Skip to main content

book

บุ ต ร แ ห่ ง ม นุ ษ ย์

คาลิล ยิบราน
แปลโดย มักดาเลนา

line mass
ใ น ส า ย ต า ข อ ง

รูมานุส กวีชาวกรีก

เขาคือกวี เขามองแทนตาและฟังแทนหูของเรา คำ กล่าวอันเงียบงำอยู่บนริมฝีปากของเขา นิ้วของเขาสัมผัสกับสิ่งที่เราไม่อาจรู้สึกได้

     จากส่วนลึกในใจของเขา มีนกร้องเพลงบินไปทั้งทางเหนือและใต้ ดอกไม้น้อยริมเนินนอนให้เขาเหยียบเดินขึ้นไปยังฟากฟ้า

          หลายครามาแล้วที่ข้าเห็นเขาก้มลงแตะที่ใบหญ้า ใจข้าได้ยินเขากล่าว “หญ้าน้อยใบเขียวเอ๋ย เธอจะอยู่พร้อมกับฉันในพระอาณาจักร เหมือนไม้โอ๊กแห่งบีซาน และสนซีดาร์แห่งเลบา-นอน”

          เขาหลงรักใคร่ในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะแก้มแดงของเด็กน้อย หรือกำยานและมดยอบจากเมืองใต้

          เขารักผลทับทิมและถ้วยเหล้าที่คนหยิบยื่นให้ โดยไม่ใส่ใจว่า เป็นของคนแปลกหน้าในโรงเตี๊ยมหรือเจ้าภาพผู้ร่ำรวย

          เขาหลงรักพุ่มอามันด์ด้วย     ข้าเคยเห็นเขาถือช่ออามันด์ไว้ในมือ บนใบหน้าพราวด้วยกลีบดอกไม้ ดังว่าเขาได้มอบความรักให้กับต้นไม้ทุกต้นในโลกแล้วกระนั้น

          เขารู้จักทะเลและท้องฟ้า เขาพูดถึงไข่มุกที่ส่งแสงเป็นประกายพิลาส และดวงดาวพราวฟ้าในค่ำคืนของเรา

          เขารู้จักภูเขาพอ ๆ กับที่นกอินทรีรู้จัก และชอบพอกับหุบเขาเท่า ๆ กับที่ธารน้ำชอบพอ มีทะเลทรายอยู่แห่งหนึ่งในความเงียบของเขา และมีสวนดอกไม้อีกแห่งในคำพูดของเขา

          ใช่แล้ว เขาคือกวี ผู้มีดวงใจพำนักอยู่ในซุ้มดอกไม้บนเขาสูง เพลงของเขายังร่ำร้องเพื่อประสาทโสตของเราและของทุกคน ร่ำร้องให้แก่ผู้มาจากดินแดนที่ชีวิตคือความหนุ่มแน่น นิรันดร และมีกาลเวลาเป็นยามเช้าอยู่เสมอ

          ครั้งหนึ่งข้าเคยสำคัญตนว่าเป็นกวี แต่เมื่อข้ามาพบเขาที่บ้านเบธานี ข้าจึงทราบว่าข้าถือเครื่องสายเพียงชิ้นเดียวต่อหน้าวาทยากรผู้คุมเครื่องดนตรีทั้งวง น้ำเสียงของเขามีเสียงหัวร่อของพายุ มีน้ำตาของสายฝน และต้นไม้กำลังเต้นไหวเบิกบานเมื่อต้องลม

                นับแต่นั้น ข้าจึงทราบว่าพิณของข้าขึ้นสายเพียงเส้นเดียว และเสียงของข้าไม่ได้ถักทอความทรงจำของวันวานหรือความหวังของพรุ่งนี้แต่อย่างใดเลย ข้าเพียงนั่งถือพิณ และนิ่งงันอยู่เช่นนั้น จวบจนยามสายัณห์มาเยือน ข้าจึงจะได้ฟังร่ายไพเราะของกวี--ผู้เป็นจ้าวแห่งกวีทั้งหลาย               

รูมานุส กวีชาวกรีก

หนึ่งในบรรดาหญิงชื่อ มารี

เลวี ลูกศิษย์คนหนึ่ง

book

jesus man

book