Skip to main content

book

บุ ต ร แ ห่ ง ม นุ ษ ย์

คาลิล ยิบราน
แปลโดย มักดาเลนา

line mass
ใ น ส า ย ต า ข อ ง

ยอห์น บุตรเศเบดี

ท่าน อาจจะงงอยู่บ้างที่บางคนในพวกเราเรียกพระเยซูว่า พระคริสต์ บ้างก็ว่าเป็น พระวจนาตถ์ บางคน เรียก หนุ่มนาซาเร็ธ บ้างก็เรียก บุตรมนุษย์ 

          ข้าจะพยายามทำความเข้าใจกับชื่อเหล่านี้ให้กระจ่างขึ้น

          พระคริสต์ คือผู้ที่ดำรงชนม์มาแต่อดีตกาล พระองค์เป็นเปลวไฟของพระเจ้าที่ประทับอยู่ในจิตวิญญาณของมนุษย์ พระองค์คือลมฆานแห่งชีวิตซึ่งดำเนินมาเยี่ยมเยียนเรา และกระทำตนเหมือนกับพวกเรา

          พระองค์คือน้ำพระทัยของพระเจ้า

          พระองค์คือวาจาแรก ซึ่งเปล่งออกมาโดยเสียงของเรา แล้วเข้าไปประทับตรึงในหูของเรา  เราจะเอาใจใส่และเข้าใจในวาจานี้

          พระวาจาของพระเจ้าได้สร้างเรือนแห่งเลือดเนื้อและไขกระดูก ซึ่งเป็นมนุษย์แบบเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละ

       แต่เราย่อมไม่อาจได้ยินบทเพลงของสายลมที่ไม่มีตัวตน  อีกทั้งไม่อาจเห็นตัวตนที่แท้จริงของเรา  ซึ่งดุ่มเดินอยู่กลางสายหมอก

          หลายครั้งหลายคราที่พระองค์ดำเนินมายังโลก พระองค์ย่ำเดินไปหลายดินแดน และหลายครั้งพระองค์ก็เป็นเช่นคนแปลกหน้าและคนบ้าในสายตาของเรา

          วาจาที่พระองค์เปล่งออกมานั้นยังคงว่างเปล่า เพราะความทรงจำของมนุษย์มักเก็บงำแต่เรื่องที่ใจเขาไม่สำมะหานำพาเท่านั้น

          และนั่นคือ พระคริสต์ ผู้สถิตอยู่ภายในและอยู่สูงสุด ผู้เดินไปสู่ความเป็นนิรันดร์พร้อมกับมนุษย์

          ท่านไม่เคยได้ยินเรื่องของพระองค์ตามหว่างทางไปสู่อินเดียบ้างหรือ? แล้วในดินแดนแห่งปราชญ์บูรพา หรือบนเนินทรายในอียิปต์ล่ะ?

          ณ.ที่นี้ ในแถบชนบททางเหนือ มีเพลงกวีเก่าแก่ของโพมีเธ-อุส ผู้ขโมยไฟมาเติมเต็มความหวังของมนุษย์ เหมือนดังจะมาปลดปล่อยคนคุกให้เป็นอิสระ ยังมีเพลงของออร์ฟีอุส ผู้มาพร้อมกับเพลงไพเราะและพิณที่เคยแต่ปลุกเร้าวิญญาณของคนและส่ำสัตว์

          ท่านยังไม่รู้จักราชาแห่งมิธรา ประกาศกแห่งโสโรเอส-เตอร์และเปอร์เซีย ผู้ตื่นขึ้นจากหลับไหลอันยาวนาน และมาหยุดยืนอยู่ที่หัวเตียงแห่งความฝันของเราละหรือ?

          พวกเราได้กลายเป็นผู้รับเจิม เมื่อเราพบกับวิหารที่ไม่อาจมองเห็น วิหารนี้ปรากฏขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในรอบพันปี เวลานั้นท่านผู้หนึ่งจะปรากฏมา ขณะที่ท่านกำลังจะปรากฏมานั้น ความเงียบของเราจะกลับกลายเป็นเสียงเพลง

          แต่ยัง  ยังก่อน หูของเรายังไม่ได้ยินอะไร และตาของเราจะยังไม่เห็นอะไร

          พระเยซูแห่งนาซาเร็ธเกิดและโตมาเหมือนพวกเรา แม่และพ่อของเขาก็เหมือนแม่และพ่อของเรา เขาเป็นแต่มนุษย์คนหนึ่ง

          แต่พระคริสต์ องค์วจนาตถ์นั้น ถือกำเนิดมาแต่เริ่มต้น พระวิญญาณผู้ให้ชีวิตแก่เราอย่างเต็มเปี่ยมได้กลายมาเป็นชายคนนี้ และเข้ามาประทับในตัวเขา

          พระจิต คือกวีประจำราชสำนักของพระเจ้า และพระเยซู คือมือพิณ

          พระจิตเป็นเนื้อร้อง พระเยซูเป็นทำนอง

          พระเยซู หนุ่มนาซาเร็ธกลายเป็นเจ้าบ้านและปากเสียงของพระคริสต์ เป็นผู้เดินไปพร้อมกับเราภายใต้ดวงอาทิตย์ และเรียกเราว่า เพื่อน

          ในวันเวลาเหล่านั้น เนินเขาแห่งกาลิลี และหมู่บ้านของนางไม่เคยสดับต่อเสียงอื่นใดนอกจากเสียงของเขา เวลานั้นข้ายังเยาว์นัก ข้าตามเขาไป ด้วยการเหยียบย่ำตามรอยเท้าของเขา

          ข้าประทับรอยเท้าบนรอยเท้าเดิมของเขา ก็เพื่อจะฟังดำรัสของพระคริสต์ที่ตรัสผ่านทางปากของพระเยซูแห่ง นาซาเร็ธคนนี้

          เดี๋ยวนี้ข้ารู้แล้วล่ะว่า เหตุใดบางคนจึงเรียกเขาว่า บุตรแห่งมนุษย์

          เพราะตัวเขาเองก็ปรารถนาให้คนอื่นเรียกเขาเช่นนั้น เขายังรู้หิวรู้กระหายเหมือนคนทั่วไป เขาเห็นว่า ผู้คนยังไขว่คว้าต้องการตัวตนที่แท้ในตัวเขาอยู่

          บุตรแห่งมนุษย์คือพระคริสต์ผู้ประเสริฐ ซึ่งสถิตกับพวกเราเสมอ

          พระองค์ คือ เยซูชาวนาซาเร็ธ ผู้นำบรรดาพี่น้องไปสู่ผู้ที่ได้รับการเจิม ไปสู่พระวจนาตถ์ ซึ่งดำรงอยู่กับพระเจ้ามาแต่เริ่มต้น

          ในใจข้ามีแต่เรื่องพระเยซูชาวกาลิลี บุรุษเหนือบุรุษทั้งหลาย เขาเป็นกวีผู้รจนาบทกลอนให้กับพวกเรา เขาเป็นพระวิญญาณ ผู้มาเคาะประตู ปลุกเราให้ตื่นขึ้น เพื่อลุกเดินออกมาพบกับความจริงที่เปลือยเปล่า และไม่มีสิ่งใดมาบดบังสายตาของเราได้อีกต่อไป

ยอห์น บุตรเศเบดี

มัธทิว

พระหนุ่ม แห่งคาเปอร์นาอุม

book

jesus man

book