Skip to main content

เตรียมเผชิญ

ค ว า ม ต า ย

บทที่ 04 "ความตายเป็นของแน่"

book

1. ท่านจะตายแน่

        มนุษย์ทุกรูปทุกนาม ได้รับคำตัดสินอยู่แล้ว ให้ต้องตาย ท่านเป็นมนุษย์ท่านจึงต้องตาย นักบุญเอา  กุสตินกล่าวว่า “โชคดี โชคร้ายต่าง ๆ ของเรา เป็นของไม่แน่ แต่สิ่งที่แน่คือ ความตาย” (1) ไม่แน่ว่า เด็กที่เกิดมาจะมั่งมี หรือยากจน และแข็งแรง หรืออ่อนแอ จะตายเมื่อยังหนุ่มสาว หรือเมื่อแก่ เหล่านี้ล้วนไม่แน่ มีแน่แต่ว่า เขาจะต้องตาย เจ้านายหรือในหลวง ก็จะถูความตายมาพรากไปทั้งนั้น และเมื่อถึงคราวที่ความตายจะมาถึง ก็ไม่มีฤทธิ์อันใดจะต้านทานไว้ได้ “สู้กับไฟ สู้กับน้ำ สู้กับเหล็ก สู้กับอำนาจกษัตริย์ พอสู้ได้ แต่สู้กับความตายสู้ไม่ได้” (2) แวงซังต์เดอโบแวสเล่าว่า  “กษัตริย์ประเทศฝรั่งเศสพระองค์หนึ่งเมื่อใกล้จะสิ้นพระชนม์ ตรัสว่า : “แม้อาศัยอำนาจของฉันทั้งหมด ฉันก็ไม่สามารถรั้งความตายให้คอยฉันแม้เพียงสักหนึ่งชั่วโมง” เมื่อปลายชีวิตมาถึง จะยั้งไว้สักนาทีเดียวก็หาได้ไม่(3)

        ท่านผู้อ่านที่รัก ขออวยพรให้ท่านมีอายุยืนนาน ตามความปรารถนาของท่านเถิด แต่ก็จะมีสักวันหนึ่ง และในวันนั้นจะมีช่วงหนึ่ง ซึ่งจะเป็นชั่วโมงสุดท้ายของท่าน สำหรับข้าพเจ้า ผู้กำลังเขียน และสำหรับท่านผู้กำลังอ่านหนังสือเล่มนี้ก็จะมีวันหนึ่ง มีเวลาจุดหนึ่งอันกำหนดไว้แล้ว ที่ข้าพเจ้าจะไม่เขียนต่อไป และที่ท่านจะไม่อ่านต่อไป “มีใครบ้าไหมซึ่งจะมีชีวิตและจะไม่เห็นความตาย” (สดด. 88, 49)

        การตัดสินปรับโทษบันทึกไว้แล้ว ไม่เคยมีใครบ้าพอที่จะหลอกตนเองว่าจะไม่ตาย สิ่งที่ได้เป็นมาแก่ลรรพบุรุษของท่าน มันก็จะเป็นมาแก่ตัวท่านเอง ในต้นศตวรรษก่อน มีกี่คนที่ได้เจริญชีวิตอยู่ในถิ่นฐานของท่าน แต่บัดนี้ไม่เหลือสักคนเดียว แม้เจ้านาย แม้ในหลวง ก็ได้ข้ามไปอยู่แผ่นดินใหม่ เขาไม่มีอะไรเหลือบนแผ่นดินนี้เลย นอกจากอนุสาวรีย์หินอ่อน และคำจารึกงาม ๆ ซึ่งก็เตือนใจเราว่า คนใหญ่คนโตของโลก ไม่มีอะไรเหลือ นอกจากฝุ่นดินกอบหนึ่งภายใต้หินนักบุญแบร์นาร์โดถามว่า “ช่วยบอกฉันที พวกคนที่รักโลกนั้นเขาอยู่ที่ไหน?” แล้วตอบเองว่า “ไม่มีอะไรเหลือ นอกจากเถ้าและฝูงหนอน” (4)

        จึงเห็นว่า สิ่งที่เราต้องขวนขวาย หาใช่ทรัพย์ที่จะสูญสิ้นไปไม่ แต่เป็นทรัพย์อันจะดำรงอยู่เสมอ เพราะว่าวิญญาณของเราจะดำรงอยู่เสมอนั่นเองจะเป็นประโยชน์อะไร หากท่านจะเป็นสุขสบาย (ณ ที่นี้ สมมุติว่า นอกจากพระเป็นเจ้าวิญญาณอาจเป็นสุขได้) แล้วจะต้องไปรับทุกข์ตลอดทั้งนิรันดรภาพ? ท่านได้ปลูกเรือนงาม ถูกใจแล้วมิใช่หรือ? ขอให้คิดเถิดว่า ในไม่ช้าท่านจะต้องละทิ้งมันไว้ และตัวท่านจะไปเน่าในหลุม ท่านได้ไต่ปีนขึ้นสู่บรรดาศักดิ์ชั้นสูงสุด ไม่มีใครจะเทียบได้แล้วใช่ไหม? ความตายจะมาถึง และจะลดฐานะของท่านเทียบเท่าคนชั้นต่ำ ที่เลวที่สุด เท่าที่จะมีได้ในโลกนี้ 

          ข้อเตือนใจและคำภาวนา

        อา ! ข้าพเจ้าช่างอาภัพสัยจริง ๆ เป็นเวลาช้านานหลายปีมาแล้ว ข้าพเจ้าได้คิดแต่จะทำเคืองพระทัยของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าแห่งวิญญาณของข้าพเจ้าและเพราะที่เวลาได้ล่วงมาหลายปีแล้ว น่ากลัวว่า ความตายจะกระชั้นเข้ามาใกล้ข้าพเจ้าแล้วก็เป็นได้ และในบัดนี้ ข้าพเจ้ามีอะไรบ้างนอกจากความทุกข์ความกลัดกลุ้มในมโนธรรม? โอ้ หากว่าข้าพเจ้าจะได้ปรนนิบัติพระองค์ พระสวามีเจ้าของข้าพเจ้า เสมอ !...ข้าพเจ้าบ้าเหลือเกิน ทั้งที่ได้อยู่ในโลกหลายต่อหลายปีมานักแล้ว แทนที่จะสะสมบุญกุศลไว้สำหรับชีวิตหน้า กลับไพล่ไปกอบโกยหนี้สินไว้กับพระยุติธรรม ข้าแต่พระมหาไถ่ที่สุดเสน่หา ขอประทานความสว่างและพละกำลัง ให้ข้าพเจ้าสามารถจัดบัญชีงบดุลให้เรียบร้อยเสียแต่บัดนี้เถิด พระเจ้าข้า บางทีความตายจะอยู่ไม่ห่างข้าพเจ้านัก ข้าพเจ้าจึงใคร่จะเตรียมตัวสำหรับเวลาสำคัญนั้น ซึ่งจะกำหนดความสุข หรือความทุกข์ทั้งชั่วนิรันดรสำหรับข้าพเจ้าขอฉลองพระคุณที่ทรงโปรดไว้ชีวิตข้าพเจ้าจนบัดนี้ และเพราะที่ข้าพเจ้ายังมีเวลาแก้ไขความผิด ข้าพเจ้าจึงขอกราบลงเฉพาะพระพักตร์ และทูลเพื่อทราบว่าข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อพระองค์บ้าง พระเจ้าข้าพระองค์ทรงปรารถนาให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เพราะบาปที่ได้กระทำนั้นหรือ?- ข้าพเจ้าก็เป็นทุกข์ ข้าพเจ้าเสียใจจริง ๆ พระองค์ทรงปรารถนาให้ข้าพเจ้าใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อรักพระองค์หรือ?- ข้าพเจ้ายินดีปฏิบัติตาม พระผู้เป็นเจ้า เจ้าข้า ในกาลก่อนข้าพเจ้าก็ได้เคยตั้งใจจะทำดังนี้ หลายครั้งหลายหนแล้วเหมือนกัน แต่แล้วข้าพเจ้าได้กลับสัตย์พระเยซูเจ้าข้า นับแต่นี้ไป ช้าพเจ้าจะไม่ยอมเป็นคนใจดำ ลบหลู่พระคุณของพระองค์อีก ก็เมื่อข้าพเจ้าไม่เปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ อย่างน้อยตั้งแต่เวลานี้ จะมีหวังได้อย่างไรว่า เมื่อจวนจะตาย จะได้รับอภัยโทษและได้เข้าสวรรค์เล่า? ข้าพเจ้าตั้งใจแน่วแน่ในบัดนี้ว่า จะเอาใจใส่ปรนนิบัติพระองค์จริงจัง ขอประทานพละกำลังและขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเลย พระเจ้าข้า คร้งก่อนเมื่อข้าพเจ้าได้ทำเคืองพระทัย พระองค์ก็ยังมิได้ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้า แล้วในบัดนี้ ข้าพเจ้าตั้งใจสละละทุกสิ่งเพื่อทำตามน้ำพระทัยทุกประการ ข้าพเจ้าก็ยิ่งมีหวังมากขึ้น ข้าแต่พระเยซู ผู้น่ารักโปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้ารักพระองค์เถิด โปรดต้อนรับคนทรยศ ซึ่งตรมตรอมใจ เข้ามากอดพระบาท มารักพระองค์ และขอพึ่งพระกรุณา พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ รำพระองค์หมดทั้งดวงใจ ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าตัวข้าพเจ้าเองตัวข้าพเจ้าเป็นของของพระองค์แล้ว ฉะนั้นขอจงทำแก่ข้าพเจ้า แก่สิ่งของทั้งหลายของข้าพเจ้า ตามแต่ชอบพระทัยเถิด ขอแต่ให้ข้าพเจ้าดำรงอยู่ในพระโอวาทของพระองค์เสมอ แบะให้ข้าพเจ้ารักพระองค์เท่านั้น นอกนั้นพระองค์จะทรงทำอย่างไรกับข้าพเจ้าก็สุดแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเถิด พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระนางมารีอา พระแม่เป็นที่วางไว้ใจ และที่หลบภัยของข้าพเจ้าขอฝากตัวและวิญญาณของข้าพเจ้าไว้กับท่าน โปรดช่วยวิงวอนพระเยซู เพื่อข้าพเจ้าด้วยเถิด


 

2. ท่านจะตายในไม่ช้า

        “กำหนดไว้แล้ว” –เป็นการแน่ว่า เราทุกคนถูกตัดสินประหารชีวิตแล้วนักบุญ ชีปรีอาโนกล่าวว่า “เราทุกคนเกิดมา มีเชือกโยงไว้ที่คอ และเราก้าวย่างไปไกลเท่าไร เราก็เขยิบเข้าใกล้ความตายเท่านั้น” พี่น้องที่รัก นามของท่านบันทึกอยู่ในบัญชีศีลล้างบาป คราวเมื่อท่านเกิดมาใหม่ ๆ ฉันใด ก็ในวันหนึ่งจะบันทึกอยู่ในบัญชีผู้ตาย ฉันนั้น ท่านเคยพูดถึงบรรพบุรุษว่า “คุณพ่อ คุณลุง คุณพี่ ล่วงลับไปแล้ว” อย่างไร ลูกหลานก็จะพูดถึงท่านอย่างนั้น ท่านได้ยินเสียงระฆัง เป็นสัญญาณส่งวิญญาณผู้อื่นอยู่บ่อย ๆ ฉันใด คนอื่นก็จะได้ยินเสียงระฆังเป็นสัญญาณส่งวิญญาณของท่านในวันหนึ่ง ฉันนั้น

        สมมุติว่า ท่านแลเห็นนักโทษกำลังเดินไปสู่ที่ประหาร แต่เขาพูดเล่นหัวเราะ ส่ายหน้าส่ายตา คิดถึงแต่ละคร โขน หนัง คิดแต่จะกินเลี้ยง จะเที่ยวเตร่ท่านจะว่าอย่างไร? ก็ตัวท่านเอง เวลานี้มิใช่กำลังเดินไปสู่ความตายดอกหรือ? และท่านคิดถึงอะไรบ้างเล่า? จงมองดูที่นั่นแน่ะ ในหลุม ท่านจะเห็นญาติมิตรถูกสำเร็จโทษไปแล้ว นักโทษที่ถูกตัดสินประหารแล้ว จะรู้สึกขนลุกเพียงไรเมื่อแลเห็นเพื่อน ๆ ด้วยกัน ถูกแขวนคอ และตายไปก่อนแล้ว ! จงมองดูซากศพเหล่านั้นเถิด ซึ่งต่างก็บอกกับท่านว่า “วันนี้เวรฉัน พรุ่งนี้เวรท่าน” (บสร. 38, 23) รูปภาพของพ่อแม่ผู้ล่วงลับไป สมุดหนังสือ บ้านช่อง ที่หลับที่นอน และเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้ เหล่านี้ล้วนเตือนใจเราให้คิดดังอธิบายมา

        อะไรเล่า จะบ้าเท่ากับการที่รู้ว่า ตนจะต้องตาย และเมื่อตายแล้ว จะมีนิรันดรภาพอันเป็นสุข หรือนิรันดรภาพอันเป็นทุกข์ การที่คิดว่าจากเวลาจุดนั้นตนจะได้รับความสุขตลอดนิรันดร หรือจะได้รับความทุกข์ตลอดนิรันดรแล้วไม่จัดบัญชีงบดุลไว้ให้เรียบร้อย ทั้งไม่พยายามทุกวิถีทาง จะทำให้ตนได้ตายดีเล่า ! เราให้รู้สึกสมเพชผู้ที่ตายปัจจุบันทันทีมิได้มีเวลาเตรียมตัวก่อน ก็ไฉนตัวเราเองไม่เตรียมตัวไว้ให้พร้อมสรรพเล่า? เราจะตายปัจจจุบันก็ได้เหมือนกันนะแต่จะเร็วหรือช้า จะทันรู้ตัวหรือไม่ทันรู้ตัว จะคิดถึงก่อนหรือไม่คิดถึงก่อนเราก็จะต้องตาย และทุก ๆ ชั่วโมง ทุก ๆ นาทีที่ล่วงไป เราก็เขยิบย่างเข้าใกล้เครื่องประหาร ซึ่งใช่อื่นไกลคือความเจ็บไข้ครั้งสุดท้าย ที่จะพรากเราจากโลกนี้นั่นเอง

        ในทุก ๆ ศตวรรษ ตามบ้านเรือน ตามสนามหลวง และตามเมืองต่าง ๆ ก็มีผู้คนมาอยู่ใหม่เต็มไปหมด ส่วนคนเก่า ถูกนำไปฝังไว้ในหลุมแล้ว วันเวลาสำหรับคนเหล่านั้น ได้จบสิ้นไปแล้ว ฉันใด ก็จะมีเวลาหนึ่ง ที่ตัวข้าพเจ้าและตัวท่านทั้งผู้ที่มีชีวิตอยู่ในบัดนี้ทั้งหลายจะไม่อยู่ในโลกต่อไป ฉันนั้น (5) เมื่อนั้นเราทุกคนจะอยู่ในนิรันดรภาพ ซึ่งจะเป็นกลางวันแห่งความบรมสุขนิรันดร หรือจะเป็นกลางคืนแห่งความบรมทุกข์นิรันดร ไม่มีสายกลาง เป็นการแน่ เป็นข้อความเชื่อว่าโชคอันใดอันหนึ่งในสองอันดังกล่าวนี้ กำลังคอยเราอยู่ !

                 ข้อเตือนใจและคำภาวนา

        ข้าแต่พระมหาไถ่ที่สุดรัก หากข้าพเจ้าไม่ระลึกว่า พระองค์ได้ถูกตรึงบนไม้กางเขน ถูกทุบตี ถูกประมาท และถูกประหารเพื่อข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าก็มิบังอาจเข้ามากราบอยู่เฉพาะพระพักตร์ ความอกตัญญูของข้าพเจ้าใหญ่หลวงนักก็จริง แต่ความเมตตากรุณาของพระองค์ยังใหญ่กว่าอีก บาปของข้าพเจ้าใหญ่โตมากก็จริง แต่พระบุญญาบารมีของพระองค์ยิ่งใหญ่มากกว่าอีก ! ข้าพเจ้าขอยึดเอาบาดแผล พระโลหิต และความตายของพระองค์เป็นที่พึ่ง และที่วางใจของข้าพเจ้าข้าพเจ้าควรจะไปนรกนับแต่ได้ทำบาปประการแรกแล้ว มิหนำซ้ำต่อมา ก็ยังได้ทำเคืองพระทัยอีกหลายครั้งหลายหน ส่วนพระองค์เล่า ไม่เพียงแต่ทรงธำรงชีวิตข้าพเจ้าไว้เท่านั้น ยังได้ทรงตักเตือนให้ข้าพเจ้ามาคืนดีกับพระองค์อีก ทั้งยังได้ทรงแสดงพระทัยดี เอ็นดูสงสาร เรียกร้องเพื่ออภัยโทษ และประทานความสุขใจก็ในบัดนี้ ข้าพเจ้าหันมารักพระองค์ และไม่มีความประสงค์อะไรอื่นนอกจากขอรับพระหรรษทานจากพระองค์มีเหตุอันใดหรือ ที่จะทำให้ข้าพเจ้าต้องหวาดกลัวพระองค์จะทรงผลักไสขับไล่ข้าพเจ้า? ข้าพเจ้ารักพระองค์ และเสียใจที่ได้หมิ่นประมาทพระองค์ มิใช่เพราะมันจะทำให้ข้าพเจ้าสมไปนรก แต่เพราะมันได้ทำให้เจ็บช้ำน้ำพระทัยของพระองค์ พระเป็นเจ้า ผู้ทรงพระทัยดีต่อข้าพเจ้าอย่างล้นเหลือ ! พระเยซูเจ้าข้า โปรดเปิดคลังแห่งความเมตตากรุณาของพระองค์ออกกว้าง ๆ เถิด แม้ได้ทรงพระกรุณาแล้ว โปรดทรงพระกรุณาอีกเถิด พระเจ้าข้า ขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นคนใจดำต่อไป โปรดเปลี่ยนดวงใจข้าพเจ้าใหม่หมดเถิด พระเจ้าข้า แต่ก่อนมันไม่รู้จักคุณค่าแห่งความรักของพระองค์ ไปถือเอาความสนุกเลว ๆ ของโลกว่าดีกว่าความรักของพระองค์ บัดนี้ขอให้มันกลับเป็นของของพระองค์จนหมดสิ้น และให้มันร้อนระอุอยู่ด้วยความรักต่อพระองค์เสมอไปเถิดพระเจ้าข้า--ข้าพเจ้าไว้ใจว่าจะได้บรรลุถึงสวรรค์ และจะได้รักพระองค์เป็นนิจอัตรา จริงอยู่ ในสรวงสวรรค์นั้นข้าพเจ้าจะไม่สามารถเข้าร่วมวงกับพวกหลังนี้ ข้าพเจ้าก็ปรารถนาจะปฏิพัทธิ์รักพระองค์ให้มากยิ่งกว่าผู้บริสุทธิ์อื่นใดทั้งหลาย เพื่อเป็นเกียรติมงคลแด่ความเมตตากรุณาของพระองค์ ขอโปรดให้คนบาปหนา เพราะได้ทำบาปมากมายเยี่ยงข้าพเจ้านี้ ได้เข้าอยู่ในสรวงสวรรค์เพื่อจะได้ลุกโชนไปด้วยความรักต่อพระองค์เถิด พระเจ้าข้า ณ บัดนี้ข้าพเจ้าตกลงใจเป็นของของพระองค์ และคิดแต่จะรักพระองค์อย่างเดียว ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดประทานความสว่างและพระหรรษทาน ช่วยข้าพเจ้าให้มีกำลังปฏิบัติตามความตั้งใจดีอันนี้ ที่พระองค์เองเป็นผู้ประทานให้เถิด พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระแม่มารีอา พระชนนีแห่งการดำรงชีพในความดี โปรดช่วยวิงวอนให้ข้าพเจ้าสัตย์ซื่อต่อคำมั่นสัญญานี้ด้วยเถิด


 

3. ผู้ปรีชาแท้

        ความตายเป็นของแน่ เรื่องนี้ คริสตังย่อมรู้ดี เชื่อ และเห็น ๆ อยู่กับตาแต่ไฉนหลายคนจึงลืมความตายมีอาการเหมือนว่าเขาไม่มีวันตายหนอ? สมมุติตรงข้ามว่า เมื่อสิ้นชีวิตนี้แล้ว ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ เขาคงจะคิดถึงมากกว่าที่เขาคิดถึงทุกวันนี้แน่ นี่เองเป็นเหตุให้เขาครองชีพ และตายอย่างไม่ดี พี่น้องที่รักท่านใคร่จะตายดีหรือ? จงครองชีพช่วงที่ยังเหลืออยู่นี้ โดยเพ่งเล็งดูความตายเถิด โอ้ ! แน่นอนทีเดียว ผู้ที่เพ่งดูความตายเขาจะตีราคาข้าวของของโลกได้ถูกต้องและจะแนะนำการกระทำของเขาไปในทางที่ถูก (6) นักบุญเลาเรนซีโอ ยูสติอาโนกล่าวว่า “การระลึกถึงความตาย ทำให้เราหมดความรักต่อข้าวของทั้งสิ้นแห่งโลกนี้” (7) โภคทรัพย์ทั้งสิ้นของโลกนี้ คือ ความสนุกสนานทางประสาทสัมผัสเงินทอง และยศศักดิ์ (8) แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมเป็นที่ไม่น่าใยดีสำหรับบุคคลที่คิดว่า ในไม่ช้าตนจะกลับเป็นฝุ่นดิน และจะถูกฝังไว้ใต้ดิน เป็นเหยื่อแก่ฝูงหนอน

        ที่จริง เพราะการเพ่งมองดูความตายนี้เอง บรรดานักบุญจึงถือว่า ทรัพย์สมบัติของแผ่นดินไม่มีค่า ฉะนั้น นักบุญ กราโล บอร์โรเมโอ จึงตั้งกะโหลกคนตายไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือเสมอ จะได้มองเห็นอยู่เรื่อย ๆ พระคาร์ดินัล บาโรนีโอ สวมแหวนมีคำจารึกว่า “จำไว้จะต้องตาย” (9) ผู้น่านับถือ ยูเวนัล อันชีนาพระสังฆราชแห่งซาลูสโซ ได้เขียนไว้บนกะโหลกคนตายว่า “ฉันได้เคยเป็นอย่างท่าน ท่านก็จะเป็นอย่างฉัน” มีคนถามนักบุญฤๅษีผู้หนึ่ง ขณะเมื่อใกล้จะตายว่าทำไมท่านจึงร่าเริงเช่นนั้น ท่านก็ตอบว่า ข้าพเจ้าตั้งความตายไว้ต่อหน้าต่อตาเสมอ ๆ เพราะฉะนั้น เมื่อความตายมาถึงข้าพเจ้าไม่เห็นเป็นของแปลก

        นักท่องเที่ยวขณะเดินทาง ชอบทำเป็นเจ้าใหญ่นายโต เพ่นพ่านตามประเทศต่าง ๆ มิได้เฉลียวใจบ้างว่า ตัวจะต้องกลับไปตกยากในประเทศหนึ่งและจะต้องอยู่ที่นั้นไปจนตลอดชีวิต เราว่า คนเช่นนี้บ้า ๆ บอ ๆ มิใช่หรือ? ก็ไม่เป็นคนบ้าบอดอกหรือ คนที่คิดหาแต่ความสบายในโลกนี้ ซึ่งเขาจะอยู่ไม่กี่วัน แล้วก็ปล่อยตนเสี่ยงภัยจะต้องไปเสวยทุกข์ในโลกหน้า ซึ่งจะต้องอยู่ทั้งชั่วนิรันดร? คนที่ยืมของคนอื่นมา ย่อมไม่ผูกใจรักของนั้น เพราะคิดว่า ไม่ช้าก็จะต้องคืนให้เจ้าของ ก็ทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นแห่งโลกนี้ เป็นของที่เรายืมมาทั้งนั้น จึงเป็นการโฉดเขลาที่จะผูกใจรักมัน เพราะในไม่ช้าก็จะต้องทิ้งมัน ข้าวของและทรัพย์ทั้งหมดแห่งโลกนี้ มันจะจมลง พร้อมกับลมหายใจออกครั้งสุดท้าย พร้อมกับการแห่ศพและที่สุดพร้อมกับการปลงลงในหลุม บ้านเรือนที่ท่านสร้างขึ้นไม่ช้าจะต้องยกให้แก่คนอื่น หลุมนั่นแหละจะเป็นที่พักอาศัยแห่งร่างกายของท่าน ตนถึงวันพิพากษาตกที่สุด ร่างกายนั้นก็จะไปสวรรค์ หรือไปนรก ซึ่งวิญญาณได้ไปคอยอยู่ก่อนแล้ว !

             ข้อเตือนใจและคำภาวนา

        พระเจ้าข้า เป็นอันว่า เมื่อตาย ทุกสิ่งจะจบสิ้นสำหรับข้าพเจ้า จะไม่มีอะไรเหลือเลย นอกจากบุญกุศลเล็กน้อย ที่ข้าพเจ้าได้กระทำเพราะความรักต่อพระองค์ ก็ข้าพเจ้าจะคอยอะไรอยู่เล่า? คอยให้ความตายมาถึง คอยให้จมอยู่ในฐานะน่าสังเวช จมอยู่ในแปลงบาปอย่างที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้หรือ? หากข้าพเจ้าจะต้องตายในเวลานี้ข้าพเจ้าคงจะตายด้วยความกระวนกระวาย และด้วยความเสียใจในชีวิตที่ล่วงมาแล้วขอซ้องสาธุการ ที่ได้ทรงโปรดให้ข้าพเจ้ายังมีเวลาร้องไห้เป็นทุกข์ถึงบาป และมีเวลารักพระองค์ ข้าพเจ้าตกลงปลงใจเริ่มแต่ในวินาทีนี้ทีเดียว โอ้องค์ทุณงามความดี ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เพราะบาป ยิ่งกว่าเพราะภยันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น และข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งได ๆ ยิ่งกว่าชีวิตของข้าพเจ้าเองด้วย พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอถวายตัวเองทั้งครบแด่พระองค์ ขอสวมกอดพระองค์ในบัดนี้ ของแนบพระองค์ไว้กับดวงใจ ขอมอบวิญญาณของข้าพเจ้าทั้งหมดแด่พระองค์ ณ บัดนี้ (10) ข้าพเจ้าจะไม่คอยมอบวิญญาณ เฉพาะเมื่อจะได้ยินคำสั่งให้ออกจากโลกว่า “จงออกไปเถิด วิญญาณคริสตัง” ข้าพเจ้าไม่ยอมคอยจนถึงเวลานั้น จึงจะขอร้องให้พระองค์ทรงช่วย พระเยซูเจ้าข้า โปรดเป็นพระเยซูของข้าพเจ้าเวยเถิด (11) พระมหาไถ่เจ้าข้า โปรดไถ่ให้ข้าพเจ้ารอดในบัดนี้ ด้วยทรงพระกรุณายกบาป และประทานความรักของพระองค์แก่ข้าพเจ้าพระเจ้าข้าใครจะไปรู้ บางทีบทพิเคราะห์ที่ข้าพเจ้าอ่านในวันนี้ จะเป็นคำตักเตือนของพระองค์ครั้งสุดท้ายแล้ว จะเป็นพระกรุณาของพระองค์ต่อข้าพเจ้าครั้งสุดท้ายแล้ว! โอ้องค์ความรักของข้าพเจ้า โปรดปกพระหัตถ์เหนือข้าพเจ้า และโปรดฉุดข้าพเจ้าออกจากปลักแห่งความใจเย็นเฉย ขอประทานให้ข้าพเจ้ามีใจเร่าร้อนนอบน้อมด้วยความจงรักภักดี ในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงเรียกร้องจากข้าพเจ้าเถิดพระเจาข้า ข้าแต่พระบิดาผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดร โปรดเห็นแก่ความรักของพระองค์ต่อพระเยซูคริสตเจ้า และประทานให้ข้าพเจ้าดำรงชีพในความดี และให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ รักพระองค์มาก ๆ ในชีวิตช่วงที่ยังเหลืออยู่นี้ พระเจ้าข้า

        ข้าแต่พระนางมารีอา พระชนนีผู้ทรงเมตตากรุณา ด้วยเดชะความรักของท่านต่อพระเยซูคริสตเจ้า ขอโปรดให้ข้าพเจ้าได้รับพระหรรษทานสองประการ คือ การดำรงชีพในความดีและความรัก ด้วยเถิด พระเจ้าข้า


 

(1) Cetera nostra bona et mala incerta sunt, sola mors certa est.

(2) Resistitur ignibus, ferro; resistitur tegibus; venit mors, quis ei resestit? (S. Aug. in Ps. 21)

(3) Constituisti terminus ejus, qui praeteriri non potuerunt (Job 14, 5).

(4) Dic mihi, ubi sunt amatores mundi ?..Nihil ex eis remansit, nisi cine res et vermes.

(5) Dies formabuntur, et nemo in eis (Ps. 138, 16)

(6) O mors, bonum est judicium tuum (Eccli. 41, 3)

(7) Consideretur vitae terminum, et non erit in hoc mundo quid ametur.

(8) Omne quod in mundo est, concupiscentia carnis est, concuposcentia oculorum et superbia vitae.

(9) Memento mori

(10) In manus tuas commendo spiritum meum.

(11) Jesus, sis mihi Jesus.  

book

บทที่ 04 "ความตายเป็นของแน่"