Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 21 ชีวิตอันไม่เป็นสุขของคนบาป และชีวิตอันผาสุกของคนที่รักพระเป็นเจ้า

book

1. บาป คือความทุกข์ทรมาน

 มนุษย์ทุกรูปทุกนามในโลกเรานี้ ต่างพยายามออกแรงเพื่อแสวงหาความสุข พ่อค้าคนนี้ ทหารคนนั้น คู่กรณีคนโน้น ต่างคนต่างออกแรง ทั้งนี้เพราะคิดว่า เพื่อได้กำไรเท่านั้น ได้ยศศักดิ์ขั้นนั้น ได้ชนะความเรื่องนั้น แล้วก็จะได้ลาภได้ความสุข แต่น่าสงสารชาวโลกแท้ ๆ ! เขาแสวงหาความสุขจากโลก ซึ่งไม่มีปัญญาจะให้ได้! มีแต่พระเป็นเจ้าผู้เดียวเท่านั้น จะประทานสันติสุขให้แก่เราได้พระศาสนจักรจึงวิงวอนว่า “โปรดประทานสันติสุขแก่ทาสของพระองค้ด้วยเถิดสันติสุขอันโลกให้ไม่ได้ (1)  แน่นอนแม้โลกจะเอาทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมด มามอบไว้ในกำมือ ก็ไม่สามารถทำให้ดวงใจมนุษย์อิ่มไปได้ เหตุว่ามนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อทรัพย์พรรค์นี้ แต่เพื่อพระเป็นเจ้าผู้เดียวต่างหาก ฉะนั้นจึงมีแต่พระเป็นเจ้าผู้เดียวเท่านั้นจะทรงทำให้ดวงใจของมนุษย์อิ่มหนำได้ สัตว์เดียรัจฉาน ถูกสร้างขึ้นเพื่อความสนุกทางประสาท ทรัพย์สมบัติฝ่ายแผ่นดิน จึงทำให้มันเป็นสุขได้: เชิญเอาหญ้าฟ่อนหนึ่งโยนให้ม้า เอาเนื้อก้อนหนึ่งโยนให้สุนัข เท่านี้มันก็อิ่มใจ ไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว แต่วิญญาณของเรา ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อพระเป็นเจ้าเพื่อร่วมสนิทกับพระองค์ ความสนุกสบายทางประสาททั้งหลายของโลก ไม่อาจทำให้อิ่มได้หรอก พระเป็นเจ้าผู้เดียวเท่านั้น จะทรงทำให้วิญญาณอิ่มได้

            นักบุญลูกา (12, 19) บันทึกว่า: พระสวามีเจ้าตรัสถึงเศรษฐีผู้หนึ่งซึ่งเก็บเกี่ยวข้าวได้จำนวนมาก เขาได้พูดกับตนเองว่า “วิญญาณข้าเอ๋ยเจ้าได้สะสมทรัพย์สมบัติสำหรับใช้สอยได้เป็นเวลาหลายปีแล้ว เอ้า! พักเหนื่อยเสีย กินดื่มให้สบายเสียที” แต่เศรษฐีผู้นั้น ถูกขนานนามว่า เป็นคนบ้า นักบุญบาซีลีโอกล่าวว่า: มันก็ถูกต้องแล้วหรือ! ท่านกล่าวต่อ เจ้าคนอาภัพ เจ้ามีวิญญาญหมู (2) หรือวิญญาณสัตว์เดียรัจฉานตัวใดตัวหนึ่งกระนั้นกรือ? เจ้าจึงคิดว่า วิญญาณของเจ้าจะอิ่มไปได้ด้วยการขุน การกิน การดื่มและความสนุกทางประสาท? นักบุญเบอร์นาร์ด กล่าวว่า มนุษย์เราอาจจะพองโตไปด้วยทรัพยากรของโลกแต่จะให้อิ่มนั้นไม่ได้ (3) เมื่ออธิบายถึงพระวรสาร ตอนที่ว่า “นี่แน่ะ! พวกข้าพเจ้าได้สละละทิ้งทุกสิ่ง...” ท่านกล่าวว่า: ท่านได้แลเห็นคนโรคจิตกลุ่มหนึ่งเป็นบ้าต่างๆ กัน คนบ้าทุกคนหิวโซเหมือนกันหมด พวกหนึ่งกำลังกินดิน หมายถึงพวกคนตระหนี่งกเงิน อีกพวกหนึ่งกำลังลม หมายถึงพวกบ้ายศ บ้าศักดิ์ พวกหนึ่งกำลังนั่งอยู่รอบเตาไฟ อ้าปากกินเปลวไฟ ที่แลบออกมาจากเตา หมายถึงพวกมุทะลุขี้โมโหและที่สุดอีกพวกหนึ่ง กำลังนั่งอยู่ข้างบ่อน้ำโสโครกและกำลังดื่มน้ำครำ หมายถึงพวกใจลามก เห็นดังนั้น ท่านนักบุญจึงตะโกนบอกพวกนั้นว่า “อะไรกัน! เจ้าพวกคนบ้าเอ๊ย เจ้าไม่เห็นดอกหรือ ของเหล่านั้นมันไม่ดับความหิว แต่กลับทำให้หิวหนักขึ้น?” (4)

            ทรัพยากรของโลกนี้ เป็นเพียงทรัพย์ที่ลวงตา จึงไม่อาจทำให้มนุษย์อิ่มใจได้ (อัคเชโอ 1, 6) นักบุญเอากุสติน อธิบายว่า คนตระหนี่ยิ่งได้ก็ยิ่งโลภ (5) คนลามกยิ่งปล่อยตัวในปลักโสมม ก็ยิ่งจะเบื่อหน่าย และก็ยิ่งจะอยากยิ่งขึ้นอีกพร้อมกันไปในตัว ไฉนอุจจาระและสิ่งปฏิกูลทางเนื้อหนังจะทำให้อิ่มใจได้หนอ?- คนบ้ายศบ้าศักดิ์ก็เหมือนกัน อยากจะกินควันไห้อิ่ม คนพวกนี้ หาสิ่งที่ตนไม่มีมากกว่าสิ่งที่ตนมี พระเจ้าอาเลกซันเดอร์มหาราช แม้จะยกทัพไปตีประเทศต่าง ๆ ได้มาเป็นอันมากแล้ว ก็ยังร้องไห้เพราะว่ายังมิได้เป็นเจ้าของประเทศอื่น ๆ อีกสมมุติว่า ทรัพยากรในโลกนี้ อาจทำให้มนุษย์อิ่มใจได้ แน่นอน พวกเศรษฐีพวกกษัตริย์ จะเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ด้วยความสุข แต่ตรงข้าม การประสบการณ์สอนเราว่า ไม่เป็นเช่นนั้น พระเจ้าซาโลมอน เคยอ้างว่าตัวท่านเองไม่เคยอดความสนุกทางเบญจประสาทสักอย่างเดียวเลย (ปญจ. 2, 10) แล้วท่านได้กล่าวว่าอย่างไร? ได้กล่าวว่า “ความฟุ่งเฟ้อแห่งความฟุ้งเฟ้อ สารพัดคือความฟุ้งเฟ้อ” (ปจญ. 1, 2) ท่านตั้งใจจะบอกเราว่า: ทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้ ล้วนเป็นความฟุ้งเฟ้อ ความโกหกพกลม ความบ้าบอนั่นเอง

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            อา! พระผู้เป็นเจ้า เจ้าข้า เมื่อได้กระทำเคืองพระทัยของพระองค์แล้วข้าพเจ้าได้อะไรบ้างนอกจากความระทมทุกข์ความขมขื่นและบัตรไปนรก? บัดนี้ข้าพเจ้าก็กำลังรับความขมขื่น ข้าพเจ้าไม่น้อยใจเลย แต่กลับดีใจเสียอีกเพราะมันเป็นผลแห่งพระหรรษทานของพระองค์ พระองค์เองเป็นผู้บันดาลให้เกิดขึ้นในใจของข้าพเจ้า จึงเป็นทางให้ข้าพเจ้าวางใจได้ว่า พระองค์ทรงปรารุนาจะอภัยบาปแก่ข้าพเจ้า พระมหาไถ่เจ้าข้า สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าเสียใจก็คือ ความขมขื่นที่ข้าพเจ้าได้กระทำต่อพระองค์ผู้ทรงรักข้าพเจ้าเป็นนักหนา พระสวามีเจ้าข้า ข้าพเจ้สมจะให้พระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้า ในขณะนั้นแล้ว แต่แทนจะทรงทอดทิ้ง พระองค์กับทรงอภัยโทษแก่ข้าพเจ้ายิ่งกว่านั้นอีก พระองค์เอง ทรงขอคืนดีกับข้าพเจ้าก่อนด้วย เป็นความจริงใจ พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าอยากคืนดี ข้าพเจ้าอยากได้พระหรรษทานของพระองค์ มากกว่าอะไร ๆ ทั้งหมด องค์ความใจดีปราศจากขอบเขตเจ้าข้า ข้าพเจ้าเสียใจที่ได้กระทำเคืองพระทัย ข้าพเจ้าเป็นทุกข์อยากจะตรอมใจตาย โปรดเถิด โปรดเห็นแก่ความรักอันใหญ่หลวง จนได้ทรงยอมมรณะบนไม้กางเขนเพื่อข้าพเจ้า ประทานอภัยบาปแก่ข้าพเจ้าเถิด และโปรดรับข้าพเจ้าไว้ในพระหฤทัยของพระองค์ โปรดเปลี่ยนดวงใจของข้าพเจ้า อย่างกลับหน้ามือเป็นหลังมือ ครั้งก่อนนี้มันได้ทำเคืองพระทัยของพระองค์เพียงไร ก็นับแต่บัดนี้ไป ขอให้ทำปต่ที่ชอบพระทัยเพียงนั้นเถิด พระเจ้าข้า ณ บัดนี้ เพื่อเป็นการแสดงความรักต่อพระองค์ ข้าพเจ้ายอมสละละความสนุกสุขสบายทั้งหลาย ที่โลกอาจนำมายื่นให้ ข้าพเจ้าตัดสินใจยอมตายดีกว่าจะเสียพระหรรษทานของพระองค์ โปรดแจ้งให้ข้าข้าพเจ้าทราบเถิดว่า พระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด ข้าพเจ้ายินดีจะปฏิบัติตามทุกอย่าง ความสนุกสบาย? ยศศักดิ์? ความมั่งมี? ข้าพเจ้าไม่เอาแล้ว ไม่เอาทั้งนั้น ข้าพเจ้าต้องการแต่พระองค์ พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ความอภิรมย์ยินดีของข้าพเจ้า เกียรติมงคลของข้าพเจ้า ทรัพยากรของข้าพเจ้า ชีวิตของข้าพเจ้าความรักของข้าพเจ้า และสรรพสิ่งของข้าพเจ้า พระสวามีเจ้าข้า โปรดให้ข้าพเจ้าซื่อสัตย์ต่อพระองค์ และให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ผู้เดียว นอกนั้นจะทรงพอพระทัยกระทำแก่ข้าพเจ้าอย่างไร ก็สุดแล้วแต่จะทรงเห็นขอบเถิด พระเจ้าข้า

            ข้าแต่พระนางมารีอา รองแต่พระเยซูลงมา ท่านคือความหวังไว้ใจของข้าพเจ้า! โปรดรับข้าพจไว้ในความอารักขาของท่าน และโปรดให้ตัวข้าพเจ้าเป็นของของพระเป็นเจ้าทั้งหมดเถิด

2. ความเดือดร้อนในใจคนบาป

            ซาโลมอน มิได้กล่าวไว้เพียงว่า “ทรัพย์สมบัติแห่งโลกนี้ เป็นความฟุ้งเฟ้อ ไม่อิ่มใจเรา” แต่ท่านยังเสริมว่า “มันทรมานใจ” (ปญจ. 1, 14) อีกด้วย น่าสงสารคนบาปแท้ ๆ! เขาทำบาป ตังใจจะหาความสุข แต่แล้วเขาประสบแต่ความขมขื่น และความกลัดกลุ้มในมโนธรรม “วิถีทางของเขา มีแต่ความพินาศและความอาภัพ เขาไม่รู้จักทางนำไปสู่นันติสุข” (สดด. 13, 3) เขาหาสันติสุข หาความสุขหรือ? ไม่มีวัน จะได้พบ เพราะพระสวามีได้ตรัสไว้ว่า “ไม่มีสันติสุขสำหรับคนอธรรม” (อสย. 48, 22)

            ประการแรก บาปนำมาซึ่งความกลัวการแก้แค้นของพระเป็นเจ้า หากเรามีศัตรูเป็นผู้มีอำนาจ เราจะกิน จะนอนหลับให้สบายก็ไม่ได้ ประสาอะไร เมื่อเรามีพระเป็นเจ้าเป็นศัตรูเล่า เราจะอยู่สบายได้หรือ? “ผู้กระทำชั่ว ต้องมีความกลัว” (สภษ. 10, 29) ผู้อยู่ในบาป เมื่อเกิดแผ่นดินไหว หรือได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า เขาก็ตัวสั่น! แม้เพียงใบได้ไหวกรอบแกรบ เขาก็ขนลุก: “ในหูของเขา มีเสียงบอกให้กลัวอยู่เสมอ” (โยบ. 15, 21) “เขาวิ่งหนีทั้ง ๆ ที่ไม่มีคนตาม” (สภษ. 28,1) ก็อะไรเล่าไล่ตามเขา? มันก็คือ บาปของเขานั่นเอง เมื่อกาอินได้ฆ่า อาแบลน้องชายแล้ว เขาคิดว่าใคร ๆ ก็ไล่ตามจะฆ่าเขา (ปฐก. 4, 14) และแม้พระเป็นเจ้าได้ทรงให้คำมั่นแก่กาอันว่า: ไม่มีใครจะทำร้ายเขา ถึงกระนั้น พระคัมภีร์เล่าว่ากาอินไม่วายหนีเรื่อยไป จากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่ง (ปฐก. 4, 15-16) ใครเล่าเป็นผู้ไล่ตามกาอิน ถ้ามิใช่บาปของเขาเอง?

            ประการสอง บาปนำมาซึ่งความวุ่นวายในมโนธรรม ซึ่งเป็นประหนึ่งหนอนปราศจากความปราณี คอยชอนไชอยู่เรื่อยไป คนบาปจะไปดูละครไปเต้นรำ ไปกินเลี้ยง มโนธรรมก็ตามไปตะโกนบอกเขาว่า “เจ้าเป็นศัตรูของพระเป็นเจ้า หากเจ้าตายไป เจ้าจะไปไหน? ความกลัดกลุ้มมโนธรรมดังนี้ เป็นอาชญาโทษที่หนักอยู่ แม้เมื่อยังอยู่บนแผ่นดินนี้แล้ว จนบางคนเหลือจะอดกลั้นจึงไปฆ่าตัวตาย เพราะต้องการเลี่ยงให้พ้น ตัวอย่างที่เรารู้จักกันดีคือ ยูดาส เขาเสียใจจึงได้ไปผูกคอตาย เขาเล่าว่า มีคน ๆ หนึ่งไปฆ่าเด็กเพื่อแก้กลุ้มใจ จึงได้ไปสมัครเป็นฤษี แต่แม้เมื่ออยู่ในพระอาราม ก็ไม่เป็นสุขที่สุด จึงตัดสินใจไปสารภาพความผิดต่อผู้พิพากษา เลยเป็นเหตุให้ตัวเขาถูกประหารชีวิต ด้วยประการฉะนี้

            วิญญาณ ที่ไร้พระเป็นเจ้า เป็นอย่างไร?- พระจิตเจ้าตรัสว่า เป็นทะเลที่กำลังบ้าคลื่น “คนอธรรมเป็นดังทะเลกำลังบ้า ไม่รู้จักสงบ” (อสย. 57, 20) ขอถามทีเถิด ผู้ที่เมื่อไปฟังดนตรี ไปเต้นรำ ไปกินเลี้ยง แล้วถูกผูกเท้าแขวนขึ้นเอาหัวห้อยลง เขาผู้นั้นจะมีความสุขได้หรือ? ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้มีมโนธรรมยุ่ง กลับหัวกลับท้าย แม้จะแหวกว่ายอยู่ในกองทรัพย์สมบัติ แต่เขาก็ไม่มีพระเป็นเจ้าเขาจะกิต จะดื่ม จะเต้นรำ จะแต่งตัวหรูหรา จะมีเกียรติยศแค่ไปน จะมีฐานะดีเพียงไร จะเป็นเจ้าของสิ่งใด ๆ ก็ตาม เขาจะไม่มีความสุขเป็นอันขาด “ไม่มีสันติสุข สำหรับคนอธรรม” (อสย. 48, 22) สันติสุขจะมีได้ก็แต่โดยทางพระเป็นเจ้าแต่พระองค์ทรงประทานให้เฉพาะแก่ผู้เป็นมิตรของพระองค์ และไม่ทรงประทานแก่ศัตรูของพระองค์

            นักบุญวินแชนซีโอ แฟร์รารีโอ กล่าวว่า “ทรัพย์สมบัติแห่งแผ่นดินนี้เป็นของภายนอก มันไม่เข้าไปข้างในใจ” (6) แม้คนบาปจะใส่เสื้อปักหรู ๆ จะสวมแหวนเพชรเม็ดงาม ๆ จะกินอยู่อย่างสบาย ดวงใจของเขาจะท่วมท้นไปด้วยรกหนาม และด้วยดินอันขมขื่นอยู่เสมอ ดังนั้น ท่านจึงเห็นว่า แม้เขาจะว่ายอยู่ในขุมทรัพย์ เงินทอง ความสนุกสบาย ความเพลิดเพลิน แต่เขาคงไม่สบายใจอยู่เสมอหากมีอะไรมาขัดใจหน่อย เขาก็โกรธ เดือดดาลคล้ายสุนัขบ้า! ส่วนผู้รักพระเป็นเจ้าเมื่อมีความยากลำบาก เขารู้จักนอบน้อมตามน้ำพระทัย เขาจึงไม่มีทางจะทำให้ตนสบายใจ น่าสังเวชแท้! เขาไปปรนนิบัติปีศาจ ซึ่งเป็นทรราช มันจึงมีปต่จะประทานความทุข์ร้อน ความขมขื่น เป็นรางวัลแก่เขา จะเป็นอย่างอื่นไปมิได้ นอกจากเป็นไปตามพระวจนะของพระเป็นเจ้าว่า “เพราะเจ้าไม่อยากปรนนิบัติพระสวามี พระเป็นเจ้าของพระเป็นเจ้าด้วยความอิ่มหนำยินดี...เจ้าจึงจะต้องปรนนิบัติศัตรูของเจ้าด้วยความอดหิว ความกระหาย เปลือยกาย และความแร้นแค้น” (ฉธบ. 28, 47) มีอะระบ้างที่คนพยาบาทจะไม่ต้องรับทนแม้เมื่อได้แก้แค้นสมหวังแล้ว? มีอะไรบ้า ที่ตนลามกไม่ต้องทนแม้เมื่อได้ตามความปรารถนาแล้ว? คนบ้ายศ! คนตระหนี่ก็เหมือนกัน! โอ้! หากคนเหล่านี้จะได้รับทนความยากลำบากเพราะเห็นแก่พระเป็นเจ้า เท่าที่เขาได้รับทนเพื่อความพินาศของตนเองแล้วมีกี่คนจะได้เป็นนักบุญใหญ่ในสวรรค์!

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            โอ้! น่าเสียดายชีวิต ที่ข้าพเจ้าได้เสียเปล่าไป! หากข้าพเจ้าจะได้ยอมรับทนทุกข์ในการปรนนิบัติพระเป็นเจ้า เท่าเสมอที่ได้ทนเพื่อทำบาปเคืองพระทัยของพระองค์นั้น ปานนี้ข้าพเจ้าจะมีบุญกุศลสำหรับสวรรค์มากมายเพียงไรหนอ! อา! พระสวามรเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้สละละพระองค์ เพราะเหตุใด? ได้ยอมเสียพระหรรษทานของพระองค์ เพราะเหตุใด?- เพราะเห็นแก่ความสนุกอันมีพิษสงและอันเมื่อได้มา ก็อยู่ชั่วครู่สั้น ๆ พอได้ลิ้มรสแล้ว มันก็อันตรธารสูญไป เหลือไว้แต่รกหนาม และความขื่นขม เต็มปรี่อยู่ในดวงใจ! โอ้! บาปจัญไร ข้าชังน้ำหน้าข้าสาปแช่งเจ้าพันครั้ง! ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอถวายพระพรแด่ความเมตตากรุณาของพระองค์ ที่ทรงเอ็นดูสงสารข้าพเจ้าถึงเพียงนี้ ข้าพเจ้ารักพระองค์พระผู้สร้าง และพระมหาไถ่ ผู้ได้ทรงพลีพระชนม์ชีพเพื่อข้าพเจ้า ขณะนี้ข้าพจ้าเป็นทุกข์ตรอมใจเพราะความรักต่อพระองค์แล้ว พระเจ้าข้า พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าได้ยอมเสียพระองค์ เพราะอะไร? ข้าพเจ้าได้เอาพระองค์ไปแลกกับอำไร? บัดนี้ข้าพเจ้าสำนึกรู้ความผิดแล้ว จึงตั้งใจจะสละละทุกสิ่ง แม้ชีวิตของข้าพเจ้า ดีกว่าจะเสียความรักต่อพระองค์อีก พระเจ้าข้า ข้าแต่พระบิดาผู้สถิตสถาพระตลอดนิรันดร ด้วยเดชะความรักของพระองค์ต่อพระเยซูคริสต์ โปรดประทานแสงสว่างแก่ข้าพเจ้า จะได้รู้จักพระองค์ องค์คุณงามความดีหาขอบเขตมิได้ และจะได้รู้จักความถ่อยเลวของทรัพย์สมบัติ ซึ่งปีศาจจะนำมาล่อหลอก เพื่อจะได้ให้ข้าพเจ้ายอมเสียพระหรรษทานของพระองค์ ข้าพเจ้ารักพระองค์ และตั้งใจจะรักพระองค์ยิ่ง ๆ ขึ้น พระองค์ผู้เดียวจะเป็นความคิดของข้าพเจ้า จะเป็นความปรารถนาของข้าพเจ้า จะเป็นความรักของข้าพเจ้า! ข้าพเจ้าหวังว่า จะได้ทุกสิ่งดั่งกล่าวมานี้ จากพระทัยดีของพระองค์ และหวังจะได้ ด้วยอาศัยพระบารมีแห่งพระบุตรของพระองค์ พระเจ้าข้า

            พระแม่มารีอา เดชะความรักของท่านต่อพระเยซูคริสต์ โปรดช่วยจัดหาให้ข้าพเจ้าได้รับความสว่าง และพละกำลังสำหรับการปรนนิบัติพระเป็นเจ้า และรักพระองค์ตราบจนชีวิตจุหาไม่ ด้วยเถิด

3. นักบุญเท่านั้นเป็นผู้มีความสุข

            ถูกแล้ว ทรัพยากรและความสนุกสุขสบายทั้งหลายฝ่ายแผ่นดิน ไม่อาจอิ่มใจมนุษย์ได้ ก็ใครเล้าจะทำให้มนุษย์อิ่มใจได้?- พระเป็นเจ้าผู้เดียวเท่านั้น “จงเอาพระสวามีเจ้า เป็นความยินดีของเจ้าเถิด และพระองค์จะทรงดลบันดาลให้ดวงใจของเจ้าได้สมความปรารถนาทุกอย่างทถกประการ” (สดด. 36, 4) ดวงใจของมนุษย์ย่อมแสวงหาทรัพย์ที่จะทำให้อิ่ม แม้เมื่อได้ทรัพย์สมบัติ ความสนุกสบายและยศศักดิ์แล้ว ก็ยังหาอิ่มใจไม่ เพราะของเหล่านี้มีขอบเขต แต่ดวงใจของมนุษย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อทรัพย์อันไม่มีขอบ ต่อเมื่อมาพบพระเป็นเจ้าและได้ร่วมสนิทกับพระองค์แล้ว จึงอิ่มใจในทันที ไม่ปรารถนาอะไรอีกแล้ว ตลอดเวลาที่นักบุญเอากุสติน เที่ยวหาความสนุกทางเบญจประสาท ท่านก็มิได้พบความสุขเลย ครั้นเมื่อกลับใจมาถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าแล้ว ท่านจึงรับ และทูลพระสวามีเจ้าว่า: พระเจ้าข้า บัดนี้ข้าพเจ้าทราบแล้ว: ทุกสิ่งเป็นแต่ความฟุ้งเฟ้อเป็นเครื่องทรมานทั้งนั้น มีแต่พระองค์ผู้เดียวเป็นความสุขแท้ของวิญญาณ (7) จากผลร้ายที่ได้รับท่านจึงสอนเราว่า: มนุษย์เอ๋ย เจ้าตามหาอะไร? หาทรัพย์ใช่ไหม? จงหาทรัพย์อันบรรจุทรัพย์ทั้งหลายเถิด (8) เมื่อกษัตริย์กาวิตได้ทำบาปแล้ว ท่านปล่อยตัวหาความสนุกต่าง ๆ นานาในการไล่เนื้อยิงนก เที่ยวชมสวนหลวง กินเลียงและความเพลิดเพลินอย่างอื่นกับข้าบริพาร แต่การกินเลี้ยงอุทยาน และสัตว์โลกอื่นทั้งหลายที่ท่านถือเอาว่าเป็นความสนุกเพลิดเพลินนั้นต่างก็บอกท่านว่า: ดาวิด ท่านต้องการให้พวกเราทำความอิ่มใจแก่ท่านหรือ? ไม่ได้ ไม่ได้ พวกเราไม่มีปัญญาทำความอิ่มใจแก่ท่าน ฉะนั้นถึงแม้ดาวิด จะแหวกว่ายท่ามกลางความเพลิดเพลินทุกอย่างท่านก็ไม่วายร้องไห้รำพรรณว่า “ข้าพเจ้าต้องกินแต่น้ำตาทั้งวันทั้งคืน ด้วยได้ยินเสียงแว่ว ๆ เรื่อยไปว่า: พระเป็นเจ้าของท่านอยู่ที่ไหน?” (สดด. 41, 3)

            โอ! ตรงข้าม พระเป็นเจ้าทรงรู้จักบันดาลให้วิญญาณที่รักพระองค์ได้อิ่มหนำสำราญเพียงไรหนอ! เมื่อนักบุญฟรันซิส อัสซีซี ได้สละละทุกสิ่งเพื่อพระองค์นั้น ท่านไม่มีรองเท้า มีแต่ผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งพันกาย ท่านต้องทนหนาวและอดหิวแทบตาย ถึงกระนั้น ท่านก็รู้สึกเหมือนอยู่สวรรค์ ทูลพระองค์ว่า “พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์คือ สารพัดของข้าพเจ้า” เมื่อนักบุญฟรันซิสโก บอร์ยีอาเข้าเป็นฤษีแล้ว วันหนึ่งเมื่อกำลังเดินทาง ท่านต้องไปนอนบนกองฟาง แต่ท่านก็รู้สึกยินดีเป็นที่สุด จนนอนไม่หลับ นักบุญฟิลิปเนรีก็เหมือนกัน วันที่ได้สละละทุกสิ่งแล้ว เมื่อไปนอน พระเป็นเจ้าทรงบรรเทาใจของท่นมาก จนท่านต้องกลับทูลพระองค์ว่า “พอทีเถิดพระเยซูเจ้าข้า ปล่อยให้ข้าพเจ้านอนบ้างเถิด” คุณพ่อการ์โล ณ ลอร์แรน คณะเยสุอิต เป็นเจ้านายในตระกูล ลอร์แรน ครั้นมาถึงห้องเล็ก ๆ ของท่านในพระอาราม บางครั้งท่านก็ยินดีจนโลดเต้น นักบุญฟรันซิส เซเวียร์เมื่อทำงานเหนื่อยยากอยู่ในประเทศอินเดีย ท่านเปิดอก พลางทูลว่า “พระเจ้าข้าเรื่องความบรรเทานั้น พอทีเถิด” (9) ดวงใจของข้าพเจ้าทนไม่ไหวแล้ว นักบุญเทเราซากล่าวว่า “ความบรรเทาของโลกรวมกัน” แน่นอน ต้องเป็นไปตามคำมั่นสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ตรัสว่า พระองค์จะทรงปูนรางวันแก่ผู้สละละทรัพย์สมบัติฝ่ายโลกนี้เพื่อพระองค์ ให้เขามีความสุขความยินดีเป็นร้อยเท่าแม้ในชีวิตปัจจุบันนี้ด้วย: “ผู้ใดละบ้านช่อง ญาติพี่น้อง...เพราะเห็นแก่พระนามของเรา ผู้นั้นจะได้รับรางวัลร้อยเท่า และจะได้ชีวิตชั่วนิรันดร” (มธ. 19, 29)

            ก็ชาวเรากำลังแสวงหาอะไรเล่า? จงแสวงหาพระเยซูคริสต์กันเถิดพระองค์ตรัสเรียก และเชื้อเชิญเราว่า “มา ท่านทั้งหลาย บรรดาผู้เหนื่อยยากและแบกของหนัก จงมาหาเรา เราจะทุเลาบรรเทาใจท่าน” (มธ. 10, 28) วิญญาณที่รักพระเป็นเจ้า ได้รับความสุข อันอยู่เหนือความสุขสบายและความยินดีทั้งสิ้นซึ่งเบญจประสาทและโลกจะอำนวยให้ได้ (ฟป. 4, 7) จริงอยู่ ในชีวิตปัจจุบันนี้แม้ผู้เป็นนักบุญ ก็ยังต้องทนความยากลำบากแล้ว ก็จะสร้างบุญกุศลไม่ได้ ถึงกระนั้น นักบุญบอนาแวนตูรา กล่าวว่า: ความรักของพระผู้เป็นเจ้า คล้ายกับน้ำผึ้งซึ่งคลุกเคล้าทำให้ของขม กลายเป็นของหวาน และน่ากิน! ผู้ที่รักพระเป็นเจ้า ย่อมรักน้ำพระทัยของพระองค์ ฉะนั้นใจเขาจึงมีความยินดีได้ แม้กำลังอยู่ท่ามกลางความขื่นขม โดยที่เขาทราบว่าเมื่อตนนอบน้อมตามน้ำพระทัย ตนก็เป็นที่รักใคร่ชอบพอของพระผู้เป็นเจ้า อนิจจา! คนบาปไม่เคยลิ้มรสความสุขใจเช่นนี้ เขาจึงหมิ่นประมาทชีวิตฝ่ายจิตใจ! นักบุญเพอร์นาร์ด กล่าวว่า: เขามองเห็นแต่การบำเพ็ญตบะ อันผู้เป็นมิตรของพระผู้เป็นเจ้ารับทน มองเห็นแต่ความสนุกสบายที่ท่านเหล่านั้นยอมอด แต่เขามองไม่เห็นความแช่มชื่น ทางจิตใจ ที่พระสวามีเจ้าทรงทะนุถนอมไว้ให้ (10) โอ้! หากคนบาปจะได้ชิม ได้ลิ้มรสความสุข ที่วิญญาณผู้รักพระเป็นเจ้า ได้รับนั้น สักครั้งหนึ่งหนอ! ดาวิด กล่าวว่า “ลองชิมดูเถิด แล้วท่านจะทราบว่า พระสวามีเจ้าทรงหวานฉ่ำสักปานใด” (สดด. 33, 9)

            พี่น้องที่รัก ท่านจงเริ่มรำพึงภาวนาทุก ๆ วัน จงเริ่มรับศีลมหาสนิทบ่อย ๆ เริ่มไปสนทนากับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท เริ่มปลีกตัวออกห่างจากโลกแล้วผูกสัมพันธ์กับพระเป็นเจ้าเถิด และในชั่วเวลาสั้น ๆ ขณะท่านกำลังสนทนากับพระองค์นั้น ท่านจะเห็นว่า พระสวามีเจ้าทรงรู้จักบรรเทาใจท่าน ดีเสียกว่าที่ท่านเคยได้รับจากโลก และจากความสนุกสนานทั้งหลายของมันเป็นนักหนา “ลองชิมดูเถิด แล้วท่านจะเห็นด้วยตนเอง” ผู้ที่ไม่เคยชิม ไม่อาจจะเข้าใจได้ว่าพระเป็นเจ้าทรงรู้จักทำความอิ่มใจ แก่วิญญาณผู้รักพระองค์อย่างไร!

ข้อเตือนใจและคำภาวนา

            พระมหาไถ่ ที่สุดเสน่หาเจ้าข้า ไฉนหนอครั้งก่อนนี้ ข้าพเจ้าจึงได้ตาบอดมืด จนถึงกับได้ยอมสละละพระองค์ องค์คุณงามความดีปราศจากขอบเขต และต้นธารแห่งความทุเลาบรรเทา ไปแลกเปลี่ยนพระองค์กับความอาภัพน่าทุเรศและความสนุกสบายทางเบญจประสาทอันคงอยู่ชั่วครู่สั้น ๆ ! ข้าพเจ้าแปลกใจในความบอดมืดของตนเองแท้ ๆ แต่ข้าพเจ้างงงวยในความเมตตากรุณาของพระองค์ที่ทรงเพียรทนข้าพเจ้า มากกว่านั้นอีก! ขอสมนาพระคุณที่โปรดให้ข้าพเจ้าเข้าใจแจ้งในความบ้าของตนและรู้แท้แน่ชัดว่าจำเป็นที่จะต้องรักพระองค์ พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ และตั้งใจรักพระองค์ยิ่ง ๆ ขึ้นอีก พระเจ้าข้า โอ้ ! พระผู้เป็นเจ้า ผู้น่ารักอย่างยิ่ง โปรดให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ พระองค์ผู้ทรงรักข้าพเจ้าจนไม่ทรงรู้จะรักอย่างไรแล้ว ทั้งทรงประสงค์ให้ข้าพเจ้ารักพระองค์มาก ๆ ด้วย “หากทรงพอพระทัย พระองค์ก็โปรดให้ข้าพเจ้าบริสุทธิ์ไป” (มธ. 8, 2) โอ้! พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา โปรดชำระล้างดวงใจของข้าพเจ้าให้ปราศจากความรักอันไม่บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นอุปสรรคมิให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ สมความปรารถนาเถิดข้าพเจ้าไม่รู้แห่งจะทำอย่างไรให้ดวงใจของข้าพเจ้าทั้งหมด ระอุร้อนไปด้วยความรักต่อพระองค์ มันจึงจะไม่รักอะไรอื่น นอกจากรักพระองค์ มันจะเป็นไปได้ดังนี้ ก็โดยอาศัยพระหรรษทานของพระองค์เท่านั้น  เพราะว่าพระหรรษทานของพระองค์มีฤทธิ์จะทำอะไร ๆ ก็ได้ โปรดพรากดวงใจข้าพเจ้าให้ออกห่างจากทุกสิ่ง โปรดกำจัดให้ดวงใจข้าพเจ้าปราศจากความรู้สึกต่าง ๆ ที่มิใช่เพื่อพระองค์และบันดาลให้ตัวข้าพเจ้าทั้งหมดเป็นของของพระองค์เถิด พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าเสียใจเป็นอันมาก ที่ได้กระทำเคืองพระทัย และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะให้ชีวิตที่ข้าพเจ้ายังมีอยู่นี้ เพื่อรักพระองค์เท่านั้น แต่จะสำเร็จเป็นไปดังนี้ ก็ต้องสุดแล้วแต่พระองค์โปรดเถิด พระเจ้าข้า โปรดให้เป็นไปดังนี้ ด้วยเห็นแก่พระโลหิตที่ได้ทรงหลั่งเพื่อข้าพเจ้า เห็นแก่พระมหาทรมาน และเห็นแก่ความรักอันใหญ่หลวงของพระองค์ต่อข้าพเจ้านั้นเถิด องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า เพื่อเป็นเกียรติมงคลแด่พระสรรพานุภาพของพระองค์ ขอดลบันดาลให้ดวงใจของข้าพเจ้า ซึ่งแต่ก่อนเต็มปรี่ด้วยความรักต่อโลก ให้มันลุกโชติช่วงด้วยความรักต่อพระองค์ ณ บัดนี้เถิด พระเจ้าข้า

            โอ้ พระชนนีแห่งความรักอันงาม โปรดช่วยเสนอให้ข้าพเจ้าเหมือนท่านคือ ให้ข้าพเจ้าระอุร้อนอยู่ด้วยความรักต่อพระเป็นเจ้าเถิด

(1) Da servis tuis illam, quam mundus dare non potest pacem

(2) Numquid porcinam habes?

(3) Inflari potest, satiari non potest.

(4) Magis famem haec provocant, quam extingunt.

(5) Maior pecunia avaritiae fauces non claudit, sed extendit.

(6) Sunt aquae quae non intrant illuc ubi sitis.

(7) Inquietum est cornostrum, donec requiescat in te. Dura sunt omnia et tu solus requies.

(8) Quid quaeris, homuncio, quaerendo bona? Ana unum bonum, in quo sunt onmia bona.

(9) Sat est, Domme.

(10) Vident crucem, sed non vident unctionem.

book

บทที่ 21 ชีวิตอันไม่เป็นสุขของคนบาป และชีวิตอันผาสุกของคนที่รักพระเป็นเจ้า