อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งการขับร้อง
อาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของวาจาที่ยังมิได้เอ่ย
ข้าเกิดมาแล้วเจ็ดครั้ง ทั้งตายไปแล้วเจ็ดครา
เมื่อท่านอิดเอื้อนลังเลต่อการต้อนรับอันแสนสั้นของเรา
เมื่อนั้นข้าก็ต้องเกิดใหม่อีกร่ำไป
ท่านยังจำวันเวลาท่ามกลางหุบเขาเหล่านั้นได้ไหม
ครั้งที่กระแสแห่งท่านพัดพาเราขึ้นไปสูงลิ่ว
นับแต่นั้นไม่ว่าดินแดนหรือทะเลใดที่ข้าผ่าน
ไม่ว่าที่ใดที่รองเท้าสานหรือใบพายนำข้าไปถึง
นามของท่านจะเป็นคำภาวนาและข้อโต้เถียงที่นั่น
มีผู้คนทั้งที่อวยพรและด่าแช่งท่าน
คำก่นด่าเป็นดังคำประท้วงต่อคนเหลวไหล
คำอวยพรเป็นดังบทเพลงของพรานล่าผู้กลับมาจากภูเขา
พร้อมด้วยอาหารติดมือมาฝากคนรัก
เหล่ามิตรของท่านยังอยู่กับเราเพื่อปลุกปลอบ และนำ หนุนน้ำใจ
ฝ่ายศัตรูยังอยู่เป็นพละกำลังและการค้ำประกันอันแน่นอน
มารดาของท่านก็อยู่กับเราด้วย
ข้าเคยเห็นเงาวาบฉายบนใบหน้าของนาง
เช่นที่เคยเห็นบนใบหน้าของมารดาอื่นมาแล้ว
มือของนางเกาะกุมเปลนอนอย่างอ่อนโยน
มือของนางโอบอุ้มผ้าตราสังอย่างทะนุถนอม
มารี มักดาเลนยังอยู่กับพวกเรา
นางผู้ดื่มน้ำส้มเปรี้ยวแห่งชีวิตแทนเหล้าองุ่น
แล้วยูดาส บุรุษแห่งความปวดร้าวและความทะเยอ-ทะยานที่ต่ำต้อยนั้นเล่า
เขายังดำเนินอยู่ในโลกนี้
แม้จนเวลานี้แล้วเขาก็ยังวอนขอให้แก่ตนเอง
ในความกระหายใคร่ได้ เขาพบเพียงความว่างเปล่า
และกลับได้พบตัวตนที่แท้ด้วยการทำลายล้างตนเอง
ยอห์น ศิษย์รัก ผู้หนุ่มแน่นงดงามยังอยู่ที่นี่
เขายังร้องเพลง แม้จะไม่มีใครใส่ใจฟังก็ตาม
ซีมอน เปโตร จอมหุนหันพลันแล่นที่ปฏิเสธท่านนั้น ยังมีชีวิตยืนยาวมาเพื่อท่านจนถึงบัดนี้
เขายังนั่งผิงไฟร่วมกับเรา
เขาอาจปฏิเสธท่านอีกครั้งก่อนอรุณรุ่งพรุ่งนี้จะมาถึง
แต่เขาก็ยอมถูกตรึงกางเขนตามประสงค์ของท่าน และกระ-ทำตนเหมือนไม่มีค่าพอกับเกียรติยศอันใดเลย
คายาฟัสและอันนาสก็ยังคงมีชีวิตอยู่
ยังคงตัดสินคนดีและคนเลวอยู่เหมือนเคย
เขานอนหนุนหมอนยัดขนเป็ด
ในขณะที่บุรุษซึ่งถูกเขาพิพากษานั้นกำลังถูกเฆี่ยน ใส่ด้วยแส้
หญิงสารเลวที่ครองกายด้วยการประเวณีนั้นเล่า
นางยังคงเดินอยู่ในถนนกลางเมืองของเราเช่นเดิม
ประดาขอทานหิวโซยังไม่ได้รับปันส่วนขนมปัง
ขณะที่หญิงม่ายยังเดียวดายอยู่ในเรือนร้างว่างเปล่าของนาง
ปอนติอัส ปิลาต อยู่ที่นี่ด้วย
เขายังยืนขลาดเขลาต่อหน้าท่าน
มีคำถามมาถามท่านอีก
และยังไม่กล้าเสี่ยงต่อตำแหน่งหน้าที่และมติประชาชนเช่นเดิม
เขาคงต้องล้างมืออยู่ร่ำไป
เยรูซาเลมยังเป็นอ่างดิน ส่วนโรมยังเป็นคนโทใส่น้ำ
และระหว่างทั้งสองสิ่งนี้ มือเป็นหมื่นพันได้ถูกล้างให้ขาวสะอาดกว่าเดิม
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งกานท์กลอน
อาจารย์แห่งวาจาที่มีทั้งเนื้อร้องและทำนอง
มีคนสร้างโบสถ์และตั้งชื่อตามนามของท่าน
ตามเนินสูงทั้งหลาย เขายกกางเขนของท่านตั้งไว้
สัญลักษณ์และเครื่องหมายนำย่างก้าวของพวกเขาไป
แต่สิ่งเหล่านี้มิได้สบอารมณ์ท่าน
ความยินดีของท่านคือเนินเขาที่อยู่ตรงหน้าคนพวกนั้นนั่นเอง
แต่พวกเขามิได้เห็นมันสักนิด
พวกเขาร้องสรรเสริญบุรุษนิรนามที่ตนเองยังไม่รู้จัก
แล้วจะมีการปลุกปลอบชนิดใดในตัวชายคนนี้จะเทียบ เท่าการปลุกปลอบของพวกเขาเอง ชายคนนี้มีความกรุณาชนิดใดที่จะเหมือนความกรุณาของพวกเขาเอง
พระเจ้าผู้รักเราก็คือ การที่เรารักตัวเองนั้นแหละ
ความเมตตาของใครกันที่อยู่ในความเมตตาของเรา?
พวกเขามิได้ให้เกียรติแก่มนุษย์-มนุษย์ที่ยังมีเลือดเนื้อ
ชายคนแรกได้เบิกตาขึ้น แหงนมองไปยังดวงอาทิตย์
ดวงตาของเขาหาได้สั่นสะท้านอันใดไม่
ไม่สักนิด คนพวกนั้นไม่รู้จักเขา และไม่ได้กระทำตน เช่นเขาเลย
เขาทั้งหลายคือคนนิรนาม ที่เฝ้าวนเวียนอยู่ในการครอบครองแห่งนิรนาม
พวกเขาทนรับความโศก ซึ่งเป็นความโศกของตนเอง
พวกเขาไม่ได้เอ่ยขอคำปลอบประโลมจากความชื่นบาน ของท่าน
ใจบาดเจ็บของพวกเขามิได้หาการปลอบโยนจากวาจาหรือเพลงของท่าน
ความปวดร้าวที่นิ่งเงียบและไม่มีตัวตนของพวกเขา
สร้างพวกเขาให้เป็นสัตว์โลกที่อ้างว้างและไม่น่าคบหา
ทั้ง ๆ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยหมู่มิตร
พวกเขากลับดำรงชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว ไม่เป็นมิตร
แต่พวกเขาก็ไม่โดดเดี่ยวเกินไปนัก
เพราะทุกคนต่างเอนโล้ไปทางทิศตะวันออกดุจกัน เมื่อลมตะวันตกพายพัดมา
พวกเขาเรียกท่านว่ากษัตริย์
เพื่อจะได้ตำแหน่งในราชสำนักของท่าน
เขาประกาศว่า ท่านเป็นแมสสิยาห์
เพื่อจะได้มีส่วนในการรับเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์
ใช่แล้ว เขามีชีวิตดุจกาฝากติดตัวท่าน
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งการขับร้อง
น้ำตาของท่านเปรียบดังสายฝนเดือนพฤษภาฯ
หัวเราะของท่านเปรียบดังเห่คลื่นแห่งทะเลขาว
เมื่อท่านเอ่ยปาก วาจาของท่านก็เปรียบเช่นเสียงกระซิบจากแดนไกล พรั่งพรูจากริมฝีปากที่ถูกลนด้วยเปลวไฟ
ท่านหัวร่อเพื่อวันพรุ่งนี้ ทั้งที่กระดูกของมันยังเปราะบาง ไม่พร้อมจะรับฟังเสียงหัวเราะ
ท่านร่ำไห้เพื่อดวงตาที่ยังฉ่ำชื้นรื้นน้ำตา
เสียงของท่านคอยโอบอุ้มคุ้มกันความคิดอ่านของพวกเขาดุจบิดา
เสียงของท่านคอยเลี้ยงดูวาจาและลมหายใจของพวกเขา ดุจมารดา
ข้าเกิดมาแล้วเจ็ดครั้ง ทั้งตายไปแล้วเจ็ดครา
มาบัดนี้ข้ามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง และข้าได้เห็นท่าน
นักสู้แห่งนักสู้ทั้งหลาย
ยอดกวีในหมู่นักกลอน
กษัตริย์แห่งราชาทั้งมวล
ชายผู้เปลือยเปล่าครึ่งท่อนกับผู้ติดตามของท่าน
ทุกวันสังฆราชจะค้อมศีรษะคารวะ
ยามต้องเอ่ยนามท่าน
ทุกวันขอทานจะพร่ำว่า:
“เพื่อเห็นแก่พระเยซู
ขอข้าสักบาทสองบาทเถอะ ข้าจะเอาไปซื้อข้าวกิน”
เราร้องเรียกกันและกัน
ซึ่งในความจริงเรากำลังร้องเรียกท่าน
ความปรารถนาของเราต่อท่านนั้นเชี่ยวกรากดังสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง สายน้ำนั้นก็ไหลเอื่อยลง
ณ. ที่สูงเสียดฟ้าและที่ลึกสุดหยั่ง นามของท่านยังคงอยู่ บนริมปากของเรา
อาจารย์แห่งความเมตตาอย่างหาขอบเขตมิได้
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งโมงยามอันเปลี่ยวเหงา
ที่นี่และที่นั่น ในเปลนอนและโลงศพ ข้าได้พบกับพี่น้อง ผู้เงียบขรึมของท่าน
เสรีชนผู้เป็นอิสระจากโซ่ตรวน
บุตรหลานของมารดาแห่งโลกและจักรวาล
พวกเขาโบยบินดังนกน้อยในท้องฟ้า
เหมือนดอกไม้ป่าในทุ่งนา
พวกเขาดื่มกินชีวิตของท่าน และครุ่นคิดด้วยความคำนึง ของท่าน
พวกเขาร้องเพลงของท่าน
แต่มือของพวกเขากลับขาวสะอาดไร้ร่องรอยใด ๆ
พวกเขามิได้ถูกตรึงกางเขนร่วมกับท่าน
สิ่งนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องปวดร้าว
โลกของเราตอกตรึงพวกเขาทุกวี่วัน
แต่นั่นก็แค่ความปวดร้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ท้องฟ้าหาได้สั่นสะท้านไหว
แผ่นดินมิได้โศกเศร้ากับความตายนั้น
พวกเขาถูกตอกตรึง โดยไม่มีใครมาเป็นพยานรับรู้ถึง ความทรมานของพวกเขา
พวกเขาหันมองหาทั้งซ้ายและขวา
แต่ก็ไม่พบผู้ที่สัญญาจะมอบอาณาจักรให้สักคน
ยังก่อน พวกเขายังต้องถูกตอกตรึงต่อไปและต่อไป
เพราะพระเจ้าของท่านคือพระเจ้าของพวกเขา
พระบิดาของท่านคือบิดาของพวกเขา
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งความรัก
เจ้าหญิงรอคอยการมาของท่านอยู่ที่แท่นบรรทมจรุงกลิ่น
แม่หญิงทั้งที่ยังโสดและไม่โสดรออยู่ในกรงน้อยของนาง
หญิงแพศยาร้องขอข้าวปลาตามท้องถนนด้วยความอับอาย
นางชีในเขตพรตไร้ชายไว้ให้เชย
หญิงหมันเปล่าเปลี่ยวอยู่ริมหน้าต่าง
ซึ่งมีรอยน้ำค้างแข็งระบายภาพป่าเบื้องนอกไว้อย่างงดงาม
นางได้พบท่าน ณ. ช่องหน้าต่างบานนั้น
นางจะโอบอุ้มท่าน และบำรุงเลี้ยงท่านดังมารดาที่ดี
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งกานท์กลอน
อาจารย์แห่งความปรารนาที่เงียบงำของเรา
ดวงใจของแผ่นดินโลกสั่นไหวไปกับจังหวะเต้นของใจท่าน
แต่มิได้มอดไหม้ไปกับบทเพลงของท่าน
แผ่นดินโลกนั่งฟังเสียงท่านในแสงแดดสงบนิ่ง
ไม่ไหวติง และไม่ยอมลุกจากที่นั่ง
เพื่อชั่งน้ำหนักเทือกเขาสูงของท่าน
ชายหนุ่มขอฝันของท่านไว้ใฝ่ แต่มิได้ตื่นในรุ่งอรุณของท่าน
ทั้งที่นั่นคือความฝันอันยิ่งใหญ่ของเขา
เขามองเห็นด้วยสายตาของท่าน
แต่ไม่ได้ก้าวเดินไปสู่บัลลังค์ของท่าน
หลายคนปกครองในนามของท่าน
บ้างมียศศักดิ์ด้วยอำนาจของท่าน
และเปลี่ยนแปลงการมาเยี่ยมเยือนที่งดงามของท่าน
ให้เป็นมงกุฎสวมหัว และเป็นคทาเหล็กในมือของตน
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งความสว่าง
ผู้เป็นดวงตาแก่มือที่ป่ายคลำของคนตาบอด
ท่านยังคงถูกเยาะเย้ยอย่างชิงชัง
มนุษย์-ผู้อ่อนแอและไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระเจ้า
พระเจ้า-ผู้ได้รับการเทิดทูนบูชาจากมนุษย์
โดยทางพิธีกรรมและเพลงสวดของพวกเขา
ทางศีลศักดิ์สิทธิ์และสายประคำ เหล่านี้คือคุกเพื่อขังตัวเอง
ท่านคือตัวตนที่ยังห่างไกลของพวกเขา เป็นเสียงร้องแสนไกล และความใฝ่หาที่ไม่มีวันบรรลุ
แต่อาจารย์ของข้า ผู้เป็นดวงใจของท้องฟ้า อัศวินแห่งความฝันอันอ่อนหวาน
ท่านยังทอด้ายแห่งวันเวลาต่อไป
ทั้งการโค้งคารวะและหอกดาบไม่อาจหยุดยั้งท่านไว้
ท่านฝ่าพายุศรของเราไป
แล้วหันมายิ้มแย้มแก่พวกเรา
ท่านคือผู้อ่อนเยาว์ที่สุดในหมู่เรา
ขณะเดียวกันก็เป็นบิดาของทุกคน
ยอดกวี นักขับเพลง และหัวใจที่ยิ่งใหญ่
ขอพระเจ้าได้ประทานพรแด่นามของท่าน
ครรภ์ที่ให้กำเนิดท่าน และเต้านมที่บำรุงเลี้ยงท่าน
และขอพระเจ้าได้โปรดอภัยให้พวกเราด้วย
พวกเขาไม่โดดเดี่ยวเกินปนัก
เพราะทุกคนก็เอนโล้ไปทางทิศตะวันออกดุจกัน เมื่อลมตะวันตกพายพัดมา
เพื่อจะได้ตำแหน่งในราชสำนักของท่าน
เขาประกาศว่า ท่านเป็นแมสสิยาห์
เพื่อจะได้มีส่วนในการรับเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์
ใช่แล้ว เขามีชีวิตดุจกาฝากติดตัวท่าน
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งการขับร้อง
น้ำตาของท่านเปรียบดังสายฝนเดือนพฤษภาฯ
หัวเราะของท่านเปรียบดังเห่คลื่นแห่งทะเลขาว
เมื่อท่านเอ่ยปาก วาจาของท่านก็เปรียบเช่นเสียงกระซิบจากแดนไกล พรั่งพรูจากริมฝีปากที่ถูกลนด้วยเปลวไฟ
ท่านหัวร่อเพื่อวันพรุ่งนี้ ทั้งที่กระดูกของมันยังเปราะบาง ไม่พร้อมจะรับฟังเสียงหัวเราะ
ท่านร่ำไห้เพื่อดวงตาที่ยังฉ่ำชื้นรื้นน้ำตา
เสียงของท่านคอยโอบอุ้มคุ้มกันความคิดอ่านของพวกเขาดุจบิดา
เสียงของท่านคอยเลี้ยงดูวาจา และลมหายใจของพวกเขาดุจมารดา
ข้าเกิดมาแล้วเจ็ดครั้ง ทั้งตายไปแล้วเจ็ดครา
มาบัดนี้ข้ามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง และข้าได้เห็นท่าน
นักสู้แห่งนักสู้ทั้งหลาย
ยอดกวีในหมู่นักกลอน
กษัตริย์แห่งราชาทั้งมวล
ชายผู้เปลือยเปล่าครึ่งท่อนกับผู้ติดตามของท่าน
ทุกวันสังฆราชจะค้อมศีรษะคารวะ
ยามต้องเอ่ยนามท่าน
ทุกวันขอทานจะพร่ำว่า:
“เพื่อเห็นแก่พระเยซู
ขอข้าสักบาทสองบาทเถอะ ข้าจะเอาไปซื้อข้าวกิน”
เราร้องเรียกกันและกัน
ซึ่งในความจริงเรากำลังร้องเรียกท่าน
ความปรารถนาของเราต่อท่านนั้นเชี่ยวกรากดังสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง สายน้ำนั้นก็ไหลเอื่อยลง
ณ.ที่สูงเสียดฟ้าและที่ลึกสุดหยั่ง นามของท่านยังคงอยู่บนริมปากของเรา
อาจารย์แห่งความเมตตาอย่างหาขอบเขตมิได้
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งโมงยามอันเปลี่ยวเหงา
ที่นี่และที่นั่น ในเปลนอนและโลงศพ ข้าได้พบกับพี่น้องผู้เงียบขรึมของท่าน
เสรีชนผู้เป็นอิสระจากโซ่ตรวน
บุตรหลานของมารดาแห่งโลกและจักรวาล
พวกเขาโบยบินดังนกน้อยในท้องฟ้า
เหมือนดอกไม้ป่าในทุ่งนา
พวกเขาดื่มกินชีวิตของท่าน และครุ่นคิดด้วยความคำนึงของท่าน
พวกเขาร้องเพลงของท่าน
แต่มือของพวกเขากลับขาวสะอาดไร้ร่องรอยใด ๆ
พวกเขามิได้ถูกตรึงกางเขนร่วมกับท่าน
สิ่งนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องปวดร้าว
โลกเราตอกตรึงพวกเขาทุกวี่วัน
แต่นั่นก็แค่ความปวดร้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ท้องฟ้าหาได้สั่นสะท้านไหว
แผ่นดินมิได้โศกเศร้ากับความตายนั้น
พวกเขาถูกตอกตรึง โดยไม่มีใครมาเป็นพยานรับรู้ถึงความทรมานของพวกเขา
พวกเขาหันมองหาทั้งซ้ายและขวา
แต่ก็ไม่พบผู้ที่สัญญาจะมอบอาณาจักรให้สักคน
ยังก่อน พวกเขายังต้องถูกตอกตรึงต่อไปและต่อไป
เพราะพระเจ้าของท่านคือพระเจ้าของพวกเขา
พระบิดาของท่านคือบิดาของพวกเขา
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งกานท์กลอน
เจ้าหญิงรอคอยการมาของท่านอยู่ที่แท่นบรรทมจรุงกลิ่น
แม่หญิงทั้งที่ยังโสดและไม่โสดรออยู่ในกรงน้อยของนาง
หญิงแพศยาร้องขอข้าวปลาตามท้องถนนด้วยความอับอาย
นางชีในเขตพรตไร้ชายไว้ให้เชย
หญิงหมันเปล่าเปลี่ยวอยู่ริมหน้าต่าง
ซึ่งมีรอยน้ำค้างแข็งระบายภาพป่าเบื้องนอกไว้อย่างงดงาม
นางได้พบท่าน ณ. ช่องหน้าต่างบานนั้น
นางจะโอบอุ้มท่าน และบำรุงเลี้ยงท่านดังมารดาที่ดี
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งกานท์กลอน
อาจารย์แห่งความปรารนาที่เงียบงำของเรา
ดวงใจของแผ่นดินโลกสั่นไหวไปกับจังหวะเต้นของใจท่าน
แต่มิได้มอดไหม้ไปกับบทเพลงของท่าน
แผ่นดินโลกนั่งฟังเสียงท่านในแสงแดดที่สงบนิ่ง
ไม่ไหวติง และไม่ยอมลุกจากที่นั่ง
เพื่อชั่งน้ำหนักเทือกเขาสูงของท่าน
ชายหนุ่มขอฝันของท่านไว้ใฝ่ แต่มิได้ตื่นในรุ่งอรุณของ ท่าน
ทั้งที่นั่นคือความฝันอันยิ่งใหญ่ของเขา
เขามองเห็นด้วยสายตาของท่าน
แต่ไม่ได้ก้าวเดินไปสู่บัลลังค์ของท่าน
หลายคนปกครองในนามของท่าน
บ้างมียศศักดิ์ด้วยอำนาจของท่าน
และเปลี่ยนแปลงการมาเยี่ยมเยือนที่งดงามของท่าน
ให้เป็นมงกุฎสวมหัว และเป็นคทาเหล็กในมือของตน
อาจารย์ของข้า อาจารย์แห่งความสว่าง
ผู้เป็นดวงตาแก่มือที่ป่ายคลำของคนตาบอด
ท่านยังคงถูกเยาะเย้ยอย่างชิงชัง
มนุษย์-ผู้อ่อนแอและไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระเจ้า
พระเจ้า-ผู้ได้รับการเทิดทูนบูชาจากมนุษย์
โดยทางพิธีกรรมและเพลงสวดของพวกเขา
ทางศีลศักดิ์สิทธิ์และสายประคำ เหล่านี้คือคุกเพื่อขังตัวเอง
ท่านคือตัวตนที่ยังห่างไกลของพวกเขา เป็นเสียงร้องแสนไกล และความใฝ่หาที่ไม่มีวันบรรลุ
แต่อาจารย์ของข้า ผู้เป็นดวงใจของท้องฟ้า อัศวินแห่งความฝันอันอ่อนหวาน
ท่านยังทอด้ายแห่งวันเวลาต่อไป
ทั้งการโค้งคารวะและหอกดาบไม่อาจหยุดยั้งท่านไว้
ท่านฝ่าพายุศรของเราไป
แล้วหันมายิ้มแย้มแก่พวกเรา
ท่านคือผู้อ่อนเยาว์ที่สุดในหมู่เรา
ขณะเดียวกันก็เป็นบิดาของทุกคน
ยอดกวี นักขับเพลง และหัวใจที่ยิ่งใหญ่
ขอพระเจ้าได้ประทานพรแด่นามของท่าน
ครรภ์ที่ให้กำเนิดท่าน และเต้านมที่บำรุงเลี้ยงท่าน
และขอพระเจ้าได้โปรดอภัยให้พวกเราด้วย
บุรุษแห่งเลบานอน ในอีกสิบเก้าศตวรรษต่อมา
นิโคเดมัส ผู้เป็นกวี และมีอายุน้อยที่สุดในหมู่สภาสงฆ์
โยแซฟชาวบ้านอาริมาเทีย ในอีกสิบปีต่อมา
- เจฟาธาแห่งเซซีเลีย
- มานัสเสห์ หมอความแห่งเยรูซาเลม
- นางฮันนาห์แห่งเบธไซดา
- โจนาธาน
- ซัคเคียส
- โจเธม ชาวนาซาเร็ธ กับเพื่อนชาวโรมัน
- ฟูมิยาห์ หัวหน้าภิกษุณีแห่งไซดอน กับเพื่อนภิกษุณี
- บาร์คา พ่อค้าแห่งไทระ
- เอฟราอิม แห่งเยริโค
- เบนจามิน ธรรมาจารย์
- อันนา มารดาของมารี
- มารี มักดาเลน
- จอจิอุสแห่งเบรุต
- ยอห์น บุตรเศเบดี
- เอลมาดาม นักตรรกวิทยา
- บุรุษผู้มาจากทะเลทราย
- โยแซฟชาวบ้านอาริมาเทีย ในอีกสิบปีต่อมา
- บุรุษแห่งเลบานอน ในอีกสิบเก้าศตวรรษต่อมา
- นิโคเดมัส ผู้เป็นกวี และมีอายุน้อยที่สุดในหมู่สภาสงฆ์
- อูรียาห์ พ่อแก่แห่งนาซาเร็ธ
- นักปราชญ์ท่านหนึ่ง
- มาลาคีแห่งบาบิโลน คนดูดาว
- ยูดาส ญาติของพระเยซู
- แม่ม่ายในกาลิลี
- เลวี ลูกศิษย์คนหนึ่ง
- รูมานุส กวีชาวกรีก
- หนึ่งในบรรดาหญิงชื่อ มารี
- โทมัส
- นาอามานแห่งเกซารา สหายของสเตเฟน
- เคลโอปัส แห่งเบธรูนี
- ราเชล ศิษย์หญิงนางหนึ่ง
- ซาโลเม กับเพื่อนหญิงของนาง
- ซาบา แห่งอันติโอก
- นาธานาเอล
- โยเซฟ ชาวบ้านอาริมาเทีย
- ยอห์น บัปติสตา กับศิษย์คนหนึ่ง
- คนเลี้ยงแกะ แห่งพื้นราบตอนใต้ของเลบานอน
- มารี มักดาเลน
- เจมส์ บุตรเศเบดี
- เลวีผู้ร่ำรวย เพื่อนบ้านที่นาซาเร็ธ
- พระหนุ่ม แห่งคาเปอร์นาอุม
- คายาฟาส มหาปุโรหิต
- มัธทิว
- ลูกา
- ดาวิด หนึ่งในผู้ติดตามของเขา
- ปราชญ์เปอร์เซีย แห่งดามัสกัส
- ราฟกา เจ้าสาวแห่งเมืองคานา
- โยฮันนา ภรรยาของคนเก็บภาษีในสังกัดเฮโรด
- ฟิเลโมน หมอยาชาวกรีก
- ซีมอน ที่เรียกกันว่าเปโตร
- แอสเสฟห์ (ที่เรียกกันว่า นักพูดแห่งไทระ)