Skip to main content

book

บุ ต ร แ ห่ ง ม นุ ษ ย์

คาลิล ยิบราน
แปลโดย มักดาเลนา

line mass
ใ น ส า ย ต า ข อ ง

ซีมอน ที่เรียกกันว่าเปโตร

ข้า อยู่ที่ริมฝั่งทะเลสาบกาลิลี ตอนที่ข้าพบพระเยซู-พระเจ้าและอาจารย์ของข้าเป็นครั้งแรก 

          ตอนนั้น ข้าอยู่กับแอนดรูว์น้องชาย เรากำลังเหวี่ยงแหอยู่ในทะเล 

          คลื่นซัดสาดรุนแรง เราจับได้แต่ปลาเล็ก ๆ เท่านั้น ใจของเราเป็นทุกข์หนัก 

          ทันใดนั้น พระเยซูก็มายืนอยู่ข้าง ๆ พวกเรา ประหนึ่ง ว่าเขาไปไหนมาไหนได้ทุกเวลา  เราไม่ทราบเลยว่าเขามายืนอยู่ข้างเราเมื่อไหร่กัน 

          เขาเรียกชื่อพวกเรา และกล่าว “ถ้าพวกเธอตามฉันมา ฉันจะพาพวกเธอไปยังเวิ้งอ่าวที่ฝูงปลาพากันลอยอออยู่มากมาย” 

          เมื่อมองหน้าเขา แหก็ร่วงจากมือของข้า ดวงไฟในตัวข้าลุกร้อน ข้าจำเขาได้ดีทีเดียว 

          แอนดรูว์น้องข้ากล่าวขึ้น “เรารู้จักทุกเวิ้งอ่าวในแถบชายฝั่งนี้ และเราทราบดีว่าในวันลมจัดอย่างนี้ ปลาจะลงไปอยู่ในที่ลึก เกินกว่าข่ายแหของเราจะเอื้อมถึง” 

          พระเยซูตอบ “ตามฉันไปยังชายฝั่งทะเลที่กว้างใหญ่กว่านี้เถิด ฉันจะให้เธอเป็นชาวเลจับมนุษย์ แล้วในแหของเธอจะไม่มีวันว่างเปล่าเลย” 

          พวกเราจึงทิ้งเรือ ทิ้งแห และตามเขาไป 

          ข้ารู้สึกว่า ตัวเองกำลังถูกชักจูงตามเขาไปด้วยพละกำลังที่มองไม่เห็น 

          ข้าเดินเข้าไปใกล้เขา     กลั้นหายใจ      รู้สึกพิศวงงงัน แอนดรูว์น้องข้าเดินตามมาข้างหลัง เขาก็ตกอยู่ในความพิศวงงงงันเช่นกัน 

          ขณะที่เราเดินไปบนพื้นทราย ข้ารวบรวมความกล้า กล่าวกับเขา “ท่านครับ ข้ากับน้องชายจะตามรอยเท้าของท่าน ท่านไปที่ไหนเราก็ไปที่นั่น ถ้าท่านประสงค์จะพักที่เรือนของเราในคืนนี้ เราก็ยินดีต้อนรับ เรือนของเราไม่ใหญ่นัก เพดานต่ำเตี้ย ท่านจะได้ทานแต่อาหารง่าย ๆ พื้น ๆ แต่ถ้าท่านเข้าไปในเพิงเล็ก ๆ ของเรา มันก็เหมือนเป็นปราสาทสำหรับเราแล้ว ให้ท่านร่วมหักปังกับเราเถอะ ได้อยู่กับท่าน ต่อให้เจ้าชายผู้ครองนครก็ย่อมอิจฉาเรา” 

          เขาตอบ “ใช่ ฉันจะพักที่เรือนของเธอในคืนนี้” 

          ใจข้าเปี่ยมล้นด้วยความปิติ เราเดินตามเขาไปเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงเรือน 

          ขณะที่เรายืนกันอยู่หน้าประตู พระเยซูกล่าวขึ้น “สันติสุขจงมีแด่บ้านหลังนี้ และผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้” 

          เขาเดินเข้าไปข้างใน เราเดินตามเขาเข้าไป 

          เมีย แม่ยาย และลูกสาวของข้ามายืนอยู่ต่อหน้าเขา ทำ ความเคารพ ทั้งหมดคุกเข่าลงเบื้องหน้าเขา จูบที่ชายแขนเสื้อของเขา 

          พวกนั้นรู้สึกประหลาดใจ ที่เขา-ผู้ได้รับเลือกและผู้เป็นที่รัก ได้มาเป็นแขกในบ้านของเรา ทุกคนเคยเห็นเขาที่ริมแม่น้ำจอร์แดน ตอนที่ยอห์น บัปติสต์ ประกาศเรื่องของเขาต่อหน้า ผู้คน 

          จากนั้นทั้งเมียและแม่ยายของข้าจึงรีบกุลีกุจอไปจัดสำรับอาหาร 

          แอนดรูว์น้องข้าเป็นคนขี้อาย แต่ความเชื่อที่เขามีต่อ พระเยซูอาจมากกว่าข้าด้วยซ้ำไป 

          ลูกสาวข้า ตอนนั้นอายุสิบสองขวบ เข้าไปยืนอยู่หน้าเขา จับที่ชายเสื้อราวกับกลัวเขาจะจรจากเราไปเสียแต่ยังค่ำนี้ อีหนูติดเขาแจ เหมือนลูกแกะที่หายไปได้กลับมาพบคนเลี้ยงของมันอีกครั้ง 

          เมื่อเรามาพร้อมหน้ากันที่โต๊ะ เขาก็เริ่มหักปังและริน เหล้าองุ่น เขามองมาที่พวกเรา กล่าวขึ้น  “สหายเอ๋ย พวกท่านเมตตาต่อฉันมาก ที่มาร่วมโต๊ะทานเลี้ยงกับฉัน เช่นที่พระบิดาทรงเมตตาประทานอาหารเหล่านี้ให้เรา” 

          เขากล่าวเช่นนี้ก่อนที่จะตักอาหารคำแรก ซึ่งเป็นการอวยพรตามธรรมเนียมโบราณที่เจ้าบ้านต้องให้เกียรติแก่แขกที่มา แต่กิริยาของเขาราวกับแขกนั้นเป็นเจ้าของบ้านเอง 

          ขณะที่เรานั่งล้อมวงกับเขานั้น เรารู้สึกคล้ายกำลังร่วมงานเลี้ยงกับพระราชา 

          เปตรอเนลาห์-ลูกสาวของข้า อีหนูยังเด็กและไร้เดียงสา มันจับจ้องที่ใบหน้าของเขา จับจ้องทุกอากัปกิริยาของเขา และข้าก็เห็นม่านน้ำตาอาบเอ่อที่ตาอีหนูมัน 

          เมื่อทานอาหารเสร็จ เขาก็ลุกไปจากโต๊ะ พวกเราลุกตาม ไปนั่งล้อมรอบเขาที่ใต้ซุ้มองุ่น 

          เขาพูด เราฟัง และหัวใจของเราก็กระพือปีกโลดเต้นคล้ายนกน้อย 

          เขาพูดถึงเรื่องการเกิดใหม่ครั้งที่สองของมนุษย์ และว่าประตูสวรรค์กำลังจะเปิด เทวดาบินลงมา พร้อมนำสันติและความสุขมาให้มนุษย์ จากนั้นเทวดาจะบินขึ้นไป พร้อมนำ คำวอนของมนุษย์ไปมอบให้แก่พระเจ้า 

          เขามองเข้ามาในตาของข้า มองทะลุลงไปลึกถึงใจข้า และเอ่ยขึ้น “ฉันเลือกเธอกับน้องชายเพื่อติดตามฉันไปทุกแห่ง พวกเธอเคยทำงานเหนื่อยยาก และแบกแอกหนัก แต่ฉันจะให้เธอได้พักผ่อน จงแบกแอกของฉัน และเรียนจากฉัน เพราะในใจฉันนั้นมีแต่สันติ วิญญาณของเธอจะพบกับความอุดมและจะได้กลับบ้าน” 

          เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ ข้ากับน้องชายจึงออกมายืนต่อหน้าเขา ข้าเอ่ยขึ้น “อาจารย์ครับ พวกเราจะตามท่านไปจนสุดขอบโลก และแม้แอกของเราจะหนักเหมือนภูเขา เราก็จะแบกไปพร้อมกับท่านด้วยความเบิกบาน แม้เราจะตกลงไปข้างทางบ้าง แต่เรารู้ดีว่า เราตกไปบนเส้นทางสู่สวรรค์ และเราก็พอใจที่เป็นเช่นนั้น” 

          น้องข้ากล่าวขึ้นบ้าง “อาจารย์ พวกเราเป็นเหมือนหลอดด้ายที่อยู่ระหว่างหูกทอกับมือของท่าน โปรดทอเราให้เป็นผ้าเถอะ ถ้าท่านต้องการเช่นนั้น แล้วเราจะได้เป็นส่วนหนึ่งบนภูษาของพระเจ้า” 

          เมียข้าเงยหน้าขึ้น น้ำตารื้นเอ่ออาบแก้ม มันพูดขึ้น “สันติสุขจงมีแด่ท่านผู้มาในนามของพระเจ้า แด่ท้องที่คลอดท่าน แด่เต้าที่ให้นมท่านดื่ม” 

          ลูกสาวข้าที่อายุแค่สิบสองปีนั่งอยู่แทบเท้าของเขา อีหนูเกาะแกะคลอเคลียไม่ยอมห่าง

          แม่ยายข้านั่งอยู่ที่ประตู ไม่พูดไม่จา แกเอาแต่ร้องไห้อยู่เงียบ ๆ ผ้าคลุมไหล่ของแกชื้นน้ำตา 

          พระเยซูเดินผ่านไปเหนือแก แกมองขึ้นมาสบตาเขา เขาจึงกล่าวกับแก “แม่ย่าเป็นแม่ของทุกคนในบ้านนี้ แม่ย่าร้องไห้เพราะความปิติ ฉันจะเก็บน้ำตาของแม่ย่าไว้ในความทรงจำเสมอ” 

          เวลานี้ เดือนดวงเก่าขึ้นครองที่เส้นขอบฟ้าแล้ว พระเยซูจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันมาทางพวกเรา เอ่ยขึ้น “นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเธอไปนอนเสียเถิด ขอพระเจ้าประทานพรให้ท่านหลับไหลด้วยความสงบ ฉันจะนั่งใต้ซุ้มไม้ในสวนจนฟ้าสางโน่นแหละ วันนี้ฉันเหวี่ยงแหออก และจับคนได้สองคน แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว เวลานี้คงต้องว่า ราตรีสวัสดิ์” 

          แม่ยายข้าจึงเอ่ย “แต่เราได้จัดเตียงตั่งไว้ให้ท่านแล้ว อิฉันขอเชิญท่านเข้าไปพักผ่อนเถิด” 

          เขาตอบแก “ฉันจะได้พักผ่อนแน่   แต่ไม่ใช่ใต้ชายคาเรือนดอก คืนนี้ปล่อยให้ฉันเดียวดายอยู่ใต้เพดานดงองุ่นและดวงดาวเถิด” 

          แม่ยายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงนำฝูกนอนหมอนมุ้งกับผ้าห่มออกมา เขายิ้มแย้มให้แก และเอ่ยขึ้น “ดูเถิด ฉันได้นอนบนเตียงที่ถูกจัดถึงสองครั้ง” 

          จากนั้นเราจึงละเขาเข้าไปในเรือน ลูกสาวของข้าเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ตาของอีหนูยังจับจ้องที่เขาจนข้าปิดประตูลง 

          นั่นคือครั้งแรกที่ข้าได้รู้จักพระเจ้าและอาจารย์ของข้า 

          และแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่มันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นวันนี้เอง 

ซีมอน ที่เรียกกันว่าเปโตร

ฟิเลโมน หมอยาชาวกรีก

คายาฟาส  มหาปุโรหิต

book

jesus man

book