พระ เยซูรังเกียจและขยะแขยงพวกหน้าซื่อใจคด อารมณ์พลุ่งพล่านของเขาประดังใส่ราวจะโบยตีพวกมัน เสียงของเขาราวพายุซัดเข้าหูพวกมัน เขาขู่พวกมันจนหัวหดกันหมด
แต่ในความกลัวที่มีต่อเขานี้ พวกมันกำลังหาทางฆ่าเขา เหมือนตัวตุ่นขุดดินที่ทำงานอยู่ใต้เท้า แต่เขาก็ไม่เคยตกลงในกับดักของพวกมันสักครั้ง
เขาหัวเราะใส่พวกมัน เพราะเขาทราบดีว่า วิญญาณที่แท้ จะไม่ถูกเยาะเย้ยไยไพ และไม่ตกในกับดัก
เขาถือกระจกไว้ในมือ ในนั้นเขามองเห็นพวกสันหลังยาว คนอ่อนแอ และคนเมา นอนเรี่ยราดอยู่ริมทางขึ้นสู่ยอดเขา
มองแล้วให้เกิดความสงสาร เขาจึงแบกคนพวกนั้นขึ้นบ่า และแบกแอกของพวกเขาไปด้วย ไม่สิ พูดให้ถูกคือ เขาแบกความอ่อนแอของพวกนั้นด้วยกำลังของเขาคนเดียวเท่านั้น
เขาไม่กล่าวโทษคนขี้ฮก หัวขโมย หรือฆาตกร แต่เขากล่าวโทษพวกหน้าซื่อใจคดที่ยังใส่หน้ากากและสวมถุงมือ
บ่อยครั้ง ข้ารู้สึกสงสารพวกคนสิ้นหวังจากแผ่นดินรกร้าง ที่ต้องการเข้าสู่สถานสักการโอ่อ่าน่าเคารพ แต่พวกหน้าซื่อใจคดกลับปกปิดและบิดเบือนมันเสีย
วันหนึ่งเรากำลังพักผ่อนกับเขาอยู่ในสวนทับทิม ข้าบอกกับเขา “อาจารย์ ท่านยกโทษและปลอบโยนคนบาป ผู้อ่อนแอ ผู้ทุพพลภาพ และปล่อยให้พวกหน้าซื่อใจคดต้องอยู่ตามลำพัง”
เขากล่าว “เธอพูดถูก เมื่อฉันเรียกคนบาปที่อ่อนแอและทุพพลภาพ ฉันก็ได้ยกโทษพวกเขาทั้งกายและใจ เพราะสิ่งบกพร่องที่เกิดแก่เขานี้ หาใช่เพราะเขาเลว แต่เพราะปู่ย่าตายายและเพื่อนพี่น้องที่เห็นแก่ตัวของเขาตะหาก
“แต่ฉันจะไม่ทนกับไอ้พวกหน้าซื่อใจคด พวกมันวางแอกบนบ่าของชาวบ้านที่ไม่รู้ประสีประสาให้ทนแบกไป
“คนอ่อนแอ ฉันเรียกคนบาปเช่นนี้ พวกเขาเหมือนนกหนุ่มยังไม่ผลัดขนที่ตกลงจากรวงรัง และไอ้พวกหน้าซื่อใจคดก็เป็นแร้งกาที่คอนตัวบนก้อนหิน คอยแต่จดจ้องมองหาเหยื่อ
“คนอ่อนแอทั้งหลายหลงทางไปในทะเลทราย แต่พวกหน้าซื่อใจคดไม่เคยหลง มันรู้หนทางเป็นอย่างดี และยังยืนหัวเราะอยู่ระหว่างเนินทรายและสายลม
“และเพราะเหตุนี้แหละ ฉันจึงไม่ยอมรับพวกมัน”
ตอนที่อาจารย์กล่าวนั้น ข้ายังไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว
อย่างไรก็ดี พวกหน้าซื่อใจคดก็บีบเขาในกำมือ พวกมันตัดสินเขา โดยเห็นพ้องต้องกันว่า เขาสมควรตาย พวกมันอ้างกฎของโมเสสในสภาสงฆ์ พร้อมทั้งสร้างหลักฐานและพยานเท็จมัดตัวเขา
ทั้งที่พวกมันแอบฝ่าฝืนกฎในตอนเช้า และฝ่าฝืนอีกครั้งหลังตะวันตกดิน มันกลับใช้กฎนี้เองทำให้เขาต้องตกตายไป
ลูกา
ดาวิด หนึ่งในผู้ติดตามของเขา
มัธทิว
- เจฟาธาแห่งเซซีเลีย
- มานัสเสห์ หมอความแห่งเยรูซาเลม
- นางฮันนาห์แห่งเบธไซดา
- โจนาธาน
- ซัคเคียส
- โจเธม ชาวนาซาเร็ธ กับเพื่อนชาวโรมัน
- ฟูมิยาห์ หัวหน้าภิกษุณีแห่งไซดอน กับเพื่อนภิกษุณี
- บาร์คา พ่อค้าแห่งไทระ
- เอฟราอิม แห่งเยริโค
- เบนจามิน ธรรมาจารย์
- อันนา มารดาของมารี
- มารี มักดาเลน
- จอจิอุสแห่งเบรุต
- ยอห์น บุตรเศเบดี
- เอลมาดาม นักตรรกวิทยา
- บุรุษผู้มาจากทะเลทราย
- โยแซฟชาวบ้านอาริมาเทีย ในอีกสิบปีต่อมา
- บุรุษแห่งเลบานอน ในอีกสิบเก้าศตวรรษต่อมา
- นิโคเดมัส ผู้เป็นกวี และมีอายุน้อยที่สุดในหมู่สภาสงฆ์
- อูรียาห์ พ่อแก่แห่งนาซาเร็ธ
- นักปราชญ์ท่านหนึ่ง
- มาลาคีแห่งบาบิโลน คนดูดาว
- ยูดาส ญาติของพระเยซู
- แม่ม่ายในกาลิลี
- เลวี ลูกศิษย์คนหนึ่ง
- รูมานุส กวีชาวกรีก
- หนึ่งในบรรดาหญิงชื่อ มารี
- โทมัส
- นาอามานแห่งเกซารา สหายของสเตเฟน
- เคลโอปัส แห่งเบธรูนี
- ราเชล ศิษย์หญิงนางหนึ่ง
- ซาโลเม กับเพื่อนหญิงของนาง
- ซาบา แห่งอันติโอก
- นาธานาเอล
- โยเซฟ ชาวบ้านอาริมาเทีย
- ยอห์น บัปติสตา กับศิษย์คนหนึ่ง
- คนเลี้ยงแกะ แห่งพื้นราบตอนใต้ของเลบานอน
- มารี มักดาเลน
- เจมส์ บุตรเศเบดี
- เลวีผู้ร่ำรวย เพื่อนบ้านที่นาซาเร็ธ
- พระหนุ่ม แห่งคาเปอร์นาอุม
- คายาฟาส มหาปุโรหิต
- มัธทิว
- ลูกา
- ดาวิด หนึ่งในผู้ติดตามของเขา
- ปราชญ์เปอร์เซีย แห่งดามัสกัส
- ราฟกา เจ้าสาวแห่งเมืองคานา
- โยฮันนา ภรรยาของคนเก็บภาษีในสังกัดเฮโรด
- ฟิเลโมน หมอยาชาวกรีก
- ซีมอน ที่เรียกกันว่าเปโตร
- แอสเสฟห์ (ที่เรียกกันว่า นักพูดแห่งไทระ)