราบทูลความเท็จ พระราชาได้ตำหนิเขาเพียงว่า “เจ้าโกหกเราดังนี้หรือ?” เท่านี้ก็ทำให้มหาดเล็กเจ้ากรรมผู้นั้นกลับไปตรอมใจตายที่บ้าน แล้วคนบาปจะทำอะไร? จะตอบว่าอย่างไร แก่พระเยซูคริสต์ พระตุลาการ? อ้อ! เขาจะตอบอย่างบุรุษในพระวรสาร คนที่เข้ามาในงานเลี้ยงวิวาห์ และไม่ใส่เสื้อเฉพาะสำหรับงาน อย่างไรเล่า! คือ จะนิ่ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร (มธ. 22, 12) บาปนั้นแหละจะปิดปากของเขา “ความชั่วจะปิดปากของเขา” (สดด. 106, 42) นักบุญบาซีลีโอ กล่าวว่า: เมื่อนั้นความอายจะทรมานคนบาป ยิ่งกว่าไฟนรกเสียอีก (17)

            ในที่สุดพระตุลาการ จะตรัสเป็นคำตัดสินเด็ดขาดว่า “จงไปให้พ้นเจ้าคนชั่ว ไปสู่ไฟชั่วนิรันดร” (มธ. 25, 41) ท่าน ดีโอนีซีโอ ฤษีชาร์เตรอส์อุทานว่า: โอ้! เสียงฟ้าผ่าอันนั้น จะกังวาลน่ากลัวเพียงไรหนอ?(18) นักบุญอัลแซลมกล่าวว่า: เมื่อได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังนี้ คนที่ไม่ตัวสั่น ไม่ใช่เป็นคนที่นอนหลับ แต่เป็นคนที่ตายเสียแล้ว (19) ท่าน เอวเซบิโอ เสริม: เมื่อคนบาปได้ยินคำตัดสินปรับโทษ เขาจะสดุ้งกลัว จนว่าหากตายได้ จะตายไปอีกครั้งหนึ่ง (20) เมื่อนั้น นักบุญโทมัส แห่งวิลลา นอวา กล่าวต่อ ไม่มีทางจะขอความกรุณาไม่มีทางจะหาคนช่วย (21) ก็เขาจะวิ่งไปพึ่งใคร? ไปพึ่งพระเป็นเจ้า ผู้ที่เขาได้หมิ่นประมาท กระนั้นหรือ? (22) จะวิ่งไปพึ่งนักบุญหรือ พึ่งพระแม่มารีอาหรือ? ไม่ได้ทั้งนั้น เพราะว่าเมื่อนั้น ดาวดารา (คือบรรดานักบุญองค์อุปถัมภ์) จะตกลงมาจากฟ้า แล้ะวงจันทร์ (คือพระแม่มารีอา) จะอับแสง” (มธ. 24, 29) นักบุญเอากุสติน บอกว่า พระแม่แม่มารีอาจะทรงถอยห่างจากประตูสวรรค์ (23) 

            โอ้! อนิจจา! นักบุญโทมัส แห่งวิลลานอวา อุทาน เมื่อได้ยินพูดถึงการพิพากษา คนเราช่างดูดายทำเฉยอยู่ได้ คล้ายกับการพิพากษาตัดสินลงโทษนั้นไม่เดี่ยวข้องอะไรกับตัว! หรือคล้ายกับตัวไม่มีวันจะต้องถูกพิพากษา (24) ท่านนักบุญกล่าวสืบไปว่า: การทำเฉย ๆ ต่อหน้ามหันตรายใหญ่โตเช่นนี้ คือความบ้าโฉดเขลาอย่างวายร้าย! (25) พี่น้องที่รัก นักบุญเอากุสตินเตือนท่านว่า: ท่านอย่าพูดว่า อะไร! พระเป็นเจ้าจะทรงลงโทษให้ฉันไปสู่นรกทีเดียวหรือ? (26) จงอย่าพูดเช่นนี้เลย นักบุญกล่าว เหตุว่าแม้พวกฮีบรูเองก็ไม่ได้เคยเชื่อว่า ตนจะต้องพินาศ นักโทษในนรกจำนวนมากก็ไม่ได้เคยเชื่อเลยว่าพวกเขาจะต้องไปสู่นรก แต่แล้วบั้นปลายแห่งพระอาชญาก็มาถึง “ที่สุดมาถึงก็จบกัน...เราจะเอาพระพิโรธของเราสาดท่านและเราจะพิพากษาท่าน” (อสค. 7, 6) นักบุญเอากุสตินบอกว่า: มันจะเป็นเช่นนี้แก่ตัวท่านเหมือนกัน วันพิพากษาจะมาถึง แล้วท่านจะเห็นว่ามันเป็นจริงตามที่พระเป็นเจ้าได้ทรงคำรามไว้ (27)

            นักบุญเอลีชีโอบอกว่า: ขณะนี้เราจะเลือกเอาคำตัดสินอย่างไรก็ได้ตามความชอบใจของเราเอง (28) ก็ท่านอยากจะเลือกเอาอย่างไหนเล่า? จงจัดบัญชีของท่านให้เรียบร้องเถิด “ก่อนจะถูกพิพากษาจงจัดความยุติธรรมของท่านไว้ให้เรียบร้อย” (บสร. 18, 19) นักบุญบอนาแวนตูรา กล่าวว่า: พ่อค้าที่ฉลาดย่อมตรวจดูและงบบัญชีของตนบ่อย ๆ ทั้งนี้เพื่อกันมิให้ตนล่มจม นักบุญเอากุสตินก็พูดอย่างเดียวกันว่า: ก่อนจะถูกพิพากษา ชาวเรายังอาจเอาใจตุลาการได้ แต่เมื่อถึงคราวจะต้องพิพากษาแล้ว จะทำดั่งนี้ไม่ได้ต่อไป (29) ฉะนั้นชาวเราจงทูลพระสวามีอย่างนักบุญเบอร์นาร์ดว่า: เมื่อข้าพเจ้าจะไปปรากฏตัวเฉพาะพระพักตร์ ข้าพเจ้าใคร่ให้ตัวข้าพเจ้าถูกพิพากษามาก่อนแล้ว หาใช่ให้ถูกพิพากษาในขณะนั้นไม่ (30) ข้าแต่พระตุลาการ ข้าพเจ้าประสงค์จะให้พระองค์ทรงพิพากษาข้าพเจ้าขณะนี้ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลก เพราะว่าขณะนี้เป็นเวลาที่กำลังทรงพระกรุณา แต่ขณะนั้น ขณะเมื่อตายไปแล้ว เป็นเวลาที่จะทรงแต่ความยุติธรรม

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า หากในขณะนี้ข้าพเจ้าไม่ระงับพระพิโรธของพระองค์แล้ว ขณะนั้นข้าพเจ้าก็จะไม่มีทางระงับได้เลย ข้าพเจ้าจะต้องทำไฉนจึงจะระงับพระพิโรธของพระองค์ได้ ข้าพเจ้านี้ได้ดูหมิ่นมิตรภาพของพระองค์ ไปเห็นแก่ความสนุกอันเลวทรามประสาสัตว์ดิรัจฉานก็หลายครั้งหลายหนแล้ว? อ้อ! ข้าพเจ้าจะสนองความรักอันปราศจากขอบเขตของพระองค์ด้วยความกตัญญูแต่สัตว์โลกจะเอาอะไรมาชดเชยความผิดต่อพระผู้สร้างของตนให้สาสมได้? อา! พระสวามี พระองค์ยังทรงโปรดให้ข้าพเจ้ามีช่องทางระงับพระพิโรธได้ ขอสมนาพระคุณ! ข้าพเจ้าขอถวายพระโลหิตและการสิ้นพระชนม์แห่งพระบุตรของพระองค์นั่นแหละเป็นเครื่องระงับพระพิโรธ และขณะนี้ข้าพเจ้าก็มองเห็นว่าความยุติธรรมของพระองค์ได้รับการระงับและการชดเชยครบถ้วนแล้วทั้งยังเกินเลยไปอีกด้วย พระเจ้าข้า ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังต้องเป็นทุกข์ถึงบาปด้วย เป็นความจริง พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ตรอมใจเพราะได้ทำเคืองพระทัยของพระองค์แล้ว พระมหาไถ่เจ้าข้า โปรดพิพากษาข้าพเจ้าเสีย ณ กาลบัดนี้เถิด! ข้าพเจ้าเกลียดชังความชั่วทุก ๆ ประการ และเกลียดอย่างที่สุดข้าพเจ้ารักพระองค์จริง ๆ รักด้วยสิ้นสุดใจและตั้งใจจะรักพระองค์เสมอ จะยอมตายดีกว่าจะทำเคืองพระทัยต่อไป พระองค์ได้ทรงสัญญาว่าจะทรงอภัยบาปแก่ผู้ที่เป็นทุกข์ ฉะนั้นโปรดพิพากษาข้าพเจ้าในบัดนี้เถิด และโปรดอภัยบาปแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด พระเจ้าข้า ข้าพเจ้ายินดีรับโทษานุโทษทุกประการ ขอแต่ให้ข้าพเจ้าได้กลับเข้าคืนสู่พระหรรษทานของพระองค์และให้ข้าพเจ้าคงอยู่ในพระหรรษทานดังนี้เรื่อยไปจนวันตายเท่านั้น ข้าพเจ้าหวังว่าพระองค์จะทรงดลบันดาลให้สำเร็จไปตามคำวิงวอนของข้าพเจ้านี้, พระเจ้าข้า

            โอ้ พระนางมารีอา ขอขอบคุณท่านที่ได้ช่วยเสนอให้ข้าพเจ้าได้รับความเอ็นดูปรานีเป็นอันมาก โปรดเถิด โปรดอุปถัมภ์รักษาข้าพเจ้าจนถึงที่สุดด้วย

 

 


(1) Veniet bonis in amore, impiis in tremore.

(2) Mallet esse in inferno.

(3) Grande gaudium intuentium, grandis timor exspectantium.

(4) Qua fronte misericordiam petes, primum de misericordiae contemptu judicandus? (Eus. Emiss).

(5) Superius erit judex iratus, inferius horrendum chaos, a dextris peccata accusantia, a sinistris daemonia ad supplicium

      trahentia, intus conscientia ruens: quo fugiet peccator sic comprehensus?

(6) Videbit unusquisque quod fecit (S. Hier.).

(7) Non aurum, non opes in stateram veniunt, solus rex appensus est.

(8) Praesto erit diabolus ante tribunal Christi, et recitabit verba professioni tuae. Obiicietnobis in facimus, in qua die, in

     qua hora peccavimus. (S Aug. Cont. Jud. tom. 6).

(9) Ego pro istis nec alapas, nec flagella sustinui

(10) Unusquisque angelorum testimonium perhibet, quot annis circa eum laboraverit, sed ille monita sprevit

(11) Et dicent: tu nos fecisti, opera tua sumus, non te deseremus. (Lib. medit Cap 2).

(12) Clavi de te conqueretur, cicatrices contra te loquentur, crux Christi contra te perorabit (Chrysost. hom. in Matth.).

(13) Lucerna omnes angulos permaneat.

(14) Exigetur a te usque ad ictum oculi.

(15) Si pro otioso verbo reddte unusquisque rationem, quanto magis pro verbis impuritatis?

(16) Non inters in judicium cum servo tuo.

(17) Horridior, quam ignis, erit pudor,

(18) Oquam terribiliter personabit tonitruum, illud!

(19) Qui non tremit ad tantum tornitruum, non dormit, sed mortuus est.

(20) Tantus terror invadet malos, cum viderint judicem sententiam proferentem ut nisi essent immortals iterum

        morerontur.

(21) Non ibi precandi locul, nullus intercessor assistet, non amicus, non pater

(22) Quis et eripiet? Deusne ille, quem contempsisti? (S. Basil. orat. 4 de poenit.).

(23) Fuget a janua paradise Maira (Serm. 3 ad Fratres).

(24) Heu quam secure haec dicimus et audimus, quasi non tangeret nos haec sentential, aut quasi dies ille nunquam esset

       venturus! (Conc. de judic.)

(25) Quae est ista stulta securitas in discrimine tanto!

(26) Numquid Deus vere damnaturus est?

(27) Veniet judicii dies, et invenies verum quod minatus est Deus.

(28) In potestate nostra datur qualeter judicamur.

 

(29) Judex ante judicium placari potest, in judicio non potest.

(30) Volo judicatus praesentari, non judicandus.

book

บทที่ 24 การพิพากษาทีละคน