เตรียมเผชิญ
ค ว า ม ต า ย
บทที่ 10 "วิธีการสำหรับ เตรียมรับความตาย"
โดย นักบุญอัลฟอนโซ มารีย์ เดอ ลีโกวรี
แปลโดย ผู้หว่าน
1. จงลงมือทันที
ใคร ๆ ก็ยอมรับว่า จะต้องตาย จะต้องตายครั้งเดียว ทั้งไม่มีอะไรสำคัญกว่าความตาย เพราะว่า การจะได้สุขหรือได้ทุกข์ตลอดนิรันดร ย่อมสุดแล้วแต่เวลาจะตายนี้ อนึ่ง ใคร ๆ ก็ทราบแล้วว่า เราจะตายดีหรือตายร้าย ก็สุดแล้วแต่การบำเพ็ญชีพดีหรือไม่ดี เมื่อต่างก็ทราบอยู่แล้วดังนี้ แต่เหตุไฉนคริสตังจำนวนมากจึงครองชีพเหมือนเขาไม่มีวันจะตาย หรือเหมือนการตายดี หรือตายร้ายเป็นสิ่งไม่สู้สลักสำคัญเท่าไรนัก? ที่เป็นดังนี้ก็เพราะว่า เขาไม่คิดถึงความตายนั่นเอง “ในกิจการทั้งหลาย จงคิดถึงวาระสุดท้ายของเจ้าเถิด และเจ้าจะไม่ทำบาปเป็นอันขาด” (บสร. 7, 40)
ขอให้จดจำใส่ใจว่า เวลาจะตาย เป็นเวลาไม่เหมาะสำหรับจัดบัญชีงบดุลย์เพื่อความแน่ใจแก่ภาระกิจอันสำคัญใหญ่หลวง เรื่องความรอดตลอดนิรันดรของคนเรา คนฉลาดฝ่ายโลก เมื่อคิดจะหากำไร คิดจะเอาตำแหน่งหน้าที่คิดจะแต่งงานกับคนที่ตนต้องการ เขาย่อมใช้วิธีการทุกอย่าง และให้ในเวลาอันควร เขาไม่ชักช้าในการหาหยูกยาที่จำเป็นสำหรับสุขภาพฝ่ายร่างกายของเขาคนที่จะต้องทำการดวลดาบ จะต้องเข้าแข่งขัน แต่ชักช้า รอจนถึงเวลาก่อนแล้วค่อยฝึกหัดเตรียมตัว ท่านเห็นว่าเป็นคนอย่างไร? นายทหารที่คอยให้ศัตรูมาล้อมตนก่อนแล้วค่อยเตรียมเสบียงและอาวุธ เป็นคนเสียสติมิใช่หรือ? ต้นหนคนที่คอยให้เกิดพายุเสียก่อน แล้วคอยเตรียมสมอและเชือก เป็นคนบ้ามิใช่หรือ? คริสตังที่คอยให้ถึงเวลาจะตาย แล้วค่อยเตรียมจัดระเบียบมโนธรรม ก็กระทำอย่างเดียวกับคนที่กล่าวมานี่เอง!
“คราวความตายจะกระโจนใส่เขา ราวกับพายุ...เมื่อนั้น เขาจะร้องหาเรา แต่เราจะไม่ฟังเสียง...เขาจะได้รับผลสนองตามความประพฤติของเขา” (สภษ. 1, 27) เวลาจะตาย เป็นคราววาตภัย เป็นเวลาวุ่นวาย เมื่อนั้นคนบาป จะร้องขอให้พระเป็นเจ้าช่วย แต่ที่เขาร้องขอนั้น ก็เพราะกลัวนรกซึ่งเขาเห็นมันอยู่ใกล้ตัวแล้ว ฉะนั้น จึงไม่เป็นการกลับใจที่จริงใจ พระเป็นเจ้าจึงไม่ทรงฟังคำวิงวอนของเขา มันสมแล้วที่เขาจะได้ชิมผลแห่งความประพฤติชั่วของตน “คนเราหว่านอะไร ก็จะเก็บเกี่ยวผลอันนั้น” (กท. 6, 8) เหตุใดจึงเป็นดังนั้น? ก็เพราะว่าการได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์ในเวลาจะตายเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องตายพร้อมกับเกลียดชังบาป และพร้อมกับรักพระเป็นเจ้ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด้วย ก็คนที่ได้รับความสนุกอันต้องห้ามมาจนถึงบัดนี้ เขาจะเกลียดมันได้อย่างไร? คนที่ได้รักสัตว์โลกยิ่งกว่าพระเป็นเจ้ามาจนถึงบัดนี้ จะหันมารักพระเป็นเจ้ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมดได้อย่างไร?
พวกพรหมจาริณี ที่อยากจะเตรียมตะเกียงเมื่อเจ้าบ่าวมาถึงแล้ว พระสวามีเจ้าตรัสเรียกว่า เป็นคนโง่ ใคร ๆ ก็กลัวความตายปัจจุบัน เพราะไม่มีเวลาจะจัดบัญชี ใคร ๆ ก็เห็นพ้องว่า บรรดานักบุญเป็นคนฉลาดแท้ เพราะท่านได้เตรียมตัวไว้เผชิญความตายก่อนแล้ว แต่ขณะนี้พวกเราทำอะไรอยู่เล่า? เราต้องการเสี่ยงโชคสำหรับการเตรียมตัวให้ตายดี คอยจนถึงเวลาความตายจะกระชั้นเข้ามาแล้ว กระนั้นหรือ? สิ่งไดที่เราใคร่จะได้กระทำในเวลาจะตายนั้นก็จงเร่งกระทำเสี่ยในเวลานี้เถิด โอ้! เมื่อนั้น เราจะรู้สึกเสียใจเพียงไร เมื่อคิดถึงเวลาที่ได้เสียไปเปล่า และเป็นต้น เวลาที่ได้สิ้นเปลืองไปในการทำชั่ว! เวลาที่พระเป็นเจ้าได้ทรงประทานเพื่อให้สร้างบุญกุศล แต่เวลานั้นล่วงไปแล้ว และไม่มีวันจะกลับมาอีก เมื่อนั้นเราจะรู้สึกเศร้าใจเพียงไร เมื่อจะได้ยินว่าหมดเวลาเป็นทุกข์กลับใจแล้ว หมดเวลาไปแก้บาปรับศีล หมดเวลาไปฟังเทศน์ ไปเฝ้าศีลมหาสนิทในวัด หมดเวลาสวดภาวนาแล้ว: อะไรแล้วก็แล้วไป (1) เมื่อเวลาจะตายเราจะต้องการสมองที่แจ่มใส และเวลาอันสงบกว่าที่จะหาได้ ทั้งนี้เพื่อแก้บาปให้สมควร จะได้แก้ไขความยุ่งยากอันกำลังถ่วงมโนธรรม สำหรับให้มโนธรรมสงบราบคาบ “แต่จะไม่มีเวลาต่อไปแล้ว” (วว.10, 6)
ข้อเตือนใจและคำภาวนา
อา! พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า หากข้าพเจ้าจะได้ตายในคืนนั้น ๆ ดังที่พระองค์ทรงทราบ ปานนี้ข้าพเจ้าจะอยู่ที่ไหนเสียแล้ว? ขอขอบพระคุณที่ได้ทรงรอข้าพเจ้า ขอขอบพระคุณ ที่ได้ทรงประทานช่วงเวลาทั้งหมดอันข้าพเจ้าควรจะต้องไปอยู่ในนรก ทั้งนี้นับแต่ได้ทำเคืองพระทัยเป็นครั้งแรกแล้ว! โอ้องค์เจ้าพระคุณ โปรดส่องสว่างให้ข้าพเจ้ามองเป็นความผิดอันอุกฉกรรจ์ เพราะได้จงใจเสียพระหรรษทาน ซึ่งพระองค์ได้จัดหาให้ข้าพเจ้า โดยการพลีพระองค์เองบนไม้กางเขน พระเยซูเจ้าข้า ทรงพระกรุณาอภัยโทษแก่ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ด้วยสิ้นสุดใจ เป็นทุกข์เพราะได้ทำเคืองพระทัยอันดีหาของเขตมิได้ยิ่งกว่าภยันตรายใด ๆ แล้ว ข้าพเจ้าหวังว่า พระองค์ทรงอภัยโทษให้แล้ว พระเจ้าข้า พระมหาไถ่เจ้าข้า ทรงพระกรุณาช่วยข้าพเจ้า ขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าเสียพระองค์ไปอีกเลย พระเจ้าข้า โอ้ พระสวามีเจ้า เมื่อข้าพเจ้าได้รับความสว่างและพระหรรษทานของพระองค์มากมายดังนี้แล้ว และยังจะกลับไปทำเคืองพระทัยอีก ข้าพเจ้าก็สมจะไปสู่นรกเป็นแม่นมั่นแล้วมิใช่หรือ? โอ! โปรดเห็นแก่พระโลหิตซึ่งพระองค์ได้ทรงหลั่งออก เพราะทรงรักข้าพเจ้า ขออย่าทรงปล่อยให้เป็นเช่นนั้นเลย พระเจ้าข้า ขอประทานให้ข้าพเจ้าตั้งมั่นอยู่ในความดี และความรักต่อพระองค์เสมอ องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้นเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ และไม่ยอมหยุดรักพระองค์จวบจนวันตาย ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าโปรดเห็นแก่ความรักของพระองค์ต่อพระเยซูคริสต์ และทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าด้วยเถิด พระเจ้าข้า
ข้าแต่พระแม่มารีอา สรณะที่วางใจของข้าพเจ้า กรุณาข้าพเจ้าด้วยโปรดฝากฝังข้าพเจ้าไว้กับพระเป็นเจ้า การฝากฝังของท่านสำเร็จผลเสมอ ทั้งนี้เพราะพระเป็นเจ้าทรงโปรดปรานท่านอย่างยิ่ง
2. จงใช้วิธีการจริงจัง
พี่น้องที่รัก เร็วเข้าเถอะ เพราะเป็นการแน่ว่า ท่านจะต้องตาย จงกราบลงแทบพระบาทของพระเยซูผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน จงฉลองพระคุณที่ได้ทรงโปรดให้ท่านมีเวลาจะจัดมโนธรรมของท่านให้เรียบร้อย แล้วให้ตั้งใจตรวจดูความยุ่งเหยิงต่าง ๆ ในชีวิตที่ได้ล่วงมาแล้ว เฉพาะอย่างยิ่งในตอนวัยหนุ่มวัยสาว จงมองดูรายการพระบัญญัติของพระเป็นเจ้า จงพิจารณาดูหน้าที่ต่าง ๆ ของท่าน ดูสมาคมที่ท่านคบค้า ให้บันทึกความผิดต่าง ๆ ของท่านเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วให้ไปแก้บาปต่าง ๆ ของท่านตลอดทั้งชีวิต หากท่านยังไม่ได้แล้ โอ! การแก้บาป (แก้บาปมูล) มีประโยชน์มาก ในการจัดระเบียบชีวิตของเราคริสตัง! จงคิดว่ามันเป็นบัญชีสำหรับนิรันดรภาพ ฉะนั้น ต้องเอาใจใส่ดังว่าท่านกำลังให้การเฉพาะพระบัลลังก์แห่งพระเยซูคริสต์พระตุลาการเถิด จงชำระล้างความรู้สึกอันไม่ดี ความพยาบาทมาดร้ายทั้งหลายออกจากดวงใจ จงกำจัดความหนักใจทั้งสิ้น ในเรื่องทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ในเรื่องการทำลายชื่อเสียงของท่าน และในการเป็นที่สะดุดแก่ผู้อื่น จงตั้งใจจะหลีกเลี่ยงท่าทางเหล่านั้นที่จะทำให้ท่านเสียพระเป็นเจ้าไปได้ ขอจงคิดเถิดว่า การทำอย่างนี้ถ้าท่านเห็นว่าลำบากในเวลานี้ ในเวลาเมื่อจะตาย ท่านจะเห็นว่า หมดความสามารถจะทำเอาทีเดียว
แต่ที่สำคัญกว่าอีก คือ ท่านจงตั้งใจที่จะใช้วิธีการสำหรับสงวนรักษาพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าให้ได้ วิธีการนั้น คือ การฟังมิสซาทุก ๆ วันการรำพึงเรื่องวาระสุดท้าย การแก้บาปรับศีลอย่างน้อยทุกแปดวัน การเฝ้าศีลมหาสนิท และการเฝ้าพระแม่เจ้าทุกวัน การเข้าจำพวก การอ่านหนังสือศรัทธาการพิจารณามโนธรรมทุก ๆ ค่ำ มีความภักดีเป็นพิเศษต่อพระนางมารีอา ด้วยอดอาหารทุกวันเสาร์ ถวายเป็นเกียรติแด่พระนาง จงตั้งใจฝากตนได้กับพระเป็นเจ้าบ่อย ๆ ให้ร้องขอและออกพระนามเยซู และมารีอา บ่อย ๆ เป็นต้น เมื่อถูกประจญล่อลวง นี่แหละ เป็นวิธีการ ที่จะช่วยให้ท่านได้ตายดี และให้ท่านประสบความรอดตลอดนีรันดร
หากท่านปฏิบัติดังกล่าว ก็เป็นเครื่องหมายว่า ท่านถูกเลือกสรรไว้สำหรับสวรรค์แล้ว ส่วนเรื่องชีวิตที่ล่วงไปแล้วนั้น จงไว้วางใจในพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เถิด เนื่องจากในบัดนี้พระองค์ทรงประทานความสว่างแก่ท่านนั้น ก็เพราะว่าพระองค์ทรงใคร่จะให้ท่านรอดนั่นเอง นอกนั้น จงวางใจในการเสนอวิงวอนของพระแม่มารีอา ผู้ได้ทรงเสนอขอความสว่าที่ท่านได้รับอยู่บัดนี้เถิด วิญญาณที่ประพฤติดั่งนี้พร้อมทั้งวางใจในพระเยซู ย่อมได้รับความช่วยเหลือและพละกำลังจากพระเป็นเจ้าเป็นอันมาก ท่านผู้อ่านที่รักจงมอบตัวท่านไว้กับพระเป็นเจ้า ผู้ทรงเรียกหาท่าน และให้ท่านเริ่มลิ้มรสสันติสุข ซึ่งปานนี้ท่านยังไม่เคยรับ และก็เป็นความผิดของท่านเอง วิญญาณของชาวเราจะสามารถรู้สึกถึงความสุขใจอันใด ให้ยิ่งไปกว่านี้ได้ เมื่อจะเข้านอนตอนค่ำ ท่านอาจพูดว่า: ถ้าความตายมาหาฉันในคืนนี้ฉันก็หวังว่า จะตายในพระหรรษทาน ของพระเป็นเจ้า? วิญญาณจะรู้สึกอุ่นใจเป็นที่สุด เมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้อง เมื่อรู้สึกแผ่นดินไหว และตนกำลังคอยความตาย ด้วยใจนอบน้อม หากพระเป็นทรงต้องการให้ตนตายขณะนั้น
ข้อเตือนใจและคำภาวนา
อา! พระสวามีเจ้าข้า ขอสมนาพระคุณเป็นล้นพ้น ที่พระองค์ได้ทรงประทานความสว่างแก่ข้าพเจ้า! กี่ครั้งกี่หนมาแล้ว ข้าพเจ้าได้ละทิ้งพระองค์ ได้หันหลังให้พระองค์ แต่พระองค์มิได้ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้า หากได้ทรงทอดทิ้งปานนี้ข้าพเจ้าคงตาบอดมืด อย่างที่แต่ก่อนเคยชอบดังนั้น ป่านนี้ข้าพเจ้าคงจะดื้อกระด้างอยู่ในบาป คงไม่มีใจจะละทิ้งมัน และไม่มีจิตใจที่จะรักพระองค์ต่อไปแล้วพระเจ้าข้า
แต่บัดนี้ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจมาก เพราะได้ทำขัดเคืองพระทัย ข้าพเจ้าปรารถนาจริง ๆ ที่จะดำรงอยู่ในพระหรรษทานของพระองค์ ข้าพเจ้าเกลียดชังความสนุกสนานอันอัปรีย์ ซึ่งเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าเสียมิตรภาพของพระองค์ ก็ความรู้สึกทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็พระหรรษทานของพระองค์ทั้งสิ้น จึงทำให้ข้าพเจ้าวางใจว่า พระองค์ประสงค์จะอภัยบาปแก่ข้าพเจ้า และประสงค์จะช่วยข้าพเจ้าให้รอด แม้เมื่อข้าพเจ้าได้กระทำบาปเป็นจำนวนมากมาย พระองค์ก็มิได้ทรงทอดทิ้ง ยังทรงประสงค์ให้ข้าพเจ้าเอาตัวรอด ข้าพเจ้าจึงขอมอบตัวข้าพเจ้าทั้งหมดแด่พระองค์ ข้าพเจ้าเสียใจมากที่ได้ทำชอกช้ำน้ำพระทัย และตั้งใจจะยอมตายสักพันครั้ง ดีกว่าจะเสียพระหรรษทานของพระองค์สืบไป พระเจ้าข้า องค์คุณงามความดีที่ล้นพ้น เจ้าข้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ ข้าแต่พระเยซู ผู้ได้ทรงพลีชีพเพื่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ และมั่นใจในพระโลหิตของพระองค์ว่า พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องพรากจากพระองค์อีกเป็นอันขาด พระเยซูเจ้าข้าเป็นความสัตย์จริงที่ข้าพเจ้าจะไม่ยอมเสียพระองค์ไปอีก ข้าพเจ้าพอใจรักพระองค์ตลอดนิรันดร! ขอโปรดคุ้มครองข้าพเจ้าด้วยเถิด โปรดให้ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่ง ๆ ขึ้นโปรดเห็นแก่พระบารมีของพระองค์เอง และโปรดให้สัมฤทธิ์ผลตามที่ข้าพเจ้าวิงวอนมานี้เถิด พระเจ้าข้า
ข้าแต่พระแม่มารีอา ที่วางไง้ใจของข้าพเจ้า ช่วยวิงวอนพระเยซูเพื่อข้าพเจ้าด้วยเถิด
3. จงตัดใจจากโลก
คนเราปรารถนาจะดำรงอยู่ในฐานะใด ขณะตาย เราก็จะต้องดำรงชีพอยู่ในฐานะนั้น ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ “เป็นบุญลาภของผู้ที่ตายในพระสวามีเจ้า” (วว. 14: 13) นักบุญอัมโบรส กล่าวว่า: ผู้ที่ตายดี คือ ผู้ที่ได้ตายจากโลกก่อนแล้วหมายความว่า ผู้ที่ได้ปลีกตนจากทรัพย์สมบัติ ซึ่งเขาจำเป็นจะต้องพรากจากมันเมื่อเวลาจะตาย ฉะนั้น นับแต่เวลานี้ทีเดียว ชาวเราต้องยอมพรากตนออกห่างจากข้าวของ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง สมบัติพัสถานทุกชนิดในโลกนี้ หากขณะมีชีวิตอยู่เราไม่ยอมทำดังนี้ เมื่อจะตาย เราก็จำใจจะต้องทำเหมือนกัน และขณะนั้นจะต้องทำด้วยความเสียใจเป็นอันมาก ทั้งยังเป็นภัยแก่ความรอดของเราอีกด้วย เรื่องนี้นักบุญเอากูสติน สอนว่า : อยากจะตายอย่างราบคาบหรือ? ควรจะจัดเรื่องทรัพย์สมบัติฝ่ายโลกนี้ไว้ ตั้งแต่เมื่อยังสบายดีอยู่ หากท่านมีทรัพย์จะมอบให้เป็นมรดก ก่จงจัดแจงเสียให้เรียบร้อยแต่บัดนี้เถิด ทั้งนี้ เพื่อว่า เมื่อถึงคราวจะตายท่านจะได้เอาใจใส่ถึง เฉพาะเรื่องการร่วมชิดสนิทกับพระเป็นเจ้า ขณะนั้นจะได้พูดถึงเฉพาะเรื่องพระเป็นเจ้า เรื่องสวรรค์อย่างเดียว เวลาช่วงสุดท้ายนั้น ประเสริฐมาก ไม่ควรจะเสียไปในการคิดถึงข้าวของฝ่ายแผ่นดิน เวลาจะตาย เป็นเว่ลาจะจบมงกุฎของผู้ต้องเลือกสรร เพราะว่า ขณะนั้น หากเรายอมรับความเจ็บไข้ และความตายด้วยอ่อนน้อม และด้วยความรักภักดีต่อพระเป็นเจ้า เราก็อาจจะสร้างบุญกุศลมากกว่าคราวใดๆ ก็ได้
แต่เมื่อจะตาย เราจะมีวามรู้สึกดังกล่าวมาหาได้ไม่ หากว่า เมื่อสบายดีอยู่ เรามิได้ฝึกฝนไว้ ฉะนั้น ผู้มีใจศรัทธาบางท่าน จึงได้รับผลประโยชน์มากเพราะทุก ๆ เดือน หลังจากได้แก้บาปและรับศีลมหาสนิทแล้ว เขาทำการรื้อฟื้นแสดงเจตจำนงยินยอมตายตามประสาคริสตัง โดยรำพึงคิดเหมือนว่าตัวเขากำลังใกล้จะตาย จวน ๆ จะออกจากชีวิตนี้แล้ว (ในหนังสือหรับเฝ้าศีลมหาสนิทของข้าพเจ้า มีคำแสดงเจตจำนงยอมตายดังนี้ เป็นบทสั้น ๆ อ่านจบในชั่วครู่) (*)
กิจปฏิบัติที่กล่าวนี้ หากเราไม่กระทำขณะสบายดี ก็ยากมากที่จะกระทำเมื่อจะตาย ข้าบริการของพระเจ้าผู้หนึ่ง คือ ภคินี กาทารีนา แห่งนักบุญอัมแบร์โต คณะนักบุญเทเรซา (การ์แมลไม่สวมรองเท้า) เมื่อใกล้จะตาย ได้ถอนใจใหญ่พูดว่า “พี่น้อง ที่ดิฉันถอนใจใหญ่นี้ ไม่ใช่เพราะดิฉันกลัวตาย ดิฉันคอยมันมาแต่ยี่สิบห้าปีแล้ว แต่ดิฉันถอนใจใหญ่ ก็เพราะคนเป็นจำนานมาก ลุ่มหลงดำรงชีพอยู่ในบาป และจำเป็นจะต้องเข้าดีกับพระเป็นเจ้าเมื่อเวลาจะตาย และก็ในเวลานี้ ตัวดิฉันเอง จะออกพระนามเยซูก็แทบจะไม่ไหว?”
พี่น้องที่รัก ขอให้พิจารณาดูว่า ในขณะนี้ ใจของท่านจดจ่ออยู่กับอะไรในโลกนี้บ้าง กับคน ๆ นั้น เกียรติยศอันนั้น กับเรือนหลังนั้น กับเงินทองเหล่านั้นกับเพื่อนฝูงคนนั้น ๆ กับเครื่องเล่นการเล่นอันนั้น แล้วให้คิดเถิด: ท่านจะไม่อยู่เรื่อยไปหรอก ท่านจะต้องละทิ้งสิ่งเหล่านี้สักวันหนึ่งและบางทีในเวลาใกล้ ๆ นี้เอง ไฉนท่านจึงชอบเอาใจไปหมกมุ่นอยู่กับมัน เป็นการเสี่ยงตนเองในภัยจะตายอย่างกระวนกระวายเล่า? จงยกทุกสิ่งถวายแด่พระเป็นเจ้าเสียแต่เดี๋ยวนี้เถิดจงสรรพพร้อมจะยอมเสียทุกสิ่ง เมื่อพระองค์จะทรงพอพระทัย ถ้าท่านปรารถนาจะตายด้วยความนอบน้อม ก็จงนอบน้อมตั้งแต่บัดนี้ ยอมรับภัยพิบัติทุกชนิด อันอาจจะเป็นมาแก่ท่าน และจงพรากตนเองจากความรักต่อแผ่นดิน นักบุญฮีเอโรนีโมสอนว่า “จงคิดว่าท่านกำลังจะตาย และท่านจะประมาททุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย” (2)
ในขณะนี้ ถ้าท่านยังมิได้เลือกทางดำเนินชีพ ก็ขอให้ท่านเลือกเอาทางที่ท่านขณะเมื่อจะตายอยากจะเลือกเอาเถิด และจงเลือกเอาทางชนิดที่จะทำให้ท่านหลับตาตายด้วยความชื่นใจมากกว่าหมดเถิด แต่หากท่านได้เลือกทางดำเนินชีพไปแล้ว ก็จงบำเพ็ญตน อย่างที่ท่านใคร่จะได้บำเพ็ญในขณะเมื่อจะตายเถิด ท่านพึงปฏิบัติดังว่านี้ทุกวัน ประหนึ่งเป็นวันสุดท่ายในชีวิตของท่าน กิจการทุกกิจการเป็นกิจการสุดท้ายของท่าน เวลาสวด เวลาแก้บาปรับศีล ให้คิดว่าเป็นการสวดการแก้บาปและการรับศีลครั้งสุดท้าย ท่านจงคำนึงเหมือนว่า ท่านกำลังจะตายอยู่แล้วทุก ๆ เวลา กำลังนอนเหยียดอยู่บนที่นอน กำลังได้ยินเขาสวดว่า “จงออกจากโลกนี้เถิด” (3) โอ! การคิดถึงความตายเช่นนี้ ย่อมช่วยให้เราบำเพ็ญตนเป็นคนดี และช่วยให้เราตัดใจออกห่างจากโลกได้ดีเพียงไรหนอ! “เป็นบุญของคนใช้ผู้นั้น ซึ่งเมื่อนายกลับมา จะพบเขากำลังเตรียมพร้อม” (มธ. 24, 46) ผู้ใดคอยความตายอยู่ทุกเมื่อ แม้ผู้นั้นจะตายปัจจุบันเขาก็จะตายดีอยู่นั่นเอง
ข้อเตือนใจและคำภาวนา
คริสตังทุกคน พอทราบว่าตนกำลังจะสิ้นใจอยู่แล้ว ต้องสรรพพร้อมจะทูลว่า: ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ามีเวลาเหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว เวลาที่เหลืออยู่นี้ ข้าพเจ้าใคร่จะใช้รักพระองค์ เท่าที่จะรักได้ เพื่อจะได้รักพระองค์ให้มากในชีวิตหน้า ข้าพเจ้าแทบไม่มีอะไรเหลือจะถวายพระองค์แล้ว จึงขอถวายความเจ็บปวด และขอมอบชีวิตของข้าพเจ้าร่วมกับมหาบูชา ซึ่งพระเยซูคริสต์ได้ทรงพลีพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อข้าพเจ้า พระสวามีเจ้าข้า โทษที่ข้าพเจ้ากำลังรับอยู่นี้เมื่อเปรียบกับความผิดของข้าพเจ้าแล้ว มันเบามากทีเดียว ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าขอน้อมรับ เพื่อแสดงความรักต่อพระองค์ ข้าพเจ้ายินดีรับโทษานุโทษทุกประการที่พระองค์ทรงประสงค์จะให้แก่ข้าพเจ้า ทั้งในชีวิตนี้และชีวิตหน้า ขอแต่ให้ข้าพเจ้ารักพระองค์เสมอไปอย่างเดียวเท่านั้น โปรดลงพระอาชญาแก่ข้าพเจ้าตามแต่จะชอบพระทัยเถิด ขออย่างเดียวอย่าให้ข้าพเจ้าปราศจากความรักของพระองค์เท่านั้น ข้าพเจ้าทราบว่า ตนไม่สมจะรักพระองค์ เพราะว่าได้ประมาทความรักของพระองค์แล้วหลายครั้งหลายคราว แต่พระองค์ไม่ทรงรู้จักผลักไสวิญญาณที่เป็นทุกข์กลับใจ พระเจ้าข้า โอ้! องค์เจ้าพระคุณ ข้าพเจ้าตรอมใจที่ได้กระทำขัดเคืองพระทัย ข้าพเจ้ารักพระองค์ด้วยสิ้นสุดดวงใจ และวางใจในพระองค์ทุกประการพระมหาไถ่เจ้าข้า พระมรณธรรมของพระองค์เป็นสรณะที่พึ่งของข้าพเจ้าขอมอบวิญญาณของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ พระหัตถ์อันเป็นแผลเพราะถูกตะปูแทงไช (สดด. 30, 6) พระเยซูเจ้าข้า พระองค์ได้ทรงหลั่งพระโลหิตเพื่อช่วยให้ข้าพเจ้ารอดแล้ว ขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องพรากจากพระองค์เลยพระเจ้าข้า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ผู้สถิตสถาพรตลอดนิรันดร ข้าพเจ้ารักพระองค์และหวังจะได้รักพระองค์เป็นนิตย์อัตราพระเจ้าข้า
พระนางมารีอา พระแม่ที่รักเจ้าข้า กรุณาช่วยข้าพเจ้าในเวลาอันสำคัญยิ่งยวดนั้นด้วยเจ้าข้า ขอมอบดวงจิตของข้าพเจ้าไว้กับท่านตั้งแต่บัดนี้: โปรดทูลวิงวอนพระปิยบุตรของท่าน เพื่อทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้าด้วยเถิด ขอฝากฝังตัวข้าพเจ้าไว้กับท่าน โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นนรกด้วยเถิด เจ้าข้า
(1) Jam non poteris amplius vilicare.
* บทแสดงเจตจำนงยินยอมตาย จะให้ไว้ตอนปลายหนังสือเล่มนี้.
(2) Facile contemnit omnia, qui simper se cogitate moriturum.
(3) Proficiscere de hoc mundo.
- บทที่ 01 "ภาพของคนเพิ่งตาย"
- บทที่ 02 "เมื่อตาย ทุกสิ่งจบสิ้น"
- บทที่ 03 "ชีวิตมนุษย์ไม่ยืนนาน"
- บทที่ 04 "ความตายเป็นของแน่"
- บทที่ 05 "เวลาตายไม่แน่"
- บทที่ 06 "ความตายของคนบาป"
- บทที่ 07 "ความรู้สึกต่าง ๆ ของคนใกล้จะตาย"
- บทที่ 08 "ความตายของผู้ใคร่ธรรม"
- บทที่ 09 "สันติสุขของผู้ใคร่ธรรมเมื่อเวลาจะตาย"
- บทที่ 10 "วิธีการสำหรับ เตรียมรับความตาย"
- บทที่ 11 "ค่าของเวลา"
- บทที่ 12 "ความสำคัญของความรอด"
- บทที่ 13 "ความฟุ้งเฟ้อของโลก"
- บทที่ 14 "ชีวิตปัจจุบัน คือการเดินทางไปสู่นิรันดรภาพ"
- บทที่ 15 "ความอุกฉกรรจ์ของบาปหนัก"
- บทที่ 16 ความเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้า
- บทที่ 17 การล่วงเกินความเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้า
- บทที่ 18 จำนวนบาป
- บทที่ 19 พระหรรษทานเป็นสิ่งมีค่าเพียงไร?
- บทที่ 20 ความบ้าของคนบาป
- บทที่ 21 ชีวิตอันไม่เป็นสุขของคนบาป และชีวิตอันผาสุกของคนที่รักพระเป็นเจ้า
- บทที่ 22 ความเคยชินในความชั่ว
- บทที่ 23 กลอุบายที่ปีศาจนำมาใช้ล่อลวงคนบาป
- บทที่ 24 การพิพากษาทีละคน
- บทที่ 25 การพิพากษาประมวลพร้อม
- บทที่ 26 โทษานุโทษในนรก
- บทที่ 27 นิรันดรภาพของนรก